แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการท่ี 1 หนว่ ยท่ี - รหสั วิชา 2200-1004 วชิ า การขายเบ้อื งต้น 1 สอนคร้งั ท่ี 1 ชอ่ื หนว่ ย/เรือ่ ง ปฐมนิเทศ จานวนชวั่ โมง 1 ช.ม. สาระสาคญั การศกึ ษาวชิ าการขายเบ้อื งต้น 1 เป็นวชิ าทส่ี าคญั ซ่งึ ช่วยใหร้ ูจ้ กั พฒั นาสตปิ ัญญาเพอ่ื แก้ปัญหา ผเู้ รยี น วชิ านน้ี อกจากจะไดค้ วามรูท้ ถี่ กู ตอ้ งตามหลกั พนื้ ฐานการขายแลว้ ยงั สามารถแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ไดอ้ กี ดว้ ย จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจสามารถคดิ วเิ คราะหเ์ กย่ี วกบั การขายได้ 2. มที กั ษะในการคิดและปฏิบตั ติ นต่อการขาย และนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ 3. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจสามารถพจิ ารณาแนวคดิ ทหี่ ลากหลายเก่ยี วกบั การขายได้ 4. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจจุดประสงค์การเรยี นรูแ้ ละการเขา้ ใจถงึ ระเบยี บปฏบิ ตั ติ นในการเรยี นวชิ าการ ขายได้ 5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทผี่ ู้สอนสามารถสงั เกตได้ ในดา้ นความมมี นุษยสมั พนั ธ์ ความมวี นิ ยั ความรบั ผดิ ชอบ ความเช่อื มนั ่ ในตนเอง ความสนใจใฝ่ รู้ ความรกั สามคั คี ความกตญั ญูกตเวที เนื้อหาสาระ 1. ความสาคญั ของการขาย 2. จดุ ประสงคร์ ายวชิ า มาตรฐานรายวชิ าและคาอธบิ ายรายวชิ าการขาย 3. การวดั และการประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ใหน้ ักเรยี นสรา้ งความคนุ้ เคยโดยการจดั กลมุ่ แบง่ ประเภทอาชพี งานขาย โดยยดึ แนวพระราชดารสั เศรษฐกจิ พอเพยี งใหต้ วั แทนเขยี นตอบในกระดาษ หรอื ออกมาเขยี นตอบบนกระดานหนา้ ชนั้ เรยี น และบอกแนวคดิ ในการประกอบอาชพี นัน้ ๆ ขนั้ สอน 2. นักเรียนกับครูผู้สอน ช่วยกันสรุปความสาคญั ของการการขาย โดยบูรณาการกับหลกั ปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งทนี่ ามาใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั กนั โดยทวั่ ไป โดยผเู้ รยี นไดจ้ ดบนั ทกึ ไว้ 3. นกั เรยี นรบั ฟังคาช้แี จงสงั เขปรายวชิ าการขายเบ้อื งต้น 1 และการวดั ประเมนิ ผล ซกั ถามขอ้ ปัญหา รวมทงั้ แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั การเรยี นวชิ าน้ี
2 หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมุดบนั ทกึ การสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมอื วดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งทกุ ขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรงุ 5. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ใหน้ กั เรยี นคน้ หาบทความในส่อื สงิ่ พมิ พเ์ กย่ี วกบั หลกั พนื้ ฐานของการขายมาคนละ 1 เรอ่ื ง
3 แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 2 หนว่ ยที่ 1 รหสั วชิ า 2200-1004 วชิ า การขายเบ้ อื งตน้ 1 สอนคร้งั ที่ 2 ชือ่ หน่วย/เรอ่ื ง ความรเู้ กยี่ วกบั การขายและแนวคิดทางการตลาด จานวน 1 ชวั ่ โมง จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทด่ี ี 3. มีเจตคตแิ ละกจิ นิสยั ท่ดี ใี นการทางานดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หลกั การขาย และความรพู้ นื้ ฐานของการขาย 2. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หนา้ ทก่ี ารขายประเภท และลกั ษณะของงานขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทด่ี ตี ามหลกั การ สาระสาคญั การขายเป็นกจิ กรรมทมี่ ีความสาคญั ต่อการดาเนินธุรกจิ ทุกประเภท เพราะการขายทีด่ ีจะสามารถสรา้ ง รายไดม้ หาศาลใหแ้ ก่องค์กร และสามารถทาใหอ้ งค์กรได้รบั ผลกาไรตอบแทนสูงสุดซ่งึ เป็นเป้าหมายสาคญั ของ ธุรกจิ การขายเป็นอาชีพทม่ี คี วามเป็นอสิ ระ มคี วามท้าทายในตัวเอง เป็นวชิ าชีพทจี่ ะต้องใช้ทงั้ ศาสตร์และศลิ ป์ เพ่อื สรา้ งความเช่อื ถอื และไวว้ างใจจากลกู คา้ ซ่งึ จะทาใหเ้ กดิ การซ้อื ในทสี่ ุด ดังนัน้ การที่จะเป็นพนักงานขายที่ดีนัน้ ควรต้องศึกษาแนวทางในการประกอบอาชีพทงั้ ด้านทเี่ ป็น ทฤษฎีและด้านปฏิบตั ิิเพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจว่าการขายมีความสาคญั อย่างไรตอ่ องค์กรธุรกิจท่เี ราดาเนินงานอยู่ พรอ้ ม กนั นี้ต้องเขา้ ใจถึงแนวความคิดทางการตลาดทจ่ี าเป็นต่อระบบธุรกิจดว้ ยเพราะจะทาใหเ้ กิดแนวทางการปฏบิ ตั ิ ดา้ นต่างๆ เช่นการผลติ สนิ คา้ การตงั้ ราคา การโฆษณาและการส่งเสรมิ การขาย ตลอดจนการกระจายสนิ ค้าและ บรกิ ารต่างๆ ไปสู่ผบู้ รโิ ภคไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวงั 1. บอกความรทู้ วั่ ไปเก่ยี วกบั การขายได้ 2. อธบิ ายหลกั พน้ื ฐานของการขายได้ 3. บอกหนา้ ทข่ี องการขายได้ 4. บอกววิ ฒั นาการของการขายได้ 5. บอกแนวความคดิ ทางการขายกบั แนวความคิดทางการตลาดได้
4 สาระการเรียนรู้ 1. ความรูท้ วั่ ไปเก่ยี วกบั การขาย 2. หลกั พนื้ ฐานของการขาย 3. หน้าทข่ี องการขาย 4. ววิ ฒั นาการของการขาย 5. แนวความคดิ ทางการขายกบั แนวความคดิ ทางการตลาด กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ครูเล่าเรอ่ื งการขายในอดตี ใหน้ ักเรยี นฟัง วา่ มคี วามเป็นมาอย่างไรบ้าง เพ่อื เปรยี บเทยี บกบั การขาย ในปัจจบุ นั ซง่ึ มกี ารเปลย่ี นแปลงไปอย่างรวดเรว็ 2. นกั เรยี นยกตวั อยา่ งการขายในธุรกจิ แต่ละประเภทตามขนาดของผูป้ ระกอบการ ซง่ึ มคี วามจาเป็นและ สาคญั ต่อการดาเนินชวี ติ ของแต่ละบุคคลในสงั คมท่พี ฒั นาไปตามยุคสมยั พรอ้ มกบั การขบั เคล่ือน ระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ ขนั้ สอน 3. ครูกล่าวถึงการตลาดในปัจจุบัน ซ่งึ เป็นกจิ กรรมของระบบการดาเนินงานทางธุรกจิ ทงั้ หมด ท่ี เก่ยี วขอ้ งกบั การวางแผน การกาหนดราคา การจดั จาหน่ายสนิ ค้าหรือบริการ เพ่อื ใหต้ อบสนอง ความต้องการใหก้ บั ลกู คา้ ทงั้ ในปัจจบุ นั และผทู้ ค่ี าดวา่ จะเป็นลกู คา้ ในอนาคต 4. ให้นักเรียนเล่าประสบการณ์เก่ยี วกบั การตลาดตามความเข้าใจ ซ่งึ นักเรยี นไดพ้ บเห็นกจิ กรรม การตลาดทวั่ ไปของการดาเนนิ ธุรกจิ ทมี่ ขี นั้ ตอนและมกี ารวางแผนเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิ เพ่อื ตอบสนองความจาเป็นและความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค โดยอาศยั กระบวนการของการแลกเปล่ยี น 5. ครูผู้สอนใชเ้ ทคนิคการสอนโดยใชก้ ารบรรยาย (Lecture) เพ่อื ช่วยให้นักเรยี นเกดิ การเรยี นรูต้ าม วตั ถุประสงค์ทก่ี าหนด โดยการพูด บอก เล่า อธิบาย ในสง่ิ ทีต่ ้องการสอนแก่ผู้เรียน ใหผ้ ูเ้ รียน ซักถาม แล้วประเมินการเรียนรูข้ องผู้เรียนด้วยวธิ ีใดวธิ หี น่ึง ซ่งึ มอี งค์ประกอบสาคญั ท่ีขาดไม่ได้ ของวธิ สี อน ไดแ้ ก่ - ความหมายและความสาคญั ของการขาย - แนวความคดิ เก่ยี วกบั การตลาด - หลกั พนื้ ฐานของการขาย - แนวคดิ ในการทาธรุ กจิ แบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง - หน้าทขี่ องการขาย - หน้าทข่ี องการตลาด - ความหมายและความสาคญั ของการตลาด - ความสมั พนั ธร์ ะหว่างการขายและการตลาด 6. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม กลุ่มละ 4-5 คน โดยแต่ละกลุ่มหาบทความในนิตยสาร หรอื ส่อื สงิ่ พมิ พธ์ รุ กจิ มากล่มุ ละ 2 บทความ ดงั น้ี 4.1 บทความแนวคดิ เก่ยี วกบั การขาย “Selling Concept” 4.2 บทความแนวคดิ เกย่ี วกบั การตลาด “Marketing Concept’
5 7. ใหแ้ ต่ละกล่มุ นาบทความทห่ี ามาไดน้ ัน้ นาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น ตามสาระสาคญั ดงั นี้ 5.1 บทความนนั้ เกย่ี วกบั แนวคดิ การขายอย่างไรบ้าง 5.2 บทความนนั้ เก่ยี วกบั แนวคดิ การตลาดอย่างไรบ้าง 8. ประธานกลมุ่ สงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านกลุ่มจดบนั ทกึ คะแนน 9. ครอู ธบิ ายและใหค้ าแนะนาเพ่อื แก้ไขขอ้ ทไ่ี มถ่ กู ต้อง หรอื ใหน้ ักเรยี นอภปิ รายซกั ถามขอ้ สงสยั เกณฑก์ ารประเมินการทากิจกรรม การประเมิน เน้ือหาสาระ การนาเสนอ จิตพิสยั รวมคะแนน (10 คะแนน) (10 คะแนน) (10 คะแนน) (30 คะแนน) 1. 2. 3. ... ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………. วนั ทป่ี ระเมนิ …………………………………………… ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 10. ครถู ามคาถามหรือกาหนดปัญหาโดยใหน้ ักเรียนระดมสมองชว่ ยกนั คิดหาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบ ใหเ้ พอ่ื นทุกคนในกลมุ่ ของตนเองเขา้ ใจ 11. ครูใชว้ ธิ สี ุม่ นกั เรยี นทุกกลุ่มตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พ่อื นฟังทงั้ ชนั้ เรยี น 12. ครสู รุปเนื้อหาเรอ่ื งการขายและความคดิ ทางการตลาดอกี ครงั้ โดยใชแ้ ผน่ ใสประกอบ 13. นักศกึ ษาทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 14. นกั เรยี นตรวจคาตอบจากแผ่นใสและประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง แบบประเมินกิจกรรมส่งเสริมคณุ ธรรมนำควำมรู้ คำชี้แจง ใหป้ ระเมนิ รายการแต่ละขอ้ แลว้ เขยี น เคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งระดบั คุณภาพตามความเป็นจรงิ โดย กาหนดน้าหนักคะแนน ดงั นี้.- 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้ , 1 = ควรปรบั ปรงุ รำยกำรประเมินคุณธรรม (ระบพุ ฤตกิ รรมบง่ ช้ตี ามทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ) ระดบั คุณภำพ 4321 1. ควำมสำมคั คี 2. ควำมขยนั อดทน
6 3. ควำมซื่อสตั ยส์ จุ ริต 4. ควำมประหยดั 5. ควำมคิดสร้ำงสรรค์ ผปู้ ระเมนิ ............................................ สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวชิ าการขายเบอ้ื งต้น 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. นิตยสารและบทความเกย่ี วกับการขายและการตลาด 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมุดบนั ทกึ การสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครือ่ งมือวดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
7 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งทุกขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 5. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ นกั เรยี นบอกแนวความคิดเก่ยี วกบั การตลาด และแนวคดิ ในการทาธรุ กจิ แบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 3 หน่วยท่ี 2 สอนคร้งั ท่ี 3 รหัสวิชา 2200-1004 วิชา การขายเบ้ อื งตน้ 1 จานวน 2 ชวั ่ โมง ชอื่ หน่วย/เรื่อง ประเภทและลกั ษณะของงานขาย จดุ ประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทดี่ ี 3. มเี จตคตแิ ละกจิ นิสยั ที่ดใี นการทางานด้วยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจริต ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หลกั การขาย และความรพู้ นื้ ฐานของการขาย 2. แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั หนา้ ทก่ี ารขายประเภท และลกั ษณะของงานขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทด่ี ตี ามหลกั การ
8 สาระสาคญั การขาย (Selling) คือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราต้องค้นหาให้พบว่าลูกค้าต้องการ อะไร และสามารถตอบสนองตามความต้องการของเขาได้ ทงั้ น้ีเพราะสินค้าและบริการท่ีมีอยู่ในตลาดมอี ยู่ มากมายหลายชนดิ แตกต่างกนั ไปตามลกั ษณะ คณุ ประโยชน์ คณุ สมบตั ิ และลกั ษณะของการใชง้ าน ดงั นัน้ การ ขายสนิ คา้ จงึ เป็นงานทแ่ี ตกต่างกนั ตามลกั ษณะของสนิ ค้าและบริการ ตลอดจนนโยบายของกจิ การนนั้ ๆ ดว้ ยเหตุ นพ้ี นกั งานขายต้องใชค้ วามสามารถเฉพาะตัวสงู มากจงึ จะประสบความสาเรจ็ ได้ จงึ เป็นสาเหตุหนึ่งทต่ี ้องศึกษา ว่าการขายมปี ระเภทใดบ้าง และลกั ษณะของการขายนัน้ เป็นอย่างไร เพ่อื จะไดน้ าไปใชก้ ับลูกคา้ ไดอ้ ย่างถูกต้อง และเหมาะสม ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวงั 1. อธบิ ายถงึ การจดั ประเภทของงานขายได้ 2. อธบิ ายถงึ ลกั ษณะของงานขายได้ 3. อธบิ ายถงึ การจดั ประเภทของพนักงานขายตามลกั ษณะงานขายได้ 4. อธบิ ายถงึ ความสมั พนั ธ์ของงานขายกับหน้าทขี่ องการสง่ เสรมิ การตลาดได้ สาระการเรยี นรู้ 1. ประเภทของงานขาย 2. ลกั ษณะของงานขาย 3. ประเภทของพนักงานขายตามลกั ษณะงานขาย 4. ความสมั พนั ธข์ องงานขายกบั หน้าทข่ี องการสง่ เสรมิ การตลาด กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูนาสินค้ามา 2 ชนิด คอื ยาสฟี ันยห่ี อ้ หนึ่ง และโทรศพั ท์มอื ถือ เพ่อื ให้นักเรยี นสาธติ วธิ กี ารขาย ตามที่นักเรียนมีประสบการณ์พบเห็นในชีวิตประจาวนั โดยทวั่ ไปจากร้านค้าปลีก หรอื รา้ นอ่นื ๆ เป็นต้น เพ่อื ทดสอบความรูค้ วามสามารถและทกั ษะของนักเรยี นในการเตรียมความพร้อมศกึ ษา วชิ าการขาย 2. นักเรยี นแสดงบทบาทสมมตุ ใิ นการขายสนิ คา้ โดยเป็นกลุ่มผขู้ าย และผซู้ ้อื 3. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ ถงึ ลกั ษณะ และคุณสมบตั ขิ องผแู้ สดงบทบาทสมมุติในการขาย สนิ คา้ สรปุ การอภปิ รายแลว้ กลา่ วนาเขา้ สู่เนอื้ หาทจี่ ะศกึ ษาในเร่อื งประเภทและลกั ษณะของการขาย ขนั้ สอน 4. ครูผสู้ อนใชเ้ ทคนิคการสอนโดยใช้การบรรยาย (Lecture) เพ่อื ชว่ ยใหน้ ักเรยี นเกดิ การเรยี นรตู้ าม วตั ถุประสงค์ทกี่ าหนด และนาการสอนแบบศนู ย์การเรยี นรมู้ าใชใ้ นหน่วยการเรยี นรใู้ นเรอ่ื ง - ประเภทของงานขาย - ลกั ษณะของงานขาย
9 - ประเภทของพนักงานขาย - ความสมั พนั ธ์ของงานขายกบั หนา้ ทขี่ องการส่งเสรมิ การตลาด งานขาย ระบบการจัดจาหน่าย ตามลักษณะงาน ขายตรง ตวั แทน พนกั งานขาย ไมใ่ ชพ่ นกั งานขาย 5. นกั เรยี นจดั กลมุ่ เป็น 4 กล่มุ ตามความเหมาะสม โดยเลอื กประธานและเลขานุการกลมุ่ แต่ละกลมุ่ เปล่ยี นกันเข้าศึกษาและทากจิ กรรมในศูนย์การเรยี น ทีค่ รูจดั ไวจ้ นครบทงั้ 5 ศูนย์ แต่ละศูนย์มี กจิ กรรมใหน้ กั เรยี นทาตามคาสงั ่ ตา่ งๆ สว่ นศนู ยส์ ารองเตรยี มไวส้ าหรบั กลุม่ ทท่ี ากจิ กรรมเสร็จเร็ว กอ่ นกล่มุ อน่ื ศูนย์การเรยี นรมู้ ดี งั นี้ ศูนย์การเรยี นรทู้ ่ี 1 ประเภทของงานขาย ศูนยก์ ารเรยี นรทู้ ี่ 2 ลกั ษณะของงานขาย ศนู ย์การเรยี นรทู้ ่ี 3 ประเภทของพนกั งานขาย ศนู ย์การเรยี นรทู้ ี่ 4 ความสมั พนั ธข์ องงานขายกบั หน้าทข่ี องการสง่ เสรมิ การตลาด 6. เม่อื นักเรียนทกุ กลมุ่ เขา้ ศกึ ษาและทากิจกรรมครบทกุ ศูนย์การเรยี นแลว้ ให้เขา้ นัง่ ประจาที่และสง่ ตวั แทนแต่ละกล่มุ ออกมาสรุปหน้าชนั้ เรยี นในหวั ขอ้ ท่ีกลุ่มเขา้ ทากจิ กรรมในศูนย์การเรยี นเป็นศูนย์แรก 7. เมอ่ื ตวั แทนกลุม่ สรปุ เสรจ็ แล้วใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ทากจิ กรรมและใบงานตามทีค่ รมู อบหมาย ขนั้ สรปุ และการประยุกต์ 8. ครสู รุปบทเรยี น โดยใชแ้ ผ่นใสประกอบ และอภปิ รายซกั ถามขอ้ สงสยั 9. นักเรยี นทากจิ กรรมต่อเน่ือง โดยตอบคาถามจากบทความในกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และทา ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ โดยครูผสู้ อนพจิ ารณาตามความเหมาะสม สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวชิ าการขายเบ้อื งต้น 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. นิตยสารและบทความเก่ยี วกับการขายและการตลาด 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. ศนู ย์การเรยี นรู้ 5. Powerpoint
10 หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมดุ บนั ทกึ การสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แี่ ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอื่ งมอื วดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์กำรประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ กู ตอ้ งทุกขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50%ขน้ึ ไป 4. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี ่องปรบั ปรุง 5. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั กำรสอน ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. .....................................
11 ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ปัญหำท่ีพบ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .............................................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... แนวทำงแก้ปัญหำ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 4 หนว่ ยท่ี 3 รหสั วชิ า 2200-1004 วิชา การขายเบ้ อื งตน้ 1 สอนครง้ั ท่ี 4 ชื่อหน่วย/เร่ือง ช่องทางการจดั จาหน่ายสินคา้ จานวน 2 ชวั ่ โมง จดุ ประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทดี่ ี
12 3. มีเจตคติและกจิ นิสยั ท่ดี ใี นการทางานด้วยความรบั ผิดชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั หลกั การขาย และความรพู้ นื้ ฐานของการขาย 2. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หนา้ ทกี่ ารขายประเภท และลกั ษณะของงานขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทดี่ ตี ามหลกั การ สาระสาคญั ช่องทางการจดั จาหน่าย (Distribution Channel) เป็นการนาสินค้าจากผู้ผลิตออกสู่ตลาด เป็นการ สะดวกแก่ลูกค้าในการเลือกซอ้ื สนิ ค้าไดห้ ลายรปู แบบ ในสถานทต่ี ่างๆ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว ตรงตามความต้องการ ของลูกค้า ซ่ึงผู้ผลิตจะเลือกใช้ช่องทางการจดั จาหน่ายทางตรง จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค หรือช่องทางการจดั จาหน่ายทางอ้อม ท่มี คี นกลางช่วยทาหน้าท่กี ระจายสินค้าก็ข้ึนอยู่กบั ชนิดของสินค้าและความเหมาะสมของ กจิ การ โดยจะตอ้ งคานงึ ถงึ ค่าใชจ้ า่ ยตลอดจนการแขง่ ขนั กบั คูแ่ ข่งดว้ ย ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวงั 1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของชอ่ งทางการจดั จาหน่ายได้ 2. บอกรายละเอยี ดของชอ่ งทางการจดั จาหน่ายสนิ คา้ อุตสาหกรรมและสนิ คา้ บรโิ ภคได้ 3. บอกปัจจยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลต่อการกาหนดช่องทางการจดั จาหน่ายได้ 4. ตดั สนิ ใจเลอื กชอ่ งทางการจดั จาหน่ายได้ 5. บอกบุคคลทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ชอ่ งทางการจดั จาหน่ายได้ 6. อธบิ ายปัญหาของช่องทางการจดั จาหน่ายได้ สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายและความสาคญั ของช่องทางการจดั จาหน่าย 2. ช่องทางการจดั จาหน่ายสนิ ค้าอุตสาหกรรมและสนิ คา้ บรโิ ภค 3. ปัจจยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อการกาหนดช่องทางการจดั จาหน่าย 4. การตดั สนิ ใจเลอื กชอ่ งทางการจดั จาหน่าย 5. บคุ คลทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ชอ่ งทางการจดั จาหน่าย 6. ปัญหาของช่องทางการจดั จาหน่าย กิจกรรมการเรียนรู้
13 ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูนาแผนภูมิช่องทางการจัดจาหน่ายมาอภิปรายร่วมกัน พรอ้ มทงั้ สนทนาถงึ ความหมายและ ความสาคญั ของชอ่ งทางการจดั จาหน่าย โดยใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อภปิ ราย ขนั้ สอน 2. ครูอธบิ ายความหมายและความสาคญั ของชอ่ งทางการจดั จาหน่าย โดยยกตวั อยา่ งช่องทางการจดั จาหน่ายทางตรง และทางอ้อมมาแสดงเป็นตวั อย่างใหน้ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจใน เนอ้ื หา 3. นักเรยี นจดั กลุ่มโดยวธิ นี บั 1 ถงึ 5 และใหน้ ักเรยี นทนี่ ับหมายเลขเดยี วกนั จะอย่กู ลมุ่ เดยี วกนั โดย แตล่ ะกลมุ่ จะเลอื กประธานและเลขานุการกลุ่ม รว่ มกนั ศึกษาและอภปิ รายภายในกล่มุ ดงั นี้ กลุ่ม 1 ช่องทางการจดั จาหน่ายสนิ ค้าบรโิ ภคและสนิ คา้ อุตสาหกรรม กลุม่ 2 ปัจจยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลต่อการกาหนดช่องทางการจดั จาหน่าย กลมุ่ 3 การตดั สนิ ใจเลอื กชอ่ งทางการจดั จาหน่าย กลมุ่ 4 บคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ช่องทางการจดั จาหน่าย กลุ่ม 5 ปัญหาของชอ่ งทางการจดั จาหน่าย 4. ประธานกลุ่มสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ของสมาชกิ ในกลุม่ พรอ้ มจดบนั ทกึ สง่ ครู 5. ตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลการอภปิ รายกล่มุ กลุม่ ละไมเ่ กนิ 10 นาทตี ามลาดบั กลมุ่ ผทู้ ส่ี งั เกตพฤตกิ รรม การนาเสนอผลงานใหบ้ นั ทกึ สง่ ครู ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 6. ครแู ละนกั เรยี นทบทวนบทเรยี น โดยการอธบิ ายซกั ถาม และใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ทาใบงาน 7. ครูและนักเรยี นร่วมสรุปเนือ้ หาในหน่วยการเรยี นอกี ครงั้ โดยวธิ ี ถาม – ตอบและซกั ถามขอ้ สงสยั นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง
14 ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวชิ าการขายเบ้อื งต้น 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. นติ ยสารและบทความเก่ยี วกับการขายและการตลาด 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมดุ บนั ทึกการสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แี่ ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่อื งมือวดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องทกุ ขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คอื 50%ขน้ึ ไป 4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 5. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ คอื 50% ขน้ึ ไป
15 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ นกั เรยี นบอกปัจจยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลต่อการกาหนดช่องทางการจดั จาหน่าย บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ปัญหำที่พบ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .............................................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... แนวทำงแก้ปัญหำ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. .....................
16 ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 5 หนว่ ยท่ี 4 สอนคร้งั ที่ 5 รหสั วชิ า 2200-1004 วิชา การขายเบ้ อื งตน้ 1 จานวน 2 ชวั ่ โมง ชือ่ หน่วย/เร่อื ง การโฆษณาและการสง่ เสรมิ การขาย จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรูพ้ นื้ ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทดี่ ี 3. มเี จตคติและกิจนิสยั ที่ดีในการทางานด้วยความรบั ผิดชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจริต ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั หลกั การขาย และความรูพ้ นื้ ฐานของการขาย 2. แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั หน้าทกี่ ารขายประเภท และลกั ษณะของงานขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทดี่ ตี ามหลกั การ สาระสาคญั การโฆษณาเป็นส่วนหนงึ่ ของการส่งเสรมิ การตลาด การโฆษณาจะชว่ ยใหก้ ารติดต่อระหวา่ งผผู้ ลติ กบั ผบู้ รโิ ภคเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะสามารถใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั สินค้าได้ชดั เจน สามารถนาไปเปรยี บเทียบ กับคู่แข่งขนั ได้ การโฆษณามีหลายรูปแบบ และใช้กับส่อื ได้หลากหลาย การตดั สินใจจะเลือกรูปแบบของการ โฆษณาแบบใดหรอื ใชส้ ่อื ชนดิ ใดขน้ึ อย่กู ับชนิดของสนิ คา้ และกลมุ่ ลกู คา้ เป้าหมาย นอกจากนี้การสง่ เสรมิ การขายวธิ กี ารต่างๆ จะชว่ ยในการสรา้ งแรงจูงใจใหผ้ บู้ ริโภคเกดิ การตดั สนิ ใจซ้อื สนิ คา้ ไดด้ ขี น้ึ ดว้ ย ซง่ึ จะทาใหธ้ รุ กจิ ประสบความสาเรจ็ บรรลุเป้าหมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ผลการเรยี นร้ทู ค่ี าดหวงั 1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของการโฆษณาได้ 2. บอกวตั ถปุ ระสงคข์ องการโฆษณาได้ 3. บอกประเภทของการโฆษณาได้
17 4. เลอื กใชส้ อ่ื ทใี่ ชใ้ นการโฆษณาได้ 5. บอกความหมายและความสาคญั ของการสง่ เสรมิ การขายได้ 6. บอกวตั ถุประสงค์และเป้าหมายของการส่งเสรมิ การขายได้ 7. บอกประเภทและวธิ กี ารสง่ เสรมิ การขายได้ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและความสาคญั ของการโฆษณา 2. วตั ถุประสงค์ของการโฆษณา 3. ประเภทของการโฆษณา 4. สอ่ื ทใี่ ชใ้ นการโฆษณา กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเขำ้ ส่บู ทเรียน 1. ใหน้ กั เรยี นดภู าพโฆษณาและร่วมกนั อภปิ รายถงึ ความหมายและความสาคญั ของการโฆษณา สรุปถงึ ความหมายและความสาคญั ของการโฆษณา ขนั้ สอน 2. ครูใช้วิธีการสอนแบบ Jigsaw โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 3 คน เลือก ประธานและเลขานุการ สมาชกิ ในแตล่ ะกล่มุ มคี วามสามารถแตกต่างกนั ในแต่ละกล่มุ ตงั้ ชอ่ื ว่าเป็น กลุ่มบา้ น กลุ่มบา้ น ก กลุม่ บ้าน ข กลุม่ บ้าน ค สมาชกิ ทงั้ 3 คน ในแตล่ ะกลมุ่ บ้านยอ่ ยๆ นัน้ จะไดร้ บั ใบงานไปปฏบิ ตั เิ หมอื นกนั ดงั น้ี สมาชกิ คนที่ 1 ในกล่มุ ก ,ข , ค ใบงานที่ 4.1 สมาชกิ คนที่ 2 ในกลุม่ ก ,ข , ค ใบงานที่ 4.2 เม่อื ไดร้ บั ใบงานครบ ครูให้นักเรยี นทไ่ี ดร้ บั ใบงานเร่อื งเดยี วกันเขา้ รวมกลุ่มกัน เรียกช่อื ใหม่ว่า กลุ่มผเู้ ชย่ี วชาญ แต่ละกลุ่มใน 3 กลุม่ เลอื กประธานและเลขานุการ 3. นกั เรยี นกลุ่มผูเ้ ช่ยี วชาญแต่ละกลุ่มทากิจกรรมทีก่ าหนดในใบงาน โดยร่วมกันค้นคว้าอภปิ รายแสดง ความคิดเหน็ หาขอ้ สรุปและบนั ทกึ ในใบงานของตน ประธานกลุ่มสงั เกตพฤติกรรมการทากจิ กรรม กลมุ่ ของสมาชกิ 4. ใหน้ ักเรยี นอ่านบทความ “โพลออนไลนอ์ ทิ ธพิ ลโฆษณาพบรปู แบบ “ปากต่อปาก” ขยายผลมาก ทสี่ ุดแลว้ ใหต้ อบคาถาม: 1. การโฆษณามคี วาสาคญั ตอ่ การขายอย่างไรบา้ ง 2. ถา้ นกั เรยี นเป็นผู้ จาหน่ายสนิ คา้ นักเรยี นจะใชว้ ธิ กี ารโฆษณารูปแบบใด และเพราะเหตใุ ด
18 5. ใหน้ ักเรยี นบอกประเภทของการโฆษณาพรอ้ มยกตวั อย่างรูปภาพประกอบ ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 7. นักเรยี นแต่ละคนในกลมุ่ ผเู้ ชยี่ วชาญกลบั มายงั กลุ่มเดิม คอื กลุ่มบ้าน ก ,ข ,ค แล้วผลดั เปล่ยี นกัน อธบิ ายเรอ่ื งทต่ี นคน้ ควา้ และไดข้ อ้ สรุปมาใหเ้ พ่อื นสมาชกิ ในกลมุ่ ฟัง 8. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมกลุม่ 9. จดั กจิ กรรมต่อเน่อื ง โดยใหน้ กั ศกึ ษาอ่านบทความ เรอ่ื งการโฆษณาและสง่ เสรมิ การขายของ KFC แล้ววเิ คราะหส์ รุปผล 10. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง รวมทงั้ กจิ กรรม การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวชิ าการขายเบ้อื งตน้ 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. นิตยสารและบทความเกย่ี วกับการขายและการตลาด 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมุดบนั ทกึ การสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมือวดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
19 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ กู ตอ้ งทุกขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คอื 50%ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรุง 5. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ใหน้ กั เรยี นนาสอ่ื ทใี่ ชใ้ นการโฆษณามาคนละ 1 รปู ภาพ บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ปัญหำท่ีพบ ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .....................
20 ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... แนวทำงแก้ปัญหำ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 6 หน่วยท่ี 4 รหสั วชิ า 2201-1004 วิชา การขายเบ้ ืองตน้ 1 สอนครง้ั ที่ 6 ชอื่ หนว่ ย/เร่ือง การโฆษณาและการส่งเสรมิ การขาย จานวนชวั ่ โมง 2 ช.ม. จดุ ประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทด่ี ี 3. มีเจตคติและกจิ นิสยั ที่ดใี นการทางานดว้ ยความรบั ผิดชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การขาย และความรพู้ นื้ ฐานของการขาย 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หนา้ ทก่ี ารขายประเภท และลกั ษณะของงานขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทดี่ ตี ามหลกั การ สาระสาคญั การโฆษณาเป็นส่วนหนงึ่ ของการส่งเสรมิ การตลาด การโฆษณาจะชว่ ยใหก้ ารติดต่อระหวา่ งผผู้ ลติ กับ ผบู้ รโิ ภคเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะสามารถใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั สนิ คา้ ได้ชดั เจน สามารถนาไปเปรยี บเทียบ กับคู่แข่งขนั ได้ การโฆษณามีหลายรูปแบบ และใช้กบั ส่อื ได้หลากหลาย การตดั สนิ ใจจะเลือกรูปแบบของการ โฆษณาแบบใดหรอื ใชส้ ่อื ชนิดใดขน้ึ อยู่กับชนิดของสนิ คา้ และกลุม่ ลูกคา้ เป้าหมาย
21 นอกจากนกี้ ารส่งเสรมิ การขายวธิ ีการต่างๆ จะช่วยในการสรา้ งแรงจูงใจใหผ้ บู้ รโิ ภคเกดิ การตดั สนิ ใจซ้อื สนิ คา้ ไดด้ ขี น้ึ ดว้ ย ซง่ึ จะทาใหธ้ รุ กจิ ประสบความสาเรจ็ บรรลุเป้าหมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของการโฆษณาได้ 2. บอกวตั ถปุ ระสงค์ของการโฆษณาได้ 3. บอกประเภทของการโฆษณาได้ 4. เลอื กใชส้ อ่ื ทใ่ี ชใ้ นการโฆษณาได้ 5. บอกความหมายและความสาคญั ของการส่งเสรมิ การขายได้ 6. บอกวตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายของการส่งเสรมิ การขายได้ 7. บอกประเภทและวธิ กี ารส่งเสรมิ การขายได้ สาระการเรยี นรู้ 5. วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายของการสง่ เสรมิ การขาย 6. ประเภทและวธิ กี ารส่งเสรมิ การขาย กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเข้ำส่บู ทเรียน 1. ให้นักเรียนนาส่อื โฆษณาประเภทต่างๆ มาอภิปรายแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นซ่งึ กนั และกัน ว่าแต่ละ ส่ือมีความเหมาะสม และสะท้อนเพ่อื ก่อให้เกิดอะไรบ้างในการส่งเสริมการตลาดของธุรกิจแต่ละ ประเภท และมสี อ่ื ประเภทใดบา้ งทน่ี าเสนอในแงม่ มุ ของสงั คมได้ดี 2. ครูและนักเรยี นสรุปร่วมกนั เกย่ี วกบั สอ่ื โฆษณาทน่ี ามาเสนอทงั้ หมด ขนั้ สอน 3. ครูใช้วิธีการสอนแบบ Jigsaw ซ่ึงต่อจากเนื้อหาในสปั ดาห์ท่ีผ่านมา โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็นกลมุ่ ย่อย กลุ่มละ 3 คน เลอื กประธานและเลขานุการ สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ มคี วามสามารถ แตกตา่ งกนั ในแต่ละกลมุ่ ตงั้ ชอ่ื ว่าเป็นกลุม่ บ้าน สมาชกิ ทงั้ 3 คน ในแต่ละกลุ่มบา้ นย่อยๆ นนั้ จะไดร้ บั ใบงานไปปฏบิ ตั เิ หมอื นกนั สมาชิกคนท่ี 1 ในกลุ่ม ง, จ, ช ใบงานท่ี 4.3 สมาชกิ คนที่ 2 ในกลุ่ม ง, จ, ช ใบงานท่ี 4.4 เม่อื ไดร้ บั ใบงานครบ ให้นักเรียนทไ่ี ด้รบั ใบงานเร่อื งเดยี วกนั เขา้ รวมกล่มุ กนั เรียกช่อื ใหม่ว่ากลุ่ม ผเู้ ชย่ี วชาญ แตล่ ะกลุ่มเลอื กประธานและเลขานุการ
22 4. นกั เรยี นกลุ่มผูเ้ ช่ียวชาญแต่ละกลุ่มทากจิ กรรมทีก่ าหนดในใบงาน โดยรว่ มกนั ค้นคว้าอภิปรายแสดง ความคดิ เห็นหาขอ้ สรปุ และบนั ทกึ ในใบงานของตน ประธานกลุ่มสงั เกตพฤติกรรมการทากจิ กรรม กล่มุ ของสมาชกิ ขนั้ สรปุ และการประยุกต์ 5. นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มผู้เช่ียวชาญกลบั มายงั กลุ่มเดิม แล้วผลัดเปล่ยี นกันอธิบายเร่ืองท่ีตน คน้ ควา้ และไดข้ อ้ สรุปมาใหเ้ พอ่ื นสมาชกิ ในกลมุ่ ฟัง 6. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมกลุ่ม และรว่ มกนั สรปุ เน้อื หาอกี ครงั้ จากแผน่ ใส 7. จดั กจิ กรรมต่อเน่อื ง โดยใหน้ กั ศกึ ษาอา่ นบทความ เร่อื งการโฆษณาและสง่ เสรมิ การขายของเนสที แลว้ วเิ คราะหส์ รุปผล 8. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง พรอ้ มทา กจิ กรรมการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ สอื่ และการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นวชิ าการขายเบ้อื งต้น 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. นติ ยสารและบทความเก่ยี วกบั การขายและการตลาด 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมดุ บนั ทกึ การสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครือ่ งมอื วดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ
23 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์กำรประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ กู ตอ้ งทุกขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ า่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50%ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 5. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ นักเรยี นบอกประเภทและวธิ กี ารสง่ เสรมิ การขาย บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ..................................... ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .....................
24 .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... แนวทางแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ..................... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการท่ี 7 หน่วยท่ี 5 รหัสวิชา 2200-1004 วชิ า การขายเบ้ อื งตน้ 1 สอนคร้งั ที่ 7 ชอื่ หน่วย/เรอื่ ง ความรเู้ ก่ยี วกบั ตนเอง จานวน 2 ชวั ่ โมง จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ นื้ ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทด่ี ี 3. มีเจตคตแิ ละกจิ นิสยั ท่ีดีในการทางานดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 3. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั ตนเอง กจิ การ ผลติ ภณั ฑ์ ลกู คา้ คแู่ ขง่ ขนั โอกาสและความกา้ วหนา้ ของนกั ขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทด่ี ตี ามหลกั การ สาระสาคญั บุคลิกภาพเป็นส่ิงสาคญั ของอาชพี พนักงานขาย ดงั นัน้ ก่อนการปฏิบตั ิหน้าท่ี พนักงานขายจะต้อง สารวจตนเองว่ามบี ุคลกิ ภาพเป็นอย่างไร เหมาะสมกับอาชพี ขายหรอื ไม่ หากพบจุดด้อย จะต้องพฒั นาใหด้ ขี น้ึ อาชพี พนกั งานขายเป็นคนกลางระหว่างนายจา้ งกบั ลูกคา้ ซง่ึ ทงั้ สองฝ่ายมคี วามต้องการทแ่ี ตกต่างกนั พนักงาน ขายจึงควรทราบทงั้ ความต้องการของนายจา้ ง และความต้องการของลูกคา้ เพ่อื ปรบั ปรุงและพฒั นาตนเองให้ สอดคล้องกบั ความต้องการของทงั้ สองฝ่าย ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 1. บอกสงิ่ ทพี่ นกั งานขายจะต้องสารวจตนเองได้
25 2. บอกวธิ กี ารพฒั นาบคุ ลกิ ภาพของพนกั งานขายได้ 3. อธบิ ายวธิ กี ารขายตนเองก่อนขายสนิ คา้ ได้ 4. บอกคุณสมบตั ทิ จ่ี าเป็นของพนกั งานขายได้ 5. บอกคุณสมบตั ขิ องพนกั งานขายทน่ี ายจา้ งตอ้ งการได้ 6. บอกคุณสมบตั ขิ องพนักงานขายทลี่ ูกค้าตอ้ งการได้ 7. อธบิ ายเทคนคิ การชนะใจลกู คา้ ได้ สาระการเรยี นรู้ 1. การสารวจตนเองของพนกั งานขาย 2. การพฒั นาบุคลิกภาพของพนักงานขาย 3. การขายตนเองก่อนขายสนิ คา้ 4. คุณสมบตั ทิ จ่ี าเป็นของพนกั งานขาย 5. คณุ สมบตั ขิ องพนกั งานขายทน่ี ายจา้ งต้องการ 6. คุณสมบตั ขิ องพนกั งานขายทลี่ กู คา้ ต้องการ 7. เทคนิคการชนะใจลกู คา้ กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเขำ้ สู่บทเรียน 1. ครูกล่าวถึงพนักงานขายมปี ระสิทธิภาพและสามารถประสบผลสาเร็จในการขายจะต้องมีการ เตรยี มตวั เป็นอยา่ งดเี พ่อื ใหม้ ีความพร้อมเสมอสาหรบั การปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ส่งิ สาคญั ก่อนกระทาการ ใดกต็ ามพนกั งานขายจะตอ้ งมกี ารสารวจตนเองและวางแผนลว่ งหนา้ ใหพ้ รอ้ มดว้ ย ซง่ึ การวางแผน ทด่ี จี ะกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อตวั พนักงานขายเอง และผซู้ ้อื 2. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับพนักงานขายจะต้องมกี ารเตรยี มพรอ้ มในหลายๆ ดา้ น เพ่อื จะทาใหส้ ามารถตอบขอ้ สงสยั ของผมู้ ุ่งหวงั ไดใ้ นทกุ เรอ่ื ง ซง่ึ พนักงานขายไมส่ ามารถทจี่ ะทราบ ได้ล่วงหน้าเลยว่าผูม้ ุ่งหวงั จะมีคาถามเก่ยี วกับเร่อื งใด การตอบคาถามของผู้มุ่งหวงั ได้ในทุกๆ เร่อื งโดยไม่ติดขดั จะทาให้พนักงานขายมคี วามน่าเช่อื ถือมากข้นึ ผู้มุ่งหวงั มคี วามมนั ่ ใจในตัว พนักงานขายมากขน้ึ จนกระทงั่ ตดั สนิ ใจซ้อื ในทสี่ ุด ขนั้ สอน 3. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม เลือกประธานและเลขานุการกลุ่ม เพ่ือศึกษาเอกสาร ประกอบการเรยี นในหวั ขอ้ ต่อไปนี้ 1. การสารวจตนเองของพนกั งานขาย 2. การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพของพนักงานขาย 3. การขายตนเองก่อนขายสนิ ค้า 4. คุณสมบตั ทิ จี่ าเป็นของพนักงานขาย
26 5. คุณสมบตั ขิ องพนกั งานขายทนี่ ายจา้ งตอ้ งการ 6. คุณสมบตั ขิ องพนกั งานขายทล่ี กู ค้าตอ้ งการ 7. เทคนิคการชนะใจลูกค้า คุณสมบตั ิที่จาเป็นของพนักงานขาย (Qualification of sale man) พนักงานขายหากตอ้ งการความสาเรจ็ ในการประกอบอาชพี ต้องมคี ณุ สมบตั ติ า่ งๆ ดงั นี้ 1. มคี วามกระตือรอื ร้น ตลอดเวลาที่จะหาโอกาสในการเสนอขายสินค้า ตลอดจนการบริการ ต่างๆ ทงั้ ยงั มคี วามคล่องแคลว่ วอ่ งไวกระฉับกระเฉงทกุ สถานการณ์ 2. มมี นุษยส์ มั พนั ธ์ทด่ี ี สามารถเขา้ กบั บุคคลอน่ื ได้ดี โดยใชห้ ลกั จติ วทิ ยาในการเรยี นรลู้ ูกคา้ จน สามารถกระตุ้นใหล้ ูกคา้ เกดิ ความสนใจและตดั สนิ ใจซ้อื สนิ คา้ 3. มวี าทศลิ ป์ ท่ดี ี สามารถใช้ปากเป็นเครอ่ื งมือสาคญั อีกทงั้ รูจ้ กั กาลเทศะในการพูด โดยพูดสนั้ ๆ แต่ได้ใจความสามารถโน้มน้าวใจให้ลูกคา้ เกิดการตัดสนิ ใจในการซ้อื สินค้า ขณะเดียวกนั ควรเป็นนักพูดทดี่ ี นักฟังทดี่ ี และนกั แสดงทด่ี ี 4. มคี วามจรงิ ใจ ซอ่ื สตั ย์ ต่อลกู คา้ ดว้ ยความาต้องการเพยี งใหล้ ูกค้าไดร้ บั สนิ คา้ และการบริการ ทดี่ ี คมุ้ คา่ กบั เงนิ ทล่ี กู คา้ เสยี ไป 5. มสี ขุ ภาพร่างกายทด่ี ี เป็นมติ รกบั ทุกคน อารมณด์ ี มกี ารเสนอขายสนิ คา้ ทไี่ มด่ ูเคร่งเครยี ด 6. มบี คุ ลกิ ภาพทด่ี ี คอื มกี ริ ยิ าท่าทาง การแตง่ กายเรยี บรอ้ ย น้าเสยี งน่าฟัง 7. เป็นบคุ คลทใี่ ฝ่หาความรู้ คอื พรอ้ มทจ่ี ะแสวงหาความรูเ้ พ่ิมเตมิ อยู่ตลอดเวลา เพ่อื ประโยชน์ ต่อการปฏบิ ตั งิ านขายโดยเฉพาะความรูเ้ ก่ยี วกบั สนิ คา้ ตนเอง ตลอดจนสนิ คา้ ของคแู่ ขง่ ขนั ทา ใหเ้ กดิ การไดเปรยี บในการขายสนิ ค้าชนดิ นัน้ ๆ 8. มีความศรัทธาในอาชีพการขาย ว่าสามารถจะนาพาชีวิตของพนักงานขายไปสู่ความ เจรญิ ก้าวหน้าในการดาเนินชีวิต ตลอดจนความมนั ่ คงในการประกอบอาชีพ เพ่อื นาพาชีวติ ไปสคู่ วามสาเรจ็ 9. มคี วามอดทน อุตสาหะ ขยนั ขนั แขง็ ในการขาย สรา้ งความพึงพอใจให้เกดิ กับลูกค้า ความ อดทน มสี ่วนช่วยสามารถขายสนิ คา้ ไดง้ ่ายขน้ึ ปรมิ าณการขายสูงขน้ึ ตามไปดว้ ย 4. นักเรยี นและจดบนั ทกึ สรปุ สาระสาคญั ในแต่ละหวั ขอ้ ลงในสมุด เปิดโอกาสใหซ้ กั ถามขอ้ สงสยั ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 6. ครแู ละนกั ศกึ ษารว่ มกนั สรุปบทเรยี นอกี ครงั้ โดยวธิ ถี าม – ตอบ 7. นักเรียนทากิจกรรมโดยสรุปคุณสมบตั ิทัว่ ไปของพนักงานขายที่ดี และตัดประกาศรบั สมัคร พนกั งานขายของบรษิ ทั ทวั่ ไปจากหนังสอื พมิ พ์ 8. นักเรียนทากจิ กรรม เพ่อื นาความรู้เก่ยี วกบั งานขายไปประยุกต์ในการประกอบอาชพี การขายได้ โดยอ่านจากการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ (ครผู สู้ อนพจิ ารณาตามความเหมาะสม)
27 9. นักเรยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และตรวจคาตอบจากแผ่นใส โดยประเมนิ ตนเองจากแบบ ประเมนิ ตนเอง สือ่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวชิ าการขายเบอ้ื งต้น 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ บทความ 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมุดบนั ทกึ การส่งงาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แี่ ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ กู ต้องทุกขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50%ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 5. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ คอื 50% ขน้ึ ไป
28 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ นกั เรยี นบอกเทคนคิ ของการชนะใจลูกคา้ โดยการนาสนิ คา้ มาเสนอในชนั้ เรยี นประกอบ แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 8 หน่วยท่ี 6 สอนครง้ั ท่ี 8 รหสั วิชา 2200-1004 วิชา การขายเบ้ อื งตน้ 1 จานวน 2 ชวั ่ โมง ชื่อหนว่ ย/เรือ่ ง ความรเู้ กยี่ วกับกจิ การ จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรูพ้ นื้ ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทดี่ ี 3. มีเจตคติและกิจนิสยั ทดี่ ีในการทางานดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 3. แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั ตนเอง กจิ การ ผลติ ภณั ฑ์ ลกู คา้ คแู่ ขง่ ขนั โอกาสและความก้าวหนา้ ของนักขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทด่ี ตี ามหลกั การ สาระสาคญั ความรูเ้ ก่ยี วกบั กจิ การของพนักงานขายเป็นสงิ่ สาคญั เพราะความรูเ้ กย่ี วกบั กจิ การชว่ ยใหพ้ นกั งานขาย เกดิ ความเชอ่ื มนั ่ มขี วญั และกาลงั ใจในการทางาน และช่วยใหง้ านขายประสบผลสาเรจ็ ได้ ความรูท้ พี่ นกั งานขาย ควรทราบ ได้แก่ ประวตั ิความเป็นมาของกิจการ ลกั ษณะของกจิ การ ลกั ษณะการจดั องค์กร และลกั ษณะการ ประกอบธุรกจิ ซง่ึ พนกั งานขายสามารถหาความรเู้ หลา่ น้ไี ดท้ งั้ ภายในและภายนอกกจิ การ ผลการเรยี นร้ทู ี่คาดหวงั 1. บอกความสาคญั ของการมคี วามรู้เก่ยี วกบั กจิ การได้ 2. บอกความรเู้ ก่ยี วกบั กจิ การทพี่ นกั งานขายควรทราบได้ 3. บอกแหล่งความรเู้ กย่ี วกบั กจิ การได้
29 สาระการเรยี นรู้ 1. ความสาคญั ของการมีความรูเ้ กย่ี วกบั กจิ การ 2. ความรูเ้ ก่ยี วกบั กจิ การทพ่ี นักงานขายควรทราบ 3. แหล่งความรเู้ กย่ี วกบั กจิ การ กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเข้ำสู่บทเรยี น 1. นักเรียนช่วยกันยกตวั อย่างกิจการทปี่ ระสบความสาเรจ็ ในประเทศไทย และร่วมกนั อภปิ รายว่า เพราะเหตใุ ดกจิ การเหล่าน้ีจงึ ประสบผลสาเรจ็ และครองใจผบู้ รโิ ภคมาไดจ้ นทกุ วนั น้ี 2. ครรู ว่ มสรุปผลการอภปิ ราย และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ส่วนประกอบสาคญั ทที่ าใหก้ จิ การประสบ ผลสาเรจ็ ขนั้ สอน 3. ครูอธบิ าย เร่อื งความรเู้ กย่ี วกบั กจิ การทพ่ี นักงานขายต้องศกึ ษา แหล่งความรเู้ กย่ี วกบั กจิ การ และ ประโยชนข์ องการมคี วามรเู้ กย่ี วกบั กจิ การ 4. นกั เรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั และบนั ทกึ สรุปลงในสมุด 5. นักเรยี นแบง่ กลุ่มตามความเหมาะสมทากจิ กรรมการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ (ใชเ้ วลา 50 นาท)ี 6. นักเรียนแบ่งกลุ่มใหม่ตามความเหมาะสม 4 กลุ่ม โดยจดั ผู้ทเ่ี รียนเก่ง ปานกลาง อ่อน คละกัน เลอื กประธานและเลขานุการกลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ เขา้ ประจาตามสถานที คี่ รูตงั้ ขน้ึ 4 สถานี ครนู าบอร์ดเป็น กระดาษหลากสี เขยี นช่อื สถานี 4 ช่อื และในบอร์ดมคี าถามเขยี นไวใ้ หน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มเขยี น คาตอบจากคาถามทก่ี าหนด โดยหมนุ เวยี นกนั เขยี นคาตอบตามสถานตี า่ งๆ 7. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เมอ่ื เขยี นคาตอบเสรจ็ ทุกสถานีแลว้ เขา้ นัง่ ประจาทต่ี ามกลมุ่ 8. ตวั แทนกลุม่ สรุปคาตอบทส่ี มาชกิ ในกลมุ่ ตอบหน้าชนั้ เรยี น 9. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ จากคาตอบทุกขอ้ ทต่ี อบถูก 10. กลุม่ ทต่ี อบถูกมากทสี่ ดุ จะเป็นกลุ่มทไี่ ดร้ บั รางวลั (ตวั แทนกลุ่มกลา่ วช่นื ชมและปรบมอื ใหเ้ กยี รต)ิ 11. ครแู ละประธานกลุ่มประเมนิ พฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ และการนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น ขนั้ สรปุ และกำรประยุกต์ 12. ครแู ละนักศกึ ษารว่ มกนั สรุปเนอ้ื หาโดยใชแ้ ผ่นใส และเปิดโอกาสใหซ้ กั ถามขอ้ สงสยั 13. นกั เรยี นทากจิ กรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 14. นักเรยี นตรวจแบบประเมนิ จากแผ่นใสดว้ ยตนเอง เพอ่ื ทดสอบความซ่อื สตั ย์ สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
30 1. หนงั สอื เรยี นวชิ าการขายเบอ้ื งตน้ 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพประกอบต่างๆ 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ชอ่ื 2. สมุดบนั ทึกการสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แี่ ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครือ่ งมือวดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องทุกขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 5. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ
31 ใหน้ กั เรยี นบอกประโยชนข์ องการมคี วามรูเ้ ก่ยี วกบั กจิ การ แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 9 หน่วยที่ - สอนคร้งั ท่ี 9 รหัสวชิ า 2200-1004 วิชา การขายเบ้ อื งตน้ 1 จานวน 2 ชวั ่ โมง ชื่อหนว่ ย/เรอื่ ง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน จุดประสงคร์ ายวิชา - สมรรถนะรายวิชา - สาระสาคญั ทบทวน/สอบกลางภาคเรยี น แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการที่ 10 หนว่ ยที่ 7 สอนคร้งั ท่ี 10 รหสั วิชา 2200-1004 วชิ า การขายเบ้ อื งตน้ 1 จานวน 2 ชวั ่ โมง ชือ่ หนว่ ย/เร่ือง ความรเู้ ก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑ์
32 จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรูพ้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทดี่ ี 3. มเี จตคติและกิจนิสยั ท่ดี ใี นการทางานด้วยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจริต ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 3. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั ตนเอง กจิ การ ผลติ ภณั ฑ์ ลูกคา้ คู่แขง่ ขนั โอกาสและความก้าวหน้าของนกั ขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทดี่ ตี ามหลกั การ สาระสาคญั ความรูเ้ ก่ยี วกับผลติ ภัณฑ์ เป็นความรูท้ ส่ี าคญั และจาเป็นอย่างย่ิงสาหรบั การปฏิบตั หิ น้าทขี่ ายของ พนกั งานขาย เพอ่ื พนักงานขายจะได้นาเสนอเก่ยี วกบั คุณสมบตั ิ และประโยชนข์ องสินคา้ ใหล้ ูกค้าได้ทราบ และ ตัดสินใจซ้อื ไดต้ รงกับความต้องการของตนเอง ดงั นัน้ พนักงานขายจึงต้องศกึ ษา หาความรู้เก่ยี วกับสนิ ค้าของ ตนเองอย่างถอ่ งแท้ กอ่ นการปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี าย ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวงั 1. บอกความหมายของผลติ ภณั ฑ์ได้ 2. บอกความสาคญั ของการมคี วามรูเ้ ก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ได้ 3. อธบิ ายความรเู้ ก่ยี วกบั ผลติ ภัณฑท์ พี่ นักงานขายควรทราบได้ 4. บอกประเภทของผลติ ภณั ฑ์ได้ 5. บอกองค์ประกอบของผลติ ภณั ฑ์ได้ 6. บอกแหล่งความรเู้ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ได้ สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของผลติ ภณั ฑ์ 2. ความสาคญั ของการมีความรูเ้ ก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ 3. ความรูเ้ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ทพี่ นักงานขายควรทราบ 4. ประเภทของผลติ ภณั ฑ์ 5. องคป์ ระกอบของผลติ ภณั ฑ์ 6. แหลง่ ความรเู้ ก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ กิจกรรมการเรียนรู้
33 ขนั้ นำเขำ้ สบู่ ทเรยี น 1. นักเรยี นนาสบู่ ยาสฟี ัน แชมพูสระผม และขนมของขบเค้ยี วยี่ห้อต่างๆ แล้วร่วมกนั อภปิ รายว่า เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งเจาะจงใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ตรายห่ี อ้ นนั้ ๆ 2. ครูรว่ มสรุปผลการอภปิ ราย และกลา่ วโยงเขา้ สู่เน้อื หาความรเู้ ก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ ขนั้ สอน 3. นักเรยี นจดั กลุ่มตามความเหมาะสมออกเป็น 5 กลุ่ม เลอื กประธานและเลขานุการ ศกึ ษาเนื้อหา จากเอกสารประกอบการเรยี น เขยี นสรปุ ลงในสมุดของแตล่ ะคนตามหวั ขอ้ ดงั นี้ - ความหมายทเี่ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ - ความสาคญั ของการมคี วามรเู้ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ - รายละเอยี ดเกย่ี วกับผลติ ภณั ฑ์ - ประเภทของผลติ ภณั ฑ์ - สว่ นผสมของผลติ ภณั ฑ์ ความรเู้ กี่ยวกบั ผลิตภณั ฑ์ การมคี วามรเู้ กย่ี วกับผลติ ภณั ฑ์ก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ ดงั ต่อไปน้ี 1. สามารถตอบข้อซกั ถามได้ เม่อื ผู้มุ่งหวงั มีข้อสงสยั ทจี่ ะซกั ถาม พนักงานขายจะต้องสามารถ ตอบได้ เพ่อื จะช่วยสรา้ งความเช่อื มนั ่ ใหเ้ กดิ แกผ่ มู้ ่งุ หวงั 2. เกดิ ความเช่อื มนั ่ และสรา้ งความกระตอื รอื รน้ เม่ือมคี วามรูเ้ ก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑ์ทต่ี นเสนอขาย จะช่วยสรา้ งความเช่อื มนั ่ ใหก้ บั ตนเอง และผู้มุ่งหวงั และมีความเช่อื มนั ่ ว่าสามารถใหข้ อ้ มูล เก่ยี วกบั ผลติ ภณั ฑไ์ ด้ จะทาใหม้ คี วามกระตอื รอื รน้ ในการเสนอขายมากขน้ึ 3. ช่วยให้การขายมีชีวิตชีวาข้นึ เม่ือมีความรู้เก่ียวกับผลิตภัณฑ์ย่อมมีความพร้อม ในการ นาเสนอสามารถเสนอขายได้โดยไมล่ งั เล ทาใหบ้ รรยากาศในการเสนอขายนัน้ มชี ีวติ ชีวาเพมิ่ มากขน้ึ 4. ทาใหก้ ารเสนอขายเกดิ ความสมบูรณ์ พนกั งานขายทม่ี คี วามรูเ้ ก่ยี วกับผลติ ภณั ฑ์เป็นอย่างดี จะตอบคาถามหรือขอ้ สงสยั ของผูม้ ุ่งหวงั ไดเ้ ป็นอย่างดี การเสนอขายนัน้ กจ็ ะมีความสมบูรณ์ ขน้ึ 5. ทาใหก้ ารทางานสนุกสนาน เม่อื พนักงานขายสามารถตอบคาถามหรือขอ้ สงสยั ของผมู้ ่งุ หวงั ได้ การทางานก็จะราบร่นื ผู้มุ่งหวงั เกดิ ความรูส้ ึกที่ดตี ่อพนักงานขาย พนักงานขายจะรู้สกึ สนุกกบั การทางานและไมร่ ูส้ กึ เบ่อื 6. ไดร้ บั การส่งเสรมิ สนับสนุนในการทางาน พนักงานขายทมี่ คี วามรูเ้ ก่ยี วกับผลติ ภณั ฑ์ โอกาสที่ จะประสบความสาเรจ็ ในอาชพี ขายย่อมมมี าก จงึ มกั ไดร้ บั การสนับสนุนใหไ้ ดเ้ ลอ่ื นตาแหน่งใน การทางานใหส้ ูงขน้ึ 4. ตวั แทนกล่มุ จบั สลาก เพอ่ื นาเสนอหน้าชนั้ เรยี นเพยี ง 2-3 กลุ่ม ส่วนกลุ่มทไี่ มไ่ ดน้ าเสนอใหเ้ ตรียม ขอ้ มลู เพอ่ื ซกั ถาม 5. ครแู ละประธานกลมุ่ สงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม และการนาเสนอผลงาน 6. ครูอธบิ ายสรปุ เนื้อหาทงั้ หมด โดยใชแ้ ผ่นใสประกอบ และเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั
34 7. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณารูปภาพผลติ ภณั ฑ์เพ่อื การบรโิ ภคทค่ี รนู ามา แลว้ ตอบคาถามเก่ยี วกบั ประเภท ของผลติ ภณั ฑ์ และองคป์ ระกอบของผลติ ภณั ฑ์fดงั น้ี - เป็นผลติ ภณั ฑ์ประเภทใด - ผลติ ภณั ฑห์ ลกั คอื อะไร - รูปลกั ษณผ์ ลติ ภณั ฑ์ คอื อะไร - ผลติ ภณั ฑ์ทค่ี าดหวงั คอื อะไร - ผลติ ภณั ฑ์ควบ คอื อะไร - ศกั ยภาพเกย่ี วกับผลติ ภณั ฑ์ คอื อะไร ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 8. ครสู รุปเน้ือหาความรเู้ กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑอ์ กี ครงั้ โดยวธิ ถี าม - ตอบ 9. นักเรียนทากจิ กรรมการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ในหนังสือเรียนวิชาการขาย1 และทาแบบ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง เพอ่ื ทดสอบความซอ่ื สตั ย์ สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวชิ าการขายเบ้อื งต้น 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รูปภาพผลติ ภัณฑป์ ระเภทตา่ งๆ 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมดุ บนั ทึกการสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แี่ ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่ืองมือวดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง
35 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ กู ต้องทกุ ขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผ่าน คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50%ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรงุ 5. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ใหน้ ักเรยี นนาสนิ คา้ มาคนละ 1 ชนิด แลว้ บอกรายละเอยี ดส่วนผสมของผลติ ภณั ฑ์ทน่ี ามา พรอ้ มบนั ทกึ ใส่กระดาษ A-4 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 11 หนว่ ยท่ี 8 รหสั วิชา 2200-1004 วิชา การขายเบ้ อื งตน้ 1 สอนคร้งั ท่ี 11 ช่อื หนว่ ย/เรือ่ ง ความรเู้ ก่ียวกบั ลูกคา้ จานวน 2 ชวั ่ โมง จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ นื้ ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทด่ี ี 3. มเี จตคตแิ ละกจิ นิสยั ทดี่ ีในการทางานดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจริต ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 3. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั ตนเอง กจิ การ ผลติ ภณั ฑ์ ลกู คา้ ค่แู ข่งขนั โอกาสและความกา้ วหนา้ ของนกั ขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทด่ี ตี ามหลกั การ
36 สาระสาคญั พนักงานขายเป็นผทู้ ่ีใกลช้ ิดกบั ลูกคา้ มากทสี่ ุด และเป็นผถู้ า่ ยทอดคุณสมบตั แิ ละประโยชน์ของสินค้าท่ี ลูกคา้ จะไดร้ บั ไปยงั ลูกคา้ ดงั นัน้ ก่อนการปฏบิ ตั หิ น้าทขี่ ายพนักงานขายจะต้องศึกษาขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วกบั ลูกค้าเพ่ือ จะไดท้ ราบถึงลักษณะและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแต่ละคนว่ามีความต้องการท่ีแตกต่างกันอย่างไร และ นาขอ้ มลู เหล่านัน้ มานาเสนอในงานขายสนิ คา้ ใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 1. อธบิ ายความหมายและประเภทของลูกค้าได้ 2. บอกพฤตกิ รรมของลูกค้าหรอื ผบู้ รโิ ภคได้ 3. อธบิ ายรายละเอยี ดเก่ยี วกบั ความต้องการและแรงจงู ใจในการซ้อื สนิ คา้ ได้ 4. บอกปัจจยั ภายในและภายนอกทมี่ ผี ลกระทบตอ่ พฤตกิ รรมการซ้อื ได้ 5. อธบิ ายกระบวนการตดั สนิ ใจซอ้ื ของลูกค้าได้ 6. บอกสาเหตุของการตดั สนิ ใจซ้อื ของลูกคา้ ได้ สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายและประเภทของลกู คา้ 2. พฤตกิ รรมของลกู คา้ หรอื ผบู้ รโิ ภค 3. ความต้องการและแรงจงู ใจในการซ้อื สนิ คา้ 4. ปัจจยั ภายในและภายนอกทมี่ ผี ลกระทบต่อพฤตกิ รรมการซอ้ื 5. กระบวนการตัดสนิ ใจซอ้ื ของลกู คา้ 6. สาเหตขุ องการตดั สนิ ใจซ้อื ของลูกคา้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเขำ้ สู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรยี นสารวจรา้ นคา้ หรอื หา้ งสรรพสนิ คา้ ทวั่ ไป โดยใหน้ กั เรยี นสงั เกตพฤตกิ รรมของลูกค้า ซง่ึ จะเห็นได้ว่าในรา้ นค้าหรือห้างสรรพสินค้าจะมลี ูกค้าท่มี ีพฤติกรรมหลากหลายมาซ้อื สินค้าท่ีร้าน จาหน่ายสนิ คา้ 2. นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายพฤตกิ รรมท่ีลูกค้าแสดงออก และการโต้ตอบของผขู้ าย ครูและนักเรียน รว่ มสรปุ ผลการอภปิ ราย โดยครูอธบิ ายเรอ่ื งความหมายและประเภทของลูกคา้ 3. ใหน้ ักเรยี นหาบทความจากหนังสอื พมิ พเ์ ก่ยี วกบั พฤตกิ รรมผูบ้ รโิ ภค แล้วตอบคาถามดงั น้ี 1. นกั เรยี นคดิ วา่ พฤตกิ รรมการซ้อื สนิ ค้าของผบู้ รโิ ภคในแตล่ ะทอ้ งถน่ิ มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร บา้ ง 2. การศกึ ษาถงึ พฤตกิ รรมของผบู้ รโิ ภค จะมคี วามสาคญั ตอ่ ธุรกจิ การคา้ ขนั้ สอน
37 4. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม แต่ละกลมุ่ ประกอบด้วยผูท้ เ่ี ก่ง ปานกลางค่อนขา้ งเก่ง ปาน กลางค่อนขา้ งออ่ นคละกนั 5. นกั เรยี นแต่ละคนในกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษา และสรปุ เนอ้ื หาจากเอกสารประกอบการเรยี นในหวั ขอ้ ดงั นี้ - ความหมายและประเภทของลูกคา้ - พฤตกิ รรมของลูกคา้ หรอื พฤตกิ รรมของผูบ้ รโิ ภค - ความตอ้ งการและแรงจงู ใจในการซ้อื ของลกู คา้ - ปัจจยั ภายในทมี่ ผี ลกระทบต่อพฤตกิ รรมการซอ้ื - กระบวนการตดั สินใจซ้อื ของลูกคา้ - สาเหตุของการตดั สนิ ใจซอ้ื สนิ คา้ 6. นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มอภิปรายสรุปเนื้อหาทไี่ ดศ้ กึ ษาให้เพ่อื นในกลุ่มของตนฟังและอภิปราย ซกั ถามกนั ใหเ้ ขา้ ใจทุกคน 7. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมการทากจิ กรรมกลุ่ม เพอ่ื ประเมนิ ผล 8. แตล่ ะกลมุ่ ทากจิ กรรมต่อเน่อื งโดยทากจิ กรรมประสบการณ์การเรยี นรู้ และกจิ กรรมใบงาน 9. ใหน้ กั เรยี นบอกแรงจูงใจในการซอ้ื สนิ ค้าตามรูปภาพท่ีกาหนดใหว้ ่าเป็นแรงจูงใจดว้ ยเหตผุ ล หรอื อารมณ์ 10. ใหบ้ อกสาเหตุของการตดั สนิ ใจซ้อื หมอ้ ของลูกค้า ตามแนวคดิ ของนักเรยี นทว่ี เิ คราะห์ดงั นี้ 1. ประโยชน์ 2. ความสะดวก 3. ความปลอดภยั 4. ความเพลิดเพลนิ 5. การยอมรบั ของสงั คม 6. ความแปลกใหม่ 11. ใหน้ กั เรยี นทารายงาน โดยกาหนดหวั ขอ้ ว่าถา้ นักเรยี นจะซ้อื พดั ลมมาใชใ้ นครอบครวั นกั เรยี นจะมี กระบวนการตัดสนิ ใจในการซ้อื อยา่ งไรบ้าง 12. ครูประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 13. นักเรยี นทกุ กลุม่ ทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โดยแยกกนั ทาเป็นรายบคุ คล 14. ตรวจแบบประเมนิ ผล โดยหวั หน้ากล่มุ แต่ละกลมุ่ ผลดั กนั ตรวจกลุ่มอ่นื ๆ แลว้ นาผลคะแนนของแต่ ละคนในกล่มุ มารวมกนั เป็นคะแนนกลมุ่ 15. กลมุ่ ทไ่ี ดค้ ะแนนเฉล่ยี รวมสูงสุดเป็นกลุม่ ทไี่ ดร้ บั รางวลั และตดิ ประกาศทบ่ี อร์ด 16. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายสรปุ เนือ้ หาทงั้ หมดโดยใชแ้ ผน่ ใส พรอ้ มใหซ้ กั ถามขอ้ สงสยั ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวชิ าการขายเบ้อื งตน้ 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์
38 2. รูปภาพสนิ คา้ ประเภทตา่ งๆ 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpiont หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ช่อื 2. สมดุ บนั ทึกการส่งงาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องทุกขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์ผา่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% ขน้ึ ไป 4. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรุง 5. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาคน้ คว้าหาขา่ วสารเก่ยี วกบั ปัจจยั ภายในทม่ี ผี ลกระทบต่อพฤตกิ รรมการซ้อื
39 แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการท่ี 12 หน่วยที่ 9 สอนครง้ั ท่ี 12 รหสั วชิ า 2200-1004 วชิ า การขายเบ้ อื งตน้ 1 จานวน 2 ชวั ่ โมง ชือ่ หนว่ ย/เร่ือง ความรเู้ ก่ยี วกบั คู่แข่งขนั จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทด่ี ี 3. มเี จตคติและกจิ นิสยั ทีด่ ใี นการทางานดว้ ยความรบั ผิดชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจริต ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 3. แสดงความรูเ้ ก่ยี วกบั ตนเอง กจิ การ ผลติ ภณั ฑ์ ลูกคา้ คูแ่ ขง่ ขนั โอกาสและความกา้ วหน้าของนกั ขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทดี่ ตี ามหลกั การ สาระสาคญั คู่แข่งขนั มผี ลต่อความอยู่รอดของธุรกจิ การมีความรู้เก่ยี วกบั คู่แข่งขนั จะทาใหธ้ ุรกิจสามารถวางแผน กลยุทธ์การดาเนินงานที่เหมาะสม การมีคู่แข่งขนั ทางธุรกิจเปรียบเสมือนมียาชูกาลงั ท่จี ะทาให้กิจการและ พนักงานขายต่างๆ มีความเขม้ แขง็ และอดทนที่จะดาเนินการต่อไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ มีความกระตือรอื ร้น สร้างสรรค์ และพฒั นาตนเองใหม้ คี ุณภาพอยู่เสมอ ทงั้ ยงั ช่วยใหป้ ระชาชนทวั่ ไปมสี ินค้าและบรกิ ารหลากหลาย คุณภาพดี และราคาทย่ี ตุ ธิ รรม ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ดว้ ย ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั 1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของค่แู ข่งขนั ได้ 2. บอกความจาเป็นทต่ี ้องมคี วามรูเ้ ก่ยี วกบั คู่แขง่ ขนั ได้ 3. อธบิ ายรายละเอยี ดเกย่ี วกบั สง่ิ ทคี่ วรรเู้ ก่ยี วกบั คแู่ ข่งขนั ได้ 4. บอกแหล่งขอ้ มลู เกย่ี วกบั ค่แู ขง่ ขนั ได้ 5. บอกวธิ กี ารทพ่ี นักงานขายจะชนะค่แู ขง่ ขนั ได้ 6. บอกประโยชนข์ องการมคี วามรูเ้ ก่ยี วกบั ค่แู ข่งขนั ได้ สาระการเรยี นรู้
40 1. ความหมายและความสาคญั ของค่แู ขง่ ขนั 2. ความจาเป็นทต่ี ้องมคี วามรเู้ กย่ี วกับคูแ่ ข่งขนั 3. สงิ่ ทคี่ วรรเู้ ก่ยี วกบั คู่แขง่ ขนั 4. แหล่งขอ้ มลู เกย่ี วกบั คแู่ ข่งขนั 5. วธิ กี ารทพี่ นักงานขายจะชนะค่แู ขง่ ขนั 6. ประโยชนข์ องการมคี วามรูเ้ ก่ยี วกับคู่แขง่ ขนั กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเขำ้ สู่บทเรยี น 1. ครูยกตวั อย่างบริษทั เสริมสุข จากัด ผูผ้ ลติ “แป๊ ปซ่ี” และบรษิ ทั ไทยน้าทพิ ย์ ผู้ผลติ “โค๊ก” ซ่งึ เป็น กิจการท่ีมีการแข่งขันกันมานานในตลาดน้าดา และช่วยกันอภิปรายแสดงข้อคิดเห็นในเร่ือง ความสาคญั ของคู่แข่งขนั โดยครนู าการอภปิ ราย 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปผลการอภปิ ราย ขนั้ สอน 3. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสม เพ่ือทากิจกรรมประสบการณ์การเรียนรู โดยใช้เวลา ประมาณ 60 นาทใี นการจดั ทาและนาเสนอผลการวเิ คราะห์หนา้ ชนั้ เรยี น 4. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มใหมต่ ามความเหมาะสม เพ่อื ศกึ ษาและจดบนั ทึกสรุปตามหวั ขอ้ ต่อไปนี้ 1. ความหมายและความสาคญั ของคู่แข่งขนั 2. ความจาเป็นทตี่ อ้ งมคี วามรเู้ กย่ี วกับคู่แขง่ ขนั 3. สง่ิ ทคี่ วรรเู้ กย่ี วกบั คูแ่ ขง่ ขนั 4. แหลง่ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั คู่แขง่ ขนั 5. วธิ กี ารทพ่ี นกั งานขายจะชนะคแู่ ข่งขนั 6. ประโยชนข์ องการมคี วามรูเ้ ก่ยี วกบั คแู่ ขง่ ขนั 5. ครอู ธบิ ายเรอ่ื งการสรา้ งผงั มโนทศั น์ และยกตวั อย่างผงั มโนทศั น์ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ 6. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายและเขยี นผงั มโนทศั นก์ ลมุ่ ละ 1 เรอ่ื ง บนแผ่นใสดงั น้ี กลุม่ ที่ 1 สงิ่ ทค่ี วรรเู้ กย่ี วกบั คู่แข่งขนั กลมุ่ ที่ 2 แหล่งขอ้ มูลเก่ยี วกบั คู่แข่งขนั กลมุ่ ที่ 3 วธิ กี ารทพี่ นักงานขายจะชนะคูแ่ ขง่ ขนั
41 กลุ่มท่ี 4 ประโยชน์ของการมคี วามรเู้ ก่ยี วกบั คู่แขง่ ขนั 7. ตัวแทนกลุ่มนาเสนอบนแผ่นใส พรอ้ มอธิบายประกอบ ครูใหค้ าแนะนาแก้ไขแก่กลุ่มที่เขียนไม่ ถูกตอ้ ง ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 8. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปเน้ือหา โดยวธิ ี ถาม – ตอบ และซกั ถามขอ้ สงสยั พร้อมทากิจกรรม สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หน่วยที่ 8 สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวชิ าการขายเบอ้ื งตน้ 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รูปภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ชอ่ื 2. สมดุ บนั ทกึ การสง่ งาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่อื งมอื วดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งทกุ ขอ้
42 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่าน คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี ่องปรบั ปรุง 5. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื 50% ขน้ึ ไป 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ นกั เรยี นหาบทความเก่ยี วกับคู่แขง่ ขนั แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 13 หน่วยที่ 10 สอนครง้ั ที่ 13 รหัสวชิ า 2200-1004 วิชา การขายเบ้ อื งตน้ 1 จานวน 2 ชวั ่ โมง ช่อื หนว่ ย/เรอื่ ง ความรเู้ ก่ยี วกบั เทคนิคการขาย จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทด่ี ี 3. มเี จตคตแิ ละกจิ นิสยั ที่ดีในการทางานด้วยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 3. แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั ตนเอง กจิ การ ผลติ ภณั ฑ์ ลูกคา้ คู่แขง่ ขนั โอกาสและความก้าวหนา้ ของนกั ขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทดี่ ตี ามหลกั การ สาระสาคญั พนักงานขายทป่ี ระสบความสาเร็จต้องอาศยั เทคนิคการขายท่ีมีประสิทธิภาพ ทีจ่ ะช่วยสร้างความพงึ พอใจแก่ผู้ซ้อื และตัดสนิ ใจซ้อื ในที่สุด พนักงานขายจะต้องเรียนรู้ และนาเทคนิคการขายไปใช้ใหเ้ หมาะสมกบั
43 ลูกคา้ แต่ละราย ทงั้ น้ีเพราะลูกค้าหรอื ผู้ซ้ือแต่ละคนมีความพอใจและความต้องการในเป้าหมายของชีวิตไม่ เหมอื นกนั ผลการเรียนรทู้ ่ีคาดหวงั 1. บอกความหมายของเทคนคิ การขายได้ 2. อธบิ ายรายละเอยี ดเก่ยี วกบั ขนั้ ตอนของเทคนิคการขายได้ สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของเทคนิคการขาย 2. ขนั้ ตอนของเทคนิคการขาย กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเขำ้ สูบ่ ทเรยี น 1. ครูนาโทรศพั ท์มอื ถอื และเคร่อื งสาอาง มาเพ่อื ให้ผูเ้ รยี นลองสาธติ วิธกี ารขายสินค้าทงั้ สองชนิด โดยใหน้ กั เรยี นสาธติ ตามวธิ ที เี่ ขา้ ใจ 2. นักเรยี นเสนอขายสนิ คา้ โดยใชค้ วามพยายามของพนักงานขายในการเสนอขายสนิ ค้าในรูปคุณค่า หรอื ผลประโยชน์ของสนิ คา้ ใหก้ ับลูกคา้ ผลประโยชนข์ องสนิ ค้าคอื สงิ่ ทล่ี ูกค้าต้องการ ซ่ึงพนกั งาน ขายจะต้องศึกษาว่า ผลประโยชน์ข้อใดทีล่ ูกค้าต้องการมากที่สุด ครูอภิปรายเพ่ิมเติม ว่าการ นาเสนอขายสินค้าและการปิดการขายมีความจาเป็นและสาคญั อย่างไรบ้าง ครูยกตวั อย่างการ นาเสนอขายสนิ คา้ ของบรษิ ทั มสิ ทนี โดยใชพ้ รเี ซนเตอร์ทเ่ี ป็นดารา ขนั้ สอน 3. ครูอธิบายการนาเสนอสนิ คา้ ตามขนั้ ตอนของเทคนิคการขาย พรอ้ มสาธิตการขายสินค้า การเสนอ ขายทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ควรกระทาตามขนั้ ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี ขนั้ สรปุ และกำรประยุกต์ 4. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปเนื้อหาเร่ืองเทคนิคการขาย โดยใช้แผ่นใสประกอบ เปิดโอกาสให้ นกั เรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั 5. จดั กจิ กรรมต่อเน่อื ง โดยใหน้ ักเรยี นวเิ คราะหบ์ ทความ โดยอ่านจากกจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ แล้วนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น
44 6. ทากจิ กรรมการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ผล ครเู ฉลยใหน้ กั เรยี นตรวจเอง และ ประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง เพอ่ื ทดสอบความซ่อื สตั ย์ สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวชิ าการขายเบอ้ื งต้น 1 ของสานักพมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู สนิ ค้า 3. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4. Powerpoint หลกั ฐำน 1. ใบเชก็ ชอ่ื 2. สมุดบนั ทึกการส่งงาน 3. แผนจดั การเรยี นรู้ การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. ประเมนิ จากการเรยี นการสอนตามสภาพการเรยี นรทู้ แ่ี ทจ้ รงิ 2. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 4. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 5. สงั เกตและประเมนิ ผลพฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่อื งมอื วดั ผล 1. คาถาม 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 5. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. ตอบคาถามไดถ้ ูกต้องทกุ ขอ้ 2. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่าน คอื 50% ขน้ึ ไป 3. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% ขน้ึ ไป 4. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไม่มชี ่องปรบั ปรงุ 5. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื 50% ขน้ึ ไป
45 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ใหน้ ักเรยี นนาสนิ คา้ มากลุ่มละ 1 ชนิด และดาเนินการสาธติ ขนั้ ตอนของเทคนิคการขาย แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบูรณาการที่ 14 หนว่ ยที่ 10 รหสั วิชา 2200-1004 วชิ า การขายเบ้ืองต้น 1 สอนคร้งั ท่ี 14 ชอ่ื หนว่ ย ความร้เู ก่ียวกบั เทคนิคการขาย จานวนชวั่ โมง 2 ช.ม. จุดประสงคร์ ายวิชา 1. เขา้ ใจหลกั การขาย และความรพู้ น้ื ฐานของงานขาย 2. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนกั ขายทด่ี ี 3. มีเจตคตแิ ละกิจนิสยั ที่ดใี นการทางานด้วยความรบั ผดิ ชอบ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ ความเช่อื มนั ่ ใน ตนเองและความมมี นุษยสมั พนั ธ์ สมรรถนะรายวิชา 3. แสดงความรูเ้ กย่ี วกบั ตนเอง กจิ การ ผลติ ภณั ฑ์ ลกู คา้ คูแ่ ข่งขนั โอกาสและความก้าวหน้าของนักขาย 4. เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การเป็นนักขายทดี่ ตี ามหลกั การ สาระสาคญั พนักงานขายที่ประสบความสาเรจ็ ต้องอาศยั เทคนิคการขายท่มี ีประสิทธภิ าพ ท่จี ะช่วยสรา้ งความพงึ พอใจแก่ผู้ซ้อื และตดั สนิ ใจซ้อื ในทสี่ ุด พนักงานขายจะต้องเรยี นรู้ และนาเทคนิคการขายไปใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ลูกคา้ แต่ละราย ทงั้ นี้เพราะลูกค้าหรอื ผูซ้ ้ือแต่ละคนมีความพอใจและความต้องการในเป้าหมายของชีวิตไม่ เหมอื นกนั ผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวงั 1. บอกความหมายของเทคนิคการขายได้ 2. อธบิ ายรายละเอยี ดเก่ยี วกบั ขนั้ ตอนของเทคนคิ การขายได้ สาระการเรียนรู้ 2. ขนั้ ตอนของเทคนิคการขาย (ตอ่ )
46 กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเขำ้ ส่บู ทเรยี น 1. ครูอภิปรายร่วมกับผูเ้ รยี นในการการเสนอขาย ซ่งึ เป็นความพยายามของพนักงานขายในการ นาเสนอสนิ ค้าในรูปคุณค่าหรือผลประโยชน์ของสินคา้ ใหก้ บั ลูกค้า ในการเสนอขายพนักงานขาย จะต้องพยายามหาสาเหตุในการตัดสินใจซอ้ื ของผมู้ ุ่งหวงั แลว้ เสนอขายใหต้ รงจุดทเ่ี ขาต้องการ ใน การเสนอพนกั งานขายจะตอ้ งมกี ารเตรยี มความพรอ้ มในดา้ นตา่ งๆ รวมทงั้ เทคนิคในการเสนอขายดว้ ย 2. นกั เรยี นทบทวนการเสนอขายของพนกั งานขายของพนักงานขายใหม้ ีประสทิ ธภิ าพนัน้ พนกั งาน ขายจะต้องมเี ทคนิคในการขายไดแ้ ก่ - สรา้ งความเช่อื ถือ เพ่อื ให้ผูม้ ุ่งหวงั เกิดความเช่อื มนั ่ ในคุณภาพของผลติ ภัณฑ์ การสร้างความ น่าเชอ่ื ถอื นนั้ อาจกระทาไดโ้ ดย การรบั ประกนั คณุ ภาพ การใชเ้ อกสารรบั รอง การทดสอบ การพาเยย่ี ม ชมกจิ การ การมอี ปุ กรณ์ในการขายอย่างครบครนั ตลอดเคร่อื งแต่งกายของพนักงานขายกม็ สี ่วนดว้ ย เชน่ กนั - การสรา้ งความชดั เจนและเขา้ ใจง่าย ซง่ึ กระทาไดโ้ ดย การใหผ้ มู้ ุ่งหวงั ไดเ้ หน็ รูปภาพ หนุ่ จาลอง ของตวั อย่าง และชมวดี โี อ หรอื อาจจะทดสอบสนิ คา้ นัน้ ใหผ้ มู้ งุ่ หวงั ไดเ้ หน็ ประสทิ ธภิ าพของสนิ คา้ จรงิ - สรา้ งความสมบูรณ์ดว้ ย มกี ารเตรยี มพรอ้ มดา้ นคาพูดทใี่ ชใ้ นการเสนอขาย - พยายามขจดั คู่แขง่ ขนั ออกไป ขนั้ สอน 3. ครูใช้วิธกี ารสอนโดยการสาธติ สนิ ค้า (Demonstration) ซ่งึ เป็นการนาเสนอพร้อมกับการแสดง ประกอบเพ่อื ใหผ้ มู้ ุ่งหวงั ได้ประจกั ษ์กบั สายตาถงึ คุณสมบตั ิ การทางาน หรือประโยชน์ของสนิ คา้ การสาธติ ทดี่ คี วรเปิดโอกาสใหล้ กู คา้ ไดม้ ีสว่ นร่วมในการทดสอบสนิ ค้า
47
48
49
50
Search