Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore IS ฉบับสมบูรณ์ (1)

IS ฉบับสมบูรณ์ (1)

Published by กัลยกร ไกรดิษฐ์, 2021-12-02 11:43:49

Description: IS ฉบับสมบูรณ์ (1)

Search

Read the Text Version

ขา่ กลั ยกร ไกรดิษฐ์ รายงานประกอบวชิ า I 20202 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนมหาวชิราวธุ จงั หวดั สงขลา

ข่า ด.ญ.กลั ยกร ไกรดิษฐ์ เลขที่ 28 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1/10 เสนอ อาจารยป์ ริญญ์ ทองเจือเพช็ ร รายงานประกอบวิชา I 20202 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนมหาวชิราวธุ จงั หวดั สงขลา

คานา รายงานเร่ืองน้ี จดั ทาข้ึนเพ่ือเป็ นส่วนหน่ึงของวิชา I 20202 เพื่อที่จะไดศ้ ึกษาขอ้ มูลเรื่อง ข่า โดย ไดศ้ ึกษาจากแหล่งต่างๆ แลว้ นามารวบรวม โดยรายงานเล่มน้ี ตอ้ งมีเน้ือหาเกี่ยวกบั ถิ่นกาเนิดของ ข่า ข่าชนิดอื่นที่สามารถพบไดใ้ รประเทศไทยในปัจจุบนั ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ของข่า การ ขยายพนั ธุข์ ่าและสรรพคุณของข่า ผูจ้ ดั ทาคาดหวงั เป็ นอย่างยิ่งว่าการจดั ทาเอกสารคร้ังน้ีมีขอ้ มูลท่ี เป็ นประโยชน์ต่อ ผูท้ ี่สนใจ ศึกษาและหาขอ้ มูลเก่ียวกบั เร่ืองข่าอยู่ หากมีขอ้ เสนอแนะหรือขอ้ ผิดพลาดประการใด ผูจ้ ดั ทาขอ นอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย ผจู้ ดั ทา 28 พฤศจิกายน 2564

สารบญั หนา้ เรื่อง 1 ข่า 1 ถ่ินกาเนิดของข่า 2 ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ 3 ข่าชนิดอ่ืนท่ีพบในประเทศไทยในปัจจุบนั 4 ประโยชนแ์ ละสรรพคุณขา่ 4 รูปแบบและขนาดวธิ ีใช้ 5 การขยายพนั ธุ์ขา่ 6 สรรพคุณของขา่ 7 การศึกษาทางเภสชั วทิ ยา 10 ขอ้ แนะนาและขอ้ ควรระวงั 10 การศึกษาทางพิษวิทยา

1 ข่า ข่า เป็ นพืชท่ีมีลาต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า \"เหง้า\"อยู่ในวงศ์ขิง เป็ นไม้ล้มลุก เป็ นพืช สมุนไพรที่นามาใชใ้ นการประกอบอาหารในประเทศไทยและอินโดนีเซีย ข่ามีช่ือสามญั อื่นอีกคือ กฎกุ กโรหินี (กลาง) ข่าหยวก (เหนือ) ขา่ หลวง (ตะวนั ออกเฉียงเหนือ,เหนือ) สะ เอเชย (กะเหร่ียง แมฮ่ ่องสอน) และ เสะเออเคย (กะเหร่ียง แมฮ่ ่องสอน) ถ่นิ กาเนิดของข่า ข่า เป็นพืชพ้ืนเมืองของไทยอีกชนิดหน่ึงท่ีพบไดท้ ุกภาคของประเทศโดยมีถิ่นกาเนิด ในแถบประเทศเขตร้อนในเอเชีย สามารถพบได้ตามประเทศ ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิ ลิปปิ นส์ อินเดีย และไทย ซ่ึงคนไทยนิยมใช้ข่ามาต้งั แต่อดีตแลว้ โดยการนามาประกอบ อาหารและยงั ใชเ้ ป็นสมนุ ไพรอีกดว้ ย

2 ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ไมล้ ม้ ลุก อายุหลายปี สูงประมาณ 1.5 – 2 เมตร มีลาตน้ ใตด้ ินเรียกว่าเหงา้ มีขอ้ และ ปลอ้ งชดั เจน เล้ือยขนานพ้ืนดินและแตกแขนงเป็นแง่ง เหงา้ หัวมีขนาดใหญ่ดว้ นสีขาว ลา ตน้ เทียมเหนือดินคือส่วนของกาบใบที่หุม้ ซอ้ นทบั กนั มีสีเขียวทรงกระบอกกลม เน้ือในสี เหลืองและมีกล่ินหมอเฉพาะ ใบ เป็นใบเด่ียว แตกใบเวียนรอบตน้ ลกั ษณะใบรูปขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูป ไข่ ขอบใบเรียบและบางช่วงเป็นคลื่น ปลายใบเป็นติ่งแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบเฉียง และสอบเรียวเขา้ หากา้ นใบ แผน่ ใบสีเขียวเขม้ เป็นมนั กา้ นใบส้นั กวา้ ง 7-9 ซม. ยาว 20- 40 ซม. ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ ตรงปลายยอด แกนกลางช่อมีขนและดอกดช่อ จะจดั อยดู่ ว้ ยกนั อยา่ งหลวมๆ ช่อที่ยงั ออ่ นจะมใี บประดบั รูปไข่ลกั ษณะเป็นกาบสีเขียวอม เหลืองหุม้ มิด ดอกสีขาวขนาดเลก็ กลีบดอกเชื่อมติดกนั เป็นหลอดส้ันปลายแยกเป็น 3 กลีบ กลีบใหญม่ ีริ้วสี ผล ลกั ษณะรูปทรงกระบอกหรือกลมรี ขนาดเท่าเม็ดบวั ผลอ่อนสีเขียวเม่ือแก่จะมีสี แดงอมส้ม และภายในมีเมล็ดเล็กๆ สีดา มีรสขมและเผ็ด ผลแห้งแตกได้ ถ่ินที่พบใน ประเทศไทย

3 ข่าชนิดอื่นทพี่ บในประเทศไทยในปัจจุบนั ขา่ เลก็ เป็นข่าพ้นื เมืองของเกาะไหหลา พบปลูกในบางพ้ืนที่ของภาคใต้ ลาตน้ มีขนาด เลก็ เหงา้ ข่ามีสีน้าตาลปนแดง เน้ือเหงา้ ข่ามีสีเหลือง มีกลิ่นฉุน และรสเผด็ ร้อนมาก นิยม มาประกอบอาหารบ้าง แต่ส่วนมากใช้ประโยชน์ทางยา โดยพบน้ามันหอมระเหย ประมาณ 0.3-1.5% พบสารประกอบฟี นอล 4 ชนิด คือ trans-p-Coumaryl diacetate, 4- Hydroxycinnamoylaldehyde, 1´-Acetoxychavicol acetate และ β–Sitosterol ข่าป่ า เป็นข่าท่ีพบไดท้ วั่ ไปในป่ าเบญจพรรณ และป่ าดิบช้ืน มีลกั ษณะลาตน้ สูง ลาตน้ และใบคลา้ ยกบั ข่าที่ปลูกทวั่ ไป หวั มีกลิ่นฉุนนอ้ ย ข่าลิง (ข่าน้อย) มีลักษณะลาต้นเล็ก มีสารประกอบฟี นอลหลายชนิด เช่น 1, 7- diphenyl-3,5-heptanedione, flavonoids, diarylheptanoids และ phenylpropanoids

4 ข่าคม มีลกั ษณะใบมน มีขนละเอียดสีขาวปกคลุมท้งั สองดา้ น ดอกมีใบประดบั กลีบ ดอกสีขาว แผเ่ ป็นแผน่ และมีแถบสีเหลืองส้มบริเวณกลางกลีบดอก ขา่ น้า (เร่ว, กะลา) เป็นขา่ พ้นื บา้ นท่ีปลกู เพอื่ จาหน่ายของ อ.ปากเกร็ด จ. นนทบุรี เหงา้ มีรสจืดกวา่ ขา่ ช่อดอกสีชมพู ประโยชน์และสรรพคุณข่า 1.เป็นยาขบั ลม บารุงธาตุ 2.เป็ นยาระบายอ่อนๆ 3.ช่วยบรรเทาอาการไอ 4.ช่วยยอ่ ยอาหาร แกบ้ ิด แกป้ วดทอ้ งจุกเสียด 5.แกโ้ รคปวดขอ้ และโรคหลอดลมอกั เสบ 6.ขบั น้าคาวปลา ขบั รก 7.ใชภ้ ายนอกทารักษากลากเกล้ือน แกไ้ ฟลวด แกน้ ้าร้อนลวก แกล้ มพษิ และโรคป่ วง แกส้ นั นิบาตหนา้ เพลิง 8.รักษาโรคกลากเกล้ือน 9.ขบั ลม แกท้ อ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ 10.ช่วยยบั ย้งั การเกิดแผลในกระเพาะอาหาร 11.ตา้ นเช้ือวณั โรค ตา้ นภมู ิแพ้ และตา้ นอนุมลู อิสระ 12.แกพ้ ษิ จากแมลงสัตวก์ ดั ต่อย 13.ช่วยแกต้ ะคริวและเหน็บชา

5 รูปแบบและขนาดวธิ ีใช้ รักษาทอ้ งข้ึน ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ ขบั ลม แกท้ อ้ งเดิน (ที่เรียกโรคป่ วง) แกบ้ ิด อาเจียน ปวดทอ้ ง ใชเ้ หงา้ ข่าแก่สด ยาวประมาณ 1-1 ½ นิ้วฟตุ (หรือประมาณ 2 องคุลี) ตาใหล้ ะเอียด เติมน้า ปูนใส ใชน้ ้ายาด่ืม คร้ังละ ½ ถว้ ยแกว้ วนั ละ 3 เวลา หลงั อาหาร รักษาลมพิษ ใชเ้ หงา้ ข่าแก่ๆ ที่สด 1 แง่ง ตาให้ละเอียด เติมเหลา้ โรงพอใหแ้ ฉะๆใชท้ ้งั เน้ือและน้า ทาบริเวณท่ีเป็นลมพิษบอ่ ยๆ จนกวา่ จะดีข้ึน รักษากลากเกล้ือน โรคผวิ หนงั ใชเ้ หงา้ ขา่ แก่ เท่าหวั แมม่ ือ ตาใหล้ ะเอียดผสมเหลา้ โรง ทาท่ีเป็นโรคผวิ หนงั หลายๆ คร้ังจนกวา่ จะหาย เหงา้ แก่สดหรือแหง้ ใชร้ ักษาอาการทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ แน่นจุกเสียด ให้ใชป้ ระมาณเทา่ หวั แม่มือ ใชส้ ดประมาณ 5 กรัม และแหง้ ประมาณ 2 กรัม นามาทุบให้แตกแลว้ ตม้ เอาน้า ด่ืม เหงา้ สด ใช้รักษาเกล้ือน นาเหงา้ สดมาฝนผสมกบั เหลา้ โรงหรือน้าส้มสายชู หรือตา แลว้ นามาแช่แอลกอฮอล์ ใชท้ าท่ีเป็นตามคาแนะนาของกระทรวงสาธารณสุข ใชข้ า่ รักษาอาการแน่นจุกเสียด ใชเ้ หงา้ สด 5 กรัม หรือเหงา้ แห้ง 2 กรัม ตม้ กบั น้าจนเดือด รินน้าด่ืมใชห้ ัวข่าตาละเอียด ผสมน้าปูนใส 2 แกว้ นามาด่ืม ใชข้ า่ รักษากลาก เกล้ือน ใชเ้ หงา้ ขา่ ปอกเปลือก จุ่มเหลา้ แลว้ เอามาทาบริเวณท่ีเป็นเกล้ือน ทาแรงๆ ทาเช่นน้ี 4-5 วนั ก็จะหายใชเ้ หงา้ ข่าแก่ๆ ลา้ งใหส้ ะอาดฝานเป็ นแว่นบางๆ หรือทุบพอแตก นาไปแช่เหลา้ ขาวทิ้งไวส้ ัก 1 คืน ทาความสะอาดขดั ถูบริเวณที่เป็ นเกล้ือนจนพอแดงและแสบ แลว้ เอา ข่าท่ีแช่ไวม้ าทาเฉพาะบริเวณที่เป็นเกล้ือน จะรู้สึกแสบๆ เยน็ ๆ ทาเชา้ และเยน็ หลงั อาบน้า ทกุ วนั ประมาณ 2สัปดาห์ เกล้ือนจะจางลง และหายไปในที่สุด

6 ใชเ้ หงา้ ข่าลา้ งให้สะอาด ฝานเป็นแผ่นบางๆ นาไปแช่เหลา้ 35 ดีกรี ประมาณ 5 นาที แลว้ ทาท่ีมีผื่นคนั อาการจะหายไป และถา้ แช่คา้ งคืนจะใชร้ ักษาเกล้ือนไดด้ ีใชเ้ หงา้ ข่าสดตดั ท่อนละ 1 นิ้ว ทุบใหแ้ ตกพอช้าอยา่ ถึงกบั ละเอียด ใส่ถว้ ยแช่เหลา้ โรงประมาณ 1/4 ถว้ ยชา ใชส้ าลีชุบทาวนั ละคร้ังใชเ้ หงา้ ขา่ แก่ๆ นามาตาพอแหลก แลว้ ผสมเหลา้ หรืออลั กอฮอล์ แช่ ไว้ 1 คืน ใชท้ าแกเ้ กล้ือน หรือกลาก การขยายพนั ธ์ุข่า การปลูกข่า ข่าจดั เป็นพืชลม้ ลุกที่มีลกั ษณะเน้ืออ่อน เหมือนขิง ขมิ้น ไพล เป็นพืชที่มี อายมุ ากกวา่ 1 ปี สามารถเจริญเติบโตไดด้ ีในดินร่วนซุยท่ีมีอินทรียวตั ถุสูง ดินชุ่มช้ืน และ ไม่มีน้าท่วมขงั การปลูกนิยมปลูกดว้ ยการแยกเหงา้ โดยปลูกช่วงตน้ ฝนหรือในฤดูฝน เตรียมแปลงดว้ ยการไถดะ และตากดิน ประมาณ 7 วนั พร้อมกาจดั วชั พืช จากน้ัน ไถ พรวนดินใหล้ ะเอียดอีกคร้ัง และตากแดดประมาณ 2-5 วนั ก่อนปลูก การเตรียมเหง้าปลูก เหงา้ ข่าท่ีใชค้ วรเป็ นเหงา้ ข่าแก่ อายุมากกว่า 1 ปี โดยให้ตดั ตน้ เทียมออก โดยใหเ้ หลือตน้ เทียม 1-2 ตน้ ที่ติดกบั เหงา้ สูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร เหงา้ มีแง่งประมาณ 1-2 แง่ง และใหต้ ดั รากที่ยาวทิง้ การปลูกในแปลงใหญ่หรือในพ้นื ท่ีวา่ งท่ีปลูกจานวนนอ้ ย ระยะปลูก ประมาณ 80×80 เซนติเมตร ดว้ ยการขดุ หลุม ขนาด 20×20×20 เซนติเมตร (กวา้ ง×ยาว×ลึก) ใส่ป๋ ุยคอก และ ป๋ ุยเคมีรองกน้ หลุมเลก็ นอ้ ยพร้อมคลุกกบั ดินล่างให้เขา้ กนั ใชเ้ หงา้ พนั ธุ์อายปุ ระมาณ 1 ปี ข้ึนไป ใส่หลุมละ 1-2 เหงา้ การปลูกในแปลงใหญ่ นิยมไถยกร่องลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร ระยะห่างร่อง ประมาณ 70-80 เซนติเมตร จากน้นั โรยดว้ ยป๋ ุยคอก และป๋ ุยเคมี สูตร 15-15-15 เล็กนอ้ ย ตามแนวยาวของร่อง ก่อนวางเหงา้ ข่า 1-2 เหงา้ ตามความยาวของร่องที่ระยะห่างแต่ละจุด ประมาณ 70-80 เซนติเมตร แลว้ จึงคราดดินบนกลบตลอดแนว

7 สรรพคุณของข่า ข่าเป็ นพืชที่นามาใชป้ ระโยชน์ทางดา้ นอาหารมากมาย ใชใ้ ส่ในตม้ ข่า ตม้ ยา น้าพริก แกงทุกชนิดใส่ข่าเป็ นส่วนประกอบ ยกเวน้ แกงเหลืองและแกงกอและทางภาคใตท้ ี่ไม่ นิยมใส่ขา่ มีบทบาทในการดบั กล่ินคาวของเน้ือและปลา หน่อขา่ อ่อน เป็นหน่อของข่าที่เพ่ิงจะแทงยอดออกมาจากลาตน้ ใตด้ ิน ถา้ อายปุ ระมาณ 3 เดือนเรียกหน่อขา่ ถา้ อายุ 6-8 เดือนเรียกขา่ อ่อน ถา้ อายมุ ากกวา่ 1 ปี จดั เป็นข่าแก่ ปริมาณ น้ามนั หอมระเหยประมาณ 3% หน่อข่าอ่อนท้งั สดและลวกใชจ้ ิ้มหลนและน้าพริก นามา ยา ข่ายงั มีฤทธ์ิทางยา เหงา้ แก่แกป้ วดทอ้ ง จุกเสียด แน่นทอ้ ง ดอกใชท้ าแกก้ ลากเกล้ือน ผลช่วยย่อยอาหาร แกค้ ล่ืนเหียน อาเจียน ตน้ แก่นาไปเคี่ยวกบั น้ามนั มะพร้าว ทาแกป้ วด เมื่อย เป็นตะคริว ใบมีรสเผด็ ร้อน แกพ้ ยาธิ สารสกดั จากข่ามีฤทธ์ิฆ่าเช้ือแบคทีเรีย น้ามนั หอมระเหยจากข่ามีฤทธ์ิทาให้ไข่แมลงฝ่ อ กาจดั เช้ือราบางชนิดได้ ใชผ้ สมกบั สะเดาเพ่ือ เพ่ิมประสิทธิภาพในการกาจดั แมลง ข่า ลดการบีบตวั ของลาไส้ ขบั น้าดี ขบั ลม ลดการ อกั เสบ ยบั ย้งั แผลในกระเพาะอาหาร ฆา่ เช้ือแบคทีเรีย ฆา่ เช้ือราใชร้ ักษากลากเกล้ือน การศึกษาทางเภสัชวทิ ยา ฤทธ์ิลดการบีบตวั ของลาไส้ สารออกฤทธ์ิ คือ cineole, camphor และ eugenol ในข่ามี ฤทธ์ิลดการบีบตวั ของลาไส้ฤทธ์ิขบั น้าดี สาร eugenol จากเหงา้ ขา่ มีฤทธ์ิขบั น้าดี ช่วยยอ่ ย อาหารไดฤ้ ทธ์ิขบั ลม น้ามนั หอมระเหยจากเหงา้ ข่ามีฤทธ์ิขบั ลมฤทธ์ิลดการอกั เสบ ข่ามี สารออกฤทธ์ิ คือ 1'-acetoxychavicol acetate, 1'-acetoxyeugenol acetate และ eugenol ช่วย ลดการอกั และสมุนไพรตารับที่มีขา่ เป็นส่วนประกอบมีฤทธ์ิลดการอกั เสบได้ สารสกดั ข่า สามารถยับย้ังการสลายของกระดูกอ่อนจากการเหน่ียวนาด้วย interleukin-1b (IL- 1β) โดยพบสารออกฤทธ์ิคือ p-hydroxycinnamaldehyde ซ่ึงแยกไดจ้ ากสารสกดั ขา่

8 ด้วยอะซีโตน มีฤทธ์ิยบั ย้งั การสลาย hyaluronan (HA), sulfated glycosaminoglycans (s- GAGs)และ matrix metalloproteinase (MMPs) จากเน้ือเย่ือกระดูกอ่อน แสดงว่าสาร p- hydroxycinnamaldehyde จากข่ามีศกั ยภาพท่ีจะพฒั นาไปใชร้ ักษาอาการขอ้ อกั เสบได้ นอกจากน้ียงั พบวา่ สารสกดั ผสมข่าและขิงมีประสิทธิภาพในการลดการอกั เสบของขอ้ โดยการลด chemokine mRNA และระดบั ของโปรตีนท่ี chemokine หลง่ั ออกมาไดด้ ีกว่า สารสกดั ข่าหรือขิงเด่ียวๆ และพบว่าสารสกดั ผสมข่าและขิงมีฤทธ์ิยบั ย้งั การแสดงออก ของยีนของสารส่ือท่ีกระตุน้ ให้เกิดการอกั เสบ (proinflammatory genes) ไดแ้ ก่ TNF-a, IL-1b, COX-2, MIP-a, MCP-1 และ IP-10ฤทธ์ิยบั ย้งั แผลในกระเพาะอาหารเหง้าข่ามี สาร 1'S-1'-acetoxychavicol acetate และ 1'S-1'-acetoxyeugenol acetate ช่วยยบั ย้งั แผลใน กระเพาะอาหาร ฤทธ์ิตา้ นเช้ือจุลชีพ สารสกดั ข่าดว้ ยปิ โตรเลียมอีเธอร์, ไดเอทิลอีเธอร์, อะซีโตน และ น้าสามารถฆ่าเช้ือแบคทีเรีย Escherichia coli และ Salmonella typhi ที่เป็นสาเหตุของโรค อุจจาระร่วงได้ โดยมี eugenol และ 1'-acetoxychavicol acetate เป็นสารสาคญั ในการออก ฤทธ์ิฆา่ เช้ือแบคทีเรีย สาร 1'-acetoxychavicol acetate สามารถยบั ย้งั แบคทีเรียสายพนั ธุ์ด้ือ ย า Enterococcus faecalis, S. typhi, Pseudomonas aeruginosa, E coli แ ล ะ Bacillus cereus ไดด้ ว้ ย สารสกดั ขา่ ดว้ ยเอทานอลมีฤทธ์ิตา้ นเช้ือ Staphylococcus aureus โดยทาลายผนงั เซลล์ ท้งั ช้นั ในและช้นั นอกของแบคทีเรีย และพบสารสาคญั ที่ออกฤทธ์ิคือ 1'-acetoxychavicol acetate การวิเคราะห์หาองค์ประกอบของสารสกัดข่า พบว่าประกอบด้วยสาร 1, 8- cineole (ร้ อ ย ล ะ 20.95), beta-bisabolene (ร้ อ ย ล ะ 13.16), beta-caryophyllene (ร้ อ ย ละ 17.95) และ beta-selinene (ร้อยละ 10.56) สารสกัดข่าสด และสารสกัดน้ ามันข่าสามารถยับย้ังเช้ือ S. aureus, Bacillus cereus และ Salmonella typhi ในจานเล้ียงเช้ือได้ โดยสารสกดั ดว้ ยน้ามนั จะออกฤทธ์ิดีกวา่

9 สารสกัดข่าสด น้ ามันหอมระเหยจากข่ามีฤทธ์ิต้านเช้ือแบคทีเรี ยก่อโรคท่ีพบใน อาหาร Campylobacter jejuni ไดป้ านกลาง สารสกดั ข่าดว้ ยเอทิลอะซีเตตสามารถยบั ย้งั แบคทีเรี ยที่ทาให้เกิดสิ ว Propionibacterium acnes ได้ นอกจากน้ีสารสกัดข่าด้วย เอทิลแอลกอฮอลม์ ีฤทธ์ิยบั ย้งั เช้ือแบคทีเรียก่อโรคพชื Lemma minor ได้ ผงเคร่ืองเทศและ ข่าร้อยละ 2 มีฤทธ์ิยบั ย้งั เช้ือ Salmonella typhimurium ในจานเล้ียงเช้ือได้ สารสกดั ข่าสามารถรักษากลากไดเ้ มื่อเปรียบเทียบกบั tolnaftate (ยารักษากลาก) สาร สกดั ข่าดว้ ยน้ากลนั่ เมทานอล ไดคลอโรมีเทน เฮกเซน หรือแอลกอฮอล์ สามารถฆ่าเช้ือ รา Microsporum gypseum, Trichophyton rubrum และ Trichophyton mentagrophyte ท่ี เป็นสาเหตขุ องโรคกลากเกล้ือนได้ ฤทธ์ิต้านเซลล์มะเร็ง สารสกัดเหง้าข่าด้วยเมทานอลมีฤทธ์ิต้านเซลล์มะเร็งต่อม น้ าเหลือง Raji สารสกัดข่าทาให้เซลล์มะเร็งมดลูกไวต่อยา daunomycin มากข้ึน สาร galanolactone และ (E)-8b(17)-epoxylabd-12-ene-15,16-dial จากเหง้าข่าเป็ นพิษ อยา่ งอ่อนต่อเซลลม์ ะเร็งชนิด 9KB ขณะที่สารสกดั เหงา้ ข่าดว้ ยเอทานอลร้อยละ 50 จะ ไม่เป็ นพิษต่อเซลลน์ ้ี น้ามนั หอมระเหยจากเหงา้ ข่า ซ่ึงประกอบดว้ ยสารหลกั คือ trans-3- acetoxy-1,8-cineole มีฤทธ์ิตา้ นเซลล์มะเร็งเตา้ นม สารประกอบไดเทอร์พีนจากสารสกดั เมลด็ ขา่ แหง้ ดว้ ยเมทานอล ไดแ้ ก่ galanolactone, (E)-8 (17)-12-labddiene-15,16-dial, (E)- 8b (17)-epoxylabd-12-ene-15,16-dial, galanal A และ galanal B มีฤทธ์ิเป็ นพิษต่อเซลล์ สาร 1'S-1'-acetoxychavicol acetate และ p-coumaryl alc γ-O-methyl ether ที่แยกจากสาร สกดั เหงา้ ข่าเป็นพิษต่อเซลลม์ ะเร็งมนุษยท์ ี่นามาทดสอบ โดยสาร 1'S-1'-acetoxychavicol acetate มีฤทธ์ิตา้ นเซลล์มะเร็งปอด เซลล์มะเร็งกระเพาะอาหาร เซลล์มะเร็งลาไส้ใหญ่ เซลลม์ ะเร็งชนิดที่แพร่กระจายไดร้ วดเร็ว (HT1080) และเซลลม์ ะเร็งเมด็ เลือด และสาร p- coumaryl alcohol,γ-O-methyl ether มีฤทธ์ิตา้ นเซลลม์ ะเร็ง SNU638 สารสกดั ขา่ ซ่ึงมี 1'-

10 acetoxychavicol acetate เป็ นสารประกอบหลักจะเป็ นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอด และ เซลลม์ ะเร็งเตา้ นม ข้อแนะนาและข้อควรระวงั เนื่องจากข่าเป็ นพืชสมุนไพรท่ีมีการใช้มาต้ังแต่โบราณมาแล้ว อีกท้ังใช้เป็ น ส่วนประกอบของอาหารท่ีใชร้ ับประทานในชีวิตประจาวนั หลายๆเมนู ดงั น้ี จึงไมค่ อ่ ยพบ อาการขา้ งเคียงในการรับประทานข่า แตอ่ าจจะมีขอ้ ควรระวงั ในอาการขา้ งเคียงอยบู่ า้ ง ใน กรณีการใช้ข่าเป็ นยาสมุนไพรที่ใช้ทาทางผิวหนัง เนื่องจากบางคนอาจจะแพ้ข่า โดย อาการที่พบก็คือเมื่อใชข้ ่าทาตรงบริเวณที่เป็ นโรคผิวหนงั แลว้ อาจจะมีอาการแสบร้อน มากก็ควรหยดุ ใชใ้ นทนั ที การศึกษาทางพษิ วทิ ยา สารสกดั ข่าดว้ ยเอทานอลร้อยละ 50 ไม่พบความเป็นพิษเมื่อใหท้ างปากหรือฉีดเขา้ ใต้ ผิวหนังหนูเมา้ ส์ แต่มีความเป็ นพิษปานกลางถึงมากเม่ือฉีดเขา้ ช่องทอ้ งหนูเมา้ ส์ สาร สกดั เหงา้ ข่าดว้ ยเอทานอลร้อยละ 95 ไม่พบความเป็นพษิ เมื่อใหห้ นูเมา้ ส์ทางปากในขนาด 3 กรัม/กิโลกรัม น้ามนั หอมระเหยจากเหงา้ ขา่ มีความเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเขา้ ช่องทอ้ ง หนูตะเภา สารสกดั แอลกอฮอลจ์ ากเหงา้ ขา่ ขนาด 100 มิลลิลิตร/กิโลกรัม ไมพ่ บความเป็น พิษเมื่อฉีดเขา้ ช่องทอ้ งหนูเมาส์ติดต่อกนั 7 วนั การทดสอบความเป็ นพิษก่ึงเร้ือรัง พบวา่ ส า ร ส กัด ข่ า ด้ว ย เ อ ท า น อ ล ร้ อ ย ล ะ 95 ใ ห้ ห นู เ ม้า ส์ โ ด ย ผ ส ม กับ น้ า ด่ื ม ใ น ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ติดต่อกนั 3 เดือน ทาใหห้ นูตายถึงร้อยละ 15


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook