ช่ือเรือ่ งวจิ ัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง เซลล์ของสงิ่ มีชวี ติ ของนกั ศึกษา ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการเรยี นรู้ด้วย โซเซียลมีเดีย ผู้วิจัย นางบังอร สงั ข์ทอง ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอหนองไผ่ สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั เพชรบรู ณ์ สานักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
บนั ทกึ ขอ้ ความ สว่ นราชการ กศน.ตาบลวังโบสถ์ ที่ /256๔ วันท่ี เดอื น กนั ยายน พ.ศ.๒๕6๔ เรื่อง รายงานผลการทาวจิ ัยในชั้นเรยี น เรอื่ ง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง เซลลข์ อง สง่ิ มชี ีวิต ของนักศึกษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วย โซเซยี ลมเี ดีย เรียน ผู้อานวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอหนองไผ่ ตามท่ี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอหนองไผ่ มอบหมายให้ นางบงั อร สงั ข์ทอง ครู กศน.ตาบล จัดกระบวนการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและได้พบปัญหาท่ี เกิดข้ึนในชน้ั เรยี นรายวิชาวทิ ยาศาตร์ (พว31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงดาเนินการแก้ปัญหาโดยการ ทาวิจัยในชั้นเรียน เร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เร่ือง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต ของ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วย โซเซียลมีเดีย สาหรับนักศกึ ษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย นั้น บัดนี้ ได้ดาเนินการดังกล่าวเป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว และรายงานผลการทาวิจัยในช้ันเรียนรายละเอียด ตามเอกสารทแี่ นบมาพรอ้ มนี้ จึงเรยี นมาเพื่อโปรดทราบ (นางบังอร สงั ขท์ อง) ครู กศน.ตาบล
งานวิจยั ในชน้ั เรยี น เรอื่ ง การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ เร่ือง เซลล์ของส่งิ มชี ีวติ ของนักศึกษา ระดับมัธยมศกึ ษา ตอนปลาย โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรยี นรูด้ ว้ ย โซเซยี ลมีเดยี กศน.ตาบลวังโบสถ์ ผ้วู ิจยั นางบังอร สงั ขท์ อง ครู กศน.ตาบล สาระการเรยี นร้คู วามรู้พื้นฐาน วิชาวิทยาศาสตร์ (พว31001) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ปกี ารศกึ ษา 2564 ไดร้ ับความเห็นชอบจาก …………………………………………ประธาน (นางมาลี เพง็ ด)ี ผู้อานวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอหนองไผ่ ……………………….………………….อาจารย์ทปี่ รึกษา ()
ประกาศคุณปู การ รายงานการวิจัย เร่ืองการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต ของ นักศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วย โซเซียลมีเดีย ท้ังน้ีผู้วิจัยขอขอบพระคุณท่านผู้อานวยการมาลี เพ็งดี ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอาเภอหนองไผ่ท่ไี ด้ให้การสนบั สนุนอย่างมากในการทางานวิจัยฉบับน้ีให้ออกมาอย่างสมบูรณ์ โดยกรุณา ให้คาปรึกษาแนะนา แนวความคิดและช่วยให้กาลังใจตลอดระยะเวลาท่ีทางานวิจัยฉบับน้ี และสุดท้ายนี้ต้องขอ ขอบใจนักศึกษาระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลวังโบสถ์ ที่ให้ความร่วมมือในการทาวิจัยครั้งนี้ ให้ สาเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี ผู้วจิ ยั หวังเปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ การวิจัยเร่อื งนีจ้ ะเป็นประโยชนต์ อ่ ผอู้ ่านเพ่อื เปน็ แนวทางในการพฒั นาการเรียน การสอนวิชาภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจาวนั ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากยิง่ ขึน้ หากงานวิจัยฉบบั น้ี มีขอ้ บกพร่องประการ ใด ผ้วู ิจัยขออภัย มา ณ ทนี่ ี้ บงั อร สังข์ทอง ผู้วิจัย
ช่ือเรือ่ งวจิ ยั การพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง เซลล์ของสงิ่ มชี ีวิต ของนักศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความร้แู ละการเรียนร้ดู ้วย โซเซียลมเี ดีย ผู้วิจัย นางบังอร สงั ขท์ อง บทคัดยอ่ การวจิ ัยในชัน้ เรยี นนม้ี ีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ พฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนระหว่างกอ่ นเรยี นและหลงั เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนด้วยโซเซียลมีเดียของนักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย กศน.ตาบลวังโบสถ์ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอหนองไผ่ ในรายวิชา วิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต โดยวิธีการดาเนินงาน ผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย จานวนทั้งสิ้น 15 คนเป็นนักศึกษา กศน.ตาบลวังโบสถ์ ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอหนองไผ่ ซึ่งผู้วิจัยได้ทาการสอบวัดผล สัมฤทธิ์ก่อนการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบ เสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยโซเซียลมีเดียประเภทวีดิโอ ประกอบการสอน จานวน 1 คร้ัง จากนั้นได้ดาเนิน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใช้ระยะเวลา 3สัปดาห์ แล้วทาการ ทดสอบวัดความรู้หลังการจัดกิจกรรมโดยใช้กระบวนการ สบื เสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยโซเซียลมีเดีย ประเภทวีดิโอประกอบการสอน ด้วยข้อสอบฉบับเดิม ผลที่ได้ จากการวิจยั พบวา่ คา่ เฉลีย่ ของคะแนนและ ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานก่อนเรียนของนักศึกษาระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย เรื่อง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต จานวน 10 คะแนน คือ 4.46 และ 0.64 ตามลาดับ และหลังจากจัดกิจกรรม การเรยี นรแู้ ล้ว ค่าเฉลี่ยของคะแนนและ ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานหลังเรียน คือ 8.2 และ 0.81 ตามลาดับ และ เมื่อทาการเปรียบเทียบคะแนน ก่อน-หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า นักศึกษาที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดย กระบวนการสืบเสาะหา ความรู้และเรียนรู้ด้วยโซเซียลมีเดีย มีคะแนนหลังทดสอบเพ่ิมข้ึนอย่างมีนัยสาคัญทาง สถติ ทิ ี่ระดบั 0.15 แสดงใหเ้ ห็นว่า การจัดกจิ กรรมโดยกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้และเรยี นร้ดู ้วยโซเซียลมีเดีย สง่ ผลต่อ ความรู้ความจาและความเขา้ ใจของนกั ศึกษาอยา่ งชัดเจน
สารบญั หนา้ บทคัดยอ่ กิตตกิ รรมประกาศ สารบัญ สารบัญตาราง สารบญั ภาพ บทท1่ี บทนา 1.1 ความสาคญั และทมี่ าของปัญหาที่ทาการวจิ ยั 1.2 วัตถุประสงคข์ องโครงการวิจยั 1.3 สมมตฐิ านการวิจัย 1.4 ตัวแปรท่ีศึกษา 1.5 ขอบเขตการวิจยั 1.6 ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะไดร้ บั 1.7 แนวทางในการดาเนินการวิจัย 1.8 ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั 1.9 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กยี่ วข้อง 2.1 ความหมายของการวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน 2.2 ความหมายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น 2.3 แนวคิดและทฤษฎเี ก่ียวกบั ปจั จัยท่ีสง่ ผลตอ่ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน 2.4 หลกั เกณฑ์ในการสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลทางการเรียน 2.5 รปู แบบการสอนตามทฤษฎีสืบเสาะหาความรู้ 2.6 ขั้นตอนการจดั กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบ 5E 2.7 งานวจิ ัยที่เก่ียวข้อง บทท่ี 3 การดาเนินงานวจิ ัย 3.1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 3.2 เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในการวจิ ยั 3.3 วิธีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3.4 ขัน้ ตอนและสถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูล
บทที่ 4 ผลการวจิ ัย 4.1 คะแนนแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธกิ์ อ่ น – หลงั เรียน 4.2 การเปรียบเทยี บคะแนนสอบวดั ผลสมั ฤทธิก์ อ่ น – หลงั เรียน โดยใช้คา่ สถติ ิ t – test บทท่ี 5 สรปุ และอภิปรายผล 5.1 สรุปและอภิปรายผล 5.2 ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก
บทท่ี 1 บทนา 1.1 ความสาคญั และท่ีมาของปัญหาท่ีทาการวจิ ยั วทิ ยาศาสตร์มีบทบาทสาคัญย่ิงในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้อง กบั ชวี ิตของทุกคนทงั้ ในการดารงชีวิตประจาวันและในงานอาชีพต่างๆ เครื่องมือเคร่ืองใช้ ตลอดจนผลผลิต ต่างๆ เพอื่ ใช้อานวยความสะดวกในชีวิตและการทางาน ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสาน กับ ความคิดสร้างสรรคแ์ ละศาสตร์อน่ื ๆ ความรู้วทิ ยาศาสตรช์ ว่ ยให้เกิดการพฒั นาเทคโนโลยอี ย่าง มาก พรอ้ มกัน น้ันเทคโนโลยกี ม็ สี ่วนสาคญั มากที่จะให้การศกึ ษาค้นควา้ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์เพิม่ ขนึ้ อยา่ งไม่หยดุ ยัง้ จาก ความสาคญั ของวชิ าวทิ ยาศาสตร์กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กาหนดให้วิชา วิทยาศาสตร์บรรจุอยู่ในการเรียน การสอนจากพระราชบัญญัติการศึกษา หมวดท่ี 4 ว่าด้วยเร่ืองแนวการ จัดการศึกษา กล่าวคือ การจัดการ ศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนมีความสาคัญที่สุด ผู้เรียนทุกคนสามารถ เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ดังน้ัน กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ การจัดการ ศกึ ษาตอ้ งเนน้ ทั้งความรู้ คณุ ธรรม และกระบวนการเรียนรู้ ในเร่ืองของ สาระความรใู้ ห้บูรณาการความรู้และ ทักษะด้านต่างๆให้เหมาะสมกับแต่ละระดับการศกึ ษา ในกระบวนการเรยี นการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ปัญหา ท่ีพบคือ เน้ือหาในส่วนต่างๆของวิชา จะเป็น บทเรียนที่มีเน้ือหาจานวนมากและส่วนใหญ่อาศัยการท่องจา และการทาความเขา้ ใจ เน่อื งจากเปน็ เนื้อหา เกยี่ วกับระดบั เซลล์และภายในร่างกาย ซึ่งตอ้ งอาศัยความเข้าใจ และจนิ ตนาการเปน็ สาคญั จากการสงั เกต การเรียนของนักศึกษาและผลคะแนนท้ายหน่วยขากหลายๆคร้ังท่ี ผา่ นมา ครูผ้สู อน พบวา่ นกั ศกึ ษาสว่ น ใหญ่ไมเ่ ข้าใจในบทเรียน มีปัญหาในด้านการท่องจาและการทาความ เขา้ ใจ เนอ่ื งดว้ ยปัญหาดังกล่าวนี้ ไม่ได้รบั การแก้ไขหรอื พฒั นา จะย่งิ ทาให้ผ้เู รียนประสบปัญหาในการเรียนรู้ ย่ิงกว่าเดิม เน่ืองจากเนื้อหาแต่ ละส่วนน้ันมีความเชื่อมโยงถึงกัน ผู้สอนจึงได้นาวิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการเรียนรู้ด้วยโซเซียลมีเดีย มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพ่ือสร้าง ความเข้าใจในเน้ือหาสาระและ บทเรียนให้ดีย่ิงขึ้น จากแนวคิดและสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความ สนใจในการจะนาวิธีการจดการเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยส่ือโซเซียล มีเดีย ประเภทวีดิโอประกอบการสอนมาใช้ ควบคู่กัน เร่ือง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต เพ่ือช่วยแก้ไขปัญหาและ พฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของผูเ้ รียนให้มี ความเข้าใจชัดเจนมากยง่ิ ขนึ้
1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการวิจยั เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการ เรยี นรดู้ ้วยโซเซียลมเี ดยี เร่อื ง เซลลข์ องสง่ิ มีชีวิต ของนกั ศึกษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลวงั โบสถ์ 1.3 สมมตฐิ านการวจิ ัย การจดั การเรยี นร้โู ดยกระบวนการสืบเสาะหาความร้แู ละการเรยี นรดู้ ว้ ยโซเซียลมีเดีย เรอ่ื ง เซลลข์ อง ส่งิ มชี วี ิต ช่วยในการพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนักศกึ ษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ให้ สงู ผา่ นเกณฑท์ ี่ กาหนด 1.4 ตัวแปรทศี่ ึกษา 1.4.1 ตวั แปรตน้ การจัดการเรยี นรโู้ ดยกระบวนการสืบเสาะหาความรูแ้ ละการเรียนรดู้ ว้ ยโซเซยี ลมีเดยี เรอื่ ง เซลล์ ของส่งิ มีชวี ิต วชิ าวิทยาศาสตร์ 1.4.2 ตัวแปรตาม ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน เรอ่ื ง เซลล์ของสิง่ มชี ีวติ ของนกั ศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอน ปลาย 1.5 ขอบเขตการวิจัย 1.5.1 ขอบเขตของกลมุ่ ตวั อยา่ ง นักศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 15 คนกศน.ตาบลวงั โบสถ์ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอหนองไผ่ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 1.5.2 ขอบเขตด้านสถานท่ี หอ้ งเรียนระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กศน.ตาบลวังโบสถ์ ศนู ย์การศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอหนองไผ่ 1.6 ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ บั 1.6.1 นกั ศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เรอื่ ง เซลลข์ องส่ิงมีชวี ติ สงู ขึน้ ผา่ น เกณฑ์การประเมนิ ท่ีกาหนดไว้ และมีความรคู้ วามเขา้ ใจในบทเรยี นดขี ้นึ 1.6.2 ผลการวจิ ัยจะเป็นประโยชนต์ อ่ ครผู สู้ อนและตอ่ วชิ าเรยี น ในการพฒั นากจิ กรรมการเรยี นการ สอน ใหม้ ีประสิทธภิ าพมากยิ่งข้ึน 1.7 แนวทางในการดาเนนิ การวจิ ัย 1. ศึกษาและกาหนดปัญหาการวจิ ยั 2. ตัง้ สมมตฐิ านและกาหนดวธิ ีการแก้ไข 3. รวบรวมข้อมูล และสร้างเคร่ืองมือในการวจิ ยั
4. เกบ็ รวบรวมข้อมูล 5. วเิ คราะหผ์ ลและแปลความหมาย 6. สรปุ ผล 7. เขยี นรายงานการวจิ ัยในชนั้ เรียน 1.8 ผลทค่ี าดวา่ จะได้รบั นกั ศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น เรอ่ื ง เซลลข์ องสง่ิ มชี ีวิต สูงขึน้ ผา่ นเกณฑ์ การประเมนิ ท่ีกาหนดไว้ และมีความรคู้ วามเข้าใจในบทเรียนดีขน้ึ 1.9 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 1.9.1 ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ หมายถงึ ผลท่ีได้รบั จากการเรยี นวิชาวทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง เซลลข์ องสงิ่ มีชวี ิตหลงั จากไดเ้ รยี นโดยกระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละการเรยี นรดู้ ว้ ยโซเซยี ลมเี ดยี ซง่ึ วดั ผลได้ จากแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง เซลล์ของส่ิงมชี วี ติ 1.9.2 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ หมายถึง แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย เรื่อง เซลล์ของสง่ิ มชี วี ิต จานวน 15 ข้อ เปน็ ข้อสอบ แบบ เลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก 1.9.3 ผลสมั ฤทธจ์ิ ากการเรียนโดยกระบวนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้และการเรยี นรดู้ ว้ ย โซเซียล มเี ดยี หมายถงึ ผลการทดสอบหลังจากท่ีผ้เู รยี นได้เรยี นโดยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการ เรียนรู้ดว้ ย โซเซยี ลมเี ดีย เร่ือง เซลลข์ องสงิ่ มีชีวติ
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยท่ีเกย่ี วขอ้ ง 2.1 ความหมายของการวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน สิริวรรณ พรหมโชติ (2542 : 17) ให้ความหมายของ “ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน” ว่า หมายถึง ความสามารถในการท่ีจะพยายามเข้าถึงความรู้ ซ่ึงเกิดจากการกระทา ประสานกนั และตอ้ งอาศยั ความ พยายามอยา่ งมาก ทั้งองค์ประกอบทีเ่ ก่ียวข้องกับสติปัญญา และองค์ประกอบท่ี ไม่ใช่สติปัญญา แสดงออก ในรูปของความสาเร็จ ซ่ึงสามารถสังเกตและวัดได้ด้วยเคร่ืองมือทางสติปัญญา หรือ แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ท่ัวไป มนต์รวี นันต๊ะเสน (2543: 26) ได้ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรู้ ความสามารถของผู้เรียนที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับการฝึกอบรมสั่งสอนทั้งในสถานศึกษาและนอก สถานศึกษา จึงถือได้ว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคือผลผลิตที่สาคัญของการเรียนการสอน การวัด ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนจึงเป็นกิจกรรมหลักในกระบวนการเรียนการสอนของครู สุดาลักษณ์ เข็มพรมมา(2548, 20) ให้ความหมายของ “ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน” ว่า หมายถึง ความรู้หรือทักษะของบุคคลอันเกิดจากการเรียนรู้ โดยการแสดงออกซึ่งความสาเร็จของบุคคลในการ เข้าถึงความรู้ใด ๆ น้ันสามารถวัดได้ด้วยแบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธทิ์ ่วั ไป จากคาจากัดความดงั กลา่ วพอสรปุ ไดว้ ่า “ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น”หมายถงึ ความรูค้ วามสามารถ ทางการเรยี นของผ้เู รยี นท้งั ในดา้ นการศกึ ษาเลา่ เรยี นและการปฏบิ ัติ ซ่ึงสามารถวดั ดว้ ยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ 2.2 ความหมายของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ภัทรา นิคมานนท์(2534 : 23) ได้ให้ความหมายไว้ ว่า แบบทดสอบวัดสัมฤทธิ์ หมายถึง แบบทดสอบ ท่ีใช้วัดความรู้ความสามารถ ทักษะเกี่ยวกับด้านวิชาการที่ได้ เรยี นรใู้ นอดีตวา่ รับรไู้ วไ้ ดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด โดยทัว่ ไปแล้วมักใช้วัดหลังทากิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อประเมิน การเรียนการสอนวา่ ได้ผลเพียงใด 2.3 แนวคดิ และทฤษฎเี กี่ยวกับปัจจัยทส่ี ่งผลต่อผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน พรศรี พุทธานนท์(2550: 6-10) ได้แบ่ง ปัจจัยทส่ี ่งผลต่อการเรียนรู้เปน็ 2 ประเภท คอื
1. ปัจจัยภายนอก เป็นปัจจัยเดิมของการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง โดยการให้ส่ิงเร้าพร้อมกับให้ ผู้เรียน ตอบสนองในส่ิงที่ต้องการ การทาซ้าคือการให้ผู้เรียนเรียนรู้โดยใช้สิ่งเร้าแล้วตอบสนองหลาย ๆ คร้ัง จนสามารถ เรยี นรไู้ ด้ การใหก้ ารเสริมแรง คอื การเสริมกาลังใจให้เกดิ ความพอใจในการเรียนรู้ 2. ปัจจัยภายใน เป็นส่ิงภายในท่ีผู้เรียนต้องมีเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ข้อเท็จจริงขณะเรียน ขณะนั้นหรือ ระลึกจากที่เคยเรยี นมาแลว้ ทกั ษะทางปญั ญาหมายถงึ ความสามารถในการใช้สมองเพ่ือการ เรยี นรู้ โดยระลึกจาก ประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีผ่านมา ยุทธศาสตร์ หมายถึงสมรรถภาพที่ควบคุมการ เรียนรู้ ความตั้งใจ การจา และ พฤตกิ รรมการคิดของมนุษย์เปน็ กระบวนการทางานภายในสมองของมนุษย์ ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2548, 91) ไดเ้ สนอทฤษฎกี ารเรยี นร้ใู นโรงเรียน กลา่ วคอื พนื้ ฐานของ ผู้เรียนเป็นหวั ใจในการเรียน ผู้เรียนแต่ละคนจะเข้าชั้น เรียนด้วยพื้นฐานท่ีจะช่วยให้เขาประสบความสาเร็จ ในการเรียนรู้ต่างกัน ถ้าเขามีพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนจะไม่แตกต่างกัน คุณลักษณะ ของแต่ละคน เช่น ความรู้ที่จาเป็นก่อนเรียน แรงจูงใจใน การเรยี นคณุ ภาพของการสอนเป็นสิง่ ท่ีปรับปรงุ ได้ เพื่อให้แต่ละคนและท้งั กลมุ่ มีระดบั การเรยี นท่ีสูงขน้ึ 2.4 หลักเกณฑ์ในการสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลทางการเรียน เยาวดี วิบูลย์ศรี (2538 : 82) และวัญญา วิลาภรณ์ (2522 :11 ) กล่าวถงึ หลักเกณฑไ์ ว้สอดคล้องกัน ดังนี้ 1. เนือ้ หาหรือทักษะที่ครอบคลมุ ในแบบทดสอบนัน้ จะตอ้ งเป็นพฤตกิ รรมทีส่ ามารถวดั ผลสัมฤทธ์ิได้ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีใช้แบบทดสอบวัดนั้น ถ้านาไปเปรียบเทียบกันจะต้องให้ทุกคนมี โอกาส เรยี นรู้ในสิง่ ต่าง ๆ เหล่านัน้ ไดค้ รอบคลมุ และเทา่ เทยี มกนั 3. วดั ใหต้ รงกบั จุดประสงค์ การสรา้ งแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น ควรจะวัดตาม วัตถปุ ระสงค์ ทกุ อยา่ งของการสอน และจะต้องมน่ั ใจว่าได้วัดสิง่ ที่ตอ้ งการจะวดั ได้จรงิ 4. การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นการวัดความเจริญงอดงามของนักศึกษา การ เปล่ียนแปลงและ ความก้าวหน้าไปสู่วัตถุประสงค์ที่วางไว้ ดังน้ัน ครูควรจะทราบว่าก่อนเรียนนักศึกษามี ความรู้ความสามารถ อย่างไร เมอ่ื เรยี นเสรจ็ แล้วจะมีความรแู้ ตกตา่ งจากเดมิ หรอื ไม่ โดยการทดสอบก่อน เรียนและทดสอบหลงั เรยี น 5. การวดั ผลเปน็ การวัดผลทางอ้อม เป็นการยากท่ีจะใช้ข้อสอบแบบเขียนตอบวัดพฤติกรรม ตรง ๆ ของ บคุ คลได้ คือ การตอบสนองต่อขอ้ สอบ ดังน้ัน การเปล่ียนวตั ถปุ ระสงคใ์ หเ้ ปน็ พฤตกิ รรมทีจ่ ะ สอบ จะต้องทาอย่าง รอบคอบและถูกตอ้ ง 6. การวัดการเรียนรู้เป็นการยากท่ีจะวัดทุกส่ิงทุกอย่างที่สอนได้ภายในเวลาจากัด สิ่งท่ีวัดได้ เป็นเพียง ตวั แทนของพฤติกรรมทง้ั หมดเทา่ นน้ั ดงั นน้ั ตอ้ งมน่ั ใจวา่ สง่ิ ทวี่ ดั น้ันเปน็ ตวั แทนแทจ้ ริงได้ 7. การวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเป็นเคร่ืองช่วยพัฒนาการสอนของครู และเป็นเครื่องช่วยใน การเรียน ของเดก็
8. ในการศึกษาท่ีสมบูรณ์นั้น ส่ิงสาคัญไม่ได้อยู่ท่ีการทดสอบแต่เพียงอย่างเดียว การทบทวน การสอนก็ เปน็ สิง่ สาคัญย่ิง 9. การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ควรจะเน้นในการวัดความสามารในการใช้ความรู้ให้เป็น ประโยชน์ หรอื การนาความรู้ไปใชใ่ นสถานการณ์ใหม่ ๆ 10. ควรใช้คาถามให้สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาวชิ าและวัตถุประสงค์ทวี่ ดั 11. ให้ข้อสอบมีความเหมาะสมกับนักศึกษาในด้านต่าง ๆ เช่น ความยากง่าย พอเหมาะ มี เวลาพอ สาหรับนักศึกษาในการทาข้อสอบ จากท่กี ลา่ วขา้ งตน้ สรปุ ได้วา่ ในการสร้างแบบทดสอบใหม้ ีคณุ ภาพ วธิ กี ารสร้าง แบบทดสอบท่ีเป็น คาถาม เพื่อวัดเนื้อหาและพฤติกรรมที่สอนไปแล้วต้องตั้งคาถามที่สามานถวัดพฤติกรรมการ เรยี นการสอน ได้อยา่ งครอบคลุมและตรงตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.5 รปู แบบการสอนตามทฤษฎีสืบเสาะหาความรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E เป็นวิธีหน่ึงที่มุ่ง ให้ผู้เรียนได้สืบเสาะหาความรู้ด้วยตัวเอง โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ ความหมายของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบ 5E สรุปได้ดังน้ี สุวัฒก์ นิยมค้า (2551: 119) กล่าวถึง การจัด กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบ 5E วา่ เปน็ การสอนทสี่ ่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเป็นผูค้ ้นหา หรอื สืบเสาะหาความรเู้ กีย่ วกบั ส่งิ ใดสง่ิ หน่ึงที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนโดยใช้กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ ภพ เหล่าไพบูลย์ (2537: 119) กล่าวว่า การจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E เป็นการสอนที่เน้น กระบวนการแสวงหาความรู้ท่ีจะช่วยให้นักศึกษาได้ค้นพบความ จริงต่างๆด้วยตนเอง ให้นักศึกษาได้ ประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้เน้ือหาวิชา โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ ต่างๆ พมิ พันธ์ เดชะคปุ ต์ (2545: 56) กล่าววา่ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E หมายถึง การจัดการ เรียนการ สอนโดยใช้วิธีให้นักศึกษาเป็นผู้ค้นหาความรู้ด้วยตนเอง หรือสร้างความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้ กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ ครูเปน็ ผู้อานวยความสะดวกเพื่อให้นักศกึ ษาบรรลเุ ปา้ หมายการจดั กจิ กรรม การเรยี นรแู้ บบ 5E ท่จี ะ เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ 2.6 ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E รูปแบบการสอนหรือรูปแบบการเรียนรู้ภายใต้ทฤษฏี สร้างสรรค์ความรู้ จึงเน้นบทบาทของผู้เรียนเป็น สาคัญ ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น แบบ 3 ข้ันตอน หรือ แบบ 4 ข้ันตอน หรือแบบ 5 ข้ันตอน สุนีย์ เหมะประสิทธ์ิ (2542: 7-8) ได้นาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E ของ โครงการศึกษา หลักสูตรวิทยาศาสตร์สาขาวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา (Biological Science Curriculum Studies หรือ BSCS) มาทดลองดัดแปลงเพ่ือให้เหมาะสมกับเด็กไทย โดยมุ่งเน้นให้นักศึกษาสามารถรวมกัน แสวงหา ค้นพบและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง อีกท้ังยังให้เด็กมีโอกาสประสบความสาเร็จในการเรียนรู้อย่างมี ความสุข ภายใต้สถานการณ์ท่ีจาลองหรือเป็นจริง เพื่อให้นักศึกษามีทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม สถาบัน ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2550: 5-8) ได้นาเสนอการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้แบบ 5E มาใช้ใน การพฒั นาหลักสูตรวทิ ยาศาสตร์และได้เสนอขนั้ ตอนในการเรียนการสอน 5 ข้ันตอน คอื
1. การสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการแนะนาบทเรียนกิจกรรมจะประกอบไปด้วย การ ซักถามปัญหา การทบทวนความรู้เดิม การกาหนดกิจกรรมที่จะเกิดข้ึนในการเรียนการสอนและ เป้าหมายท่ี ตอ้ งการ ข้นั ตอนน้เี ป็นข้ันตอนแรกของกระบวนการเรยี นรทู้ ่ีจะนาเข้าสู่บทเรยี น จุดประสงค์ท่ี สาคัญของขั้นตอนนี้ คือ ทาให้ผู้เรียนสนใจ ใคร่รู้ในกิจกรรมที่จะนาเข้าสู่บทเรียน ควรจะเชื่อมโยง ประสบการณ์การเรียนรู้เดิมกับ ปัจจุบัน และควรเป็นกิจกรรมที่คาดว่ากาลังจะเกิดข้ึน ซึ่งทาให้ผู้เรียน สนใจจดจ่อที่จะศึกษาความคิดรวบยอด กระบวนการ หรือทักษะ และเรม่ิ คดิ เชื่อมโยงความคดิ รวบยอด กระบวนการ หรอื ทกั ษะกับประสบการณเ์ ดิม 2. การสารวจและคน้ หา (Exploration) ขน้ั ตอนน้เี ป็นข้ันตอนท่ีทาใหผ้ ้เู รยี นมปี ระสบการณ์ ร่วมกันใน การสร้างและพัฒนาความคิดรวบยอด กระบวนการ และทักษะ โดยการให้เวลาและโอกาสแก่ ผู้เรียนในการทา กิจกรรมการสารวจและคน้ หาสิ่งทผ่ี ู้เรยี นต้องการเรยี นรตู้ ามความคิดเห็นผ้เู รียนแต่ละคน หลังจากน้ันผู้เรียนแต่ละ คนได้อภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็นเกี่ยวกับการคิดรวบยอด กระบวนการ และทักษะในระหว่างท่ีผู้เรียนทา กิจกรรมสารวจและค้นหา เป็นโอกาสที่ผู้เรียนจะได้ตรวจสอบหรือเก็บ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความคิดรวบยอด ของผู้เรียนที่ยังไม่ถูกต้องและยังไม่สมบูรณ์ โดยการให้ผู้เรียน อธิบายและยกตัวอย่างเกี่ยวกับความคิดเห็นของ ผเู้ รยี น ครคู วรระลึกอยู่เสมอเกี่ยวกับความสามารถของ ผู้เรียนตามประเด็นปัญหา ผลจากการท่ีผู้เรียนมีใจจดจ่อ ในการทากิจกรรม ผู้เรียนควรจะสามารถ เชื่อมโยงการสังเกต การจาแนกตัวแปร และคาถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ นน้ั ได้ 3. การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) ข้นั ตอนน้ีเป็นข้นั ตอนท่ีให้ผู้เรียนได้พัฒนาความ สามารถ ในการอธิบายความคิดรวบยอดที่ได้จากการสารวจและค้นหา ครูควรให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้ อภิปรายแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันเกี่ยวกับทักษะหรือพฤติกรรมการเรียนรู้ การอธิบายน้ันต้องการให้ ผู้เรียนได้ใช้ข้อสรุปร่วมกันใน การเชอื่ มโยงสิ่งท่เี รยี นรู้ ในช่วงเวลาทเ่ี หมาะสมนี้ครูควรชแ้ี นะผเู้ รียนเกี่ยวกบั การสรุปและการอธิบายรายละเอียด แต่อย่างไรก็ตามครูควรระลึกอยู่เสมอว่ากิจกรรมเหล่าน้ียังคงเน้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง นั่นคือ ผู้เรียนได้พัฒนา ความสามารถในการอธิบายด้วยตัวผู้เรียนเอง บทบาทของครู เพียงแต่ชี้แนะผ่านทางกิจกรรม เพ่ือให้ผู้เรียนมี โอกาสอย่างเต็มท่ีในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจใน ความคิดรวบยอดให้ชัดเจน ในที่สุดผู้เรียนควรจะสามารถ อธิบายความคิดรวบยอดได้อยา่ งเข้าใจ โดย เช่อื มโยงประสบการณ์ ความรู้เดมิ และสงิ่ ที่เรยี นรู้เข้าดว้ ยกนั 4. การขยายความรู้ (Elaboration) ขั้นตอนน้ีเป็นขั้นตอนท่ีให้ผู้เรียนได้ยืนยันและขยายหรือ เพ่ิมเติม ความรคู้ วามเข้าใจในความคิดรวบยอดให้กว้างขวางและลึกซึ้งยิ่งข้ึน และยังเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ ฝึกทักษะและ ปฏิบตั ติ ามทีผ่ เู้ รยี นตอ้ งการ ในกรณีท่ผี ูเ้ รยี นไม่เขา้ ใจหรือยังสบั สนอยู่หรอื อาจจะเขา้ ใจ เฉพาะขอ้ สรุปที่ได้จากการ ปฏบิ ตั ิการสารวจและค้นหาเท่านัน้ ควรให้ประสบการณใ์ หมผ่ ูเ้ รียนจะไดพ้ ัฒนา ความรูค้ วามเขา้ ใจในความคิดรวบ ยอดให้กว้างขวางและลึกซ้ึงย่ิงขึ้น เป้าหมายท่ีสาคัญของข้ันนี้ คือ ครู ควรชี้แนะให้ผู้เรียนได้นาไปประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวัน จะทาให้ผูเ้ รียนเกดิ ความคดิ รวบยอด กระบวนการ และทักษะเพมิ่ ข้นึ
5. การประเมินผล (Evaluation) ข้ันตอนนี้ผู้เรียนจะได้รับข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับการอธิบาย ความรู้ ความเข้าใจของตนเอง ระหว่างการเรียนการสอนในขั้นน้ีของรูปแบบการสอน ครูต้องกระตุ้นหรือ ส่งเสริมให้ ผู้เรียนประเมินความรู้ความเข้าใจและความสามารถของตนเอง และยังเปิดโอกาสให้ครูได้ ประเมินความรู้ความ เขา้ ใจและพัฒนาทักษะของผ้เู รียนด้วย 2.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กัญญา ทองม่ัน (2534: 83) ได้ทาการศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และทักษะทาง วิทยาศาสตร์ของนักศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ท่ีได้รับการเรียนการสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้ที่ทาการ ทดลองแบบไม่กาหนดแนวทางและแบบกาหนดแนวทาง ผลการวิจัยพบว่า ทักษะทาง วิทยาศาสตร์ของ นักศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 กิตติพงษ์ หมอกมุงเมือง (2546) ได้ ศึกษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนและทกั ษะภาคปฏบิ ัตใิ นวิชา วทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง แสง ของนกั ศกึ ษาระดับมธั ยมศึกษา ตอนปลายท่ไี ด้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ โดยเสริมกิจกรรมการออกแบบการทดลอง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ใน การวิจัยเปน็ นักศกึ ษาช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่4 ภาคเรยี นท1ี่ ปกี ารศกึ ษา 2545 โรงเรียนฟากกวา๊ นวิทยาคมอาเภอเมอื ง พะเยา จงั หวัดพะเยา จานวน 34 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์สาขา ฟิสิกส์ของนักศึกษาที่ได้รับการสอน แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกิจกรรมการออกแบบการทดลองหลังการ สอนสูงกว่าก่อนการสอนอย่างมี นัยสาคัญที่ระดับ .01 2) นักศึกษาที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้โดย เสริมกิจกรรมการออกแบบการทดลอง มีทักษะภาคปฏิบตั ใิ นวชิ าวทิ ยาศาสตร์อยูใ่ นระดบั เกณฑป์ ระเมินผลร้อยละ 88.06
บทท่ี 3 การดาเนินงานวจิ ัย 3.1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1. ประชากรท่ใี ช้ในการทาวจิ ยั ในชน้ั เรยี น คอื นักศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ท่ีกาลงั ศึกษาวชิ า วิทยาศาสตร์ เร่อื ง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต ของ กศน.ตาบลวังโบสถ์ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 จานวน 15 คน 2. กลุ่มตวั อย่างท่ีใชใ้ นการทาวจิ ัยในชั้นเรยี น คอื นกั ศึกษาระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 15 คน ของ กศน.ตาบลวงั โบสถ์ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอหนองไผ่ โดยใชเ้ ทคนิคการ เลอื กกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) 3.2 เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการวิจยั เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลในการวจิ ัยครั้งนปี้ ระกอบด้วย 1. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ กอ่ นเรียน เร่ือง เซลล์ของสงิ่ มีชวี ิต เป็น แบบทดสอบปรนัยชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 15 ขอ้ 2. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวิชาวทิ ยาศาสตร์ หลังเรียน เรอ่ื ง เซลล์ของสง่ิ มชี ีวิต เปน็ แบบทดสอบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 15 ข้อ 3. ส่อื ประกอบการสอน ประเภทวดี โิ อ เรอ่ื ง โครงสร้างและสว่ นประกอบของเซลล์ 4. ใบกิจกรรม เรอ่ื ง โครงสร้างและสว่ นประกอบของเซลล์ 3.3 วธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูล วธิ ีการทีใ่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผวู้ จิ ยั ไดป้ ฏิบัติดงั น้ี 1. ให้นักศกึ ษาระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 15 คน ทาแบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง เซลล์ของ ส่งิ มีชวี ติ ก่อนการเรยี นโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละการเรยี นรู้ดว้ ยโซเซยี ลมเี ดยี ประเภท วีดิโอ ประกอบการสอน 2. ดาเนินกิจกรรมการจดั การเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง เซลลข์ องสงิ่ มชี วี ิต โดยใชว้ ธิ กี าร เรียนแบบ สบื เสาะหาความรแู้ ละการเรยี นรู้ดว้ ยโซเซยี ลมเี ดยี ประเภทวีดโิ อประกอบการสอน เป็นเวลา 12 ชว่ั โมง 3. ให้นักศกึ ษาระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 15 คนทาแบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง เซลล์ของ สิง่ มีชวี ิต หลังจากการเรยี นโดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรยี นร้ดู ว้ ยโซเซียลมีเดยี ประเภท วีดิโอประกอบการสอน 3.4 ขนั้ ตอนและสถิตทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 3.4.1 สถติ ิพื้นฐาน 1. ค่าเฉลีย่ เลขคณิต (Arithmetic mean) เปรยี บเทียบคะแนนความสามรถในการทา
แบบทดสอบ โดยเปรียบเทียบคะแนนก่อนการสอนและหลังการสอน หาคา่ เฉล่ียเลขคณิต (Mean) โดย คานวณ จากสตู ร (ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ 2538 : 73) สตู ร x x N เม่ือ x แทน คะแนนเฉลย่ี x แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N แทน จานวนคนในกลุม่ ตัวอย่าง 2. ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (ชศู รี วงศ์รตั นะ. 2544 : 65) 2 2 ( 1) N x x S N N เมือ่ S แทน คา่ สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน x แทน ผลรวมของคะแนนท้ังหมด 2 x แทน ผลรวมของ คะแนนแตล่ ะตวั ยกกาลังสอง N แทน จานวนคนในกลุ่มตัวอย่าง
บทท่ี 4 ผลการวิจยั ผ้วู จิ ยั ไดใ้ ห้นกั ศึกษาทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ เรอื่ ง เซลล์ของ ส่งิ มีชวี ิต กอ่ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรจู้ ากน้ันจงึ ดาเนินการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้และ การเรยี นรดู้ ว้ ยโซเซยี ลมีเดยี ประเภทวีดโิ อประกอบการสอน และทาการทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ เรอื่ ง เซลล์ของ สง่ิ มีชวี ิต หลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยกระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละ การเรียนรดู้ ว้ ยโซเซยี ลมเี ดียด้วย ขอ้ สอบฉบบั เดิม โดยไดน้ าเสนอข้อมูลท่ัวไปและผลการเปรยี บเทียบคะแนน กอ่ นและหลงั เรยี นดังนี้ ตารางท่ี 4.1 แสดงค่าเฉลยี่ และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานของคะแนนสอบที่ทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ก่อนและ หลงั เรยี น เรอื่ ง เซลล์ของสิ่งมีชีวิต จานวนนกั ศกึ ษา ค่าเฉลย่ี สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 9 กอ่ นเรยี น หลังเรยี น ก่อนเรียน หลังเรยี น 4.46 8.2 0.64 0.86 จากตารางที่ 4.1 พบว่า ค่าเฉล่ยี คะแนนของนกั ศกึ ษาระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 15 คนกอ่ นจัด กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละการเรียนรู้ดว้ ยโซเซียลมเี ดยี ประเภทวีดโิ อ ประกอบการ สอน เรื่อง เซลล์ของสิ่งมชี วี ติ คะแนนเต็ม 15 คะแนน นกั ศกึ ษาสอบไดค้ ะแนนเฉลี่ย 4.46 คะแนน และมสี ่วน เบีย่ งเบนมาตรฐานของคะแนนก่อนเรยี นท่ี 0.64 สว่ นคะแนนหลังจากท่จี ดั กิจกรรมการ เรียนรู้โดยกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้และการเรยี นรดู้ ว้ ยโซเซยี ลมเี ดียประเภทวดี โิ อประกอบการสอน เร่ือง เซลลข์ องสงิ่ มีชวี ิต คะแนน เต็ม 15 คะแนน นักศกึ ษาทาคะแนนเฉลีย่ 8.2 คะแนน และมสี ว่ น เบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนหลงั เรียนท่ี 0.86
4.2 คะแนนแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธกิ์ ่อน – หลังเรียน ลาดบั รหสั ประจาตัว ช่อื -นามสกุล กอ่ นเรียน หลังเรยี น 5 8 1 6123001044 นางสาวไอลดา สนทิ ไทย 4 7 5 9 2 6213001312 นายสุวรรณ์ สทุ ธปิ รระภา 4 8 4 8 3 นางสาวสนุ นั ท์ สีสวย นางสาวสุนนั ท์ สีสวย 5 8 6 9 4 6223000769 นายประคอง ปน่ิ แก้ว 4 9 5 7 5 6323000995 นางสาวน้าผึง้ หลวงชัย 4 8 4 8 6 6413000085 นายศราวธุ เรียบจดั 4 10 5 8 7 6223000880 นางสาวเข็มทอง ทอมดี 4 9 4 7 8 6223001430 นายบญั ชา สาระบนั 4.46 8.2 0.64 0.86 9 6323001068 นางสาวจนั ทรแ์ รม เครอื เดยี ว 10 6313000167 นางสนอง สทุ ธปิ ระภา 11 6413000094 นางสาวจติ ราพร อ่ิมทรัพย์ 12 6313001052 นายณัฐพงษ์ แสงหลา้ 13 6313001061 นายเรงิ ชัย ดารงสตั ย์ 14 6313001212 นางสาวนทั วัน ดีลว้ น 15 6313001221 นายคมกฤษณ์ ศภุ ลี ค่าเฉลย่ี คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน
บทท่ี 5 สรุปและอภปิ รายผล การวิจัยชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนรู้ด้วยโซเซียลมีเดีย เร่ือง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต ของนักศึกษาชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 4 กศน.ตาบลวังโบสถ์ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอหนองไผ่ เพื่อ เปรียบเทียบและ ศึกษาความแตกต่างคะแนนการทดสอบก่อน – หลังเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง เซลล์ของ สง่ิ มีชวี ิต ของ นกั ศึกษาระดับระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวทิ ยาศาสตร์– คณติ ศาสตร์ โดยนักศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการทาวิจัยช้ันเรียน คือ นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กศน.ตาบลวังโบสถ์ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอหนองไผ่ จานวน 15 คนโดยใช้เทคนิคการเลือกกลุ่ม ตัวอย่าง แบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ีเป็นแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนก่อน – หลัง เร่ือง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต จานวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เป็นข้อสอบ แบบ เลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยวิธีดาเนินการวิจัยนั้นผู้วิจัยให้นักศึกษาทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิก่อน เรียน เรื่อง เซลล์ของส่ิงมชี ีวติ จากนน้ั ทาการจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการเรียนรู้ด้วย โซเซียลมีเดีย เร่ือง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต แล้วทาการทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิหลังเรียนอีกคร้ัง ใน เรื่อง เซลล์ของ ส่ิงมชี วี ิต ด้วยข้อสอบฉบบั เดมิ จากนนั้ ทาการวเิ คราะหค์ ะแนนและได้สรปุ ผลการศึกษา ตามลาดับ ดงั น้ี 5.1 สรุปและอภิปรายผล นกั ศกึ ษาทาแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิก่อน-หลัง เรอื่ ง เซลล์ของส่ิงมีชวี ติ โดยมีนกั ศึกษาที่ทาการ ทดสอบ วัดผลดังกล่าวจานวนท้ังหมด 15 คนโดยค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนนสอบที่ นักศึกษาทา แบบทดสอบนั้น พบวา่ คา่ เฉลยี่ คะแนนของนักศึกษาก่อนเรียน เร่ือง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต คะแนน เต็ม 10 คะแนน นักศึกษาสอบได้คะแนนเฉลี่ย 4.46 คะแนน และมีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานท่ี 0.64 และ คะแนนหลังการจัด กจิ กรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และการเรียนด้วยโซเซียลมีเดีย ประเภทวีดิโอประกอบการ สอน เร่อื ง เซลล์ของสิง่ มชี ีวติ นักศกึ ษาท้งั หมดได้คะแนนสงู ขน้ึ เฉล่ยี คอื 8.2 คะแนน และมีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 0.81 การเปรยี บเทียบคะแนนก่อน-หลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และการ เรียนด้วยโซเซียลมีเดียประเภทวีดิโอประกอบการสอน เรื่อง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต แสดงว่า คะแนน ทดสอบก่อน- หลังเรียน มคี วามสัมพันธก์ ัน และเมอ่ื นักศึกษาได้รับการจดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดย กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และการเรยี นดว้ ยโซเซยี ลมีเดยี ประเภทวดี โิ อประกอบการสอน เร่ือง เซลล์ ของส่งิ มีชีวิตแล้ว มคี ะแนนหลังทดสอบ
เพิม่ ขนึ้ อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถติ ทิ ่ีระดบั 0.15 ซึ่งเมื่อพจิ ารณาผล ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา พบวา่ เมอื่ นกั ศึกษาไดร้ ับการ จัดกิจกรรมการเรียนโดยวิธีการดังกล่าวแล้ว พบว่า ผล การทดสอบหลังเรียนนักศึกษามีคะแนนสูงขึ้นอย่างมี นยั สาคญั ทางสถติ ิ แสดงให้เหน็ วา่ การจดั กจิ กรรม การเรียนรู้โดยกระบวนการสบื เสาะหาความร้แู ละการเรยี นดว้ ย โซเซียลมีเดียประเภทวีดิโอประกอบการสอน ส่งผลต่อความรู้ความจาและความเข้าใจของนักศึกษาอย่างชัดเจน นอกจากน้ี นกั ศกึ ษาส่วนใหญ่จะสนใจ และใหค้ วามร่วมมือในการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดี มีความตั้งใจในการเรียน เพม่ิ มากขนึ้ และยงั สามารถ สรุปความรทู้ ่ไี ด้จากการเรยี นได้อย่างมีลาดับข้ันตอน 5.2 ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาวิจัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะท่ีอาจเป็นประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้ ดงั นี้ 1. จากผลการวิจัย พบว่า นักศึกษาท่ีได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยกระบวนการ สืบ เสาะหา ความรู้และการเรียนด้วยโซเซียลมีเดียประเภทวีดิโอประกอบการสอน เร่ือง เซลล์ของส่ิงมีชีวิต นักศึกษามี ผลสัมฤทธ์ิหลงั เรียนสูงกวา่ กอ่ นเรียนอยา่ งชัดเจน ดงั นนั้ ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ควรมี การประยุกต์ใช้วิธีการ จัดการเรียนรู้ดังกล่าว และผู้สอนควรหาโซเซียลมีเดียประเภทต่างๆเพ่ือกระตุ้น เพ่ือ สร้างความน่าสนใจในการ เรยี น และเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั เพอ่ื เพม่ิ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนให้กบั ผเู้ รยี น 2. ครผู สู้ อนควรเลือกวิธกี ารในการจัดกิจกรรมการเรยี นร้ใู หเ้ มาะสมกับผู้เรยี นและบทเรียนท่ีจะ สอน โดย วิธีการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เม่ือนาไปใช้แล้ว ผู้เรียนต้องมีความรู้ในทิศทางที่ดีข้ึน เพื่อ เป็นการพัฒนา ผู้เรยี นและเพ่มิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้แก่ผู้เรียน 3. การประเมินผลการเรียนรู้ควรจะมีการประเมินอย่างหลากหลายตามสภาพจริงของผู้เรียน เช่น การ สงั เกต บนั ทึกผลการสอน การสอบถาม สมดุ จดบนั ทึก ใบงานหรือใบกจิ กรรม รวมไปถึงแฟม้ สะสมผลงาน เพ่ือจะ ได้ครอบคลมุ ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวัง
บรรณานกุ รม ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและทักษะภาคปฏิบัติในวิชาวิทยาศาสตร์เร่ือง แสงของนักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายที่ได้รับการสอนแบบสบเสาะหาความรู้โดยเสริม กิจกรรมการออกแบบการทดลอง. วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2548). จิตวิทยา การศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมกรุงเทพฯ. พรศรี พุทธานนท์. (2550). ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนของนักศึกษาช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ท่ีมีผลการเรียนต่างโรงเรียนแม่แตง อาเภอแม่แตง จังหวัด เชียงใหม่. การคน้ ควา้ อิสระตาม หลักสูตรปริญญาศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2544). วิธีวิทยาการสอนวิทยาศาสตร์ทั่วไป . กรุงเทพฯ: สถาบันพัฒนา คุณภาพ วิชาการ. (พว.). ---------. (2545).
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: