นักธรรมช้ันตรี วิชาวินัยมุข จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 1
กัณท่ี ๑ วธิ ีการอุปสมบท จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 2
ทรงอนุญาตให้บวชเป็ นภกิ ษุโดย ๓ วธิ ี ในพุทธศาสนา พระศาสดาทรงอนุญาตให้บวชเป็ นภิกษุโดย ๓ วิธี คือ ๑. เอหิภิกขอุ ปุ สมั ปทา แปลว่า อปุ สมบทด้วยทรงอนญุ าตให้เป็น ภิกษุมา วิธีนีท้ รงทําเอง. ๒. ติสรณคมนุปสมั ปทา แปลว่า อปุ สมบทด้วยถึง ๓ สรณะวิธีนีท้ รง อนุญาตให้สาวกทํา. ๓. ญัตติจตตุ ถกมั มอปุ สมั ปทา แปลว่า อปุ สมบทด้วยกรรมวาจาท่ี ๔ ทงั้ ญตั ติ วิธีนีท้ รงให้สงฆ์ทํา. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 3
การบวชในพระพุทธศาสนามี ๒ อย่าง คือ ๑. การบวชเป็นสามเณร เรียก บรรพชา. ๒. การบวชเป็นภิกษุ เรียก อปุ สมบท. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 4
สมบตั ขิ องการอุปสมบท สมบัติของการอุปสมบทอุต้องถึงพร้อมด้วยสบัติ ๕ คือ ๑. วตั ถสุ มบตั ิ. ๒. ปริสสมบตั ิ. ๓. สีมาสมบตั ิ. ๔. บุรพกิจ (สมบตั ิ) ๕. กรรมวาจาสมบตั ิ. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 5
วัตถุสมบตั ิ วัตถุสมบัติ ในท่ีนีว้ ัตถุหมายถึงตัวผู้อปสมบทน่ันเอง ๑. ต้องเป็นมนษุ ย์ผ้ชู าย. ๒. มีอายคุ รบ ๒๐ ปี. ๓. ไม่เป็นมนษุ ย์วิบตั ิ คือถกู ตอนเป็นต้น. ๔. ไม่เป็นคนทําผิดอย่างร้ายแรง เช่นฆ่ามารดาหรือบิดาเป็นต้น. ๕. ไม่เคยเป็นคนทําความเสียหายร้ายแรงในพระพทุ ธศาสนา เช่น ต้อง ปาราชิก. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 6
ปริสสมบตั ิ ปริสสมบตั ิ คือ สมบรู ณ์ด้วยบริษัท หมายความว่า ต้องมีภิกษุสงฆ์ เข้าองค์ประชมุ ครบกําหนด ในมชั ฌิมชนบท ๑๐ รูปขึน้ ไป ในปัจจนั ตชนบท ๕ รูปขึน้ ไป. (ในประเทศไทย ๑๐ รูปขึน้ ไป)ษาในเรื่องยทุ ธวิธี จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 7
สีมาสมบตั ิ สีมาสมบตั ิ สมบรู ณ์โดยสีมา คือภิกษุอย่ใู นสีมาเดียวกนั ต้องเข้า ประชุมหมด หากมีเหตขุ ดั ข้องต้องมอบฉนั ทะสีมา ๒ ชนิด ๑. พทั ธสีมา เขต ท่ีสงฆ์สมมติไว้ทําสงั ฆกรรม ๒. อพทั ธสีมา เขตนอกเหนือจากท่ีสมมติวดั ท่ี ยงั ไม่ได้ผกู พทั สีมา. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 8
บุรพกจิ ๑. ต้องมีผ้รู ับรอง คือพระอปุ ัชฌายะ ๒. ต้องมีบริขารท่ีจําเป็น คือ บาตร สงั ฆาฏิ อตุ ราสงค์อนั ตรวาสก (รัดประคต องั สะ ผ้ารัดอก) ๓. ซกั ถามอนั ตรายิกธรรม. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 9
กรรมวาจาสมบตั ิ กรรมวาจาสมบตั ิ คือ การสวดประกาศในท่ามกลางสงฆ์ โดยออก ชื่อผ้อู ปุ สมบท ออกชื่ออปุ ัชฌาย์ด้วย และสวดให้ถกู ต้องชดั เจนตามลาํ ดบั ด้วยญตั ติจตตุ ถกมั มวาจา. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 10
กัณฑ์ท่ี ๒ พระวนิ ัย จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 11
พระวนิ ัย หมายถึง กฎหมายและขนบธรรมเนียม สาํ หรับป้องกนั ความ เสียหายและชกั จงู ให้ภิกษุประพฤติดีงาม เรียกว่า พระวินยั จดั เป็นส่วนหนึ่ง ของ พระไตรปิฎก (พระวินยั ปิฎก, พระสตุ ตนั ตปิฎก, พระอภิธรรมปิฎก). พระวินัยนัน้ แบ่งเป็ น ๒ ส่วน คือ ๑. พระพุทธบัญญัติ ข้อท่ีทรงตงั้ ไว้เป็นบทบงั คบั ภิกษุ เพ่ือป้องกนั ความ เสียหาย และวางโทษแก่ผ้ลู ว่ งละเมิด โดยปรับอาบตั ิหนกั บ้างเบาบ้าง อย่าง เดียวกบั พระราชบญั ญตั ิ. ๒. อภิสมาจาร ข้อท่ีทรงแต่งตงั้ ไว้ เป็นขนบธรรมเนียม เพ่ือชกั นําความ ประพฤติของภิกษุให้ดีงาม เหมือนอย่างขนบธรรมเนียมของสกลุ . จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 12
การบญั ญัตพิ ระวนิ ัย การบญั ญตั ิพระวินยั นนั้ ไม่ได้ทรงบญั ญตั ิไว้ล่วงหน้า ต่อเมื่อเกิด ความเสียหาย เพราะการกระทําอย่างใดอย่างหน่ึงของภิกษุรูปใดรูปหน่ึงแล้ว จึงทรงบญั ญัติห้ามเป็นข้อ ๆ ไป. เฉพาะข้อหน่ึง ๆ ยงั แบ่งการบญั ญัติ ออกเป็น ๒ วาระก็มี ๑. มูลบัญญัติ ข้อท่ีทรงบญั ญตั ิไว้เดิม. ๒. อนุบัญญัติ ข้อท่ีทรงบญั ญัติเพ่ิมเติมทีหลงั . รวมมลู บญั ญตั ิและอนบุ ญั ญตั ิเข้าด้วยกนั เรียกว่า สิกขาบท (ข้อที่ ต้องศึกษา). สิกขาบทข้อหน่ึง ๆ มีหลายอนบุ ญั ญัติก็มี เหมือนกบั มาตราทาง พระราชบญั ญัติ. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 13
อาบตั ิ พระพทุ ธแเจป้าลหว้า่ามคหวราือมไตด้อ้แงกก่กาิรริยไาดท้แี่ลก่ว่โงทลษะทเม่ีเกิดิดพเรพะรราาะชคบวญั ามญลัตะิ เมมีโิดทใษนเขห้อนทือ่ี ตนอยู่ โทษ อาบตั ินนั้ ว่าโดยโทษมี ๓ สถาน คือ ๑. อย่างหนกั ขาดจากภิกษุ. ๒. อย่างกลาง ต้องอย่กู รรมจึงพ้น. ๓. อย่างเบา ต้องประจานตนต่อภิกษุด้วยกนั จึงพ้นได้. อีกอย่างหนึ่งมี ๒ สถาน คือ ๑. อเตกิจฉา แก้ไขไม่ได้. ๒. สเตกิจฉา แก้ไขได้. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 14
ช่ืออาบตั ิ อาบัตินั้นว่าโดยช่ือ มี ๗ อย่าง คือ ๑. ปาราชิก. ๒. สงั ฆาทิเสส. ๓. ถลุ ลจั จยั . ๔. ปาจิตตีย์ (นิสสคั คิยปาจิตตีย์ ๑ สทุ ธิกปาจิตตีย์ ๑). ๕. ปาฏิเทสนียะ. ๖. ทกุ กฎ. ๗. ทุพภาสิต. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 15
ครุกาบตั -ิ ลหกุ าบตั ิ คือ อาบตั ิหนกั แบ่งเป็น ๒ พวก คือ ๑. หนกั แก้ไม่ได้ คือ ปาราชิก เรียก อเตกิจฉา. ๒. หนกั แก้ได้ คือ สงั ฆาทิเสส เรียก สเตกิจฉา ลหกุ าบตั ิ คือ อาบตั ิเบา คือ ถลุ ลจั จยั ถึงทพุ ภาสิต. สมุฏฐาน คือทางเกิดอาบตั ิโดยตรง มี ๔ ทาง คือ ๑. ทางกาย เช่น ปาจิตตีย์ เพราะดื่มนํา้ เมา. ๒. ทางวาจา เช่น ปาจิตตีย์ เพราะสอนธรรมแก่อนสุ มั บนั ให้ว่าพร้อมกนั . ๓. ทางกายกับจิต เช่น ปาราชิก เพราะทําโจรกรรมเอง. ๔. ทางวาจากบั จิต เช่น ปาราชิก เพราะสง่ั ให้ทําโจรกรรม. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 16
สจติ ตกะ-อจติ ตกะ อาบตั ิทงั้ หมดนนั้ เพ่งเอาเจตนาเป็นท่ีตงั้ แบ่งออกเป็น ๒ พวก คือ ๑. สจิตตกะ เกิดขึน้ โดยสมฏุ ฐานที่มีเจตนา. ๒. อจิตตกะ เกิดขึน้ โดยสมฏุ ฐานท่ีไม่มีเจตนา. ทางกําหนดรู้อาบตั ิท่ีเป็นสจิตตกะ หรือ อจิตตกะ นนั้ อย่ทู ่ีรูปความ และโวหาร (คาํ พดู ) ในสิกขาบทนนั้ ๆ นน่ั เอง โลกวัชชะ-ปัณณัตตวิ ัชชะ อนึ่ง อาบตั ินนั้ เป็นโทษเสียหายได้อีก ๒ ทาง คือ ๑. โลกวชั ชะ เป็นโทษทางโลก เช่น การฆ่ากนั ทบุ ตี ขโมย. ๒. ปัณณตั ติวชั ชะ เป็นโทษทางพระบญั ญตั ิ เช่น ขดุ ดิน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 17
อาการท่ตี ้องอาบตั ิ ๖ อย่าง ๑. ต้องด้วยไม่ละอาย (แล้วขืนทํา) ๒. ต้องด้วยไม่รู้ -\"- ๓. ต้องด้วยสงสยั -\"- ๔. ต้องด้วยสาํ คญั ว่าควรในของท่ีไม่ควร (แล้วขืนทํา) ๕. ต้องด้วยสาํ คญั ว่าไม่ควรในของท่ีควร -\"- ๖. ต้องด้วยลืมสติ -\"- อานิสงส์พระวินัย พระวินยั นนั้ ภิกษุรักษาโดยถูกทางย่อมได้อานิสงส์ (ผลดี) คือความไม่ต้อง งศเตดาีลรือมงกดก็อไนัรมง้อขอ่ตน้าา้อใมจงจกถเไบัรมกู ียทจ่สก่ีบกัะวลทก่า่าุมกววสลิปแะงลฏโท้ทวิส้า.ษานรฝห*่ ารยยือ่อภตมิกิเตไษดียุป้คนรวมะาีแพมตฤแ่จตชะิไ่มไมชด่ถ่ืน้รกู ับเบทกิกาางบรสายนร่อรเหเพสยรร่อาิญนะรทจู้สาะกึงเววขิน่า้าตยัหนมยป่ภู่อริกมะษจพุะผฤ้ไทู ตดริด้ผงีล จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 18
ผลท่มี ุ่งหมายแห่งพระวนิ ัย ๘ อย่าง ๑. เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ให้เป็นคนเหีย้ มโหด เช่น ห้ามฆ่ามนษุ ย์. ๒. \" \" ความลวงโลกเลีย้ งชีพ เช่น ห้ามอวดอตุ ตริ ฯ ๓. \" \" ความดรุ ้าย เช่นห้ามด่ากนั ตีกนั . ๔. \" \" ความประพฤติเลวทราม เช่น ห้ามพดู ปด. ๕. \" \" ความประพฤติเสียหาย เช่น ห้ามแอบฟังความ. ๖. \" \" ความเล่นซุกซน เช่น ห้าไม่ให้เล่นจีก้ นั . ๗. ทรงบญั ญตั ิตามความนิยมของคนครัง้ นนั้ เช่น ห้ามมิให้ขดุ ดิน. ๘. \" \" โดยเป็นธรรมเนียมของภิกษุ เช่น ห้ามฉนั อาหารในวิกาล. * วิปฏิสาร คือ ความเดือดร้อน หมายถึงความร้อนใจหลงั จากการปฏิบตั ิผิด จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 19
กัณฑ์ท่ี ๓ สิกขาบท จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 20
โทษโดยตรงและโดยอ้อม โทษโดยตรง ๔ คือ ๑. ปาราชิก. ๒. สงั ฆาทิเสส. ๓. ปาจิตตีย์. ๔. ปาฏิเทสนียะ. โดยอ้อมอีก ๓ คือ ๑. ถลุ ลจั จยั . ๒. ทกุ กฏ. ๓. ทพุ ภาสิต. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 21
อุทเทส ๙ ๑. นิทานทุ เทส วิธีอนั ภิกษุผ้ฟู ังพระปาติโมกข์ควรปฏิบตั ิก่อนสวดสิกขาบท ๒. ปาราชิกทุ เทส สิกขาบทพวก ปาราชิก ๔ ข้อ. ๓. สงั ฆาทิเสสทุ เทส \" สงั ฆาทิเสส ๑๓ ข้อ. ๔. อนิยตทุ เทส \" อนิยต ๒ ข้อ. ๕. นิสสคั คิยททุ เทส \" นิสสคั คิยปาจิตตีย์ ๓๐ ข้อ. ๖. ปาจิตติยทุ เทส \" สทุ ธิกปาจิตตีย์ ๙๒ ข้อ. ๗. ปาฏิเทสนิยทุ เทส. \" ปาฏิเทสนียะ ๔ ข้อ. ๘. เสขิยทุ เทส \" เสขิยวตั ร ๗๕ ข้อ. ๙. อธิกรณสมถทุ เทส \" อธิกรณสมถะ ๗ ข้อ. จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 22
อนุศาสน์ ๘ อย่าง นิสสัย ๔ อกรณียกจิ ๔ ปัจจยั เคร่ืองอาศยั ของบรรพชิต เรียกนิสสยั มี ๔ อย่าง คือ เท่ียวบณิ ฑบาต ๑ นุ่งห่มผ้าบังสุกุล ๑ อยู่โคนไม้ ๑ ฉันยาดองด้วยนํา้ มูตรเน่า ๑ กิจท่ีไม่ควรทํา เรียกอกรณียกิจ มี ๔ อย่าง คือ เสพเมถุน ๑ ลักของเขา ๑ ฆ่าสัตว์ ๑ พูดอวดคุณพเิ ศษท่ีไม่มีในตน ๑ สิกขาของภกิ ษุมี ๓ อย่าง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ความสํารวมกายวาจาให้เรียบร้อย ช่ือว่า ศีล ความรักษาใจมน่ั ชื่อว่าสมาธิ ความรอบรู้ในกองสงั ขาร ช่ือว่าปัญญา จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 23
ศีล ๒๒๗ ข้อท่เี ป็ นวนิ ัยของสงฆ์ (๑) สามารถแบ่งออกได้เป็ นลําดับข้ัน ต้ังแต่ข้ันรุนแรงจนกระท่ังเบาท่ีสุด ได้ดังน้ี ได้แก่ ปาราชิก มี ๔ ข้อ สงั ฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ อนิยต มี ๒ ข้อ (อาบตั ิที่ไม่แน่ว่าจะปรับข้อไหน) นิสสคั คิยปาจิตตีย์ ๓๐ ข้อ (อาบตั ิท่ีต้องสละส่ิงของว่าด้วยเรื่องจีวร ไหมบาตร อย่างละ ๑๐ข้อ) ปาจิตตีย์ มี ๙๒ ข้อ (ว่าด้วยอาบตั ิท่ีไม่ต้องสละสิ่งของ) จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 24
ศีล ๒๒๗ ข้อท่เี ป็ นวนิ ัยของสงฆ์ (๒) ปาฏิเทสนียะ มี ๔ ข้อ (ว่าด้วยอาบตั ิท่ีพึงแสดงคืน) เสขิยะ (ข้อที่ ภิกษุพึงศึกษาเรื่องมารยาท) แบ่งเป็น สารูปมี ๒๖ ข้อ (ความเหมาะสมในการ เป็นสมณะ) โภชนปฏิสงั ยตุ ต์ มี ๓๐ ข้อ (ว่าด้วยการฉนั อาหาร) ธัมมเทสนาปฏิสงั ยตุ ต์ มี ๑๖ ข้อ (ว่าด้วยการแสดงธรรม) ปกิณสถะ มี ๓ ข้อ (เบ็ดเตล็ด) อธิกรณสมถะ มี ๗ ข้อ (ธรรมสําหรับระงบั อธิกรณ์) จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 25
ปาราชกิ มี ๔ ข้อ ๑. เสพเมถนุ แม้กบั สตั ว์เดรัจฉานตวั เมีย (ร่วมสงั วาสกบั คนหรือ สตั ว์) ๒. ถือเอาทรัพย์ท่ีเจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่ า ก็ดี (ขโมย) ๓. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน)หรือแสวงหาศาสตราอนั จะ นําไปส่คู วามตายแก่ร่างกายมนษุ ย์ ๔. กล่าวอวดอตุ ตริมนสุ สธมั ม์ อนั เป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตวั ว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี ้ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี ้(ไม่รู้ จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตวั เอง) จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 26
สังฆาทเิ สส มี ๑๓ ข้อ(๑) ๑.ปล่อยนํา้ อสจุ ิด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน ๒.เคล้าคลงึ จบั มือ จบั ช้องผม ลบู คลํา จบั ต้องอวยั วะอนั ใดก็ตาม ของสตรีเพศ ๓.พดู จาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกีย้ วพาราสี ๔.การกล่าวถึงคณุ ในการบาํ เรอตนด้วยกาม หรือถอยคาํ พาดพิง เมถนุ ๕.ทําตวั เป็นส่ือรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ ายให้กบั หญิงหรือ ชาย แม้สามีกบั ภรรยา หรือแม้แต่หญิงขายบริการ ๖.สร้างกฏุ ิด้วยการขอ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 27
สังฆาทเิ สส มี ๑๓ ข้อ(๒) ๗.สร้างวิหารใหญ่ โดยพระสงฆ์มิได้กําหนดท่ี รุกรานคนอ่ืน ๘.แกล้งใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมลู ๙.แกล้งสมมตุ ิแล้วใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมลู ๑๐.ยยุ งสงฆ์ให้แตกกนั ๑๑.เป็นพวกของผ้ทู ่ีทําสงฆ์ให้แตกกนั ๑๒.เป็นผ้วู ่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง 3 ครัง้ ๑๓. ทําตวั เป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหสั ถ์ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 28
อนิยตกัณฑ์ มี ๒ ๑. การนง่ั ในท่ีลบั ตา มีอาสนะกําบงั อย่กู บั สตรีเพศ และมีผ้มู าเห็น เป็นผ้ทู ่ีเชื่อถือได้พดู ขึน้ ด้วยธรรม ๓ ประการอนั ใดอนั หน่ึงกล่าวแก่ภิกษุนนั้ ได้แก่ ปาราชิกก็ดี สงั ฆาทิเสสก็ดี หรือปาจิตตีย์ก็ดี ภิกษุนนั้ ถือว่ามีความผิด ตามที่อบุ าสกผ้นู นั้ กล่าว ๒. ในสถานท่ีท่ีไม่เป็นท่ีลบั ตาเสียทีเดียว แต่เป็นท่ีท่ีจะพดู จาค่อน แคะสตรีเพศได้สองต่อสองกบั ภิกษุผ้เู ดียว และมีผ้มู าเห็นเป็นผ้ทู ี่เชื่อถือได้ พดู ขึน้ ด้วยธรรม 2 ประการอนั ใดอนั หน่ึงกล่าวแก่ภิกษุนนั้ ได้แก่ สงั ฆาทิเสสก็ ดี หรือปาจิตตีย์ก็ดี ภิกษุนนั้ ถือว่ามีความผิดตามที่อบุ าสกผ้นู นั้ กล่าว จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 29
นิสสัคคยิ ปาจติ ตยี ์ มี ๓๐ ข้อ (๑) ๑.เก็บจีวรท่ีเกินความจําเป็นไว้เกิน ๑๐ วนั ๒.อย่โู ดยปราศจากจีวรแม้แตค่ ืนเดียว ๓.เก็บผ้าท่ีจะทําจีวรไว้เกินกําหนด ๑ เดือน ๔.ใช้ให้ภิกษุณีซกั ผ้า ๕.รับจีวรจากมือของภิกษุณี ๖.ขอจีวรจากคฤหสั ถ์ที่ไม่ใช่ญาติ เว้นแต่จีวรหายหรือถกู ขโมย ๗.รับจีวรเกินกว่าที่ใช้น่งุ เม่ือจีวรถกู ชิงหรือหายไป ๘.พดู ทํานองขอจีวรดีๆ กว่าที่เขากําหนดจะถวายไว้แต่เดิม ๙.พดู ให้เขารวมกนั ซือ้ จีวรดีๆ มาถวาย ๑๐.ทวงจีวรจากคนท่ีรับอาสาเพ่ือซือ้ จีวรถวายเกินกว่า ๓ ครัง้ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 30
นิสสัคคยิ ปาจติ ตยี ์ มี ๓๐ ข้อ (๒) ๑๑.หล่อเคร่ืองปนู ง่ั ที่เจือด้วยไหม ๑๒.หล่อเคร่ืองปนู งั่ ด้วยขนเจียม (ขนแพะ แกะ) ดําล้วน ๑๓.ใช้ขนเจียมดาํ เกิน ๒ ส่วนใน ๔ ส่วน หล่อเครื่องปนู งั่ ๑๔.หล่อเคร่ืองปนู งั่ ใหม่ เมื่อของเดิมยงั ใช้ไม่ถึง ๖ ปี ๑๕.เม่ือหล่อเคร่ืองปนู ง่ั ใหม่ ให้เอาของเก่าเจือปนลงไปด้วย ๑๖.นําขนเจียมไปด้วยตนเองเกิน ๓ โยชน์ เว้นแต่มีผ้นู ําไปให้ ๑๗.ใช้ภิกษุณีที่ไม่ใช้ญาติทําความสะอาดขนเจียม ๑๘.รับเงินทอง ๑๙.ซือ้ ขายด้วยเงินทอง ๒๐.ซือ้ ขายโดยใช้ของแลก จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 31
นิสสัคคยิ ปาจติ ตยี ์ มี ๓๐ ข้อ (๓) ๒๑.เก็บบาตรท่ีมีใช้เกินความจําเป็นไว้เกิน ๑๐ วนั ๒๒.ขอบาตร เมื่อบาตรเป็นแผลไม่เกิน ๕ แห่ง ๒๓.เก็บเภสชั ๕ (เนยใส เนยข้น นํา้ มนั นํา้ ผึง้ นํา้ อ้อย)ไว้เกิน ๗ วนั ๒๔.แสวงและทําผ้าอาบนํา้ ฝนไว้เกินกําหนด ๑ เดือนก่อนหน้าฝน ๒๕.ให้จีวรภิกษุอ่ืนแล้วชิงคืนในภายหลงั ๒๖.ขอด้ายเอามาทอเป็นจีวร ๒๗.กําหนดให้ช่างทอทําให้ดีขนึ ้ ๒๘.เก็บผ้าจํานําพรรษา (ผ้าท่ีถวายภิกษุเพ่ืออย่พู รรษา) เกินกําหนด ๒๙.อย่ปู ่ าแล้วเก็บจีวรไว้ในบ้านเกิน ๖ คืน ๓๐.น้อมลาภสงฆ์มาเพื่อให้เขาถวายตน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 32
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๑) ๑.ห้ามพดู ปด ๒.ห้ามด่า ๓.ห้ามพดู ส่อเสียด ๔.ห้ามกลา่ วธรรมพร้อมกับผ้ไู ม่ได้บวชในขณะสอน ๕.ห้ามนอนร่วมกบั อนปุ สมั บนั (ผ้ไู ม่ใช้ภิกษุ)เกิน ๓ คืน ๖.ห้ามนอนร่วมกับผ้หู ญิง ๗.ห้ามแสดงธรรมสองต่อสองกบั ผ้หู ญิง ๘.ห้ามบอกคณุ วิเศษท่ีมีจริงแก่ผ้มู ิได้บวช ๙.ห้ามบอกอาบตั ิชว่ั หยาบของภิกษุแก่ผ้มู ิได้บวช ๑๐.ห้ามขดุ ดินหรือใช้ให้ขดุ ๑๑.ห้ามทําลายต้นไม้ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 33
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๒) ๑๒.ห้ามพดู เฉไฉเมื่อถกู สอบสวน ๑๓.ห้ามติเตียนภิกษุผ้ทู ําการสงฆ์โดยชอบ ๑๔.ห้ามทิง้ เตียงตงั่ ของสงฆ์ไว้กลางแจ้ง ๑๕.ห้ามปล่อยที่นอนไว้ ไม่เก็บงํา ๑๖.ห้ามนอนแทรกภิกษุผ้เู ข้าไปอย่กู ่อน ๑๗.ห้ามฉดุ คร่าภิกษุออกจากวิหารของสงฆ์ ๑๘.ห้ามนงั่ นอนทบั เตียงหรือตง่ั ท่ีอย่ชู นั้ บน ๑๙.ห้ามพอกหลงั คาวิหารเกิน ๓ ชนั้ ๒๐.ห้ามเอานํา้ มีสตั ว์รดหญ้าหรือดิน ๒๑.ห้ามสอนนางภิกษุณีเมื่อมิได้รับมอบหมาย ๒๒.ห้ามสอนนางภิกษุณีตงั้ แตอ่ าทิตย์ตกแล้ว จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 34
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๓) ๒๓.ห้ามไปสอนนางภิกษุณีถึงที่อยู่ ๒๔.ห้ามติเตียนภิกษุอื่นว่าสอนนางภิกษุณีเพราะเห็นแก่ลาภ ๒๕.ห้ามให้จีวรแก่ นางภิกษุณีผ้มู ิใช่ญาติ ๒๖.ห้ามเย็บจีวรให้นางภิกษุณีผ้มู ิใช่ญาติ ๒๗.ห้ามเดินทางไกลร่วมกับนางภิกษุณี ๒๘.ห้ามชวนนางภิกษุณีเดินทางเรือร่วมกนั ๒๙.ห้ามฉนั อาหารท่ีนางภิกษุณีไปแนะให้เขาถวาย ๓๐.ห้ามนง่ั ในท่ีลบั สองต่อสองกบั ภิกษุณี ๓๑.ห้ามฉันอาหารในโรงพกั เดินทางเกิน ๓ มือ้ ๓๒.ห้ามฉันอาหารรวมกล่มุ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 35
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๔) ๓๓.ห้ามรับนิมนต์แล้วไปฉันอาหารที่อื่น ๓๔.ห้ามรับบิณฑบาตเกิน ๓ บาตร ๓๕.ห้ามฉันอีกเมื่อฉันในที่นิมนต์เสร็จแล้ว ๓๖.ห้ามพดู ให้ภิกษุท่ีฉนั แล้วฉันอีกเพ่ือจบั ผิด ๓๗.ห้ามฉันอาหารในเวลาวิกาล ๓๘.ห้ามฉนั อาหารที่เก็บไว้ค้างคืน ๓๙.ห้ามขออาหารประณีตมาเพ่ือฉันเอง ๔๐.ห้ามฉันอาหารท่ีมิได้รับประเคน ๔๑.ห้ามยื่นอาหารด้วยมือให้ชีเปลือยและนกั บวชอ่ืนๆ ๔๒.ห้ามชวนภิกษุไปบิณฑบาตด้วยแล้วไล่กลบั ๔๓.ห้ามเข้าไปแทรกแซงในสกุลที่มีคน ๒ คน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 36
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๕) ๔๔.ห้ามนง่ั ในที่ลบั มีท่ีกําบงั กบั มาตคุ าม (ผ้หู ญิง) ๔๕.ห้ามนง่ั ในท่ีลบั (ห)ู สองต่อสองกบั มาตคุ าม ๔๖.ห้ามรับนิมนต์แล้วไปที่อื่นไม่บอกลา ๔๗.ห้ามขอของเกินกําหนดเวลาท่ีเขาอนญุ าตไว้ ๔๘.ห้ามไปดกู องทพั ท่ียกไป ๔๙.ห้ามพกั อย่ใู นกองทพั เกิน ๓ คืน ๕๐.ห้ามดเู ขารบกนั เป็นต้น เมื่อไปในกองทพั ๕๑.ห้ามดื่มสรุ าเมรัย ๕๒.ห้ามจีภ้ ิกษุ ๕๓.ห้ามว่ายนํา้ เลน่ ๕๔.ห้ามแสดงความไม่เอือ้ เฟื อ้ ในวินยั จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 37
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๖) ๕๕.ห้ามหลอกภิกษุให้กลวั ๕๖.ห้ามติดไฟเพื่อผิง ๕๗.ห้ามอาบนํา้ บ่อยๆเว้นแต่มีเหตุ ๕๘.ให้ทําเครื่องหมายเคร่ืองน่งุ ห่ม ๕๙.วิกปั จีวรไว้แล้ว (ทําให้เป็นสองเจ้าของ-ให้ยืมใช้) จะใช้ต้องถอนก่อน ๖๐.ห้ามเล่นซ่อนบริขารของภิกษุอื่น ๖๑.ห้ามฆ่าสตั ว์ ๖๒.ห้ามใช้นํา้ มีตวั สตั ว์ ๖๓.ห้ามรือ้ ฟื น้ อธิกรณ์(คดีความ-ข้อโต้เถียง)ท่ีชําระเป็นธรรมแล้ว ๖๔.ห้ามปกปิดอาบตั ิชว่ั หยาบของภิกษุอ่ืน ๖๕.ห้ามบวชบุคคลอายไุ ม่ถึง ๒๐ ปี จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 38
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๗) ๖๖.ห้ามชวนพ่อค้าผ้หู นีภาษีเดินทางร่วมกนั ๖๗.ห้ามชวนผ้หู ญิงเดินทางร่วมกนั ๖๘.ห้ามกล่าวต่พู ระธรรมวินยั (ภิกษุอื่นห้ามและสวดประกาศเกิน ๓ ครัง้ ) ๖๙.ห้ามคบภิกษุผ้กู ล่าวต่พู ระธรรมวินยั ๗๐.ห้ามคบสามเณรผ้กู ล่าวต่พู ระธรรมวินยั ๗๑.ห้ามพดู ไถลเมื่อทําผิดแล้ว ๗๒.ห้ามกล่าวติเตียนสิกขาบท ๗๓.ห้ามพดู แก้ตวั ว่า เพิ่งรู้ว่ามีในปาฏิโมกข์ ๗๔.ห้ ามทําร้ ายร่างกายภิกษุ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 39
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๘) ๗๕.ห้ามเงือ้ มือจะทําร้ายภิกษุ ๗๖.ห้ามโจทภิกษุด้วยอาบตั ิสงั ฆาทิเสสท่ีไม่มีมลู ๖๖.ห้ามชวนพ่อค้าผ้หู นีภาษีเดินทางร่วมกัน ๖๗.ห้ามชวนผ้หู ญิงเดินทางร่วมกนั ๖๘.ห้ามกล่าวต่พู ระธรรมวินยั (ภิกษุอื่นห้ามและสวดประกาศเกิน ๓ ครัง้ ) ๖๙.ห้ามคบภิกษุผ้กู ลา่ วต่พู ระธรรมวินยั ๗๐.ห้ามคบสามเณรผ้กู ล่าวต่พู ระธรรมวินยั ๗๑.ห้ามพดู ไถลเม่ือทําผิดแล้ว ๗๒.ห้ามกล่าวติเตียนสิกขาบท ๗๓.ห้ามพดู แก้ตวั ว่า เพ่ิงรู้ว่ามีในปาฏิโมกข์ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 40
ปาจติ ตยี ์ มี ๙๒ ข้อ (๙) ๗๔.ห้ ามทําร้ ายร่างกายภิกษุ ๗๕.ห้ามเงือ้ มือจะทําร้ายภิกษุ ๗๖.ห้ามโจทภิกษุด้วยอาบตั ิสงั ฆาทิเสสที่ไม่มีมลู ๘๘.ห้ามทําเตียง ตงั่ ท่ีห้มุ ด้วยน่นุ ๘๙.ห้ามทําผ้าปนู ง่ั มีขนาดเกินประมาณ ๙๐.ห้ามทําผ้าปิดฝีมีขนาดเกินประมาณ ๙๑.ห้ามทําผ้าอาบนํา้ ฝนมีขนาดเกินประมาณ ๙๒.ห้ามทําจีวรมีขนาดเกินประมาณ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 41
ปาฏเิ ทสนียะ มี ๔ ๑. ห้ามรับของคบเคีย้ ว ของฉันจากมือภิกษุณีมาฉัน ๒. ให้ไล่นางภิกษุณีท่ีมาย่งุ ให้เขาถวายอาหาร ๓. ห้ามรับอาหารในสกลุ ท่ีสงฆ์สมมตุ ิว่าเป็นเสขะ (อริยบุคคล แต่ยงั ไม่ได้ บรรลเุ ป็นอรหนั ต์) ๔. ห้ามรับอาหารท่ีเขาไม่ได้จดั เตรียมไว้ก่อนมาฉนั เม่ืออย่ปู ่ า จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 42
เสขยิ ะ สารูป มี ๒๖ ข้อ (๑) ๑.น่งุ ให้เป็นปริมณฑล (ล่างปิดเข่า บนปิดสะดือไม่ห้อยหน้าห้อยหลงั ) ๒.ห่มให้เป็นนปริมณฑล (ให้ชายผ้าเสมอกนั ) ๓.ปกปิดกายด้วยดีไปในบ้าน ๔.ปกปิดกายด้วยดีนงั่ ในบ้าน ๕.สํารวมด้วยดีไปในบ้าน ๖.สํารวมด้วยดีนง่ั ในบ้าน ๗.มีสายตาทอดลงไปในบ้าน (ตาไม่มองโน่นมองน่ี) ๘.มีสายตาทอดลงนง่ั ในบ้าน ๙.ไม่เวิกผ้าไปในบ้าน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 43
เสขยิ ะ สารูป มี ๒๖ ข้อ (๒) ๑๐.ไม่เวิกผ้านงั่ ในบ้าน ๑๑.ไม่หวั เราะดงั ไปในบ้าน ๑๒.ไม่หวั เราะดงั นง่ั ในบ้าน ๑๓.ไม่พดู เสียงดงั ไปในบ้าน ๑๔.ไม่พดู เสียงดงั นง่ั ในบ้าน ๑๕.ไม่โคลงกายไปในบ้าน ๑๖.ไม่โคลงกายนงั่ ในบ้าน ๑๗.ไม่ไกวแขนไปในบ้าน ๑๘.ไม่ไกวแขนนงั่ ในบ้าน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งินโชตนาราม 44
เสขยิ ะ สารูป มี ๒๖ ข้อ (๓) ๑๙.ไม่สน่ั ศีรษะไปในบ้าน ๒๐.ไม่สนั่ ศีรษะนง่ั ในบ้าน ๒๑.ไม่เอามือคํา้ กายไปในบ้าน ๒๒.ไม่เอามือคํา้ กายนง่ั ในบ้าน ๒๓.ไม่เอาผ้าคลมุ ศีรษะไปในบ้าน ๒๔.ไม่เอาผ้าคลมุ ศีรษะนง่ั ในบ้าน ๒๕.ไม่เดินกระโหย่งเท้า ไปในบ้าน ๒๖.ไม่นง่ั รัดเข่าในบ้าน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 45
โภชนปฏสิ ังยุตต์ มี ๓๐ ข้อ (๑) ๑.รับบิณฑบาตด้วยความเคารพ ๒.ในขณะบิณฑบาต จะแลดแู ต่ในบาตร ๓.รับบิณฑบาตพอสมส่วนกับแกง (ไม่รับแกงมากเกินไป) ๔.รับบิณฑบาตแค่พอเสมอขอบปากบาตร ๕.ฉันบิณฑบาตโดยความเคารพ ๖.ในขณะฉันบิณฑบาต และดแู ตใ่ นบาตร ๗.ฉันบิณฑบาตไปตามลาํ ดบั (ไม่ขดุ ให้แหว่ง) ๘.ฉันบิณฑบาตพอสมส่วนกบั แกง ไม่ฉันแกงมากเกินไป ๙.ฉันบิณฑบาตไม่ขย้มุ แต่ยอดลงไป ๑๐.ไม่เอาข้าวสกุ ปิดแกงและกบั ด้วยหวงั จะได้มาก จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 46
โภชนปฏสิ ังยุตต์ มี ๓๐ ข้อ (๒) ๑๑.ไม่ขอเอาแกงหรือข้าวสกุ เพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉนั หากไม่เจ็บไข้ ๑๒.ไม่มองดบู าตรของผ้อู ื่นด้วยคิดจะยกโทษ ๑๓.ไม่ทําคําข้าวให้ใหญ่เกินไป ๑๔.ทําคาํ ข้าวให้กลมกลอ่ ม ๑๕.ไม่อ้าปากเม่ือคําข้าวยงั มาไม่ถึง ๑๖.ไม่เอามือทงั ้ มือใส่ปากในขณะฉัน ๑๗.ไม่พดู ในขณะท่ีมีคาํ ข้าวอย่ใู นปาก ๑๘.ไม่ฉันโดยการโยนคําข้าวเข้าปาก ๑๙.ไม่ฉันกดั คําข้าว ๒๐.ไม่ฉนั ทํากระพ้งุ แก้มให้ต่ยุ จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 47
โภชนปฏสิ ังยุตต์ มี ๓๐ ข้อ (๓) ๒๑.ไม่ฉนั พลางสะบดั มือพลาง ๒๒.ไม่ฉันโปรยเมล็ดข้าว ๒๓.ไม่ฉันแลบลิน้ ๒๔.ไม่ฉันดงั จบั ๆ ๒๕.ไม่ฉันดงั ซูด ๆ ๒๖.ไม่ฉันเลียมือ ๒๗.ไม่ฉันเลียบาตร ๒๘.ไม่ฉันเลียริมฝีปาก ๒๙.ไม่เอามือเปือ้ นจบั ภาชนะนํา้ ๓๐.ไม่เอานํา้ ล้างบาตรมีเมล็ดข้าวเทลงในบ้าน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผเ่ งนิ โชตนาราม 48
ธัมมเทสนาปฏสิ ังยุตต์ มี ๑๖ ข้อคือ (๑) ๑.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีมีร่มในมือ ๒.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีมีไม้พลองในมือ ๓.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีมีของมีคมในมือ ๔.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีอาวธุ ในมือ ๕.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีสวมเขียงเท่า (รองเท้าไม้) ๖.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีสวมรองเท้า ๗.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีไปในยาน ๘.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีอย่บู นที่นอน จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงนิ โชตนาราม 49
ธัมมเทสนาปฏสิ ังยุตต์ มี ๑๖ ข้อคือ (๒) ๙.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีนงั่ รัดเข่า ๑๐.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่โพกศีรษะ ๑๑.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีคลมุ ศีรษะ ๑๒.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีอย่บู นอาสนะ (หรือเครื่องปนู ง่ั ) โดยภิกษุ อย่บู นแผ่นดิน ๑๓.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีนง่ั บนอาสนะสงู กว่าภิกษุ ๑๔.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีนง่ั อยู่ แต่ภิกษุยืน ๑๕.ภิกษุเดินไปข้างหลงั ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีเดินไปข้างหน้า ๑๖.ภิกษุเดินไปนอกทางไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ท่ีไปในทาง จดั ทําโดย พระธีรวฒั น์ จนฺทโสภโณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม 50
Search