ประกอบวชิ า ว32101 เทคโนโลย2ี ครูผสู้ อน ครูรัชชนก วงศเ์ ขียว
คานา หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ ลม่ น้จี ดั ทาข้นึ เพอ่ื ศึกษาเก่ยี วกบั สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรยี นโดยเน้อื หา ประกอบไปดว้ ยตน้ ไมใ้ นโรงเรยี นและประกอบการเรยี นวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ผูจ้ ดั ทาหวงั วา่ จะเป็นประโยชนต์ ่อผูศ้ ึกษาไดเ้ป็นอย่างดี ผูจ้ ดั ทา นาย เอกรฐั โนกูล ม.5/6 เลขท่ี 4 นาย จริ ายุทธ หลกั ฐาน ม.5/6 เลขท่ี 10
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร:์ Rosa hybrid ช่อื วงศ:์ ROSACEAE ช่อื สามญั : Rose ช่อื อน่ื ๆ: กหุ ลาบ ถน่ิ กาเนดิ : ทวปี เอเชยี
ความสาคญั ทางเศรษฐกจิ ของกหุ ลาบ กหุ ลาบเป็นไมต้ ดั ดอกทม่ี กี ารปลูกเป็นการคา้ กนั แพร่หลายทวั่ โลกมานานแลว้ กหุ ลาบเป็นไมต้ ดั ดอกทม่ี กี ารซ้อื ขาย เป็นอนั ดบั หน่งึ ในตลาดประมลู อลั เมยี ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ ซง่ึ เป็นตลาด ประมลู ไมด้ อก ทใ่ี หญ่ทส่ี ุดของโลก เมอ่ื พ.ศ. 2542 มกี ารซ้อื ขายถงึ 1,672 ลา้ นดอก และมกั จะมี ยอดขายสูงสุดในประเทศต่าง ๆ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ไมด้ อกชนิดอน่ื ๆ โดยประเทศทป่ี ลูกกหุ ลาบ รายใหญ่ของโลกไดแ้ ก่ อติ าลี เนเธอรแ์ ลนด์ สเปน สหรฐั อเมรกิ า โคลมั เบยี เอกวาดอร์ อสิ ราเอล เยอรมนี เคนยา ซมิ บบั เว เบลเยยี ม ฝรงั่ เศส เมก็ ซโิ ก แทนซาเนีย และมาลาวี เป็นตน้ การคดั เลอื กสายพนั ธ์ การคดั เลอื กสายพนั ธุ์ การคดั เลอื กพนั ธุก์ หุ ลาบในปจั จบุ นั จะคานึงถงึ ประโยชน์ และความคมุ้ ค่าทผ่ี ูบ้ รโิ ภคจะไดร้ บั มากกวา่ การทด่ี อกสวยสะดดุ ตาแต่เมอ่ื ซ้อื ไปกเ็ หย่ี วทนั ที ดงั นนั้ การคดั เลอื กพนั ธุก์ หุ ลาบในปจั จบุ นั มกั มขี อ้ พจิ ารณาดงั น้ี มผี ลผลติ สูง ปจั จบุ นั กหุ ลาบดอกเลก็ ใหผ้ ลผลติ สูงถงึ 300 ดอก/ปี อายุการปกั แจกนั นาน พนั ธุก์ หุ ลาบในสมยั ทศวรรษทแ่ี ลว้ จะบานไดเ้พยี ง 5-6 วนั ปจั จบุ นั กหุ ลาบ พนั ธุใ์ หม่ ๆ สามารถบานไดท้ นถงึ 16 วนั กหุ ลาบทส่ี ามารถดูดนา้ ไดด้ กี หุ ลาบทไ่ี ม่มหี นามหรอื หนามนอ้ ยเพอ่ื ความสะดวกในการจดั การสแี ดง ยงั คงครองตลาดอยู่ รองลงมาคอื สชี มพู สอี ่อนเยน็ ตา และสองสใี นดอกเดยี วกนั กลน่ิ เป็นท่ี เสยี ดายทก่ี หุ ลาบกลน่ิ หอมมกั ไมท่ น แต่กม็ กี ารผสมพนั ธุก์ หุ ลาบตดั ดอกกลน่ิ หอมบา้ ง สาหรบั ตลาดทอ้ งถน่ิ มคี วามตา้ นทานโรค และทนความเสยี หายจากการจดั การสูง
สภาพทเ่ี หมาะสมในการปลูก พ้นื ทป่ี ลูก ควรปลูกในทท่ี ร่ี ะบายนา้ ไดด้ ี มคี วามเป็นกรดเลก็ นอ้ ย พเี อช็ ประมาณ 6-6.5 และ ไดแ้ สงอย่างนอ้ ย 6 ชวั่ โมง อณุ หภมู ิ อณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสมในการเจรญิ ของกหุ ลาบคอื กลางคนื 15-18 องศาเซลเซยี ส และกลางวนั 20-25 องศาเซลเซยี ส ซง่ึ เป็นช่วงอณุ หภมู ทิ จ่ี ะทาใหไ้ ดด้ อก ทม่ี คี ุณภาพดี และใหผ้ ลผลติ สูง หากอณุ หภมู ติ า่ กวา่ 15 องศาเซลเซยี ส การเจรญิ เตบิ โตและ การออกดอกจะชา้ อย่างมาก หากอณุ หภมู สิ ูงกวา่ 28 องศาเซลเซยี ส ควรใหม้ คี วามช้นื ในอากาศ สูงเพอ่ื ชะลอการคายนา้ ความช้นื ความช้นื สมั พทั ธท์ เ่ี หมาะสมกบั การเจรญิ ของกหุ ลาบคอื รอ้ ย ละ 70-80 แสง กหุ ลาบจะใหผ้ ลผลติ สูง และดอกมคี ุณภาพดี ถา้ ความเขม้ ของแสงมาก และ ช่วงวนั ยาว แมลงและไรศตั รู แมลงและไรศตั รู ไรแดง (Spider mite) เพล้ยี ไฟ (Thrips) หนอนเจาะสมอฝ้าย (Helianthus armigers) หนอนกระทูห้ อมหรอื หนอนหนงั เหนยี ว (onion cutworm: Spodoptera exigua) ดว้ งกหุ ลาบ (rose beetle: Adoretus compressus) เพล้ยี หอย (scale insect: Aulucaspis rose) เพล้ยี อ่อน (aphids: Macrosiphum rose และ Myzaphis rosarum)
ช่อื สามญั Chinese rose ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Hibiscus rose sinuses. ตระกูล MALVACEAE ถน่ิ กาเนดิ จนี อนิ เดยี และฮาวาย
ลกั ษณะทวั่ ไป ชบาในบา้ นเรารูจ้ กั กนั มานานแลว้ จะเหน็ ไดจ้ ากบา้ นคนสมยั ก่อนจะมชี บายอยู่แทบ ทกุ บา้ นปจั จบุ นั ชบาไดร้ บั การผสมพนั ธุเ์ พอ่ื ใหไ้ ดพ้ นั ธุใ์ หมอ่ อกมามากมาย ซง่ึ ลว้ น แต่สวย ๆ งาม ๆทง้ั นน้ั ทาใหไ้ ดด้ อกของชบาทม่ี รี ูปร่างสวยงามสสี นั ของดอกสดใส ชบานนั้ จดั เป็นไมพ้ มุ่ ความสูงโดยทวั่ ไปประมาณ 2.50 เมตร ใบมสี เี ขยี วเขม้ มนรี ปลายใบแหลม แต่ปจั จบุ นั กย็ งั มพี นั ธุ์ แตกต่างออกไปอกี มากมาย การดูแล ชอบแสงแดดมาก แสง ตอ้ งการนา้ พอประมาณ นา้ ดนิ เป็นไมท้ ป่ี ลูกไดง้ า่ ยสามารถเจรญิ เตบิ โตไดใ้ นดนิ แทบ ทกุ ชนิด แต่ไมค่ วรใหด้ นิ เปียกหรอื แฉะเกนิ ไป ป๋ยุ ใสป่ ๋ยุ คอกหรอื ป๋ยุ หมกั การขยายพนั ธ์ ตอน ปกั ชา โรคและแมลง ไมค่ ่อยมโี รคจะมกี แ็ ต่เพล้ยี ทร่ี บกวนอยู่ การป้องกนั กาจดั ฉีดพน่ ดว้ ยยามาลาไธออนหรอื ไดอาซนิ อน ตามคาแนะนา ทร่ี ะบไุ วใ้ น
คอื มเี สน้ ใยและยางเมอื ก (mucilagnous) อยู่ในเน้อื ไมโ้ ดยทวั่ ไปเป็นไมพ้ มุ่ ขนาดกลางใบเป็นใบเดย่ี วเรยี งเวยี นสลบั มรี ูปร่างหลายแบบ เช่น รูปไข่ รูปกลม รูปรหี รอื เวา้ เป็นแฉก3-5 แฉก มกี ลบี ดอก 5 กลบี แต่ละดอกจะเช่อื มตดิ กนั เป็นวงทฐ่ี านดอกเกสรเพศผู้ ประกอบดว้ ยอบั เรณูสเี หลอื งรูปไตและกา้ นชอู บั เรณูสขี าวหรอื สเี ดยี วกนั เกสรเพศเมยี อยู่ ปลายหลอดเกสรเพศผูม้ กั มกี า้ นเลก็ ๆ แยกยอดเกสรเพศเมยี เป็น 5 ยอกตามจานวนหอ้ ง รงั ไขส่ ว่ นยอดมนี า้ หวานสาหรบั จบั ละอองเรณู ประเภทของดอกอาจแบง่ ได้ 3 ลกั ษณะ คอื 1.ดอกบานเป็นรูปถว้ ย 2.ดอกบานเป็นรูปแผแ่ บน 3.กลบี ดอกบานแบบแผโ่ คง้ การขยายพนั ธุ์ การขยายพนั ธุม์ ี 3 วธิ ี คอื 1.การปกั ชา 2.การเสยี บยอด 3.การตดิ ตา
โรคและแมลงศตั รู 1. โรค ทพ่ี บในชบาไดแ้ ก่ โรคใบจดุ ในช่วงฤดูฝน โรคใบหงกิ ทเ่ี กดิ จากเช้อื ไวรสั โดยมแี มลงหวข่ี าว เป็นพาหะ 2. แมลงศตั รุ ทพ่ี บมากไดแ้ ก่ แมลงหวข่ี าวดูดนา้ เล้ยี งจากใบและยอดอ่อนทาใหเ้กดิ โรค ใบหงกิ เพล้ยี แป้ง เพ้ยี หอย ดูดนา้ เล้ยี งจากใบและก่งิ กา้ นนอกจากน้ยี งั มหี นอนผเี ส้อื บางชนิดกดั กินดอกอ่อนทาใหด้ อกไมบ่ าน หรอื กลบี เวา้ แห่วง 3. สตั วส์ ตั รู ไดแ้ ก่ หอยทาก ทาลายโดยการกดั กนิ ดอก กาจดั โดยใชม้ อื ดงึ ออกหรอื โรยปูนขาว รอบพ้นื ทป่ี ลูก สรรพคุณทางยาและประโยชน์ ในคมั ภรี อ์ ายุรเวท พดู ถงึ สรรพคุณของดอกชบาวา่ ช่วยฟอกโลหติ บารงุ จติ ใจใหแ้ ช่มช่นื บารุง ผวิ พรรณ นอกจากน้ยี งั ช่วยรกั ษาและบรรเทาโรคเก่ยี วกบั ไต และโดยเฉพาะโรคเก่ยี วกบั ระบบ สบื พนั ธุข์ องผูห้ ญงิ เช่นเสยี เลอื ดประจาเดอื นมากเกนิ ไป ประจาเดอื นมาไมส่ มา่ เสมอ รวมทง้ั ปญั หาเร่อื งระดูขาวไมเ่ พยี งแต่ดอกชบาเท่านนั้ ทใ่ี ชเ้ป็นยาดขี องอนิ เดยี สว่ นอ่นื ๆของชบายงั ใชเ้ป็น ยารกั ษาโรคไดด้ ว้ ย อย่างเช่น เปลอื กตน้ ชบาใชร้ กั ษาโรคผวิ หนงั ทเ่ี กดิ จากเช้อื รา ใบชบาใชแ้ กแ้ ผล ไฟไหมน้ า้ รอ้ นลวก บารงุ ผม
ตน้ พดุ
ลกั ษณะทวั่ ไป เป็นพรรณไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ลกั ษณะเป็นพมุ่ เต้ยี ลาตน้ สูง1-3 เมตร ผวิ ลาตน้ มสี ี ขาวเทา แตกก่งิ กา้ นออกใบรอบตน้ ใบเป็นใบเดย่ี ว แตกออกเป็นคู่ตรงกนั ขา้ ม ตามขอ้ ของก่งิ ลกั ษณะของใบเป็นรูปมนรี ปลายใบแหลม ผวิ ใบเรยี บสเี ขยี วยาว 8-12 ซม. ดอกเป็นดอกเดย่ี ว ออกตามปลายยอดหรอื ปลายก่งิ ช่อหน่งึ มี 5-6 ดอก แลว้ แต่ชนิดพนั ธุ์ ดอกมกี ลน่ิ หอมสขี าว หรอื เรยี งเป็นชน้ั เดยี วแลว้ แต่ชนดิ พนั ธุ์ ดอกบานมคี วามโต 2-5 ซม. ออกผลเป็นฝกั รูปกระบอก แหลมโคง้ ภายในมเี มลด็ 3-5 เมลด็
การขยายพนั ธ์ุ การเพาะเมลด็ การตอนกง่ิ การปักชา ประโยชน์ สาหรับดอกพุดน้นั นิยมนาไปร้อยพวงมาลยั เพื่อบูชาพระ มีการนาเมลด็ เมลด็ ไปใช้ แต่งสีอาหารและทาสียอ้ ม เน่ืองจากมีเมลด็ สีเหลืองทอง สาหรับดอกพดุ ซอ้ นน้นั นาไปใชส้ กดั ทาเป็นน้ามนั หอมระเหย ใชท้ าน้าหอมและแต่งกล่ินเครื่องสาอาง และมีการนาเอาไปทา สมุนไพร “สรรพคุณทางยา” - ใบ ดอกพดุ ซอ้ นนามาตาพอกแกป้ วดศรี ษะ แกเ้ คลด็ ขดั ยอกที่ เกิดข้ึน - ดอก นามาค้นั เอาน้าเพื่อทาแกโ้ รคผวิ หนงั - ราก ใชร้ ักษาอาการแกไ้ ข้ - เปลือกตน้ แก้ บิดท่ีเกิดข้ึนความเช่ือคนไทยโบราณเช่ือวา่ บา้ นใดปลกู ตน้ พดุ ไวป้ ระจาบา้ นจะทาใหม้ ีความ เจริญ ความมนั่ คง เพราะพุด หรือ พฒุ หมายถึง ความเเขง็ แรงสมบรู ณ์ คือความเจริญมนั่ คง นนั่ เอง นอกจากน้ียงั มีความเช่ืออีกวา่ จะทาใหเ้ กิดบริสุทธ์ิ เพราะดอกพดุ มีสีขาวสดใสกลบั มี ดอกใหญ่ท่ีขาวสะอาด ดงั น้นั แง่หน่ึงเช่นกนั ท้งั น้ีกเ็ พราะโบราณเช่ือวา่ เน้ือไมข้ องพดุ เป็นไมท้ ่ี แขง็ แกร่งและมีอิทธิฤทธ์ิพอสมควร
จดั ทาโดย นายเอกรฐั โนกูล ชน้ั ม.5/6 เลขท่ี 4 นายจริ ายุทธ์ หลกั ฐาน ชนั้ ม.5/6 เลขท่ี 10 [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: