Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนวิชาศิลปะ

หนังสือเรียนวิชาศิลปะ

Published by dussadeeb5, 2021-02-02 13:09:14

Description: หนังสือเรียนวีชาศิลปะ เรื่องทัศนธาตุ ในงานทัศนศิลป์และสิ่งแวดล้อม

Search

Read the Text Version

หนงั สอื เรยี น วชิ าศิลปะ วาดเขยี น งานศิลปะง่าย ๆ เขา้ ใจได้ เรมิ จาก องค์ประกอบความรู้ จากธรรมชาติ นกั เรยี นชนั มะั ยมศึกษาปที 3 By ครูแนน

ก สารบญั ความรเู กย่ี วกับทศั นธาตุ ทศั นธาตุ (Visual Element......................................................๑ พนื้ ฐานการเรียนรู……………………………………………………………………………………………….๑ รูปแบบทศั นธาตุในงานทัศนศลิ ป......................................................................................๑ จุด………………………………………………………………………………………………………….๒ เสน……………………………………………………………………………………………..…………๒ รูปรา งและรปู ทรง…………………………………………………………………………………….๓ พนื้ ทว่ี า ง…………………………………………………………………………………..……………..๓ พื้นทีผ่ ิว นํา้ หนักออน-แก… …………………………………………………………………………๔ สี...........................................................................................................................๕ ทัศนธาตุในงานทศั นฺศลิ ป และสิ่งแวดลอม……………………………………….…..……๖ ทศั นธาตุในงานทศั นศิลป์ และสิงแวดล้อม เหมือนและต่างกนั อย่างไร...............................๘ เสน ……………………………………………………………………………………………….…..….๘ แสงเงา (นํ้าหนกั ออน-แก) ………………………………………………………………………๙ พน้ื ท่วี าง.............................................................................................................๑๐ รูปรา งและรปู ทรง...............................................................................................๑๑ สี........................................................................................................................๑๒ พื้นที่ผวิ ..............................................................................................................๑๔

๑ ทศั นธาตุ ๑. ความรูเก่ยี วกับทศั นธาตุ ทัศนธาตุ (Visual Element) คอื ส่งิ ที่เปน ปจ จยั ของการ มองเหน็ ในผลงานทัศนศิลป อันประกอบไปดวย จดุ เสน รปู รา ง รูปทรง นํา้ หนกั ออ น-แก พืน้ ที่วาง พ้ืนผิว และสี เปนส่งิ ทีศ่ ลิ ปนนา มาใชในการสรางสรรค ผลงาน เพื่อสอื่ ความหมายตามแนวคดิ โดยนําทัศนธาตุ มาประกอบใหเขา กันและเกิดการรวมตัวกนั อยาง สมบูรณ โดยอาศัยหลักเกณฑค วามเปนเอกภาพ ความ กลมกลนื และความสมดุล ๒. พนื้ ฐานการเรียนรู รายละเอยี ดของเสน สี แสงเงา พื้นท่วี า ง รปู ทรง ตลอดจนลักษณะ พื้นผิว ทง้ั หมดนเี้ ปน รายละเอียดของ ภาพ ท่ีทาใหเ รามองเหน็ ถงึ ความสัมพันธเชอื่ มโยงกันของ รูปแบบ ทัศนธาตุทป่ี รากฏอยใู นรูปทรงของภาพ การ มองเหน็ เชนน้ีถือเปน ขอ มลู สาํ คญั ทีช่ ว ยใหสามารถศึกษา วิเคราะหต วั ผลงานทศั นศลิ ป รูปแบบของทัศนธาตุ ประเภทของผลงาน หรอื เนื้อหา ที่ตองการสื่อตาม แนวคิดของศิลปนผสู รางไดงา ยขึน้ เมือ่ มรี ปู ทรงของงานทัศนศลิ ปป รากฏขึน้ ทัศนธาตจุ ะอยรู วมกันอยใู น งานทศั นศลิ ปน ั้นอยางครบถว น ดังนน้ั หากจะทาการวเิ คราะหรูปแบบของทัศนธาตใุ นงานทัศนศลิ ป จา เปน ตอ งแยกทัศนธาตอุ อกเปนอยางๆ เพ่อื ใหงายตอการศึกษาวิเคราะห รวมทัง้ จะไดเ ขาใจแนวความคิด และวตั ถปุ ระสงคของศิลปนในการเลือก รปู แบบทัศนธาตุมาสรางสรรคผลงานทัศนศิลปช ้ินนน้ั ๓. รปู แบบทัศนธาตใุ นงานทศั นศลิ ป ในการสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ปศิลปนจาเปนตอง นาเอาองคประกอบของทัศนธาตมุ าใชใ นการ ออกแบบ ซึ่งผลงานทศั นศลิ ปหรืองานออกแบบทมี่ กี ารจัด วางอยา งถูกตองตามหลักการนนั้ จะทา ใหผลงานมี ความนาสนใจและจงู ใจผชู ม เน่ืองจากมีความ เหมาะสมลงตวั ทั้งจังหวะ การเคลอ่ื นไหวและจดุ สนใจ แตการ จะเลือกใชทัศนธาตไุ ดอยางเหมาะสม จา เปนตองรจู ักวิเคราะหทัศนธาตุท่ีจะนามาใชดวย รูปแบบของทัศนธาตุ ทัศนธาตุ (Visual Element) เปน สวนประกอบสําคญั ท่ีเปน โครงสรา งของงานทัศนศลิ ป หรอื ทปี่ รากฏในงาน ออกแบบ หรือหมายถึง สิ่งที่ เปนปจ จัย หรือสวนประกอบสาํ คญั ในผลงาน ซ่งึ เราสามารถจะเห็นไดเปนเบ้ืองตน อนั ประกอบไปดวยสง่ิ ตาง ๆ ดังน้ี

๒ ๑. จดุ (Point , Dot) เปน ทัศนธาตอุ นั ดบั แรก ไมมีมิติ แตเม่ือนาํ มาเรียงตอกัน จะทาํ ใหเ กดิ เปน เสน และถานําจดุ หลายๆ จดุ มารวมกลุม กนั อยา งหนาแนน ก็ จะเกดิ เปนรูปรา ง หรอื การรวมกันของจดุ ที่มีนํ้าหนัก และปรมิ าตรก็จะเกดิ รปู ทรงตาง ๆ ขนึ้ ๒. เสน (Line) เปน ทศั นธาตุทส่ี ําคัญทสี่ ดุ ในทาง ศลิ ปะและเปนพ้ืนฐานโครงสรางของสงิ่ ตาง ๆ ทใี่ หอารมณ ความรูสึกแกผูชม ทั้งน้ี เสน จะมีคณุ คาทางดานกายภาพ โดยเปน สิง่ ทช่ี วยบงบอกถึงขนาด ลักษณะและ ทิศทาง เสน มี ๒ ลักษณะ ไดแ ก เสนตรง และเสนโคง สว นเสน ลักษณะอนื่ ๆ เกดิ จากการ ประกอบกันของเสน ตรงและเสน โคง ทั้งสิ้น

๓ ๓. รปู รา งและรูปทรง (Shape and Form) เปน รปู ธรรมของการแสดงออกเพอ่ื ส่ือ ความหมายในงานทัศนศิลป โดยท่วั ไปคาํ สองคํานี้ มกั จะใชคูกนั เพราะมคี วามหมายใกลเ คยี งกนั แต ในทางทัศนศลิ ปจ ะมคี วามหมายแตกตา งกนั ดังนี้ รูปรา ง เปน ภาพ ๒ มิติ คอื มีความกวาง และความ ยาว มเี น้อื ทภ่ี ายในเสน ขอบเขต รปู ทรง เปนภาพ ๓ มติ ิ คือ มีความกวา ง ความยาว ความหนา เนื้อท่ี และปรมิ าตรมีการกอรูป รวมตวั กันขึ้นเปนผลงาน ทศั นศลิ ป ๔. พนื้ ทว่ี า ง (Space) ทว่ี างจะอยูคกู บั รูปทรงโดยเปนคทู มี่ ีความหมาย ตรงขา มกัน หรือ ขดั แยงกันกบั รูปทรง แตก ็มีสว นชวยทา ใหรูปทรง มีความเดนชัดมากข้ึน ความหมายของที่วางมีอยู หลายประการ เชน หมายถึง อากาศท่ีโอบลอม รปู ทรง หรอื ระยะหา งระหวา งรูปทรง หรือท่ีเรยี กวา “ชอ งไฟ” เปนตน

๔ ๕. นา้ํ หนักออ น-แก (Tone) ความออน-แกข องบริเวณทถี่ ูกแสงสวา งและบริเวณทเี่ ปน เงาของ วัตถุ โดยการระบายสีในความเขม ระดบั ตา ง ๆ ในงานทศั นศลิ ป ซงึ่ น้ําหนักที่ใชตามลกั ษณะของแสงเงาใน ธรรมชาติ จะทาใหเกิดปรมิ าตรของ รูปทรง และอารมณความรูสึกตอความออน-แกท รี่ ับรู ๖. พ้ืนผิว (Texture) ลกั ษณะพ้ืนผวิ ของสงิ่ ตาง ๆ เชน หยาบ ดา น มนั ละเอียด เนยี น ขรขุ ระ เปนตน พน้ื ผวิ จะมผี ลตอการรับรู จากการมองเหน็ และการสมั ผัส ซึ่งพนื้ ผิวของ งานทัศนศิลปมที ้ังพ้นื ผวิ ตามธรรมชาติ และพืน้ ผวิ ท่ีเกดิ จากการกระทา ของศิลปน

๕ ๗. สี (Color) มคี ุณสมบตั ิ ของตวั เองในเรื่องของ ความเขม หรอื ระดบั สี โดยจะมีลักษณะ เฉพาะท่ีให ความรสู ึกท้ังในดานดแี ละไมด ีตาม ลกั ษณะของสแี ตล ะสี และอาจมีการ เปลีย่ นแปลงไปตามวัฒนธรรมของแต ละ ประเทศ หรอื แตล ะภมู ภิ าค สจี งึ ชว ยทา ใหผ ู พบเหน็ เกดิ การรับรแู ละ สามารถจําแนก ทัศนธาตุอ่ืน ๆ ไดง า ย

๖ ทศั นธาตใุ นงานทศั นฺศิลป และสิง่ แวดลอม ทศั นธาตุในงานทศั นศิลป์ และสิงแวดล้อม เหมือนและต่างกนั อย่างไร นกั เรียนไดเ้ รียนรู้มาแลว้ วา่ ทศั นศิลป์ (Visual art) หมายถึง ศิลปะทีมองเห็น และ ทราบดีวา่ ทศั นธาตุในงานทัศนศิลป์ หมายถึง ส่วนประกอบต่างๆ ทีนาํ มาจดั เป็นภาพ ไดแ้ ก่ เส้น นาํ หนกั ทีวา่ ง รูปร่าง รูปทรง สี และลกั ษณะผวิ แต่นกั เรียนอาจยงั ไม่ทราบวา่ “สิงแวดลอ้ ม” คืออะไร ตา่ งกบั “ธรรมชาติ” ทีเรียนมาแลว้ อยา่ งไร สิงแวดล้อม หมายถึง สิงต่างๆ ทีมีอยแู่ วดลอ้ มชีวติ มนุษยท์ งั สิงทีเป็นธรรมชาติซึง เกิดขึนเอง และสิงทีมนุษยส์ ร้างหรือพฒั นาขึน ทีมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกต่างๆ และเป็น แรงบนั ดาลใจใหเ้ กิดการสร้างสรรคง์ านทศั นศิลป์ ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ มนุษยด์ ว้ ยกนั เอง สตั ว์ พืช ภูเขา แม่นาํ ทะเล ทอ้ งฟ้า ฯลฯ ซึง เป็นแรงบนั ดาลใจใหค้ นเรานาํ มาสร้างงานที สิงทมี นุษย์สร้างขนึ ไดแ้ ก่ บา้ นเรือน อาคารเรียน รถเมล์ รถไฟ เครืองบิน เรือ ฯลฯ ดงั นนั ธรรมชาติจึงเป็นเพียงส่วนหนึงของสิงแวดลอ้ ม และยงั รวมถึงวถิ ีชีวติ วฒั นธรรม เหตุการณ์ และอุบตั ิภยั ต่างๆ ทีมีผลต่อการสร้างแรงบนั ดาลใจให้ มนุษย์ นาํ มาสร้างสรรคง์ านทศั นศิลป์ ทงั สิน ทรัพยากรธรรมชาติเป็นทงั ตน้ แบบและแรงบนั ดาลใจใหม้ นุษยส์ ร้างงานทศั นศิลป์

๗ /\\ ประเพณีตกั บาตรดอกไม้ อาํ เภอพระพทุ ธบาท จังหวัดสระบรุ ี ภาพแสดง วถิ ชี ีวติ และวฒั นธรรมของชาวชุมชน ทีสะทอ้ นความรู้สึกศรัทธาเลือมใดใน พระศาสนา นบั เป็นขอ้ มูล เป็นตน้ แบบ หรือเป็นแรงบนั ดาลใจใหม้ นุษยเ์ กิดความรู้สึก ปรารถนาทีจะถ่ายทอดเป็นงานทศั นศิลป์ ดงั นนั ทศั นคติในสิงแวดลอ้ มจึงหมายถึง ส่วนประกอบเท่าทีแฝงอยใู่ นสิงแวดลอ้ ม รอบตวั เรา ทงั ในส่วนทีเป็นธรรมชาติและในส่วนทีมนุษยส์ ร้างขึน ไดแ้ ก่ เส้น นาํ หนกั ทีวา่ ง รูปร่าง รูปทรง และลกั ษณะผวิ ทศั นธาตุในงานทศั นศิลป์ มีความเหมือนกบั ทศั นธาตุในสิงแวดลอ้ ม กล่าวคือ ใน งานทศั นศิลป์ และในสิงแวดลอ้ มต่างกอ็ าศยั ทศั นธาตุสร้างภาพแห่งความงามใหป้ รากฏแก่ สายตา ความงามจึงเป็นแนวร่วมของทศั นศิลป์ กบั สิงแวดลอ้ ม ในขณะเดียวกนั ทศั นธาตุในงานทศั นศิลป์ กแ็ ตกต่างกบั ทศั นธาตุในสิงแวดลอ้ ม กล่าวคือ ทศั นธาตุในงานทศั นศิลป์ เป็นสิงทีมนุษยส์ ร้างขึนใหม่ จงใจใหเ้ ป็นผลงานศลิ ปะ แต่ทศั นธาตุในสิงแวดลอ้ ม เป็นสิงทีเกิดขึนเอง หรือมีอยกู่ ่อนแลว้ หากจะเปลียนแปลงเป็น งานศิลปะไดม้ นุษยต์ อ้ งนาํ มาสร้างสรรค์

๘ ภาพสิงแวดลอ้ มทีแฝงทศั นธาตุและมีความภาพ ทศั นศิลป์ ทีนาํ ทศั นธาตุในสิงแวดลอ้ มงดงามอยู่ ในนนั มาสร้างสรรค์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างทศั นธาตุในสิงแวดล้อม และในงานทศั นศิลป์ เส้น สร้างอารมณ์และความรู้สึก เส้น (line) หมายถึงการนาํ จุดมาวางเรียงต่อเนืองกนั หรือการลากเส้นระหวา่ งจุด หรือการขดู ขีดเป็นริวรอยต่างๆ เสน้ เป็นพืนฐานสาํ คญั ของการวาดภาพ เพราะสามารถใชใ้ น การร่างภาพ เขียนรูปร่าง รูปทรง ใชใ้ นการแรเงา และนาํ มาจดั องคป์ ระกอบ หรือใชเ้ ป็น จุดเริมตน้ ในการประดิษฐส์ ร้างสรรคง์ านใดๆ กไ็ ด้ เนืองจากเสน้ ใหค้ วามรู้สึกต่ออารมณ์จิตใจของมนุษย์ เราจึงสามารถนาํ เส้นมา สร้างสรรคเ์ ป็นงานศลิ ปะทีใหค้ ุณค่าทางความงามและอารมณ์ความรู้สึกไดโ้ ดยง่าย ลีลาของเสน้ ในธรรมชาติและสิงแวดลอ้ ม เส้นในสิงแวดล้อม การเรียนรู้จงั หวะลีลาของเสน้ ในธรรมชาติและสิงแวดลอ้ ม จะเป็นแรงบนั ดาลใจและ เป็นแม่แบบใหค้ นเรานาํ เส้นมาสร้างสรรคง์ านศลิ ปะได้

๙ ลลี าของเส้นในงานทัศนศิลป์ ทีมนุษย์ นาํ มาจัดองค์ประกอบทาํ ให้เกิดคุณค่า ทางความงาม นําหนัก หรือแสงเงา สร้างมติ แิ ละความงาม นําหนัก (valve) หมายถึง ค่าของแสงและเงาทีทาํ ใหภ้ าพพึงปรากฏ มีนาํ หนกั อ่อนแก่ และมีมิติหรือมีความตืนลึก ซึงมีผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกของมนุษย์ แต่เดิมเรารู้จกั กนั แต่เรืองของแสงเงาซึงเป็นส่วนประกอบพนื ฐานของงานทศั นศิลป์ แสงเงา (light & shade) หมายถึง ลกั ษณะของแสงทีส่องมากระทบวตั ถุ ทาํ ใหเ้ กิด แสงสวา่ งบริเวณทีแสงส่องมากระทบ และเกิดเงาบริเวณทีไม่ไดร้ ับแสงรวมทงั เกิดเงาตก ทอดของวตั ถุนนั ลงบนพืนในทิศทางตรงกนั ขา้ มกบั แสง นาํ หนกั และแสงเงามีคุณค่าในการ สร้างภาพใหม้ ีมิติความตืนลึก มีระยะใกลไ้ กล มีความเหมือนจริง และเกิดคุณค่าทางความ งาม ค่านาํ หนักหรือแสงเงาในธรรมชาติ ทาํ ให้เรามองเห็น ความตืนลึก และเกิดแรงบันดาลใจให้เรานาํ มาถ่ายทอดเป็นงาน ศิลปะ งานศิลปะทีมีนาํ หนกั /แสงเงา

๑๐ ทวี ่าง สร้างความงามอย่างผ่อนคลาย ทีวา่ งหรือบริเวณวา่ ง (space) หมายถึง ช่องวา่ งของภาพหรือพืนทีวา่ ง ทงั ในบริเวณ ลอ้ มรอบรูปทรง พืนทีระหวา่ งรูปทรงหรือพืนทีวา่ งภายในรูปทรง ซึงจะช่วยใหเ้ รามองเห็น ภาพทีแลดูทีปลอดโปร่ง ผอ่ นคลาย ไม่อึดอดั และมีคุณค่าทางความงาม ภาพทีไม่มีทีวา่ งเลยอาจทาํ ใหแ้ ละดูทึบตนั ขาดมิติ ทาํ ใหอ้ ึดอดั ไม่สาบตา ไม่สบายใจและมีคุณคา่ ทางความงามนอ้ ย ช่องวา่ งในธรรมชาติ ทีมองดูแลว้ ปลอดโปร่ง ช่องวา่ งในงานทศั นศิลป์ ซึง ศิลปิ นไดถ้ ่ายทอดไม่ทึบตนั และสร้างแรงบนั ดาลใจใหเ้ กิดการความงาม จินตนาการเป็ นงานศิลปะ

๑๑ รูปร่าง – รูปทรง จากเส้นเป็ นภาพ รูปร่าง (shape) หมายถึง เสน้ รอบนอกของวตั ถุ สิงของเครืองใช้ คน สตั ว์ ตน้ ไม้ เป็นตน้ มีลกั ษณะเป็น ๒ มิติ คือ มีความกวา้ ง – ยาว รูปทรง (form) หมายถึง รูปวตั ถุ สิงของ เครืองใช้ คนสตั ว์ ตน้ ไม้ เป็นตน้ มีลกั ษณะเป็น ๓ มิติ คือ มีความกวา้ ง –ยาว – หนา รูปทรงหรือวตั ถุ มีลกั ษณะเป็น ๓ มิติ

๑๒ รู ปร่ างและรู ปทรงเป็ นส่วนประกอบทีเกิด จากการนาํ เสน้ มาประกอบเป็นรูปภาพ ดงั นนั การฝึ กใชเ้ สน้ ทีชาํ นาญและแม่นยาํ จะนาํ มาสู่ การเขียนภาพ รูปร่างรูปทรงไดด้ ี การสงั เกตรูปร่างหรือเสน้ รอบนอกของวตั ถุสิงของ จะช่วย ใหเ้ ราเห็นภาพทีจะวาดไดช้ ดั เจน และช่วยใหร้ ่างภาพไดช้ ดั เจนรูปร่างและรูปทรงที ปรากฏอยใู่ นสิงแวดลอ้ มรูปร่างและรูปทรงทีนาํ มาสร้างสรรคง์ านทศั นศิลป◌์ สี สร้างจุดเด่นและความงาม สี (colour) หมายถึง ลกั ษณะความเขม้ ขน้ ของแสงทีส่องมากระทบนยั นต์ าของเรา ใหเ้ ห็นเป็นสีต่างๆ ซึงจาํ เป็นตอ้ งมีแสงสวา่ งส่องมากระทบวตั ถุนนั ๆ เราจึงเห็นสีและความ สวยงามได้ สี นบั วา่ มีความเกียวขอ้ งกบั อารมณ์และความรู้สึกของมนุษยเ์ ป็นอยา่ งมาก และเป็น ประโยชนใ์ นการสร้างงานศลิ ปะ สร้างจุดเด่นของภาพ และความสวยงามมีชีวติ ชีวา สีใหค้ วามรู้สึกต่างๆ ดงั นี สีแดง : ความร้อนแรง ความรัก ความตืนเต้น เร้าใจ อันตราย มอี าํ นาจ สีเหลือง : สว่าง เลือมใส ศรัทธา ความรุ่งเรือง สีนาํ เงิน : สุภาพ จริงจัง หนกั แน่น อดทน ขยนั สีเขยี ว : สดชืน มชี ีวิต เจริญงอกงาม สีส้ม : สดใส ตืนตวั อบอุ่น สีม่วง : ลลี บั ปริศนา โดดเดียว สีฟ้า : กว้างขวาง นุ่มนวล ประณีต เรียบร้อย

๑๓ สีนาํ ตาล : เก่าแก่ หนักแน่น เงยี บขรึม สีดาํ : เศร้าใจ หดหู่ ทุกข์ ลึกลบั มืด สีขาว : บริสุทธิ สะอาด สุภาพ เรียบร้อย ภาพสีสนั ดอกไมใ้ นธรรมชาติ ภาพทศั นศลิ ป์ ความงามของสีในธรรมชาติและสิงแวดล้อม ในธรรมชาติรอบตวั เรามีสีสนั ปรากฏอยมู่ ากมาย เป็นแรงกระตุน้ ความรู้สึกของ คนเราใหส้ ดชืนแจ่มใส มชี ีวติ ชีวา หรืออาจใหค้ วามรู้สึกเศร้าหมอง เงียบเหงา แต่ไม่วา่ จะ เป็นความรู้สึกแบบใด กเ็ ป็นแรงบนั ดาลใจใหม้ นุษยส์ ร้างงานศิลปะไดท้ งั สิน

๑๔ ลกั ษณะผวิ ความงามทสี ัมผสั ได้ ลกั ษณะผวิ (texture) หมายถึง พืนผวิ ของวตั ถุทีเรามองเห็นและสัมผสั ได้ และให้ ความรู้สึกต่ออารมณ์จิตใจแตกต่างกนั เช่น ผวิ หยาบใหค้ วามรู้สึกกระดา้ ง มีมิติ ผวิ ขรุขระให้ ความรู้สึกไม่ราบรืน มีอุปสรรค น่าตืนเตน้ ผวิ ละเอียดใหค้ วามรู้สึกนุ่มนวล กลมกลืน อ่อนโยน ผวิ มนั ใหค้ วามรู้สึกโดดเด่น สะทอ้ นแสง ผวิ ดา้ นใหค้ วามรู้สึกราบเรียบ สงบนิง เป็ นตน้ ลกั ษณะผวิ ในธรรมชาติ ในธรรมชาติทีเราประสบพบเห็นจะมีลกั ษณะพนื ผวิ ที แตกต่างกนั เช่น ผวิ หยาบของหนงั ชา้ ง ผวิ ขรุขระของเปลือกไม้ ผวิ ละเอียดของเมด็ ทราบ ผวิ มนั ของใบไม้ เป็นตน้ พนื ผวิ ในธรรมชาติเหล่านี เราสามารถนาํ มาเป็นแนวทางในการเขียน ภาพ หรือนาํ วสั ดุเหล่านีมาสร้างสรรคง์ านศลิ ปะไดอ้ ยา่ งงดงามและมีคุณค่า ลกั ษณะผวิ ในธรรมชาติทีสามารถเห็น อยทู่ วั ไป และเร้าความสนใจใหม้ นุษยน์ าํ มา สร้างงานศลิ ปะ ลกั ษณะผวิ ในธรรมชาติและลกั ษณะผวิ ใน งานทศั นศิลป์

โ ร ง เ รี ย น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า อั ล จี ส์ เ บ ย์ วชาศลิ ปะวาดเขยี น By ครูแนน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook