วารสารศลิ ปากรศกึ ษาศาสตร์วิจัย การทดสอบประสทิ ธิภาพสือ่ หรือชุดการสอน ปีที่ 5 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มิถนุ ายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ การทดสอบประสทิ ธิภาพส่ือหรือชดุ การสอน Developmental Testing of Media and Instructional Package ชัยยงค์ พรหมวงศ*์ Chaiyong Brahmawong บทคดั ยอ่ การพัฒนาตน้ แบบช้นิ งาน (Prototype) ใหม่หรือนวัตกรรม สำ� หรับผลติ ภัณฑแ์ ละบรกิ ารใดๆ ก่อน ท่ีจะน�ำเป็นเผยแพร่หรือใช้จริง จ�ำเป็นจะต้องผ่านกระบวนการควบคุมและประกันคุณภาพ เพ่ือให้แน่ใจว่า ต้นแบบช้ินงานของผลิตภัณฑ์และบริการใหม่น้ันมีประสิทธิภาพจริง เรียกว่า การทดสอบประสิทธิภาพ (Developmental Testing) การผลติ สอื่ และชดุ การสอนทเี่ ปน็ ตน้ แบบชนิ้ งานใหมก่ เ็ ชน่ เดยี วกนั จำ� เปน็ ทต่ี อ้ ง ผา่ นการทดสอบประสทิ ธิภาพก่อนท่จี ะให้ครูน�ำไปใช้กบั นกั เรยี น โดยดำ� เนนิ การตามกระบวนการ 2 ขั้นตอน คอื การทดลองใชเ้ บื้องต้น (Tryout) และการทดลองใช้จรงิ (Trial Run) บทความนี้ เสนอแนวคดิ วิธีการ แท(1ลด:ะส1ทอ0ดบ)สปแอรละบสปะิทแระธบสภิ บทิาสพธนภิ ากามพารขใ(อช1ง้ส:ผ1ูตล0รล0Eัพ)1ธ/แ์ (ลEPะ2rกoสdาำ�uรหนcรt�ำ-ับEสกื่2อ)าหรใทรนือดขสชน้ั ุอดทบกดปาลรรอสะงสอใิทนชธเ้ทบิภ่ีทื้อาดพงตสข้นอองบแกผบร่าะบนบเเดวกน่ียณวกาฑ(ร1์ค:(ว1Pา)rมoแกcบe้าsบวsกห-Eลน1ุ่ม้า) 8ท0าง/8ก0ารแเรลียะน75เก/7ณ5ฑส์ป�ำรหะรสับิททธกั ิภษาพพิสยั Eแ1/ละEท2ักษตพามสิ เยั กแณลฑว้ ์ 90/90, 85/85 ส�ำหรับวิทยพิสัยหรือพุทธิพิสัย, แล้วไปทดลองใชจ้ ริงในชว่ งเวลาหน่ึงภาคการศกึ ษา สชุดูตกรารEส1อ/ นEท2ี่เซน่ึง้นผคู้เวขาียมนสพัมัฒพนันาธข์ขึ้นอเงมก่ือระบพว.ศน.กา2ร5แ2ล0ะผเลปล็นัพเธพ์ ียสงูตสรูตอร่ืนเดทียี่ใชว้กในันกเนา้รนหกาาปรหระาปสริทะธสิภิทาธพิภสา่ือพแโดลยะ อทิุกงผปลระลเัพภธท์เทพ้ังียในงกอายร่าสงอเดนียแวบบสเผูตชริญEห1น/้าEก2ารใสชอ้ไดน้กทับางกไากรลทดแสลอะบกปารรเะรสียิทนทธิภางาอพิเขลอ็กงทสร่ืออแนลิกะสช์ ุดนกอากรจสาอกนนี้ บทความนี้ยังเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทดสอบประสิทธิภาพท่ีไม่ถูกต้อง เพ่ือช่วยนักการศึกษาและครู สามารถทดสอบประสทิ ธิภาพส่อื และชดุ การสอนกอ่ นน�ำไปผลติ เป็นจำ� นวนมากและเผยแพรต่ ่อไป ค�ำส�ำคัญ: E1/ E2 การทดสอบประสิทธิภาพ/ ส่อื การสอน/ ชุดการสอน/ กระบวนการและผลลพั ธ์ * ศาสตราจารย์ ดร. รองอธิการบดี มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพธนบุรี หน้าแทรก 1
วารสารศลิ ปากรศกึ ษาศาสตร์วิจยั การทดสอบประสิทธิภาพส่ือหรอื ชุดการสอน ปที ี่ 5 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มถิ นุ ายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ Abstract In developing an innovative prototype for new products and services, it is necessary to conduct quality assurance and quality control before mass production or mass distribution to ensure that such a product or service is efficient and serves the need of the customers. This process is called Developmental Testing (DT). In a similar manner, instructional media and instructional packages need to be developmentally tested to ensure their efficiency during the process and products before they are actually used with the students. Two stages of DT are required: Tryout and Trial Run. This article presents the concept and techniques for DT and explains tthhreeeussetaogfest,hie.ef.or:mInudlaivEid1/uaEl2 needed for Try Out of the efficiency aonfdthFeiePlrdocTeesss-tinEg1 through Testing (1:1), Group Testing (1:10), (1:100), and also trying out mtheedieaffaincidenincsytroufcttihoenaPl rpoadcukcatg- eEs,2 through posttests and summative evaluation. The instructional after being developmentally tested and meet the three set criteria, i.e. (1) significantly increase students learning achievement, (2) meeting the set efficiency, and (3) get students satisfaction, will be continued for the Trial Run stage by being implemented with the students in real classroom situation for a semester or eaxnisatcinadgepmroicceysesaar.ndSoprfoadr,uctht-ebafosermd ufolarmEu1l/aEf2o,rddeevteelrompiendinsgintchee 1977 by this author, is the only efficiency of instructional media and instructional packages. It is applicable for testing all forms of instructional media and instructional packages no matter what platforms, i.e. face-to-face, distance learning or eLearning. Finally, this article explains the problems found in the misuses of E1/ E2 in various educational context and levels. KanedywProorddusc:tE, 1/ E2 , Developmental Testing/ Instructional Media/ Instructional Packages/ Process หนา้ แทรก 2
วารสารศิลปากรศึกษาศาสตรว์ จิ ัย การทดสอบประสิทธิภาพส่อื หรอื ชดุ การสอน ปีที่ 5 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มิถุนายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ การทดสอบประสทิ ธิภาพส่ือหรอื ชดุ การสอน ชยั ยงค์ พรหมวงศ*์ การผลติ สอื่ หรอื ชดุ การสอนนน้ั กอ่ นนำ� ไปใช้ thing) ดังนนั้ สองค�ำนจ้ี งึ มักใชค้ ู่กัน คือ ประสิทธิภาพ จรงิ จะตอ้ งนำ� สอ่ื หรอื ชดุ การสอนทผ่ี ลติ ขน้ึ ไปทดสอบ และประสทิ ธผิ ล ประสทิ ธภิ าพเพอื่ ดวู า่ สอ่ื หรอื ชดุ การสอนทำ� ใหผ้ เู้ รยี น 1.2 ความหมายของการทดสอบ มคี วามรเู้ พิม่ ขึ้นหรอื ไม่ มปี ระสิทธภิ าพในการชว่ ยให้ ประสิทธิภาพ กระบวนการเรยี นการสอนดำ� เนนิ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ การทดสอบประสิทธิภาพของส่ือ เพยี งใด มคี วามสมั พนั ธก์ บั ผลลพั ธห์ รอื ไมแ่ ละผเู้ รยี น หรือชุดการสอน จึงหมายถึงการหาคุณภาพของส่ือ มีความพึงพอใจต่อการเรียนจากส่ือหรือชุดการสอน หรือชุดการสอน โดยพิจารณาตามข้ันตอนของ ในระดับใด ดงั นนั้ ผผู้ ลิตสอ่ื การสอนจำ� เปน็ จะต้องนำ� การพัฒนาสื่อหรือชุดการสอนแต่ละขั้น ตรงกับ สอ่ื หรอื ชดุ การสอนไปหาคณุ ภาพ เรยี กวา่ การทดสอบ ภาษาองั กฤษว่า “Developmental Testing” ประสทิ ธิภาพ Developmental Testing คือ การ 1. ความหมายของการทดสอบประสทิ ธภิ าพ ทดสอบคุณภาพตามพัฒนาการของการผลิตส่ือ 1.1 ความหมายของประสิทธิภาพ หรือชุดการสอนตามล�ำดับข้ันเพ่ือตรวจสอบคุณภาพ ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency) หมายถงึ ของแตล่ ะองค์ประกอบของตน้ แบบชนิ้ งาน ใหด้ ำ� เนนิ สภาวะหรือคุณภาพของสมรรถนะในการด�ำเนินงาน ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ เพื่อให้งานมีความส�ำเร็จโดยใช้เวลา ความพยายาม ส�ำหรับการผลิตส่ือและชุดการสอน และค่าใช้จ่ายคุ้มค่าที่สุดตามจุดมุ่งหมายท่ีก�ำหนดไว้ การทดสอบประสทิ ธภิ าพ หมายถึง การนำ� สอ่ื หรือ เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ โดยก�ำหนดเป็นอัตราส่วนหรือ ชดุ การสอนไปทดสอบดว้ ยกระบวนการสองขนั้ ตอน ร้อยละระหว่างปัจจยั น�ำเข้า กระบวนการและผลลัพธ์ คอื การทดสอบประสทิ ธภิ าพใชเ้ บอ้ื งตน้ (Try Out) (Ratio between input, process and output) และทดสอบประสิทธิภาพสอนจริง (Trial Run) ประสิทธิภาพเน้นการด�ำเนินการ เพื่อหาคุณภาพของสื่อตามขั้นตอนท่ีก�ำหนดใน 3 ท่ถี กู ตอ้ งหรอื กระทำ� สง่ิ ใดๆ อยา่ งถกู วธิ ี (Doing the ประเด็น คือ การท�ำให้ผู้เรียนมีความรู้เพ่ิมขึ้น thing right) การชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นผา่ นกระบวนการเรยี นและทำ� แบบ ค�ำว่าประสิทธิภาพ มักสับสนกับ ประเมินสุดท้ายได้ดี และการท�ำให้ผู้เรียนมีความ ค�ำว่า ประสิทธิผล (Effectiveness) ซึ่งเป็นค�ำที่ พึงพอใจ นำ� ผลทไี่ ดม้ าปรบั ปรุงแก้ไข ก่อนท่จี ะผลติ คลมุ เครอื ไมเ่ นน้ ปรมิ าณ และมงุ่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ออกมาเผยแพร่เป็นจำ� นวนมาก และเน้น การท�ำสิ่งท่ีถูกที่ควร (Doing the right * ศาสตราจารย์ ดร. รองอธิการบดี มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพธนบุรี เอกสารประกอบการบรรยายเรือ่ ง นวตั กรรมคณุ ภาพประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ล การวิจัยเพอ่ื พฒั นาการเรียนการสอน วันที่ 20 มิถนุ ายน 2555 ณ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร 7
วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วจิ ยั การทดสอบประสิทธภิ าพส่ือหรอื ชดุ การสอน ปีที่ 5 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม - มิถนุ ายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ 1.2.1 การทดสอบประสทิ ธภิ าพใช้ สภาพการเรียนให้ผู้เรียนได้เปล่ียนแปลงพฤติกรรม เบ้ืองต้น เป็นการน�ำส่ือหรือชุดการสอนที่ผลิตข้ึน ตามท่ีมุ่งหวัง บางครั้งชุดการสอนต้องช่วยครูสอน เปน็ ตน้ แบบ (Prototype) แลว้ ไปทดลอบประสทิ ธภิ าพ บางครง้ั ตอ้ งสอนแทนครู (อาทใิ นโรงเรยี นครคู นเดยี ว) ใชต้ ามขน้ั ตอนทกี่ ำ� หนดไวใ้ นแตล่ ะระบบ เพอื่ ปรบั ปรงุ ดังนั้น ก่อนน�ำสื่อหรือชุดการสอนไปใช้ ครูจึงควร ประสิทธิภาพของส่ือหรือชุดการสอนให้เท่าเกณฑ์ ม่ันใจว่า ชุดการสอนนั้นมีประสิทธิภาพในการ ที่กำ� หนดไว้ และปรบั ปรุงจนถึงเกณฑ์ ชว่ ยใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรยี นจรงิ การทดสอบประสทิ ธภิ าพ 1.2.2 การทดสอบประสิทธิภาพ ตามล�ำดับข้ันจะช่วยให้เราได้สื่อหรือชุดการสอนที่มี สอนจริง หมายถึง การน�ำสื่อหรือชุดการสอนท่ีได้ คุณค่าทางการสอนจรงิ ตามเกณฑท์ ก่ี �ำหนดไว้ ทดสอบประสิทธิภาพใช้และปรับปรุงจนได้คุณภาพ 3. ส�ำหรับผู้ผลิตสื่อหรือชุดการสอน ถงึ เกณฑแ์ ลว้ ของแตล่ ะหน่วย ทุกหน่วยในแต่ละวชิ า การทดสอบประสิทธิภาพจะท�ำให้ผู้ผลิตมั่นใจได้ว่า ไปสอนจริงในช้ันเรียนหรือในสถานการณ์การเรียน เนื้อหาสาระท่ีบรรจุลงในสื่อหรือชุดการสอนมีความ ทแี่ ทจ้ ริงในช่วงเวลาหน่งึ อาทิ 1 ภาคการศกึ ษาเปน็ เหมาะสม ง่ายต่อการเข้าใจ อันจะช่วยให้ผู้ผลิต อยา่ งนอ้ ย เพอื่ ตรวจสอบคณุ ภาพเปน็ ครง้ั สดุ ทา้ ยกอ่ น มีความช�ำนาญสูงขึ้น เป็นการประหยัดแรงสมอง นำ� ไปเผยแพรแ่ ละผลติ ออกมาเป็นจำ� นวนมาก แรงงาน เวลาและเงินทองในการเตรยี มต้นแบบ การทดสอบประสิทธภิ าพทงั้ สองข้นั ตอน 3. การก�ำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ (15) จะต้องผ่านการวิจัยเชิงวิจัยและพัฒนา (Research 3.1 ความหมายของเกณฑ์ (Criterion) and Development-R&D) โดยตอ้ งดำ� เนินการวจิ ยั เกณฑ์เป็นขีดก�ำหนดที่จะยอมรับว่า ส่ิงใดหรือ ในขน้ั ทดสอบประสทิ ธิภาพเบ้ืองตน้ และอาจทดสอบ พฤติกรรมใดมีคณุ ภาพและหรือปริมาณทจ่ี ะรับได้ ประสิทธิภาพซ�้ำในขั้นทดสอบประสิทธิภาพใช้จริง การตงั้ เกณฑ์ ตอ้ งตง้ั ไวค้ รงั้ แรกครงั้ เดียว ด้วยก็ได้เพื่อประกันคุณภาพของสถาบันการศึกษา เพ่ือจะปรับปรุงคุณภาพให้ถึงเกณฑ์ข้ันต�่ำที่ต้ังไว้ จะ ทางไกลนานาชาติ ตง้ั เกณฑก์ ารทดสอบประสทิ ธภิ าพไวต้ า่ งกนั ไมไ่ ด้ เชน่ 2. ความจำ� เปน็ ที่จะตอ้ งหาประสทิ ธภิ าพ เมอื่ มกี ารทดสอบประสทิ ธภิ าพแบบเดยี่ ว ตงั้ เกณฑไ์ ว้ การทดสอบประสิทธิภาพของส่ือหรือชุด 60/60 แบบกลุม่ ตั้งไว้ 70/70 ส่วนแบบสนาม ตั้งไว้ การสอนมีความจำ� เป็นด้วยเหตุผล 3 ประการ คอื 80/80 ถอื ว่า เป็นการตัง้ เกณฑ์ท่ไี ม่ถกู ตอ้ ง 2.1 ส�ำหรับหน่วยงานผลิตสื่อหรือชุด อน่ึงเน่ืองจากเกณฑ์ที่ต้ังไว้เป็นเกณฑ์ การสอน การทดสอบประสทิ ธภิ าพชว่ ยประกนั คณุ ภาพ ต่�ำสุด ดังนั้นหากการทดสอบคุณภาพของสิ่งใดหรือ ของส่อื หรือชุดการสอนวา่ อยู่ในขัน้ สูง เหมาะสมท่จี ะ พฤตกิ รรมใดไดผ้ ลสงู กวา่ เกณฑท์ ต่ี งั้ ไวอ้ ยา่ งมนี ยั สำ� คญั ลงทนุ ผลติ ออกมาเปน็ จำ� นวนมาก หากไมม่ กี ารทดสอบ ท่ีระดับ .05 หรืออนุโลมให้มีความคลาดเคล่ือน ประสทิ ธภิ าพเสยี กอ่ นแลว้ เมอื่ ผลติ ออกมาใชป้ ระโยชน์ ต่�ำหรือสูงกว่าค่าประสิทธิภาพที่ตั้งไว้เกิน 2.5 ก็ให้ ไมไ่ ดด้ ี กจ็ ะตอ้ งผลติ หรอื ทำ� ขนึ้ ใหมเ่ ปน็ การสนิ้ เปลอื ง ปรับเกณฑ์ข้ึนไปอีกหนึ่งขั้น แต่หากได้ค่าต่�ำกว่าค่า ทั้งเวลา แรงงานและเงินทอง ประสิทธิภาพท่ีต้ังไว้ ต้องปรับปรุงและน�ำไปทดสอบ 2.2 ส�ำหรับผู้ใช้ส่ือหรือชุดการสอน ประสิทธิภาพใช้หลายคร้ังในภาคสนามจนได้ค่าถึง ส่ือหรือชุดการสอนที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ เกณฑ์ท่ีก�ำหนด จะท�ำหน้าที่เป็นเครื่องมือช่วยสอนได้ดี ในการสร้าง 8
วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตรว์ ิจัย การทดสอบประสิทธิภาพส่ือหรอื ชุดการสอน ปที ่ี 5 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มถิ นุ ายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ 3.2 ความหมายของเกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพ ขปอระงเกมรนิ ะหบลวงันเรกยี านร/ทปง้ั รหะมสดิทนธภินั่ คาพอื ขEอ1ง/Eผ2ล=ลปพั รธะ์ สทิ ธภิ าพ หมายถงึ ระดับประสทิ ธภิ าพของสอื่ หรือชดุ การสอน ตัวอยา่ ง 80/80 หมายความวา่ เมอื่ เรียน ทจ่ี ะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม เปน็ ระดบั ทผี่ ลติ สอ่ื หรอื ชดุ การสอนจะพงึ พอใจวา่ หากสอื่ จากสอ่ื หรอื ชดุ การสอนแลว้ ผเู้ รยี นจะสามารถทำ� แบบ หรือชุดการสอนมีประสิทธิภาพถึงระดับน้ันแล้ว สื่อ ฝึกปฏิบัติ หรืองานได้ผลเฉล่ีย 80% และประเมิน หรือชุดการสอนน้ันก็มีคุณค่าท่ีจะน�ำไปสอนนักเรียน หลังเรยี นและงานสุดท้ายไดผ้ ลเฉลย่ี 80% และคุม้ แกก่ ารลงทนุ ผลิตออกมาเปน็ จ�ำนวนมาก ใกหา้ผรู้สทอ่ีจนะกเป�ำห็นนผูด้พเิจกาณรณฑา์ ตEา1ม/คEว2ามใหพ้มอีคใจ่า การกำ� หนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพกระทำ� ได้ เท่าใดน้ัน โดยการประเมินผลพฤติกรรมของผเู้ รยี น 2 ประเภท โดยพิจารณาพิสัยการเรียนที่จ�ำแนกเป็นวิทยพิสัย คอื พฤติกรรมต่อเนื่อง (กระบวนการ) กำ� หนดค่า (Cognitive Domain) จติ พสิ ยั (Affective Domain) (ปปรระะสสิททิ ธธิภภิ าาพพขเปอ็นงกรEะ1บว=นกEาfรf)icแiลeะnพcyฤตoกิ fรรมPสroดุ cทeา้sยs และทกั ษพสิ ยั (Skill Domain) (oผfลPลrพัodธ)์ucกtำ� ห(ปนรดะคสา่ ปิทรธะภิ สาทิพธขภิ อางพผเปลน็ลัพEธ2)์= Efficiency ในขอบข่ายวิทยพิสัย (เดิมเรียกว่า พุทธพิ ิสยั **) เนอื้ หาที่เปน็ ความรคู้ วามจ�ำมักจะตงั้ ไว้ 3.2.1 ประเมนิ พฤตกิ รรมตอ่ เนอ่ื ง สูงสดุ แลว้ ลดต่ำ� ลงมาคอื 90/90 85/85 80/80 ส่วนเน้อื หาสาระท่ีเปน็ จติ พิสัย จะต้องใช้ (Transitional Behavior) คือประเมินผลต่อเน่ือง เวลาไปฝึกฝนและพัฒนา ไม่สามารถท�ำให้ถึงเกณฑ์ ซ่ึงประกอบด้วยพฤติกรรมย่อยของผู้เรียน เรียกว่า ระดบั สงู ไดใ้ นหอ้ งเรยี นหรอื ในขณะทเี่ รยี น จงึ อนโุ ลม “กระบวนการ” (Process) ที่เกิดจากการประกอบ ให้ต้ังไว้ต่�ำลง น่ันคือ 80/80 75/75 แต่ไม่ต่�ำกว่า กิจกรรมกลุ่ม ไดแ้ ก่ การท�ำโครงการ หรือทำ� รายงาน 75/75 เพราะเป็นระดับความพอใจต�่ำสุด จึงไม่ควร เปน็ กลุม่ และรายงานบุคคล ได้แก่งานที่มอบหมาย ตั้งเกณฑ์ไว้ต�่ำกว่านี้ หากตั้งเกณฑ์ไว้เท่าใด ก็มักได้ และกิจกรรมอ่นื ใดทีผ่ ู้สอนก�ำหนดไว้ ผลเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากระบบการสอนของไทย 3.2.2 ประเมนิ พฤตกิ รรมสดุ ทา้ ย ปจั จุบัน (2520) ไดก้ ำ� หนดเกณฑ์ โดยไมเ่ ขียนเปน็ (Terminal Behavior) คอื ประเมนิ ผลลพั ธ์ (Product) ลายลักษณ์อักษรไว้ 0/50 น่ันคือ ให้ประสิทธิภาพ ของผู้เรียน โดยพิจารณาจากการสอบหลังเรียนและ กระบวนการมีค่า 0 เพราะครูมักไม่มีเกณฑ์เวลาใน การสอบไล่ การใหง้ านหรอื แบบฝกึ ปฏบิ ตั แิ กน่ กั เรยี น สว่ นคะแนน ประสิทธิภาพของส่ือหรือชุดการสอน ผลลพั ธท์ ่ใี หผ้ ่านคือ 50% ผลจึงปรากฏวา่ คะแนน จะก�ำหนดเป็นเกณฑ์ที่ผู้สอนคาดหมายว่าผู้เรียนจะ วชิ าตา่ งๆ ของนกั เรยี นตำ�่ ในทกุ วชิ า เชน่ คะแนนภาษา เปลี่ยนพฤติกรรมเป็นที่พึงพอใจ โดยก�ำหนดให้ ไทยนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 โดยเฉลี่ยแต่ละปี ของผลเฉลีย่ ของคะแนนการท�ำงานและการประกอบ เพยี ง 51% เทา่ น้นั (2) กิจกรรมของผู้เรียนทั้งหมดต่อร้อยละของผลการ ** ค�ำว่า พุทธิ เป็นค�ำในพระพุทธศาสนา แปลว่า ความรู้แจ้ง ครอบคลุมทั้งความรู้ที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมจึงมีความหมายใหญ่กว่า คำ� วา่ Cognitive ทห่ี มายถงึ ความรคู้ วามจำ� ความเขา้ ใจ การนำ� ไปใช้ การวเิ คราะห์ สงั เคราะหแ์ ละการประเมนิ ตามแนวคดิ ของ Bloom’s Taxonomy ซ่งึ ตรงกับคำ� ว่า วทิ ยามากกว่า ผ้เู ขยี นจงึ ใช้ วิทยพิสัย แทน พุทธิพสิ ยั เป็นคำ� แปลของ Cognitive Domain ปัจจบุ ัน Bloom’s Taxonomy ได้เปล่ียนไปจากเดิมแลว้ 9
วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตรว์ จิ ยั การทดสอบประสทิ ธภิ าพส่ือหรือชดุ การสอน ปที ่ี 5 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มิถนุ ายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ 4. วิธีการค�ำนวณหาประสิทธิภาพ วธิ กี ารค�ำนวณหาประสทิ ธิภาพ กระท�ำได้ 2 วธิ ี คือ โดยใชส้ ตู รและโดยการค�ำนวณธรรมดา ก. โดยใช้สตู ร กระท�ำได้โดยใช้สตู รตอ่ ไปน*้ี ** สตู รที่ 1 E1 = FB x 110000 หรอื X x100 A เมอื่ X E1 คอื ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ คือ คะแนนรวมของแบบฝึกปฏิบัติกิจกรรมหรืองานท่ีท�ำระหว่างเรียนทั้งท่ีเป็น ∑ กจิ กรรมในห้องเรียน นอกห้องเรยี นหรอื ออนไลน์ A คือ คะแนนเต็มของแบบฝกึ ปฏิบัติ ทุกชิน้ รวมกนั N คอื จำ� นวนผเู้ รียน สตู รที่ 2 E2 = FB x 110000 (หรอื F x100 B เมื่อ EF 2 คอื ประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ คอื คะแนนรวมของผลลพั ธข์ องการประเมินหลงั เรียน ∑ B คือ คะแนนเตม็ ของการประเมนิ สุดทา้ ยของแต่ละหน่วย ประกอบด้วยผลการสอบ หลังเรียนและคะแนนจากการประเมนิ งานสุดทา้ ย N คือ จำ� นวนผู้เรยี น การค�ำนวณหาประสิทธิภาพโดยใช้สูตรดังกล่าวข้างต้น กระท�ำได้โดยการน�ำคะแนนรวมแบบฝึก ปฏบิ ตั ิ หรอื ผลงานในขณะประกอบกจิ กรรมกลมุ่ /เดยี่ ว และคะแนนสอบหลงั เรยี น มาเขา้ ตารางแลว้ จงึ คำ� นวณ หาค่า E1/E2 (โปรดฝึกค�ำนวณหาคา่ E1 และ E2 ในกิจกรรมหนา้ ถดั ไป) *ลด*ิรข.*สช ิทัยธยแ์ินนงค้ีว์รควพิดมกรถหาึรงมหกวาางปรศนร์ ะ�ำจไสะปิทนจธ�ำัดิภไทปา�พำดโแัดปลแระปแสลกูตรงรเมปค็Eน�ำ1อน/ยEว่าณ2 งท อื่นาไมงเคช่วอ่่านจมะPพเข1ิว/ียเPตน2อในXร์รโ1ดูป/Xย2Eไม1แ:่ไEลด2ะ้ขเEอปอ1ลตน่ีย่อุญนEแา2ต ป จลาหงกรสผือูตู้ใทรนรรงเูปชลแ่นิขบสบจิทใาธดกิ์คเปือ∑็นFลศิขาเสสปติทลรธ่ียา์ขนจอาเงปรย็นศ์ าด∑สรตY.ชราัยไจยมาง่รไคดย์้์ พรหมวงศ์ ก็ไม่ได้เช่นกนั 10
วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตร์วจิ ยั การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรอื ชดุ การสอน ปที ่ี 5 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มถิ ุนายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ข. โดยใช้วธิ กี ารคำ� นวณโดยไมใ่ ชส้ ูตร และห่างกันไม่เกิน 5% ซ่ึงเป็นตัวช้ีท่ีจะยืนยันได้ว่า หากจ�ำสูตรไม่ได้หรือไม่อยากใช้สูตร นกั เรียนไดม้ กี ารเปล่ยี นพฤติกรรมตอ่ เน่ืองตามลำ� ดบั ผ้ผู ลิตสื่อหรือชดุ การสอนก็สามารถใชว้ ิธกี ารคำ� นวณ ขนั้ หรอื ไมก่ อ่ นทจ่ี ะมกี ารเปลย่ี นพฤตกิ รรมขน้ั สดุ ทา้ ย ธรรมดาหาค่า E1 และ E2 ได้ ด้วยวิธีการค�ำนวณ หรืออกี นยั หน่งึ ต้องประกนั ได้วา่ นกั เรยี นมีความรจู้ ริง ธรรมดา ไมใ่ ช่ท�ำกิจกรรมหรอื ทำ� สอบได้เพราะการเดา ส�ำหรับ กEร1ะทค�ำือไคด่า้โปดรยะกสาิทรนธ�ำิภคาะพแขนอนงงงาานน การประเมินในอนาคตจะเสนอผลการ และแบบฝึกปฏิบัติ ปผรู้อะ่าเนมผนิ ลเปก็นารเลปขระสเอมงินตทัวรคาบอื ลEัก1ษคณู่ Eะ2นิสเพัยรขาอะงจผะทู้เรำ� ียใหน้ ทุกชิ้นของนักเรียนในแต่ละกิจกรรม แต่ละคนมารวม กัน แลว้ หาค่าเฉล่ยี และเทียบสว่ นโดยเป็นร้อยละ ระหวา่ งนสิ ยั ในการท�ำงานอย่างต่อเน่อื ง คงเสน้ คงวา ระสเ�ำมหินรับหคล่าังเEร2ียนคขืออปงระแสติท่ลธะิภสาื่อพหผลรือลชัพุดธ์ หสคืุดอรือทกไร้ามยะ่ บว(ด่าวมูจนาีคกกุณาครภา่)าEพเ1พมค่ือากอืปนกรระ้อะโยยบเชวพนนียก์ขงาใอรดง)กก(าดบัรูจกกาลากร่ันคทก่าำ� รงอาEนง2 ขอ งการป การสอน กระท�ำได้โดยการเอาคะแนนจากการสอบ หลังเรียนและคะแนนจากงานสุดท้ายของนักเรียน บคุ ลากรเข้าท�ำงาน ท้ังหมดรวมกันหาค่าเฉล่ียแล้วเทียบส่วนร้อย เพื่อ ตวั อยา่ ง นกั เรยี นสองคนคอื เกษมกบั ปรชี า หาคา่ รอ้ ยละ ผเกลษลมพั ไดธ์้ผ8ล2ล.พั50ธ/์ E781/.E520=7แ8ส.ด5ง0ว/่า8น2ัก.5เร0ยี สนว่คนนปแรรชี กาคไดือ้ 5. การตีความหมายผลการคำ� นวณ เกษม ทำ� งานและแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ ทัง้ ปีได้ 78% และ ผู้หาประ สิทธหิภลางั พจาตก้อคงำ�ตนีคววณามหหาคมา่ าEยข1 อแลงผะลEล2ัพไดธแ้์โดลยว้ สอบไล่ได้ 83% จะเห็นว่าจะมีลักษณะนิสัยท่ีเป็น ยึดหลักการและแนวทางดงั น้ี กระบวนการสูน้ ักเรียนคนท่ีสองคือปรชี าทไ่ี ด้ผลลพั ธ์ 1.1 ความคลาดเคลอื่ นของผลลพั ธ์ ให้ E1/E2 =82.50/78.50 ไมไ่ ด้ มีความคลาดเคลอื่ นหรอื ความแปรปรวนของผลลพั ธ์ 6. ขน้ั ตอนการทดสอบประสทิ ธภิ าพ (8) ได้ไม่เกนิ .05 (รอ้ ยละ 5) จากชว่ งต�่ำไปสูง = ±2.5 เม่ือผลิตส่ือหรือชุดการสอนข้ึน เป็น ตนาั่นมใหเก้ผณลฑลัพ์ มธีค์ขอ่าตงค�่ำก่าว่าEเ1กณหฑรือ์ ไEม2่เกทิน่ีถือ2ว.5่า%เปแ็นลไปะ ต้นแบบแล้ว ต้องน�ำสื่อหรือชุดการสอนไปหา สงู กว่าเกณฑ์ท่ตี ้ังไว้ไมเ่ กนิ 2.5% ประสิทธิภาพตาม ขนั้ ตอนตอ่ ไปนี้ ก. การทดสอบประสิทธภิ าพแบบเดีย่ ว แสดงวา่ กจิ กหรารกมคทะใ่ี หแนน้ กันเ ร Eยี 1นหทรำ� อืกบั Eก2าหรสา่ งอกบนั หเลกงันิ เร5ยี %น (1:1) เปน็ การทดสอบประสิทธิภาพท่ีผู้สอน 1 คน ไกมมมบัาอ่สกงบกมาหนวดมา่ทลุ คา่ีมกยา่ อนัอEบเา1ชจหแ่นจมสะาคงดยา่า่งใยวหEกา่ ้ท1วก�ำ่ามา รจากสำ�กาเอกรปบสวน็ งา่อทา่ บยEจ่ี ะก2หตวแรา่้อือสหงดรปหอืงราวไับกม่าแคส่ งกา่มา้ นดEทลุ 2ี่ ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนกับผู้เรียน 1-3 คน โดยใช้เด็กอ่อน ปานกลาง และเด็กเก่ง ระหวา่ งทดสอบประสทิ ธภิ าพใหจ้ บั เวลาในการประกอบ กจิ กรรม สงั เกตพฤติกรรมของผู้เรยี นวา่ หงดุ หงดิ ทำ� หน้าฉงน หรอื ทำ� ทา่ ทางไม่เขา้ ใจหรือไม่ ประเมินการ หากสอื่ หรอื ชดุ การสอนไดร้ บั การออกแบบ เรยี นจากกระบวนการ คอื กจิ กรรมหรอื ภารกจิ และงาน แไดลจ้ ะาพกฒักานราทอดยสา่ งอดบมี ปคี รณุะสภทิ าธพิภคาา่พEจ1ะหตร้ออื งEใก2ลท้เคี่คำ�ยี นงวกณนั ทม่ี อบใหท้ ำ� และทดสอบหลงั เรยี น นำ� คะแนนมาคำ� นวณ หาประสทิ ธภิ าพ หากไม่ถงึ เกณฑ์ต้องปรับปรงุ เนอื้ หา 11
วารสารศิลปากรศกึ ษาศาสตร์วจิ ยั การทดสอบประสทิ ธภิ าพสือ่ หรอื ชุดการสอน ปีที่ 5 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มิถุนายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ สาระ กจิ กรรมระหวา่ งเรยี นและแบบทดสอบหลงั เรยี น หรอื ภารกจิ และงานทมี่ อบใหท้ ำ� และทดสอบหลงั เรยี น ใหด้ ขี น้ึ โดยปกตคิ ะแนนทไี่ ดจ้ ากการทดสอบประสทิ ธภิ าพ นำ� คะแนนมาคำ� นวณหาประสทิ ธภิ าพ หากไมถ่ งึ เกณฑ์ แบบเดี่ยวน้ีจะได้คะแนนต่�ำว่าเกณฑ์มาก แต่ไม่ต้อง ต้องปรับปรุงเนื้อหาสาระ กิจกรรมระหว่างเรียนและ วติ กเมอื่ ปรบั ปรงุ แลว้ จะสงู ขนึ้ มาก กอ่ นนำ� ไปทดสอบ แบบทดสอบหลังเรียนให้ดีข้ึน แล้วน�ำไปทดสอบ ประสทิ ธภิ าพแบบกลมุ่ ทงั้ นี้ E1/E2 ทไ่ี ดจ้ ะมคี า่ ประมาณ ประสิทธิภาพภาคสนามซ้�ำกับนักเรียนต่างกลุ่ม อาจ 60/60 ทดสอบประสิทธิภาพ 2-3 ครัง้ จนได้คา่ ประสทิ ธภิ าพ ข. การทดสอบประสิทธิภาพแบบกลุ่ม ถึงเกณฑ์ข้ันต�่ำ ปกติไม่น่าจะทดสอบประสิทธิภาพ (1:10) เป็นการทดสอบประสทิ ธภิ าพที่ผสู้ อน 1 คน เกินสามครั้ง ด้วยเหตุน้ี ข้ันทดสอบประสิทธิภาพ ทดสอบประสิทธิภาพส่ือหรือชุดการสอนกับผู้เรียน ภาคสนามจงึ แทนด้วย 1:100 6–10 คน (คละผู้เรียนท่ีเก่ง ปานกลางกับอ่อน) ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากการทดสอบประสทิ ธภิ าพ ระหวา่ งทดสอบประสทิ ธภิ าพใหจ้ บั เวลาในการประกอบ ภาคสนามควรใกลเ้ คยี งกัน เกณฑ์ท่ตี ัง้ ไว้ หากต่�ำจาก กิจกรรม สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนว่า หงุดหงิด เกณฑ์ไม่เกิน 2.5% กใ็ หย้ อมรบั วา่ ส่อื หรือชดุ การ ท�ำหน้าฉงน หรือท�ำท่าทางไม่เข้าใจหรือไม่ หลังจาก สอนมปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑท์ ี่ตงั้ ไว้ ทดสอบประสิทธิภาพให้ประเมินการเรียนจาก หากค่าที่ได้ต่�ำกว่าเกณฑ์มากกว่า -2.5 กระบวนการ คือกิจกรรมหรือภารกิจและงานที่มอบ ให้ปรับปรุงและทดสอบประสิทธิภาพภาคสนามซ�้ำ ให้ท�ำและประเมินผลลัพธ์คือการทดสอบหลังเรียน จนกว่าจะถึงเกณฑ์ จะหยุดปรับปรุงแล้วสรุปว่า และงานสุดท้ายที่มอบให้นักเรียนท�ำส่งก่อนสอบ ชุดการสอนไม่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้หรือ ประจำ� หนว่ ย ใหน้ ำ� คะแนนมาคำ� นวณหาประสทิ ธภิ าพ จะลดเกณฑล์ งเพราะ “ถอดใจ” หรือยอมแพ้ไมไ่ ด้ หากไม่ถึงเกณฑ์ต้องปรับปรุงเน้ือหาสาระ กิจกรรม หากสงู กว่าเกณฑ์ไมเ่ กนิ +2.5 ก็ยอมรับ ระหว่างเรียนและแบบทดสอบหลังเรียนให้ดีข้ึน ว่า สื่อหรือชุดการสอนมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ คำ� นวณหาประสทิ ธภิ าพแลว้ ปรบั ปรงุ ในคราวนค้ี ะแนน ทต่ี งั้ ไว้ ของผู้เรียนจะเพิ่มข้ึนอีกเกือบเท่าเกณฑ์โดยเฉล่ีย หากค่าที่ได้สูงกว่าเกณฑ์เกิน +2.5 ให้ จะห่างจากเกณฑป์ ระมาณ 10% นนั่ คอื E1/E2 ท่ไี ด้ ปรับเกณฑ์ขึ้นไปอีกหนึ่งขน้ั เช่น ตั้งไว้ 80/80 กใ็ ห้ จะมีค่าประมาณ 70/70 ปรับขึน้ เป็น 85/85 หรอื 90/90 ตามคา่ ประสทิ ธภิ าพ ค. การทดสอบประสทิ ธิภาพภาคสนาม ที่ทดสอบประสทิ ธภิ าพได้ (1:100) เปน็ การทดสอบประสทิ ธภิ าพทผี่ สู้ อน 1 คน ตวั อยา่ ง เมอ่ื ทดสอบหาประสทิ ธภิ าพแลว้ ทดสอบประสิทธิภาพส่ือหรือชุดการสอนกับผู้เรียน ได้ 83.5/85.4 ก็แสดงว่าส่ือหรือชุดการสอนนั้นมี ทง้ั ชน้ั **** ระหวา่ งทดสอบประสทิ ธภิ าพใหจ้ บั เวลาใน ประสิทธิภาพ 83.5/85.4 ใกล้เคยี งกบั เกณฑ์ 85/85 การประกอบกิจกรรม สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน ที่ตง้ั ไว้ แต่ ถา้ ตัง้ เกณฑ์ไว้ 75/75 เมอื่ ผลการทดสอบ ว่า หงุดหงิด ท�ำหน้าฉงน หรือท�ำท่าทางไม่เข้าใจ ประสิทธิภาพเป็น 83.5/85.4 ก็อาจเลื่อนเกณฑ์ หรือไม่ หลังจากทดสอบประสทิ ธิภาพภาคสนามแลว้ ขึน้ มาเป็น 85/85 ได้ ให้ประเมินการเรียนจากกระบวนการ คือกิจกรรม **** ปกตใิ ห้ใชก้ บั ผเู้ รยี น 30 คน แต่ในโรงเรยี นขนาดเลก็ อนโุ ลมให้ใช้กับนักเรยี น 15 คนข้นึ ไป 12
วารสารศลิ ปากรศกึ ษาศาสตร์วิจยั การทดสอบประสทิ ธิภาพส่ือหรือชดุ การสอน ปที ่ี 5 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ แบบฝึกปฏิบัติ สมมติว่าท่านสอนวิชา สังคมศึกษา เร่ือง ประวัติพระเจ้าตากสินมหาราช ส่ือ หรือชุดการสอนหน่วยที่ 2 ทดสอบประสิทธิภาพแบบกลุ่มกับผู้เรียน 6 คน โดยพิจารณาจากงาน 4 ช้ิน และผลการสอบหลังเรียน ปรากฏในตารางต่อไปน้ี โปรดค�ำนวณหาประสิทธิภาพของ E1/E2 เทียบกับ เกณฑท์ ี่ตัง้ ไว้ 85/85 แลว้ อภิปรายผลการทดลอบประสิทธิภาพ คะแนนวชิ า สังคมศึกษา หนว่ ยท่ี 2 เรือ่ ง ประวัตพิ ระเจ้าตากสนิ มหาราช คะแนน คะแนนสอบ หลงั เรยี น ผเู้ รียน 1 2 3 4 คะแนน สอบ 30 (10) (20) (10) (20) หลังเรยี น 27 1 8 18 6 17 49 24 24 2 8 18 5 17 48 25 28 3 7 17 9 16 49 27 4 9 17 9 15 50 5 9 19 8 19 55 6 8 18 8 18 56 7 6 16 7 18 47 89 19 8 19 55 ∑ X = 405 ∑ f = 206 ค�ำตอบ E1 = 84.37 E2 = 86.00 13
วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตรว์ ิจยั การทดสอบประสทิ ธิภาพส่ือหรือชดุ การสอน ปที ี่ 5 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม - มถิ นุ ายน 2556) ชัยยงค์ พรหมวงศ์ 7. การเลอื กนกั เรยี นมาทดสอบประสทิ ธภิ าพ บุคคล) ชั้นเรียนท่ีเลือกมาทดสอบประสิทธิภาพจะ ส่อื หรอื ชุดการสอน ต้องมีนักเรียนคละกันท้ังเก่งและอ่อน ไม่ควรเลือก นักเรียนท่ีผู้สอนจะเลือกมาทดสอบ หอ้ งเรยี นท่ีมีเดก็ เกง่ หรือเดก็ ออ่ นล้วน ประสิทธิภาพส่ือหรือชุดการสอน ควรเป็นตัวแทน สดั สว่ นทถ่ี กู ตอ้ งในการกำ� หนดจำ� นวนผเู้ รยี น ของนักเรียนที่เราจะน�ำส่ือหรือชุดการสอนนั้นไปใช้ ทมี่ รี ะดบั ความสามารถแตกตา่ งกนั ควรยดึ จำ� นวนจาก ดงั น้ัน จึงควรพจิ ารณาประเดน็ ต่อไปนี้ การแจกแจงปกติ ที่จำ� แนกนักเรียนเปน็ 5 กลุ่ม คือ 7.1 ส�ำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ นกั เรยี นเกง่ มาก (เหรยี ญเพชร) รอ้ ยละ 1.37 (1 คน) แบบเด่ยี ว (1:1) เปน็ การทดสอบประสทิ ธภิ าพ ครู นักเรียนเก่ง (เหรยี ญเงนิ ) ร้อยละ 14.63 (15 คน) 1 คน ต่อเดก็ 1-3 คน ใหท้ ดสอบประสิทธภิ าพกบั นกั เรียนปานกลาง (เหรียญเงนิ ) รอ้ ยละ 68 (68 คน) เด็กอ่อนเสียก่อน ท�ำการปรับปรุงแล้วน�ำไปทดสอบ นักเรยี นออ่ น (เหรยี ญทองแดง) รอ้ ยละ 14.63 (15 ประสิทธิภาพกับเด็กปานกลาง และน�ำไปทดสอบ คน) และนกั เรยี นอ่อนมาก (เหรยี ญตะกัว่ ) รอ้ ยละ ประสิทธิภาพกับเด็กเก่ง อย่างไรก็ตามหากเวลา 1.37 (1 คน) ไมอ่ ำ� นวยและสภาพการณไ์ มเ่ หมาะสม กใ็ ห้ทดสอบ เม่ือยึดการแจกแจงปกติเป็นเกณฑ์ก�ำหนด ประสิทธิภาพกับเด็กอ่อนหรือเด็กปานกลาง โดย จำ� นวนนกั เรยี นทจ่ี ะนำ� มาทดสอบประสทิ ธภิ าพสอื่ และ ไม่ต้องทดสอบประสิทธิภาพกับเด็กเก่งก็ได้ แต่การ ชุดการสอน ก็จะได้นักเรียนเก่งประมาณร้อยละ16 ทดสอบประสิทธิภาพกับเด็กท้ังสามระดับจะเป็นการ นักเรยี นปานกลางร้อยละ 68 และ นักเรยี นอ่อนร้อย สะทอ้ นธรรมชาตกิ ารเรยี นท่ีแทจ้ รงิ ท่ีเดก็ เก่ง กลาง ละ 16 ออ่ นจะไดช้ ว่ ยเหลอื กัน เพราะเดก็ ออ่ นบางคนอาจจะ เนื่องจากการทดสอบประสิทธิภาพส่ือหรือ เกง่ ในเร่ืองทเี่ ดก็ เกง่ ท�ำไม่ได้ ชุดการสอน ต้องใช้สถานท่ีในการจัดกิจกรรมและใช้ 7.2 ส�ำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ เวลามากกว่า ส�ำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ แบบกลุ่ม (1:10) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพ แบบเด่ียวและแบบกลุ่ม ควรใช้เวลานอกชั้นเรียน ที่ครู 1 คนทดสอบประสทิ ธภิ าพกบั เด็ก 6–12 คน หรือแยกนักเรียนมาเรียนต่างหากจากห้องเรียน โดยใหม้ ผี เู้ รยี นคละกนั ทง้ั เดก็ เกง่ ปานกลาง เดก็ ออ่ น อาจเป็นห้องประชุมของโรงเรียน โรงอาหารหรือ ห้ามทดสอบประสิทธิภาพกับเด็กอ่อนล้วน หรือเด็ก สนามใตร้ ม่ ไมก้ ็ได้ เก่งล้วน ขณะทำ� การทดสอบประสทิ ธิภาพ ผู้สอนจะ ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพแบบสนาม ตอ้ งจับเวลาด้วยวา่ กิจกรรมแตล่ ะกลมุ่ ใช้เวลาเทา่ ไร ควรใชห้ อ้ งเรยี นจรงิ แตน่ กั เรยี นทใี่ ชท้ ดสอบประสทิ ธภิ าพ ทัง้ นเ้ี พื่อให้ทกุ กลมุ่ กจิ กรรมใชเ้ วลาใกล้เคยี งกนั โดย ตอ้ งสุม่ นกั เรยี นแต่ละระดบั มาจากหลายหอ้ งเรียนใน เฉพาะการสอนแบบศนู ยก์ ารเรยี นทก่ี ำ� หนดใหใ้ ชเ้ วลา โรงเรียนเดยี วกันหรือต่างโรงเรยี น เพ่ือให้ไดส้ ัดสว่ น เทา่ กนั คอื 10 – 15 นาที สำ� หรบั ระดบั ประถมศึกษา จำ� นวนตามการแจกแจงปกติ และ 15 – 20 นาที สำ� หรบั ระดบั มธั ยมศึกษา ในกรณีท่ีไม่สามารถหานักเรียนตามสัดส่วน 7.3 ส�ำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ การแจกแจงปกติได้ ผู้ทดสอบประสิทธิภาพอาจสุ่ม ภาคสนาม (1:100) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพ แบบเจาะจง โดยใช้หอ้ งเรยี นใดห้องเรียนหนึ่งท�ำการ ทีใ่ ช้ครู 1 คน กบั นกั เรยี นทัง้ ช้นั กับนกั เรยี น 30–40 ทดสอบประสทิ ธภิ าพ แตจ่ ะตอ้ งระบไุ วใ้ นขอ้ จำ� กดั ของ คน (หรือ 100 คน ส�ำหรบั สอื่ หรอื ชดุ การสอนราย การวิจัยในบทน�ำและน�ำไปอภิปรายผลในบทสุดท้าย 14
วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตรว์ จิ ัย การทดสอบประสิทธภิ าพสือ่ หรอื ชุดการสอน ปที ี่ 5 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถนุ ายน 2556) ชัยยงค์ พรหมวงศ์ เพราะค่าประสิทธิภาพที่ได้แม้จะถึงเกณฑ์ท่ีก�ำหนด 8.5 ดำ� เนินการสอนตามขนั้ ตอน ไม่วา่ ก็ถึงอย่างมีเง่ือนไข เพราะกลุ่มตัวอย่างมิได้สะท้อน จะเปน็ การทดลองแบบเดย่ี ว แบบกลมุ่ และภาคสนาม สดั ส่วนทแี่ ท้จริงตามการแจกแจงปกติ ห ลั ง จ า ก ช้ี แ จ ง ใ ห ้ นั ก เ รี ย น ท ร า บ เ ก่ี ย ว กั บ สื่ อ 8. ขอ้ ควรคำ� นงึ ในการทดสอบประสทิ ธภิ าพ ชดุ การสอน และวธิ กี ารสอนแลว้ ครจู ะตอ้ งดำ� เนนิ การ สอื่ หรอื ชุดการสอน สอนตามข้ันตอนที่ก�ำหนดไวใ้ นแต่ละระบบการสอน เพ่ือให้การทดสอบประสิทธิภาพของส่ือ 8.5.1 ส�ำหรับการสอนแบบศูนย์ หรอื ชดุ การสอนไดผ้ ลคมุ้ มสี งิ่ ทผี่ ทู้ ดสอบประสทิ ธภิ าพ การเรยี น ดำ� เนนิ ตามขน้ั ตอน 5 ขน้ั คอื (1) สอบกอ่ น ส่อื หรือชดุ การสอนควรคำ� นงึ ถงึ ดังนี้ เรยี น (2) นำ� เขา้ สบู่ ทเรยี น (3) ใหน้ กั เรยี นทำ� กจิ กรรม 8.1 การเลอื กผเู้ รยี นเขา้ รว่ มการทดสอบ กลุ่ม (4) สรปุ บทเรยี น (ครูสรุปเองหรือใหน้ กั เรียน ประสิทธิภาพ ควรเลือกนักเรียนท่ีเป็นตัวแทนของ ช่วยกันสรุปก็ได้ ท้ังนี้ต้องดูตามท่ีก�ำหนดไว้ในแผน นกั เรียนท่ีใชส้ ่อื หรอื ชุดการสอน ตามแนวทางการสมุ่ การสอน) และ (5) สอบหลังเรียน ตัวอย่างทถี่ ูกตอ้ ง 8.5.2 ส�ำหรับการสอนแบบอิง 8.2 การเลอื กเวลาและสถานทท่ี ดสอบ ประสบการณ์ มี 7 ขน้ั ตอน คือ (1) ประเมนิ กอ่ น ประสทิ ธภิ าพ ควรหาสถานทแี่ ละเวลาทปี่ ราศจากเสยี ง เผชิญประสบการณ์ (2) ปฐมนิเทศ (3) เผชิญ รบกวน ไมร่ อ้ นอบอา้ ว และควรทดสอบประสทิ ธิภาพ ประสบการณห์ ลัก ประสบการณร์ อง ตามภารกจิ และ ในเวลาท่ีนักเรียนไม่หิวกระหาย ไม่รีบร้อนกลับบ้าน งานทกี่ ำ� หนด (4) รายงานความกา้ วหนา้ ของการเผชญิ หรอื ไม่ต้องพะวักพะวนไปเข้าเรยี นในชน้ั อนื่ ประสบการณ์หลักและรอง (5) รายงานผลสุดท้าย 8.3 การชี้แจงวตั ถุประสงค์และวิธีการ (6) สรุปการเผชญิ ประสบการณ์ และ (7) ประเมนิ ต้องชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงวัตถุประสงค์ของการ หลังเผชิญประสบการณ์ ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนและการจัด 8.5.3 ส�ำหรับการสอนทางอิเล็ก- ห้องเรียนแบบศูนย์การเรียน หากนักเรียนไม่คุ้นเคย ทรอนิกส์ อาจดำ� เนินตามขน้ั ตอน 7 ข้ัน คือ (1) สอบ กับวิธีการใช้ส่ือหรือชุดการสอน ก่อนเรยี น (2) ศึกษาประมวลการสอน แผนกจิ กรรม 8.4 การรักษาสถานการณ์ตามความ และเส้นทางการเรียน (Course Syllabus, Course เป็นจริง ส�ำหรับการทดสอบประสิทธิภาพภาคสนาม Bulletin and Learning Route) (3) ศึกษาเนื้อหา ในชนั้ เรยี นจรงิ ตอ้ งรกั ษาสภาพการณใ์ หเ้ หมอื นทเี่ ปน็ สาระทกี่ ำ� หนดใหแ้ บบออนไลนบ์ น website หรอื ออฟ อยู่ในห้องเรียนท่ัวไป เช่น ต้องใช้ครูเพียงคนเดียว ไลน์ ในซดี ีหรือตำ� รา คือจากแหลง่ ความรู้ทก่ี ำ� หนดให้ ห้ามคนอื่นเข้าไปช่วย ผู้สังเกตการณ์ต้องอยู่ห่างๆ (4) ให้นักเรียนท�ำกิจกรรมเดี่ยว (Individual ไม่เข้าไปช่วยเหลือเด็ก ต้องปล่อยให้ครูผู้ทดสอบ Assignment) และกจิ กรรมกลมุ่ รว่ มมอื (Collaborative ประสทิ ธิภาพสอนแก้ปัญหาดว้ ยเอง หากจ�ำเปน็ ตอ้ ง Group) (5) ส่งงานทม่ี อบหมาย (Submission of ได้รับความช่วยเหลือก็ให้ครูผู้สอนเป็นผู้บอก Assignment) (6) สรุปบทเรยี น (ครูสรุปเอง หรือให้ ให้เข้าไปช่วย มิฉะนั้นการทดสอบประสิทธิภาพสอน นักเรียนช่วยกันสรุปก็ได้ ท้ังนี้ต้องดูตามท่ีก�ำหนดไว้ ก็ไมส่ ะทอ้ นสถานการณ์จริงทมี่ คี นสอนเพยี งคนเดยี ว ในแผนการสอน) และ (7) สอบหลังเรยี น 15
วารสารศิลปากรศกึ ษาศาสตรว์ ิจยั การทดสอบประสิทธภิ าพสอื่ หรอื ชดุ การสอน ปที ่ี 5 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม - มถิ ุนายน 2556) ชัยยงค์ พรหมวงศ์ 8.5.4 สำ� หรบั การสอนแบบบรรยาย 7) หากสงั เกตวา่ นกั เรยี นคนใดมปี ญั หา ด�ำเนินตามข้ันตอน 5 ข้ัน คือ (1) สอบก่อนเรียน ระหวา่ งการทดสอบ อยา่ ใหค้ วามสนใจเป็นพิเศษ แต่ (2) นำ� เขา้ สูบ่ ทเรยี น (3) ใหน้ ักเรียนท�ำกจิ กรรมกลุ่ม ให้บนั ทกึ พฤตกิ รรมไวเ้ พ่ือจำ� มาซกั ถามและพูดคยุ กับ (4) สรปุ บทเรียน (ครสู รปุ เองหรอื ใหน้ กั เรียนชว่ ยกัน นักเรยี นในภายหลงั สรปุ กไ็ ด้ ท้งั นี้ตอ้ งดตู ามทกี่ ำ� หนดไวใ้ นแผนการสอน) 9.1.2 บทบาทของครูภาคสนามกับ และ (5) สอบหลังเรยี น นกั เรียนทง้ั ชัน้ 9. บทบาทของครูขณะก�ำลังทดสอบ 1) ปฏบิ ัตติ ามขอ้ เสนอแนะ ท่ีน�ำเสนอ ประสิทธิภาพสอื่ หรือชุดการสอน ทง้ั 7 ข้อ 9.1.1 บทบาทของครใู นขณะทดสอบ 2) ครตู อ้ งพยายามอธบิ ายประเดน็ ตา่ งๆ แบบเดยี่ วและแบบกลุ่ม ท่ตี ้องการจะบอกนักเรยี นอย่างชดั เจน ในขณะท่ีก�ำลังทดสอบประสิทธิภาพสื่อ 3) เมื่อบอกให้นักเรียนลงมือประกอบ หรือชดุ การสอน ครูควรปฏิบตั ิดังน้ี กจิ กรรมแลว้ ครตู อ้ งหยดุ พดู เสยี งดงั หากประสงคจ์ ะ 1) ตอ้ งคอยสงั เกตและบนั ทกึ พฤตกิ รรม ประกาศอะไรต้องรอจนเปลี่ยนกลุ่ม หรือไปพูดกับ ของนกั เรยี นอยา่ งใกลช้ ดิ เพอ่ื ดวู า่ นกั เรยี นทำ� หนา้ ฉงน นกั เรยี นคนนน้ั หรอื กลมุ่ นนั้ ดว้ ยเสยี งทพี่ อไดย้ นิ เฉพาะ เงยี บหรอื สงสยั ประการใด ครู กบั นักเรียนครูต้องไมพ่ ดู มากโดยไม่จำ� เป็น 2) สงั เกตและปฏสิ มั พนั ธ์ (Interaction 4) ขณะทน่ี กั เรยี นประกอบกจิ กรรม ครู Analysis) ของนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตปฏิบัติ จะต้องเดินไปตามกลุ่มต่างๆ เพ่ือสังเกตพัฒนาการ สมั พนั ธท์ ม่ี ผี พู้ ฒั นาขน้ึ แลว้ เชน่ Flanders Interaction ของนกั เรยี นดกู ารทำ� งานของสมาชกิ ในกลมุ่ ความเปน็ Analysis (FIA), Brown Interaction Analysis ผนู้ �ำผตู้ ามและอาจใหค้ วามชว่ ยเหลอื นกั เรยี นกลมุ่ ใด (BIA), Chaiyong Interaction Analysis (CIA) หรอื คนใดท่มี ีปญั หา แต่ไมค่ วรไปน่ังเฝา้ กลุ่มใดกลุ่ม 3) พยายามรกั ษาสขุ ภาพจติ ไมค่ าดหวงั หน่งึ โดยเฉพาะ เพราะจะท�ำใหน้ กั เรียนอดึ อัด เครียด หรือเครียดกับความเหน็ดเหน่ือยที่ทุ่มเทในการผลิต หรอื บางคนอาจแสดงพฤติกรรมเขื่องเพอื่ อวดครู ชดุ การสอน หรอื เครยี ดกบั การเกรงวา่ ผลการทดสอบ 5) เม่ือจะให้นักเรียนเปลี่ยนกลุ่ม ครู ประสิทธิภาพจะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีต้ังไว้ เกรงว่า ควรช้ีแจงให้นักเรียนเดินช้าๆ ไม่ต้องรีบเร่ง และให้ จะไม่ได้รบั ความรว่ มมอื จากนกั เรียน หัวหน้าเก็บส่ือการสอนใส่ซองไว้ให้เรียบร้อยก่อน 4) สรา้ งบรรยากาศอบอนุ่ และเปน็ กนั เอง เปล่ียนไปกลุ่มอ่ืนๆ ห้ามหยิบชิ้นส่วนใดติดมือไป ครูต้องเป็นกันเองกับนักเรียน เวลาสอบก่อนเรียน ยกเว้น “แบบฝึกปฏิบัติ” หรือ “กระดาษค�ำตอบ” ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส สรา้ งบรรยากาศทนี่ กั เรยี นจะแสดงออก ประจำ� ตัวของนักเรยี นเอง เสรี ไมท่ �ำหนา้ เครง่ ขรึมจนนักเรยี นกลัว 6) การเปลยี่ นกลุ่มกระท�ำได้ 3 วิธี คือ 5) ต้องชี้แจงว่าการสอบคร้ังน้ีไม่มีผล (1) เปลี่ยนพร้อมกันทุกกลุ่มหากท�ำกิจกรรมเสร็จ ตอ่ การสอบไล่ปกติของนกั เรียนแตป่ ระการใด พร้อมกัน (2) กลุ่มใดเสร็จก่อนให้ไปท�ำงานในกลุ่ม 6) ปลอ่ ยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาและประกอบ สำ� รอง (3) หากมี 2 กลมุ่ ทำ� เสรจ็ พรอ้ มกนั กใ็ หเ้ ปลย่ี น กจิ กรรมจากสอ่ื หรอื ชดุ การสอนตามธรรมชาติ โดยทำ� กนั ทนั ที ทวี า่ ครูไมไ่ ด้สนใจจบั ผิดนักเรยี น ด้วยการท�ำทที ำ� งาน หรอื อา่ นหนังสอื 16
6) วากรสาารรเศปิลลปาี่ยกนรศกกึ ลษา่มุ ศกาสรตะรว์ ทจิ ยัาํ ได้ 3 วิธี คือ (1) เปลี่ยนพร้อมกนั ทุกกลุ่มหากทกาํ ากรทิจดกสรอบรปมรเะสสิทรธ็จภิ พาพรส้อือ่ มหรือชดุ การสอน ปกที ี่ นั5 ฉ(บ2ับ)ทกี่ 1ล(ุ่มมกใรดาคเมสร- ็มจถิ กนุ ่อายนน 2ใ5ห56ไ้ )ปทาํ งานในกลุ่มสาํ รอง (3) หากมี 2 กลุ่มทาํ เสร็จพร้อมกนั ชกยั ็ ยงค์ พรหมวงศ์ ใหเ้ ปลี่ยนกนั ทนั ที 7) สหร้นิ่วลสมงั ุดมจลืาอกง7แก)ลขา ะรอหปทใลหรดังะ้แสจสสอาดบบกงคปคกวรวาาะามรสมสทิชทาํด่ืนธเรชสิภ็จมาอใพทนบ่นีสกปิ้กันารรเสระเุรียดสียนลินทงใหจธขาค้ิภอกวใาาสหพมื่อแ้ หสรดปืองฏชคบิ ุดวตั ากผิ มาลชร ติ สื่นสอช1อ่ื นม.ห ทร่ีนอนื ช�ำกั ผดุเรกลียางนราสในหอแนค้ ลวคะาวแมรบปบฏฝบิ ึกตั ปดิ งัฏติบอ่ ัตไปิขนอี้ง 8) รห่วามกมทือาํ ไแดล้ ใะหปแ้ รจะง้สผบลคกวาารมทสด�ำสเรอ็จบในหกลางั รเรเีรยียนนใจหาน้ กกัสเ่ือรียนนทกัรเารบียเพนมื่อาใตหรป้ วรจะสโดบยกกาารรณให์ท้คี่เปะ็แนนนกิจกรรมทกุ ชนดิ หครวือาชมดุสกาํ าเรร็จส8อ)น หากทำ� ได้ ใหแ้ จง้ ผลการทดสอบหลงั แลว้ หาคา่ เฉลี่ยและทำ� เป็นรอ้ ยละ 2. นำ� ผลการสอบหลงั เรยี นมาหาคา่ เฉลยี่ เรยี นใหน้ กั เรยี นทราบเพอ่ื ใหป้ ระสบการณท์ เี่ ปน็ ความ และทำ� เปน็ ค่าร้อยละ สำ� เร็จ 3. น�ำผลการสอบก่อนเรียนและหลัง 10. ส่ิงทคี่ วรปฏ1บิ0ัต. ิหสลง่ิ งัททค่ี ดวรลปอฏบบิ ปตั รหิ ะลสงัิททธดิภสาอพบประสทิ ธภิ าพ เรียนมาเขียนแผนภูมิเปรียบเทียบเพ่ือเป็นส่วนหนึ่ง กลุ่มฝึกปชฏดุ เิกบมาตัื่อริผทสลอ าํ ิตกนาเสเสรม่ือทร่ือหจ็ ดทแรลลื�ำออกว้ชบาุดครปกรทผูราดระสู้ สสสอออิทนบนแธปลิภคระาะวสพสรมสปิทา่ือฏธชิภหิบกิ าใตรั พนือิดกสชงั ล่ือตุดมุ่ห่อกฝไราือกึปร1สน5้อี (ขนหอเาสงกกรม็จา)ี แรดบลังว้รตรคัวยอราูผยยสู่า้ ผงอลนกแาลระสสอมนาแชิลกใะนจัดนิทรรศการ 1. นาํ ผลงานและแบบฝึกปฏิบตั ิของนกั เรียนมาตรวจ โดยการใหค้ ะแนนกิจกรรมทุกชนิด แลว้ หาค่าเฉลี่ยและทาํ เป็นร้อยละ 2. นาํ ผลการสอบหลงั เรียนมาหาค่าเฉลี่ยและทาํ เป็นค่าร้อยละ 3. นาํ ผลการสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนมาเขียนแผนภูมิเปรียบเทียบเพื่อเป็ นส่วนหน่ึง ของการบรรยายผลการสอนและจดั นิทรรศการ(หากมี) ดงั ตวั อยา่ ง 4. นาํ ส่ือการสอน ซ่ึงมีบตั รคาํ สั่ง บตั รสรุปเน้ือหา บตั รเน้ือหา บตั รกิจกรรม ภาพชุด 17 ฯลฯ มาปรับปรุงแกไ้ ขใหด้ ีข้ึน
วารสารศิลปากรศกึ ษาศาสตร์วจิ ยั การทดสอบประสิทธภิ าพสื่อหรอื ชดุ การสอน ปที ี่ 5 ฉบับท่ี 1 (มกราคม - มถิ นุ ายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ 4. นำ� ส่ือการสอน ซึง่ มีบัตรค�ำสงั่ บตั ร 1) นกั วชิ าการรนุ่ หลงั นำ� แนวคดิ ทดสอบ สรุปเนื้อหา บัตรเนอ้ื หา บัตรกจิ กรรม ภาพชดุ ฯลฯ ประสิทธภิ าพทพ่ี ฒั นาโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ มาปรับปรงุ แก้ไขให้ดขี ้ึน พรหมวงศ์ เมื่อพ.ศ. 2516 และได้เผยแพรอ่ ยา่ งตอ่ 11. การยอมรบั หรอื ไมย่ อมรบั ประสทิ ธภิ าพ มาตงั้ แต่ พ.ศ. 2520 มาเป็นของตนเอง โดยเขยี น เมื่อทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุด เป็นบทความหรือต�ำราแล้วไม่มีการอ้างอิง มีจ�ำนวน เสกราือ่ ารหจสระออื ยนชอภุดมากคราสับรนสปาอรมนะแกสลับิท้วEธเิภ1ท/าEียพ2บหทค่าต่ีรือ้งั Eเไก1ม/ณE่ ฑ2ก์ไทาวรีห่้ ยเาพไอ่อืดมด้จราวู ับก่า มากกว่าร้อยรายการ ท�ำให้นิสิตนักศึกษารุ่นหลัง ไม่ทราบที่มาของการทดสอบประสิทธิภาพ จึงท�ำ ให้มีเป็นจ�ำนวนมากที่อ้างว่าเป็นตนเจ้าของทฤษฎี ประสิทธภิ าพใหถ้ อื คา่ ความแปรปรวน 25–5% อาทิ Eแบ1/บEศ2ูนบยา์กงาสร�เำรนียักนพิมขพอง์ไศดา้นส�ำตครวาาจมารรู้เยร์ ื่อดงรก.ชารัยสยองนค์ น่ันคือประสิทธิภาพของสื่อหรือชุดการสอนไม่ควร ต่�ำกว่าเกณฑ์เกิน 5% แต่โดยปกติเราจะก�ำหนดไว้ พรหมวงศ์ ไปพิมพ์เผยแพร่ ต้ังแต่ พ.ศ. 2539 2.5%อาทิ เราต้งั เกณฑป์ ระสทิ ธิภาพไว้ 90/90 เมือ่ และมีรายได้มหาศาล โดยไม่อ้างว่า ศาสตราจารย์ ทดสอบประสิทธิภาพแบบ 1:100 แล้ว ส่ือหรือ ดร.ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ เป็นผพู้ ัฒนาขนึ้ ชดุ การสอนนนั้ มปี ระสทิ ธผิ ล 87.5/87.5 เรากส็ ามารถ ฝแนรั่งวคเชดิ น่ Mระaบ2st)วุe ่าryกนาLกัรeหวaิชาrปาnกiรnาะgรสนิทขำ� อธ ิภงEา1Bพ/EloE2 o1 m/Eไป2 เเปก็นดิ ขจอากง ยอมรบั ได้ว่าสือ่ หรอื ชดุ การสอน นน้ั มีประสิทธภิ าพ 3) นักวิชาการไม่เข้าใจหลักการของ การยอมรับประสิทธิภาพของสื่อหรือ ชดุ การสอนมี 3 ระดับ คือ (1) สงู กวา่ เกณฑ์ (2) เทา่ เกณฑ์ (3) ตำ่� กวา่ เกณฑ์ แต่ยอมรับวา่ มีประสิทธภิ าพ การตง้ั เกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพ เชน่ เสนอแนะใหต้ งั้ เกณฑ์ (โปรดดบู ทที่ 6 ระบบการสอนแผนจุฬา) ไแภวลาต้คว้ �ำ่ภ เมูม(เใิ่อื ชจหว่นา่าคEส่าอื่1/EหE1ร2/อื E=ช27ดุ ไ0กด/า้7สร0สูง)กอวนหา่ขลอกงั งป็จตารนกะมกตปีา้งั ศเรกะดณสว้ ทิยฑธคไ์ ภิววาา้ตพม่�ำ 12. ปญั หาจากการทดสอบประสทิ ธภิ าพ การประเมินประสิทธิภาพตามระบบการ สอน “แผนจฬุ า” ท่ยี ดึ แนวทางประเมินแบบสามมิติ มากกวา่ เกณฑ์ ซึ่งทีจ่ ริงเป็นเพราะตนเองต้งั เกณฑ์ไว้ คือ (1) การหาพัฒนาการทางการเรียนคือผู้เรียนมี ต�่ำไปแทนที่จะปรับเกณฑ์ให้สูงขึ้นอันเป็นผลจาก ความรเู้ พมิ่ ขนึ้ อยา่ งมนี ยั สำ� คญั (2) การหาประสทิ ธภิ าพ คณุ ภาพของส่อื หรือชดุ การสอน ทวิผลคือ กระบวนการควบคู่ผลลัพธ์โดยก�ำหนดค่า หE2รืทอง้ัแสตอก งตคา่่า4คง)วก รันไดไอมใ้ ยก่เ่ขลางา้เ้ คใไจมยี คง่มวกีนานั มัยกสสลัม�ำา่ พควัคญันอืธทข์ คี่รอา่ะงแดปEับร1ปแร.0ลวน5ะ EปfรfะicสiทิenธcิภyาพofเปP็นrodEu1c/tEs)2 (Efficiency of Process/ เพอื่ หาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง (แตกต่างกันได้ไม่เกิน ±2.5 Eข1อไมงคส่ งู่ากวEา่ 1คา่แผลละลพั Eธ2์ ผลการเรยี นทเ่ี ปน็ กระบวนการและผลการเรยี นทเี่ ปน็ ซง่ึ จะมผี ลทำ� ใหค้ า่ กระบวนการ ผลลัพธ์ และ (3) การหาความพงึ พอใจของครแู ละ E2 เกินร้อยละ 5 ผู้เรียน โดยการประเมินคุณภาพของส่ือหรือชุดการ สอนที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้สอนและผู้เรียน หลังจากเวลาผา่ นไปมากกว่า 30 ปี พบปัญหาทีพ่ อ 5) บางคนเขียนเผยแพร่ใน website สรุปได้ ดังนี้ หวา่รือคก่าิจกEร1รคมวปรรมกาตกิจกะวงา่่ายEก2ว่าเพการราสะกอาบรทถำ� ือแเบปบ็นฝคกึ วหามดั 18
วารสารศลิ ปากรศึกษาศาสตรว์ ิจัย การทดสอบประสทิ ธภิ าพสอ่ื หรือชดุ การสอน ปีท่ี 5 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม - มถิ ุนายน 2556) ชัยยงค์ พรหมวงศ์ อใเขหา้าน้จใจกัจะทเรงไ่ี ยี่ามยนถ่ เทูกพำ� ตรงอ้า่ายะงเไหปป็านหกกาคากา่รควEา่ ัด1Eคส2วูงสามงูแกรสู้คแ็ ดสวงาดวม่างจวก�ำา่ จิมขกาอ้ กรสรกมอวทบ่า่ี ตามความมงุ่ หมายแตล่ ะขอ้ และทุกข้อของบทเรียน ดงั นนั้ ครตู อ้ งปรบั กจิ กรรมใหต้ รงตามระดบั พฤตกิ รรม โปรแกรมนั้น….” ทตี่ ัง้ ไว้ในวัตถปุ ระสงค์ เรียนจาก พฤสตว่ นิกรEร1ม/Eต2่อเเนนน้่ือกงาครือเปกรรียะบบเวทนียกบาผรลกกาับร พฤติกรรมสุดท้ายคือ ผลลัพธ์ ดังน้ัน แนวคิดของ 6) แบตา่สงูตครนยเปังคลงี่ยเนดิมE1บ/Eา2งคเปน็นยังPค1ง/ใPช2้ Eมา1/ตEรฐจางึนมจี9ดุ0เ/น9น้0ตท่าี่เงนก้นบั คกวนั าม9ส0ัม/9พ0นั ธS์ขtอanงdพaฤrตdิกหรรรมือ หรืออักษรอ่ืน Eเป1น็/E2Yแตแเ่ทปนลทีย่ ี่จนะสใชูต้รFเชแ่นละเปอลา้ ง่ยี สนิทFธวิ ใา่ นตสนูตเอรขงคอิดงขEึ้น2 สุดท้ายของนักเรยี น กับการบรรลวุ ัตถุประสงคแ์ ตล่ ะ โบซปับารงซแข้อก้ึนนรใขชมึ้น้คEอบ1ม/าพEงคิว2 นเตพนอัฒ�ำรหน์ าาทสE้ังูตห1/รมEขด2้ึนนใไ้ีหปกมค็ห�ำ่ในหาไว้แดณล้พโด้นดูสยจลาใับกช้ ขอ้ และทุกข้อของบทเรียน แมจ้ ะใช้ 90/90 80/80 หากไมเ่ น้นกระบวนการกบั ผลลัพธ์ กจ็ ะน�ำไปแทนคา่ E1/E2 ไม่ได้ การละเมดิ ลขิ สทิ ธไ์ิ ปไมเ่ พราะแนวคดิ การประเมนิ แบบ กจิ กรรม ทดรว.ผิ ชลยั คยืองคE์ พ1/รEห2มเวปงน็ ศร์ ะพบฒั บนคาวขาึ้นมคิดท่ี ศาสตราจารย์ 1. โปรดทดสอบประสทิ ธภิ าพหาประสทิ ธภิ าพ วา่ น �ำมา7จ)า กคน่ากั วSชิtaาnกdาaรrบdาง9ค0น/โ9ย0งกใานรคหวาาคมา่ เEป1็น/ ของสื่อหรือชุดการสอนท่ีท่านสร้างขึ้นตามล�ำดับ มาตรฐาน 90/90 เปน็ การหาประสิทธิภาพของ 1:1 1:10 และ 1:100 แล้วหาค่าประสิทธิภาพ จEร2งิ ของการทดสอบประสทิ ธิภาพทัง้ 3 ครั้งเพื่อเทยี บกับ เกณฑ์ พร้อมท้ังเขียนแผนภูมิแสดงความก้าวหน้า บทเรียนแบบโปรแกรม (บทเรียนส�ำเร็จรูป) ที่มีการ ของนกั เรยี นหาคะแนนสอบก่อนและหลงั เรยี น พัฒนาบทเรียนแบบเป็นกรอบหรือ Frame แนวคิด 2. หลังจากทดสอบประสิทธิภาพแล้ว คือ 90 ตัวแรก หมายถงึ บทเรยี น 1 Frame ตอ้ งมี โปรดถามความรู้สึกของนักเรียนต่อการเรียนจาก นกั เรยี นทำ� ใหถ้ กู ตอ้ ง 90 คน สว่ น 90 ตวั หลงั นกั เรยี น ห้องเรยี นแบบศนู ย์การเรียนโดยใชค้ ำ� ถาม ตอ่ ไปน้ี 1 คน จะต้องท�ำบทเรียนได้ถูกตอ้ ง 90 ขอ้ เรยี กวา่ 1. นักเรียนชอบวิธีการเรียนแบบนี้ มาตรฐาน 90/90 ผทู้ ค่ี ดิ ระบบการประเมนิ ประสทิ ธภิ าพ หรือไม่ โปรดยกเหตผุ ล ของบทเรยี นแบบยดึ Standard 90/90 คอื นกั จติ วทิ ยา 2. หากมีการสอนแบบศูนย์การเรียนใน ชาวอเมริกันที่พัฒนาบทเรียนแบบโปรแกรม ชื่อ วชิ าอื่นๆ นักเรียนจะร้อู ยา่ งไร ชอบหรอื ไม่ชอบ รองศาสตราจารย์ ดร.เปรือ่ ง กมุ ุท เขียนไว้ในหนังสือ 3. นกั เรียนเห็นว่า บทบาทของนักเรียน ของท่าน และอธิบาย 90/90 Standard ว่า “...90 ควรปฏิบัติอย่างไร จึงจะท�ำให้การเรียนแบบศูนย์ แรกหมายถึง คะแนนเฉล่ียของท้ังกลุ่ม ซ่ึงหมายถึง การเรียนดีข้นึ นกั เรยี นทกุ คน เมอ่ื สอนครงั้ หลงั เสรจ็ ใหค้ ะแนนเสรจ็ 4. ความเห็นอ่นื ๆ ของนกั เรยี น น�ำคะแนนมาหาค่าร้อยละเฉล่ียของกลุ่มจะต้องเป็น 90 หรือสูงกว่า ….90 ตัวที่สองแทนคุณสมบัติ ท่ีว่า ร้อยละของนักเรียนทั้งหมด ได้รับผลสัมฤทธิ์ 19
วารสารศลิ ปากรศกึ ษาศาสตรว์ จิ ยั การทดสอบประสิทธภิ าพส่ือหรือชดุ การสอน ปที ี่ 5 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มถิ ุนายน 2556) ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ เอกสารอา้ งองิ ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2520). ระบบสือ่ การสอน. ส�ำนักพิมพจ์ ุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. หนา้ 135-143. 20
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: