Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สารละลาย

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สารละลาย

Published by Oranut, 2020-09-19 06:01:29

Description: หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สารละลาย

Keywords: solution

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียน วิชาวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยสี ิง่ ทอ Science for Textile Technology รหัสวชิ า 30000-1307 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง สารละลาย อรนชุ กอสวัสด์ิพฒั น์

2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 สารละลาย (solution) หวั เร่ือง 1. ความหมายของการละลาย (Solubility) 2. ประเภทของสารละลาย 3. พลังงานกบั การละลาย 4. กระบวนการเกิดสารละลาย 5. สภาพการละลายได้ 6. ความสามารถในการละลายของนำ้ 7. ความเขม้ ข้นของสารละลาย 8. การใชส้ ารละลายในอุตสาหกรรม 9. อันตรายจากการใช้สารทำละลาย 1. ความหมายของการละลาย การละลาย (Dissolve) คอื การทสี่ ารชนดิ หนงึ่ เรียกวา่ “ตวั ถกู ละลาย” แตกตวั ออกเป็นอนภุ าค เล็ก ๆ และแทรกตวั ในสารอีกชนิดหน่ึง ซงึ่ เรียกว่า “ตัวทำละลาย” โดยท่วั ไปเราพิจารณาว่า - สารท่ีมีปริมาณมากกว่าเปน็ ตัวทำละลาย (Solvent) - สารทมี่ ีปรมิ าณนอ้ ยกว่าเปน็ ตวั ถูกละลาย (Solute) - สารละลายทม่ี นี ำ้ เป็นตัวทำละลายเรยี กวา่ aqueous solution (aq) - สถานะของสารทเี่ ปน็ ตวั ทำละลาย จะต้องเป็นสถานะเดยี วกบั สถานะของสารละลายเสมอ การทีอ่ นุภาคของตวั ถูกละลายจะเข้าไปแทรกตวั อยูร่ ะหว่างอนุภาคของตวั ทำละลายได้ขึ้นอย่กู ับแรงดึงดดู ระหว่างโมเลกลุ ของตัวทำละลายกับตัวทำละลาย แรงดึงดูดโมเลกลุ ระหว่างตัวทำละลายกับตัวถกู ละลาย และ แรงดงึ ดดู ระหวา่ งโมเลกุลตวั ถูกละลายกบั ตวั ถกู ละลาย โดยปกตแิ ลว้ การทตี่ วั ถูกละลายจะละลายในตัวทำละลายหนึ่ง ๆ ไดน้ ัน้ สารทง้ั สองชนดิ จะต้องมี สมบตั ิเหมอื นกันตามกฎ like dissolves like กค็ อื ตัวถกู ละลายทมี่ ีขว้ั จะละลายในตวั ทำละลายท่ีมีขั้ว เชน่ น้ำ แต่จะไม่ละลายในตวั ทำละลายท่ไี ม่มขี ้วั เช่น น้ำมัน ยกตวั อย่างกรณีท่ีน้ำมนั ไม่ละลายในนำ้ แตจ่ ะละลาย

3 ในเฮกเซน ในทางกลับกัน กรณขี อง เอทานอล (CH3CH2OH) จะละลายไดใ้ นนำ้ (H2O) แตไ่ ม่ละลายใน เฮกเซน (C6H14) จากท่ีกลา่ วมาจะเปน็ การละลายของของเหลวในของเหลวดว้ ยกัน ในกรณที ่เี ปน็ การละลายของ ของแขง็ ในของเหลวกส็ ามารถอธิบายโดยใช้แรงดงึ ดดู ระหวา่ งโมเลกุลไดเ้ ชน่ เดียวกัน คือถ้าตวั ถกู ละลายเป็น สารประกอบไอออนิก ซึ่งมีแรงดึงดูดระหว่างไอออนสูงมาก กจ็ ะละลายในตวั ทำละลายท่ีมขี ว้ั แรงได้ดีกวา่ ตวั ทำละลายท่มี ีขั้วนอ้ ยกวา่ เพราะฉะนั้น สารประกอบไอออนกิ จึงละลายได้ดีในตวั ทำละลายทม่ี ีข้ัวแรงมากๆ เช่น เกลอื แกง (โซเดียมคลอไรด์ : NaCl) ละลายได้ดใี นน้ำ มากกว่าในนำ้ มนั หรือในตวั ทำละลายท่ีเป็น สารประกอบพวกไฮโดรคาร์บอน (hydrocarbon compounds) 2. ประเภทของสารละลาย หากใชเ้ กณฑใ์ นการจำแนก จะแบ่งสารละลายออกเปน็ กลมุ่ ไดด้ งั น้ี 2.1 จำแนกตามสถานะของสารละลาย แบง่ เปน็ 3 ประเภท คือ 1 ของแข็ง เช่น เหรยี ญบาท ทองเหลือง นาก 2 ของเหลว เชน่ สารละลายคอปเปอร์ (II) ซลั เฟต น้ำเช่ือม น้ำเกลือ 3 แก๊ส เชน่ แกส๊ หุงต้ม อากาศ 2.2 จำแนกตามปริมาณของตัวถูกละลาย แบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ 1 สารละลายอม่ิ ตัว (Saturated solution) คอื สารละลายที่ตวั ถูกละลายไมส่ ามารถ ละลายในตวั ทำละลายได้เพิ่มข้นึ อกี เมื่อปรมิ าณตัวทำละลายและอุณหภูมิคงท่ี ซ่งึ อาจเปน็ สารละลายอมิ่ ตวั พอดี หรอื สารละลายอิ่มตวั เหลือเฟือ ถ้าเพิม่ ความรอ้ นใหส้ ารละลายอม่ิ ตัวเหลอื เฟือ ละลายต่อไปได้อีก จะไดส้ ารละลายอ่มิ ตวั ยิ่งยวด 2 สารละลายไมอ่ ิ่มตัว (Unsaturated solution) คือ สารละลายท่ตี ัวถกู ละลายยัง สามารถละลายในตวั ทำละลายไดอ้ ีก

4 2.3 จำแนกตามความเข้มขน้ แบง่ เป็น 2 ประเภท คอื 1 สารละลายเข้มข้น คอื สารละลายที่ประกอบดว้ ยตวั ถูกละลายปรมิ าณมาก มตี ัวทำ ละลายปรมิ าณน้อย 2 สารละลายเจอื จาง คือ สารละลายทป่ี ระกอบดว้ ยตวั ถกู ละลายปรมิ าณน้อย มตี วั ทำ ละลายปริมาณมาก 3. พลังงานกับการละลาย การละลายจะเปน็ ประเภทใดข้ึนอยู่กบั ชนดิ ของสารและตัวทำละลายทเ่ี กีย่ วข้อง ในขณะทสี่ ารเกิด การละลาย ตวั ถกู ละลายทเี่ ป็นของแข็งจะแยกตัวเปน็ อนภุ าคเลก็ ๆ และยดึ เหนีย่ วกบั โมเลกลุ ของตวั ทำ ละลาย กระบวนการนีเ้ ก่ียวข้องกบั พลงั งาน ถ้าพลงั งานท่ีใช้แยกอนภุ าคของของแขง็ มปี รมิ าณนอ้ ยกวา่ พลังงานที่เกดิ จากการยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคของตัวถูกละลายกับตวั ทำละลาย การละลายของสารน้ีจะ ปลอ่ ยพลงั งานออกมา สารละลายจะมีอุณหภมู สิ ูงขึ้น การละลายประเภทน้ีเรียกวา่ การละลายประเภทคาย ความรอ้ น ในทางกลับกนั ถ้าพลงั งานท่ใี ชใ้ นการแยกอนุภาคของตัวถูกละลายท่เี ป็นของแข็งมีปริมาณมาก กว่า พลงั งานท่เี กดิ จากการยดึ เหนย่ี วระหว่างอนุภาคของตวั ถกู ละลายกับตัวทำละลาย การละลายของสารนจ้ี ะ ดดู พลังงาน สารละลายจะมีอุณหภมู ิต่ำลง การละลายประเภทน้เี รยี กว่า การละลายประเภทดูดความรอ้ น การ ละลายของของเหลวหรอื แกส๊ ในตัวทำละลายชนดิ ตา่ งๆ เกิดข้นึ ไดใ้ นทำนองเดยี วกัน การละลายของสารแตล่ ะ ชนดิ จะเป็นการละลายของสารประเภทดดู พลงั งานความร้อน หรือประเคทคายพลังงานความร้อนเป็นสมบัติ เฉพาะตวั ของสารนน้ั ๆ 4. กระบวนการเกิดสารละลาย สารละลาย คือ สารเนอ้ื เดยี วทเ่ี กิดจากสารบรสิ ทุ ธิ์ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปผสมกนั สารละลายจงึ ไม่เปน็ สาร บริสทุ ธแ์ิ ต่เกดิ จากการรวมตวั ของสารบรสิ ทุ ธิ์ โดยท่รี วมกนั แล้วยังต้องเปน็ สารเนอ้ื เดียว (Homogeneous) เน่อื งจากอนภุ าคของตัวถูกละลายแทรกตวั ในอนภุ าคของตัวทำละลายอย่างสมำ่ เสมอ การที่อนุภาคของตัวถูกละลายเข้าไปแทนที่อนภุ าคของตัวทำละลายเกิดขึน้ ไดเ้ มื่อ - ทำลายแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งโมเลกุลของตัวทำละลาย - ทำลายแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างโมเลกุลของตวั ถูกละลาย - สรา้ งแรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ ของตัวทำละลายและตัวถูกละลาย สารแตล่ ะชนดิ มีกระบวนการละลายแตกต่างกนั ยกตัวอยา่ งเช่น การละลายของสารประกอบไอออนิก เมื่อใหส้ ารประกอบไออออนกิ ละลายนำ้ จะเกิดการเปล่ียนแปลง 2 ข้ันตอน ดังน้ี ข้ันที่ 1 ของแข็งไอออนกิ สลายตัวเปน็ ไอออนบวกและไอออนลบในสภาวะก๊าซ สำหรบั ขนั้ นเ้ี ป็นการ เปลีย่ นแปลงประเภทดดู พลังงาน เพราะต้องใช้พลังงานเพอ่ื สลายแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งไอออนบวกกบั ไอออน ลบ พลงั งานท่ใี ช้ในขั้นนี้ เรยี กว่า พลังงานแลตทชิ หรือพลงั งานโครงร่างผลกึ (Lattice Energy) ขนั้ ที่ 2 ไอออนบวกและไอออนลบในสภาวะกา๊ ซ รวมตัวกบั โมเลกลุ ของน้ำ กลายเปน็ ไอออนที่ถกู ไฮเดรต หรือมโี มเลกลุ ของนำ้ เข้าล้อมรอบ เน่ืองจากข้ันนีเ้ กิดแรงยึดเหน่ยี วระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ

5 กบั โมเลกุลของนำ้ ขั้นนี้จงึ เป็นการเปล่ยี นแปลงประเภทคายพลังงาน พลงั งานที่คายออกมาเรียกวา่ พลงั งาน ไฮเดรชัน เชน่ เม่อื โซเดยี มคลอไรดล์ ะลายน้ำจะเกิดการเปลีย่ นแปลง 2 ขั้น ดงั นี้ 5. สภาพการละลายได้ สภาพการละลายได้ หมายถงึ ความสามารถในการละลายได้ของตัวทำละลายจนอม่ิ ตวั ซึง่ นอกจาก จะขนึ้ อยูก่ ับชนิดของตวั ถูกละลายและตวั ทำละลายแลว้ ยงั ขึน้ อยู่กบั สภาพแวดลอ้ มอ่ืนๆ อีก ได้แก่ อุณหภมู ิ และความดนั เช่น สภาพการละลายของโซเดียมคลอไรด์ในนำ้ 100 กรมั ณ อณุ หภูมิ 20 องศาเซลเซยี ส เทา่ กบั 36.0 กรมั แตถ่ ้าเพิ่มอุณหภูมิเปน็ 60 องศาเซลเซยี ส สภาพการละลายจะเปล่ยี นไปคือ ละลายได้ เพิ่มขึน้ เป็น 37.3 กรัม สว่ นการละลายของแก๊สจะละลายได้มากขึ้นถ้าอุณหภมู ิลดลงและความดนั เพิ่มมากขึ้น เชน่ การละลายของแก๊สคาร์บอนไดออกไซดใ์ นน้ำอัดลม ปัจจัยท่ีเกยี่ วข้องกับความสามารถในการละลายของสาร ณ อุณหภมู เิ ดยี วกนั สารแต่ละชนิด ละลายไมเ่ ทา่ กัน ท้ังนี้ขน้ึ อยู่กับปัจจยั ดังนคี้ ือ 1. ชนดิ ของตวั ทำละลาย 2. ชนดิ ของตัวถกู ละลาย 3. ความดัน ในกรณที ่ตี วั ถกู ละลายมีสถานะเปน็ กา๊ ซ ถา้ ความดนั เพ่มิ จะละลายได้มากขึ้น 4. อณุ หภมู ิความสามารถในการละลายของสารบางชนดิ เพิม่ ขึน้ เมือ่ อณุ หภูมเิ พ่ิม แต่บางชนิดละลาย ได้น้อยลง (ตกตะกอนผลึกออกมา) เม่ืออณุ หภูมิเพิม่ ดงั กราฟปริมาณตวั ถกู ละลายกับอณุ หภูมิ 6. ความสามารถในการละลายของน้ำ น้ำเปน็ ตวั ทำละลายที่ดมี าก น้ำสามารถละลายสารเกือบทุกชนดิ ได้ จงึ ไมน่ า่ แปลกใจว่าน้ำทะเลหรือ ของเหลวอื่น ๆ ในธรรมชาติ แม้กระทั่งสิ่งมีชวี ิตจะมนี ้ำเปน็ องค์ประกอบหลักกค็ ือเป็นตัวทำละลาย คำว่า สารละลายในทีน่ จี้ ะประกอบด้วยองคป์ ระกอบสองสว่ นด้วยกนั คือตวั ทำละลาย (solvent) ซึ่งเป็นของเหลว

6 และมีสัดสว่ นในปรมิ าณมากกว่า องค์ประกอบอีกตวั หน่งึ คือตัวถกู ละลาย(solute) ซึง่ มักจะเปน็ ของเหลวหรือ ก๊าซ ในสารละลายใด ๆ ท่ีมกี ารผสมเปน็ เนือ้ เดยี วกัน หมายถงึ ตัวถกู ละลายแพร่กระจายไปใน ตวั ทำละลายได้ อยา่ งทว่ั ถึง มคี ุณสมบัติเดยี วกันทุกสว่ น ในทางตรงกนั ขา้ ม น้ำมันไม่สามารถละลายนำ้ ได้ถึงแมว้ ่าจะเขย่าใหผ้ สมกันอยา่ งแรง เมอื่ น้ำมนั ผสม กบั น้ำลกั ษณะของสารดงั กลา่ วน้ีจะเป็นของผสม เน่ืองจากโมเลกุลของนำ้ มนั เป็นสารประกอบไมม่ ีขั้ว ซึง่ หมายถึงปลายทั้งสองด้านของนำ้ มนั จะไม่มีประจบุ วกหรอื ประจุลบ 7. ความเข้มขน้ ของสารละลาย ความเข้มขน้ ของสารละลาย เปน็ ค่าท่ีแสดงปรมิ าณของตัวละลายท่ี ละลายอยู่ในตวั ทำละลายหรอื ในสารละลายน้ัน การบอกความเข้มขน้ ของสารละลายบอกได้หลายวิธดี ังน้ี 7.1 ร้อยละ (percent) แบ่งออกเป็นดังนี้ 1) ร้อยละโดยมวล (w/w) บอกถงึ มวลของตัวละลายทล่ี ะลายในสารละลาย 100 หนว่ ย มวล เช่น สารละลายน้ำเช่อื มเข้มข้นร้อยละ 10 โดยมวล คือ ในสารละลายนำ้ เช่ือม 100 กรัม ประกอบดว้ ย น้ำตาล 10 กรัม 2) รอ้ ยละโดยปริมาตร (v/v) บอกถึงปริมาตรของตัวละลายทลี่ ะลายในสารละลาย 100 หนว่ ยปรมิ าตร เช่น สารละลายเอทานอลเข้มข้นร้อยละ 15 โดยปรมิ าตร คือ ในสารละลาย เอทานอล 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร ประกอบดว้ ยเอทานอล 15 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร 3) ร้อยละโดยมวลต่อปริมาตร (w/v) บอกถึงมวลของตัวละลายในสารละลาย 100 หน่วยปรมิ าตร เชน่ สารละลายเกลือแกง 100 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร ประกอบดว้ ยเกลอื แกง 1 กรมั 7.2 สว่ นในพนั สว่ น (part per thousand ; ppt) เป็นหนว่ ยทบี่ อกมวลของตวั ละลายท่ีมี ปรมิ าณน้อย ละลายในสารละลาย หรือตวั ทำละลาย 1 พันสว่ น 7.3 สว่ นในลา้ นส่วน (part per million ; ppm) เปน็ หน่วยที่บอกมวลของตัวละลายท่ีมี ปรมิ าณน้อยมาก ละลายในสารละลายหรือตวั ทำละลาย 1 ลา้ นส่วน (106 ส่วน) เช่น ปลาตวั หน่ึงมีปรอท ปลอมปนอยู่ 0.2 ppm หมายความวา่ ในเนื้อปลา 1 ล้านกรมั จะมีปรอทอยู่ 0.2 กรัม 8. การใชส้ ารละลายในอุตสาหกรรม สารละลายถูกนำมาใชอ้ ยา่ งแพร่หลายในอุตสาหกรรมการสร้างโลหะผสม สารละลายทาง การแพทยแ์ ละออกซิเจนละลายน้ำ 8.1 โลหะผสม เปน็ สารละลายของแข็ง (solid solution) ของโลหะหน่งึ อยา่ งหรอื มากกวา่ หรือ โลหะกบั อโลหะ เรียกวา่ โลหะผสม โลหะผสมเปน็ สารละลายของแขง็ ทเี่ ปน็ เนือ้ เดยี วกัน เพราะส่วนประกอบ ของโลหะผสมจะละลายเข้าด้วยกนั ในสถานะหลอมเหลว ในระหวา่ งการผลติ โลหะผสม สว่ นประกอบของ โลหะผสมจะไม่มกี ารเปล่ียนแปลงทางเคมีใดๆ จะถูกผลิตโดยการหลอมละลายสว่ นประกอบธาตุเข้าด้วยกัน และกลายเปน็ สว่ นผสมของแขง็ ตวั อยา่ ง

7 1. การเพ่ิมโลหะ เชน่ ทองแดง แมงกานสี และสงั กะสเี ขา้ ไปในอลูมเิ นียม จะช่วยเพิ่มความแขง็ แกรง่ ความทนทานและความต้านทานการกัดกรอ่ นของโลหะผสม ส่วนใหญ่จะใช้ในการผลติ ช้นิ สว่ น เครอ่ื งยนต์ของรถยนต์ 2. ทองแดงเมื่อผสมกบั ดบี ุกจะไดส้ ำรดิ ซึ่งทนตอ่ การกัดกร่อน มีการนำไฟฟ้าและความรอ้ นสูง ใช้ใน อุปกรณ์ประปา เฟืองและวาล์ว 3. โลหะผสมเหลก็ กล้าไร้สนมิ เป็นสว่ นผสมของเหลก็ นกิ เกลิ และโครเมียม สามารถทนต่อการกัด กรอ่ นและการใชง้ านในทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ถนน ทางรถไฟและอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถงึ ใช้ เพื่อทำอปุ กรณเ์ ครอื่ งครัว 4. โลหะผสมทังสเตนมีจดุ หลอมเหลวสงู และใชใ้ นหลอดเอกซเรย์และอปุ กรณ์หลอดไฟ 8.2 สารละลายทางการแพทย์สารละลายทางการแพทยเ์ ปน็ สารเน้ือเดียวของสารหนึง่ อยา่ งหรือ มากกวา่ ซึ่งสารจะแพร่กระจายอยู่ในปริมาณทีเ่ พยี งพอของตวั ทำละลาย โมเลกลุ ของสารแตล่ ะสารจะไมม่ ีการ เปลีย่ นแปลงทางเคมี 1. โซเดยี มคลอไรด์ในนำ้ บริสทุ ธเิ์ ป็นน้ำเกลอื ใช้สำหรบั การรักษาภาวะขาดน้ำและทำความสะอาด บาดแผล นำ้ เกลือท่ีใช้ในโรงพยาบาลประกอบด้วยโซเดยี มคลอไรด์ 0.9% 2. สารละลายเบเนดิกต์ (โซเดียมซเิ ตรท โซเดยี มคาร์บอเนตและคิวพริกซลั เฟตในน้ำ) จะนำมาใช้ เพ่ือตรวจสอบระดบั ของกลูโคสในปัสสาวะ 3. สารละลายในนำ้ ประกอบด้วยฟอรม์ าลดไี ฮด์ 37% - ฟอร์มาลินจะใชเ้ ป็นยาฆ่าเชื้อ 4. โพแทสเซียมในสารละลายอเิ ลก็ โทรไลจะใช้ในการปกป้องหัวใจระหวา่ งการผา่ ตัดหัวใจ 5. สารละลายของกรดซติ ริก โซเดียมซเิ ตรทและเดกซ์โทรสในนำ้ จะใช้สำหรับการเกบ็ รักษาเลือด 8.3 สารทำละลายในอุตสาหกรรมอนื่ ๆ เปน็ สารเคมที ่ใี ช้อย่างกว้างขวางเพื่อทำละลายหรือทำให้เจอื จางกบั สารอน่ื ปกตสิ ารทำละลายเป็นของเหลวอนิ ทรยี ์ สารทำละลายหลายตวั ถูกใช้เปน็ สารเคมที ำ ปฏกิ ริ ิยาระหว่างกระบวนการ (chemical intermediates) ถกู ใชเ้ ปน็ เชือ้ เพลงิ และถูกใชเ้ ปน็ องคป์ ระกอบ หลายๆ ตวั ของผลิตภณั ฑต์ ่างๆ ตัวอย่างสารทำละลายทใี่ ชก้ นั ทว่ั ไปในอุตสาหกรรมต่างๆ 1. อะซโี ตน (acetone) – การใชง้ าน : ใช้เปน็ ตัวทำละลายในอตุ สาหกรรมเคมี ผลิตยา ผลติ สี หมกึ พิมพ์ กาว แลคเกอร์ เครื่องสำอาง และ พลาสติก 2. ไดคลอโรมเี ทน (dichloromethane) – การใชง้ าน : ใช้ล้างสอี อกจากภาพวาด ใชเ้ ปน็ สาร สกัดคาเฟอีนจากกาแฟ ใช้ผลติ สารปรงุ แตง่ กลิน่ หรอื รส 3. เฮกเซน (hexane) – การใช้งาน : ใชผ้ สมสี กาว ในงานเฟอนเิ จอร์ ใชใ้ นงานพน่ สี ทาสี 4.โทลูอนี (toluene) – การใชง้ าน : ใช้เป็นตวั ทำละลายสี หมึกพิมพ์ กาว ใช้เป็นสารตั้งตน้ สำหรับการสงั เคราะห์สารอน่ื เชน่ ทำโฟมยรู ีเทน สังเคราะห์สยี อ้ ม ผลติ ภณั ฑ์ยา และ เคร่อื งสำอาง 5. เมทานอล (methanol) – การใชง้ าน : เช็ดล้างพลาสตกิ ใช้เป็นส่วนผสมทำกาวสำหรบั ไม้

8 อดั ใชเ้ ป็นสว่ นผสมไบโอดีเซล ใชเ้ ป็น anti-freeze ในหมอ้ น้ำรถยนต์ 6. เมทิล เอทิล คโี ตน (methyl ethyl ketone) – การใช้งาน : ใช้เปน็ ตวั ทำละลายในกาว หมึกพิมพ์ 7. ไซลีน (xylene) – การใช้งาน : ใช้เปน็ สว่ นผสมในการผลิตทนิ เนอร์ แลคเกอร์ สี หมกึ พมิ พ์ กาว เรซิน ยาง น้ำยาทำความสะอาด ใชฟ้ อกสีในอตุ สาหกรรมกระดาษ ใชเ้ ป็นสว่ นผสมของนำ้ มันเชอ้ื เพลงิ 8. ไวทส์ ปริ ติ (white spirit) – การใชง้ าน : ใช้เป็นทินเนอรผ์ สมในสที าบ้าน แลคเกอร์ และ นำ้ มนั วานชิ ใชล้ า้ งคราบมนั (degreasing) ในการทำความสะอาดเครื่องจักรหรือทำความสะอาดชน้ิ งาน โลหะ ใช้ผสมกับน้ำมันตัด (cutting oil) เพื่อเปน็ สารหล่อเยน็ ในงานตัดเจาะโลหะ ใชเ้ ป็นสารในน้ำยาซัก แหง้ ใชผ้ สมสีนำ้ มันเพอ่ื วาดภาพงานศลิ ปะ ใช้ผสมกับยางมะตอยเพอ่ื ลดความข้นเหนียว 9. อันตรายจากการใช้สารทำละลาย สารทำละลาย (Solvents) คือสารที่มีคุณสมบัติในการละลายสารอ่ืนได้ดี ระเหยได้ง่าย มคี วาม ไวไฟสูง มักมีใช้กนั ในอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ หรอื มีผสมอยูใ่ นผลิตภัณฑ์ทใี่ ช้กนั โดยทั่วไป เชน่ การผสม สี การพน่ สี แลคเกอร์ กาวยาง นำ้ ยาทำความสะอาดชิน้ งานและเครื่องจกั ร น้ำยาขจัดคราบรอยเปือ้ น นำ้ ยา ลบคำผิด ฯลฯ ตัวอย่างของสารทีใ่ ชก้ ัน เชน่ ทินเนอร์ นำ้ มันเบนซนิ โทลูอนี ไซลนี ไตรคลอ โรอีเธน ไตรคลอ โรเอทธีลีน เปน็ ต้น การระเหยของสาร คือการทีส่ ารน้นั กลายเป็นสว่ นหน่ึงของอากาศ เราหายใจเขา้ ไปแลว้ สาร จะถูกดดู ซึมเขา้ สู่กระแสเลือด ผ่าน หวั ใจแล้วถูกสบู ฉดี เขา้ ไปสู่อวยั วะต่าง ๆ ภายในรา่ งกายและทำอันตรายต่อ อวยั วะน้นั ๆ เช่น ตับไต สมองและเป็นอันตรายต่อสุขภาพรา่ งกาย อันตรายของสารทำละลายต่อสขุ ภาพ ดงั นี้ 1. อันตรายตอ่ ระบบทางเดินหายใจ หากหายใจเอาไอระเหยของสารเข้าไปมาก ๆ จะรูส้ ึกว่า หายใจขัด มีอาการระคายเคอื งในคอ มนึ ศรี ษะ คลน่ื เหียน ระบบทางเดินอาหารอาจหยดุ ทำงานได้ 2. สารเคมีท่สี ดู ดมจะเข้าส่ถู ุงลมปอด ซมึ่ เข้าส่กู ระแสเลอื ดและนำไปสู่อวัยวะภายในตา่ ง ๆ ทำ ให้เกดิ โรคตับ โรคไต หรือ ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเนือ้ เยื่อของระบบทางเดนิ หายใจ เมอ่ื ไดร้ บั สารทำละลายบ่อย ๆ อาจทำใหต้ ดิ สารนั้นได้ เช่น การตดิ ทินเนอร์

9 3. สารทำละลายมคี ุณสมบตั ิในการละลายไขมันได้ดี หากสมั ผัสท่ีผวิ หนังจะละลายไขมันที่ ผิวหนัง ทำให้ผวิ หนัง แหง้ แตก ระคายเคือง และไหมไ้ ด้ อีกท้ังยงั สามารถซมึ ผ่านผวิ หนังเข้าสูก่ ระแสเลอื ด และทำอนั ตราย เช่นเดยี วกับสารท่เี ข้าทางระบบ ทางเดินหายใจ 4. หากสมั ผัสกบั สารทำละลายเปน็ เวลานาน ๆ ทำใหเ้ ป็นโรคผวิ หนงั อักเสบ (Contact Dermatitis) โดยมีอาการเป็นตุ่ม พุพอง รู้สกึ เจ็บง่ายต่อการติดเช้อื แบคทีเรีย ซึง่ จะทำใหเ้ กดิ อาการอักเสบ รนุ แรงขน้ึ 5. ผลต่อตา กรณที ส่ี ารทำละลายเขา้ ตาจะทำใหเ้ กดิ อาการแสบตา ตาแดง น้ำตาไหล เกดิ อาการ ระคายเคอื งหรือ หากต้องทำงานในพนื้ ทท่ี ีม่ ีละออง ไอระเหยของสารทำลายนน้ั เปน็ ระยะเวลานาน ทำให้ มี อาการ ตาพร่ามัว เย่ือบตุ าระคายเคือง สมรรถภาพการมองเห็นเส่ือมแบบถาวร วิธแี กไ้ ขให้ไปที่ทล่ี ้างตาท่ีใกล้ ทส่ี ดุ ทนั ที หากไม่มใี ห้ไปทกี่ ๊อกนำ้ สำหรบั ผ้ทู ่ใี สค่ อนแทคเลนสใ์ ห้ถอดออกเพราะ จะเปน็ ตัวจบั สารทำละลายไว้ ให้น้ำชะลา้ งตา 15-20 นาที โดยล้างจากหัวตาไปหางตา โดยให้ตาที่โดนสารนั้นอย่ขู ้างล่างเพอื่ ไม่ไหต้ าอีกข้าง รับสารไปดว้ ย ห้ามใส่ครมี ดูอาการหากยงั ไมด่ ีขนึ้ ให้พาไปพบแพทย์ 6. ในกรณที ่ี มีการกินเข้าไป หา้ มใหด้ ม่ื กินอะไรตามไปเด็ดขาด นอกจากมีระบุไวใ้ นเอกสาร ความปลอดภัย ของสารเคมตี ัวนั้น ๆ (MSDS : Material Safety Data Sheet) แล้วนำสง่ แพทย์ทันที 7. เกิดกับผิวหนงั ให้เปิดนำ้ ใหช้ ะผ่านบริเวณที่สัมผสั สารละลาย 15-20 นาที โดยห้ามทำการขัด ถูบาดแผล ขณะเดยี วกันก็ถอดเสื้อผ้าทเ่ี ป้ือนสารเคมีออกในขณะท่ีน้ำยงั ชะอยู่ ปดิ แผลด้วยผา้ หรือวัสดทุ ีผ่ า่ น การฆ่าเชอ้ื แลว้ หา้ มใสค่ รีมลงบนแผล ดูอาการหากไม่ดขี น้ึ ให้พาไปพบแพทย์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook