Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3 สารเคมีที่ใช้ในงานศิลปะ

หน่วยที่ 3 สารเคมีที่ใช้ในงานศิลปะ

Published by Oranut, 2021-01-21 16:08:09

Description: หน่วยที่ 3 สารเคมีที่ใช้ในงานศิลปะ

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรียน วชิ าวิทยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพศิลปกรรม Science for Arts and Design รหสั วิชา 2000-1304 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่อื ง สารเคมีทใี่ ช้ในงานศลิ ปะ อรนชุ กอสวัสด์พิ ฒั น์

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา 2000-1304 -2- วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพศิลปกรรม หนว่ ยการเรียนที่ 3 เร่ือง สารเคมใี นงานศลิ ปะ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สารเคมที ่ีใชใ้ นงานศลิ ปะ หัวเรือ่ ง 1. สี 2. กาว 3. สารทำละลาย 4. วสั ดุที่ใช้ในงานปั้น 5. กระดาษ 1. สี 1.1 ชนิดของสีทีใ่ ชใ้ นงานศลิ ปะ 1.1.1 สีนำ้ WATER COLOUR เป็น สีทใ่ี ชก้ นั มาตั้งแตโ่ บราณ ทัง้ ในแถบยุโรป และเอเชยี โดยเฉพาะจนี และญี่ปุ่น ซ่ึงมีความสามารถในการระบายสีนำ้ แต่ในอดีตการระบายสีนำ้ มักใชเ้ พียงสเี ดียว คอื สีดำผู้ที่จะระบายได้อย่างสวยงามจะต้องมีทกั ษะการใช้พู่กันทสี่ งู มาก การระบายสนี ้ำจะใช้นำ้ เปน็ ส่วนผสม และทำละลายใหเ้ จอื จาง ในการใชส้ ีน้ำ ไมน่ ิยมใช้สขี าวผสมเพอื่ ใหม้ ีนำ้ หนัก อ่อนลง และไมน่ ิยมใช้สีดำผสมให้ มีนำ้ หนกั เข้มขน้ึ เพราะจะทำใหเ้ กิดน้ำหนกั มืดเกินไป แตจ่ ะใช้สีกลางหรือสีตรงขา้ มผสมแทน ลกั ษณะของ ภาพวาดสีน้ำ จะมลี ักษณะใส บาง และ สะอาด การระบายสีนำ้ ต้องใชค้ วามชำนาญสูงเพราะผดิ พลาดแลว้ จะ แก้ไขยากจะระบายซ้ำ ๆ ทับกนั มาก ๆ ไม่ไดจ้ ะทำใหภ้ าพออกมามีสีขุ่น ๆ ไม่น่าดู หรอื ท่ีเรียกว่า สเี นา่ สนี ้ำทมี่ ี จำหน่าย ในปัจจบุ นั จะบรรจใุ นหลอด เปน็ เน้ือสีฝ่นุ ทผี่ สมกับกาวอะราบิค ซึ่งเปน็ กาวท่ีสามารถละลาย น้ำได้ มีทัง้ ลักษณะทโี่ ปรง่ แสง ( Transparent ) และกึ่งทึบแสง ( Semi-Opaque ) ซ่ึงจะมีระบุ ไวข้ า้ งหลอด สนี ำ้ นยิ มระบายบนกระดาษท่ีมีผิวขรุขระ 1.1.2 สีโปสเตอร์ POSTER COLOUR เป็นสชี นิดสีฝุน่ (Tempera) ที่ผสมกาวน้ำบรรจเุ สร็จเปน็ ขวด การใช้งานเหมือน กับสนี ้ำ คือใชน้ ำ้ เป็นตวั ผสมใหเ้ จือจาง สีโปสเตอรเ์ ปน็ สีทึบแสง มีเนื้อสขี น้ สามารถ

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา 2000-1304 -3- วิทยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพศลิ ปกรรม หนว่ ยการเรยี นท่ี 3 เรื่อง สารเคมีในงานศลิ ปะ ระบายใหม้ ีเนื้อเรยี บได้ และผสมสขี าวให้มีน้ำหนักออ่ นลงไดเ้ หมอื นกบั สนี ้ำมัน หรือสีอะครีลิค สามารถ ระบาย สที ับกันได้ มกั ใชใ้ นการวาดภาพ ภาพประกอบเรื่อง ในงานออกแบบ ต่าง ๆ ไดส้ ะดวก ในขวดสีโปสเตอรม์ ี ส่วนผสมของกลีเซอรีน จะทำให้แห้งเร็ว 1.1.3 สีชอลค์ PASTEL COLOUR สีชอลค์ เปน็ สีฝุ่นผงละเอยี ดบรสิ ุทธ์ินำมาอัดเป็นแท่ง ใช้ในการ วาดภาพ มากว่า 250 ปแี ล้ว ปจั จบุ ัน มีการผสมขี้ผงึ้ หรือกาวยางไม้เข้าไปดว้ ยแล้วอัดเป็นแท่งในลักษณะของ ดินสอสี แตม่ ีเนื้อ ละเอียดกว่า แท่งใหญ่กวา่ และมรี าคาแพงกว่ามาก มักใช้ในการวาดภาพเหมือน 1.1.4 สีฝุ่น TEMPERA COLOUR เปน็ สีเร่มิ แรกของมนุษย์ ได้มาจากธรรมชาติ ดนิ หนิ แรธ่ าตุ พชื สัตว์ นำมาทำให้ละเอียด เป็นผง ผสมกาวและน้ำ กาวทำมาจากหนงั สตั ว์ กระดูกสัตว์ สำหรับช่างจติ รกรรมไทย ใช้ ยางมะขวิด หรอื กาวกระถิน ซึ่งเปน็ ตวั ชว่ ยให้สีเกาะติดพน้ื ผวิ หน้าวัตถไุ ม่หลดุ ได้โดยง่าย ในยโุ รปนิยมเขยี นสี ฝนุ่ โดยผสมกับกาวยาง กาวน้ำ หรอื ไข่ขาว สฝี ่นุ เป็นสีทีม่ ีลักษณะทบึ แสง มเี น้ือสีค่อนข้างหนา เขียนสที บั กัน ได้ สีฝนุ่ มักใช้ในการเขียนภาพทัว่ ไป โดยเฉพาะภาพฝาผนัง ในสมัยหนึ่งนยิ มเขียนภาพผาฝนัง ที่เรียกว่า สีปนู เปียก (Fresco) โดยใช้สีฝุ่นเขียนในขณะท่ีปูนท่ฉี าบผนงั ยังไมแ่ หง้ ดี เน้ือสีจะซึมเข้าไป ในเนอ้ื ปูนทำให้ภาพไม่

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า 2000-1304 -4- วิทยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพศลิ ปกรรม หน่วยการเรยี นที่ 3 เร่ือง สารเคมใี นงานศลิ ปะ หลุดลอกงา่ ย สีฝนุ่ ในปัจจุบนั มลี ักษณะเป็นผง เม่อื ใชง้ านนำมาผสมกับน้ำโดย ไม่ต้องผสมกาว เน่ืองจากใน กระบวนการผลติ ไดท้ ำการผสมมาแลว้ การใชง้ านหมือนกบั สโี ปสเตอร์ 1.1.5 ดินสอสี CRAYON COLOUR เป็นสีผงละเอียด ผสมกับขี้ผึ้งหรือไขสัตว์ นำมาอัดให้เป็นแทง่ อย่ใู นลกั ษณะของดินสอ เพอ่ื ใหเ้ หมาะสำหรับเดก็ ๆ ใชง้ าน มลี ักษณะคล้ายกับสีชอลค์ แต่เป็นสที ่ีมรี าคา ถูก เนื่องจากมีส่วนผสม อื่น ๆ ปะปนอยู่มาก มีเนื้อสีน้อยกว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถละลายน้ำ หรือนำ้ มันได้ โดยเมื่อใช้ ดินสอสีระบายสีแล้วนำพู่กันจุ่มน้ำมาระบายต่อ ทำให้มีลักษณะคล้ายกับภาพสี น้ำ ( Aquarelle ) บางชนดิ สามารถละลายได้ในนำ้ มนั ซึง่ ทำให้กันน้ำได้ 1.1.6 สีเทียน OIL PASTEL COLOUR สีเทียนหรอื สีเทยี นนำ้ มนั เป็นสฝี ุ่นผงละเอียด ผสมกับ ไขมนั สัตว์หรือขผ้ี งึ้ แลว้ นำมาอดั เป็นแท่ง มีลักษณะทบึ แสง สามารถเขยี นทับกันได้ การใชส้ อี อ่ นทับสเี ข้มจะ มองเหน็ พน้ื สเี ดมิ อยู่บ้าง การผสมสี อ่นื ๆใชก้ ารเขยี นทับกัน สเี ทยี นนำ้ มันมกั ไมเ่ กาะตดิ พนื้ สามารถขดู สอี อก ได้ และกันน้ำ ถ้าต้องการให้ สีติดแน่นทนนาน จะมีสารพ่นเคลือบผิวหน้าสี สีเทยี นหรอื สีเทยี นน้ำมนั มักใช้ เปน็ สฝี ึกหดั สำหรบั เด็ก เนอื่ งจากใช้งา่ ย ไม่ยุ่งยาก ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน และมีราคาถูก

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า 2000-1304 -5- วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาอาชพี ศลิ ปกรรม หนว่ ยการเรียนที่ 3 เรื่อง สารเคมีในงานศลิ ปะ 1.1.7 สีอะครลี คิ ACRYLIC COLOUR สีอะครีลิค เปน็ สีท่มี ีสว่ นผสมของสารพลาสตกิ โพลีเมอร์ (Polymer) จำพวก อะครลี ิค ( Acrylic ) หรือ ไวนลิ ( Vinyl ) เปน็ สีท่ีมีการผลิตขนึ้ มาใหม่ล่าสุด วลาจะใช้ นำมาผสมกับนำ้ ใชง้ านได้เหมือนกับสีน้ำ และสนี ำ้ มนั มีท้ังแบบโปรง่ แสง และทบึ แสง แต่จะแห้งเรว็ กวา่ สี น้ำมนั 1 – 6 ชวั่ โมง เมือ่ แห้งแล้วจะมี คณุ สมบัตกิ นั นำ้ ไดแ้ ละเป็นสีที่ติดแนน่ ทนนาน คงทนต่อสภาพดินฟา้ อากาศ สามารถเกบ็ ไว้ไดน้ าน ๆ ยึดเกาะตดิ ผิวหนา้ วัตถุไดด้ ี เมอื่ ระบายสแี ลว้ อาจใชน้ ้ำยาวานิช ( Vanish ) เคลอื บผิวหนา้ เพื่อป้องกัน การขดู ขีด เพื่อให้คงทนมากย่ิงข้ึน สอี ะครลี ิคท่ีใชว้ าดภาพบรรจุในหลอด มรี าคา ค่อนข้างแพง 1.1.8 สนี ำ้ มัน OIL COLOUR ผลิตจากการผสมของสีฝ่นุ กับนำ้ มนั ซง่ึ เป็นน้ำมนั จากพืช เช่น นำ้ มนั ลินสีด ( Linseed ) ซึ่งกล่ันมาจากต้นแฟลกซ์ หรอื นำ้ มนั จากเมลด็ ป๊อบปี้ สีนำ้ มนั เป็นสที บึ แสง เวลาระบายมัก ใช้สขี าว ผสมให้ได้นำ้ หนักอ่อนแก่ งานวาดภาพสีนำ้ มนั มักเขียนลงบนผา้ ใบ (Canvas ) มคี วามคงทนมากและ กันนำ้ ศิลปินรจู้ กั ใช้สีนำ้ มนั วาดภาพมาหลายรอ้ ยปีแล้ว การวาดภาพสนี ้ำมนั อาจใช้เวลาเปน็ เดอื นหรอื เป็นปกี ็ ได้ เนอื่ งจากสนี ้ำมันแห้งชา้ มาก ทำใหไ้ ม่ตอ้ งรีบร้อน สามารถวาดภาพสีนำ้ มันท่ีมขี นาดใหญ่ ๆ และสามารถ แกไ้ ขงาน ด้วยการเขยี นทับงานเดิม สนี ำ้ มันสำหรบั เขยี นภาพจะบรรจุในหลอด ซึง่ มีราคา สงู ต่ำข้นึ อยกู่ ับ

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า 2000-1304 -6- วทิ ยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาอาชพี ศิลปกรรม หนว่ ยการเรยี นท่ี 3 เร่ือง สารเคมใี นงานศลิ ปะ คุณภาพ การใชง้ านจะผสมดว้ ยนำ้ มันลนิ สดี ซึ่งจะทำให้เหนียวและเป็นมนั แต่ถ้าใช้ นำ้ มันสน จะทำให้แห้งเร็ว ขนึ้ และสีด้าน พู่กนั ทใี่ ช้ระบายสนี ้ำมันเปน็ พู่กนั แบนท่ีมขี นแขง็ ๆ สนี ำ้ มนั เปน็ สที ่ีศิลปินส่วนใหญ่นิยมใชว้ าด ภาพ มาต้ังแต่สมยั เรอเนซองส์ยคุ ปลาย 1.2 องค์ประกอบของสี (Paint Component) ทำหน้าที่ยึดจับมวลสารต่าง ๆ 1.2.1 สารยดึ เกาะ (Binder) 1.2.2 ผงสี (Pigment) และ แป้งเพ่ิมเน้ือ (Filler/Extender) 1.2.3 สารเตมิ แตง่ (Additive) 1.2.4 ตวั ทำละลาย (Solvent) 1.2.1 สารยึดเกาะ (Binder: Latex / Resin) หรือสารนำสี ที่ผสมรวมกันอยู่ในชั้นฟิล์มสีและช่วยให้ชั้นฟิล์มสีสามารถยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี การเลือกใช้ชนิดของสารยึด จะเลือกจากว่าสารยึดเกาะแต่ละชนิดมีความสามารถยึดเกาะที่แตกต่างกันและในกรณีที่ใช้สารยึดเกาะชนิด เดียวกันแต่ใช้ในปริมาณที่แตกต่างกัน และใช้ผงสีหรือแป้งเพิ่มเนื้อที่มีขนาดของโมเลกุลแตกต่างกัน จะมี ผลกระทบกับการยึดเกาะเช่นกัน กรณีการยึดเกาะบนพื้นผิวนั้นสารยึดเกาะต้องสามารถแทรกซึมเข้าไปใน ผนงั ได้ดีเม่ือ แทรกซมึ ได้นอ้ ยส่งผลให้การยึดเกาะไดไ้ มด่ ี 1.2.2 ผงสี (Pigment) และแปง้ เพิ่มเนอื้ ผงสี (Pigment) ทำหนา้ ทที่ ำใหส้ ีมีสีสันตามชนดิ ของผงสที ี่เติมลงไปและช่วยปกปดิ พ้ืนผวิ ไดแ้ ก่ ผงสีขาว คอื Titanium Dioxide / Super Titanium Dioxide ผงสแี ดง ผงสีเหลอื ง เปน็ ตน้ แปง้ เพ่มิ เน้ือ (Extender / Filler) ทำหนา้ ที่ให้สีมเี นือ้ มากขึ้นและมีราคาถูกทำใหต้ น้ ทุนต่ำ ชว่ ยการทา (Flow) ช่วยการขัดให้เรียบง่ายและ ช่วยเสรมิ การปดิ บังพ้นื ผิว แต่เตมิ ไดใ้ นปริมาณทจ่ี ำกัด เนอ่ื งจากส่วนใหญจ่ ะได้มาจากธรรมชาติ ทำใหม้ แี ร่ธาตชุ นิดอื่นๆ ปนเปื้อนมาด้วย รวมทั้งมขี นาดโมเลกุลท่ีโต กว่าผงสีและสารยดึ เกาะมาก สีเกรดกลางจะเติมได้มากข้ึนส่วนสีราคาตำ่ ๆ จะมีแป้งเพมิ่ เนื้อเปน็ หลัก

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า 2000-1304 -7- วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชพี ศิลปกรรม หน่วยการเรยี นท่ี 3 เร่ือง สารเคมีในงานศลิ ปะ 1.2.3 สารเตมิ แต่ง (Additive) ทำหนา้ ทป่ี รับสภาพสว่ นประกอบต่าง ๆ ของสีให้สามารถรวมตัว กันอยู่ได้โดยไม่มกี ารแยกชน้ั หรือตกตะกอน รวมทง้ั สารปรุงแตง่ ชนิดอน่ื ๆ ที่มีสว่ นชว่ ยใหค้ ุณสมบตั ิการใช้งาน ทาไดง้ ่าย ฟลิ ์มสเี รยี บเนยี น มีการยึดเกาะพ้ืนผิวช้นิ งานทีด่ ี ไมม่ ีกลิน่ บูดเน่า ทนทานตอ่ การเกิดเชือ้ รา-ตะไคร่น้ำ และสารปรุงแต่งชนิดอน่ื ๆ ที่เตมิ เพ่ือเปน็ เอกลักษณ์เฉพาะ เช่น สารช่วยในการแห้งตวั ของสี สารท่ีชว่ ยให้ผงสี กระจายตวั ดีขึน้ ในกระบวนการผลิต สารกนั ฟองหรือลดฟองอากาศในระหวา่ งตสี ี สารปอ้ งกนั เชื้อรา เปน็ ตน้ 1.2.4 ตัวทำละลาย (Solvent) หมายถึงสารที่ทำหน้าที่ปรับความข้นใสของสีให้เหมาะสมกับ อายกุ ารจดั เก็บของสี และใชเ้ จือจางปรบั ความข้นใสให้เหมาะสมกับการใช้งาน การเลอื กใชต้ วั ทำละลายจะต้อง เหมาะสมกับชนิดของสารยึดเกาะ หากมีการเลือกตัวทำละลายที่มีความสามารถในการละลายสารยึดเกาะได้ ไม่ดี จะมีผลให้สีเกิดเป็นวุ้น หรือแข็งตัว และสีจะมีระดับความเงาลดลง รวมถึงส่งผลให้สารยึดเกาะแทรกซึม เข้าไปในพน้ื ผวิ ได้น้อย ทำให้การยึดเกาะพ้ืนผวิ ไมด่ ี มีโอกาสเกิดปัญหาสีบวมพองและหลุดลอกไดง้ ่าย

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา 2000-1304 -8- วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชีพศลิ ปกรรม หน่วยการเรยี นท่ี 3 เร่ือง สารเคมีในงานศลิ ปะ 2. กาว 2.1 หมายถึงวัสดุที่เราใช้ซ่อมแซม หรือติดวัตถุ 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน คำศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า glue แปลว่ากาว และมคี ำศัพท์อีกคำท่ีแปลว่ากาว คือคำว่า adhesive คำศัพท์ 2 คำนมี้ คี วามหมายแตกต่าง กนั คอื กาวทไ่ี ด้จากส่ิงมชี ีวิตเรยี กวา่ glue เชน่ fish glue (กาวที่สกดั ไดจ้ ากปลา) blood glue (กาวจากเลือด สัตว์) และ hide glue (กาวจากหนัง และกระดูกสัตว์) ส่วน adhesive หมายถึง กาวสังเคราะห์ต่างๆ เช่น กาวใส กาวลาเทกส์ และกาวตราชา้ งเปน็ ต้น แตเ่ รามกั ใช้คำทงั้ 2 คำนี้แทนกันได้ กาวจากสัตว์ ส่วนใหญ่ไดม้ าจากการต้มเนื้อเย่ือคอลาเจน (collagen) ซ่งึ เปน็ โปรตนี ชนิดหนึ่งพบมาก ในหนงั และกระดกู สัตว์ ซึง่ คำวา่ “collagen” มาจากคำว่า “kola” ซงึ่ เปน็ ภาษากรกี แปลว่า กาว 2.2 ชนดิ ของกาว กาวท่ีเราใช้กนั โดยทัว่ ไปในปจั จุบันน้ีสว่ นใหญ่เป็นกาวสงั เคราะห์ ซง่ึ มีให้เลอื ก มากมายหลายชนิดและมีสมบัติเหมาะสมในการใชต้ ิดวัตถุแตกตา่ งกัน ดังตารางข้างล่าง ชนดิ ของกาว วสั ดุที่เหมาะสม กาวใส กระดาษ กาวลาเทกส์ กระดาษ ไม้ ผ้า กาวยาง กระดาษ ไม้ แผ่นยาง ผ้า แกว้ เซรามกิ ส์ พลาสตกิ โลหะ กาวพลังชา้ ง ไม้ โลหะ แก้ว พลาสติก กาวอีพ็อกซี กาวปนื ซิลิโคน ไม้ พลาสติก แก้ว 2.2.1 กาวใส กาวใสมสี ว่ นประกอบหลักคือนำ้ และโพลิไวนิลอลั กอฮอล์ (poly(vinylalcohol), PVOH) ซึ่งเป็น โพลเิ มอร์สังเคราะห์ (synthetic polymer) ทม่ี โี ครงสร้างทางเคมีเป็นสายโซ่ตรงยาวๆ ทำใหโ้ พลิเมอรช์ นิดน้ี ละลายน้ำได้ดี อนภุ าคของโพลิเมอร์ในสารละลายมขี นาดเล็กมากคือมเี ส้นผ่าศูนยน์ ้อยกว่า 10-7 เซนตเิ มตร ซึ่ง แสงสามารถส่องผา่ นสารละลายได้ ทำให้กาวมีลักษณะเป็นของเหลวใส 2.2.2 กาวลาเทกส์ กาวลาเทกส์มีส่วนประกอบสำคัญคือ โพลิไวนิลอะซิเทต (poly(vinyl acetate), PVAC) เป็น โพลิเมอร์สังเคราะห์อีกชนิดหนึง่ ทีม่ สี ายโซ่ยาว แต่ละลายน้ำได้ไม่ดนี กั เมื่ออยู่ในนำ้ จึงอยูใ่ นลักษณะของสาร

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 -9- วิทยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชพี ศิลปกรรม หนว่ ยการเรียนที่ 3 เรื่อง สารเคมใี นงานศลิ ปะ อีมัลชัน (emulsion) คือเป็นอนุภาคเล็กๆ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10-7 – 10-4 เซนติเมตรกระจาย อยู่ทั่วไปในน้ำ ขนาดของอนุภาคในสารอีมัลชันมีขนาดใหญ่ทำให้แสงส่องผ่านและกระเจิงเห็นเป็นลำแสงผ่าน ไปได้เมื่อเจือจาง แต่เมื่อมีแสงตกกระทบกับอนุภาคของกาวที่เข้มข้นจึงเกิดการหักเห และสะท้อนกลับ ทำให้ กาวลาเทกส์มีลักษณะเป็นสีขาวขุ่นคล้ายนำ้ นม หรือน้ำยางซึ่งมีอนุภาคเล็กๆของโปรตีน และเนื้อยางกระจาย อย่ทู ั่วไปในนำ้ ตามลำดับเชน่ กัน แตเ่ ม่ือกาวลาเทกสแ์ ห้งก็จะมลี กั ษณะใสเหมือนกาวใส 3. สารทำละลาย 3.1 สารทำละลาย เป็นสารเคมที ใ่ี ช้อย่างกวา้ งขวาง เพอ่ื ทำละลายหรือทำใหเ้ จือจางกับสารอื่น ปกตสิ ารทำละลายเป็นของเหลวอนิ ทรีย์ สารทำละลายหลายตัวถกู ใช้เปน็ สารเคมีทำปฏิกริ ิยาระหว่าง กระบวนการ (chemical intermediates) ถกู ใช้เปน็ เช้ือเพลงิ และถูกใชเ้ ปน็ องคป์ ระกอบหลายๆ ตัวของ ผลติ ภณั ฑ์ต่างๆ 3.2 ชนดิ สารทำละลายท่ีใชก้ ันทั่วไป 3.2.1 อะซีโตน (acetone) – การใชง้ าน : ใชเ้ ป็นตวั ทำละลายในอุตสาหกรรมผลติ สี หมึกพมิ พ์ กาว แลคเกอร์ เครื่องสำอาง เคมีภณั ฑ์ การผลติ ยา และ พลาสติก 3.2.2 ไดคลอโรมเี ทน (dichloromethane) – การใช้งาน : ใชล้ า้ งสีออกจากภาพวาด ใชเ้ ปน็ สารสกัดคาเฟอนี จากกาแฟ ใช้ผลติ สารปรุงแต่งกล่นิ หรือรส 3.2.3 เฮกเซน (hexane) – การใช้งาน : ใช้ผสมสี กาว ในงานเฟอนเิ จอร์ ใช้ในงานพ่นสี ทาสี 3.2.4 โทลูอีน (toluene) – การใชง้ าน : ใช้เป็นตัวทำละลายสี หมึกพมิ พ์ กาว ใช้เป็นสารต้งั ตน้ สำหรับการสังเคราะหส์ ารอื่น เชน่ ทำโฟมยูรีเทน สังเคราะห์สีย้อม ผลิตภณั ฑย์ า และ เคร่อื งสำอาง 3.2.5 เมทานอล (methanol) – การใช้งาน : เชด็ ลา้ งพลาสตกิ ใชเ้ ปน็ สว่ นผสมทำกาวสำหรับ

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา 2000-1304 - 10 - วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชีพศิลปกรรม หนว่ ยการเรยี นท่ี 3 เรื่อง สารเคมใี นงานศลิ ปะ ไม้อัด ใชเ้ ป็นส่วนผสมไบโอดีเซล ใช้เป็น anti-freeze ในหม้อนำ้ รถยนต์ 3.2.6 เมทลิ เอทิล คโี ตน (methyl ethyl ketone) – การใช้งาน : ใช้เปน็ ตัวทำละลายในกาว หมึกพิมพ์ 3.2.7 ไซลีน (xylene) – การใชง้ าน : ใช้เปน็ สว่ นผสมในการผลิตทินเนอร์ แลคเกอร์ สี หมึกพิมพ์ กาว เรซิน ใชฟ้ อกสใี นอุตสาหกรรมกระดาษ ยาง น้ำยาทำความสะอาด ใช้เปน็ สว่ นผสมของน้ำมันเชือ้ เพลิง 3.2.8 ไวทส์ ปิรติ (white spirit) – การใชง้ าน : ใช้เป็นทนิ เนอร์ผสมในสีทาบ้าน แลคเกอร์ และ น้ำมนั วานชิ ใชล้ า้ งคราบมัน (degreasing) ใชผ้ สมสีนำ้ มนั เพ่ือวาดภาพงานศิลปะ ใชผ้ สมกับยางมะตอย เพื่อลดความข้นเหนียวในการทำความสะอาดเคร่ืองจกั รหรือทำความสะอาดช้ินงานโลหะ เพอ่ื เปน็ สารหลอ่ เย็น ในงานตัดเจาะโลหะ ใช้ผสมกบั น้ำมนั ตัด (cutting oil) ใชเ้ ป็นสารในน้ำยาซกั แหง้ 3.3 ช่องทางทส่ี ารทำละลายเขา้ สู่ร่างกายเราของ ซ่งึ มีผลทำให้เราเจบ็ ป่วย หรือเปน็ อันตรายถงึ ชีวติ ได้ 3.3.1 การสูดหายใจ 3.3.2 การสมั ผสั ทางผวิ หนัง 3.3.3 การสมั ผสั ทางตาหรือกระเดน็ เข้าตา 3.3.4 เข้าทางปาก ทางระบบการยอ่ ยอาหาร หรือ มักมาจากการปนเป้ือนมากับอาหาร น้ำด่มื บหุ รี่ 3.4 ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ 3.4.1 การระคายเคืองตอ่ ผวิ หนัง ตา และ ปอด 3.4.2 ปวดศีรษะ มนึ งง หนักหัว อาเจยี น 3.4.3 หมดสติ ขาดสติ ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองชา้ ลง 3.4.4 การสัมผัส หรือรับสารในปริมาณมาก และ เปน็ เวลานาน ทำใหห้ มดสติ และถงึ แกช่ ีวติ 3.4.5 การรับสารปริมาณนอ้ ยๆ แต่เป็นเวลานาน จะมกี ารสะสมในรา่ งกาย ทำให้มผี ลทำลายระบบ ประสาทสว่ นกลาง ตับ ไต กระแสเลือด รวมถึงก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 11 - วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือพฒั นาอาชีพศลิ ปกรรม หนว่ ยการเรยี นที่ 3 เรื่อง สารเคมีในงานศลิ ปะ 3.5 แนวทางการป้องกันอนั ตรายจากสารทำละลาย 3.5.1 ถ้าสามารถเปล่ียนสารทำละลายจาก oil based เปน็ water based ได้ จะชว่ ยลดสารท่ี กอ่ ให้เกดิ อนั ตรายต่อสขุ ภาพนอ้ ยลง 3.5.2 สถานทท่ี ำงาน หรือทเี่ กบ็ สารทำละลาย ต้องเปน็ ท่ีมีการระบายอากาศอยา่ งดี 3.5.3 หลีกเล่ยี งการใช้งานสารทำละลายโดยการฉีดพ่นเปน็ ละออง หรือสเปรย์ ถา้ เป็นไปได้ 3.5.4 ตดิ ฉลากบนถังเกบ็ สารทำละลาย ใช้ระบบวาล์วปิดเปิดเวลาใชง้ าน ปิดถงั ให้สนิทเมอ่ื ไมใ่ ช้ งาน หรอื เก็บสารทำละลายใชแ้ ลว้ 3.5.5 ศึกษาหาความรู้ หรอื อบรมพนกั งานให้รู้เร่ืองสารทำละลาย อนั ตรายของสารทำ ละลาย วิธีปฏิบัติงานกบั สารทำละลาย ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ การใส่อุปกรณป์ ้องกันสว่ นบคุ คลขณะ ปฏิบตั งิ าน การ ปฐมพยาบาลเม่ือไดร้ ับสารหรือสมั ผสั สารทำละลาย 4. วสั ดุงานปัน้ 4.1 ความหมายของวัสดุงานป้ัน คือ วัสดุท่นี ำมาปนั้ ได้ ต้องมคี วามเหนยี วและน่มิ สามารถยดึ จบั กันเปน็ กอ้ น ทรงตวั อย่ไู ดต้ ลอดเวลาทป่ี นั้ มีความคงทนไม่แตกสลายไดง้ ่าย ท้ังในขณะกำลงั ปัน้ และเมือ่ ปน้ั เสร็จแลว้ ซง่ึ วสั ดุ เหลา่ นี้มที ้งั ทอ่ี ยู่ในธรรมชาตแิ ละมนษุ ยส์ รา้ งข้ึน วสั ดุทใี่ ช้ในงานปนั้ โดยท่ัวไปเราได้มาตามแหลง่ ทมี่ า ดังนี้ 1. วสั ดปุ นั้ จากธรรมชาติ ได้แก่ ดินเหนียว 2. วสั ดทุ ี่มนุษยส์ รา้ งขน้ึ ไดแ้ กด่ นิ น้ำมนั กระดาษผสมกาว แปง้ สาลี วสั ดหุ รอื ดนิ ปัน้ สังเคราะห์ เปน็ ต้น 4.2 ตัวอยา่ งวัสดุงานปนั่ ที่ใช้ทั่วไป ดนิ เหนียว เป็นวสั ดุธรรมชาตทิ ส่ี ามารถยดึ เกาะตัวกนั ได้ดี หาได้ง่าย และประหยดั ซงึ่ เมอ่ื ไดด้ ิน เหนยี วมาแลว้ ต้องเตรยี มดินโดยเก็บเศษวัสดุที่ติดมากับดนิ ออกให้หมด จากน้ันใหน้ วดดินให้นุ่มเป็นเนือ้ เดยี วกันแลว้ เกบ็ ใส่ ถงุ พลาสตกิ ดินนำ้ มัน เป็นวัสดุทใี่ ชส้ ำหรับงานปนั้ โดยเฉพาะ มหี ลายสีใหเ้ ลือกใช้ ซ่งึ ดนิ น้ำมนั มคี ุณสมบตั ิท่ีดี คอื มีความหนดื เหนียว ไม่แขง็ ตวั ป้ันง่ายไมต่ ิดมอื สะดวกในการเก็บ เหมาะสำหรบั งานปัน้ ชน้ิ เลก็ กระดาษผสมกาว เป็นวสั ดทุ เ่ี กิดจากการนำเอาเศษกระดาษมาแชน่ ้ำจนเป่ือยยุย่ มาคลกุ เคล้ากับกาว ลาเทก็ ซห์ รอื แป้งเปียกจนเขา้ กนั แลว้ คอ่ ยนำมาปัน้ ใหเ้ ปน็ รปู ต่าง ๆ ตามต้องการ เมื่อปั้นเสร็จแลว้ ให้เอารปู ป้นั ไปผ่ึงลม จนแหง้ แปง้ สาลี เปน็ การนำเอาแป้งสาลมี าพรมน้ำนวดให้เขา้ กัน ในขณะท่นี วดแปง้ อาจจะผสมสนี ำ้ สี โปสเตอร์ หรือสฝี ุ่นลงไปดว้ ยก็ได้ เพื่อทำใหแ้ ปง้ เปน็ สีต่าง ๆ เพอ่ื ความสวยงาม แลว้ จึงนำไปปน้ั เปน็ รปู ต่าง ๆ

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 12 - วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พฒั นาอาชพี ศิลปกรรม หนว่ ยการเรยี นท่ี 3 เร่อื ง สารเคมใี นงานศลิ ปะ 4.3 ประเภทวัสดุงานปน้ั วธิ กี ารแบง่ ประเภทวัสดุปัน้ นอกจากเราจะแบ่งประเภทของวัสดใุ นงานปั้นจากแหลง่ ท่ีมา ตามท่ไี ดก้ ล่าวมาแล้วข้างตน้ ยังมีวิธีการแบง่ ประเภทของวัสดุงานปัน้ ไดด้ ้วยวธิ ีอ่ืนๆ อีกดังนี้ 4.3.1 แบง่ ตามลักษณะวตั ถดุ ิบทีเ่ ปน็ ส่วนผสม เชน่ ดนิ เยื่อกระดาษ ก็มีสว่ นผสมของเยื่อ กระดาษทเ่ี ป็นไฟเบอร์ หรือ ดินท่ัวไป เปน็ ดนิ ที่พบในพนื้ ที่ มีเนื้อดินและนำ้ เป็นสว่ นประกอบหลัก หรอื ดนิ ผสม หรือ Compound Clay เป็นดินทีผ่ สมจากแร่ธาตุตา่ งๆ คล้ายดินป้นั เซรามิก หรือ Polymer Clay เป็น ดนิ ทีม่ พี ลาสติกเป็นส่วนผสมหลกั เป็นต้น 4.3.2 แบ่งตามลักษณะของการแหง้ ตัว เปน็ แบบท่ปี ลอ่ ยไว้ในอากาศท่อี ุณหภูมิห้องแลว้ แห้งเอง และอีกลักษณะคือแบบไม่แหง้ และแขง็ ตวั ในอุณหภูมหิ อ้ ง ตวั อยา่ งเชน่ ชนดิ Air-dry Clay เปน็ ดนิ ที่ ปลอ่ ยไว้ในอากาศกจ็ ะแหง้ เอง ส่วนชนดิ Oil-based Clay เปน็ ดนิ ท่ีไม่แข็งตวั ในอณุ หภูมหิ ้อง เป็นต้น 4.3.3 แบง่ ตามลักษณะการใชง้ าน เช่น Industrial Clay ใช้ในงานออกแบบใน อตุ สาหกรรมยานยนต์ Professional Clay เป็นดินทีศ่ ิลปนิ ใชใ้ นการขึ้นรปู งานต่างๆ Hobby Clay เป็น สำหรบั เด็ก เป็นต้น 4.4 การจัดกลุ่มประเภทของวัสดุป้ันหลกั ๆ มีดังน้ี 4.4.1 Air-dry Clay เป็นดินท่ีแหง้ แข็งตัวเองตามสภาพอากาศ หลงั จากเปิดออกมาใชแ้ ล้ว เมือ่ ปลอ่ ยไว้ที่อณุ หภูมหิ ้องจะค่อยๆ แขง็ ตวั เอง ส่วนมากจะแห้งแขง็ ตวั ภายในเวลาประมาณ 24 ชว่ั โมง ดงั นนั้ หากต้องการทำงานขา้ มวนั หรอื ตอ้ งเกบ็ ดนิ ไวก้ จ็ ะต้องหอ่ ให้มดิ ชดิ ไมใ่ ห้สัมผัสกบั อากาศภายนอก ซง่ึ จะทำให้ดนิ สญู เสยี ความช้ืนไป ดังนนั้ การเก็บรกั ษาดนิ ประเภทนใี้ ห้มีอายยุ าวควรเก็บไวใ้ นกล่องสูญญากาศท่ี ปดิ สนิทมยี างกันอากาศเขา้ และหา้ มเอาผงดูดความช้นื ใส่ไวใ้ นกล่องโดยเดด็ ขาด ดินแบบ Air-dry มเี นอื้ หลาย แบบ ดนิ เหนียวก็เป็นดินในกลุม่ นีเ้ ช่นเดยี วกนั แต่เน่ืองจากคณุ สมบตั ิของดินตามธรรมชาตทิ ไ่ี ม่ค่อย สม่ำเสมอ ผูผ้ ลิตตา่ งๆ จงึ คิดสตู รผสมดินเฉพาะของตัวเองข้ึนมา ในประเทศไทยทร่ี ู้จักดกี ็คือ ดนิ เยื่อ กระดาษ หรอื home spun นอกจากดินตัวนี้ ในกล่มุ ศลิ ปินท่ีทำ Ball Joint Doll ก็มกั จะชอบใชด้ นิ Air- dry ในตระกูล La Doll ทมี่ สี ว่ นผสมหลักเป็นแรธ่ รรมชาติ ซ่งึ มีเนื้อละเอยี ดสามารถขัดแตง่ ทำสไี ด้ดหี ลงั แห้ง เช่นกนั ตวั อยา่ งเช่น – La Doll / La Doll Premier / La Doll PreMix เป็นดินประเภท Air-dried Clay ทแ่ี ห้ง แข็งตัวเองเมื่อทง้ิ ไว้เฉย ๆ ดนิ ยี่หอ้ นม้ี สี ่วนผสมของ Compound Clay แบบดนิ เซรามกิ สท์ ี่มสี ว่ นประกอบเปน็ แร่ธาตุจากหนิ ทนี่ ำมาบดเป็นแป้งผสมเปน็ ดนิ เปน็ หลัก จึงมีเนอื้ สัมผสั ท่ีละเอียด และความแข็งแรงสงู หลังจาก แหง้ นอกจากความแข็งกไ็ ด้น้ำหนักท่ีมากตามมาดว้ ย ผผู้ ลติ ไดม้ ีการปรบั สตู รออกตามหลงั อีก 2 สูตร ไดแ้ ก่ La Doll Premier กับ La Doll Pre Mix ความต่าง คือ น้ำหนกั ของดินที่เบาที่สุด และเบารองลงมา ซึ่ง กแ็ ปรผนั กับความแข็งแรงด้วย ถ้าตอ้ งการใหง้ านทีม่ ลี ักษณะช้นิ ใหญ่หนาแข็งแรงมาก ๆ กค็ วรใช้ La Doll

เอกสารประกอบการเรียน วิชา 2000-1304 - 13 - วิทยาศาสตร์เพื่อพฒั นาอาชพี ศลิ ปกรรม หนว่ ยการเรยี นท่ี 3 เรอ่ื ง สารเคมใี นงานศลิ ปะ ธรรมดา (ตัวที่ 2) แตถ่ ้าทำงานชนิ้ บาง มีลักษณะเปน็ ผืน ตัว La Doll Premier (ตัวหลงั สดุ ) ก็จะเหมาะสมกว่า เน่ืองจากน้ำหนักไมม่ าก ก็จะสามารถคงรปู ได้ดี ลักษณะงานท่ีมกี ารเอาไปใช้บอ่ ย คือ งานป้นั Ball Joint Doll หรอื BJD cr. Sculpting doll’s ear ( airdry clay “La Doll” ) by 4.4.2 Polymer Clay เป็นดินท่ีมีสว่ นผสมหลักเป็นพลาสติก ส่วนมากจะทำจากพลาสติก ชนิด PVC ดังนัน้ จึงนา่ จะเรียกว่าพลาสตกิ ปั้นก็ได้ แทนทจ่ี ะเรียกวา่ ดนิ ป้นั ดนิ ชนดิ นี้ส่วนมากผผู้ ลติ มกั ออกแบบใหด้ ินไม่แขง็ ตวั ในสภาพอากาศปกติ แตจ่ ะมีการเซต็ ตวั เมือ่ นำไปผ่านความร้อน เมื่อผา่ นความร้อนใน อุณหภูมิที่กำหนดแลว้ กาวในเนื้อดินจะเปลยี่ นสภาพเปน็ ของแขง็ ทำให้วสั ดุกลายเปน็ พลาสติก จงึ ทำให้ คณุ สมบัติเน้ือดนิ หลงั อบกลายเป็นพลาสตกิ แข็งที่สามารถขัดแต่ง และทำสไี ดโ้ ดยไม่ดูดสีเหมือนโมเดลพลาสติก ท่วั ไป ดินชนดิ น้ีในขณะปน้ั ใช้งานได้ง่ายเพราะไม่ต้องกังวลเร่อื งระยะเวลาในการปั้น เพราะมนั ไม่แขง็ ตัว หากไม่ผา่ นความรอ้ น การเก็บรักษาดนิ ท่ียังใชไ้ มห่ มด ควรเก็บไว้ในที่ทไ่ี ม่รอ้ น โดยใหม้ ีอุณหภมู เิ ฉล่ยี ท่ี 25-27 องศาเซลเซียส หากเก็บในท่ีรอ้ นกวา่ นไี้ มค่ วรเก็บไวน้ าน เน่ืองจากเน้ือดินจะแขง็ ข้ึนและอาจกรอบได้ หากดินกรอบเพราะอุณหภมู ิ หอ้ งที่สูงเกินไปกย็ งั สามารถแก้ไขได้ด้วยการนวดเขา้ กันกับ Mineral Oil ซ่ึงจะชว่ ยให้ดนิ กลับสภาพเดิมได้ ถ้ายังไม่ได้อบ ดินกลุ่มน้ี ไดแ้ ก่ ดนิ ในตระกลู Sculpey และ Super Sculpey ตวั อย่างเช่น - Super Sculpey / Super Sculpey Firm / Super Sculpey Medium เป็น Polymer Clay ซ่งึ สว่ นผสมของมนั เปน็ พลาสติกทีม่ สี ารเชือ่ มที่จะเกิดการแขง็ ตัวเมอ่ื ได้รบั ความร้อน ดงั น้ันจรงิ ๆแล้วมันไม่ใช่ ดิน แตน่ า่ จะเรียกวา่ เปน็ พลาสติกปน้ั ไดม้ ากกวา่ สามตัวนเ้ี กอื บจะบอกได้ว่าเหมือนกนั ทุกประการตา่ งท่ี สี และ ความแข็ง ซ่ึงแบบ Firm จะแขง็ และอย่ตู วั มากกว่า ตามทฤษฎีท้งั สองตัวจะไม่แห้งที่อุณหภมู ปิ กติ เพราะไม่มี นำ้ เปน็ ส่วนผสม นอกจากว่าถูกอุณหภมู ิสงู เปน็ ระยะเวลานานๆ ตัวประสานที่เปน็ สารเชื่อมก็อาจเกิดปฏิกิริยา แล้วแขง็ ตวั ได้ แตถ่ า้ เป็นลกั ษณะนีส้ ามารถแกไ้ ขโดยใช้นำ้ ยา Softener นวดใหน้ ุ่มได้ การใชง้ านเม่ือปัน้ เสรจ็ พอใจกับชิ้นงาน แลว้ จงึ นำไปอบที่อุณหภูมิท่ีกำหนด ประมาณ 150 องศาเซลเซยี ส ซ่ึงระยะเวลาจะ

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า 2000-1304 - 14 - วทิ ยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาอาชีพศิลปกรรม หนว่ ยการเรยี นที่ 3 เรอ่ื ง สารเคมีในงานศลิ ปะ ขนึ้ กบั ความหนาของชิน้ งาน สว่ นจะใชไ้ ดรเ์ ป่าผม หรือเครื่องเป่าลมร้อนอนื่ ๆแทนก็ได้ แตถ่ า้ งานหนามากการ แขง็ ตวั อาจไมเ่ สมอกนั เหมอื นกับการอบด้วยเตาอบ และอาจตอ้ งใชเ้ วลามากกว่า – Sculpey Original เป็น Polymer Clay ตวั ชนิดแรกเรมิ่ ของ Sculpey มสี ีขาว เนือ้ เนียน มคี วาม นิ่มคลา้ ยกบั ดินน้ำมันเด็กท่วั ไป เหมาะกบั การป้ันเปน็ รปู ทรงง่ายๆที่ไมม่ ีรายละเอียดซบั ซ้อนมากนัก เมื่ออบจน แข็งแล้ว สามารถขดั แต่ง ทำสี ไดต้ ามต้องการ – Sculpey 3 เปน็ Polymer Clay แบบมสี เี นอ้ื เนียน ค่อนขา้ งนมุ่ ไมต่ ดิ มือ เหมาะกับการใชป้ นั้ งานที่ ตอ้ งการสี และสามารถใชเ้ ปน็ ดนิ แม่สนี วดผสมให้กบั Super Sculpey ท้งั 2 รุ่นให้มสี ีทต่ี ้องการโดยยังสามารถ คงคณุ สมบัติของดนิ ตัวหลัก Super Sculpey ได้ เหมาะกบั งานที่ตอ้ งการทำจบในตัว เชน่ การทำเครื่องประดับ การทำของชำรว่ ย ฯลฯ จากดินโดยตรง เพราะเมือ่ อบเสรจ็ แลว้ กจ็ ะกลายเป็นพลาสตกิ ทันที 4.4.3 Oil-based Clay เปน็ ดินทีไ่ ม่แห้งแขง็ เองในสภาพอากาศปกติทีเ่ รารู้จกั กนั ดใี นชื่อ “ดนิ นำ้ มนั ” ดนิ ประเภทนี้มสี ่วนผสมของน้ำมัน ซงึ่ ไมร่ ะเหยในอณุ หภมู ปิ กติ จงึ สามารถป้นั ไปได้เร่ือยๆ โดยไม่ ตอ้ งดูแลอะไรมากระหวา่ งการป้ันเหมอื น Air-dry Clay และเนอื่ งจากท่ีมนั ไมแ่ ข็งตัว จงึ สามารถนำกลบั มา ใช้ใหมไ่ ด้ตลอด ศลิ ปินจำนวนมากชอบใชด้ นิ นำ้ มันในการขึ้นรปู ช้นิ งานต้นแบบ แล้วใช้เทคนิคการทำแมพ่ ิมพ์

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 15 - วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พฒั นาอาชพี ศิลปกรรม หน่วยการเรยี นท่ี 3 เรอื่ ง สารเคมใี นงานศลิ ปะ หลอ่ เพอ่ื เปลีย่ นชิ้นงานไปเป็นวัสดทุ ่ตี ้องการ “ดนิ น้ำมนั ” น้ันไม่ไดม้ เี ฉพาะเกรดที่ใหเ้ ด็กป้ันเลน่ เทา่ นัน้ แตว่ า่ ยงั มีดนิ น้ำมันเกรดมืออาชีพทมี่ เี น้ือละเอยี ดปั้นได้งา่ ย และมคี วามแขง็ ให้เลือกถงึ 3 ระดบั โดยระดับท่ีเหมาะกบั อณุ หภมู ิประเทศเมอื งร้อนในบา้ นเราท่ีทำใหเ้ กบ็ รายละเอยี ดได้ง่ายและรกั ษารายละเอยี ด ไดด้ ี เป็นท่นี ิยมใช้กนั คอื ระดับ Medium และ Hard ดนิ ชนดิ น้ีมผี ผู้ ลติ คือ Chavant ซงึ่ ผลิตดิน สำหรบั งานประตมิ ากรรมโดยเฉพาะมานานกวา่ รอ้ ยปี และมีบรษิ ทั ผู้ผลติ รนุ่ ใหม่ คือ Monster Clay ทผ่ี ลติ ดินนำ้ มนั ทีส่ ามารถใชก้ บั งานหลอ่ แม่พมิ พ์ แล้วนำกลบั มาเกบ็ งานตอ่ ได้ ตวั อย่างผลิตภณั ฑ์ดินปัน้ ประเภทน้ีได้แก่ - Chanvant NSP และ Clayette เป็นดินนำ้ มนั ดงั นัน้ จึงไมแ่ ห้งทีอ่ ุณหภมู ปิ กติ ทง้ั สองชนดิ นี้ เป็นดนิ ที่พฒั นาข้นึ มาเพอ่ื งาน sculpture โดยเฉพาะ สองตัวน้ีมคี วามแตกตา่ งกันคอื 1). สี NSP สนี ้ำตาล Clayette สีขาวนวล 2). ส่วนผสม NSP จะมีเน่ือท่เี ป็น Texture มากกวา่ Clayette และมลี ักษณะการใชง้ านได้ คลา้ ยดินนำ้ มนั ปกติ คอื เอาไปหลอมได้กบั ข้ีผง้ึ ถา้ แข็งไม่พอ พอเย็นแลว้ แขง็ ตวั นำมาปัน้ ตอ่ ได้โดยไมเ่ สีย คณุ สมบัติ 3). ส่วนผสมของ Clayette จะเนอ้ื เนยี นมาก เปน็ สตู รเฉพาะของ chavant อยู่ตวั ทีอ่ ณุ หภูมิ ปกติ วัสดุชนิดนเ้ี อาไปหลอมไมไ่ ดเ้ พราะเน้ือจะแตกตวั แต่สามารถเก็บรายละเอียดได้ดมี ากๆ ท้ังสองตวั สามารถนำไปทำแบบพิมพ์ เพื่อหล่อซลิ ิโคนโมลได้ทันที เพราะไม่มกี ำมะถนั ผสมอยู่ ขอ้ ดีอีกประการของดนิ แบบนี้คอื เม่ือทำพิมพ์ซิลโิ คนเสรจ็ แล้วกส็ ามารถ นำกลับมาใชใ้ หม่ได้อีก – Chavant Fill-it เปน็ ดินนำ้ มนั เฉพาะเพ่ือการทำพิมพห์ ลอ่ ซิลิโคน ดนิ นมี้ ีเน้ือเนยี น และนมุ่ เป็นพิเศษ สามารถแทรกเขา้ ไปอุดรอยต่อ และรายละเอยี ดเล็กๆของชิ้นงานเพ่ือกนั ไม่ใหซ้ ิลโิ คนไหลเขา้ ไปในร่องไดด้ ี เยี่ยม รวมทัง้ ยังสามารถใช้เป็นดนิ อดุ ตามขอบไม้แบบ ได้อีกดว้ ยเช่นกนั 4.4.4 Wax Clay เป็นดินทม่ี ีขผ้ี ง้ึ เป็นสว่ นประกอบหลัก จงึ สามารถหลอมในเตา และนำกลบั มา ใช้งานได้ ในความเป็นจรงิ ในบา้ นเราก็มีการทำดินชนดิ นี้ขึ้นเพือ่ ใชเ้ อง ดว้ ยวิธีการต้มดินน้ำมัน ผสมกบั ขีผ้ ึ้งให้ เข้ากนั ทำใหเ้ พ่ิมความแข็งของเนื้อดิน และไดค้ ุณสมบัติทสี่ ามารถแกะลวดลายไดข้ องขผี้ ้ึงเขา้ มา แต่ ปญั หาทมี่ กั พบในการผสมเองคอื คุณสมบัติของดนิ ทผ่ี สมเองมกั ไมเ่ ที่ยงตรงนัก เนอื่ งจากวตั ถุดิบทีน่ ำมาเป็น ส่วนประกอบมกั ไม่ค่อยคงท่ีในแตล่ ะรอบของการผลติ รวมถงึ ผใู้ ชต้ อ้ งเหน็ดเหนื่อยและใช้เวลาในการผสม เคย่ี วดินและรอใหแ้ ข็งตวั เพ่ือจะใชง้ านมีมากพอสมควร ด้วยความท่ีเปน็ ดนิ ข้ผี งึ้ จึงสามารถใชเ้ ทคนิคและ

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 16 - วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชีพศลิ ปกรรม หน่วยการเรยี นท่ี 3 เรื่อง สารเคมใี นงานศลิ ปะ เครอื่ งมือต่างจากงานป้นั ดนิ ท่ัวไป ทำใหแ้ กะและเกบ็ รายละเอียดขนาดเลก็ และคมไดด้ ี แตกต่างจากดนิ ประเภทอ่นื ๆ ดินในกล่มุ นี้ ได้แก่ ดิน Castilene ของ Chavant ตัวอย่างดินประเภทนี้เชน่ - Chavant Castilene เปน็ ดนิ ป้นั สตู รพิเศษของ Chavant ทเ่ี ปน็ บริษทั ผู้ผลติ ดินใหก้ บั ศิลปินใน ประเทศสหรฐั อเมริกามายาวนานกวา่ 100 ปี ท่เี ปน็ ลูกครึง่ ระหวา่ ง WAX และ Clay คือมคี ุณสมบตั คิ วามแข็ง คล้ายขี้ผึ้งคือแข็งท่ีอุณหภมู ิปกติ และอ่อนตวั เมื่อไดร้ บั ความร้อน แตก่ ็ไม่แตกเป็นเกล็ด (Brittle) เหมอื นกับ ขีผ้ ึ้งธรรมชาติ ทำให้ศลิ ปินสามารถป้นั นวดขึน้ รปู ได้เหมือนดินใขณะที่มันยงั อ่นุ ๆ และเมอ่ื มันเยน็ ตัวลงจะแข็ง เหมือนข้ผี งึ้ ทำให้สามารถใชเ้ ทคนิคการแกะ ขดู ตกแตง่ เพ่ือเก็บรายละเอยี ดคม ๆ ได้เป็นอย่างดี ดินชนิดนเี้ ปน็ ท่ีนิยมของศิลปิน Art Toy และนกั ป้นั Character ทีป่ ัน้ งานขนาดไม่ใหญ่มากนกั เพราะสามารถใช้เทคนิคได้ หลากหลายเพอ่ื เก็บรายละเอียดไดด้ ี นอกจากน้นั ดว้ ยความแข็งท่มี ี ทำใหม้ นั เหมาะกบั การใชเ้ ป็นต้นแบบใน งานหล่อแม่พมิ พ์อีกด้วย รวมถึงสามารถใชเ้ ป็นแบบสำหรับการหล่อแบบ Lost Wax ก็ได้ cr. Han & Greedo by G Marquez 4.4.5 Industrial Clay เป็นดินทีใ่ ช้ในการขึ้นโมเดลยานพาหนะ รถยนต์ ผลิตภณั ฑ์ ซง่ึ มักจะมผี วิ เป็นโค้งใหญๆ่ ท่ีมีความต่อเน่ืองกันไป แตกต่างจากงานประติมากรรม หรืองาน Statue/Art Toy ท่เี ป็นงานที่ มีรายละเอียดเล็กๆ มากกว่า ดนิ ชนิดนเี้ ปน็ ดนิ ทม่ี ีความแข็งในอณุ หภมู ิห้อง และต้องอบให้น่มิ เพ่ือขน้ึ โครงสร้าง บนแบบโครงโฟมหรือโครงไม้ จากนัน้ ใชเ้ ครอื่ งมือขูดปรบั แต่งผวิ ให้ได้รปู ทรงท่ีตอ้ งการ ดนิ ชนิดนี้มักผสมสตู ร มาให้มคี วามแขง็ พอที่จะทำแบบสำหรับพิมพ์ไฟเบอร์ต่อได้ทันที จึงมักใช้กันมากในวงการออกแบบยานยนต์ และชุดตกแต่งรถยนต์ ดนิ ในกลมุ่ น้ีได้แก่ดิน Nendo Clay Plus ตัวอยา่ งเช่น – NendoClay Plus / NendoClay / StyleClay เปน็ ดินแบบท่ีเรยี กวา่ industrial design clay ใชใ้ นงานออกแบบผลิตภณั ฑ์-รถยนต์-ชน้ิ สว่ นยานยนต์ดินชนิดนมี้ ีลกั ษณะแขง็ อยู่ตัวที่อุณหภมู ิห้องปกติ ตอ้ งใชเ้ คร่ืองมือโลหะในการแต่งผวิ ถา้ แข็งตวั ขณะที่ทำงานต้องอบท่ี 50-55 องศาเซลเซียสจึงจะน่ิมมือ และ ใช้วิธกี ารปัน้ ดว้ ยการพอกแล้วขดู ออก ใชเ้ ก็บงานท่ีมีพ้นื ผิวใหญ่ๆ ได้ดี เช่น รถยนต์ ผลติ ภณั ฑ์กลมุ่ น้ีไมเ่ หมาะ กับงาน anatomy หรอื งาน figure

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 17 - วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชีพศิลปกรรม หน่วยการเรียนที่ 3 เร่ือง สารเคมีในงานศลิ ปะ 4.4.6 Epoxy Clay เป็นดนิ ปั้นท่ีมีเน้ือเป็น พลาสติก ซ่งึ จะป้นั ได้หลังจากนำส่วนประกอบ A และ B มาผสมใหเ้ ข้ากนั เน้อื พลาสตกิ จะเกิดปฏิกริยาคายความร้อนออกมาก และจะคอ่ ยๆ แข็งตัว ซ่งึ จะแขง็ ตวั เร็วหรือชา้ นัน้ ขนึ้ อยู่กับสดั สว่ นในการผสม และสเปคของสูตรที่ผผู้ ลิตออกแบบไว้ ดนิ ชนิดนี้มปี ระโยชนม์ าก ในการเก็บงานเลก็ ๆ ท่มี ีความละเอยี ดและบาง เน่ืองจากตัว Epoxy มีความแข็งแรงสงู มาก ในการใชง้ านอ่นื ๆ Epoxy ใช้เป็นกาวท่ีรับแรงดึงไดห้ ลายร้อยกโิ ลกรมั จึงมีคุณสมบตั ิทแ่ี ข็งแรงอยแู่ ลว้ เป็นพื้นฐาน แตค่ นท่ีจะใช้ ดนิ ชนดิ นใี้ นการทำงานจำต้องมที ักษะ และความเรว็ ในระดับหนงึ่ ทีจ่ ะป้นั งานเสร็จกอ่ นที่ดนิ จะเซต็ ตัว เพราะวา่ เม่ือมันเซต็ ตวั สมบรู ณแ์ ล้ว จะมีความแข็งมากแทบจะทำอะไรตอ่ ด้วยเครื่องมอื เบาไม่ได้เลย 5. กระดาษ 5.1 ความหมายของกระดาษ เปน็ วัสดทุ ่ผี ลิตข้นึ มาสำหรับการจดบันทกึ มีประวัตศิ าสตร์ ยาวนาน เชือ่ กันว่ามีการใช้กระดาษคร้งั แรก ๆ โดยชาวอยี ิปต์และชาวจนี โบราณ แตก่ ระดาษในยุคแรก ๆ ลว้ น ผลติ ขนึ้ เพือ่ การจดบันทึกด้วยกนั ทั้งสิน้ จึงกลา่ วไดว้ า่ ระบบการเขยี นคือแรงผลักดนั ใหเ้ กิดการผลติ กระดาษข้ึน ในโลก ปจั จุบนั กระดาษไม่ได้มีประโยชน์ในการใชจ้ ดบนั ทึกตวั หนงั สือ หรอื ขอ้ ความเท่านน้ั ยงั มีการใช้ ประโยชนอ์ น่ื ๆ ได้แก่ ใชใ้ นงานศลิ ปะ กระดาษห่อของขวญั กระดาษลูกฟูกสำหรบั ทำกลอ่ ง กระดาษ ชำระ เปน็ ต้น 5.2 กรรมวิธผี ลิตกระดาษ การผลิตกระดาษเร่มิ ต้นต้ังแต่การนำไม้ไปทำเปน็ เย่อื เพ่ือให้ไดเ้ สน้ ใยออกมา แล้วจึงนำเยื่อท่ีได้ไปผสมกับสารเตมิ แต่งในอัตราสว่ นตา่ ง ๆ เพ่อื ปรับสมบัติกระดาษใหไ้ ดต้ รงตาม ความต้องการใช้งาน จากนั้นนำไปทำเปน็ แผน่ โดยใชเ้ ครื่องจักรผลติ กระดาษ แล้วจึงนำไปแปรรูปใชง้ าน กระบวนการผลิตจะแบ่งออกเปน็ 5 ขั้นตอน โดยเรียงลำดับตามขั้นนตอนดงั นี้ 1. การผลิตเยอ่ื (Pulping) 2. การฟอกเยื่อ (Bleaching) 3. การเตรยี มนำ้ เยื่อ (Stock Preparation) 4. การทำแผ่นกระดาษ (Papermaking) 5. การปรับปรุงสมบัตกิ ระดาษขณะเดินแผน่ (Web Modification) 6. การแปรรูป

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 18 - วทิ ยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาอาชพี ศลิ ปกรรม หนว่ ยการเรยี นที่ 3 เรอื่ ง สารเคมใี นงานศลิ ปะ การผลติ เยื่อ มวี ตั ถปุ ระสงค์หลกั เพื่อต้องการแยกเสน้ ใยออกมาจากองค์ประกอบอืน่ ของไม้ การ ผลิตเย่ือสามารถทำได้หลายวิธีท้ังโดยวิธีทางเคมี หรอื เชิงกล ในบางกรณีอาจจะต้องนำไปผ่านการฟอกให้ ขาวก่อน ในการผลติ เยื่อจงึ ประกอบดว้ ย กรรมวิธผี ลติ เยื่อ และ การฟอกเยื่อ 1. กรรมวธิ ีผลิตเยอ่ื (Pulping Process) เย่ือ มหี ลายชนดิ การเรยี กชอื่ ขน้ึ อยู่กับกรรมวิธีผลติ ซึง่ ประกอบดว้ ยรปู แบบ ตา่ ง ๆ ของพลังงานที่ใช้ ไดแ้ ก่ พลงั งานความรอ้ น พลังงานเคมี และ พลงั งานกล 1. การผลิตเย่อื เชงิ กล (Mechanical Pulping Process) จะ ใชพ้ ลงั งานกลควบคู่ไปกบั พลังงาน ความร้อนในการแยกเส้นใยออกมา โดยท่อนไม้หรอื ชิ้นไม้จะถกู ส่งเขา้ เครื่องบด ซ่ึงจะทำหน้าทบ่ี ด และตัดจน ช้นิ ไมแ้ หลกละเอยี ดเปน็ เยื่อไม้ เย่อื ท่ไี ด้เรียกว่าเย่ือไม้บด หรอื เยือ่ เชงิ กล ให้ผลผลติ เยอื่ มากกวา่ ร้อยละ 85 เยอ่ื ไมบ้ ดมีเน้ือค่อนข้างหยาบกระด้าง เสน้ ใยท่ไี ดส้ ่วนใหญ่ไม่สมบรู ณ์ มกี ารขาดและตดั เปน็ ทอ่ น ๆ นอกจากน้ี ยังมีกลุม่ ของเส้นใยปนอยู่ด้วย ในเย่ือไมบ้ ดจึงประกอบดว้ ย เสน้ ใยฝอย (fines) ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของเสน้ ใย เสน้ ใยเดย่ี ว (individual fiber) ไม่ค่อยสมบูรณ์ มดั ขอเส้นใย (bundle of fiber) ซ่งึ ประกอบดว้ ย เส้นใยหลาย ๆ เส้นเกาะติดกันเปน็ มดั เย่ือชนดิ นีเ้ ม่ือนำมาเปน็ วัตถุดบิ ในการทำกระดาษ จะใหค้ ุณสมบัติตาม สว่ นประกอบท้ัง 3 คือ เส้นใยฝอยจะเพมิ่ คุณสมบตั ิด้านทึบแสง เส้นใยซึง่ ไม่ค่อยสมบรู ณ์ และยงั คงมีลิกนินตก คา้ งอยู่มาก ทำใหพ้ นั ธะระหว่างเสน้ ใยตำ่ การกลบั สีเรว็ เย่อื ชนิดนจ้ี ึงไมเ่ หมาะที่จะนำไปทำกระดาษที่ต้องรบั แรงสูงหรอื เกบ็ นาน ๆ มรี าคาถูก เหมาะสำหรับทำสง่ิ พิมพร์ าคาถูก เช่น หนังสอื พิมพ์ หรือใช้เปน็ เย่อื ช้ันใน กระดาษแข็ง 2. การผลติ เยอื่ เคมี (Chemical Pulping Process) การผลิตเยื่อตามกรรมวิธนี จ้ี ะใชพ้ ลงั งานเคมแี ละพลงั งานความร้อนในการทำให้เส้นใยแยกจากกนั โดยชิ้นไมจ้ ะถกู สง่ เข้าหมอ้ ต้มเยื่อ (digester) สารเคมแี ละความร้อนจะละลายลกิ นินออกไป เหลือสว่ นท่ีไมล่ ะลายคือเยอ่ื เยื่อเคมีมีหลายชนดิ เรยี กชอื่ ตาม สารเคมีที่ใชใ้ นการผลติ เชน่ เยื่อซลั เฟต เย่ือซลั ไฟต์ และ เยื่อโซดา เยอื่ เคมใี ห้ผลผลติ เยื่อประมาณร้อยละ 40 มีลกั ษณะน่มุ สีค่อนข้างคล้ำ เส้นใยทไ่ี ดจ้ ะสมบูรณ์ เย่ือชนิดน้มี ีปริมาณการใช้สงู มาก เพราะสามารถพัฒนา ศกั ยภายของเสน้ ใยให้สามารถใชง้ านได้อย่างกวา้ งขวาง เหมาะทั้งใชใ้ นงานรับแรง และเพื่อการส่ือสาร ถ้าใช้ใน งานรบั แรง เชน่ นำไปทำกระดาษบรรจุภัณฑ์ไมจ่ ำเป็นต้องฟอก แตถ่ า้ ใชเ้ พ่ือการสื่อสารต้องนำไปฟอกขาวก่อน 3. เย่ือและเศษกระดาษ (Secondary Pulp) ในปัจจุบนั เศษกระดาษ (reclaimed and waste paper) นบั ได้ว่าเป็นแหลง่ เส้นใยทสี่ ำคัญแหล่งหนึ่งได้มีการนำเส้นใยกระดาษท่ีใช้แลว้ ท้ังภายในและ ภายนอกประเทศมาเปน็ วัตถุดบิ ใน การผลิตกระดาษ เยื่อทีไ่ ด้จากเศษกระดาษที่ใชแ้ ล้วเรยี กว่า secondary pulp สว่ นเย่อื ทย่ี งั ไม่เคยใช้ทำกระดาษเรียกวา่ virgin pulp เส้นใยทไ่ี ดจ้ ากเศษกระดาษชนิดนเ้ี รยี กวา่ recycled fiber เนือ่ งจากกระดาษทผ่ี า่ นการใชแ้ ลว้ มีมากมายหลายประเภท เช่น ถ้าเป็นกระดาษท่ผี ่านการ พิมพ์ตา่ ง ๆ ก่อนนำมาทำเปน็ เยือ่ ตอ้ งผ่านกระบวนการเอาหมกึ ออก (deinking) เสียก่อน แล้วจงึ นำไปฟอก (bleaching) ให้ขาว สำหรบั นำไปผลติ กระดาษสำหรบั พิมพ์ หรือกระดาษชำระ แต่ถ้าจะนำไปผลิตกระดาษ

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า 2000-1304 - 19 - วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พฒั นาอาชีพศิลปกรรม หน่วยการเรยี นที่ 3 เรอ่ื ง สารเคมใี นงานศลิ ปะ เหนียว หรอื กระดาษสนี ้ำตาลก็ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งเอาหมึกออก เยือ่ จากกระดาษหรอื เศษกระดาษทีไ่ ด้สว่ นมากจะ นำไปเปน็ วัตถุดบิ ในการ ผลติ กระดาษพิมพ์เขยี น ทำเปน็ เยื่อชัน้ ในกระดาษแข็ง หรอื ทำกระดาษชำระเป็นต้น 2. การฟอกเยือ่ (Bleaching) การฟอกเยื่อเปน็ การทำใหเ้ ยือ่ มีสขี าว เหมาะกับการใชก้ ระดาษเพื่อ การสื่อสารต่าง ๆ แบ่งเป็น 2 วธิ ี คอื 2.1 วิธีฟอกเย่ือเพื่อขจดั ลิกนนิ ออก (removing lignin) 2.2 วธิ ีฟอกเยื่อเพื่อเปลี่ยนสีของลกิ นินให้อยูใ่ นรูปไม่มีสี (bleaching lignin) เยื่อเคมจี ะฟอกโดยใช้สารเคมีทำปฏกิ ิรยิ ากบั ลิกนินแลว้ กำจัดลกิ นินออก การฟอกแบบนีม้ ีหลายข้นึ ตอน โดยทัว่ ไปจะมีต้ังแต่ 3-6 ข้ันตอน (CEH CEDEP CEOP) เย่ือที่ได้มคี วามขาวสว่างสงู ประมาณร้อยละ 80-95 เมือ่ วดั ด้วยเคร่ืองวดั แบบ Elrepho ขั้นตอนในการฟอกจะมชี ื่อเรยี กตามสารเคมีท่ีใชฟ้ อก และ ขั้นตอนการ ฟอกจะเรียงลำดับตามอกั ษรทใี่ ชเ้ รียก เช่น การฟอกแบบ CEDED สารเคมี สญั ลักษณ์ เรียกช่ือข้ันตอนการฟอก Chlorine C ขั้นคลอริเนชน่ั (chlorination stage) Sodium hydroxide E ขั้นแอ็กซแ์ ทรกชน่ั (extraction stage) Calcium hypochlorite H ขน้ั ไฮโปคลอไรด์ (hypochlorite stage) Chlorine dioxide D ข้ันคลอรนี ไดออกไซด์ (chlorinedioxide stage) Hydrogen peroxide P ข้ันเปอรอ์ อกไซด์ (peroxide stage) สารเคมี สญั ลักษณ์ เรียกช่ือขนั้ ตอนการฟอก Oxygen O ขั้นออกซเิ จน (oxygen stage) Ozone Z ขน้ั โอโซน (ozone stage) Acid A ขน้ั แอสิด (acid stage) 3. การเตรียมนำ้ เยอื่ (Stock Preparation) สำหรบั ขนั้ ตอนการเตรียมน้ำเย่ือน้ีมีวตั ถปุ ระสงค์หลกั 2 ประการ คือ เพื่อพฒั นาศักยภาพของเส้นใย โดยการนำเยือ่ ไปบด และปรับปรุงสมบัติกระดาษให้ไดต้ าม วัตถุประสงค์การใช้งาน โดยการผสมหรือใส่สารเตมิ แต่งชนิดต่าง ๆ ตามอตั ราสว่ นที่กำหนด ส่วนผสมทไี่ ดน้ ้ี เรยี กว่า “น้ำเย่ือ” หรือ“สต็อก” (stock)เยื่อท่นี ำมาทำกระดาษทกุ ชนดิ จะต้องผ่านการบดมากหรือนอ้ ยข้นึ อยู่ กบั ระดบั คุณภาพของเยือ่ เย่ือบางชนดิ ไมจ่ ำเป็นต้องบด เช่น เยอ่ื ไม้บด และเยอ่ื เวยี นทำใหม่ ในข้ันการเตรยี มน้ำเย่ือประกอบด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ทท่ี ำหน้าที่ในการบดและผสมโดยมีข้นึ ตอนการ ปฏบิ ตั กิ ารเรยี งตามลำดบั ดังนี้ 3.1 การกระจายเส้นใย (defibering) กระจายเยื่อเพื่อใหเ้ ส้นใยแยกออกจากกันเปน็ อิสระใน นำ้ โดยใชอ้ ปุ กรณ์ทเ่ี รยี กว่าไฮดราพบั เพอร์ (hydrapulper) 3.2 การบดเย่ือ (refining) บดเย่ือเพ่ือให้เสน้ ใยแตกแขนงเปน็ การเพิ่มศักยของพนั ธะระหว่าง เส้นใยให้สูงข้ึน อปุ กรณท์ ี่ใช้ คือ รีไฟเนอร์ (refiner)

เอกสารประกอบการเรียน วิชา 2000-1304 - 20 - วิทยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชีพศิลปกรรม หนว่ ยการเรยี นที่ 3 เร่อื ง สารเคมีในงานศลิ ปะ 3.3 การผสมนำ้ เย่อื (blending) เปน็ การเติมสารเตมิ แต่งลงไปผสมกับเย่อื ท่ผี ่านการบดแลว้ โดยผสมในถังใบพดั กวน เยอื่ จะถกู เก็บในถังที่เรยี กว่า แมชชนี เชสต์ (machine chest) 3.4 การแยกสิ่งสกปรกออกจากน้ำเยื่อ (screening and cleaning) โดยใช้ pressure screen หรอื flat screener เพื่อคดั วสั ดทุ ี่มีขนาดใหญก่ ว่าเส้นใยออก แลว้ ผา่ นเข้าสู่เครอ่ื งทำความสะอาด เรียกว่า เซนตรฟิ ิวด์คลีนเนอร์ (chetrifugal cleaner) คดั แยกวัสดุอนื่ ออกไป โดยใชห้ ลักการถว่ งจำเพาะ 3.5 การควบคมุ ความขน้ ของนำ้ เยื่อ (consistency regulator) เพอื่ ควบคมุ ใหน้ ำ้ เยื่อข้นคงที่ 4. การทำแผน่ กระดาษ (Papermaking) หลงั การผสมนำ้ เย่อื เรียบร้อยแลว้ นำ้ เยอ่ื จะถูกส่งเขา้ สเู่ ครื่องจกั รผลิตกระดาษเพ่ือทำเป็นแผ่นกระดาษทยี่ าวต่อเนือ่ งกนั ซึ่งเรยี กว่า เว็บเปเปอร์ (web paper) เคร่อื งจักรท่ใี ช้ผลติ กระดาษมีหลายแบบ ส่วนใหญ่เป็นแบบโฟรด์ รเิ นียร์ (fourdrinier) และแบบไซลินเดอร์ (cylinder) เครอื่ งจกั รผลติ กระดาษทุกแบบจะมสี ว่ นประกอบตา่ ง ๆ เพอ่ื ทำหนา้ ทห่ี ลัก 3 ประการคอื 4.1 การแยกน้ำออก (draining) ทำหน้าท่ีเป็นตะแกรงรองรบั น้ำเยื่อ นำ้ จะลอดผ่านตะแกรง ทำให้เยอ่ื กอ่ ตัวเปน็ แผน่ เปยี ก (wet sheet forming) 4.2 การกดน้ำออก (pressing) ทำหนา้ ท่กี ดหรอื บบี น้ำออกจากแผน่ เปียก ทำให้เกิดการยึดติด แน่นระหว่างเส้นใยภายในกระดาษ (consolidation of wet) 4.3 การอบกระดาษ (drying) แผน่ กระดาษจะถูกอบให้แหง้ เพอื่ ไลน่ ้ำออกจนกระดาษแหง้ เหลือความชื้นประมาณร้อยละ 4-6 5. การปรับปรุงสมบัตกิ ระดาษขณะเดินแผ่น (Web Modification) การปรับปรุงสมบตั ิ กระดาษในขณะเดินแผน่ ทำได้ 2 ลักษณะ คอื 5.1 การปรับปรงุ ผวิ กระดาษ (surface modification) กระดาษเมือ่ ผา่ นลูกอบแห้งแล้วจะเขา้ สู่ ส่วนรดี กระดาษ เพือ่ ปรบั ปรุงกระดาษใหเ้ รยี บขึน้ และเพิ่มความหนาแนน่ ของเน้ือกระดาษ ส่งผลให้กระดาษ บางลงนอกจากปรับปรุงผวิ กระดาษท่สี ว่ นน้ีแล้ว ยงั สามารถทำการปรับปรุงผิวกระดาษในขณะทเ่ี ดินแผ่นดว้ ย วิธกี ารฉาบผิว (surface sizing) ซ่งึ จะทำก่อนทเ่ี ขา้ ลูกอบกระดาษ โดยใชน้ ้ำแป้งฉาบบนผวิ กระดาษ ทำให้ กระดาษมีผิวเรียบขนึ้ นอกจากนย้ี งั เพิ่มความแข็งแรงของพันธะทผี่ ิวกระดาษ ทำให้ผวิ กระดาษมีความแข็งแรง สามารถตา้ นทานการขูดหรอื การถูกดึงผวิ กระดาษได้ดี ซ่งึ เป็นสมบตั ทิ ี่สำคัญมากสำหรบั กระดาษทีใ่ ช้พิมพ์ กระดาษที่ผา่ นการปรับปรงุ ลักษณะน้ไี ดแ้ ก่ กระดาษออฟเซ็ต นอกจากนก้ี ระดาษทชิ ชูกส็ ามารถปรบั ปรงุ กระดาษได้โดยเชิงกล โดยทำให้เกดิ รอยย่น (creping) หรือพิมพ์ลายนูน (embossing) บนผิวกระดาษเพื่อให้ กระดาษนมุ่ มือข้ึน 5.2 การเปลี่ยนรูปร่างและม้วนกระดาษ (physical modification) เป็นการเปลยี่ นแปลงขนาด รูปรา่ งของมว้ นกระดาษในขณะเดินแผ่น เพ่ือใหเ้ หมาะสมกับมว้ นขนาดที่ลกู คา้ ต้องการ โดยการคลายมว้ น (rewinding) และ ตัดเปน็ แผ่น (sheeting)

เอกสารประกอบการเรียน วิชา 2000-1304 - 21 - วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชีพศลิ ปกรรม หน่วยการเรียนท่ี 3 เรือ่ ง สารเคมใี นงานศลิ ปะ 6. การแปรรปู กระดาษ เป็นขนั้ ตอนการนำกระดาษม้วนไปแปรรูปเป็นแผน่ โดยนำไปตัดขนาดให้ได้ ตามตอ้ งการ โดยใช้เครื่องตัดแบ่งม้วนโฟลิโอ (folio sheeter) การแปรรูปเปน็ แผน่ กระดาษจะเริ่มตน้ ด้วยการ นำม้วนกระดาษ (roll) เข้าส่เู ครอ่ื งตัด ซงึ่ จะตัดแบ่งกระดาษม้วนย่อย 4 มว้ น (แลว้ แตข่ นาดของเครื่องของ โรงงานนัน้ ๆ) มว้ นกระดาษย่อยจะถกู สง่ ต่อเขา้ สูช่ ุดมีดตดั (rotary fly knife) ตดั กระดาษแต่ละม้วนใหเ้ ป็น แผน่ จนได้จำนวนท่ตี ้องการแล้วจึงสง่ ไปหอ่ แตล่ ะห่อจะมีจำนวนแผน่ ระบุไว้อย่างแนน่ อน จำนวนบรรจุเป็น ตามกำหนดและนำ้ หนักมาตรฐานของกระดาษ 5.3 ชนดิ ของกระดาษ การจำแนกกระดาษสามารถจัดแบง่ ได้หลายวิธี ในทน่ี จี้ ะจัดแบ่งชนิดของ กระดาษทใี่ ชใ้ นวงการพิมพ์และโรงพมิ พ์ ซึ่งสามารถรวบรวมไดด้ งั น้ี 1. กระดาษปรูฟ๊ (Newsprint) เป็นกระดาษท่ีมีสว่ นผสมของเย่ือบดท่ีมเี ส้นใยสั้น และมกั นำเย่ือ จากกระดาษใชแ้ ลว้ มาผสมดว้ ย กระดาษปรู๊ฟมีน้ำหนกั เพยี ง 40 – 52 กรมั /ตารางเมตร มสี อี มเหลอื งราคาไม่ แพงแต่ความแขง็ แรงน้อย เหมาะสำหรับงานพิมพห์ นังสือพิมพ์ และเอกสารท่ีไม่ตอ้ งการคณุ ภาพมาก

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 22 - วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพฒั นาอาชีพศิลปกรรม หน่วยการเรียนท่ี 3 เรือ่ ง สารเคมีในงานศลิ ปะ 2. กระดาษแบง้ ค์ (Bank Paper) เป็นกระดาษบางไมเ่ คลือบผวิ น้ำหนกั ไม่เกิน 50 กรมั /ตาราง เมตร มีสใี ห้เลอื กหลายสี ใช้สำหรับงานพิมพ์แบบฟอรม์ ต่าง ๆ ท่ีมีสำเนาหลายชั้น 3. กระดาษปอนด์ (Bond Paper) เป็นกระดาษทีท่ ำจากเย่ือเคมีท่ผี า่ นการฟอกและอาจมี ส่วนผสมของเย่ือที่มาจากเศษผา้ มีสขี าว ผวิ ไมเ่ รยี บ น้ำหนักอยู่ระหว่าง 60 – 100 กรมั /ตารางเมตร ใช้ สำหรับงานพมิ พ์ทีต่ ้องการความสวยงามปานกลาง พมิ พส์ เี ดยี วหรอื หลายสีก็ได้ 4. กระดาษอารต์ (Art Paper) เปน็ กระดาษที่ทำจากเย่ือเคมี หรือ เยอ่ื ทผี่ ลติ โดยใชส้ ารเคมีเคลอื บ ผิวใหเ้ รยี บด้านเดียวหรอื ท้งั สองดา้ น มีการเคลือบมันเงาและแบบดา้ น สขี าวนำ้ หนักอยูร่ ะหว่าง 80 – 160 กรมั /ตารางเมตร ใช้สำหรับงานพิมพท์ ี่ต้องการความสวยงาม งานพิมพ์สอดสี เช่นแคตตาลอ็ ก โบรช์ ัวร์ 5. กระดาษฟอกขาว (Woodfree Paper) เป็นกระดาษที่ทำจากเยื่อเคมี หรือเยือ่ ทีผ่ ลติ โดยใช้ สารเคมี และฟอกให้ขาว เป็นกระดาษท่ีมีคณุ ภาพและมีความหนาแนน่ สงู การดูดซมึ น้อย ใชส้ ำหรบั งานพมิ พ์ หนงั สอื กระดาษพิมพเ์ ขียน 6. กระดาษเหนยี ว (Kraft Paper) เป็นกระดาษท่ีทำจากเย่ือซลั เฟต ซ่ึงเป็นเยื่อใยยาวทผ่ี ลิตโดย ใชส้ ารซลั เฟต จงึ มีความเหนยี วเป็นพิเศษ มสี เี ป็นสนี ้ำตาล นำ้ หนักอยรู่ ะหวา่ ง 80 – 180 กรัม/ตารางเมตร ใช้ สำหรบั ทำสง่ิ พมิ พบ์ รรจภุ ณั ฑ์ กระดาษห่อของ ถงุ กระดาษ 7. กระดาษการ์ด (Card Board) เปน็ กระดาษทม่ี ีความหนาและแข็งแรง ประกอบด้วยชน้ั ของ กระดาษหลายชนั้ ชั้นนอกสองด้านมกั เปน็ สีขาว แต่กม็ ีการ์ดสีต่าง ๆ ให้เลอื กใช้ บางชนิดมีผวิ เคลอื บมนั เรยี บ ซึง่ เรียก กระดาษอารต์ การด์ น้ำหนกั กระดาษการ์ดอยรู่ ะหวา่ ง 110 – 400 กรัม/ตารางเมตร ใชส้ ำหรบั ทำปก หนงั สอื บรรจุภัณฑท์ ่มี รี าคา เช่นกลอ่ งเครื่องสำอาง 8. กระดาษกล่อง (Box Paper) เปน็ กระดาษทท่ี ำจากเยื่อบด และมักนำเย่ือจากกระดาษใชแ้ ล้ว มาผสม มสี คี ล้ำไปทางเทาหรอื นำ้ ตาล ผวิ ดา้ นหนง่ึ มกั ประกอบด้วยช้นั ของกระดาษขาว ซ่ึงอาจมผี วิ เคลือบมัน หรอื ไม่กไ็ ด้ และพิมพ์ภาพลงไปได้ กระดาษแบบไม่เคลอื บจะเรียกว่า กระดาษกล่องขาว แตถ่ า้ เคลือบผวิ มนั จะเรียกวา่ กระดาษกล่องแป้ง น้ำหนกั กระดาษกล่องอยรู่ ะหว่าง 180 – 600 กรัม/ตารางเมตร ใชส้ ำหรับทำ สิ่งพิมพบ์ รรจภุ ัณฑ์ เชน่ กลอ่ ง ปา้ ยแขง็ ฯลฯ 9. กระดาษแขง็ (Hard Board) เป็นกระดาษหลายช้นั แข็งหนาทำจากเยือ่ ไม้บดและเยื่อกระดาษ เก่า มผี ิวขรุขระสีคล้ำ มคี ำเรียกกระดาษชนดิ นี้อีกชอื่ ว่า กระดาษจ่วั ปัง นำ้ หนกั มีต้ังแต่ 430 กรัม/ตารางเมตร ขึน้ ไป ใช้ทำใส้ในของปกหนงั สือ ฐานปฏิทนิ ต้งั โต๊ะ บรรจุภณั ฑ์ตา่ ง ๆ 10. กระดาษแฟนซี (Fancy Paper) เปน็ คำเรียกโดยรวมสำหรบั กระดาษท่ีมีรูปร่างลักษณะของ เนอื้ และผิวกระดาษท่ีตา่ งจากกระดาษใชง้ านทวั่ ไป บางชนดิ มีการผสมเยื่อที่ต่างออกไป บางชนิดมผี วิ เปน็ ลาย ตามแบบบนลกู กลง้ิ หรือตะแกรงท่กี ดทับในขน้ั ตอนการผลิต มีสสี นั ใหเ้ ลอื กหลากหลาย มีทั้งกระดาษบางและ หนาสามารถนำไปใชแ้ ทนกระดาษทีใ่ ช้อยูท่ ัว่ ไป ต้งั แต่นามบตั ร กลอ่ งบรรจภุ ณั ฑ์

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า 2000-1304 - 23 - วิทยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชพี ศิลปกรรม หน่วยการเรียนที่ 3 เร่ือง สารเคมีในงานศลิ ปะ ทมี่ า ; http://www.supremeprint.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538771416 http://www.paperlandonline.com/knowledge.php?ID=7 https://3dcrafter.com/2017/04/12/type_of_clay_2-th/ https://solventrecyclingthai.com/%E0%B8%BAblog-3-solvent-used-in-industries/ https://aunyong.wordpress.com/ http://online.pubhtml5.com/spel/aoch/#p=80


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook