วัฏจักรของหินและหนิ วัฏจกั รของหิน วัฏจักรของหิน (Rock cycle) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของหินท้ัง 3 ชนิด จากหินชนิด หนง่ึ ไปเปนอกี ชนดิ หนงึ่ หรืออาจเปลย่ี นกลับไปเปน หินชนดิ เดมิ อกี ก็ได กลา วคือ เม่อื หนิ หนดื เยน็ ตัวลงจะตกผลึกไดเปน หินอัคนี เมื่อหินอัคนีผานกระบวนการผุพังอยูกับที่และการกรอนจน กลายเปนตะกอนมี กระแสนํ้า ลม ธารน้ําแข็ง หรือคลื่นในทะเล พัดพาไปสะสมตัวและเกิดการ แขง็ ตวั กลายเปนหิน อันเนื่องมาจากแรงบีบอัดหรือมีสารละลายเขาไปประสานตะกอนเกิดเปน หิน ช้ันขึ้น เม่ือหินชั้นไดรับความรอนและแรงกดอัดสูงจะเกิดการแปรสภาพกลายเปนหินแปร และหิน แปรเมื่อไดรับความรอนสูงมากจนหลอมละลาย ก็จะกลายสภาพเปนหินหนืด ซึ่งเมื่อเย็นตัวลงก็จะ ตกผลึกเปนหินอัคนีอีกคร้ังหน่ึงวนเวียนเชนน้ี เร่ือยไปเปนวัฏจักรของหิน กระบวนการเหลานี้อาจ ขา มขนั้ ตอนดงั กลา วได เชน จากหนิ อัคนไี ปเปน หินแปร หรอื จากหินแปรไปเปนหินชนั้ -1-
หนิ กระบวนการแทรกดนั ของหนิ หนืด แลว เย็นตัวลงไดเ ปนหินอัคนี เมื่อเกิดกระบวนการผุพัง ทาํ ลายพาไปทับถมไดเปนหินช้ันและเม่ือผานกระบวนการของความรอนและความดันจะกลายเปน หนิ แปร หิน (Rock) หมายถงึ มวลของแข็งทป่ี ระกอบขึน้ ดว ยแรช นดิ เดยี วกนั หรอื หลายชนิดรวมตัว กันอยูต ามธรรมชาติ แบงตามลักษณะการเกิดได 3 ชนดิ ใหญ 1. หินอัคนี (Igneous Rock) เกิดจากหินหนืดท่ีอยูใตเปลือกโลกแทรกดันขึ้นมาแลวตกผลึกเปนแร ตางๆ และเยน็ ตวั ลงจบั ตวั แนน เปนหนิ ทีผ่ ิวโลก แบง เปน 2 ชนิดคือ * หินอัคนีแทรกซอน (Intrusive Igneous Rock) เกิดจากการเย็นตัวลงอยางชา ๆ ของหินหนืดใต เปลือกโลก มีผลึกแรขนาดใหญ (>1 มิลลิเมตร) เชนหินแกรนิต (Granite) หินไดออไรต (Diorite) หินแกบโบร (Gabbro) * หินอัคนีพุ (Extruisive Igneous Rock) หรือหินภูเขาไฟ (Volcanic Rock) เกิดจากการเย็นตัวลง อยางรวดเร็วของหินหนืดที่ดันตัวพุออกมานอกผิวโลกเปน ลาวา (Lava) ผลึกแรมีขนาดเล็กหรือไม เกิดผลึกเลยเชน หนิ บะซอลต (Basalt) หนิ แอนดไี ซต (Andesite) หินไรโอไลต (Rhyolite) หินแกรนิต แสดงลกั ษณะทวั่ ไป และผลกึ แรใ นเนือ้ หิน -2-
2. หินช้ันหรือหินตะกอน (Sedimentary Rock) เกิด จากการทับถม และสะสมตัวของตะกอนตางๆ ไดแก เศษหิน แร กรวด ทราย ดินที่ผุพังหรือสึกกรอนถูกชะละลายมาจากหินเดิม โดยตัวการ ธรรมชาติ คือ ธารน้ํา ลม ธารน้ําแข็งหรือคลื่นในทะเล พัดพาไปทับถมและแข็งตัวเปนหินในแอง สะสมตัวหินชนิดน้ีแบงตามลักษณะเนอื้ หนิ ได 2 ชนดิ ใหญ ๆ คือ หินทรายแสดงชน้ั เฉยี งระดบั (Cross bedding) ช้ันหนิ ทรายสลับชนั้ หินดนิ ดาน (Sandstone interbeded Shale) หนิ กรวดมน (Conglomerate) -3-
ชัน้ หนิ ปนู (Limestone) ชัน้ หนิ เชิรต (Chert) * หินช้ันเนื้อประสม (Clastic Sedimentary Rock) เปนหินชั้นที่เนื้อเดิมของตะกอน พวกกรวด ทราย เศษหนิ และดนิ ยังคงสภาพอยูใ หพ ิสูจนได เชน หนิ ทราย (Sandstone) หินดินดาน (Shale) หิน กรวดมน (Conglomerate) เปนตน * หนิ เนือ้ ประสาน (Nonclastic Sedimentary Rock) เปน หินที่เกดิ จากการตกผลกึ ทางเคมี หรือจาก ส่ิงมีชีวิต มีเน้ือประสานกันแนนไมสามารถพิสูจนสภาพเดิมได เชน หินปูน (Limestone) หินเชิรต (Chert) เกลอื หิน (Rock Salte) ถา นหิน (Coal) เปนตน 3. หินแปร (Metamorphic Rock) เกิด จากการแปรสภาพโดยการกระทําของความรอน ความดัน และปฏิกิริยาทางเคมี ทําใหเนื้อหิน แรประกอบหินและโครงสรางเปล่ียนไปจากเดิม การแปรสภาพ ของหนิ จะอยใู นสถานะของของแขง็ ซง่ึ จดั แบง ออกเปน 2 แบบ คอื *การแปรสภาพบริเวณไพศาล (Regional metamorphism) เกิดเปนบริเวณกวางโดยมีความรอน และความดันทําใหเ กิดแรใหมหรือผลึกใหม เกดิ ขึ้น มีการจดั เรยี งตัวของแรใหม และแสดงร้ิวขนาน (Foliation) อันเน่ืองมาจากแรเดิมถูกบีบอัดจนเรียงตัวเปนแนวหรือแถบขนานกัน เชน หินไนส (Gneiss) หนิ ชีสต (Schist) และหนิ ชนวน (Slate) เปนตน -4-
*การแปรสภาพสัมผัส (Contact metamorphism) เกิดจากการแปรสภาพโดยความรอนและ ปฏิกิริยาทางเคมีของสารละลายที่ข้ึนมากับ หินหนืดมาสัมผัสกับหินทองที่ ไมมีอิทธิพลของความ ดันมากนัก ปฏิกิริยาทางเคมีอาจทําใหไดแรใหมบางสวนหรือเกิดแรใหมแทนที่แรในหิน เดิม หิน แปรท่ีเกิดขึ้นจะมีการจัดเรียงตัวของแรใหม ไมแสดงร้ิวขนาน (Nonfoliation) เชน หินออน (Marble) หินควอตไซต (Quartzite) หินชนวน (Slate) หินไนส (Gneiss) หนิ ควอตไซต (Quartzite) -5-
หินออ น (Marble) -6-
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: