แบบฝึกหลักภาษาไทย ป.3 ครูศศิกาญจน์

ใบงำน เรอ่ื ง คำทป่ี ระวสิ รรชนยี แ์ ละไมป่ ระวสิ รรชนยี ์ นาคาทก่ี าหนดเขยี นลงในตารางใหถ้ กู ต้อง ประทปี ธรุ กิจ ระบาด ธรรมชาติ สดุดี ละเอยี ด มะพรา้ ว พยาบาล พระสงฆ์ ทหาร สุขศกึ ษา กระดาษ คะน้า ปลาตะเพยี น สตั หบี แมลง ประหลาด ตะพาบ พลานามยั ทวปี คาที่ประวิสรรชนยี ์ คาท่ีไมป่ ระวิสรรชนีย์ 1. ……………………………………. 1. ……………………………………. 2. ……………………………………. 2. ……………………………………. 3. ……………………………………. 3. ……………………………………. 4. ……………………………………. 4. ……………………………………. 5. ……………………………………. 5. ……………………………………. 6. ……………………………………. 6. ……………………………………. 7. ……………………………………. 7. ……………………………………. 8. ……………………………………. 8. ……………………………………. 9. ……………………………………. 9. ……………………………………. 10. ……………………………………. 10. …………………………………….

ใบงำน เรอื่ ง คำทป่ี ระวสิ รรชนยี แ์ ละไมป่ ระวิสรรชนยี ์ ใหน้ กั เรียนเขยี นคาอา่ นจากคาศัพท์ต่อไปนี้ คาอา่ น ตะ – หวัด คาศัพท์ 1. ตวัด 2. ทนาย 3. ธนาคาร 4. สมดุ 5. ถนอม 6. นคร 7. ฉลาด 8. จราจร 9. มนุษย์ 10. ทแยง 11. สลดั 12. ขโมย 13. สบง 14. เจรญิ 15. ขมขี มนั

ใบงำน เรอ่ื ง คำทป่ี ระวิสรรชนยี แ์ ละไมป่ ระวิสรรชนยี ์ ให้นกั เรียนเติมคาทป่ี ระวสิ รรชนยี ์ลงในช่องว่าง 1. น้องร้องไห้สะอกึ ...............................เพราะหกล้ม 2. ฉนั สัง่ ...............................เกยี๊ วปูมารับประทานทบ่ี า้ น 3. นกั เรียนขา้ มถนนโดยใช.้ ..............................ลอยทหี่ นา้ โรงเรยี น 4. ชาว............................ออกหาปลาโดยใชเ้ รือขนาดเล็กและขนาดใหญ่ 5. คณุ แม่ทา...............................ชุบไข่ทอดเพ่ือรับประทานกับนา้ พริก 6. คุณพอ่ นมิ นต์...............................หลายรปู มาทาบญุ ทบ่ี า้ น 7. ชาวนาสาน...............................ไว้ใสข่ ้าวเปลือก 8. ฉันชอบไปเท่ยี ว...............................เพราะจะไดเ้ ล่นนา้ และกอ่ กองทราย 9. ฉันไม่ชอบกินผัก............................และ............................เพราะมีรสขม 10. คณุ ยายสานปลา............................แขวนไวใ้ ห้หลานๆ ดเู ล่น

ใบงำน เรอ่ื ง คำที่ประวิสรรชนยี แ์ ละไมป่ ระวสิ รรชนยี ์ ให้นักเรียนเติมคาท่ีไมป่ ระวสิ รรชนียล์ งในช่องว่าง 1. คุณพ่อซอื้ ..........................และยาสฟี นั 2. น้องแพรแตง่ ชุดไทยหม่ ..........................สชี มพู 3. เราต้องขา้ ม..........................ตรงทางมา้ ลาย 4. พ่ี..........................เรยี นจึงสอบได้เกรดสีท่ ุกปี 5. ฉนั ชอบเลน่ ฟุตบอลท่.ี .........................หญา้ เทียม 6. ทองหยิบทองหยอดเปน็ ..........................หวาน 7. ฉนั ชอบไปหอ้ ง..........................เพ่อื ยืมหนังสอื 8. เดอื นสิบสองน้าเต็ม.......................... 9. นอ้ งเล่นกับเพอื่ นอย่าง..........................สนาน 10. คณุ แมข่ องฉนั ไปงานเล้ยี ง..........................โรงเรยี นพระราชทาน

ใบงำน เรอ่ื ง คำที่ประวสิ รรชนยี แ์ ละไมป่ ระวสิ รรชนยี ์ นาคาทีก่ าหนดเติมลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง กะรุ่งกะร่ิง กระเบยี ดกระเสยี ร กระปรี้กระเปรา่ กระเจดิ กระเจงิ ประดิดประดอย พะอืดพะอม พะรุงพะรงั ตะเกียกตะกาย ตะปุ่มตะป่า ละลาบละลว้ ง 1. การออกกาลังกายทาใหร้ า่ งกาย.............................................. 2. ชายเร่รอ่ นคนนัน้ ใส่เส้ือผา้ ขาด.............................................. 3. นักเรยี นหอบของ..............................................เพ่ือเขา้ คา่ ยพักแรม 4. เรือลม่ ทาให้นักทอ่ งเท่ียวตา่ ง..............................................ว่ายน้าเข้าฝงั่ 5. เพื่อนของฉนั ป่วย มอี าการ..............................................ทกุ ครง้ั เมอื่ รับประทานอาหาร 6. น้อยหนา่ และมะกรดู มเี ปลือก.............................................. 7. ครอบครัวของเขายากจนจงึ ต้องใชจ้ ่ายอย่าง.............................................. 8. ฉนั ใช้ฝมี ือ..............................................งานชิน้ น้ีมาก 9. เราไมค่ วร..............................................เร่ืองสว่ นตวั ของผูอ้ ืน่ 10. ผชู้ มุ นุมต่างวง่ิ ..............................................เมื่อเสยี งปนื ดงั ขึน้

การใช้และการอ่าน ฤ ฤๅ การใช้ ฤ (ร)ึ ใช้กับคาท่ีมาจากภาษาบาลีสันสกฤต มหี ลกั การอา่ นดงั นี้ ๑. อ่านออกเสยี ง \"ร\"ิ เมื่อผสมกับ พยัญชนะ ก ต ท ป ศ ส เชน่ กฤษฎีกา กฤษณา ตฤณมยั ทฤษฎี ปฤษฎางค์ ปฤจฉา ศฤงคาร ฤทธิ วกิ ฤตกิ าล รงั สฤษภ์ องั กฤษ อมฤต 2. อ่านออกเสยี ง \"ร\"ึ เมื่อผสมกบั พยญั ชนะ ด น พ ม ห เชน่ คฤหัสถ์ คฤหาสน์ นฤมล พฤษภาคม หฤทยั อมฤต หฤหรรษ์ 3.อา่ นออกเสียง \"เรอ\" เช่น ฤกษ์ การใช้ ฤา (รอื ) มีใชใ้ นคาไทยบา้ งแตน่ อ้ ยมาก เชน่ ฤาทัย ฤๅษี ปัจจุบันพบแต่ใน คาประพันธ์ เชน่ โคลง ฉนั ท์ กาพย์กลอน ส่วนมากใช้ ฤๅ เปน็ รปู คาปฏิเสธ เชน่ ฤๅใครว่ าย วาง ฤๅพระจักละนอ้ ง , สองเขอื พห่ี ลบั ไหล ลมื ต่ืน ฤๅพ่ี การใช้ ฦ (ล)ึ มใี ช้ในภาษาไทยโบราณ เชน่ นา้ ฦก ฦ ปัจบุ นั เลิกใชแ้ ลว้ การใช้ ฦา (ลอื ) มีใชใ้ นภาษาไทยโบราณ เช่น เล่อื งฦา เลา่ ฦา ปจั จุบนั เลิกใช้แล้ว

การใชแ้ ละการอ่าน ฤ ฤๅ 1. อา่ นคาตอ่ ไปนใี้ หถ้ ูกต้อง 1. ประพฤติ อ่านว่า ............................................................ ............................................................ 2. ฤกษ์ อา่ นว่า ............................................................ ............................................................ 3. มฤคี อ่านว่า ............................................................ ............................................................ 4. กฤษณา อา่ นว่า ............................................................ ............................................................ 5. อังกฤษ อา่ นวา่ ............................................................ ............................................................ 6. พฤศจกิ ายน อ่านวา่ 7. ฤทธ์ิ อา่ นว่า 8. ฤดี อ่านว่า 9. มฤตยู อ่านว่า 10. คฤหาสน์ อ่านว่า

การใช้และการอา่ น ฤ ฤๅ 2. เติมคาในชอ่ งวา่ งดว้ ยคาทใ่ี ชต้ ัว “ฤ” ใหเ้ หมาะสม 1. ชาวนาเริ่มไถนาเม่ือยา่ งเขา้ ....................................ฝน 2. ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ดาว...............................ดวงหนง่ึ 3. สแี สดหรอื สสี ้มคือสปี ระจาวัน.............................. 4. ฉันเรียนภาษา...............................กบั ครูชาวต่างประเทศ 5. เขาเรยี นเก่งและมคี วาม..............................เรียบร้อย 6. เศรษฐีสร้าง...............................หลงั ใหม่ 7. .............................เปน็ ไมห้ อมทห่ี าไดย้ าก 8. ............................คอื โลหะทป่ี ระกอบด้วย ทองแดงกับดีบุก 9. เดอื นลาดบั ท่ี 11 ของปคี อื เดอื น................................... 10. .............................. หมายถึง ต้นไม้

การใช้และการอ่าน ฤ ฤๅ 3. เขียนคาศพั ทจ์ ากคาอ่านทกี่ าหนดให้ 1. สา - รดิ = ………………………………….. ………………………………….. 2. วิ - กริด = ………………………………….. ………………………………….. 3. องั - กรดิ = ………………………………….. ………………………………….. 4. นัก – ขัด – ตะ – เรกิ = ………………………………….. ………………………………….. 5. กริด – สะ – หนา = ………………………………….. ………………………………….. 6. คะ – รึ – หาด = 7. รอื – สี = 8. พรกึ – สา = 9. รึ – ดู = 10. พรึด – สะ – จิ – กา – ยน =

การใชแ้ ละการอ่าน ฤ ฤๅ 4. นาคาที่กาหนดให้ต่อไปนเ้ี ขยี นลงในชอ่ งว่างให้ถูกต้อง ดาวฤกษ์ พฤษภาคม กฤษณา ประพฤติ นฤมล ตฤณ วิกฤต พฤหสั บดี ฤดู มฤี ทธิ์ องั กฤษ ทฤษฎี ออกเสียง “ร”ิ ออกเสยี ง “ร”ึ ออกเสียง “เรอ” ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... .........................................

คำพ้อง คำพ้อง แบ่งออกเป็น ๒ ชนดิ คือ คาพ้องรูป และคาพอ้ งเสยี ง คำพ้องรปู คือ คาท่เี ขยี นสะกดเหมอื นกนั แต่อ่านออกเสยี งตา่ งกนั และมี ความหมายต่างกัน เชน่ สระ อา่ นว่า สะ หมายถึง แอง่ นาขนาดใหญ่ สระ อ่านวา่ สะ-หระ หมายถึง ตวั อกั ษรแทนเสียงสระ คำพอ้ งเสยี ง คอื คาทอี่ ่านออกเสยี งเหมือนกนั แตเ่ ขียนสะกดต่างกัน และ มีความหมายต่างกัน เชน่ กาล อา่ นว่า กาน หมายถงึ เวลา การ อา่ นว่า กาน หมายถงึ งาน ธุระ หน้าท่ี คำศพั ทน์ ำ่ รู้ คำพ้องรูป ครุ (คร)ู ครุ (ภาชนะ) คนแขม ต้นแขม คำพ้องเสยี ง (คะ-รุ) (คร)ุ (ขะ-แม) (แ-ข-ม) รถยนต์ คนั ศร กาบกล้วย ภาพยนตร์ ส่งั สอน กาพย์กลอน

คำพอ้ ง คาช้แี จง แตง่ ประโยคโดยใหม้ ีคาพ้องท่ีกาหนดในประโยคเดียวกัน 1) ย่า หญ้า ..................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................... 2) สมาธิ (สะ–มา–ทิ) สมาธิ (สะ–หมาด) ..................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................... 3) รด รถ ..................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................... 4) จ. สระบรุ ี (จัง-หวดั -สะ-หระ-บุ-รี) สระน้า (สะ-น้า) ..................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................... 5) กวน (คนให้เข้ากนั ) กวน (รบกวนทาให้เกิดความราคาญใจ) ..................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................... ..

คำพอ้ ง คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเตมิ คาพ้องเสยี งลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง ผูก........... พืช........... สวน.......... ซอื่ ........... ...........ชาติ ...........ยนต์ ..........นา้ ...........เอยี ...........บ้าน ...........เวลา โอ.......... อา...........

คาท่ใี ช้ บนั บรร คาที่ใช้ บัน บรร ออกเสยี งเปน็ “บัน” เหมอื นกัน 1. คาว่า “บนั ” มี บ เปน็ พยัญชนะต้น บั เป็นสระ อะ เปลย่ี นรูป น เปน็ ตัวสะกด คาไทยท่ีใช้ “บัน” นาหน้าในปัจจุบัน บันดาล ลงบันได บันทกึ ให้ จาจงดี ร่าเรงิ บนั เทิงมี เสยี งบนั ลอื สนนั่ ดงั 2. คาวา่ “บรร” มี บ เป็นพยัญชนะตน้ ร ตัวแรก ทาหน้าทเี่ ปน็ สระ อะ เปล่ยี นรปู เป็นไม้หนั อากาศ ร ตัวหลัง ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ น สะกด ตัวอย่างคาท่ใี ช้ “บรร” ไดแ้ ก่ บรรยาย บรรลุ บรรจบ บรรพชา บรรเทา บรรจุ บรรดา บรรทม บรรจง เป็นต้น

ใบงาน เร่อื ง คาทีใ่ ช้ บัน บรร เขียนคาอ่านของคาตอ่ ไปนี้ให้ถกู ต้อง 1. บรรจบ อ่านวา่ ........................................ 2. บรรพบุรุษ อา่ นวา่ ........................................ 3. บรรพชิต อ่านว่า ........................................ 4. บรรทม อา่ นวา่ ........................................ 5. บรรยากาศ อา่ นว่า ........................................ 6. บรรณารกั ษ์ อา่ นวา่ ........................................ 7. บรรณาการ อา่ นว่า ........................................ 8. บรรพต อ่านว่า ........................................ 9. บรรเลง อ่านวา่ ........................................ 10. บรรพชา อา่ นวา่ ........................................

ใบงาน เรือ่ ง คาท่ใี ช้ บนั บรร หาคาท่ีขึ้นต้นดว้ ย “บนั ” หรือ “บรร” เตมิ ลงในประโยค 1. ฉนั เดนิ ขน้ึ .........................ภูเขาทอง เพอ่ื ไปไหว้พระ 2. รถ....................สนิ ค้าขับรถเร็วเกินกาหนดจงึ ถูกจบั 3. หน่วย....................สาธารณภัยซักซ้อมความพรอ้ มในการปอ้ งกนั ภัย 4. การเขยี น....................จะชว่ ยใหจ้ ดจาเร่ืองราวตา่ งๆ ได้ดี 5. พระพทุ ธเจา้ บาเพ็ญเพียรจน....................และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจา้ 6. แมน่ า้ ปงิ วงั ยม นา่ น ไหลมา.........................กนั ที่ปากนา้ โพ จังหวดั นครสวรรค์ 7. นกั แสดง นกั ร้อง เปน็ ผู้ใหค้ วาม....................แกเ่ รา 8. นักเทนนิสระดับโลกมีชื่อเสียง....................ไปทัว่ โลก 9. คนโบราณเชอ่ื ว่า เทวดาเปน็ ผู.้ ...................ใหฝ้ นตก 10. ....................ห้องสมดุ ตักเตือนนักเรยี นที่พูดคุยกนั และเล่นกัน

คำท่ีมี รร รร (รอ – หัน) ในภาษาไทย รร ออกเปน็ เสยี งสระ -ะ (อะ) หรือ สระ - ะ + น (อนั ) ดงั น้ี 1. รร ออกเสยี งเป็น อะ และพยญั ชนะท่ตี ามมาเปน็ ตวั สะกด (รร = อะ + พยญั ชนะสะกด) เช่น กรรม กอ + ะ + ม อา่ นว่า กา ธรรม ทอ + ะ + ม อ่านวา่ ทา 2. รร ออกเสยี งเป็น อนั (รร = อะ + น) เชน่ กนั (กนั – ไกร) กรรไกร กอ + ะ + น อ่านวา่ จนั (จัน + ยา) จรรยา จอ + ะ + น อ่านว่า 3. รร ออกเสยี งเป็น อนั มีเสียง ระ ตรงกลางคา เช่น ภรรยา พอ + ะ + น อา่ นว่า พัน (พนั – ยา) อา่ นวา่ พัน – ระ – ยา 4. รร ออกเสยี งเป็น อะ พยญั ชนะที่ตามมาเป็นตัวสะกด ถา้ มพี ยางค์ ตามมาใหอ้ อกเสียงพยญั ชนะสะกดประสมกบั สระ -ะ เป็นครง่ึ เสยี ง และ จึงออกเสยี งพยางค์ตอ่ ไป เช่น พรรณนา พอ + ะ + น = อ่านวา่ พนั – นะ – นา สรรพนาม สอ + ะ + พ = อ่านวา่ สับ – พะ – นาม

ใบงำน เร่ืองคำที่มี รร คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคาทม่ี ี รร แล้วนามาเติมลงในชอ่ งวา่ ง ครรภ์ บรรพบุรุษ กรรไกร ธรรมชำติ พรรษำ บรรเลง บรรทุก 1. คุณแม่ใช้............................ตดั ผมให้ฟ้าใส 2. ในวนั เข้า..............................ชาวพุทธไปเวียนเทยี นท่ีวัด 3. คุณป้าท้องโตมาก แม่วา่ คณุ ป้ากาลังตั้ง........................ 4. นกั เรยี น.......................เพลงดนตรีไทยในงานปีใหม่ 5. ในวนั สารทเดือนสบิ ชาวพทุ ธจะทาบุญอทุ ิศให้กับ..........................ที่ล่วงลบั ไปแลว้

ใบงำน เรอ่ื งคำทีม่ ี รร คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นคาอา่ นของคาทม่ี ี รร (ร หัน) ให้ถกู ต้อง คา คาอ่าน 1. บรรยาย 2. ธรรมชาติ 3. มรรยาท 4. ยุตธิ รรม 5. กรรมการ 6. ธรรมดา 7. บรรยากาศ 8. หัตถกรรม 9. บรรพบุรุษ 10. บรรณารกั ษ์ เต็ม 10 คะแนน ได้....................คะแนน

ใบงำน เร่อื งคำที่มี รร คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเลือกพยัญชนะทางขวามือ ไปเตมิ ชอ่ งวา่ ง ให้ สมั พันธก์ ัน .............1 ชอื่ จงั หวัดในภาคกลาง ก. ไมบ้ รรทัด .............2 รถหกลอ้ , รถสิบล้อ ข. สพุ รรณบุรี .............3 อุปกรณ์ทใ่ี ชข้ ีดเสน้ หรอื วดั ค. ธรรมชาติ .............4 ชอ่ื ดอกไม้ ง. กรรณิการ์ .............5 นอน จ. รถบรรทกุ .............6 ผ้สู บื ทอดสายโลหิต ฉ. บรรเลง .............7 คนท่ใี ช้แรงงาน ช. บรรทม ซ. บรรพบุรษุ ฌ. กรรมกร เต็ม 10 คะแนน ได้....................คะแนน

ใบงำน เรอ่ื งคำทีม่ ี รร อ่านคา แลว้ เขียนจาแนกคาที่ใช้ รร โดยเขียนลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง บรรพชา พรรษา คนธรรพ์ อัศจรรย์ มรรยาท กรรมกร ครรภ์ บรรทกุ สร้างสรรค์ ศตวรรษ จัดสรร ธรรมชาติ ๑) คาทใ่ี ช้ รร และไม่มีตวั สะกด .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ๒) คาท่ใี ช้ รร และมตี วั สะกด .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3) คาท่ใี ช้ รร และมตี วั การนั ต์ .................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................

คำนำม คานาม คอื คาท่ใี ช้เรยี กชื่อ คน สัตว์ พชื สง่ิ ของ สถานที่ และส่งิ ทวั่ ๆ ไป เช่นคาว่า เด็ก ผักชี โรงพยาบาล เปน็ ตน้ คานามท่เี ราควรรู้จกั มี ๒ ชนิด คอื ๑. คานามไม่ช้ีเฉพาะ คือ คานามที่ใชเ้ รยี กชอื่ ทว่ั ๆ ไป ไม่ชเี้ ฉพาะเจาะจง เชน่ แมว ดนิ สอ นักเรียน ๒. คานามช้เี ฉพาะ คือ คานามทีใ่ ชเ้ รยี กชอื่ เฉพาะเจาะจง เชน่ กรุงเทพฯ พระอภยั มณี เกาะสมยุ เชียงใหม่ ถนนพหลโยธนิ ชนิดของคานาม กจิ กรรม คาน่ารู้ ละคร โรงเรยี น สนุ ขั คานามไมช่ เี้ ฉพาะ สม้ โอ มรดก รถยนต์ นาฬิกา คานามชเี้ ฉพาะ ธนบัตร วัดศรีชมุ ดาวเสาร์ ภูเก็ต เสาชงิ ชา้ ทศกัณฐ์ ภกู ระดงึ สนามบนิ สวุ รรณภูมิ

ใบงำน เรอ่ื ง คำนำม ระบายสี หนา้ คานามชนิดเดียวกนั ดว้ ยสเี หมอื นกนั นาฬิกา วัดแจ้ง กรรมกร กระดงั งา สนุ ทรภู่ ไดโนเสาร์ รามเกยี รติ์ ดวงอาทติ ย์ ผักบ้งุ ต้มยากงุ้ กระบี่ ประเทศไทย มา้ นลิ มงั กร เดก็ หญงิ มะลิ ไผ่

ใบงำน เรือ่ ง คำนำม ให้นักเรียนระบชุ นดิ และหนา้ ท่ขี องคานามทีก่ าหนดในแตล่ ะประโยค ประโยค คานาม ชนิดของคานาม หน้าที่ ตวั อย่าง 1) สนุ ทรภู่ คานามชี้เฉพาะ ประธาน 2) เรือ่ งพระอภยั มณี คานามชเี้ ฉพาะ กรรม สนุ ทรภู่แต่งเรอื่ งพระอภยั มณี 1. ลงิ ชอบกินกลว้ ย 1) ลิง ………………………… ……………… 2) กลว้ ย ………………………… ……………… 2. นางลาหบั ชวนไมไ้ ผไ่ ปเท่ียวใน 1) นางลาหับ ………………………… ……………… ปา่ 2) ไมไ้ ผ่ ………………………… ……………… 3. เด็กๆ ควรดม่ื นมเปน็ ประจา 1) เด็กๆ ………………………… ……………… 2) นม ………………………… ……………… 4. บรรพบรุ ุษรกั ษาบา้ นเมอื งไว้ให้ 1) บรรพบรุ ษุ ………………………… ……………… เรา 2) บา้ นเมอื ง ………………………… ……………… 5. นักเรยี นตอ้ งทบทวนบทเรยี น 1) นักเรยี น ………………………… ……………… ………………………… ……………… กอ่ นสอบเสมอ 2) บทเรียน

ใบงำน เรอื่ ง คำนำม ใหน้ กั เรยี นเติมคานามในช่องว่างใหเ้ หมาะสม 1. …………………………..บณิ ฑบาตแตเ่ ชา้ ตรู่ 2. …………………………..เปน็ นทิ านทเ่ี ดก็ ๆ รจู้ กั กันดี 3. …………………ชอบรบั ประทานผลไม้ที่มรี สหวาน 4.คุณพ่อซอื้ ..........................ใหค้ ณุ แมใ่ นวนั เกิด 5. สวนของคุณยายปลกู ดอกไม้หลายชนดิ เชน่ …………………………. .…………………………..………………………….. 6. พ่ีชอบแกล้ง…………………………..อยูเ่ สมอ 7. …………………………..ค้ยุ เขยี่ หาอาหารตามพนื้ ดิน 8. เดก็ ผชู้ ายชอบเลน่ …………………………….. 9. คณุ ปา้ ไปหาเพอื่ นท…ี่ ………………………...... 10. โรงแรมนมี้ …ี ………………………..ใหญ่มาก

คำสรรพนำม คาสรรพนาม คอื คาทใ่ี ช้แทนคานาม มีหลายชนดิ คาสรรพนามทใ่ี ช้ในการ สนทนากนั เรยี กวา่ บุรุษสรรพนาม บุรุษสรรพนาม แบง่ เปน็ ๓ ชนิด ดังนี้ 1. ใชแ้ ทนผ้พู ูด ได้แก่ ข้าพระพทุ ธเจ้า ขา้ พเจา้ อาตมา ผม ดิฉัน ฉัน 2. ใชแ้ ทนผ้ฟู ัง ไดแ้ ก่ คุณ ทา่ น เธอ โยม 3. ใชแ้ ทนผ้ทู กี่ ล่าวถงึ ไดแ้ ก่ พระองค์ ทา่ น เขา มัน บุรุษสรรพนาม คานา่ รู้ แทนผพู้ ูด กระผม ดฉิ นั เรา หนู (สรรพนามบรุ ษุ ที่ ๑) พระคณุ เจ้า ใตฝ้ า่ บาท แทนผู้ฟัง ใตฝ้ า่ ละอองธุลีพระบาท (สรรพนามบรุ ุษที่ ๒) ทา่ น เขา มนั พระองค์ แทนผู้ที่กล่าวถงึ (สรรพนามบุรษุ ท่ี ๓)

ใบงำน เรอื่ ง คำสรรพนำม ใหน้ กั เรยี นขีดเครือ่ งหมาย  หน้าคาบุรษุ สรรพนาม ภเู ขา ชาวไทย เธอ ทา่ น ต้นไม้ โยม สนุ ขั ข้าพเจ้า นอนหลบั กระผม บ้าน ครู กระเป๋า พระองค์ มอื ดิฉนั เขา มัน

ใบงำน เรื่อง คำสรรพนำม ให้นักเรียนระบุชนิดและหนา้ ทขี่ องคาบุรุษสรรพนามในประโยค ประโยค คาบุรุษสรรพ ชนิด หน้าท่ี นาม 1. พวกเขากาลงั ทาความสะอาดหอ้ งเรียน ………………………….. ……………….... ……………………….... 2. คุณแมส่ อนฉันใหร้ ูจ้ กั ประหยัด ………………………….. ……………….... ……………………….... 3. แกว้ ตา ทาไมเธอไมม่ าโรงเรยี นเม่อื วาน ………………………….. ……………….... ……………………….... น้ี ………………………….. ……………….... ……………………….... ………………………….. ……………….... ……………………….... 4. กระผมขอนิมนตห์ ลวงพ่อไปฉันเพลท่ี ………………………….. ……………….... ……………………….... บา้ นขอรับ 5. เสยี งเจา้ มอมรอ้ งดังมาก คงมคี นแกลง้ มนั 6. คุณครพู าพวกเราไปทัศนศกึ ษาท่ีสวน สัตว์ดุสิต 7. เขาตีระนาดเอกไดเ้ ชย่ี วชาญมาก ………………………….. ……………….... ……………………….... 8. อาตมาอยากให้โยมเป็นธรุ ะเรอ่ื งการจดั ………………………….. ……………….... ……………………….... งานวดั ในปีนี้ ……………….... ……………………….... 9. ครอบครวั เจา้ ภาพขอบพระคณุ ทกุ ทา่ นที่ ………………………….. กรณุ าใหเ้ กียรติมาร่วมงานค่ะ

ใบงำน เรอื่ ง คำสรรพนำม ให้นกั เรียนใช้คาบรุ ุษสรรพนามแทนคานามในขอ้ ความต่อไปนี้ เชา้ วันเสาร์ พายและพลอยชวนกนั ถีบรถจกั รยานไปเทยี่ วท่เี ชงิ เขา พายแล๑ะพลอยถีบรถจักรยานอย่างรว๒ดเร็ว ไม่ทนั ระวงั บังเอญิ มี ลูกสนุ ขั ตัวหนงึ่ วงิ่ ตัดหนา้ พลอยจึงชนลูกสุนัขอยา่ งแรง พลอยตกใจ มาก ตะโกนเรียกพาย “พาย พ๓ายมาช่วยพล๔อยหน่อย” 1)............................................ 2)............................................ 3)............................................ 4)............................................

คำกริยำ คากรยิ า คอื คาทแ่ี สดงอาการหรอื การกระทาของนามและสรรพนามซง่ึ เป็น ประธานในประโยค คากริยาทคี่ วรรจู้ กั คอื ๑. คากรยิ าไมต่ อ้ งการกรรม 2. คากรยิ าตอ้ งการกรรม คากรยิ าไม่ตอ้ งการกรรม เป็นคากรยิ าท่ีมใี จความสมบูรณใ์ นตวั ไม่ตอ้ งมี กรรมมารบั ขา้ งทา้ ย เชน่ นกบนิ เธอยิม้ นักกฬี าวงิ่ เป็นต้น คากรยิ าต้องการกรรม เปน็ คากรยิ าที่มีใจความไมส่ มบรู ณใ์ นตวั ต้องมีกรรม มารบั ข้างทา้ ย เชน่ น้องถบี รถจักรยาน แมวกนิ ปลาทู ชาวนาสวมงอบ เป็นตน้ ชนดิ ของคากรยิ า คานา่ รู้ คากริยาไม่ตอ้ งการกรรม กระโดด ขยุกขยิก เจ็บป่วย เดิน ย้ิมแยม้ ร้องเพลง ตาย คากรยิ าตอ้ งการกรรม หยิบ คาดคนั้ เขียน กิน อา่ น

ใบงำน เรอื่ ง คำกริยำ ใหน้ กั เรยี นระบายสี หน้าคากรยิ า ตะโกน บ้าน วา่ ยนา้ ท่าน บรจิ าค โรงเรยี น กระโดด ร้องเพลง นอนหลบั ภูกระดงึ สดี า ครู หล่น พระองค์ ปดิ ทกั ทาย หนู ต่ืน

ใบงำน เร่อื ง คำกรยิ ำ ให้นกั เรียนหาคากริยาในประโยคแล้วบอกชนิดของคากริยานั้น ประโยค คากรยิ า ชนิด ตวั อยา่ ง สอน ต้องการกรรม พี่สอนนอ้ งทาการบา้ น ……………………………. ……………………. 1. คุณพอ่ ดมื่ กาแฟทุกเชา้ 2. เขาพบเพอื่ นเก่าในงานเล้ียงวนั เกดิ ……………………………. ……………………. 3. เราควรปดิ ไฟก่อนออกจากห้องทุกครัง้ ……………………………. ……………………. 4. ชาวต่างประเทศชอบผ้าไหมของไทย ……………………………. ……………………. 5. มะมว่ งสกุ หลน่ เกล่อื นอยู่ใตต้ ้น ……………………………. ……………………. 6. ฉนั ต่ืนเตน้ เมอื่ ต้องออกไปพูดหนา้ ชั้นเรยี น ……………………………. ……………………. 7. เขาชอบเลี้ยงปลาหางนกยูง ……………………………. ……………………. 8. เราสามารถฉดี วัคซนี ปอ้ งกนั โรคไขห้ วัดใหญ่ได้ ……………………………. ……………………. 9. คณุ ตาบริจาคเงินชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยน้าท่วม ……………………………. ……………………. 10. มนษุ ยอ์ วกาศเดินทางออกนอกโลกด้วยยานอวกาศ ……………………………. …………………….

ใบงำน เรอื่ ง คำกริยำ ใหน้ ักเรยี นเติมคากรยิ าในช่องว่างให้เหมาะสมกับประโยค 1. นอ้ ง............................เสยี งดงั 2. สุนขั ...............................อยูก่ ลางสนามหญ้า 3. คุณยาย..........................แต่เชา้ ทุกวนั 4. คุณพ่อ.....................................ก่อนนอนทุกคืน 5. ฉัน...................โรงเรยี นแต่เช้า 6. พระอาทิตย.์ ........................ทางทศิ ตะวันออก 7. ชาวประมง............................หาปลาในเวลากลางคนื 8. ฉนั ชอบ........................เพลงไทยลูกทงุ่ 9. คุณแม่..........................เส้ือบนเตียง 10. นักเรียนตอ้ ง..........................หนงั สอื ทกุ วนั

คำนำม ๑. เลือกคาท่ีกาหนดให้เตมิ ลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง วันอังคาร กลว้ ยน้าวา้ หนงั สอื สดุ สาคร รถมา้ ประเทศญ่ีปนุ่ รองเท้า ดวงจนั ทร์ ธนั วาคม งเู ห่า คำนำมไมช่ เี้ ฉพำะ ...................... ............................ ............................ ............................ ............................ คำนำมชีเ้ ฉพำะ ...................... ............................ ............................ ............................ ............................

คำนำม 2. อา่ นขอ้ ความต่อไปนีแ้ ละนาคาไปเขยี นลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง “เมื่อเช้านเ้ี อง มนี กกางเขนบินผา่ นมาฝูงหนึ่ง เจา้ แก้วของฉนั ตะเกียกตะกาย อยากออกมากจากกรง มนั เคยหนไี ปอย่บู นต้นมะยมครัง้ หน่งึ แลว้ กก็ ลบั มา คราวนีพ้ อ ฉันเปดิ กรงจะเอากลว้ ยน้าวา้ และฝรง่ั สกุ ให้มนั กนิ มนั กบ็ นิ ลับหายไปเลย” พูดแลว้ ออ้ มกร็ อ้ งไหโ้ ฮ นนั ทาและมะลจิ ึงชว่ ยกันปลอบใหห้ ายเศรา้ คำนำมไมช่ เ้ี ฉพำะ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ คำนำมชีเ้ ฉพำะ ........................................................................................................................ ........................................................................................................................

คำสรรพนำม ๑. นาคาทกี่ าหนดให้เติมลงในชอ่ งว่างใหส้ มบูรณ์ ฉนั เขา หนู ทา่ น เธอ มนั ข้าพเจ้า ผม พระองค์ คุณ 1. …………………..อาบนา้ นานไปหน่อย พห่ี าวา่ เลน่ น้าไม่รู้จักประหยดั 2. เมือ่ ใดท…่ี ……………..……..ต้องการสมบตั ขิ อใหไ้ ปทรี่ มิ ฝัง่ น้า 3. ขอถวายพระพรให้………………..……..ทรงพระเจรญิ 4. คณุ ครขู า………………..……..กินอาหารเม่ือเช้าไมอ่ ่มิ แมค่ ้าตักใหน้ ิดเดียว 5. แมลงสาบเป็นสัตวท์ น่ี ้าเชือ้ โรคมาสมู่ นุษย์ เราจงึ ควรก้าจัด………………..…….. 6. คนทน่ี ไ่ี มน่ ยิ มเขยี นจดหมาย………………..……..ใช้แต่โทรศพั ทม์ อื ถือกนั 7. ………………..……..เห็นด้วยกับผมไหม 8. เมอื่ ………………..……..เป็นใหญ่เปน็ โตแลว้ ขอให้ทา่ นไปหาเถิด ข้าพเจา้ จะอุปการะทา่ น 9. ………………..……..ควรทา้ การบ้านให้เสรจ็ ก่อน แลว้ คอ่ ยไปเล่น 10. พร่งุ น…้ี ……………..……..คงไมไ่ ดไ้ ปหาเธอนะ

คำสรรพนำม 2. ให้นกั เรียนแต่งประโยคจากคาทีก่ าหนดให้ พรอ้ มวาดภาพประกอบใหส้ วยงาม 1. เธอ = ..................................................................... 2. ทา่ น = ................................................................... 3. อาตมา = ................................................................. 4. มัน = ......................................................................

คำกริยำ เตมิ คากรยิ าลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ งตามสานวนไทย 1. สวยแตร่ ูป ..................... ไมห่ อม 2. เลน่ กบั หมา หมา.....................ปาก เลน่ กบั สาก สาก.....................หวั 3. มือไม่ ..................... เอาเทา้ ..................... นา้ 4. ฝนตกก็ ..................... ฝนแลง้ ก็ ..................... 5. นา้ ร้อนปลา ..................... น้าเยน็ ปลา ..................... 6. บ้าน ..................... สาแหรก ..................... 7. รกั วัวให้ ..................... รักลูกให้ ..................... 8. บ้านเคย ..................... อเู่ คย ..................... 9. .....................หนา้ .....................จมกู 10. ขชี่ ้าง ..................... ตก๊ั แตน

ประโยคทีใ่ ช้เพอื่ การส่อื สาร ประโยคทีใ่ ชเ้ พอ่ื การส่อื สาร ประโยคที่ใชเ้ พ่ือการสอ่ื สาร แบ่งออกเปน็ 5 ชนดิ คอื 1. ประโยคบอกเลา่ 2. ประโยคปฏเิ สธ 3. ประโยคคาถาม 4. ประโยคคาส่งั 5. ประโยคขอร้อง ประโยคบอกเล่า เปน็ ประโยคทแี่ จ้งเรือ่ งราวให้ทราบ หรือบอกว่า ใคร ทาอะไร ทีไ่ หน เมอ่ื ไร อย่างไร เชน่ พอ่ พาพวกเราไปเทยี่ วสวนสตั ว์ เม่ือเชา้ น้ฉี นั เหน็ รถจกั รยานยนตช์ นคนขา้ มถนน ประโยคปฏิเสธ เปน็ ประโยคทม่ี ีใจความไมต่ อบรบั มักมีคาวา่ ไม่ ไมไ่ ด้ ไม่ใช่ อยใู่ นประโยค เชน่ ฉันไมเ่ คยเห็นทะเล วันน้ีเขาไมไ่ ด้มาโรงเรยี น

ประโยคคาถาม เปน็ ประโยคทม่ี ใี จความเปน็ การถามเพอื่ ตอ้ งการคาตอบ มี ๒ ลักษณะ คอื 1. ประโยคคาถามที่ต้องการคาตอบ มกั มีคาว่า ใคร อะไร ทไ่ี หน เมือ่ ไร อยา่ งไร ใด อยู่หนา้ ประโยคหรอื ทา้ ยประโยค เช่น อะไรอยใู่ นตู้ คาตอบ หนังสืออยู่ในตู้ ใครทาอาหารอยู่ในครวั คาตอบ คณุ แมท่ าอาหารอยู่ในครัว 2. ประโยคคาถามท่ีตอ้ งการคาตอบรับหรือปฏเิ สธ มกั มคี าวา่ ไหม หรอื หรือไม่ อยทู่ า้ ยประโยค เธอจะไปกบั ฉันไหม หนงั สอื เลม่ น้ีเปน็ ของคณุ หรือ ประโยคคาสงั่ เป็นประโยคทม่ี ีใจความบอกใหท้ าส่ิงใดสงิ่ หน่ึงหรอื ไม่ใหท้ า ส่งิ ใดสง่ิ หนึ่ง มกั ละประธานไว้ มี 2 ลักษณะ คอื 1. ประโยคสัง่ ใหท้ า ใช้คากริยาเป็นคาขึ้นตน้ ประโยค หรอื ใช้คาวา่ จง ข้นึ ต้นประโยค แต่ถา้ มปี ระธานเป็นคาขึน้ ตน้ มกั มีคาวา่ ซิ นะ หน่อย ต่อทา้ ย ประโยค เชน่ คุณพดู ช้าๆ หนอ่ ยซิ ทาให้เรียบรอ้ ยนะ 2. ประโยคห้ามหรอื สง่ั ไม่ให้ทา มกั ละประธานไว้และใช้คาวา่ อยา่ ห้าม ขึน้ ตน้ ประโยค เชน่ หา้ มทง้ิ ขยะบรเิ วณน้ี อย่าเล่นในห้องประชมุ

ประโยคขอรอ้ ง เป็นประโยคทม่ี ใี จความเชงิ ขอร้อง ชกั ชวน หรืออนญุ าต อาจ ละประธานไว้ก็ได้ มักมคี าวา่ โปรด ชว่ ย วาน กรุณา อยหู่ น้าประโยค และมคี าวา่ ซิ หนอ่ ย นะ นา่ เถอะ อยทู่ า้ ยประโยค เช่น ชว่ ยเปิดประตใู ห้ฉันหนอ่ ย กรุณาต่อแถวให้เปน็ ระเบียบ

แบบฝึกหดั ที่ 1 บอกชนิดของประโยคจากข้อความต่อไปน้ี 1. ฟงั ดีๆ นะ ……………………………………………. 2. กรุณาฟังทางนีห้ น่อยคะ่ ……………………………………………. 3. ใครมาโรงเรียนสาย ……………………………………………. 4. วนั น้ีฉันไมไ่ ดไ้ ปโรงเรยี น ……………………………………………. 5. ขวญั ยนื อยู่ใตต้ ้นไทร ……………………………………………. 6. ช่วยหยบิ แก้วน้าใหท้ ี ……………………………………………. 7. ทาการบา้ นส่งครูตอ้ งเขยี นใหส้ วย ……………………………………………. 8. หา้ มจับปลาในฤดูวางไข่ ……………………………………………. 9. เขาไม่ใชค่ นเชน่ น้นั ……………………………………………. 10. อยา่ ไปเล่นบรเิ วณน้ัน …………………………………………….

11. คุณครบู อกให้นกั เรยี นแต่งเรอ่ื งสัน้ ……………………………………………. 12. นอ้ งเล่นอยทู่ ส่ี วน ……………………………………………. 13. คุณจะไปกบั พวกเราหรอื ไม่ ……………………………………………. 14. คุณครไู มช่ อบเด็กเกเร ……………………………………………. 15. พอ่ ไม่ไปทางานวนั เสาร์ ……………………………………………. 16. เขาเรยี นหนังสอื เก่ง ……………………………………………. 17. ทาไมมะลจิ งึ สอบตก ……………………………………………. 18. จงเขยี นตวั บรรจงเต็มบรรทดั ……………………………………………. 19. เขาทาอยา่ งไรเมอื่ ถกู งกู ัด ……………………………………………. 20. ครทู าดาสอนวชิ าภาษาไทย ……………………………………………. คะแนนท่ีได้…………………

แบบฝึกหดั ที่ 2 เติมคาลงในช่องว่างใหไ้ ดใ้ จความเหมาะสม 1. .....................เชิญบริจาคเงนิ และสิง่ ของช่วยผู้ประสบภยั จากเหตกุ ารณธ์ รณพี บิ ตั ิ 2. ...........................ถอดรองเทา้ ดว้ ยคะ่ 3. ............................นง่ั สยี งั ไมแ่ หง้ 4. ........................... เปิดไฟใหห้ นอ่ ยจะ๊ 5. ........................... เขาจงึ ทาเชน่ นน้ั 6. ..............................จับปลาในเขตอภัยทาน 7. บา้ นของนกั เรียนอย่.ู ............................. 8. โรงเรยี นจะปดิ ภาคเรียน.............................. 9. เพอ่ื นของเขา...........................เพ่ือนของฉัน 10. เธอมาถึงทนี่ ่ีตงั้ แต่ ................................

แบบฝึกหดั ที่ 3 เปลีย่ นประโยคต่อไปน้ีตามคาสงั่ ที่กาหนดให้ 1. พอ่ ขนุ รามคาแหงเปน็ ผปู้ ระดษิ ฐ์อกั ษรไทย (เปลี่ยนเป็นคาถาม) ..................................................................................................................................................... 2. เกไ๋ ก๋เรยี นหนังสอื ไมเ่ ก่ง (เปล่ียนเป็นบอกเลา่ ) ..................................................................................................................................................... 3. ฉันไมช่ อบทานเน้อื สัตว์ทุกชนดิ (เปลย่ี นเปน็ บอกเลา่ ) ..................................................................................................................................................... 4. นกเปด็ นา้ บินอยบู่ นท้องฟา้ (เปลี่ยนเปน็ ปฏเิ สธ) ..................................................................................................................................................... 5. บา้ นเกิดของสุนทรภอู่ ย่ทู จี่ ังหวัดระนอง (เปล่ยี นเป็นคาถาม) ..................................................................................................................................................... 6. เราควรสระผมในเวลากลางคืน (เปล่ียนเปน็ ปฏเิ สธ) ..................................................................................................................................................... 7. เขาทางานท่ธี นาคารออมสนิ (เปลย่ี นเป็นคาถาม) ..................................................................................................................................................... 8. วันน้คี ุณแม่ของฉนั อย่บู า้ น (เปลี่ยนเป็นคาถาม) ..................................................................................................................................................... 9. เขาทาจานลายไทยแตก (เปลยี่ นเปน็ ปฏิเสธ) ..................................................................................................................................................... 10. พอ่ ของเขาจะไมก่ ลับมาทนี่ อี่ กี แลว้ (เปลย่ี นเป็นบอกเลา่ ) .....................................................................................................................................................

แบบฝึกหัดที่ 4 จงนาอกั ษรหน้าประโยคสื่อสารชนดิ ตา่ งๆ เตมิ ลงในชอ่ งหน้าขอ้ ตอ่ ไปนใี้ ห้ถูกตอ้ ง ก. ประโยคบอกเลา่ ข. ประโยคปฏิเสธ ค. ประโยคคาถาม ง. ประโยคคาสั่ง จ. ประโยคขอร้อง …………… (1) คุณถูกห้ามไม่ใหม้ าพบผมใชไ่ หม …………… (2) กรุณาเขยี นตัวบรรจง …………… (3) คุณตาเดนิ ไปตลาด …………… (4) เขาไมใ่ ช่ใครทไ่ี หน เขาเปน็ นอ้ งผมเอง …………… (5) หา้ มนาสนิ ค้าเขา้ มาขายในบริเวณน้ี …………… (6) พ่อซื้อบา้ นหลังใหม่ …………… (7) สระว่ายนา้ แหง่ น้ี ระดบั นา้ ไม่ลึก …………… (8) คุณช่วยจา่ ยค่าโดยสารใหผ้ มหนอ่ ย …………… (9) โปรดลงลายมือชอื่ ในช่องนี้ …………… (10) นักเรียนไมต่ อ้ งการเรียนหนงั สอื วนั เสาร์ …………… (11) อย่าปลอ่ ยของเสียลงในแมน่ ้า …………… (12) ตารวจมาถึงที่เกดิ เหตุทันทีเมื่อมีคนแจง้ เหตุร้าย …………… (13) เขาเป็นใคร อยูท่ ไ่ี หนกไ็ มส่ าคญั …………… (14) กาแฟท่ีคุณตอ้ งการ ใสน่ า้ ตาลกช่ี อ้ น …………… (15) ขอความกรณุ าออกจากพืน้ ท่ีนโี้ ดยด่วน

แบบฝึกหัดที่ 5 แตง่ ประโยคตามคาสง่ั ต่อไปนี้ 1. ประโยคบอกเล่า ……………………………………………………………………………………………………….……………………….. 2. ประโยคปฏิเสธ ……………………………………………………………………………………………………….……………………….. 3. ประโยคคาถาม ……………………………………………………………………………………………………….……………………….. 4. ประโยคคาสงั่ ……………………………………………………………………………………………………….……………………….. 5. ประโยคขอร้อง ……………………………………………………………………………………………………….………………………..

คำคล้องจอง คำค้องจองจ คือ คำท่ีใช้สระและพยญั ชนะเสยี ง เดยี วกนั และถำ้ มีตวั สะกดจะต้องมตี ัวสะกดในมำตรำ เดียวกนั คำคลอ้ งจองเรยี กอกี อย่ำงหนึ่งว่ำ “คำสมั ผัส” คำคลอ้ งจองมหี ลำยลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ๑ พยำงค์ ๒ พยำงค์ ๓ พยำงค์ และ ๔ พยำงค์ ้กั ษณะขงจคำค้องจองจ ๑. คำค้องจองจ ๑ พยำจค์ คือคำพยำงคเ์ ดียวทม่ี ี เสยี งคล้องจองกัน เช่น สวย รวย ดว้ ย กลว้ ย หวย 2. คำค้งอ จองจ 2 พยำจค์ คือคำ ๒ พยำงคท์ ่ี พยำงคท์ ้ำยของคำแรกคล้องจองกับพยำงคแ์ รกของคำ หลงั เชน่ ปูนำ ตำมี สีขำว รำวผ้ำ

คำคล้องจอง 3. คำค้งอ จองจ 3 พยำจค์ คือคำ 3 พยำงค์ ที่ พยำงคท์ ้ำยของคำแรก คล้องจองกบั พยำงคแ์ รกของคำ หลงั เชน่ คนใจดี มีมำกมำย หลำกหลำยคน 4. คำค้งอ จองจ 4 พยำจค์ คือคำ ๔ พยำงคท์ ่ี พยำงค์ทำ้ ยของคำแรกคล้องจองกับพยำงค์ใดกไ็ ด้ของคำ หลัง เช่น เมอื งไทยเมอื งทอง ปรองดองกนั ไว้

ใบงำน เร่อื ง คำคล้องจอง ใหนอ กั เรยี นคดิ แ้ะเขยี นคำค้องจองจต่งอำกคำท่ีกำหนดใหอ (ขงอ ้ะ 3 คำ) 1) ถำม .......................... .......................... .......................... 2) เขยี ว .......................... .......................... .......................... 3) ยำว .......................... .......................... .......................... 4) เปีย .......................... .......................... .......................... 5) นำ .......................... .......................... .......................... 6) ฟ้ำใส .......................... .......................... .......................... 7) ว่องไว .......................... .......................... .......................... 8) ชำวนำ .......................... .......................... .......................... 9) ถำมไถ่ .......................... .......................... .......................... 10) ขำ้ วสวย .......................... .......................... ..........................