Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว

โครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว

Published by angrymin.error, 2020-04-23 05:53:49

Description: โครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว

Search

Read the Text Version

โครงการปลูกฝงั วธิ ีคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตัวและผลประโยชนส์ ่วนรวม วันท่ี 5 มีนาคม 2563 ณ กศน.ตาบลนาป่า หมทู่ ี่ 7 ตาบลนาปา่ อาเภอเมอื งชลบุรี จังหวดั ชลบุรี กศน.ตาบลนาปา่ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งชลบรุ ี

คำนำ การทุจริตในสังคมไทยส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลและเป็นอุปสรรคสาคัญต่อการพัฒนา ประเทศ รูปแบบการทุจริตจากเดิมท่ีเป็นทุจริตแบบทางตรงไม่ซับซ้อน อาทิ การรับสินบน การจัดซ้ือจัดจ้าง แต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นการทุจริตที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทุจริตเชิงนโยบาย การไม่ แยกแยะ ประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทาให้ส่งผลลบต่อสภาพสังคมไทยและการเป็นแบบอย่างใน เชิงลบ การทจ่ี ะพัฒนาประเทศใหเ้ จรญิ ก้าวหนา้ ประชาชนมีความสุขอย่างย่ังยืน และสามารถพ้นวิกฤตของ โลกท่ีมากับกระแสโลกาภิวัตน์ มีรากฐานมาจากการพัฒนาบุคคลในประเทศน้ัน ๆ ให้เป็นคนดี ซึ่งมีความ เก่ียวข้องโดยตรงกับการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของคนในสังคมโดยเฉพาะ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ซ่ึงได้รับ มอบหมายภารกิจในการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน ใช้อานาจที่ได้รับอย่างซ่ือสัตย์ ต้องดูแล จัดการ ตัดสินใจเกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติชองชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ประชาชนและต่อประเทศชาติ กศน.ตาบลนาป่า จึงได้เล็งเห็นความสาคัญจากเหตุผลข้างต้นดังกล่าว จึงได้ดาเนินการจัดทา โครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม เพ่ือให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับการป้องกนั การทุจรติ คอรปั ชน่ั และสามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ สว่ นรวมได้ ท้ายน้ี กศน.ตาบลนาป่า ต้องขอบคุณ กศน.อาเภอเมืองชลบุรี และผู้ท่ีเกี่ยวข้องท่ีให้คาปรึกษา แนะนาการจัดทาโครงการฯ หากมีข้อบกพร่องประการใด ผู้จัดต้องขออภัยมาไว้ ณ ที่นี้ และจะปรับปรุงให้ดี ย่ิงข้ึนในโอกาสตอ่ ไป กศน.ตาบลนาปา่ มนี าคม 2563

สำรบญั หน้ำ บทที่ 1 บทนา...................................................................................................................................................1 ความเปน็ มา ...............................................................................................................................1 วตั ถุประสงค์...............................................................................................................................1 เปา้ หมาย....................................................................................................................................1 ผลลพั ธ์.......................................................................................................................................2 ดัชนวี ดั ผลสาเร็จของโครงการ.....................................................................................................2 2 เอกสารการศึกษาและรายงานท่เี กย่ี วข้อง ............................................................................................3 ยุทธศาสตร์และจดุ เน้นการดาเนนิ งาน สานกั งาน กศน.ประจาปีงบประมาณ 2563 ………………3 แนวทาง/กลยทุ ธ์การดาเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย ของ กศน.อาเภอเมืองชลบรุ ี……………………………………………………………………………………………………..11 เอกสาร/งานวิจัยที่เกีย่ วข้อง……………………………………………………………………………………………..23 3 วิธีดาเนนิ งาน.......................................................................................................................................32 ประชมุ บคุ ลากรกรรมการสถานศกึ ษา........................................................................................32 จัดตัง้ คณะทางาน ......................................................................................................................32 ประสานงานกบั หนว่ ยงานและบุคคลท่ีเกีย่ วข้อง ........................................................................32 ดาเนินการตามแผน ...................................................................................................................32 สรุปผลและรายงาน ...................................................................................................................33 4 ผลการดาเนนิ งานและการวิเคราะห์ข้อมลู ............................................................................................34 ตอนที่ 1 ข้อมลู สว่ นตัวผู้แบบสอบถามของผเู้ ข้ารับการอบรมในโครงการปลูกฝงั วธิ ีคดิ แยกแยะ ผลประโยชน์สว่ นตวั และผลประโยชน์ส่วนรวม..............................................................34 ตอนท่ี 2 ข้อมลู เก่ียวกบั ความคดิ เห็นที่มีต่อโครงการปลูกฝงั วิธคี ิดแยกแยะ ผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชน์ส่วนรวม..............................................................36 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ.................................................................................................38 สรุปผล ......................................................................................................................................39 อภิปรายผล................................................................................................................................39 ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................39 บรรณานุกรม ภาคผนวก

ค สำรบญั ตำรำง ตำรำงที่ หน้ำ 1 แสดงคา่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามเพศ……………………………... 32 2 แสดงคา่ รอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอายุ…………………………….. 32 3 แสดงค่าร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอาชพี …………………………… 33 4 ตารางที่ 4 แสดงค่ารอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามระดับการศึกษา.. 33 5 ตารางท่ี 5 ผลการประเมินโครงการปลกู ฝงั วิธีคดิ แยกแยะผลประโยชน์สว่ นตวั และ ผลประโยชน์ส่วนรวม…………………………………………………………………….… 34 6 ตารางที่ 6 ผ่านการฝกึ อบรมได้นาความรไู้ ปใช้จริง……………………………………………… 35

บทที่ 1 บทนำ ควำมเปน็ มำ การทจุ ริตในสังคมไทยสง่ ผลเสยี ตอ่ ประเทศอยา่ งมหาศาลและเปน็ อุปสรรคสาคญั ต่อการพัฒนา ประเทศ รูปแบบการทจุ ริตจากเดิมทเ่ี ป็นทุจริตแบบทางตรงไมซ่ บั ซ้อน อาทิ การรบั สินบน การจดั ซือ้ จดั จา้ ง แต่ในปัจจบุ ันไดป้ รบั เปลี่ยนเปน็ การทุจรติ ทซ่ี ับซ้อนมากขึ้น ตัวอยา่ งเชน่ การทจุ ริตเชิงนโยบาย การไม่ แยกแยะ ประโยชน์ส่วนตนกับประโยชนส์ ว่ นรวม ทาใหส้ ง่ ผลลบต่อสภาพสังคมไทยและการเปน็ แบบอยา่ งใน เชิงลบ การทจี่ ะพฒั นาประเทศให้เจรญิ ก้าวหน้า ประชาชนมคี วามสขุ อย่างยัง่ ยืน และสามารถพน้ วกิ ฤตของ โลกท่ีมากับกระแส โลกาภิวัตน์ มรี ากฐานมาจากการพัฒนาบุคคลในประเทศนั้น ๆ ใหเ้ ป็นคนดี ซงึ่ มคี วามเก่ยี วข้องโดยตรงกบั การพฒั นาคุณธรรมจรยิ ธรรมของคนในสังคมโดยเฉพาะ “เจา้ หน้าท่ขี องรฐั ” ซ่งึ ไดร้ บั มอบหมายภารกิจใน การใหบ้ ริการสาธารณะแก่ประชาชน ใช้อานาจทไี่ ด้รบั อยา่ งซ่ือสัตย์ ตอ้ งดูแล จดั การตัดสนิ ใจเกย่ี วกบั การ ให้บริการสาธารณะ การจดั การทรัพยากรธรรมชาติชองชาตใิ หเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและต่อ ประเทศชาติ กศน.ตาบลนาปา่ จึงได้เลง็ เห็นความสาคญั จากเหตผุ ลขา้ งตน้ ดังกล่าว จงึ ไดด้ าเนนิ การจัดทา โครงการปลกู ฝงั วธิ คี ดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชน์สว่ นรวม เพือ่ ให้ผ้เู ข้าอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับการปอ้ งกันการทุจริตคอรัปชั่น และสามารถแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชน์ สว่ นรวมได้ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้ผเู้ ข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั การป้องกันการทุจรติ คอรัปชั่น 2. เพอื่ ใหผ้ ู้เข้ารบั การอบรมสามารถแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตัวและผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ เปำ้ หมำย เชงิ ปริมำณ มีผเู้ ขา้ รว่ มโครงการฯ จานวน 15 คน เชิงคุณภำพ ประชาชนตาบลนาป่า มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับการปอ้ งกนั การทุจรติ คอรัปชั่นและ สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้

ผลลัพธ์ ประชาชนในเขตพื้นท่ีตาบลนาปา่ รอ้ ยละ 80 มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การ ป้องกันการทจุ ริตคอรัปชั่นและสามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตวั และผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ดัชนตี ัวชี้วัดผลสำเรจ็ ของโครงกำร ตัวช้วี ดั ผลผลติ - มผี ้เู ขา้ ร่วมโครงการฯ ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเป้าหมาย - ผเู้ ข้ารว่ มโครงการฯมีความพงึ พอใจในระดับดีข้นึ ไปไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ตวั ชี้วัดผลลัพธ์ - ผู้เขา้ ร่วมโครงการฯไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 สามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ - ผู้เข้าร่วมโครงการฯสามารถไปขยายผลได้ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 5 ของเป้าหมาย

บทที่ 2 เอกสำรกำรศึกษำและรำยงำนท่ีเกีย่ วขอ้ ง ในการจัดทารายงานโครงการ ครง้ั นี้ ผจู้ ัดทาโครงการปลกู ฝงั วธิ ีคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชน์ ส่วนรวม ไดท้ าการคน้ คว้าเนือ้ หาเอกสารการศึกษาและรายงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์และจุดเนน้ การดาเนนิ งาน สานักงาน กศน.ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2563 2. แนวทาง/กลยุทธก์ ารดาเนินงานการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย ของ กศน. อาเภอเมืองชลบรุ ี 3. การขบั เคลื่อนสู่ กศน. WOW 4. เอกสารงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง - การคดิ แยกแยะผลประโยชน์สว่ นตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวม - แนวทางในการปอ้ งกันการทจุ ริตคอรปั ชน่ั 1.นโยบำยและจดุ เน้นกำรดำเนนิ งำน สำนักงำน กศน.ประจำปงี บประมำณ พ.ศ. 2563 วสิ ัยทศั น์ คนไทยได้รบั โอกาสการศกึ ษาและการเรยี นร้ตู ลอดชีวติ อย่างมีคุณภาพ สามารถดารงชวี ติ ที่เหมาะสม กับชว่ งวยั สอดคลอ้ งกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และมีทักษะทจ่ี าเปน็ ในโลกศตวรรษท่ี 21 พันธกจิ 1. จดั และสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่มีคุณภาพ เพอื่ ยกระดับ การศึกษา พัฒนาทักษะการเรียนรู้ของประชาชนทกุ กลุม่ เป้าหมายใหเ้ หมาะสมทุกช่วงวยั พรอ้ มรบั การเปลี่ยนแปลงบรบิ ททางสงั คม และสรา้ งสังคมแห่งการเรียนร้ตู ลอดชีวติ 2 สง่ เสริม สนับสนุน และประสานภาคเี ครอื ข่าย ในการมีสว่ นร่วมจัดการศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศัย และการเรยี นรู้ตลอดชวี ติ รวมทง้ั การดาเนินกิจกรรมของศูนย์การเรยี นและแหล่ง การเรียนร้อู ื่น ในรูปแบบตา่ ง ๆ 3. สง่ เสริมและพัฒนาการนาเทคโนโลยีทางการศึกษา และเทคโนโลยีดิจทิ ลั มาใชใ้ ห้เกิด ประสิทธิภาพในการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยใหก้ บั ประชาชนอย่างทั่วถึง 4.พฒั นาหลกั สตู รรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ส่ือและนวตั กรรม การวดั และประเมินผลในทกุ รปู แบบให้สอดคล้องกบั บริบทในปจั จุบนั 5. พัฒนาบุคลากรและระบบการบรหิ ารจดั การให้มปี ระสิทธิภาพ เพ่อื มุ่งจดั การศึกษาและ การเรยี นร้ทู มี่ ีคณุ ภาพ โดยยดึ หลกั ธรรมาภบิ าล เป้ำประสงค์ 1. ประชาชนผดู้ อ้ ย พลาด และขาดโอกาสทางการศึกษา รวมทัง้ ประชาชนทัว่ ไปไดร้ ับโอกาส

ทางการศกึ ษาในรปู แบบการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน การศึกษาต่อเนื่อง และการศกึ ษาตาม อัธยาศัย ท่ีมคี ุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เป็นไปตามสภาพ ปญั หา และความตอ้ งการของแตล่ ะ กลุ่มเป้าหมาย 2. ประชาชนได้รบั การยกระดับการศกึ ษา สรา้ งเสรมิ และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และ ความเป็นพลเมือง อันนาไปสกู่ ารยกระดับคณุ ภาพชวี ิตและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน เพื่อพัฒนาไปสู่ ความมนั่ คงและยง่ั ยนื ทางด้านเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม ประวตั ศิ าสตร์ และสงิ่ แวดลอ้ ม 3.ประชาชนได้รับโอกาสในการเรยี นรู้และมเี จตคติทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ี่เหมาะสม สามารถคดิ วเิ คราะห์ และประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวัน รวมทัง้ แกป้ ัญหาและพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ได้อยา่ ง สร้างสรรค์ 4.ประชาชนไดร้ บั การสร้างและส่งเสริมให้มีนสิ ัยรักการอา่ นเพือ่ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 5.ชมุ ชนและภาคีเครือขา่ ยทุกภาคสว่ น รว่ มจดั ส่งเสริม และสนบั สนุนการดาเนนิ งานการศกึ ษานอก ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย รวมทั้งการขบั เคลื่อนกิจกรรมการเรยี นรู้ของชุมชน 6. หนว่ ยงานและสถานศึกษาพัฒนา เทคโนโลยีทางการศกึ ษา เทคโนโลยีดจิ ทิ ัล มาใช้ ในการยกระดบั คุณภาพในการจัดการเรยี นร้แู ละเพม่ิ โอกาสการเรียนรู้ใหก้ บั ประชาชน 7. หน่วยงานและสถานศกึ ษาพฒั นาสื่อและการจดั กระบวนการเรยี นรู้ เพ่ือแก้ปัญหาและพฒั นา คณุ ภาพชวี ติ ทีต่ อบสนองกบั การเปลี่ยนแปลงบริบทด้านเศรษฐกจิ สังคม การเมอื ง วฒั นธรรม ประวัตศิ าสตร์ และสง่ิ แวดลอ้ ม รวมท้ังตามความต้องการของประชาชนและชมุ ชนในรปู แบบท่หี ลากหลาย 8. หน่วยงานและสถานศึกษามีระบบการบรหิ ารจัดการทเ่ี ป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล 9.บคุ ลากรของหนว่ ยงานและสถานศึกษาได้รับการพฒั นาเพื่อเพ่มิ สมรรถนะในการปฏบิ ัตงิ าน การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชวี้ ัด ตัวช้วี ดั เชิงปริมำณ 1. จานวนผูเ้ รียนการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาชัน้ พื้นฐานทไ่ี ด้รบั การสนับสนนุ คา่ ใช้จ่ายตาม สทิ ธทิ ก่ี าหนดไว้ 2. จานวนของคนไทยกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ที่เข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนร้/ู เขา้ รับบรกิ ารกจิ กรรม การศึกษาต่อเน่อื ง และการศึกษาตามอัธยาศยั ทส่ี อดคลอ้ งกับสภาพ ปญั หา และความต้องการ 3. รอ้ ยละของกาลงั แรงงานท่ีสาเร็จการศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ข้ึนไป 4. จานวนภาคเี ครือข่ายที่เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการจัด/พัฒนา/ส่งเสรมิ การศึกษา (ภาคเี ครือข่าย : สถานประกอบการ องค์กร หนว่ ยงานที่มารว่ มจัด/พัฒนา/สง่ เสริมการศึกษา) 5. จานวนประชาชน เดก็ และเยาวชนในพ้นื ท่ีสูง และชาวไทยมอแกน ในพน้ื ท่ี 5 จงั หวัด 11 อาเภอไดร้ ับบริการการศึกษาตลอดชีวิตจากศนู ยก์ ารเรียนชุมชนสงั กดั สานกั งาน กศน. 6. จานวนผรู้ บั บรกิ ารในพ้นื ทเี่ ปา้ หมายได้รบั การส่งเสรมิ ดา้ นการรู้หนังสือและการพัฒนาทกั ษะชวี ิต 7. จานวนนกั เรยี นนักศึกษาท่ีได้รับบริการติวเข้มเต็มความรู้

8. จานวนประชาชนทีไ่ ด้รับการฝึกอาชพี ระยะสน้ั สามารถสรา้ งอาชีพเพือ่ สรา้ งรายได้ 9. จานวน ครู กศน. ตาบล จากพ้ืนที่ กศน.ภาค ได้รบั การพัฒนาศักยภาพด้านการจดั การเรียนการ สอนภาษาอังกฤษเพอื่ การสอื่ สาร 10. จานวนประชาชนท่ีได้รับการฝึกอบรมภาษาตา่ งประเทศเพ่ือการสื่อสารดา้ นอาชีพ 11. จานวนผูส้ ูงอายุภาวะพงึ่ พิงในระบบ Long Term Care มีผ้ดู ูแลทีม่ ีคุณภาพและมาตรฐาน 12. จานวนประชาชนทีผ่ ่านการอบรมจากศนู ย์ดิจิทลั ชมุ ชน 13. จานวนศูนยก์ ารเรียนชมุ ชน กศน. บนพ้นื ท่สี งู ในพ้ืนท่ี 5 จังหวดั ทีส่ ง่ เสริมการพัฒนาทักษะการ ฟัง พูดภาษาไทยเพื่อการส่ือสาร ร่วมกันในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ตชด. และกศน. 14. จานวนบุคลากร กศน. ตาบลทสี่ ามารถจัดทาคลังความรู้ได้ 15. จานวนบทความเพ่ือการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ในระดบั ตาบลในหัวขอ้ ต่าง ๆ 16. จานวนหลักสูตรและส่ือออนไลน์ท่ีใหบ้ ริการกับประชาชน ท้ังการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน การศกึ ษาต่อเนื่อง และการศึกษาตามอัธยาศยั ตัวชว้ี ัดเชิงคณุ ภำพ 1. ร้อยละของคะแนนเฉล่ียผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ การศึกษานอกระบบ (N-NET)ทุกรายวชิ าทุกระดับ 2. รอ้ ยละของผู้เรยี นท่ีได้รบั การสนบั สนุนการจดั การศึกษาข้ันพืน้ ฐานเทียบกบั ค่าเปา้ หมาย 3. ร้อยละของประชาชนกลุ่มเป้าหมายท่ลี งทะเบียนเรยี นในทุกหลักสูตร/กจิ กรรมการศึกษา ต่อเนอื่ งเทยี บกับเป้าหมาย 4. ร้อยละของผูผ้ า่ นการฝึกอบรม/พัฒนาทักษะอาชพี ระยะส้นั สามารถนาความรไู้ ปใช้ ในการประกอบอาชีพหรอื พฒั นางานได้ 5. รอ้ ยละของผูเ้ รียนในเขตพื้นทีจ่ งั หวัดชายแดนภาคใต้ที่ไดร้ บั การพฒั นาศักยภาพ หรอื ทกั ษะด้าน อาชพี สามารถมงี านทาหรอื นาไปประกอบอาชีพได้ 6. ร้อยละของผ้จู บหลักสูตร/กจิ กรรมท่สี ามารถนาความรคู้ วามเขา้ ใจไปใช้ไดต้ ามจดุ มุ่งหมาย ของหลกั สตู รกจิ กรรม การศึกษาต่อเนื่อง 7. รอ้ ยละของประชาชนที่ไดร้ ับบรกิ ารมีความพงึ พอใจตอ่ การบรกิ าร/เข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ การศึกษาตามอัธยาศยั 8. ร้อยละของประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับบริการ/ข้าร่วมกจิ กรรมท่มี คี วามรคู้ วามเข้าใจ/เจตคติ ทักษะ ตามจดุ มงุ่ หมายของกิจกรรมท่ีกาหนด ของการศึกษาตามอัธยาศยั 9. ร้อยละของนกั เรยี น/นักศึกษาที่มีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนในวชิ าที่ได้รบั บรกิ ารติวเข้มเต็มความรู้ เพิ่มสงู ขึน้ 10. รอ้ ยละของผสู้ ูงอายทุ เ่ี ปน็ กล่มุ เปา้ หมาย มีโอกาสมาเข้ารว่ มกิจกรรมการศึกษาตลอดชวี ติ นโยบำยเรง่ ดว่ นเพ่ือร่วมขบั เคลือ่ นยุทธศำสตรก์ ำรพฒั นำประเทศ 1.ยุทธศำสตรด์ ้ำนควำมมั่นคง 1.1 พฒั นาและเสริมสรา้ งความจงรกั ภักดตี อ่ สถาบันหลกั ของชาติ โดยปลกู ฝงั และ

สรา้ งความตระหนักรถู้ ึงความสาคัญของสถาบันหลกั ของชาติ รณรงคเ์ สริมสร้างความรักและความภาคภูมิใจใน ความเป็นคนไทยและชาติไทย นอ้ มนาและเผยแพร่ศาสตรพ์ ระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงรวมถึง แนวทางพระราชดารติ า่ ง ๆ 1.2 เสริมสร้างความรู้ความเขา้ ใจท่ถี กู ตอ้ ง และการมสี ่วนรว่ มอยา่ งถกู ตอ้ งกับการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข ในบรบิ ทของไทย มีความเป็น พลเมอื งดี ยอมรับและเคารพความหลากหลายทางความคดิ และอดุ มการณ์ 1.3 สง่ เสริมและสนบั สนนุ การจดั การศึกษาเพอ่ื ป้องกันและแก้ไขปญั หาภยั คุกคาม ในรูปแบบใหม่ ท้งั ยาเสพตดิ การคา้ มนษุ ย์ ภยั จากไซเบอร์ ภัยพิบัติจากธรรมชาติ โรคอุบัตใิ หม่ ฯลฯ 1.4 ยกระดับคณุ ภาพการศึกษาและสร้างเสรมิ โอกาสในการเขา้ ถึงบริการการศึกษา การพัฒนาทักษะ การสร้างอาชีพ และการใช้ชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรม ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัด ชายแดนภาคใต้ และพน้ื ทชี่ ายแดนอ่นื ๆ 1.5 สรา้ งความรู้ ความเข้าใจในขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วัฒนธรรมของประเทศ เพ่ือนบ้านยอมรับและเคารพในประเพณี วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ และชาวต่างชาติท่ีมีความหลากหลาย ในลักษณะพหุสังคมท่อี ยรู่ ่วมกนั 2 ยุทธศำสตร์ด้ำนกำรสร้ำงควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขัน 2.1 เร่งปรับหลักสูตรการจัดการศึกษาอาชีพ กศน. เพื่อยกระดับทักษะด้านอาชีพของประชาชนให้ เป็นอาชีพที่รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (First S - curve และ New S-curve) โดยบูรณาการ ความร่วมมอื ในการพฒั นาและเสรมิ ทกั ษะใหมด่ ้านอาชีพ (Upskill & Reskill) รวมถึงมุง่ เน้นสรา้ งโอกาสในการ สร้างงาน สร้างรายได้ และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงานทั้งภาคอุตสาหกรรมและการบริการ โดยเฉพาะในพ้นื ทเ่ี ขตระเบยี งเศรษฐกิจ และเขตพัฒนาพิเศษตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศสาหรับพ้ืนท่ีปกติ ให้พัฒนาอาชพี ทเ่ี น้นการตอ่ ยอดศักยภาพและตามบรบิ ทของพ้ืนที่ 2.2 จดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาพืน้ ที่ภาคตะวันออก ยกระดบั การศึกษาให้กับประชาชนใหจ้ บ การศึกษาอย่างน้อยการศึกษาภาคบังคับ สามารถนาคุณวุฒิท่ีได้รับไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมท้ัง พัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพตามความต้องการของประชาชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ตอบสนองต่อ บริบทของสังคมและชมุ ชน รวมทง้ั รองรับการพฒั นาเขตพนื้ ทร่ี ะเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 2.3 พัฒนาและส่งเสริมประชาชนเพ่อื ตอ่ ยอดการผลิตและจาหน่ายสนิ ค้าและผลิตภณั ฑ์ ออนไลน์ 1) เรง่ จดั ตง้ั ศูนย์ให้คาปรึกษาและพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ Brand กศน.เพ่ือยกระดับคุณภาพ ของสนิ ค้าและผลติ ภณั ฑ์ การบริหารจัดการทค่ี รบวงจร (การผลิต การตลาด การสง่ ออก และสร้างชอ่ งทาง จาหนา่ ย) รวมทงั้ ส่งเสริมการใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ในการเผยแพร่และจาหนา่ ยผลิตภัณฑ์ 2) พัฒนาและคดั เลือกสุดยอดสินค้าและลิตภัณฑ์ กศน. ในแตล่ ะจงั หวดั พร้อมทงั้ ประสาน ความร่วมมอื กับสถานบี ริการน้ามนั ในการเปน็ ซอ่ งทางการจาหน่ายสดุ ยอดสินคา้ และผลติ ภัณฑ์ กศน. ใหก้ ว้างขวางยิง่ ขึ้น

3 ยุทธศำสตร์กำรพัฒนำและเสริมสร้ำงศักยภำพทรัพยำกรมนุษย์ 3.1 พัฒนาครูและบุคลากรที่เก่ียวข้องกับการจัดกิจกรรมและการเรียนรู้ เป็นผู้เช่ือมโยงความรู้กับ ผู้เรียนและผู้รับบริการ มีความเป็น \"ครูมืออาชีพ\" มีจิตบริการ มีความรอบรู้และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของ สังคมและเปน็ \"ผู้อานวยการการเรียนรู้\" ท่สี ามารถบริหารจดั การความรู้ กจิ กรรม และการเรยี นรู้ทีด่ ี 1) เพิ่มอัตราข้าราชการครูให้กับ กศน. อาเภอทุกแห่ง โดยเร่งดาเนินการเร่ืองการหาอัตราตาแหน่ง การสรรหา บรรจุ และแต่งต้ัง ข้าราชการครู 2) พฒั นาข้าราชการครใู นรปู แบบครบวงจร ตามหลักสูตรท่ีเช่อื มโยงกับวิทยฐานะ 3) พัฒนาครู กศน.ตาบลให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นเรื่องการพัฒนาทักษะ การจัดการเรยี นการสอนออนไลน์ ทกั ษะภาษาตา่ งประเทศ ทกั ษะการจดั กระบวนการเรยี นรู้ 4) พัฒนาศกึ ษานเิ ทศก์ ให้สามารถปฏิบัตกิ ารนเิ ทศไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 5) พัฒนาบุคลากร กศน.ทุกระดับทุกประเภทให้มีทักษะความรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลและ ภาษาตา่ งประเทศท่ีจาเป็น 3.2 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ใหม้ ีบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อ้ือต่อการเรียนรู้ มีความพร้อม ในการให้บริการกิจกรรมการศึกษาและการเรียนรู้ เป็นแหล่งสารสนเทศสาธารณะท่ีง่ายต่อการเข้าถึง มี บรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นคาเช่าพ้ืนท่ีการเรียนรู้สาหรับคนทุกช่วงวัย มีสิ่งอานวยความสะดวก มี บรรยากาศสวยงามมีชวี ติ ที่ดึงดดู ความสนใจ และมคี วามปลอดภยั สาหรบั ผู้ใช้บรกิ าร 1) เร่งยกระดับ กศน.ตาบลนาร่อง 928 แห่ง (อาเภอละ 1 แห่ง) ให้เป็น กศน.ตาบล 5 ดี พรีเมี่ยม ที่ประกอบด้วย ครูดี สถานท่ีดี (ตามบริบทของพื้นท่ี) กิจกรรมดี เครือข่ายดี และมีนวัตกรรมการ เรยี นรทู้ ีด่ ีมปี ระโยชน์ 2) จัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ กศน. เพ่ือยกระดับการเรียนรู้ ใน 6 ภูมิภาค เป็นพ้ืนที่การเรียนรู้ (Co - Learning Space) ท่ีทันสมัยสาหรับทุกคน มีความพร้อมในการให้บริการต่าง ๆ อาทิ พ้ืนท่ีสาหรับการ ทางาน/การเรียนรู้ พ้ืนที่สาหรับกิจกรรมต่าง ๆ มีห้องประชุมขนาดเล็ก รวมท้ังทางานร่วมกับห้องสมุด ประชาชนในการให้บริการในรูปแบบห้องสมุดดิจิทัล บริการอินเทอร์เน็ต ส่ือมัลติมีเดีย เพื่อรองรับการเรียนรู้ แบบ Active Learning 3) พัฒนาห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกมุ ารี\" ใหเ้ ป็น Digital Library โดยให้มีบริการหนังสือใน รปู แบบ e - Book บรกิ ารคอมพิวเตอร์ และอนิ เทอรเ์ น็ตความเรว็ สงู รวมท้ัง Free Wifi เพ่อื การสืบคน้ ข้อมูล 3.3 สง่ เสรมิ การจัดการเรียนรทู้ ีท่ นั สมัยและมปี ระสิทธภิ าพ เอ้อื ต่อการเรยี นรูส้ าหรับทุกคน สามารถ เรยี นได้ทุกท่ีทุกเวลา มีกิจกรรมที่หลากลาย นา่ สนใจ สนองตอบความต้องการของชมุ ชน เพอื่ พัฒนาศักยภาพ การเรียนรู้ของประชาชน รวมทง้ั ใชป้ ระโยชน์จากประชาชนในชุมชนในการรว่ มจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ พ่ือ เช่อื มโยงความสมั พันธข์ องคนในชมุ ชนไปสกู้ ารจัดการความรู้ของชุมชนอย่างย่งั ยืน 1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีปลูกฝังคุณธรรม สร้างวินัย จิตสาธารณะ ความรับผิดชอบต่อ ส่วนรวม และการมีจิตอาสา ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมลูกเสือ กศน. กิจกรรมจิตอาสา ตลอดจนสนับสนนุ ใหม้ กี ารจัดกจิ กรรมเพือ่ ปลกู ฝงั คุณธรรม จริยธรรมให้กับบุคลากรในองค์กร

2) จัดให้มหี ลกั สตู รลูกเสือมัคคุเทศก์ โดยให้สานักงาน กศน.จังหวัดทุกแห่ปกทม. จัดตั้งกองลูกเสือ ท่ี ลูกเสือมีความพร้อมด้านทักษะภาษาต่างประเทศ เป็นลูกเสือมัคคุเทศก์จังหวัดละ 1 กอง เพ่ือส่งเสริมลูกเสือ จติ อาสาพัฒนาการทอ่ งเท่ยี วในแต่ละจงั หวัด 3.4 เสริมสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ประสาน ส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสรา้ งความเขา้ ใจ และให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุน และจัดการศึกษาและการเรียนรู้ให้กับ ประชาชนอยา่ งมคี ณุ ภาพ 1) เรง่ จัดทาทาเนียบภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ในแตล่ ะตาบล เพ่ือใชป้ ระโยชน์จากภูมิปัญญาท้องถิน่ ในการสร้างการเรยี นรู้จากองคค์ วามรูใ้ นตัวบคุ คลใหเ้ กิดการถา่ ยทอดภมู ปิ ัญญา สรา้ งคุณค่าทางวัฒนธรรม อยา่ งย่ังยืน 2) สง่ เสริมภมู ิปญั ญาท้องถ่ินสู่การจดั การเรียนรู้ชุมชน 3) ประสานความรว่ มมอื กับภาคเี ครือขา่ ยเพ่ือการขยายและพัฒนาการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกล่มุ อย่างกวา้ งขวางและมคี ุณภาพ อาทิ กลมุ่ ผูส้ ูงอายุ กลมุ่ อสม. 3.5 พัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาเพ่ือประโยชนต์ ่อการจัดการศึกษาและกลมุ่ เป้าหมาย 1) พัฒนาการจัดการศกึ ษาออนไลน์ กศน. ทงั้ ในรูปแบบของการศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนาทักษะ ชวี ติ และทกั ษะอาชีพ การศกึ ษาตามอัธยาศัย รวมทงั้ การพัฒนาชอ่ งทางการคา้ ออนไลน์ 2) สง่ เสริมการใชเ้ ทคโนโลยใี นการปฏิบัตงิ าน การบรหิ ารจัดการ และการจัดการเรียนรู้ 3) สง่ เสริมให้มีการใช้การวิจยั อยา่ งง่ายเพื่อสรา้ งนวตั กรรมใหม่ 3.6 พฒั นาศกั ยภาพคนด้านทักษะและความเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยีดจิ ิทลั (Digital Literacy) 1) พฒั นาความรแู้ ละทักษะเทคโนโลยีดิจทิ ลั ของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อพฒั นา รูปแบบการจดั การเรยี นการสอน 2) ส่งเสรมิ การจดั การเรยี นรดู้ ้านเทคโนโลยดี จิ ิทลั เพ่อื ใหป้ ระชาชนมที ักษะความเข้าใจและ ใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ัลทส่ี ามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวัน รวมทงั้ สร้างรายไดใ้ ห้กับตนเองได้ 3.7 พฒั นาทักษะภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารของประชาชนในรปู แบบตา่ ง ๆ อยา่ งเป็นรปู ธรรม โดยเนน้ ทักษะภาษาเพ่ืออาชีพ ทงั้ ในภาคธุรกิจ การบริการ และการท่องเท่ียว รวมทง้ั พัฒนา สื่อการเรยี นการสอนเพื่อส่งเสริมการใช้ภาษาเพอ่ื การสือ่ สารและการพัฒนาอาชีพ 3.8 เตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผ้สู ูงอายุท่เี หมาะสมและมีคุณภาพ 1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมใหก้ บั ประชาชนเพ่ือสรา้ งความตระหนกั ถึงการเตรยี มพร้อมเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) มคี วามเข้าใจในพัฒนาการของช่วงวยั รวมทงั้ เรียนรู้และมีสว่ นร่วมในการดูแล รบั ผิดชอบผสู้ ูงอายุในครอบครัวและชุมชน 2) พัฒนาการจัดบรกิ ารการศึกษาและการเรียนรูส้ าหรับประชาชนในการเตรยี มความพร้อม เข้าสวู่ ัยสงู อายุที่เหมาะสมและมีคุณภาพ 3) จัดการศึกษาเพื่อพฒั นาคุณภาพชวี ิตสาหรบั ผสู้ ูงอายุภายใตแ้ นวคิด \"Active Aging\"

การศึกษาเพอ่ื พัฒนาคุณภาพชีวติ และพฒั นาทักษะชวี ติ ให้สามารถดูแลตนเองท้งั สุขภาพกายและสุขภาพจิต และรจู้ ักใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยี 4) สรา้ งความตระหนักถงึ คุณคา่ และศกั ด์ิศรขี องผ้สู ูงอายุ เปดิ โอกาสให้มีการเผยแพร่ภมู ิปญั ญาของ ผ้สู งู อายุ และให้มีส่วนรว่ มในกิจกรรมดา้ นต่าง ๆ ในชุมชน เช่น ดา้ นอาชพี กีฬา ศาสนาและวัฒนธรรม 5) จดั การศึกษาอาชพี เพ่ือรองรบั สงั คมผูส้ ูงอายุ โดยบรู ณาการความรว่ มมอื กับหน่วยงาน ทเ่ี กยี่ วข้อง ในทุกระดับ 3.9 การส่งเสรมิ วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ การศึกษา 1) จัดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตรเ์ ชิงรกุ และเนน้ ให้ความรู้วทิ ยาศาสตร์อย่างง่ายกับประชาชนในชุมชนทง้ั วิทยาศาสตรใ์ นวถิ ชี ีวติ และวิทยาศาสตร์ในชีวติ ประจาวนั 2) พฒั นาสื่อนิทรรศการเละรูปแบบการจดั กิจกรรมทางวทิ ยาศาสตรใ์ ห้มีความทันสมัย 3.10 สง่ เสรมิ การร้ภู าษาไทยให้กบั ประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะประชาชนในเขตพื้นท่ีสงู ให้ สามารถฟัง พูด อ่าน และเขยี นภาษาไทย เพือ่ ประโยชนใ์ นการใช้ชวี ิตประจาวนั ได้ 4 ยุทธศำสตร์ตน้ กำรสร้ำงโอกำสและควำมเสมอภำคทำงสงั คม 4.1 จดั ตง้ั ศูนยก์ ารเรยี นร้สู าหรับทกุ ชว่ งวัย ทีเ่ ปน็ ศนู ยก์ ารเรยี นรูต้ ลอดชีวิตที่สามารถให้บรกิ าร ประชาชนได้ทุกคน ทุกช่วงวัย ท่ีมกี จิ กรรมท่ีหลากหลาย ตอบสนองความต้องการในการเรียนร้ใู นแตล่ ะวัยและ เปน็ ศนู ย์บริการความรู้ ศูนยก์ ารจัดกจิ กรรมท่คี รอบคลมุ ทุกชว่ งวยั เพ่ือใหม้ ีพฒั นาการเรียนรทู้ ี่เหมาะสมและมี ความสุขกับการเรยี นรู้ตามความสนใจ 1) เรง่ ประสานกบั สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพอ่ื จดั ทาฐานขอ้ มูลโรงเรียนทถ่ี ูกยุบ รวม หรือคาดวา่ นา่ จะถกู ยบุ รวม 2) ใหส้ านักงาน กศน.จังหวดั ทกุ แห่งที่อยใู่ นจังหวดั ทีม่ โี รงเรียนท่ถี กู ยบุ รวม ประสานขอใช้ พน้ื ที่เพือ่ จัดต้ังศูนย์การเรียนรู้สาหรบั ทกุ ชว่ งวยั กศน. 4.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการจดั การศึกษาและการเรยี นร้สู าหรบั กลุ่มเปา้ หมายผู้พกิ าร 1) จัดการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน การศึกษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชวี ิตและทักษะอาชีพ และการศกึ ษา ตามอธั ยาศัย โดยเนน้ รปู แบบการศกึ ษาออนไลน์ 2) ใหส้ านกั งาน กศน.จังหวดั ทกุ แห่ง/กทม. ทาความร่วมมือกับศนู ย์การศึกษาพิเศษประจา จังหวดั ในการใชส้ ถานที่ วสั ดุอุปกรณ์ และครุภัณฑด์ ้านการศึกษา เพือ่ สนบั สนุนการจดั การศกึ ษาและการ เรยี นรสู้ าหรับกลุ่มเปา้ หมายผู้พิการ 4.3 ยกระดบั การศึกษาให้กบั กลุ่มเปา้ หมายทหารกองประจาการ รวมทั้งกลุ่มเป้าหมาย พเิ ศษอ่ืน ๆ อาทิ ผูต้ ้องขงั คนพิการ เด็กออกกลางคัน ประชากรวัยเรียนทอ่ี ยูน่ อกระบบการศึกษา ให้จบการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พื้นฐาน สามารถนาความรทู้ ี่ไดร้ บั ไปพัฒนาตนเองได้อย่าง ตอ่ เนือ่ ง 4.4 พัฒนาหลกั สูตรการจดั การศึกษาอาชีพระยะสั้น ให้มีความหลากหลาย ทันสมยั เหมาะสมกบั บรบิ ทของพนื้ ท่ี และตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้รับบรกิ าร 5. ยุทธศำสตรด์ ้ำนกำรสร้ำงกำรเติบโตบนคุณภำพชีวติ ที่เปน็ มติ รต่อส่งิ แวดล้อม

5.1 ส่งเสรมิ ใหม้ กี ารให้ความรู้กบั ประชาชนในการรบั มอื และปรบั ตวั เพื่อลดความเสยี หาย จากภยั ธรรมชาติและผลกระทบที่เกีย่ วข้องกบั การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 5.2 สร้างความตระหนักถึงความสาคญั ของการสร้างสงั คมสเี ขียว ส่งเสริมความร้ใู ห้กบั ประชาชน เก่ียวกบั การคัดแยกตงั้ แต่ตน้ ทาง การกาจัดขยะ และการนากลบั มาใช้ช้า เพื่อลดปรมิ าณและตน้ ทนุ ในการ จัดการขยะของเมือง และสามารถนาขยะกลบั มาใช้ประโยชน์ไดโ้ ดยงา่ ย รวมทัง้ การจัดการมลพิษในชุมชน 5.3 ส่งเสริมให้หนว่ ยงานและสถานศกึ ษาใช้พลงั งานที่เปน็ มิตรกบั สงิ่ แวดล้อม รวมทง้ั ลดการใช้ ทรพั ยากรทีส่ ง่ ผลกระทบต่อสง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ รณรงค์เรื่องการลดการใช้ถงุ พลาสตกิ การประหยัดไฟฟ้า เป็นตน้ 6. ยุทธศำสตรด์ ้ำนกำรปรับสมดุลและพัฒนำระบบหำรบรหิ ำรจัดกำรภำครัฐ 6.1 พฒั นาและปรับระบบวิธีการปฏบิ ัตริ าชการให้ทนั สมัย มคี วามโปร่งใส ปลอดการทจุ รติ และ ประพฤตมิ ิชอบ บริหารจดั การบนขอ้ มลู และหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ มุ่งผลสัมฤทธ์มิ ีความโปร่งใส 6.2 นานวตั กรรมและเทคโนโลยีระบบการทางานทเี่ ปน็ ดจิ ิทลั มาใช้ในการบรหิ ารและพัฒนางาน สามารถเชอ่ื มโยงกบั ระบบฐานข้อมลู กลางของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พร้อมทั้งพัฒนาโปรแกรมออนไลน์ท่ี สามารถเชอ่ื มโยงขอ้ มูลตา่ ง ๆ ทีท่ าให้การบริหารจัดการเป็นไปอยา่ งต่อเน่ืองกันต้งั แต่ต้นจนจบกระบวนการ และใหป้ ระชาชนกลุ่มเปา้ หมายสามารถเขา้ ถงึ บริการได้อย่างทนั ที ทุกทีแ่ ละทกุ เวลา 6.3 สง่ เสรมิ การพัฒนาบุคลากรทุกระดับอยา่ งต่อเน่อื ง ให้มีความรู้และทกั ษะตามมาตรฐาน ตาแหน่ง ใหต้ รงกับสายงาน ความชานาญ และความต้องการของบุคลากร 2. แนวทำง/กลยทุ ธ์กำรดำเนนิ งำนกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัย ของ กศน.อำเภอเมอื งชลบุรี ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองชลบรุ ี ได้กาหนดทิศทางการ ดาเนินงาน ตามแผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา และแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปี โดยมรี ายละเอียด ดังน้ี ทศิ ทำงกำรดำเนินงำนของสถำนศกึ ษำ ✍ ปรัชญำ “คดิ เป็น ทาเป็น เนน้ ICT” ✍ วสิ ยั ทัศน์ “จัดการศึกษาตลอดชวี ติ ผูกมติ รกบั เครือขา่ ย กระจายความรู้สชู่ มุ ชน ทกุ ทีท่ ุกเวลาดว้ ย ICT มี อาชพี และแข่งขนั ในประชาคมอาเซยี นอย่างยั่งยืน” ✍ อตั ลกั ษณ์ “ก้าวไปในยุคดจิ ิทลั ” ✍เอกลกั ษณ์ “องคก์ รออนไลน์” ✍ พันธกิจ

1. จดั และส่งเสริมให้ผ้เู รยี น มีความรกู้ ารศึกษาขั้นพืน้ ฐานอยา่ งมคี ณุ ภาพ 2. จัดการศึกษาอาชีพใหผ้ ้เู รียนมีอาชีพทาได้ ขายเป็น และมีทกั ษะชวี ิตที่เหมาะสมทุกช่วงวยั 3. จดั และส่งเสรมิ ให้ประชาชนนาเทคโนโลยดี ิจทิ ลั เพ่ือพัฒนาตนเองและสรา้ งช่องทางการจาหน่าย สนิ ค้า 4. จดั และส่งเสริมการศกึ ษาตามอธั ยาศัยท่ีมุ่งใหผ้ ูร้ ับบริการมีนิสัยรกั การอา่ น และพฒั นาแหลง่ เรียนรู้ ในชมุ ชน 5. จัดและส่งเสรมิ สนับสนนุ พัฒนาแหลง่ เรียนรู้ สอื่ และภมู ิปัญญาท้องถ่ิน 6. จัดและสง่ เสริมการศกึ ษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือพัฒนาสงั คมและชมุ ชนให้มี ความเข้มแขง็ อย่างย่ังยนื 7. จดั และส่งเสรมิ ประชาชนให้เป็นพลเมอื งดีตามวิถปี ระชาธปิ ไตย 8. สง่ เสริม สนับสนนุ ภาคเี ครอื ขา่ ย ให้มสี ว่ นร่วมในการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั เพื่อใหเ้ กิดการเรยี นรู้ตลอดชวี ติ 9. พัฒนารปู แบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูใ้ หส้ อดคล้องกับพ้นื ทรี่ ะเบียงเศรษฐกจิ พิเศษภาค ตะวันออก (EEC) และความต้องการของกลมุ่ เปา้ หมาย 10. พฒั นาบุคลากรให้มีสมรรถนะในการปฏิบตั งิ านตามบทบาทหนา้ ท่ีอยา่ งมีประสิทธิภาพและ ตอ่ เนอื่ งโดยเน้นการนาเทคโนโลยีดจิ ิทัลมาใช้ในการบรหิ ารจดั การ 11. สถานศกึ ษามีระบบการบรหิ ารจดั การตามหลักธรรมมาภบิ าล 12. ปฏบิ ัตงิ านอื่น ๆ ที่ไดร้ บั มอบหมาย ✍เปำ้ ประสงค์ และตัวช้ีวัดควำมสำเร็จ ตวั ช้ีวัดควำมสำเรจ็ รอ้ ยละของประชากรกลมุ่ ต่างๆ (กลุ่มประชากรวยั แรงงาน เปำ้ ประสงค์ ปกตทิ ัว่ ไป กลมุ่ ประชากรวยั แรงงานที่เป็นผู้ยากไร้ ประชาชนไดร้ บั โอกาสทางการศกึ ษาในรูปแบบของ ผู้ด้อยโอกาส ผพู้ ิการ และกล่มุ ผู้สงู อายุ) ที่ไดร้ ับบรกิ าร การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ทีม่ ี การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อย่างทว่ั ถึง คณุ ภาพอย่างทั่วถึงและเปน็ ธรรม ครอบคลมุ และเปน็ ธรรม ร้อยละของผเู้ รยี นทเี่ ข้ารับการศกึ ษาอาชีพเพื่อการมงี านทาทม่ี ี ผู้เรยี นท่ีเข้ารบั การฝกึ อาชพี มสี มรรถนะในการ สมรรถนะในการประกอบอาชีพที่เพม่ิ ขึ้น ประกอบอาชพี สามารถประกอบอาชีพท่สี ร้างรายได้ ให้กบั ตนเองและครอบครวั ได้ จานวนของภาคเี ครือขา่ ยในการดาเนินงานการศึกษานอก องคก์ รภาคสว่ นต่างๆรว่ มเปน็ ภาคเี ครือข่ายในการ ระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั เพ่ิมมากขึ้น ดาเนนิ งานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอยา่ งกวา้ งขวาง ร้อยละของของผเู้ รยี นท่ีมีความพึงพอใจตอ่ การใช้เทคโนโลยี สถานศึกษานาเทคโนโลยดี ิจิทลั มาใช้ในการเพม่ิ ดจิ ิทัลของสถานศกึ ษา ประสิทธภิ าพการจดั การศกึ ษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศยั อย่างทัว่ ถงึ รอ้ ยละของบุคลากรของสถานศกึ ษาทีไ่ ดร้ บั การพัฒนาเพ่อื เพิม่ บุคลากรของสถานศกึ ษาไดร้ ับการพฒั นาเพ่ือเพ่มิ สมรรถนะในการปฏิบตั งิ านการศึกษานอกระบบและ สมรรถนะในการปฏิบตั ิงานการศกึ ษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยโดยเนน้ การนาเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั มาใช้ใน การศึกษาตามอธั ยาศัยอยา่ งทัว่ ถึง

สถานศึกษามกี ารพัฒนาระบบการบรหิ ารจดั การเพ่ือ การบรหิ ารจัดการ เพม่ิ ประสิทธิภาพโดยเน้นการนาเทคโนโลยดี ิจิทัลใน ร้อยละของสถานศกึ ษามกี ารพัฒนาระบบการบริหารจดั การ การดาเนนิ งานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา เพ่ือเพ่ิมประสทิ ธิภาพโดยเน้นการนาเทคโนโลยดี ิจิทลั ในการ ตามอัธยาศยั ดาเนนิ งานการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั บุคลากรของหน่วยงานปฏิบตั ิงานตามทไ่ี ดร้ ับ มอบหมายอย่างมปี ระสิทธิภาพ ร้อยละของบคุ ลากรของสถานศึกษาปฏิบตั งิ านไดเ้ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ ✍กลยุทธ์ กลยุทธท์ ี่ 1 สง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ใหเ้ ป็นไป ตามนโยบายและมาตรฐานการศึกษาอยา่ งต่อเนื่อง กลยุทธ์ท่ี 2 ส่งเสริมใหผ้ ูร้ ับบริการได้รบั การพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยใช้กระบวนการคดิ เปน็ ตามหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลยทุ ธท์ ี่ 3 สง่ เสริม สนบั สนนุ ใหภ้ าคีเครือข่ายมสี ่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั เพื่อใหเ้ กิดการเรียนรตู้ ลอดชีวิต กลยุทธท์ ี่ 4 พฒั นาหลักสตู รและรูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ให้สอดคลอ้ งกบั พ้นื ทเ่ี ขตพฒั นา พเิ ศษภาคตะวันออก (EEC) และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยการมสี ว่ นร่วมของภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ และแหล่งเรยี นรู้ทง้ั ภาครัฐและเอกชน กลยทุ ธ์ท่ี 5 ส่งเสริมใหม้ ีการประชาสมั พนั ธ์ ในรูปแบบทหี่ ลากหลาย กลยุทธ์ท่ี 6 พฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษาโดยใชก้ ระบวนการมีส่วนรว่ มจากทุกภาคส่วน กลยุทธ์ที่ 7 พฒั นาระบบคุณภาพการศึกษาโดยใชว้ งจรการพฒั นาคณุ ภาพ (PDCA) เป็นหลกั ในการ จัดการศกึ ษา กลยุทธ์ที่ 8 พฒั นาบุคลากรของสถานศกึ ษาใหม้ ีความสามารถใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั เพ่ือการจดั กระบวนการเรยี นรู้ การบริหารจดั การ และสง่ เสรมิ การทางานเป็นทมี ✍เขม็ มุ่งสคู่ วำมสำเร็จ 1.มี กศน.ตาบลเป็นหลักแหล่ง 2. มีคอมฯ/อปุ กรณ์ครบทกุ กศน.ตาบล 3. ให้ทุกคนมีความรู้ ICT 4. มีระบบจัดเกบ็ /รายงานผา่ นออนไลน์ 5. ภายใน1-2 ปตี อ้ งเป็น 1 ใน กศน.จงั หวัด 6. ภายใน 3 ปีต้องเป็น 1-5 ของสานักงาน กศน. ✍กำรบรหิ ำรนำ ICT ส่กู ำรปฏิบัติ 1.การจัดหาคอมฯ/อปุ กรณ์ 2.ข้นั การพฒั นา 3.การประเมนิ ผล/รายงาน

1. กำรจดั หำคอมฯ/อุปกรณ์ 1.1 การเปดิ ตัว กศน.ตาบล โดย 1) เชิญสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร (ส.ส.),สมาชิกวฒุ ิสภา (ส.ว.) เปน็ ตน้ 2) นานักศึกษา กศน. หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ปจั จบุ นั มีทัง้ สิ้น 4,621 คน 3) เชิญภาคเี ครือขา่ ย อาทิเช่น โรงเรยี น, อบต., เทศบาล, อบจ. , อาเภอ เปน็ ตน้ 4) เสนอโครงการพัฒนา กศน.ตาบล ใหเ้ ป็นแหลง่ เรยี นรู้ด้านดิจิทัล 1.2 เชญิ ส.ส./ส.ว. เขา้ ร่วมทุกกิจกรรม 1) โครงการเขา้ คา่ ยต่าง ๆของนักศึกษา กศน. 2) โครงการวนั วชิ าการ ของนักศกึ ษา กศน. 3) โครงการ อื่น ๆ 2. ข้นั กำรพัฒนำ 2.1 พฒั นาระบบ จะพัฒนาระบบการจดั เก็บ/รายงานตา่ งๆผ่านออนไลน์ 2.2 พฒั นาคน 1) ครู กศน./จนท.ทกุ คน 2) นักศกึ ษา กศน.หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ทัง้ 2 กลุ่มเป้าหมาย ตอ้ งมคี วามรู้ ดา้ น ICT และสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้ สาหรบั ในส่วนของนักศกึ ษา กศน. หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 กศน.อาเภอเมอื งชลบุรี จะต้องประกาศเปน็ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ พรอ้ มทั้งใช้งบอุดหนุน (กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน) ในการ ขับเคลอื่ น โดยจัดโครงการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน ดา้ น ICT พร้อมท้ังจดั ทาสรุปเป็นรูปเลม่ ( 5 บท) 3.กำรประเมนิ ผล/รำยงำน 3.1 รายงานผ่านออนไลน์ โดยผา่ นทางเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต http://118.172.227.194:7008/choncity/ และ จดั ทา Application รายงานผา่ นทางสมาร์ทโฟน 3.2 รายงานสรปุ ผลเป็นรปู เล่ม (5 บท) จดั ทาสรุปผลโครงการ/กิจกรรม เป็นรปู เล่ม (5บท) เพ่ือรองรับการประเมนิ คุณภาพโดยตน้ สังกดั และภายนอก

✍แผนพฒั นำคุณภำพกำรศกึ ษำ (เฉพำะปี 2563) เปำ้ ประสงค์ กลยุทธ์ โครงกำร/กิจกรรม เป้ำหมำย ตัวชี้วดั เกณฑค์ วำมสำเร็จ 8,000 คน ควำมสำเรจ็ (ร้อยละ) 1. กลุ่มเปา้ หมาย กลยทุ ธ์ท่ี 1 1. โครงการ 1. กลมุ่ เป้าหมาย 8,000 คน ได้รบั โอกาสทาง 1. ร้อยละของ ได้รับโอกาสทาง ส่งเสรมิ ยกระดับจัด การศึกษาแต่ละ กล่มุ เป้าหมาย 27 คน ประเภทของ กศน. ได้รบั โอกาสทาง การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน และพัฒนา การศกึ ษานอก 1,020 คน 2. ผู้จบหลักสูตร การศึกษาแตล่ ะ การศกึ ษาขน้ั ประเภทของ กศน. การศกึ ษาตอ่ เนื่อง คณุ ภาพ ระบบระดบั พืน้ ฐานแตล่ ะระดบั 2. ร้อยละของผู้จบ มผี ลสมั ฤทธิ์ หลักสตู รการศกึ ษา และการศกึ ษาตาม การศึกษา การศึกษาขน้ั ทางการเรียนเฉลย่ี ขั้นพนื้ ฐานแต่ละ > 2.00 ระดับมีผลสมั ฤทธ์ิ อธั ยาศัยทมี่ ีคณุ ภาพ นอกระบบ พน้ื ฐานให้มี 3. กลมุ่ เปา้ หมาย ทางการเรยี นเฉล่ยี รว่ มกิจกรรม > 2.00 ให้เป็นไปตามความ และ คณุ ภาพ พัฒนาคณุ ภาพ 3. ร้อยละของ ผเู้ รยี น กล่มุ เป้าหมายร่วม ตอ้ งการและ การศึกษา 2. โครงการพัฒนา 4. กล่มุ เปา้ หมาย กิจกรรมพฒั นา เขา้ ร่วมกจิ กรรม คุณภาพผูเ้ รยี น สอดคล้องกับสภาพ ตาม คณุ ภาพผเู้ รียน สง่ เสรมิ การรู้ 4.ร้อยละของ หนังสือ กลุ่มเปา้ หมายเขา้ ปัญหาของ อธั ยาศยั ให้ กศน.ตามหลกั สตู ร 5. กล่มุ เปา้ หมาย รว่ มกิจกรรม ทุกประเภท สง่ เสรมิ การรู้ กลมุ่ เปา้ หมาย เป็นไปตาม การศกึ ษานอก สามารถนาความรู้ หนังสือ ไปใช้ในการพัฒนา 5. ร้อยละของ 5.กลุ่มเป้าหมาย นโยบาย ระบบระดบั อาชีพหรอื คุณภาพ กลุ่มเปา้ หมายทกุ ชวี ิตได้ ประเภทสามารถ ไดร้ ับการสง่ เสริม และ การศกึ ษาขน้ั 6. กลุม่ เป้าหมายมี นาความรไู้ ปใช้ใน คณุ ลักษณะท่ีพึง การพฒั นาอาชพี และสนบั สนนุ การ มาตรฐาน พน้ื ฐาน ประสงค์ตาม หรือคณุ ภาพชีวติ จุดมุง่ หมายของ ได้ พัฒนาคุณภาพชีวติ การศึกษา พุทธศักราช 2551 หลกั สตู ร ตามหลักปรัชญาของ อยา่ ง 3. โครงการส่งเสรมิ เศรษฐกิจพอเพยี ง ตอ่ เนอื่ ง การรู้หนงั สือ เพอ่ื พัฒนาสงั คม สาหรบั ประชาชน และชุมชนให้มคี วาม อาเภอเมืองชลบรุ ี เขม้ แขง็ อยา่ งย่ังยืน 4. โครงการจัด 3.กลุ่มเปา้ หมาย การศกึ ษาเพื่อ ไดร้ ับการสร้างและ พัฒนาอาชพี (ศนู ย์ ส่งเสริมใหเ้ ปน็ ผรู้ กั ฝกึ อาชพี ชมุ ชน) การอ่านและใฝร่ ใู้ ฝ่ เรียนอยา่ งตอ่ เนื่อง ตลอดชวี ิต

เปำ้ ประสงค์ กลยทุ ธ์ โครงกำร/กิจกรรม เป้ำหมำย ตวั ชีว้ ัด เกณฑ์ควำมสำเรจ็ ควำมสำเร็จ (รอ้ ยละ) กลยุทธ์ท่ี 3 1. โครงการเรียนรู้ 285 คน 7. กลมุ่ เปา้ หมายมี 6. ร้อยละของ สง่ เสรมิ ปรัชญาของ ส่วนร่วมในการจดั กลุ่มเป้าหมายมี สนับสนนุ ให้ เศรษฐกิจพอเพียง การศกึ ษานอก คณุ ลักษณะท่พี ึง ภาคี และเกษตรทฤษฎี ระบบและการจดั ประสงค์ตาม เครอื ข่ายมี ใหม่ การศกึ ษาตาม จดุ มุ่งหมายของ สว่ นร่วมใน 2.โครงการ อธั ยาศัย หลักสูตร การจัด เสรมิ สรา้ งคุณภาพ 2. มีบ้านหนงั สือ 7. รอ้ ยละของ การศึกษา ชวี ิตท่เี ปน็ มติ รกบั ชุมชนทีเ่ ปน็ ไปตาม กลมุ่ เปา้ หมายมี นอกระบบ สง่ิ แวดลอ้ ม เกณฑ์ครบทุก ความพึงพอใจต่อ และ 3.โครงการเกษตร ตาบลอยา่ งนอ้ ย การรว่ มกิจกรรม การศึกษา ยุคใหมต่ ามวิถี ตาบลละ 1 แห่ง การเรียนรู้ทุก ตาม ความพอเพยี ง 3. มีมมุ หนังสือเพ่ือ ประเภท อัธยาศยั 4.โครงการอบรม ชมุ ชนอยา่ งนอ้ ย 1. ร้อยละ 80 เพ่ือให้เกิด เชงิ ปฏบิ ัติการ ตาบลละ 1 ของกลมุ่ เปา้ หมาย การเรยี นรู้ ดา้ นเศรษฐกิจ ความพึงพอใจต่อ ได้รับการส่งเสรมิ ตลอดชีวิต พอเพยี ง การร่วมกจิ กรรม การเรยี นรทู้ างด้าน 5.โครงการปรัชญา การเรยี นรทู้ ุก หลักปรัชญาของ ของเศรษฐกจิ 11,500 คน ประเภท เศรษฐกจิ พอเพยี ง พอเพยี ง 1. กลุ่มเป้าหมาย 2. รอ้ ยละ 80 นาวถิ ีพอเพียงสู่ ได้รบั การส่งเสรมิ ของกลุ่มเป้าหมาย ชุมชน การเรียนรทู้ างด้าน นาความรไู้ ปใช้ใน 6.โครงการอบรม หลกั ปรัชญาของ การพฒั นาอาชีพ และเรยี นรตู้ ามรอย เศรษฐกิจพอเพียง และพัฒนา พระยคุ ลบาทดว้ ย 2. กล่มุ เป้าหมาย คุณภาพชีวติ ได้ หลักปรัชญาของ นาความรไู้ ปใช้ใน 3. ร้อยละ 90 ของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง การพฒั นาอาชพี กลุ่มเป้าหมายมี 7.โครงการเรียนรู้ และพฒั นา ความพงึ พอใจใน เศรษฐกจิ พอเพยี ง คุณภาพชวี ติ ได้ ระดบั ดขี ึ้นไป และการพฒั นาที่ 3. กลมุ่ เปา้ หมายมี ยงั่ ยนื \"วิถีไทย วิถี ความพึงพอใจใน พอเพยี ง\" ระดับดีขึน้ ไป

เปำ้ ประสงค์ กลยุทธ์ โครงกำร/กิจกรรม เป้ำหมำย ตัวช้ีวดั เกณฑค์ วำมสำเร็จ ควำมสำเรจ็ (ร้อยละ) 9.สถานศึกษาพฒั นา กลยุทธ์ที่ 4 1. โครงการสง่ เสริม 800 คน 1. กลุ่มเป้าหมาย สื่อ แหล่งเรยี นรู้และ พัฒนา การอา่ นเพือ่ พฒั นา ภาคเี ครอื ขา่ ยมี 1. รอ้ ยละ 80 ของ ภูมิปัญญาท้องถิน่ หลกั สูตร บ้านหนังสอื ชมุ ชน แหง่ 4 เปา้ หมายภาคี ด้วยการจัด และรูปแบบ 2. โครงการ กลุ่มเป้าหมายมี เครือขา่ ยมสี ว่ น กระบวนการเรยี นรู้ การจัด ห้องสมุดเคลอื่ นท่ี ความพงึ พอใจใน รว่ มในการจดั ท่ตี อบสนองกบั การ กิจกรรม สาหรบั ชาวตลาด 17 ตาบล ระดบั ดขี ึน้ ไป การศกึ ษานอก เปลี่ยนแปลงบรบิ ท การเรียนรู้ 3.โครงการเมืองนกั 1.กลมุ่ เปา้ หมาย ระบบและการจัด ด้านเศรษฐกจิ สังคม ให้ อา่ น ไดร้ บั การพฒั นา การศึกษาตาม การเมอื ง ในรูปแบบ สอดคล้อง 4.โครงการอ่าน ชวี ิตใหส้ อดคล้อง อัธยาศยั ทห่ี ลากหลาย กบั พื้นทเ่ี ขต สรา้ งงานผา่ น กับพ้นื ทีเ่ ขตพัฒนา 2. มบี า้ นหนังสอื พฒั นา QRCode พิเศษภาค ชุมชนที่เป็นไปตาม พเิ ศษภาค ตะวนั ออก (EEC) เกณฑค์ รบทุก ตะวนั ออก 4. กล่มุ เป้าหมายมี ตาบลอยา่ งนอ้ ย (EEC) ความพงึ พอใจใน ตาบลละ 1 แหง่ และความ ระดับดขี นึ้ ไป 3. มมี ุมหนังสอื ตอ้ งการของ เพื่อชมุ ชนอย่าง กลมุ่ เป้าหม 1. กศน.อาเภอ น้อยตาบลละ 1 าย โดยการ และกศน.ตาบลมี แหง่ มีสว่ นร่วม การอพั เดทขอ้ มูล 4. ร้อยละ 80 ของ ของ การประชาสัมพนั ธ์ กล่มุ เป้าหมายมี กิจกรรมทางเวบ็ ความพงึ พอใจใน ไซด์เป็นประจาทกุ ระดบั ดขี นึ้ ไป เดือน

เป้ำประสงค์ กลยทุ ธ์ โครงกำร/กิจกรรม เปำ้ หมำย ตวั ชว้ี ดั เกณฑค์ วำมสำเร็จ ควำมสำเรจ็ (ร้อยละ) ภูมปิ ัญญา 1. โครงการ 17 ตาบล 1. สถานศึกษามี คมู่ อื ระบบการ 1. รอ้ ยละ 75 ท้องถ่นิ และ English น่ารู้ คู่ นเิ ทศภายใน ของกลุ่มเปา้ หมาย 2. ผนู้ ิเทศมกี าร ไดร้ บั การพฒั นา แหล่งเรียนรู้ Service โรงแรม นิเทศการจดั ชวี ติ ใหส้ อดคลอ้ ง กจิ กรรมและ กบั พ้นื ท่ีเขตพัฒนา ทง้ั ภาครฐั 2.โครงการ Smart รายงานผลเปน็ พิเศษภาค ประจาทุกเดอื น ตะวันออก (EEC) และเอกชน ONIE เพ่อื สร้าง 2. รอ้ ยละ 80 ของ กลมุ่ เป้าหมายมี กลยทุ ธ์ท่ี 5 Smart farmers ความพงึ พอใจใน ระดับดีขน้ึ ไป ส่งเสรมิ ให้มี 3.โครงการ Digital 1. รอ้ ยละ 100 ของ กศน.อาเภอ การ Literacy และ กศน.ตาบลมี การอัพเดทข้อมูล ประชาสมั พั (เพ่ือสรา้ งสังคม การประชาสัมพนั ธ์ กจิ กรรมทางเวบ็ นธ์ ใน ออนไลน)์ ไซด์ เปน็ ประจาทกุ รูปแบบท่ี 4.โครงการการค้า เดอื น 1. รอ้ ยละ 100 หลากหลาย ออนไลน์ สสู่ ังคม ของสถานศกึ ษามี คูม่ อื ระบบการ กลยุทธท์ ่ี 6 Digital นเิ ทศภายใน 2. ร้อยละ 80 ของ พฒั นา 5.โครงการเพม่ิ ผ้นู เิ ทศมกี ารนิเทศ การจัดกิจกรรม ระบบการ ประสทิ ธภิ าพการ และรายงานผล เปน็ ประจาทุก นิเทศ บริหารจดั การขยะ เดอื น 7.ชุมชนและภาคี ภายใน มลู ฝอย เครอื ข่ายรว่ มจัด สถานศึกษา 1. โครงการพฒั นา ส่งเสรมิ และ โดยใช้ ระบบ สนับสนนุ การ กระบวนกา ประชาสัมพนั ธ์ของ ดาเนินงาน รมีส่วนรว่ ม สถานศึกษา การศกึ ษานอกระบบ จากทุกภาค 1. โครงการพฒั นา และการศกึ ษาตาม สว่ น บคุ ลากรการนิเทศ อธั ยาศยั ภายในสถานศึกษา กศน.อาเภอเมือง ชลบุรี

เป้ำประสงค์ กลยทุ ธ์ โครงกำร/กจิ กรรม เปำ้ หมำย ตัวช้ีวัด เกณฑค์ วำมสำเร็จ 10.สถานศึกษามี ควำมสำเรจ็ (ร้อยละ) ระบบการบริหาร กลยทุ ธท์ ่ี 7 1. โครงการบริหาร 39 คน 1. สถานศกึ ษามี จดั การตามหลัก พฒั นา ความเสยี่ งของ 39 คน คมู่ ือการบริหาร 1. สถานศึกษามี ธรรมาภิบาล ระบบ สถานศึกษา กศน. ความเสีย่ ง คมู่ ือการบรหิ าร คุณภาพ อาเภอเมืองชลบุรี 2. รายงานสถานะ ความเส่ยี ง 8. บคุ ลากรของ การศึกษา 2. โครงการพฒั นา ทางการเงินเปน็ 2. รายงานสถานะ สถานศกึ ษาได้รบั โดยใช้วงจร ระบบประกัน ประจาทุกเดอื น ทางการเงนิ เปน็ การพฒั นาเพ่ือเพิม่ การพฒั นา คณุ ภาพการศกึ ษา ประจาทกุ เดอื น สมรรถนะในการ คณุ ภาพ กศน.อาเภอเมือง 1.บคุ ลากรของ ปฏิบตั ิงานตาม (PDCA) ชลบรุ ี สถานศึกษาทกุ คน 1. ร้อยละ 80 ของ บทบาทหนา้ ท่ีอย่าง เปน็ หลกั ใน ไดร้ ับการพัฒนาเพอ่ื บคุ ลากรของ มีประสทิ ธิภาพและ การจัด 1.โครงการพฒั นา เพิ่มสมรรถนะใน สถานศกึ ษาทุกคน ต่อเน่อื ง การศกึ ษา บุคลากรดา้ น การปฏิบัติงานตาม ได้รับการพฒั นา กลยุทธ์ที่ 8 วชิ าการ:Google บทบาทหนา้ ท่ีอยา่ ง เพือ่ เพม่ิ สมรรถนะ พฒั นา Form มีประสทิ ธิภาพและ ในการปฏบิ ตั ิงาน บคุ ลากร 2.โครงการพฒั นา ตอ่ เนอ่ื ง ตามบทบาทหน้าท่ี ของ บุคลากรด้าน 2.บคุ ลากรของ อย่างมี สถานศกึ ษา วชิ าการ:การจัดทา สถานศึกษาสามารถ ประสทิ ธิภาพและ ให้มี ส่ือการเรียนการ นาความรไู้ ปใชใ้ น ตอ่ เนอื่ ง ความสามา สอน Clip Video การพฒั นาการ 2. รอ้ ยละ 80 รถใช้ 3.โครงการบริหาร ปฏบิ ัตงิ านตาม ของบคุ ลากรของ เทคโนโลยี จัดการขอ้ มลู บทบาทหนา้ ท่ีอยา่ ง สถานศึกษา ดจิ ทิ ัลเพื่อ ข่าวสาร กศน.ฝ่า มีประสทิ ธิภาพ สามารถนาความรู้ การจัด กระแส Social 3. บคุ ลากรของ ไปใช้ในการ กระบวนกา Network สถานศึกษามคี วาม พฒั นาการ รเรียนรู้ 4.โครงการประชุม พงึ พอใจในระดบั ดี ปฏิบตั งิ านตาม การบริหาร บคุ ลากรเพ่ือเพิ่ม ขน้ึ ไป บทบาทหนา้ ท่ี จัดการ และ ประสิทธภิ าพในการ อยา่ งมี สง่ เสรมิ การ ปฏิบัติงาน ประสทิ ธิภาพ ทางานเปน็ 5.โครงการประชมุ ทีม เชิงปฏิบัติการการ จดั กระบวนการ เรียนการสอน

3. กำรขบั เคลือ่ น กศน. สู่ กศน.WOW 1. พฒั นาครู กศน.และบคุ ลากรทเี่ ก่ยี วข้องกับการจัดกจิ กรรมการศกึ ษาและเรียนรู้ : Good Teacher เป็นผู้เช่ือมโยงความรูก้ บั ผู้เรียนผรู้ บั บริการ มีความเปน็ “ครูมอื อาชีพ” มีจิตบริการ มีความรอบรู้ และทนั ต่อการเปลย่ี นแปลง ของสังคม เป็นผู้จัดกจิ กรรม การเรียนรแู้ ละบริหารจดั การความรูท้ ด่ี ี 1.1 เพิม่ อตั ราข้าราชการครู กศน. 928 อัตรา (1) ใหเ้ รง่ ดาเนินการเร่ืองการหาอตั ราตาแหน่ง การสรรหา บรรจุ แตง่ ต้ัง ข้าราชการครู กศน. 928 อัตรา เพ่อื จัดสรรให้กับ กศน.อาเภอทุกแหง่ ๆ ละ 1 อัตรา 1.2 พัฒนาครู และบุคลากร (1) พัฒนาครู กศน.ตาบลเพ่ือใหส้ ามารถปฏิบัตงิ านได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ โดยเน้น เรอ่ื ง การพฒั นาทกั ษะการจดั การเรยี นการสอนออนไลน์ ทกั ษะภาษาต่างประเทศ ทักษะการจดั กระบวนการเรียนรู้ (2) พัฒนาศึกษานิเทศก์ให้สามารถปฏิบัติการนิเทศได้อยา่ งมีศักยภาพ (3) พัฒนาบุคลากร กศน.ทุกระดับทกุ ประเภทให้มที ักษะความรู้เร่ืองการใชป้ ระโยชน์จาก ดิจิทลั และภาษาตา่ งประเทศทจี่ าเป็น 2. พัฒนา กศน.ตาบลให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ : Good Place –Best Check in ให้มคี วามพรอ้ มในการใหบ้ ริการกิจกรรมการศึกษาและเรียนรู้ เป็นแหลง่ ขอ้ มูลสาธารณะทง่ี า่ ยต่อการ เข้าถงึ มบี รรยากาศท่ีเอ้ือต่อการเรียนรูเ้ ปน็ เสมอื นคาเฟ่การเรียนรสู้ าหรับทกุ คนทุกชว่ งวัย มสี ิ่งอานวยความ สะดวก มีความสวยงามท่ดี ึงดูดความสนใจ และมคี วามปลอดภยั สาหรับผู้ใชบ้ รกิ าร 2.1 เร่งยกระดับ กศน.ตาบล 928 แหง่ (อาเภอละ 1 แหง่ ) เป็น กศน.ตาบล 5 ดี พรีเมยี่ ม ที่ ประกอบด้วย ครดู ี สถานทด่ี ี (ตามบริบทของพน้ื ท่ี) กิจกรรมดี เครือขา่ ยดี และมีนวตั กรรมดมี ีประโยชน์ 2.2 จัดให้มีศนู ยก์ ารเรียนรู้ตน้ แบบ กศน.ใน 5 ภมู ิภาค เปน็ Co - Learning Space ศูนย์การ เรียนรู้ ทที่ ันสมยั สาหรบั ทกุ คน โดยเปดิ พน้ื ที่เพ่ือยกระดบั การเรียนรู้ พร้อมเปิดบรกิ ารต่างๆ อาทิ พ้ืนทส่ี าหรบั การทางาน/ การเรยี นรู้ พืน้ ที่สาหรับทากิจกรรมตา่ งๆ ห้องประชมุ กลมุ่ ย่อย รวมทั้งใหบ้ ริหารหอ้ งสมดุ ทั้งใน รูปแบบดิจิทลั และ สืบค้นหนงั สอื ในหอ้ งสมุดดว้ ยตนเอง บรกิ ารอินเทอรเ์ นต็ มลั ติมเี ดยี เพือ่ รองรบั การเรยี นรู้ แบบ Active learning 2.3 พฒั นาห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมาร”ี จานวน 103 แห่ง ให้เปน็ Digital Library โดยให้มี บริการ Free Wi-fi บรกิ ารหนังสอื ในรปู แบบ e-Book บรกิ ารคอมพิวเตอร์และอินเทอรเ์ น็ตเพื่อการสบื คน้ ข้อมลู 2.4 ปรบั ปรุงรถการอ่านเคล่อื นที่ เพื่อการเขา้ ถงึ การอา่ นในทกุ พื้นท่ี ทกุ ชมุ ชน 3. ส่งเสริมการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ที ันสมยั และมปี ระสทิ ธิภาพ : Good Activities พัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้มีความทันสมัย เอ้ือต่อการเรียนรู้ สeหรบั ทุกคน ท่สี ามารเรียนรู้ไดท้ ุกท่ี ทกุ เวลา มี กิจกรรมท่หี ลากหลาย นา่ สนใจ สนองตอบความตอ้ งการของชมุ ชน เพื่อพัฒนาศักยภาพการเรยี นรขู้ อง การขบั เคลื่อน กศน. สู่ กศน.WOW ประชาชน รวมทง้ั ใชป้ ระโยชน์จากประชาชนในชุมชนในการร่วมจดั กิจกรรมการเรยี นรู้เพือ่ เชือ่ มโยงความสัมพันธ์ ของคนในชุมชนไปส่กู ารจดั การความรขู้ องชมุ ชนอยา่ งย่ังยืน 3.1 พัฒนาการจัดการศกึ ษาออนไลน์ กศน. โดยให้มกี ารเรยี นออนไลน์สายสามญั การเรยี นออนไลน์ เรอื่ งทักษะ อาชพี และการพฒั นาเว็บเพจการค้าออนไลน์

3.2 ให้มีหลกั สตู รลกู เสือมัคคเุ ทศก์ โดยให้ กศน.จงั หวดั ทกุ จังหวดั / กทม จัดตัง้ กองลูกเสือทเ่ี ปน็ ลูกเสอื ทีม่ ี ความ พรอ้ มด้านทกั ษะภาษาตา่ งประเทศเปน็ ลูกเสือมัคคเุ ทศก์จังหวัดละ 1 กอง เพือ่ สง่ เสรมิ ลกู เสอื จิตอาสา พฒั นาการท่องเที่ยวใน แตล่ ะจังหวดั 3.3 เร่งปรบั หลกั สตู รการจดั การศึกษาอาชีพ กศน. ให้เป็นอาชีพที่รองรับอตุ สาหกรรมอนาคต (New S-curve) โดยเฉพาะจังหวัดท่อี ยใู่ นพน้ื ท่ีเขตเศรษฐกิจพเิ ศษใหด้ าเนินการโดยเร่งด่วน สาหรับพน้ื ทปี่ กติใหพ้ ัฒนา อาชีพทีเ่ นน้ การตอ่ ยอดศกั ยภาพและบริบทตามบริบทของพ้ืนท่ี 4. เสรมิ สรา้ งความร่วมมือกบั ภาคีเครอื ขา่ ย : Good Partnerships ประสาน ส่งเสรมิ ความร่วมมือกับภาคีเครอื ข่าย ทง้ั ภาครฐั เอกชน ประชาสังคม และองค์กรปกครองสว่ น ท้องถิ่น รวมทง้ั ส่งเสรมิ และสนบั สนุนการมีส่วนรว่ มของชุมชนเพือ่ สร้างความเขา้ ใจ และใหเ้ กดิ ความรว่ มมอื ในการ ส่งเสรมิ สนับสนุน และจัดการศกึ ษาและการเรยี นรใู้ หก้ ับประชาชนอยา่ งมคี ณุ ภาพ 4.1 เรง่ จดั ทาเนยี บภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ในแต่ละตาบล เพื่อใช้ประโยชนจ์ ากภมู ิปญั ญาท้องถ่ินในการสร้าง การ เรียนรจู้ ากองค์ความรู้ในตวั บคุ คลใหเ้ กิดการถา่ ยทอดภูมิปญั ญา สรา้ งคณุ คา่ ทางวฒั นธรรมอยา่ งย่ังยนื 4.2 ส่งเสรมิ ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ สกู่ ารจดั การเรียนรู้ชมุ ชน 4.3 ประสานความรว่ มมือกับภาคีเครอื ข่ายเพอ่ื การขยาย และพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตาม อัธยาศยั ให้เข้าถงึ กลุ่มเป้าหมายทกุ กลุ่มอย่างกวา้ งขวางและมีคณุ ภาพ อาทิ กลมุ่ ผสู้ งู อายุ กลมุ่ อสม. 5. พัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อประโยชนต์ ่อการจดั การศกึ ษาและกลมุ่ เป้าหมาย : Good Innovation ให้พฒั นานวตั กรรมหรอื สรา้ งสรรคก์ ารดาเนนิ งานใหมๆ่ เพอื่ สร้างมลู ค่าให้กับผลิตภณั ฑ์ พฒั นา กระบวนการ เรียนรใู้ ห้ทันสมัย 5.1 เรง่ จดั ตงั้ ศูนย์ใหค้ าปรกึ ษา และพัฒนาผลติ ภณั ฑ์Brand กศน. เพ่ือยกระดบั คณุ ภาพผลิตภณั ฑ์ การ บรหิ าร จดั การการผลิต การสง่ ออก การตลาด และสร้างชอ่ งทางการจาหนา่ ย ตลอดจนส่งเสรมิ การใชป้ ระโยชน์ จากเทคโนโลยใี นการ เผยแพร่และจาหน่ายผลติ ภณั ฑ์ 5.2 พัฒนาสินคา้ และผลติ ภณั ฑ์ กศน. พรอ้ มท้งั ให้มกี ารคดั เลอื กสินคา้ และผลติ ภณั ฑ์ท่ีเป็นสดุ ยอด กศน. ของ แต่ละจงั หวดั เพือ่ ส่งไปจดั จาหน่ายยังสถานจี าหนา่ ยนา้ มัน ซ่งึ จะเปน็ การสรา้ งช่องทางจาหน่ายสินคา้ และ ผลติ ภณั ฑ์ให้ กว้างขวางย่ิงขนึ้ 5.3 สง่ เสรมิ การใชเ้ ทคโนโลยีในการปฏบิ ัติงาน การบริหารจัดการ และการจัดการเรยี นรู้ 5.4 ใหม้ ีการใชว้ ิจัยอย่างง่ายเพอ่ื การสร้างนวัตกรรมใหม่ การขับเคล่ือน กศน. สู่ กศน. WOW 6. จัดตั้งศูนยก์ ารเรยี นรสู้ าหรับทกุ ช่วงวยั : Good Learning Centre ทเี่ ปน็ ศูนยก์ ารเรยี นรูต้ ลอดชีวติ ท่ีสามารถใหบ้ ริการประชาชนในชุมชนไดท้ ุกคน ทุกชว่ งวัย ทม่ี กี ิจกรรมที่ หลากหลาย สนองตอบความตอ้ งการในการเรียนรใู้ นแตล่ ะช่วงวยั และเป็นศนู ยบ์ รกิ ารความรู้ ศนู ยก์ ารจดั กจิ กรรม ที่ ครอบคลมุ ทุกกลุ่มวัย เพอื่ ใหม้ พี ฒั นาการเรยี นร้ทู เ่ี หมาะสม และมีความสขุ กบั การเรยี นรู้ตามความสนใจ 6.1 ให้เรง่ ประสานกับสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐานเพ่อื จัดทาทาเนียบขอ้ มลู โรงเรยี นท่ีถกู ยบุ รวม หรือคาดวา่ น่าจะถกู ยุบรวม 6.2 ใหส้ านักงาน กศน.จงั หวัด ในจังหวัดท่ีมโี รงเรยี นท่ถี กู ยุบรวมประสานขอใช้พื้นที่ เพื่อจดั ต้งั ศูนยก์ าร เรียนรู้ สาหรับทุกช่วงวัย กศน.

1.Good Teacher การพัฒนาครู กศน. และบุคลากรท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การจดั กิจกรรมการศึกษาและเรยี นรู้ โดย จะดาเนินการเกลยี่ เพ่ิมอัตราตาแหน่ง การสรรหา บรรจุ แตง่ ต้งั ขา้ ราชการครู กศน. จานวน 891 อัตรา เพ่ือให้ กศน. อาเภอมีบคุ ลากรทีจ่ ะมาช่วยกันขับเคล่อื นงานไดอ้ ย่างเต็มประสทิ ธภิ าพ 2.Good Place โดยพัฒนา กศน. ตาบล ใหม้ ีบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อื้อต่อการเรยี นรู้ ซึง่ จะเปน็ การ ยกระดับให้ กศน.ตาบล, หอ้ งสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี”, ศูนยก์ ารเรยี นรูต้ น้ แบบ กศน. ใหเ้ ปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ ที่ นั สมยั มีคณุ ภาพตอบสนองต่อการเรยี นรูข้ องประชาชนทุกชว่ งวัย 3.Good Activities สง่ เสริมการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ที ันสมัยและมปี ระสิทธิภาพ อาทิ การปรบั หลักสูตร การจัดการศกึ ษาอาชีพ หลักสตู รลกู เสอื มัคคุเทศก์ และพฒั นาการจัดการศึกษาออนไลน์ 4.Good Partnership การเสรมิ สรา้ งความรว่ มมือกับภาคีเครือข่าย โดยให้มคี วามรว่ มมอื จดั ทาทาเนยี บภูมิ ปญั ญาท้องถนิ่ และส่งเสรมิ ภมู ิปัญญาสกู่ ารจัดการเรียนรชู้ ุมชน 5.Good Innovation การพัฒนานวตั กรรมทางการศึกษา เพอื่ ประโยชน์ตอ่ การจัดการศึกษาและ กลมุ่ เป้าหมาย โดยใหจ้ ดั ตั้งศูนยใ์ ห้คาปรกึ ษาและพฒั นาผลิตภณั ฑ์ brand กศน. รวมทง้ั การสรา้ งชอ่ งทางจัด จาหนา่ ยไปยงั สถานจี าหน่ายน้ามัน 6.Good Learning Center การจัดตง้ั ศนู ย์การเรียนรทู้ ุกช่วงวยั ซงึ่ ต้องมกี ารจดั เตรยี มข้อมูลและ ประสานงานเบื้องต้น โดยผู้บรหิ าร กศน. ทัง้ ส่วนกลางและส่วนภมู ภิ าค ต้องชว่ ยกันขบั เคลื่อนภารกิจสาคัญ ตา่ ง ๆ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ และช่วยกันถ่ายทอดความเข้าใจไปสู่เจ้าหนา้ ท่ีผ้ปู ฏบิ ัติงาน พรอ้ มท้ังดแู ลและสนับสนุน ใหเ้ กิดประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลต่อไป 4. เอกสำรงำนท่เี กี่ยวขอ้ ง ปลูกฝงั วิธคี ดิ แยกแยะผลประโยชน์สว่ นตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม ความขดั แย้งกนั ระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน และผลประโยชนส์ ่วนรวม ความหมาย ขอ้ มูลจาก สานกั งาน ก.พ. สถานการณห์ รอื การกระทาท่ีบคุ คล ไมว่ ่าจะเปน็ นกั การเมือง ข้าราชการ พนกั งานบริษัท หรือ ผู้บรหิ าร มผี ลประโยชนส์ ว่ นตวั มากจนมผี ลตอ่ การตดั สนิ ใจหรือการปฏิบัติหน้าท่ีใน ตาแหน่งหน้าท่ีท่ีบคุ คลน้ัน รับผดิ ชอบอยู่ และส่งผลกระทบตอ่ ประโยชนส์ ว่ นรวม กลา่ วคือ การทเ่ี จา้ หน้าท่ีของ รัฐตดั สนิ ใจ หรอื ปฏบิ ตั ิหน้าที่ในตาแหน่งของตน อันก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเองหรือพวกพอ้ งมากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นรวม ซง่ึ การกระทานัน้ อาจจะเกิดข้ึน อย่างรู้ตวั หรอื ไม่รูต้ วั ท้งั เจตนาและไมเ่ จตนา ซ่งึ มหี ลาย รูปแบบจนกระทงั่ กลายเป็นส่งิ ทป่ี ฏบิ ตั กิ นั ท่วั ไป โดยไม่เหน็ วา่ เปน็ ความผดิ ประการที่ทาใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ กัน ระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 1. บคุ คลดารงตาแหนง่ ของรฐั ต้องรับผิดชอบต่อ ประโยชน์สาธารณะ 2. เกดิ ภาวะผลประโยชน์สว่ นตนเข้ามา แทรกแซงการตัดสินใจ/การใช้ดุลยพินจิ 3. เกดิ การตดั สินใจเพอื่ ประโยชน์สว่ นตน มากกวา่ สว่ นรวม ตวั อย่ำงรปู แบบพฤตกิ รรมควำมขัดแย้งกนั ระหวำ่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ สว่ นรวมที่พบ เห็นบ่อย ๆ

 การหาประโยชน์ใหต้ นเอง  การรับผลประโยชนจ์ ากการท่ีดารงตาแหน่งหน้าท่ี  การใช้ทรพั ยส์ ินของราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตน  การใช้ข้อมูลลบั ของทางราชการเพื่อแสวงหาประโยชน์ แกต่ นเองและพวกพอ้ ง  การรับงานนอกแล้วส่งผลตอ่ ความเสยี หายของ หน่วยงานทร่ี บั ผิดชอบ  การทางานหลงั จากออกตาแหนง่ และเอ้ือประโยชน์ตอ่ บรษิ ทั  การใหข้ องขวญั ของกานัล เพ่ือหวงั ความก้าวหน้า  การชว่ ยญาตมิ ติ รใหไ้ ดง้ าน อยา่ งไมเ่ ป็นธรรมในหนว่ ยงาน ท่ตี นมีอานาจ  การซื้อขายตาแหน่ง การจ่าย ผลประโยชน์ ท้ังทเ่ี ป็นตัวเงิน และประโยชน์รปู แบบอ่ืน เพ่อื ให้ได้มาซึง่ การ เลอ่ื นระดบั ตาแหนง่ หรอื ความดคี วามชอบพเิ ศษ กิจกรรมที่มคี วำมเสี่ยงต่อปัญหำควำมขัดแยง้ กนั ระหวำ่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม  ขำ้ รำชกำร >> การนาข้อมลู ลับ/ขอ้ มลู ภายในมาใช้ หาประโยชน์ใหแ้ ก่ตนเองหรือพวกพ้อง >> หัวหนา้ หน่วยงานซงึ่ ครอบครวั ประกอบธุรกิจแต่งตั้งใหญ้ าต/ิ คนสนิท/ คนที่มีความสมั พันธฉ์ นั ญาติขึ้นเปน็ ผู้อานวยการกองพสั ดุ >> การชว่ ยญาติมิตรหรือคนสนทิ ใหไ้ ดง้ าน ในหน่วยงานที่ตนมีอานาจ >> การรบั ผลประโยชนห์ รอื การเรยี กรอ้ ง สิง่ ตอบแทนจากการปฏิบตั ิงานในหน้าที่ ความรับผดิ ชอบ >> การรับ งานนอกหรือการทาธรุ กจิ ท่เี บียดบงั เวลาราชการ/งานโดยรวม ของหนว่ ยงาน >> การทางานหลังเกษยี ณให้กบั หน่วยงาน ทีม่ ผี ลประโยชนข์ ัดกับหนว่ ยงาน ต้นสงั กดั เดิม >> การนารถราชการไปใช้ในกจิ ธรุ ะสว่ นตวั และหลายกรณีมีการเบิกค่าน้ามนั ด้วย >> การนาบุคลากรของหน่วยงานไปใช้ เพอ่ื การส่วนตัว  กลุ่มวิชำชพี ทเ่ี กย่ี วกบั กำรตรวจสอบ ประเมนิ รำคำ กำรจดั ซือ้ จัดจ้ำง >> การหาผลประโยชนจ์ ากความไมร่ ูใ้ นระเบยี บและข้อมูลของ ทางราชการของประชาชน โดยเรียกรบั เงนิ และ อ้างวา่ จะสามารถ ชว่ ยให้สามารถเสยี ค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสทิ ธ์ิ ซือ้ ขายที่ดนิ ในราคาทถ่ี ูกกวา่ ได้ >> ผ้บู รหิ ารสถาบนั การเงนิ หวังก้าวหนา้ ในอาชีพจึงได้รว่ มมอื และ ใหค้ วามช่วยเหลอื แก่นกั การเมืองในการกเู้ งิน ในวงเงนิ สูง ในรูปแบบการประเมินราคาหลกั ทรัพย์ค้าประกัน ใหส้ งู เกินกวา่ ความเปน็ จริง >> เจ้าหน้าท่ตี รวจสอบภาษีอากรไดเ้ ปดิ สานกั งานบญั ชเี พ่ือทาบญั ชี และรบั จดทะเบียนจดั ตั้งบรษิ ัท จากัด ซง่ึ ในเวลาปฏบิ ตั ิงาน ก็จะเลอื กใหบ้ รกิ ารเฉพาะรายท่ีตนเองได้รับประโยชน์ จากผเู้ สียภาษเี ทา่ น้นั >> การกาหนดมาตรฐาน (Specification) ในสนิ คา้ ทจี่ ะจดั ซ้ือจัดจา้ ง ใหบ้ รษิ ัทของตนหรือของพวกพ้อง ได้เปรียบหรือ ชนะในการประมูล >> การให้ข้อมูลการจัดซื้อจดั จา้ งแก่พรรคพวก/ญาติเพ่ือแสวงหา ผลประโยชนใ์ นการประมูลหรอื การจ้างเหมา รวมถึง การปกปิดขัอมลู เชน การปิดประกาศหรือเผยแพร่ ขอ้ มูลข่าวสารล่าชา้ หรือพน้ กาหนดการย่นื ใบเสนอราคา

 กลุ่มวิชำชีพอิสระ >> การรบั งานภายนอกจนกระทบต่อการปฏบิ ัติหนา้ ทป่ี ระจา >> การใชส้ ทิ ธิในการเบกิ จา่ ยยาให้กับญาติแลว้ นายาไปใช้ ทีค่ ลนิ กิ ส่วนตวั >> การรบั ประโยชน์จากระบบลอ็ กบัตรควิ ให้แกเ่ จ้าหน้าท่ีหรอื ญาติ เจา้ หน้าที่ในหน่วยงาน โดยผ้มู ีหน้าที่ดแู ล บัตรคิวจะล็อกไวม้ ากกว่า ทีห่ นว่ ยงานกาหนด และไปเรียกรบั ประโยชนจ์ ากบัตรคิวท่ลี ็อกไว้ เกนิ เหลา่ น้ันจาก ผูร้ บั บรกิ ารทีต่ อ้ งการลัดคิว กลุ่มวชิ าชพี ทเ่ี กยี่ วกับกระบวนการยตุ ธิ รรม >> การเรยี กรับผลประโยชนจ์ ากการอนุญาตให้คนื ของกลาง กลุ่มวิชาชพี วิชาการ >> คณะกรรมการตรวจรับผลงานทาหน้าทเี่ สมือนเป็นนายหนา้ ใหแ้ กบ่ ริษัทที่ปรกึ ษา โดยรบั รายงานผล การศกึ ษามาพจิ ารณาก่อน และแก้ไขในประเด็นท่คี าดว่าอาจถูกคณะกรรมการคนอื่นทว้ งตงิ รวมถึงการเขา้ ไป แทรกแซงการพิจารณาของกรรมการคนอื่น ผลประโยชนท์ ับซ้อน (Conflict of Interests) 1. ความหมายของผลประโยชน์ทับซอ้ น (Conflict of Interests) ผลประโยชนท์ ับซอ้ น หรือความขัดแย้ง กนั ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตวั และผลประโยชน์ส่วนรวม หรอื ผลประโยชนข์ ัดกนั หมายถึง การทีเ่ จ้าหน้าทีร่ ัฐปฏบิ ตั หิ นา้ ทโี่ ดยคานึงถึงประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง เปน็ หลัก ซ่งึ ถือเปน็ ความผดิ เชงิ จรยิ ธรรมและเปน็ ความผิดขนั้ แรกท่ีจะนาไปส่กู ารทจุ รติ สานกั งาน ก.พ. ไดน้ ิยามความขดั แย้งกนั ระหวา่ งผลประโยชนท์ บั ซอ้ นและผลประโยชนส์ ่วนรวม หรอื Conflict of Interests หมายถึง สถานการณ์หรือการกระทาท่ีบคุ คลไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองขา้ ราชการ พนักงาน บรษิ ัท หรอื ผูบ้ ริการมี ผลประโยชน์ส่วนตวั มากจนมีผลตอ่ การตัดสินใจ หรอื การปฏิบัติหน้าท่ใี นตาแหน่ง หนา้ ทีท่ ่บี คุ คลน้นั รับผิดชอบอยู่ และส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของส่วนรวม กลา่ วคอื การท่เี จา้ หนา้ ที่ของรัฐ ตัดสนิ ใจ หรือปฏบิ ัติหนา้ ท่ใี นตาแหนง่ ของตนอนั ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเองหรอื พวกพ้องมากกว่าประโยชน์ สว่ นรวม ซงึ่ การกระทาดังกล่าวจะเกดิ ขน้ึ อย่างรตู้ ัวหรือไม่รู้ตัว ทงั้ เจตนาและไม่เจตนาในรปู แบบที่ หลากหลาย จนกระท่ังกลายเปน็ ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ทิ ไ่ี ม่เหน็ ว่าเป็นความผดิ ตัวอย่างการกระทาดังกลา่ ว มใี ห้พบเหน็ ไดม้ าก ในสงั คม สง่ ผลให้บุคคลนน้ั ขาดการตัดสินใจทเี่ ท่ยี งธรรม เนื่องจากการยดึ ผลประโยชนส์ ว่ นตนเปน็ หลกั ไดส้ ง่ ผล เสยี หายใหเ้ กิดข้นึ กบั ประเทศชาติ ก่อให้เกิดการกระทาทีผ่ ดิ จรยิ ธรรมและจรรยาบรรณของเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ ทตี่ ้องคานึงถงึ ประโยชน์สาธารณะ แต่ทาหนา้ ทกี่ ลับ ตดั สนิ ใจหรือปฏิบัตหิ น้าท่ีโดยคานึงถงึ ประโยชน์สว่ นตน หรือพวกพ้องเปน็ หลัก ความขดั แยง้ (Conflict) หมายถงึ สถานการณท์ ่ีขดั กัน ไม่ลงรอยเปน็ เหตุการณ์อนั เกิดข้นึ เมอื่ บุคคล ไมส่ ามารถ ตดั สนิ ใจกระทาอย่างใดอย่างหน่ึง ความขัดแย้งอาจเกิดขน้ึ ได้จากความไมล่ งรอยกนั ในเร่ืองความคิด แนวทางปฏิบัตหิ รือผลประโยชน์ ผลประโยชน์สว่ นตน (private interest) หมายถงึ ส่งิ ใดๆที่มผี ลต่อ บคุ คล/กลมุ่ ไมว่ ่าในทางบวก หรอื ลบ “ผลประโยชนส์ ว่ นตน” ไม่ได้ครอบคลุมเพียงผลประโยชนด์ า้ น การงานหรอื ธุรกิจของเจา้ หน้าทแ่ี ต่ รวมถงึ คนทตี่ ิดต่อสัมพันธ์ดว้ ย เชน่ เพือ่ น ญาติคแู่ ข่ง ศัตรเู มอื่ ใด

เจา้ หน้าทีป่ ระสงคจ์ ะให้คนเหล่าน้ไี ด้หรอื เสยี ประโยชน์เมอ่ื นน้ั ก็ถือว่ามเี รื่องผลประโยชน์สว่ นตนมา เกย่ี วขอ้ ง ผลประโยชนส์ ่วนตนมี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ผลประโยชน์ทเ่ี ก่ียวกับเงิน (pecuniary) - ผลประโยชนส์ ว่ นตนทีเ่ กี่ยวกบั เงนิ ไม่ได้เก่ยี วกบั การไดม้ าซงึ่ เงนิ ทองเทา่ น้ันแตย่ ังเก่ยี วกับ การเพ่ิมพนู ประโยชนห์ รอื ปกป้องการสญู เสยี ของสิง่ ท่ีมอี ยู่แลว้ เชน่ ท่ีดนิ หนุ้ ตาแหนง่ ในบริษัทท่ีรบั งานจาก หน่วยงาน รวมถงึ การไดม้ าซ่ึงผลประโยชนอ์ ืน่ ๆที่ไม่ได้อยู่ในรปู ตัวเงิน เช่น สัมปทาน ส่วนลด ของขวัญหรอื ขอที่แสดงนา้ ใจไมตรีอนื่ ๆ 2. ผลประโยชน์ที่ไมเ่ ก่ียวกับเงิน (non-pecuniary) - ผลประโยชน์ทีไ่ มเ่ ก่ยี วกับเงิน เกดิ จากความสมั พันธร์ ะหว่างบคุ คลครอบครวั หรือกิจกรรม ทางสงั คมวฒั นธรรม อน่ื ๆ เช่น สถาบันการศึกษา สมาคม ลัทธิแนวคดิ ฯลฯ มักอยูใ่ นรูปความลาเอยี ง อคต/ิ เลอื กท่ีรักมักท่ีชงั และมี ขอ้ สงั เกตว่าแม้แตค่ วามเช่อื / ความคิดเหน็ ส่วนตัวก็จดั อยูใ่ นประเภทนี้ ผลประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์สำธำรณะ (Public Interest) หมายถึง ประโยชน์ของ ชมุ ชนโดยรวม ไมใ่ ช่ผลรวมของผลประโยชน์ของปจั เจกบคุ คลและไม่ใช่ผลประโยชนข์ องกลุม่ คน การระบุ ผลประโยชน์ สาธารณะไม่ใช่เรื่องงา่ ยแต่ในเบอ้ื งตน้ เจ้าหนา้ ทีภ่ าครัฐสามารถให้ความสาคัญอนั ดบั ต้น แกส่ ิง่ นโ้ี ดย 1. ทางานตามหน้าท่ีอยา่ งเต็มที่และมีประสิทธิภาพ 2. ทางานตามหนา้ ท่ตี ามกรอบและมาตรฐานทางจริยธรรม 3. ระบผุ ลประโยชน์ทับซ้อนที่ตนเองมหี รืออาจจะมีและจัดการอย่างมปี ระสิทธิภาพ 4. ใหค้ วามสาคัญอนั ดบั ตน้ แก่ผลประโยชน์สาธารณะมีความคาดหวงั ว่าเจา้ หน้าท่ตี ้องจากัด ขอบเขตทีป่ ระโยชน์ สว่ นตนจะมามีผลตอ่ ความเป็นกลางในการทาหน้าที่ 5. หลกี เลย่ี งการตัดสนิ ใจหรือการทาหน้าท่ีท่ีมีผลประโยชน์ทับซอ้ น 6. หลกี เลี่ยงการกระทา/กจิ กรรมสว่ นตนที่อาจทาให้คนเห็นว่าได้ประโยชน์จากข้อมูลภายใน 7. หลกี เล่ียงการใช้ตาแหน่งหน้าท่ีหรือทรัพยากรของหนว่ ยงานเพ่ือประโยชน์สว่ นตน 8. ปอ้ งกนั ข้อครหาว่าได้รบั ผลประโยชนท์ ่ไี ม่สมควรจากการใชอ้ านาจหนา้ ท่ี 9. ไม่ใชป้ ระโยชนจ์ ากตาแหน่งหรอื ข้อมลู ภายในที่ได้ขณะอยูใ่ นตาแหนง่ ขณะทไ่ี ปหาตาแหน่งงานใหม่ องค์กร สากล หรอื Organization for Economic Cooperation and Development (OECD) ได้นิยาม ผลประโยชนท์ ับซอ้ น (Conflict of Interests) ว่าเปน็ ความทบั ซ้อนระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและ ผลประโยชน์ สาธารณะท่ีมผี ลต่อการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของเจ้าหนา้ ทีภ่ าครฐั ผลประโยชนท์ ับซ้อนแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังน้ี 1. ผลประโยชน์ทับซอ้ นทเ่ี กดิ ขึน้ จริง (actual) มีความทบั ซ้อนระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน และสาธารณะ เกิดขึ้น

- ผลประโยชน์ทับซอ้ นทเ่ี หน็ (perceived & apparent) เป็นผลประโยชน์ทบั ซ้อนที่คนเห็น ว่ามี แตจ่ ริง ๆ อาจ ไมม่ ีก็ได้ถา้ จัดการผลประโยชนท์ บั ซอ้ นประเภทน้ีอย่างขาดประสทิ ธิภาพ ก็อาจนามาซ่ึง ผลเสยี ไม่น้อยกวา่ การ จดั การผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกิดข้นึ จรงิ ข้อนแ้ี สดงว่าเจา้ หนา้ ทีไ่ ม่เพียงแตจ่ ะต้อง ประพฤตติ นอยา่ งมจี รยิ ธรรม เทา่ นน้ั แต่ต้องทาใหค้ นอื่น ๆ รบั รู้ และเหน็ ด้วยว่าไม่ไดร้ ับประโยชน์เช่นนนั้ จริง - ผลประโยชนท์ ับซอ้ นท่เี ปน็ ไปได้ (potential) ผลประโยชน์สว่ นตนทมี่ ใี นปจั จบุ ันอาจจะ ทับซอ้ นกับ ผลประโยชนส์ าธารณะไดใ้ นอนาคต หน้าที่ทับซอ้ น (conflict of duty) ผลประโยชน์เบียดซ้อนกัน (competing interests) แบง่ เปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี - ประเภทแรก เกดิ จากการที่เจา้ หนา้ ที่มีบทบาทหน้าท่ีมากกวา่ หนง่ึ เช่น เป็นเจ้าหนา้ ท่ี ในหน่วยงานและเปน็ คณะกรรมการด้านระเบยี บวนิ ัยประจ าหน่วยงานดว้ ย ปญั หาจะเกดิ เมอ่ื ไมส่ ามารถ แยกแยะบทบาทหนา้ ท่ีทง้ั สองออกจากกันได้ อาจทาให้ทางานไม่มปี ระสิทธภิ าพหรือแมก้ ระท่งั เกดิ ความผดิ พลาดหรือผิดกฎหมาย ปกติ หนว่ ยงานมักมีกลไกป้องกนั ปัญหานีโ้ ดยแยกแยะบทบาทหนา้ ทต่ี ่างๆ ใหช้ ดั เจน แตก่ ย็ งั มีปัญหาไดโ้ ดยเฉพาะ อยา่ งย่ิงในหนว่ ยงานท่ีมีกาลังคนน้อย หรอื มเี จา้ หน้าทีบ่ างคนเท่านั้น ท่ีสามารถทางานบางอย่างท่ีคนอืน่ ๆ ทา ไมไ่ ด้ คนสว่ นใหญ่ไมค่ ่อยหว่ งปญั หานก้ี นั เพราะดเู หมอื นไม่มเี รื่อง ผลประโยชนส์ ่วนตนมาเก่ียวขอ้ ง - ประเภทท่สี อง เกิดจากการท่เี จา้ หน้าทีม่ บี ทบาทหนา้ ท่มี ากกว่าหนง่ึ บทบาท และการทาบทบาท หนา้ ทใ่ี น หน่วยงานหนงึ่ น้ัน ทาให้ได้ขอ้ มูลภายในบางอยา่ งที่อาจนามาใช้เป็นประโยชน์แกก่ ารทาบทบาทหนา้ ที่ ให้แก่อีก หน่วยงานหน่งึ ได้ ผลเสยี คือถ้านาข้อมลู มาใช้ก็อาจเกดิ การประพฤตมิ ชิ อบ หรอื ความลาเอยี ง/อคติ ต่อคนบางกลมุ่ ควรถือว่าหน้าทท่ี ับซ้อนเปน็ ปญั หาผลประโยชนท์ ับซ้อนด้วยเพราะวา่ มี หลกั การจัดการ แบบเดียวกัน น่ันคอื การตัดสินใจทาหนา้ ท่ีต้องเป็นกลางและกลไกการจัดการผลประโยชน์ทับ ซอ้ นกส็ ามารถนามาจัดการกับหนา้ ทท่ี บั ซ้อนได้ รูปแบบของผลประโยชน์ทับซอ้ น แบ่งออกเป็น 7 รปู แบบ ไดแ้ ก่ 1. การรับผลประโยชน์ตา่ ง ๆ (Accepting benefits) คอื การรบั สินบน หรอื รบั ของขวญั หรอื ผลประโยชน์ ใน รูปแบบอื่น ๆ ท่ีไม่เหมาะสมและมีผลตอ่ การปฏิบัตงิ านของเจา้ หน้าที่ เชน่ หน่วยงานราชการรับเงินบริจาค สรา้ งสานกั งานจากนักธรุ กจิ หรอื บรษิ ทั ธุรกจิ ทเ่ี ป็นคสู่ ัญญากบั หน่วยงาน การใช้งบประมาณ ของรัฐเพือ่ จัดซ้ือ จดั จา้ งแลว้ เจา้ หนา้ ท่ีไดร้ ับของแถมหรือผลประโยชน์อ่นื ตอบแทน 2. การทาธุรกิจกบั ตัวเอง (Self-dealing) หรอื เปน็ คสู่ ญั ญา (Contracts) หมายถึง สถานการณ์ที่เจ้าหนา้ ที่ ของ รฐั มีส่วนไดเ้ สียในสญั ญาทท่ี ากบั หน่วยงานท่ตี นสงั กัด เชน่ การใช้ตาแหน่งหนา้ ที่ ท่ีทาให้หน่วยงานทาสัญญา ซอ้ื สินคา้ จากบริษัทของตนเองหรอื จ้างบริษทั ของตนเองเป็นท่ีปรึกษา หรือซ้อื ทีด่ ิน ของตนเองในการจดั สรา้ งสานกั งาน 3. การทางานหลังจากออกจากตาแหน่งสาธารณะหรอื หลงั เกษยี ณ (Post-employment) หมายถึง การท่ี บคุ ลากรออกจากหนว่ ยงานของรัฐ และไปทางานในบริษทั เอกชนท่ดี าเนินธรุ กจิ ประเภทเดยี วกบั ทต่ี นเองเคยมี อานาจควบคุม กากับ ดูแล 4. การทางานพิเศษ (Outside employment or moonlighting) เช่น เจา้ หน้าทีข่ องรัฐตง้ั บริษทั ดาเนนิ ธุรกิจที่เปน็ การแข่งขันกับหน่วยงานหรือองค์กรสาธารณะที่ตนสังกดั หรอื การรับจ้างเปน็ ทีป่ รึกษา โครงการโดย อาศยั ตาแหน่งในราชการสร้างความนา่ เช่ือถือวา่ โครงการของผ้วู า่ จา้ งจะไม่มีปัญหาตดิ ขดั ในการ พจิ ารณาจาก หน่วยงานท่ีตนสังกดั อยู่

5. การรับรูข้ ้อมลู ภายใน (Inside information) หมายถงึ สถานการณ์ทีผ่ ดู้ ารงตาแหนง่ สาธารณะ ใช้ประโยชน์ จากการรขู้ ้อมลู ภายในเพ่ือประโยชนข์ องตนเอง เชน่ ทราบว่าจะมกี ารตัดถนนไปตรงไหนก็รบี ไปซ้ือ ทีด่ นิ โดยใส่ ชือ่ ภรรยา หรอื ทราบว่าจะมีการซอ้ื ทด่ี ินเพ่ือทาโครงการของรัฐกร็ ีบไปซ้ือที่ดินเพ่ือเกง็ กาไรและขาย ให้กับรฐั ใน ราคาทส่ี ูงขึน้ 6. การใช้ทรัพย์สินของหน่วยงานเพ่ือประโยชนข์ องธรุ กิจสว่ นตวั (Using your employer’s property for private advantage) เชน่ การนาเครอื่ งใช้สานกั งานตา่ ง ๆ กลับไปใช้ทีบ่ า้ น การนารถยนตใ์ นราชการ ไปใชเ้ พือ่ งานส่วนตัว 7. การนาโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตง้ั เพ่ือประโยชน์ในทางการเมือง (Pork-belling) เชน่ การที่ รัฐมนตรอี นมุ ัตโิ ครงการของกระทรวงไปลงในพนื้ ที่หรอื บ้านเกดิ ของตนเอง หรือการใชง้ บประมาณสาธารณะ เพ่ือการหาเสียงเลือกต้งั จากรูปแบบประเภทต่างๆของปัญหาความขดั แย้งกันในประโยชน์สว่ นตัวและประโยชน์ สว่ นรวม จะเห็นว่าโอกาสความเป็นไปได้ทจี่ ะเกดิ ปัญหามสี งู มากเพราะปัญหาดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลมุ พฤติกรรม ที่เขา้ ขา่ ยความขัดแยง้ อยา่ งกวา้ งขวาง ดงั นั้นกลไกหรอื เครอ่ื งมือส่วนใหญ่ทีใ่ ช้ในการจดั การกบั ปัญหา ความขัดแยง้ ของผลประโยชน์ส่วนตัวกบั ผลประโยชน์ส่วนรวม คือ การมหี ลกั คุณธรรมและจรยิ ธรรม ใน การทางานของบุคคลสาธารณะรวมถงึ การมีกฎหมายที่สามารถครอบคลุมถึงการกระทาผดิ เกีย่ วกบั ผลประโยชน์ทับซอ้ นทุกรูปแบบ หน่วยงำนทรี่ บั รอ้ งเรยี นและข้นั ตอนกำรดำเนินกำร กรณีเมอ่ื พบเหน็ พฤติกรรมท่เี ปน็ ผลประโยชน์ทับซ้อน 1. ศูนย์ปฏบิ ัติการตอ่ ต้านการทจุ ริต กระทรวงแรงงาน ทอ่ี ยู่ : ศนู ย์ปฏบิ ัตกิ ารตอ่ ตา้ นการทจุ รติ กระทรวง แรงงาน ชัน้ 8 อาคารสานักงานประกันสังคม เขตพน้ื ที่ 3 กระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขต ดนิ แดง 10400 โทรศัพท์ : 0-2232-1003 โทรสาร : 0-2248-2051 เวปไซต์ : http://zerocorruption.mol.go.th 2. สานกั งานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทอี่ ยู่ : ศนู ยร์ าชการเฉลมิ พระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธนั วาคม 2550 อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี (อาคารบี) ชนั้ 5 เลขที่ 120 หมู่ท่ี 3 ถนนแจง้ วัฒนะ แขวงทุง่ สองหอ้ ง เขตหลกั สี่ กรงุ เทพฯ 10210 โทรศัพท์ : 0-2141-9100 หรอื 1676 โทรสาร : 0-2143-8341 เวปไซต์ : http://www.ombudsman.go.th 3. ศนู ยด์ ารงธรรม กระทรวงมหาดไทย ทอี่ ยู่ : กระทรวงมหาดไทย ถนนอษั ฎางค์ กรงุ เทพฯ 10200 โทรศพั ท์ : 0-2222-1141 ถึง 55 โทรศพั ท์สายดว่ น : 1567 เวปไซต์ : http://www.damrongdhama.moi.go.th 4. ศาลปกครอง ทอี่ ยู่ : เลขท่ี 120 หมู่ท่ี 3 ถนนแจง้ วฒั นะ แขวงทงุ่ สองหอ้ ง เขตหลักส่ี กรงุ เทพฯ 10210 โทรศพั ท์ : 0-2141-1111 โทรศัพท์สายดว่ น : 1355 เวปไซต์ : http://www.admincourt.go.th 5. สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ (สานกั งาน ป.ป.ช.) ทอ่ี ยู่ : เลขที่ 361 ถ.นนทบรุ ี ต.ทา่ ทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี 11000 หรอื ตู้ ปณ. 100 เขตดสุ ติ กทม. โทรศพั ท์ : 0-2528-4800 - 4849 เวปไซต์ : https://www.nacc.go.th 6. สานักงานการตรวจเงนิ แผ่นดิน ท่ีอยู่ : ถนนพระรามท่ี 6 เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ : 0-2271- 8000 เวปไซต์ : http://www.oag.go.th

7. มลู นธิ ปิ ระเทศไทยใสสะอาด ทอี่ ยู่ : 47/101 ถ.ตวิ านนท์ ต.ตลาดขวญั อ. เมือง จังหวัดนนทบรุ ี 11000 โทรศพั ท์ : 02-547-1711 เวปไซต์ : http://www.fact.or.th 8. ศนู ย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกระทรวงการคลงั ท่ีอยู่ :สานกั งานปลดั กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรงุ เทพฯ 10400 โทรศัพท์ : 02-126-5800 ต่อ 2634 เวปไซต์ : acoc.mof.go.th แนวทำงกำรป้องกันทจุ รติ คอร์รัปชั่นในสังคมไทย ในปจั จุบนั ไดม้ รี ายงานขององคก์ ารเพอ่ื ความโปรง่ ใสนานาชาติ (Transparency International - TI) ซึ่งก่อตัง้ เมื่อปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) ในประเทศเยอรมนี เป็นองค์การไมม่ ุ่งหวังผลกาไร และเปน็ องคก์ ร ภาคประชาสงั คมระดบั โลกโดยมเี ครือข่ายใน 120 ประเทศทั่วโลก และไดม้ ีดรรชนีชว้ี ดั ภาพลักษณ์ คอรร์ ปั ชนั่ Corruption Perceptions Index (CPI) และได้มีการพฒั นาโดย องค์การเพอื่ ความโปรง่ ใส นานาชาติ และมหาวิทยาลยั Gottingen ในประเทศเยอรมนี เพ่อื จดั อนั ดบั ภาพลักษณ์คอรร์ ัปช่ันในประเทศ ต่างๆ ทวั่ โลกเป็นประจาทกุ ปีต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2538 เปน็ ตน้ มา ค่าคะแนนของ CPI เร่มิ ต้งั แต่ 0 คะแนน ถงึ 10 คะแนน โดย 0 คะแนน เป็นคะแนนต่าสดุ หมายถงึ ภาพลักษณ์คอร์รัปชัน่ สงู สดุ ส่วน 10 คะแนน เป็น คะแนนสงู สดุ หมายถงึ มีภาพลักษณ์คอรร์ ัปชน่ั น้อยสดุ หรอื มีความโปรง่ ใสสูงสุด การอนั ดับความโปร่งใสของประเทศต่างๆ ในปี พ.ศ. 2551 นัน้ ประเทศทมี่ คี วามโปร่งใสเป็นอนั ดบั หน่งึ มี 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก นวิ ซแี ลนดแ์ ละสวีเดน ได้ 9.3 คะแนน ส่วนประเทศในเอเชีย ได้แก่ สงิ คโปร์ อยใู่ นอนั ดับที่ 4 ได้ 9.2 คะแนน สาหรบั ประเทศไทยนั้นอยู่ในอันดับที่ 80 ได้ 3.5 คะแนนจาก ทง้ั หมด 10 คะแนน และเปน็ การสารวจจากท้ังหมด 180 ประเทศทวั่ โลก (http://www.transparency.org/policy_research/surveys_indices/cpi/2008) จากรายงานทาใหเ้ ห็นว่าประเทศไทยอันดบั ความโปร่งใสของประเทศไทยอยู่ในอนั ดบั นน้ั ยังมปี ัญหา การทุจริตคอร์รปั ช่นั และการฉ้อราษฎรบ์ งั หลวงอยู่มาก และเปน็ ปญั หาปัญหาที่เรื้อรังและหมกั หมมมาอย่าง ยาวนานในสังคมไทย และเป็นปญั หาซงึ่ ยากตอ่ การแก้ไขได้ ซ่งึ คาว่าทุจริตคอรร์ ัปชน่ั ได้มนี ักวชิ าการหลายทา่ น ไดใ้ หค้ านิยามความหมายไว้ เชน่ อษุ ณี ภทั รมนตรี (2548,น.12) ได้กลา่ วถึง คาวา่ “โดยทุจรติ “วา่ เปน็ คาท่ีมี ความหมายพเิ ศษทบ่ี ัญญัติไวใ้ นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (1) แสดงถึงมูลเหตจุ งู ใจให้บุคคล กระทา “เพื่อแสวงหาประโยชนท์ ่ีมิควรไดโ้ ดยชอบด้วยกฎหมายสาหรบั ตนเองหรือผอู้ ่นื ” ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 นน้ั ไดบ้ ัญญตั วิ า่ หมายถึง “การปฏิบัตหิ รอื ละเวน้ การปฏิบตั อิ ยา่ งใดอย่างหนึง่ ในตาแหนง่ หรอื ละเวน้ การปฏบิ ัติอย่างใดในพฤติการณท์ ี่อาจทาใหผ้ ู้อนื่ เชือ่ วา่ มีตาแหน่งหรือหน้าท่ีทง้ั ท่ตี นมิได้มีตาแหน่งหรือหนา้ ท่ี นัน้ หรอื ใชอ้ านาจในตาแหนง่ หน้าทที่ ัง้ น้ีเพ่ือแสวงหาประโยชนท์ ีม่ คิ วรไดโ้ ดยชอบสาหรบั ตนเองหรอื ผู้อื่น” สาหรับรปู แบบของการทุจรติ คอร์รปั ชั่นในสังคมไทยนน้ั สังศติ พิรยิ ะรังสรรค์ (2549,น.41) ได้ นาเสนอไวว้ า่ มี 15 ลกั ษณะ ดังน้ี คอื 1) การแสวงหาค่าเชา่ ทางเศรษฐกิจ เชน่ การผกู ขาด การให้สมั ปทาน และการเรยี กเกบ็ ส่วนแบ่งอย่าง ผดิ กฎหมาย โดยการสร้างความขาดแคลนเทียม เชน่ ปัญหาการขาดแคลนนา้ ตาล

2) เครพโตเครซี (Kleptocracy) เปน็ การฉกฉวยทรัพยากรของรัฐมาเปน็ ของครอบครัวและอาจ กระทาโดยการแปรรูปรัฐวสิ าหกิจ 3) การมีผลประโยชน์ทบั ซ้อน สถานการณ์ท่เี จ้าหน้าทีข่ องรัฐมีผลไดร้ บั ผลเสยี ส่วนตวั และผลดังกลา่ ว มอี ิทธิพลตอ่ การตดั สนิ ใจ หรือการกระทาหน้าที่โดยขาดความเท่ียงธรรม 4) การใชอ้ ิทธิพลทางการเมืองหาผลประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์ (ปัน่ ราคาหนุ้ ของตวั เอง) 5) ปกปดิ การบริหารงานที่ไม่ถูกต้อง การปิดบังและใหก้ ารเท็จ 6) การใชน้ โยบาย กฎหมาย กฎเกณฑ์ ขอ้ บังคบั ตา่ งๆ อย่างมอี คตแิ ละลาเอียง 7) การใช้อิทธิพลทางการค้า แสดงบทบาทเป็นนายหนา้ หรือมผี ลประโยชนท์ บั ซ้อน จากการค้าตา่ ง ตอบแทน การแลกเปลี่ยนสินคา้ เกษตรกับประเทศคูค่ ้า 8) การใชท้ รัพยากรของรฐั ไปในทางมิชอบ การปลอมแปลงเอกสาร การฉอ้ ฉล การใชก้ องทนุ ของรัฐ เพอื่ ไปหาผลประโยชน์ทางการเมือง 9) ไม่กระทาการตามหน้าที่ แตใ่ ชล้ ทั ธิพรรคพวกแทน เชน่ การฮวั้ ประมูล 10) การให้และการรบั สนิ บน การขเู่ ข็ญบงั คับและการให้ส่ิงล่อใจ 11) การยอมรับของขวัญที่ไม่ถูกต้อง เชน่ เช็คของขวัญมลู ค่าสูงและสนิ บนมูลคา่ สูง 12) ผู้บริหารประเทศทาตัวเปน็ ผู้อปุ ถัมภร์ ายใหญ่ของประเทศ โดยการใชน้ โยบายประชานยิ ม 13) ใชอ้ านาจของตารวจ ทหาร และขา้ ราชการในทางทผ่ี ดิ 14) ทจุ รติ การเลอื กตัง้ ทงั้ การซ้อื เสยี ง และการทุจรติ ด้วยวธิ ตี า่ งๆ 15) การบริจาคเพ่ือช่วยเหลือการณรงค์ที่ผิดกฎหมาย เชน่ การบริจาคใหแ้ ก่นักการเมืองและพรรค การเมืองรฐั บาล เพ่ือทจ่ี ะมอี ิทธิพลต่อการกาหนดนโยบายของรฐั บาล ส่วนองคป์ ระกอบท่ีทาใหร้ ะบบทุจรติ คอรร์ ปั ชัน่ มโี ครงสร้างรากฐานอนั แขง็ แกร่งและดารงอย่ใู น ปัจจบุ ันน้นั เกรียงศักด์ิ เจริญวงศ์ศกั ด์ิ (2547,น. 22-26) ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ มีสาเหตมุ าจากองค์ประกอบตา่ งๆ คือ 1) ระบบการเมืองและระบบราชการมีเกราะกาบังที่แน่นหนา 2) ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็งและขาดผู้นาในการต่อต้านคอร์รปั ชัน่ ทแ่ี ข็งแกร่ง 3) คา่ นิยมท่ีเป็นอปุ สรรคฝังรากลึกในสังคม คา่ นิยมของคนในสงั คมทเ่ี ป็นเหตใุ หเ้ กิดพฤติกรรม คอร์รปั ชน่ั เช่น ค่านยิ มในสังคมอุปถัมภ์ 4) การขาดจิตสานักเพ่อื ส่วนรวม ซ่ึงปจั จบุ นั คนในสังคมยังขาดอุดมการณ์ และขาดจิตสานึกเพื่อ ส่วนรวม สาหรบั แนวทางและวิธกี ารป้องกนั และปราบปรามคอร์รัปช่ันตา่ งประเทศ เชน่ ประเทศฟินแลนด์ สงิ คโปร์ ฮอ่ งกง เกาหลีใต้ นนั้ วิทยากร เชยี งกูล (2549,น.71) ไดน้ าเสนอไว้พอสรุปสาระสาคัญได้ ดังน้ี คือ 1) การออกกฎหมาย การออกพระราชบญั ญตั ิ การมรี ะบบนิติบญั ญตั ิ ศาล และการบริหารจัดการท่ี ดี พรอ้ มทง้ั ยุทธศาสตร์ มีมาตรการในการป้องกนั และปราบปรามอย่างใกล้ชิด 2) การสรา้ งค่านิยมของประชาชน และการเปน็ สังคมท่ีเสมอภาค ไม่มีความความแตกตา่ งทางชนชน้ั 3) การใหม้ ีองค์กรอิสระเป็นองค์กรท่ีมอี านาจและมบี ทบาทสงู ในการปราบปรามคอร์รปั ชนั่ ที่มี ประสทิ ธิภาพและโปร่งใส พร้อมทงั้ ผู้พิทักษ์ความยตุ ิธรรม

4) การทาให้รัฐมีความโปรง่ ใสและความเปิดเผย โดยการท่ีประชาชนมสี ิทธิเข้าถงึ ข้อมูลข่าวสาร และ การเข้าไปมสี ่วนร่วม 5) ความตงั้ ใจจรงิ ในการแก้ไขปญั หาคอร์รปั ชั่น 6) การกระจายอานาจ คือการใหห้ ลายองค์กรทางานร่วมกันมากกวา่ จะรวมศนู ย์อานาจไว้ทอี่ งค์กร เดียว 7) การใหผ้ หู้ ญิงมบี ทบาทการตัดสินใจทางการเมืองสูง สว่ นแนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการทจุ ริตในประเทศไทยไดน้ ักวิชาการของประเทศไทย หลายท่านไดใ้ ห้ข้อเสนอแนะไวอ้ ยา่ งน่าสนใจ เช่น ศาสตราจารยน์ ายแพทย์ประเวศ วะสี อา้ งถงึ ใน วทิ ยากร เชยี งกลู (2549,น.163) ได้ใหข้ อ้ เสนอไว้เป็นแนวทางในการแกป้ ญั หาการทจุ รติ คอรร์ ัปชน่ั สรุปได้ ดงั น้ี คอื 1) การตัง้ คณะกรรมการอสิ ระขน้ึ มาตรวจสอบ แตค่ วรมวี ิธีการคัดเลือกคนทีม่ ีความสามารถ มี คุณธรรมท่ีเปน็ กลางไม่อิงพรรคการเมืองเข้ามาทางาน ใหง้ บประมาณและความรบั ผดิ ชอบเพิม่ ขน้ึ 2) การสง่ เสริมสอื่ มวลชนให้มีอิสระในการตรวจสอบ เชน่ มีการต้งั กองทุนวจิ ยั เพ่อื ส่ือมวลชน จะเกิด พลงั สังคมในการตรวจสอบคอรร์ ัปชนั่ เพราะเคร่ืองมือทห่ี ยุดย้งั คอร์รปั ชน่ั ได้ชะงักทสี่ ุดคือส่ือมวลชนทอี่ สิ ระ กล้าและสามารถตรวจสอบได้ 3) การออกจากโครงสร้างอานาจเบด็ เสร็จ เพราะการแกไ้ ขปัญหาสังคมทย่ี ากและซับซ้อนได้จะต้อง เปิดพ้ืนท่ีทางสงั คมและพ้ืนที่ทางปัญญาอย่างกว้างขวางแลว้ จัดความสัมพันธร์ ะหวา่ งองค์กรต่างๆให้เป็นไป ตามทีส่ งั คมต้องการ 4) ปฏวิ ัตจิ ิตสานกึ ปฏวิ ตั ศิ ีลธรรม จิตสานกึ ใหมแ่ ละจติ สานึกทางศีลธรรม จะพาให้ออกจากโครงสร้าง ท่ที าใหเ้ กิดวกิ ฤติ คอรร์ ัปชน่ั และวิกฤตศิ ีลธรรมไปสู่สงั คมทีเ่ ปน็ ธรรมและสนั ติ ทางด้าน วทิ ยากร เชียงกูล (2549,น.169) นาเสนอแนวทางการแกไ้ ขปญั หาการทจุ ริตคอรร์ ัปช่ันใน สังคมไทยไว้ 3 แนวทางคอื 1) การปฏิรปู การเมือง ให้เป็นประชาธปิ ไตยแบบประชาชนมสี ่วนรว่ มไดม้ ากกวา่ แค่การเลือกต้ัง ให้ ประชาชนมสี ทิ ธิและอานาจในการจดั ต้ังองค์กรอิสระที่เป็นกลางมาตรวจสอบและถอดถอนนกั การเมืองและ เจา้ หน้าทรี่ ัฐท่ีทจุ ริตคอรร์ ปั ชั่นได้ 2) การปฏิรูปองค์กรด้านการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ และประพฤติมชิ อบให้เป็นองค์กรอิสระ เลอื กคนดี คนเก่งเข้ามาทางานรวมทง้ั ตราพระราชบัญญตั ิตั้งองค์กรอสิ ระเพ่ิมขึน้ และเร่งปฏิรปู กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทุกระดับ ระบบราชการ การศึกษา และการสื่อสารมวลชนเพอ่ื ใหก้ ลไกทางกฎหมาย การศกึ ษาและระบบขอ้ มูลข่าวสารทางานได้มปี ระสิทธิภาพ โปร่งใส เน้นความถกู ต้องชอบธรรม 3) ประชาชน นกั วิชาการ ส่อื มวลชนต้องรว่ มกันศึกษาทาความเข้าใจและเผยแพร่ความรู้ระบบ เศรษฐกจิ ธรุ กจิ สมัยใหม่ทีม่ ีความซบั ซอ้ น เพื่อใหร้ ้เู ท่าทนั นักการเมืองมากท่สี ดุ และสนับสนนุ การรวมตัวของ ภาคธรุ กจิ ภาคประชาชนทกุ ฝ่าย เป็นองค์กรผูบ้ รโิ ภคและองค์กรเพื่อความโปรง่ ใสที่เข้มแขง็ ตดิ ตามตรวจสอบ การทางานของทง้ั ภาครฐั และเอกชน ดังนั้น แนวทางหรือมาตรการแก้ไขปญั หาการปอ้ งกันการทุจริตคอรร์ ปั ชั่นในสงั คมไทย นอกจากการ ใช้มาตรการทางด้านกฎหมายในการปราบปรามแล้ว มาตรการในการป้องกันทุจรติ คอรร์ ัปช่นั โดยการใหท้ กุ

ภาคส่วนรว่ มกนั ศึกษาเรียนรู้และทาความเข้าใจและชว่ ยกันเผยแพรค่ วามรู้ทางดา้ นธุรกิจสมัยใหมท่ ่มี ีความ หลากหลายและสลับซบั ซ้อนเพอื่ ใหร้ ้เู ท่าทันนักการเมืองในปจั จุบันได้ โดยให้สื่อมวลชน องค์กรอิสระ และ องค์กรตรวจสอบภาคประชาชนเขา้ มามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทจุ รติ คอร์รปั ชั่นจึงเปน็ แนวทางหนึง่ ท่จี ะ ปอ้ งกนั การคอรร์ ปั ช่ันได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

บทที่ 3 วิธกี ำรดำเนนิ งำน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองชลบรุ ี ไดเ้ ล็งเหน็ ความสาคัญในการจัดจงึ ได้ จดั ทาโครงการปลูกฝงั วธิ ีคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวม โดยมขี ้ันตอนดังนี้ 1. ประชมุ คณะกรรมการ กศน.ตาบล และองค์กรนักศกึ ษา กศน.ตาบลนาปา่ 2. จดั ตง้ั คณะทางาน 3. ประสานงาน/ประชาสมั พันธ์ 4. ดาเนนิ งานตามแผน 5. วดั ผล/ประเมนิ ผล/สรปุ ผลและรายงาน 1. ประชุมบคุ ลำกรกรรมกำร กศน.ตำบลนำป่ำ กศน.ตาบลนาปา่ ได้วางแผนงานร่วมกบั คณะกรรมการ กศน.ตาบล และองค์กรนักศึกษา กศน. ตาบลนาปา่ เพื่อหาแนวทางในการดาเนินงานและกาหนดวตั ถปุ ระสงคร์ ว่ มกนั 2. จดั ตัง้ คณะทำงำน จัดทาคาสง่ั แต่งตั้งคณะทางานโครงการ เพื่อมอบหมอบหมายหนา้ ท่ใี นการทางานใหช้ ดั เจน 2.1 คณะกรรมการท่ปี รกึ ษา/อานวยการ มีหน้าทีอ่ านวยความสะดวก และให้คาปรึกษาแกไ้ ข ปญั หาที่เกดิ ขนึ้ 2.2 คณะกรรมการฝ่ายจดั สถานท่ี มีหนา้ ที่ จัดโต๊ะ เกา้ อ้ี เวทกี ารดาเนนิ งานให้เรียบร้อย รวมท้ัง จดั หาเคร่ืองเสยี ง อานวยความสะดวก ตลอดการจดั กิจกรรม 2.3 คณะกรรมการฝ่ายบันทกึ ภาพและประชาสมั พนั ธ์ มีหน้าทบ่ี นั ทึกภาพกิจกรรมตลอดโครงการ และประชาสัมพนั ธก์ ิจกรรมให้สาธารณชนได้ทราบ 2.4 คณะกรรมการฝ่ายรบั ลงทะเบยี นและประเมนิ ผลหนา้ ทีจ่ ดั ทาหลกั ฐานการลงทะเบียน ผู้เข้ารว่ มโครงการและรวบรวมการประเมินผล และรายงานผลการดาเนินการ 3. ประสำนงำนกับผูเ้ รียน/ประชำสัมพนั ธ์ ประสานงานกบั วิทยากร ประชาชน และเครือข่ายในตาบล เช่น ประสานเร่ืองสถานที่ใช้ทา กจิ กรรม รูปแบบการจดั กิจกรรมโครงการ วัน เวลา สถานท่ี รายละเอยี ดการเขา้ รว่ มกิจกรรม พร้อมทงั้ ประชาสมั พนั ธ์การจดั กจิ กรรม 4. ดำเนนิ กำรตำมแผนงำนโครงกำร โครงการปลูกฝงั วธิ คี ดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม วันที่ 5 มนี าคม 2563 ณ กศน.ตาบลนาป่า หมู่ท่ี 7 ตาบลนาป่า อาเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบรุ ี มี ประชาชนผู้เขา้ ร่วมโครงการฯ เป็นจานวน 15 คน

5. วัดผล/ประเมินผล/สรปุ ผลและรำยงำน โครงการปลกู ฝงั วธิ คี ดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตวั และผลประโยชน์สว่ นรวม วนั ที่ 5 มีนาคม 2563 ณ กศน.ตาบลนาปา่ หมู่ท่ี 7 ตาบลนาป่า อาเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบรุ ี มี ประชาชนผ้เู ขา้ รว่ มโครงการฯ เปน็ จานวน 15 คน กศน.ตาบลนาปา่ ได้ดาเนินการตามข้ันตอนและไดร้ วบรวมขอ้ มลู จากแบบสารวจสถิตทิ ่ีใชใ้ นการ วิเคราะห์ คือโดยกาหนดค่าลาดับความสาคัญของการประเมินผลออกเปน็ 5 ระดับ ดงั นี้ มากทีส่ ดุ ใหค้ ะแนน 5 มาก ใหค้ ะแนน 4 ปานกลาง ใหค้ ะแนน 3 นอ้ ย ใหค้ ะแนน 2 น้อยที่สดุ ใหค้ ะแนน 1 ในการแปลผล ผจู้ ัดทาได้ใช้เกณฑก์ ารพิจารณาจากคะแนนเฉล่ยี ตามแนวคิดของบุญชม ศรสี ะอาด และบุญสง่ นิวแก้ว (2535,หน้า 22-25) 4.51-5.00 หมายความวา่ ดมี าก 3.51-4.50 หมายความวา่ ดี 2.51-3.50 หมายความวา่ ปานกลาง 1.51-2.50 หมายความวา่ น้อย 1.00-1.50 หมายความว่า ตอ้ งปรบั ปรงุ ประชาชนท่ีเขา้ รว่ มโครงการฯ จะตอ้ งกรอกข้อมูลตามแบบสอบถาม เพอื่ นาไปใชใ้ นการประเมนิ ผล ของการจดั กิจกรรมดงั กลา่ ว และจะไดน้ าไปเป็นข้อมลู ปรับปรุง และพัฒนา ตลอดจนใชใ้ นการจัดทาแผนการ ดาเนินการในปีต่อไป

บทท่ี 4 ผลกำรดำเนนิ งำนและกำรวิเครำะห์ข้อมูล ในการจัดโครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 - 15.30 น. ณ กศน.ตาบลนาป่า หมู่ที่ 7 ตาบลนาป่า อาเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เข้าร่วมโครงการ จานวน 15 คน ซึ่งได้สรุปผลจากแบบสอบถามและ นาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล จากการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตาราง ซ่ึงได้สรุปผลจาก แบบสอบถามและนาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู จากผู้เขา้ ร่วม จานวน 15 ชดุ ตอนที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวผู้ตอบแบบถามของผู้เข้าร่วมโครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 - 15.30 น. ณ กศน.ตาบลนาป่า หมู่ท่ี 7 ตาบลนาป่า อาเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เข้าร่วมโครงการ จานวน 15 คน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมท่ีตอบแบบสอบถามได้นามาจาแนกตามเพศ อายุ และอาชีพ ผู้จัดทาได้ นาเสนอจาแนกตามขอ้ มลู ดงั กล่าว ดังปรากฏตามตารางท่ี 1 ดังต่อไปนี้ ตำรำงท่ี 1 แสดงคำ่ ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมเพศ ความคิดเห็น ชาย หญิง เพศ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ ผู้เข้ารว่ มกิจกรรมโครงการปลูกฝงั วิธคี ิดแยกแยะ 9 60.00 6 40.00 ผลประโยชนส์ ่วนตัวและผลประโยชน์สว่ นรวม จากตารางที่ 1 แสดงวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามของผู้เขา้ รว่ มโครงการปลูกฝงั วิธีคิดแยกแยะ ผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวม เปน็ ชาย 9 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 60.00 เปน็ หญิง 6 คิด เป็นรอ้ ยละ 40.00 ตำรำงท่ี 2 แสดงค่ำรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมอำยุ อายุ ตา่ กว่า 15 ปี 15-29 ปี 30-39 ปี 40-49 ปี 50-59 ปี 60 ปขี ึ้นไป ประเภท จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ ความคดิ เห็น ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม 1 6.67 9 60.00 3 20.00 2 13.33 - - -- โครงการปลูกฝงั วิธคี ิด แยกแยะผลประโยชน์ สว่ นตวั และ ผลประโยชน์ส่วนรวม

จากตารางท่ี 2 แสดงวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้ารว่ มผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการปลูกฝงั วธิ ีคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตวั และผลประโยชน์สว่ นรวม ในชว่ งอายุ ตา่ กว่า 15 ปี มีจานวน 1 คน คิดเป็น ร้อยละ 6.67 ในชว่ งอายุ 15-29 ปี มีจานวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 60.00 ในช่วงอายุ 30-39 ปี มีจานวน 3 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 20.00 ในชว่ งอายุ 40-49 ปี มีจานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 13.33 ตำรำงท่ี 3 แสดงคำ่ ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมอำชพี ประเภท รบั จา้ ง คา้ ขาย รับราชการ เกษตรกร อื่นๆ(วา่ งงาน) ความคดิ เห็น จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม โครงการปลูกฝังวธิ ี 6 40.00 -- -- -- 9 60.00 คิดแยกแยะ ผลประโยชน์ สว่ นตัวและ ผลประโยชน์ สว่ นรวม จำกตำรำงที่ 3 แสดงวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงการปลกู ฝังวิธีคิดแยกแยะ ผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชนส์ ่วนรวม ประกอบอาชพี รับจา้ ง มจี านวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 40.00 ประกอบอาชีพอน่ื ๆ มีจานวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 60.00 ตำรำงที่ 4 แสดงคำ่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถำม โดยจำแนกตำมระดบั กำรศึกษำ ประถม ม.ตน้ ม.ปลาย สูงกวา่ ม.ปลาย ความคดิ เห็น จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมโครงการ 9 60.01 2 13.33 2 13.33 2 13.33 ปลูกฝงั วิธีคดิ แยกแยะ ผลประโยชน์ส่วนตัวและ ผลประโยชนส์ ว่ นรวม จำกตำรำงท่ี 4 แสดงวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามของผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมผ้เู ขา้ รว่ มกิจกรรมโครงการ ปลูกฝังวธิ คี ิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชนส์ ่วนรวม การศึกษาระดับประถมศึกษา มีจานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 60.01 ระดบั ม.ต้น มจี านวน 2 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 13.33 ระดับ ม.ปลาย มีจานวน 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 13.33 ระดับสงู กว่า ม.ปลาย จานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 13.33 ตอนท่ี 2 ขอ้ มูลเกยี่ วกบั ควำมคิดเห็นของผ้เู ขำ้ รว่ มโครงการปลูกฝงั วธิ ีคิดแยกแยะผลประโยชน์ ส่วนตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวม ความคดิ เห็นของผ้เู ขา้ ร่วมกจิ กรรม จานวน 15 คน จากแบบสอบถาม

ทงั้ หมดท่ีมีตอ่ โครงการชมุ ชนนาปา่ ตา้ นยาเสพติด ณ ท่ีกศน.ตาบลนาปา่ หมู่ท่ี 7 ตาบลนาป่า อาเภอ เมอื งชลบรุ ี จังหวดั ชลบรุ ี ดังปรากฏในตารางท่ี 5 ตำรำงที่ 5 ผลการประเมนิ โครงการปลกู ฝงั วิธีคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวม

ตำรำงท่ี 5 ผลการประเมินโครงการปลกู ฝงั วธิ ีคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชน์สว่ นรวม เนื้อหาโครงการปลูกฝงั วธิ คี ิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและ X̄ N = 15 ผลประโยชน์สว่ นรวม S.D. อันดบั ที่ ระดบั ผลการประเมนิ 4.67 ตอนท่ี 1 ควำมพึงพอใจดำ้ นเน้ือหำ 4.80 0.49 5 ดมี าก 1.เนือ้ หาตรงตามความตอ้ งการ 4.67 0.41 3 ดีมาก 2.เนื้อหาเพยี งพอต่อความตอ้ งการ 4.80 0.49 5 ดีมาก 3.เนอื้ หาเปน็ ปจั จุบนั และทันสมยั 0.41 3 ดมี าก 4.เน้ือหามปี ระโยชน์ต่อการนาไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต 4.80 ตอนที่ 2 ควำมพึงพอใจด้ำนกระบวนกำรจัดกจิ กรรม 4.93 0.41 3 ดีมาก 5. การเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นจดั กิจกรรม 4.87 0.26 1 ดีมาก 6. การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ 4.73 0.35 2 ดมี าก 7. การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกบั เวลา 4.73 0.46 4 ดมี าก 8. การจัดกิจกรรมเหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมาย 0.46 4 ดีมาก 9. วธิ กี ารวดั ผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวตั ถุประสงค์ 4.80 ตอนท่ี 3 ควำมพึงพอใจตอ่ วิทยำกร 4.80 0.41 3 ดีมาก 10. วทิ ยากรมีความรคู้ วามสามารถในเรอื่ งทถ่ี า่ ยทอด 4.80 0.41 3 ดมี าก 11. วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้ส่ือเหมาะสม 0.41 3 ดีมาก 4.80 12. วทิ ยากรเปดิ โอกาสให้มีสว่ นรว่ มและซักถาม 4.80 0.41 3 ดีมาก 4.73 0.41 3 ดีมาก ตอนที่ 4 ควำมพึงพอใจดำ้ นกำรอำนวยควำมสะดวก 0.46 4 ดมี าก 4.78 13. สถานที่ วสั ดุ อปุ กรณแ์ ละสงิ่ อานวยความสะดวก 0.06 14. การสอ่ื สาร การสร้างบรรยากาศเพื่อใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ 15. การบริการ การช่วยเหลอื และการแก้ปญั หา ค่ำเฉล่ีย ผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวม อยู่ในระดบั ดมี าก เม่ือวิเคราะห์เป็นรายขอ้ ความพงึ พอใจใน ภาพรวมของผูร้ ับการอบรม (x=̄ 4.93) ลาดบั ที่ 1 การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกบั วัตถุประสงค์ (x=̄ 4.87) . การจดั กิจกรรมเหมาะสมกับเวลา (x̄ =4.80) เป็นลาดับที่ 3 เนือ้ หาเพียงพอต่อความต้องการ, เนอื้ หามี ประโยชนต์ อ่ การนาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวติ , การเตรยี มความพร้อมกอ่ นจัดกิจกรรม, วทิ ยากรมีความรู้ ความสามารถในเรอ่ื งที่ถ่ายทอด, วิทยากรมเี ทคนคิ การถ่ายทอดใชส้ ่อื เหมาะสม, วทิ ยากรเปดิ โอกาสใหม้ ีส่วน รว่ มและซกั ถาม, สถานที่ วัสดุ อปุ กรณ์และสง่ิ อานวยความสะดวก, การส่อื สาร การสรา้ งบรรยากาศเพอ่ื ใหเ้ กิด การเรียนรู้ (x̄=4.73) เปน็ ลาดบั ท่ี 4 การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกบั กลมุ่ เปา้ หมาย, วิธกี ารวัดผล/ประเมนิ ผล เหมาะสมกับวัตถปุ ระสงค์, การบรกิ าร การชว่ ยเหลอื และการแก้ปญั หา (x=̄ 4.67) เปน็ ลาดับที่ 5 เนือ้ หาตรง ตามความต้องการ, เนือ้ หาเป็นปจั จุบันและทนั สมัย ตามลาดับ

ผลกำรประเมินโครงกำรปลกู ฝงั วธิ ีคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวม เนอื้ หาโครงการปลูกฝงั วิธคี ดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัว N = 15 และผลประโยชนส์ ว่ นรวม S.D. อันดบั ที่ ระดับผลการประเมนิ x̄ 1. การมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมกลมุ่ 4.93 0.26 1 ดีมาก 2. ความพึงพอใจในการเข้ารว่ มโครงการ 4.87 0.35 2 ดมี าก 3. การคิดอย่างมเี หตุผล 4.67 0.49 5 ดมี าก 4. การเข้าใจ และรับฟังความคดิ เห็นจากผู้อ่ืน 4.73 0.46 4 ดมี าก 5. การรู้จกั และเข้าใจตนเอง 4.80 0.41 3 ดีมาก คำ่ เฉล่ยี 4.80 0.09 ดีมำก ผลการประเมินโครงการปลูกฝงั วธิ ีคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชน์สว่ นรวม พบวา่ โดยเฉลยี่ แล้วผ้เู ขา้ รว่ มโครงการปลูกฝงั วธิ ีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชนส์ ว่ นรวม อยใู่ นระดบั ดีมาก เม่อื วเิ คราะห์เปน็ รายข้อพบว่า (x̄ =4.93) เปน็ ลาดับที่ 1 การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมกลุม่ (x̄ =4.87) เปน็ ลาดับท่ี 2 ความพึงพอใจในการเขา้ ร่วมโครงการ (x̄ =4.80) เปน็ ลาดบั ท่ี 3 การร้จู กั และเข้าใจ ตนเอง (x̄ =4.73) เป็นลาดบั ท่ี 4 การเขา้ ใจ และรับฟงั ความคดิ เห็นจากผู้อนื่ (x̄ =4.67) เป็นลาดบั ท่ี 5 การคดิ อยา่ งมีเหตผุ ล ตามลาดบั ตำรำงที่ 6 ผ่ำนกำรฝึกอบรมไดน้ ำควำมร้ไู ปใชจ้ รงิ ประเภท เพมิ่ รายได้ ลดรายจา่ ย นาไปประกอบ พฒั นาคุณภาพชวี ิต ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็น ประโยชน์ ความคิดเห็น อาชีพ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ โครงการปลูกฝังวธิ คี ิด แยกแยะผลประโยชน์ --- - 15 100.00 - - สว่ นตวั และผลประโยชน์ ส่วนรวม จากตารางที่ 6 แสดงวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการปลูกฝัง วิธคี ดิ แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม ได้นาความรู้ไปใช้จริง ด้านพัฒนาคุณภาพชีวิต จานวน 15 คน รอ้ ยละ 100.00

บทที่ 5 สรุป อภปิ รำยผล และข้อเสนอแนะ จากโครงการปลูกฝงั วธิ ีคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชนส์ ว่ นรวม โดยมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อให้ประชาชน ประชาชนตาบลนาปา่ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกนั การทจุ ริต คอรัปชัน่ และสามารถแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตัวและผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ในวนั ท่ี 5 เดอื นมีนาคม พ.ศ. 2563 ณ ทก่ี ศน.ตาบลนาป่า หมู่ที่ 7 ตาบลนาปา่ อาเภอเมอื งชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี ทง้ั นีข้ อสรุปและอภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะดงั น้ี 1. สรุปผล 1.1 ผตู้ อบแบบสอบถามของโครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตวั และผลประโยชน์ ส่วนรวม จานวนท้งั หมด 15 คน เปน็ ชาย 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 60.00 เป็นหญงิ 6 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 40.00 ในชว่ งอายุ ตา่ กว่า 15 ปี มจี านวน 1 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 6.67 ในช่วงอายุ 15-29 ปี มจี านวน 9 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 60.00 ในชว่ งอายุ 30-39 ปี มีจานวน 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 20.00 ในชว่ งอายุ 40-49 ปี มจี านวน 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 13.33 ประกอบอาชพี รบั จ้าง มจี านวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 40.00 ประกอบอาชีพอืน่ ๆ มีจานวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 60.00การศึกษาระดับประถมศึกษา มีจานวน 9 คน คิด เปน็ ร้อยละ 60.01 ระดับ ม.ตน้ มจี านวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 13.33 ระดับ ม.ปลาย มจี านวน 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 13.33 ระดับสงู กว่า ม.ปลาย จานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 13.33 1.2 ข้อมูลเก่ียวกับความคิดเห็นของผู้เข้ารับการอบรมในโครงการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะ ผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวม มีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก เมื่อวิเคราะห์ เปน็ รายขอ้ ความพงึ พอใจในภาพรวมของผรู้ ับการอบรม (x̄= 4.93) ลาดบั ท่ี 1 การออกแบบกิจกรรมเหมาะสม กับวัตถุประสงค์ (x=̄ 4.87) . การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา (x̄ =4.80) เป็นลาดับท่ี 3 เน้ือหาเพียงพอต่อ ความต้องการ, เนื้อหามีประโยชน์ต่อการนาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต, การเตรียมความพร้อมก่อนจัด กิจกรรม, วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเร่ืองท่ีถ่ายทอด, วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม, วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม, สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และส่ิงอานวยความสะดวก, การส่ือสาร การสร้างบรรยากาศเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ (x̄=4.73) เป็นลาดับท่ี 4 การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับ กลุ่มเป้าหมาย, วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์, การบริการ การช่วยเหลือและการ แก้ปัญหา (x̄=4.67) เป็นลาดับท่ี 5 เนื้อหาตรงตามความต้องการ, เนื้อหาเป็นปัจจุบันและทันสมัย ตามลาดบั 2. อภปิ รำยผล - ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการปลกู ฝงั วธิ คี ดิ แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวม มี ความพงึ พอใจอยู่ในระดับดีมาก คิดเปน็ ค่าเฉลยี่ 4.78

3. ขอ้ เสนอแนะ อยากใหห้ น่วยงานท้งั ภาครัฐบาล และเอกชน ช่วยกนั รณรงคป์ ลกู จิตสานกึ ปลกู ฝงั วิธคี ดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวมอยา่ งจรงิ จงั

บรรณำนุกรม กรมการศกึ ษานอกโรงเรยี น. (ม.ป.ป. : 9), (2546:76). บุญชม ศรีสะอาด และ บุญส่ง นิวแก้ว. (2535 หน้า 22 – 25). บรรพต สวุ รรณประเสริฐ. (2544:12). สานักงานบริหารการศึกษานอกโรงเรียน. (2549:2), (2549:5). แหล่งอ้างอิง กรมการจดั หางาน. (2560). คู่มือการป้องกนั ผลประโยชน์ทับซ้อน. กรงุ เทพฯ : กองการเจ้าหน้าที่ กรมการ จดั หางาน กระทรวงแรงงาน. (2561). คู่มอื ผลประโยชนท์ ับซอ้ น สานกั งานปลดั กระทรวงแรงงาน. กรุงเทพฯ: ศูนย์ปฏิบัตกิ ารต่อตา้ นการทุจรติ กระทรวงแรงงาน. ประมวลจริยธรรมขา้ ราชการพลเรือน. (2552, 5 พฤศจิกายน). ราชกิจจานเุ บกษา. เลม่ 126 ตอนพเิ ศษ 162 ง. หน้า 1 - 14 สานกั งานป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตแห่งชาต.ิ (2543, 30 พฤศจิกายน). เรอื่ ง หลักเกณฑก์ ารรับ ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์อื่นใดโดย ธรรมจรรยาของเจ้าหน้าท่ขี องรฐั พ.ศ. 2543. ประกาศคณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ สานกั งานปลัดกระทรวงการคลัง. (2560). คู่มือการป้องกนั ผลประโยชน์ทับซ้อน. กรุงเทพฯ : ศูนย์ ปฏิบัติการต่อต้านการทุจรติ (ศปท.) สานักงานปลดั กระทรวงการคลัง. สานกั งานสาธารณสุขจงั หวดั ราชบรุ .ี (2560). ค่มู อื การปฏบิ ัตงิ านเพอ่ื ป้องกนั ผลประโยชน์ทับซ้อน ของข้าราชการในสงั กดั . ราชบรุ ี: สานกั งาน สาธารณสขุ จังหวดั ราชบุรี

ภำคผนวก

แบบ กศ.ตน. 10 แบบประเมนิ ควำมพงึ พอใจ หลักสูตร/โครงกำรปลกู ฝงั วิธคี ดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตวั และผลประโยชน์ส่วนรวม ระหว่างวันท่ี 5 เดอื นมีนาคม พ.ศ.2563 สถำนทจี่ ดั กศน.ตาบลนาปา่ หมทู่ ่ี 7 ตาบลนาปา่ อาเภอเมือง จงั หวัดชลบรุ ี ขอ้ มูลพน้ื ฐำนของผูป้ ระเมินควำมพึงพอใจ เพศ ชาย หญิง อายุ...........ปี วฒุ ิการศกึ ษา.............................อาชีพ.................................... คำชีแ้ จง 1. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ มี 4 ตอน 2. โปรดแสดงเครือ่ งหมาย √ ในช่องว่างระดบั ความพงึ พอใจตามความคดิ เห็นของทา่ น ข้อ รำยกำรประเมินควำมพงึ พอใจ ระดับควำมพงึ พอใจ หมำย ตอนที่ 1 ควำมพงึ พอใจดำ้ นเนือ้ หำ มำก มำก ปำน น้อย นอ้ ย เหตุ 1 เนอ้ื หาตรงตามความต้องการ 2 เนอ้ื หาเพยี งพอต่อความต้องการ ทส่ี ุด กลำง ที่สุด 3 เนอ้ื หาปจั จุบนั ทนั สมยั 4 เน้ือหามีประโยชนต์ อ่ การนาไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชวี ิต ตอนที่ 2 ควำมพงึ พอใจด้ำนกระบวนกำรจดั กิจกรรม/กำรอบรม 5 การเตรียมความพร้อมกอ่ นอบรม 6 การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกบั วตั ถปุ ระสงค์ 7 การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกับเวลา 8 การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย 9 วธิ กี ารวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ ตอนที่ 3 ควำมพึงพอใจตอ่ วิทยำกร 10 วทิ ยากรมคี วามรู้ความสามารถในเร่ืองท่ถี า่ ยทอด 11 วทิ ยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สอ่ื เหมาะสม 12 วทิ ยากรเปดิ โอกาสให้มสี ่วนร่วมและซักถาม ตอนที่ 4 ควำมพงึ พอใจด้ำนกำรอำนวยควำมสะดวก 13 สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์และสิง่ อานวยความสะดวก 14 การสอื่ สาร การสร้างบรรยากาศเพ่อื ใหเ้ กดิ การเรียนรู้ 15 การบรกิ าร การชว่ ยเหลอื และการแกป้ ญั หา ผูผ้ ่านการฝกึ อบรมได้นาความรไู้ ปใช้จริง เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย นาไปประกอบอาชพี พฒั นาคุณภาพชีวติ ใชเ้ วลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ อ่นื ๆ ระบุ………………………. ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ....................................................................................................................................................................................................... หมำยเหตุ สถานศึกษาอาจปรบั เปลี่ยนตามความเหมาะสมกบั โครงการฯ/กจิ กรรมทีจ่ ัดอบรม

ใบค่ัน “รำยงำนผลกำรดำเนินงำนโครงกำรฯ” โครงกำรปลกู ฝงั วธิ ีคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตวั และผลประโยชน์ ส่วนรวม วนั ท่ี 5 เดอื น มีนำคม พ.ศ.2563 ณ กศน.ตำบลนำป่ำ หม่ทู ่ี 7 ตำบลนำป่ำ อำเภอเมอื งชลบุรี จังหวัดชลบุรี

รำยงำนผลกำรดำเนนิ งำน PDCA โครงกำรปลูกฝังวิธีคดิ แยกแยะผลประโยชนส์ ่วนตวั และผลประโยชน์ส่วนรวม ประจำปงี บประมำณ 2563 ผ้รู ับผดิ ชอบ นำงสำวศศิวัณย์ ออ่ นศรีทอง 1.หลักกำรและเหตผุ ล การทจุ รติ ในสงั คมไทยสง่ ผลเสยี ต่อประเทศอย่างมหาศาลและเป็นอุปสรรคสาคญั ต่อการพฒั นา ประเทศ รปู แบบการทุจรติ จากเดมิ ทีเ่ ปน็ ทุจริตแบบทางตรงไมซ่ บั ซ้อน อาทิ การรบั สินบน การจัดซือ้ จดั จ้าง แต่ในปัจจุบนั ไดป้ รบั เปลีย่ นเป็นการทุจริตทซ่ี ับซอ้ นมากข้ึน ตัวอย่างเชน่ การทุจริตเชงิ นโยบาย การไม่ แยกแยะ ประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชนส์ ่วนรวม ทาใหส้ ่งผลลบต่อสภาพสังคมไทยและการเปน็ แบบอยา่ งใน เชิงลบ การทจี่ ะพัฒนาประเทศใหเ้ จรญิ ก้าวหนา้ ประชาชนมีความสุขอย่างยง่ั ยนื และสามารถพ้นวกิ ฤตของ โลกทม่ี ากับกระแสโลกาภวิ ัตน์ มรี ากฐานมาจากการพัฒนาบุคคลในประเทศน้ัน ๆ ให้เป็นคนดี ซึ่งมีความ เกย่ี วขอ้ งโดยตรงกบั การพฒั นาคุณธรรมจรยิ ธรรมของคนในสงั คมโดยเฉพาะ “เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ” ซ่งึ ไดร้ บั มอบหมายภารกิจในการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน ใช้อานาจทไี่ ด้รบั อยา่ งซ่อื สัตย์ ตอ้ งดแู ล จดั การ ตดั สินใจเกีย่ วกับการใหบ้ ริการสาธารณะ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติชองชาติให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดต่อ ประชาชนและต่อประเทศชาติ กศน.ตาบลนาปา่ จึงไดเ้ ลง็ เห็นความสาคัญจากเหตผุ ลขา้ งต้นดังกลา่ ว จงึ ไดด้ าเนนิ การจัดทา โครงการปลูกฝังวธิ คี ิดแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวม เพอื่ ให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการป้องกันการทจุ ริตคอรัปชน่ั และสามารถแยกแยะผลประโยชนส์ ว่ นตัวและผลประโยชน์ สว่ นรวมได้ 2.วตั ถปุ ระสงค์ 2.1. เพ่ือใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการปอ้ งกนั การทจุ รติ คอรัปชั่น 2.2. เพ่อื ให้ผเู้ ข้ารบั การอบรมสามารถแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตวั และผลประโยชน์สว่ นรวมได้ 3.เป้ำหมำย 3.1 เชิงปริมาณ มผี ู้เขา้ รว่ มโครงการฯ จานวน 15 คน 3.2 เชงิ คุณภาพ ผ้เู ข้ารว่ มโครงการฯ ประชาชนตาบลนาปา่ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั การป้องกนั การทจุ ริต คอรัปช่ัน และสามารถแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตวั และผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ 4.ตวั ชี้วัดควำมสำเรจ็ 4.1. ผู้เขา้ รบั การอบรมมคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั การป้องกนั การทจุ ริตคอรปั ช่นั 4.2. ผู้เข้ารับการอบรมสามารถแยกแยะผลประโยชน์สว่ นตวั และผลประโยชนส์ ่วนรวมได้

5.ข้ันตอนกำรดำเนนิ กำรโครงกำร 5.1.ประชมุ วางแผนการปฏิบัติงาน 5.2.เขยี นโครงการเพื่อขออนุมัตโิ ครงการฯ 5.3.ประสานงานหน่วยงานทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 5.4. ดาเนนิ งานตามโครงการ 5.5. สรปุ และรายงานผล 6.ระยะเวลำดำเนนิ งำน วันท่ี 5 มีนาคม 2563 7.สถำนท่ใี นกำรจัดกิจกรรมโครงกำร กศน.ตาบลนาปา่ หมู่ท่ี 7 ตาบลนาปา่ อาเภอเมืองชลบรุ ี จังหวัดชลบรุ ี 8.ผลกำรดำเนนิ โครงกำร 8.1 ผลกำรประเมนิ ข้อมลู พ้ืนฐำนของผู้เข้ำร่วมโครงกำร 1. จานวนผ้เู ข้าร่วมโครงการ 15 คน เป็นชาย 9 คน เป็นหญงิ 6 คน 2. อายุเฉล่ยี อยู่ในชว่ ง 14 - 47 ปี 3. อาชพี รบั จ้าง ธรุ กจิ สว่ นตวั แม่บา้ น 4. กลุ่มเป้าหมาย กลมุ่ แรงงานไทย 8.2 ควำมพงึ พอใจของผู้เขำ้ รว่ มโครงกำร - ผู้เข้าร่วมโครงการฯมีความพงึ พอใจในระดับดีข้นึ ไปไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 8.3 บรรลุตำมวตั ถุประสงค์คือ - ผู้เข้ารว่ มโครงการฯไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 20 สามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ - ผเู้ ข้าร่วมโครงการฯสามารถไปขยายผลได้ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 5 ของเปา้ หมาย 8.4 สรปุ งบประมำณในกำรดำเนินงำน ใชง้ บประมาณรายจ่ายประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน แผนงานพนื้ ฐานด้านการ พฒั นาและเสริมสรา้ งศักยภาพคน งบดาเนินงาน เพ่ือใชจ้ า่ ยในการจดั การศกึ ษาต่อเน่อื ง ผลผลติ ท่ี 4 ผรู้ ับบริการการศึกษานอกระบบ (เดอื นตุลาคม 2562 ถงึ เดือนมนี าคม 2563) การศึกษาเพือ่ พัฒนาสังคมและ ชมุ ชน รหสั งบประมาณ 2000239004000000 จานวน 5,200.- บาท 9. จำนวนผเู้ รยี นและผูผ้ ่ำนกำรเรยี น/อบรม จำแนกตำมอำยุและเพศ เพศ ตำ่ กวำ่ 15 ปี 15-39 ปี 40-59 ปี 60 ปีขน้ึ ไป รวม รวมทง้ั สน้ิ ชญ ชญ อำยุ ช ญ ช ญ ช ญ 15 -- 96 15 จานวนผเู้ รียน - 18411 -- 96 จานวนผผู้ ่านการฝึกอบรม - 1 8 4 1 1

10. จำนวนผเู้ รียนและผู้ผำ่ นกำรฝกึ อบรม จำแนกตำมกล่มุ อำชพี และเพศ กลุ่มอำชีพ รับ พนกั งำน คำ้ ขำย เกษตรกรรม รับจ้ำง อ่ืนๆ รวม รวมทัง้ สน้ิ รำชกำร รัฐวิสำหกิจ อำยุ 15 จานวนผู้เรยี น ช ญ ช ญ ชญ ช ญ ชญชญช ญ 15 จานวนผู้ผา่ นการฝึกอบรม - - - - - - - - 4254 9 6 - - - - - - - - 4254 9 6 11. จำนวนผเู้ รียนและผผู้ ำ่ นกำรฝกึ อบรม จำแนกตำมกลมุ่ เปำ้ หมำยและเพศ กล่มุ เปำ้ หมำย ผนู้ ำ ทหำร แรงงำน แรง กลุ่ม รวม ทั้งส้ิน อำยุ ทอ้ ง อบต. ผ้ตู อ้ ง กอง ไทย งำน เกษตรกร อสม. สตรี อ่นื ๆ รวม ถ่ิน ขัง ประจำ ตำ่ ง 15 จานวนผู้เรยี น ชญ 15 จานวนผู้ผ่าน กำร ด้ำว 96 การฝกึ อบรม 96 ช ญ ช ญ ชญ ช ญ ช ญ ชญ ช ญ ช ญ ช ญ ช ญ - - - - -- - - 9 6 -- - - - - - - - - - - - - -- - - 9 6 -- - - - - - - - - 12.ปญั หำและอุปสรรคทเ่ี กิดขนึ้ ระหวำ่ งดำเนนิ งำน - 13.ขอ้ เสนอแนะในกำรจดั กจิ กรรมโครงกำรคร้งั ตอ่ ไป -


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook