Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สมุนไพรภาคใต้_compressed

สมุนไพรภาคใต้_compressed

Published by ouanku52, 2021-10-29 03:56:44

Description: สมุนไพรภาคใต้_compressed

Search

Read the Text Version

สมนุ ไพรพืน้ บ้าน ภาคใต้ นรินทร์ ร่อนจนิ ดา

คำนำ หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ เล่มน้ี จัดทำข้นึ เพือ่ นำเสนอขอ้ มลู ทผ่ี ู้จัดทำได้รวบรวมเก่ียวกบั สมนุ ไพรพ้ืนบำ้ นภำคใต้ ตวั อย่ำงเช่น กระเจี๊ยบมอญ สะตอ ผักเหลยี ง เป็นต้น ข้ำพเจำ้ ตอ้ งขอขอบคุณผศ.ดร. ไพบลู ย์ โพธหิ์ วงั ประสิทธิ์ ทใี่ หน้ กั ศึกษำทำ e-book เพ่ือนำควำมรู้ทไ่ี ด้จำก e-book ท่ีทำเองนำไปใชใ้ นปัจจุบันและอนำคตเพ่ือใหล้ ูกหลำน ได้สบื สำนตอ่ ไป นำยนรนิ ทร์ รอ่ นจนิ ดำ ผจู้ ดั ทำ

สำรบัญ เร่อื ง หนำ้ กระเจย๊ี บมอญ 1 ดำหลำ 2 ตะลงิ ปลิง 3 ผกั เหนำะ 4 ผักกำดนกเขำ 5 ไพลดำ 6 มันปู 7 ขมน้ิ ชนั 8 สะตอ 9 ผักเหลียง 10 ถัว่ หร่ัง 11 ปลำไหลเผอื ก 12

-1- กระเจ๊ยี บมอญ ชื่ออื่น : กระเจ๊ียบขำว กระเจี๊ยบ มะเขือมอญ มะเขือทะวำย (ภำคกลำง) มะเขือพมำ่ มะเขือมืน่ มะเขอื ละโว้ (ภำคเหนอื ) ลักษณะท่ัวไป : ต้น เป็นไมล้ ้มลุก สงู 1-2 เมตร ลำตน้ มีขนหยำบ ใบ ใบเด่ียวขนำดใหญ่ รูปฝ่ำมือ มีขนคลุม ดอก สีเหลอื ง ดอกเด่ียวออกท่ีซอกใบ กลีบดอกสเี หลือง โคนกลีบดอกดำ้ นในสมี ว่ ง แดง ผล กลมยำว โคนตรงปลำยแหลม เปน็ จีบ มขี นรอบ ผลเมื่อแกจ่ ะแตกออกเหน็ เมล็ดกลม สดี ำ ลักษณะ : ไม้ ล้มลกุ สูง 0.5-2 ม. มีขนทั่วไป ใบเด่ียว เรียงสลับรปู ไขห่ รอื คอ่ นขำ้ งกลม กวำ้ ง 10-30 ซม. ปลำยหยกั แหลม โคนเวำ้ รปู หัวใจ เส้นใบออกจำกโคนใบ 3-7 เสน้ ดอกใหญ่ ออกเดีย่ วๆ ตำมงำ่ มใบ มรี ว้ิ ประดับ (epicalyx) เป็นเส้นสเี ขียว 8-10 เสน้ เรียงเป็นวงรอบโคนกลบี เลย้ี ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลบี ดอก 5 กลบี สเี หลอื ง โคนกลีบสมี ่วงแดง รปู ไข่กลับหรือค่อนข้ำงกลม เกสรเพศผมู้ ีจำนวนมำก ก้ำนชูอบั เรณูตดิ กัน เป็นหลอดยำว 2-3 ซม. หมุ้ เกสรเพศเมียไว้ อบั เรณเู ล็กจำนวนมำกติดรอบหลอด ก้ำนเกสรเพศเมียเรียวยำว ปลำยแยกเปน็ 5 แฉก ยอดเกสรเพศเมยี เป็นแผน่ กลมขนำดเล็ก สีม่วงแดง ยื่นพน้ ปำกหลอดดอก ผลเป็นฝัก หำ้ เหลย่ี ม ปลำยเรียวแหลม มีขนทัว่ ไป มีเมลด็ มำก เมล็ดรูปไต ขนำด 3-6 มม. กำรใชป้ ระโยชน์ ทำงอำหำร ผลอ่อน ตม้ จ้ิมน้ำพรกิ ผสมในแกงสม้ ทำงยำ ผล บดเป็นผง ชงนำ้ ร้อน หรือปัน้ เมล็ดรบั ประทำนรักษำแผลในกระเพำะอำหำร ฤดูกำลท่ีใชป้ ระโยชน์ ตุลำคม-พฤศจิกำยน

-๒- ดำหลำ ชอื่ อน่ื : กำหลำ (ภำคใต้,ภำคเหนอื ) จนิ ตะหรำ (กระบ)ี่ กะลำ (ภำคกลำง) กำรใช้ประโยชน์ ทำงอำหำร ดอกตมู หนอ่ อ่อน ต้มจิม้ นำ้ พริก แกงเผด็ แกงกะทิ แกงคั่ว ผสมในขำ้ วยำ หรือใช้ยำมรี สชำดเผ็ด ร้อน ฤดกู ำลท่ีใช้ประโยชน์ พฤษภำคม - สงิ หำคม ลกั ษณะทั่วไป : ไม้ล้มลกุ อำยุหลำยปี มีเหงำ้ ใต้ดิน ใบเดี่ยวขนำดใหญ่ รูปขอบขนำน ปลำยแหลมก้ำนใบยำว ดอกออกเปน็ ชอ่ แทงก้ำนดอกจำกเหง้ำใต้ดนิ กลีบประดับซ้อนอนกนั หลำยชัน้ ลดขนำดเล็กลงในวงชน้ั ใน สี ชมพูถงึ แดงเข้ม ออกดอกตลอดปี ต้น : เป็นพชื ทีม่ ีลกั ษณะคล้ำยขำ่ มีลำตน้ ใต้ดนิ เรยี กว่ำเหง้ำ เหง้ำน้ีจะเปน็ บรเิ วณท่ีเกิดของหน่อดอกและ หน่อตน้ ตำหลำ 1 ต้น สำมำรถให้หนอ่ ใหมไ่ ดป้ ระมำณ 7 หน่อ ในเวลำ 1 ปี สว่ นลำต้นเหนอื ดินเป็นกำบใบที่โอบช้อนกนั แน่น เช่นเดยี วกับพวกกลว้ ย ส่วนนค้ี อื ลำตน้ เทยี ม ลำต้นเหนอื ดินสูง 2-3 เมตร มสี ีเขยี วเขม้ ใบ : มีรูปรำ่ งยำวรี กลำงใบกว้ำงและค่อย ๆ เรียวไปหำปลำยใบ และฐำนใบไม่มีกำ้ น ใบผิวเกลี้ยงท้งั ดำ้ นบน และดำ้ นลำ่ ง ใบยำว 30 - 80 เซนติเมตร กวำ้ ง 10 - 15 เซนตเิ มตร ปลำยใบแหลม ฐำนใบเรยี ว ลำดเข้ำหำก้ำนใบ เสน้ กลำงใบปรำกฏชดั ทำงด้ำนล่ำงของใบ ดอก : ดอกดำหลำเป็นดอกช่อมลี กั ษณะดอกแบบ head ประกอบด้วยกลบี ประดบั มี 2 ขนำด สว่ นโคน ประกอบดว้ ยกลบี ประดบั ขนำดใหญ่มีควำมกวำ้ ง 2-3 เซนติเมตร จะมสี ีแดงขลบิ ขำวเรยี วซ้อนกันอยู่ และจะ บำนออก ประมำณ 25 -30 กลบี กลบี ประดับเลก็ นีจ้ ะหุบเล็กเรียงเปน็ ระดับมีประมำณ 300 - 330 กลีบ ประโยชน์ : เปน็ ไมด้ อกไม้ประดับ รับประทำนได้ มีรสเผด็ ร้อน ช่วยขบั ลม แกล้ มพษิ แกโ้ รคผวิ หนงั กำรกระจำยพันธ์ุ : เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้หมู่เกำะแปซิฟิก ขยำยพันธุ์โดยกำรแตกหน่อ

-๓- ตะลิงปลงิ ช่ืออ่นื : บลีมิง (มำเลย์-นรำธวิ ำส) หลงิ ปลงิ มะเฟืองตรน (ภำคใต)้ กะลิงปิง ปลมี งิ ลิงปลิง (ระนอง) ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์ ต้น : เป็นไม้ยนื ตน้ ขนำดเลก็ สูงประมำณ 5 เมตร แตกก่งิ ก้ำนสำขำมำก เปรำะหักง่ำย เปลือกต้นมีสชี มพู ผิว เรียบมีขนนุ่มปกคลุมตำมก่ิง ใบ : ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรปู หอก ปลำยแหลม โคนมน จะเรียงจำกขนำดเลก็ ไปหำขนำดใหญ่ ทโี่ คน นัน้ จะมีขนำดเล็ก ดอก : ออกดอกเป็นชอ่ หลำยชอ่ ตำมลำต้น หรือกิ่ง ดอกมี 5 กลีบ สแี ดงเข้ม กลบี เลี้ยงมี 5 กลีบ เชน่ กนั สี เขียวอมชมพู ดอกมีกล่นิ หอม เกสรกลำงดอกเปน็ สเี ขียวอ่อน ผล : กลมยำวปลำยมน เป็นพูตำมยำว ผวิ เรียบสีเขยี ว เมอื่ สุกเป็นสีเหลอื ง เน้ือเหลว ออกเปน็ ช่อหอ้ ย รส เปรีย้ ว เมลด็ แบน กำรขยำยพนั ธ์ุ : แยกต้นปักชำ สภำพแวดลอ้ มทเ่ี หมำะสมในกำรเจรญิ เตบิ โต พบตำมปำ่ ดิบช้นื ปัจจุบนั นิยมปลูกเพื่อนำมำปรุงเปน็ อำหำร กำรใช้ประโยชน์ ทำงอำหำร ผล เนอ้ื ผลประกอบเปน็ เคร่ืองปรุงอำหำรเพ่มิ รสชำติใหเ้ ปร้ยี ว และนิยมบรโิ ภคสดเปน็ ผลไม้ และ แปรรูปเปน็ ผลไม้แชอ่ ิ่ม ทำงยำ ใบ รักษำโรคผวิ หนงั ขับพยำธิ ขับเสมหะ ตน้ ใชต้ ้นอ่อนเปน็ ยำระบำย ฤดกู ำลทีใ่ ช้ประโยชน์ : ตุลำคม - มกรำคม ข้อควรระวัง : ห้ำมบรโิ ภคเกินขนำดจะทำให้อำเจียนได้

-๔- ผกั เหนำะ ชื่ออนื่ : ผักหนอก ผกั แว่น (ใต)้ ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ ตน้ : เป็นไม้ลม้ ลุก ทอดเลอ้ื ยไปตำมดนิ ทีแ่ ฉะขึ้นง่ำย มรี ำกออกตำมข้อชใู บ ตั้งตรงข้นึ มำ ใบ : เป็นใบเด่ียว มีก้ำนชใู บยำว ลักษณะใบเปน็ รปู ไต มรี อยเวำ้ ลึกท่ีฐำนใบ ขอบใบมรี อยหยกั จะเป็น สำมเหลยี่ ม ดอก : ดอกเปน็ ดอกชอ่ คล้ำยรม่ ออกจำกขอ้ มี 2-3 ขอ้ ช่อละ 3-4 ดอก แต่ละดอกมกี ลีบดอก 5 กลบี สีมว่ ง อมแดงโดยเรยี งสลับกับเกสรตัวผู้ ผล : เล็กมำกสีดำ แชน่ ำ้ ไม่ตำย ทนนำ้ ขัง กำรขยำยพนั ธุ์ : ปักชำไหล ฤดูกำลเกบ็ ส่วนขยำยพนั ธุ์ : ทุกฤดู สภำพแวดล้อมท่ีเหมำะสมในกำรเจรญิ เติบโต พบขน้ึ ทว่ั ไปตำมทลี่ มุ่ ช้นื แฉะตำมคนั นำรมิ หนองนำ้ กำรใช้ประโยชน์ ทำงอำหำร ท้ังต้นกินเป็นผกั สด หรอื ลวกกนิ กบั ขนมจนี นำ้ พริก นำมำเปน็ ผักเหนำะกนิ กับแกง ทำงยำ ทง้ั ต้น นำมำตม้ น้ำดื่ม แกฟ้ กช้ำได้ลดกำรอักเสบได้ดี ทำครีมทำผิวหนังแก้อักเสบ เป็นเครอื่ งด่ืม แก้ ร้อนใน กำรใชส้ อยอ่นื เป็นไม้ประดบั

-๕- ผักกำดนกเขำ ชื่ออ่นื ผักกำดนกเขำ มีช่อื เรียกแตกต่ำงกันหลำยชือ่ เชน่ ภำคกลำง เรยี กว่ำหำงปลำช่อน ภำคอสี ำนเรยี ก ผัก ลน้ิ ป่ี ภำคเหนือเรียก ผกั บงั้ ผักกำดนกเขำเปน็ ผักพ้นื บำ้ นชนดิ หน่งึ ทค่ี นทั่วไป นิยมนำมำใช้บรโิ ภคเปน็ อำหำร เชน่ นำมำประกอบเป็นแกง เผด็ ประเภทแกงพงุ ปลำ (แกงไตปลำ) แกงส้ม(แกงเหลือง) และบริโภคเปน็ ผกั เหนำะสำหรับแกล้มแกงเผด็ และ ขนมจีน เปน็ ตน้ ลักษณะของใบ ใบของผกั กำดนกเขำ มีลักษณะยำวปลำยมน ขอบใบโค้งหยกั เล็กนอ้ ย เปน็ ประเภทใบเดย่ี ว เกดิ สลับตำแหน่ง-ตรงกันข้ำม มีขนอ่อนๆปกคลมุ ทัว่ ใบ กำ้ นใบห่อหุ้มลำตน้ หลงั ใบมีสีเขียวเข้ม ทอ้ งใบมีสมี ่วง แดง ส่วนกำ้ นใบและยอดสเี ขียวนวล ลกั ษณะของดอก ดอกของผักกำดนกเขำมีลกั ษณะ เปน็ ช่อ ออกปลำยยอด กำ้ นช่อดอกยำว และมีใบเล็ก ๆ ที่ กำ้ นชอ่ ดอก กลบี เล้ยี งยำวเกือบปิดกลีบดอก มีสีเขยี ว สว่ นกลบี ดอกสีม่วงอมชมพูมีเกสรสีขำวฟูเป็นฝอยฝอย คลำ้ ยพู่ ลกั ษณะของเมล็ด ผกั กำดนกเขำมี เมล็ดขนำดเลก็ ลกั ษณะแบนรี สนี ำ้ ตำล อมดำ ตรงปลำยมีขนสีขำว และ ปลวิ ตำมลมได้ง่ำย ประโยชนข์ องผกั กำดนกเขำ ผักกำดนกเขำ เปน็ พชื ทม่ี รี สจืดเยน็ สำมำรถใชป้ ระโยชนไ์ ด้ดังน้ี 1. ประโยชนท์ ำงอำหำร ยอดอ่อน ใบอ่อนกนิ เปน็ ผกั เหนำะ จิม้ นำ้ พริก แกงเลียง แกงคัว่ พรกิ กับปลำยำ่ ง 2. ทำงยำ ในทำงกำรแพทยพ์ ้ืนบ้ำนนิยมใช้เปน็ ยำสมนุ ไพรรักษำโรคหลำยประกำร ดังนี้ 2.1 ใช้ลำตน้ ตำใหแ้ หลกคั่นน้ำดม่ื เปน็ ยำ แกเ้ จบ็ คอ รักษำโรค บิด และ ทอ้ งร่วง 2.2 ใช้ท้งั ตน้ ตำให้แหลกพอกหวั ฝี และใช้ทำแก้อำกำรผ่นื คนั 2.3 ใช้รำกตำใหแ้ หลกค่ันเอำนำ้ ดมื่ แก้ตำนซำงขโมยในเด็ก

-๖- ไพลดำ ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ ไพลดำ มชี ่ือทำงวทิ ยำศำสตร์ว่ำ Zingiber ottensii Valeton จัดอยู่ในวงศ์ขงิ (Zingiberaceae) ไพลดำ มชี ื่อตำมทอ้ งถิ่นตำ่ ง ๆ เชน่ ปเู ลยดำ (ภำคเหนือ), ไพลม่วง, ไพลสีมว่ ง (กรุงเทพฯ), ไพลสีมว่ ง, ดำก เงำะ (ปัตตำนี), จะเงำะ (มลำยู-ปตั ตำนี), วำ่ นกระทือดำ เป็นต้น สรรพคุณของไพลดำ ไพลดำตำมตำรำยำไทยสรรพคุณตะเหมือนไพล ใชไ้ ด้เหมอื นไพล แต่มีฤทธิ์แรงกวำ่ ซึง่ สำมำรถนำมำใช้ ในกำรแกบ้ อบชำ้ ไดเ้ ป็นอยำ่ งดี ไพลดำเป็นยำอำยวุ ฒั นะนำมำบำรงุ กำลงั ซึ่งสรรพคุณสำมำรถนำมำใช้ทง้ั หมด คือ ๑. ลำตน้ ใชเ้ ป็นยำรกั ษำโรคกระเพำะอำหำรเป็นพิษหรือลำไส้เป็นพษิ ตลอดถงึ เป็นยำอำยุวฒั นะและ ยำบำรุงกำลัง ๒. ดอก มรี สขืน่ สรรพคุณเปน็ ยำแก้ช้ำใน ชว่ ยกระจำยเลอื ดท่ีเป็นกอ้ นลิม่ ชว่ ยรกั ษำอำกำรบวม อำกำร ช้ำทัง้ ตัว (ท้ังต้น) ๓. เหงำ้ นำมำฝนทำแก้เคลด็ ขดั ยอก ฟกบวม แกเ้ หน็บชำ แก้เม่ือยขบ สมำนแผล ขับประจำเดือน แก้ บิด สมำนลำไส้ น้ำมนั จำกเหง้ำ ทำถูนวดแกเ้ หน็บชำ แกเ้ ส้นสำยตำมรำ่ งกำยตงึ แกเ้ ม่ือยขบ โดยนำเหงำ้ สด มำตำคนั้ เอำน้ำผสมกับเกลือสะตุ ๑ ช้อนโต๊ะ กนิ เป็นยำระบำยออ่ น ๆ แกบ้ ิด ขบั ลม ขบั ประจำเดอื นสตรี สมำนลำไส้ เหง้ำสด ตม้ กบั น้ำใสเ่ กลือเลก็ น้อย ดื่มก่อนอำหำรเชำ้ -เย็น ใช้รักษำโรคกระเพำะอำหำรและลำไส้ หรือนำมำบดเปน็ ผง ผสมกับน้ำผงึ้ แล้วปั้นเป็นยำลกู กลอน เกบ็ ไว้รับประทำนเชำ้ -เย็น วันละ ๒-๓ เม็ด เปน็ ยำ ช่วยเจริญอำหำร บำรุงกำลงั เป็นยำอำยวุ ฒั นะ แกธ้ ำตพุ ิกำร ใบ รสขน่ื เอียน แก้คร่นั เนอ้ื ครั่นตวั แก้ปวดเม่ือย ดอก รสขืน่ แก้ชำ้ ใน กระจำยเลือดท่ีเปน็ กอ้ นลิ่ม รำก รสข่ืนเอยี น แก้เลือดกำเดำออกทำงปำกทำงจมูก แก้ อำเจยี นเปน็ เลอื ด ๔. ใบ มรี สข่นื เอียน มีสรรพคุณเปน็ ยำแก้คร่ันเนื้อครั่นตวั และแก้อำกำรปวดเมื่อย

-๗- มนั ปู มนั ปู เปน็ ไม้พ้นื เมอื งประจำถิ่นภำคใตข้ องไทย มพี บแพร่กระจำยในประเทศอินเดยี ศรีลังกำ เวยี ดนำม มำเลเซีย มีช่อื เรยี กหลำยอยำ่ ง เชน่ แถบชุมพร เรยี ก ชมุ เส็ด พงุ หมู แถบตรัง นครศรธี รรมรำช เรียก มันปู มันปใู หญ่ นรำธวิ ำส เรยี ก นกนอนทะเล ทำงภำคใต้ยงั มีชื่อเรียกอน่ื ๆ เช่น สมเส็ด ยอดเทะ เปน็ ต้น แต่ โดยทัว่ ไปเรียกกนั ว่ำ “มันปู” ใบมนั ปู ยอดมนั ปู ส่วนทน่ี ยิ มนำมำเปน็ ผกั คือยอดอ่อน ใบอ่อน นำมำเป็นผกั สด ลวกจม้ิ น้ำพริก ต้มกะทิ รสชำตฝิ ำด มัน คนตำ่ งถนิ่ ชอบนำมำเป็นผกั ลวกจม้ิ น้ำพริก ผักสดแกล้มลำบ ก้อย พลำ่ ยำ มีควำมอร่อยลงตัว เป็นท่นี ยิ มมำก นิยมกันมำนำนมำกแลว้ จนถึงขนั้ มีข้นึ ห้ำงวำงขำย แต่ปจั จบุ ันนัก บรโิ ภคคงมผี ักอื่นท่ีเปน็ ทำงเลือกมำกขนึ้ ควำมนิยมผกั ยอดมนั ปจู ึงค่อยลดลงบ้ำง ในชว่ งฤดฝู น ยอดมนั ปูจะแตกยอดอ่อนไดร้ วดเรว็ มำก ในชว่ งฤดแู ล้ง ถำ้ ได้รับน้ำบ้ำง กย็ ังแตกยอดให้เกบ็ กิน ใบยอดอ่อนไดต้ ลอดปี พอยอดอ่อนโผลต่ น้ มักไม่พ้นสำยตำคน ถกู เกบ็ ยอดไปกนิ เรยี บ แต่มนั ปกู ็มี สญั ชำตญำณตอบสนองรวดเร็ว ยิ่งเด็ดยิง่ แตกยอด จำกหนงึ่ เปน็ สองเปน็ สำมยอด ทำให้เรำไม่ทันได้เห็นกำร ออกดอกออกผล ติดเมล็ดไว้ให้นำไปเพำะกลำ้ ขยำยพนั ธไ์ุ ด้ ยกเว้นคนท่ีนำมำปลูกไวเ้ พอื่ เอำเมล็ดมำเพำะขำย จรงิ ๆ หรอื ออกหำตำมปำ่ เขำอย่ำงจรงิ จัง ก็จะไดเ้ มล็ดมำเพำะเลีย้ งขยำยพนั ธ์ุปลกู หรือวำงแผงตน้ ไม้ขำยได้ สรรพคณุ ทำงยำ รำกและลำตน้ มนั ปู : ต้มเปน็ ยำ มีสรรพคณุ แก้ร้อนใน และบำรงุ ร่ำงกำยไดอ้ ย่ำงยอดเยี่ยม ใบอ่อนและยอดออ่ น : เมอื่ นำมำเป็นผกั ประโยชนโ์ ดยตรงคือ สร้ำงอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต่อต้ำนกำรเกดิ มะเรง็ มีคุณคำ่ สำรอำหำรท่สี ำคญั ได้แก่ เบต้ำแคโรทนี 5,646 ไมโครกรัม เสน้ ใยอำหำร (ไฟเบอร์) 16.7 กรัม วติ ำมนิ เอ 941 ไมโครกรัม คำรโ์ บไฮเดรต 25.2 กรัม

-๘- ขมน้ิ ชัน ขมิ้น หรือ ขมน้ิ ชัน นั้นจดั วำ่ เป็นพชื ล้มลุกที่อยใู่ นตระกูลเดียวกบั ขงิ มเี หงำ้ อยู่ใตด้ นิ เน้ือในของเหง้ำจะมสี ี เหลืองเขม้ ไปจนถึงสีแสดจัด มีกลิน่ หอมเฉพำะตัว ถ่ินกำเนิดจะอยู่ในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มชี อื่ เรยี ก ในแบบอน่ื ๆ อกี มำก อำทิ ขมิ้นแกง ขม้ินหยอก ขมิ้นหวั ขม้ี ิ้น หมน้ิ เปน็ ต้น ทง้ั น้ี กำรเรียกก็จะขึน้ อยู่กบั แต่ละ ภำค แต่ละจงั หวัด สว่ นใหญ่ขม้ินชันจะนยิ มนำไปใช้ในกำรประกอบอำหำรเพ่ือแตง่ สี แต่งกลน่ิ อำหำรให้มคี วำม นำ่ ทำน อำทิ แกงไตปลำ แกงกะหรี่ เปน็ ตน้ เมือ่ เกบ็ ไดเ้ หง้ำขมน้ิ ชันมำแล้ว หำกตอ้ งกำรนำไปรับประทำนเพ่ือใช้ในกำรรักษำโรค หรืออำกำรตำ่ งๆ ควรล้ำง ใหส้ ะอำดและไมต่ ้องปอกเปลือก จำกนัน้ ใหห้ ั่นเปน็ แว่นบำงๆ แล้วนำไปตำกแดดประมำณ 2 วัน จึงนำกลับมำ บดให้ละเอยี ด นำไปผสมกับน้ำผึ้งแลว้ ปน้ั เป็นเม็ดเลก็ ๆ เท่ำกับปลำยนว้ิ กอ้ ย จำกนนั้ จงึ นำมำรบั ประทำนวนั ละ 3 คร้ัง ครง้ั ละ 2 - 3 เม็ด ช่วงหลังอำหำรและก่อนนอน สรรพคุณทำงยำ กำรนำเหง้ำขมิ้นชนั แก่มำขูดเอำเปลอื กออก แลว้ นำไปล้ำงน้ำใหส้ ะอำด นำมำบดใหล้ ะเอยี ด เตมิ น้ำแลว้ ค้นั เอำ แตน่ ำ้ ขมน้ิ มำรับประทำนครัง้ ละ 2 ช้อนโตะ๊ วันละ 3 คร้งั แต่หำกจะนำขม้นิ ชันมำใชเ้ ป็นยำทำภำยนอกเพ่ือ รกั ษำอำกำรแพ้ ผืน่ คัน ผิวหนังอักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย ให้นำเอำเหงำ้ ขม้นิ ชันมำฝนผสมกับน้ำตม้ สุก แลว้ นำมำทำบริเวณท่ีเป็นวันละ 3 ครง้ั หรอื จะนำเอำผงขมน้ิ ชนั มำโรยก็ใชไ้ ดเ้ ชน่ กนั กำรทน่ี ำเอำขม้นิ ชันมำบริโภคเพือ่ รักษำอำกำร หรอื โรคใดก็ตำม หำกรบั ประทำนไปเร่ือยๆ จนหำยแล้วกค็ วร หยุดทำน ถึงแม้ว่ำขมนิ้ ชันนัน้ จะมปี ระโยชนม์ ำก แต่หำกร่ำงกำยได้รบั มำกจนเกินควำมต้องกำรกอ็ ำจกลำยเปน็ โทษ ทำใหเ้ กดิ กำรแพ้ได้ เชน่ ปวดหัว , ทอ้ งเสีย , คลนื่ ไส้ , นอนไม่หลบั ฉะนนั้ หำกรับประทำนเข้ำไปแลว้ มี อำกำรดังกล่ำวแนะนำว่ำควรหยดุ รบั ประทำนและหำยำชนิดอ่นื มำรบั ประทำนแทน อีกท้ัง ในแถบภำคใตย้ ังมี ควำมเชือ่ ในเรื่องโทษและขม้ินชันของขมิ้นชันกนั ว่ำ กำรรับประทำนขม้ินชนั ทม่ี ำกและถ่ีเกนิ ไป แทนที่จะช่วย ปอ้ งกนั โรคมะเรง็ กอ็ ำจจะกลำยเปน็ โรคมะเร็งเพมิ่ ขึน้ เสียเอง

-๙- สะตอ ช่อื วิทยำศำสตร์ : Parkia speciosa ชอื่ วงศ์ : Fabaceae ชือ่ อื่น : เวำะปะตำ(มลำยู) หมำกตอ ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ สะตอเป็นไมย้ นื ตน้ ขนำดกลำงถึงขนำดใหญ่ มีควำมสูงเฉลี่ยไดถ้ งึ ๓๐ เมตร ตน้ สงู ข้ึนไปแล้วแตกก่งิ ก้ำนเป็น พุม่ แผก่ ว้ำง ลำต้นเรียบ ลอกเป็นสะเก็ดเลก็ น้อย สีน้ำตำลอ่อน กง่ิ ก้ำนมขี นละเอียด ใบประกอบแบบขนนก สองชั้น ใบแขนงมีประมำณ ๑๔-๑๘ คู่ ช่อใบย่อยมีประมำณ ๓๑-๓๘ คู่ ปลำยใบบนฐำนใบด้ำนนอกเบยี้ วเป็น ตงิ่ ดอกออกเปน็ ช่อรวมกนั เป็นกระจุก อัดกันแน่นเป็นก้อนคล้ำยดอกกระถิน ช่อดอกจะห้อยระยำ้ อย่ทู ั่วทรง พมุ่ แต่ละดอกมีก้ำนดอกและใบประดับรอง ประกอบดว้ ยชอ่ ดอกตวั ผู้ และชอ่ ดอกสมบูรณเ์ พศ กลบี ดอกสขี ำว นวล ดอกจะออกช่วงเดือนเมษำยน หลังจำกน้นั ๗๐ วนั จะสำมำรถเกบ็ ฝกั ได้ ผลของสะตอเปน็ ฝกั แบนกว้ำง ๓-๕ เซนติเมตร ยำวประมำณ ๓๕-๔๕ เวนตเิ มตร ฝักบดิ เปน็ เกลียวห่ำง ฝักอ่อนมีสเี ขียว พอแกจ่ ะเปลย่ี นเป็น สดี ำ เมล็ดสะตอมลี ักษณะเป็นรูปรเี กือบกลมเรียงตำมขวำงกับฝัก มสี เี ขยี วอ่อน สรรพคณุ ทำงสมุนไพร ใชเ้ มลด็ ขบั ลมในลำไส้ แกป้ สั สำวะพิกำร ไตพิกำร ตำมตำรำไทยใช้เมลด็ ขบั ลมในลำไส้ แก้ปัสสำวะปวดขดั หรอื กะปรบิ กะปรอย หรือขนุ่ ข้น หรือมีเลอื ดไหล หรือเกีย่ วกับไตพิกำร ที่ปสั สำวะมสี ีขุ่นข้น เหลอื งหรือแดง และมีอำกำรแนน่ ท้อง กินอำหำรไม่ได้ แพทยแ์ ผนโบรำณเช่อื ว่ำสะตอช่วยลดน้ำตำลในเสน้ เลอื ดได้ ผู้ทีก่ ินสะตอเปน็ ประจำจงึ เป็นกำรปอ้ งกัน โรคเบำหวำนได้ด้วย แตส่ ำหรับผู้ท่รี บั ประทำนสะตอเป็นประจำอยูแ่ ล้ว คุณเคยรู้หรือไม่วำ่ สะตอมีประโยชนต์ อ่ สุขภำพอย่ำงไรบ้ำง สะตออุดมไปด้วย คำรโ์ บไฮเดรต โปรตีน ธำตแุ คลเซียม ธำตุฟอสฟอรสั ธำตเุ หล็ก วิตำมินบ1ี วติ ำมินบี2 วิตำมนิ บี3 วิตำมนิ ซี อีกดว้ ย ซ่งึ วติ ำมินและแร่ธำตุเหล่ำน้ีก็ล้วนแลว้ แตม่ ีประโยชน์กับร่ำงกำยทง้ั สนิ้ ข้อควรระวงั ! : เน่อื งจำกสะตอมีกรดยรู ิกสงู สำหรับผู้ท่ีเป็นโรคเกำ๊ ทห์ รือผู้ทม่ี ีกรดยูริกในร่ำงกำยสงู เกนิ คำ่ มำตรฐำน ควรหลีกเลีย่ งกำรรับประทำนสะเพรำะอำจจะทำใหเ้ กดิ โรคเกำ๊ ทก์ ำเริบได้ และกรดยรู กิ ในรำ่ งกำยท่ี สูงก็ยงั มคี วำมเส่ยี งต่อกำรเป็นโรคนว่ิ โรคไตอกั เสบ และมีอำกำรหูออื้ อกี ดว้ ย

- ๑๐ - ผักเหลยี ง ผกั เหลียง (Baegu) จัดเป็นผักเศรษฐกิจหลักของภำคใต้ นิยมใช้ใบอ่อนประกอบอำหำร อำทิ ผัดผดั เหลยี ง แกงเหลียง ผดั ใสไ่ ข่ แกงจืด หอ่ หมก ลวกจิ้มนำ้ พริกหรอื รบั ประทำนสดคู่กับกับข้ำว มีรำคำขำยอย่ใู นช่วง กโิ ลกรมั ละ 80-100 บำท วงศ์ : Gnetaceae ชื่อวทิ ยำศำสตร์ : Gnetum gnemon var. Tenerum ชื่อสำมัญ : Baegu ช่อื ท้องถิ่น : – ผกั เหลียง (ทุกภำค) – ผักเหมยี ง (พังงำ, ภูเกต็ , กระบ)่ี – ผกั เขลียง (สรุ ำษฎร์ธำนี, นครศรธี รรมรำช) – ผักเปรียง (นครศรธี รรมรำช) – กะเหรยี ง (บำงท้องถน่ิ ของจังหวดั ชุมพร) สรรพคณุ ทำงยำ 1. ยอดผักเหลยี ง กรอบเมือ่ รับประทำนสด นมุ่ เม่ือปรงุ สุก มีรสชำติอรอ่ ย หวำนมนั นยิ มรับประทำนสดหรือใช้ ประกอบเป็นอำหำร เช่น แกงเลียง ผดั ใส่ไข่ แกงจดื แกงกะทิ และแกงไตปลำ เปน็ ต้น 2. ผกั เหลยี ง ใชเ้ คย้ี วหรอื รบั ประทำนสดแก้หิว แก้ท้องวำ่ ง ช่วยบำรุงร่ำงกำย เพม่ิ กำลังวงั ชำ แกอ้ ำกำรขำดน้ำ โดยเฉพำะเวลำเดนิ ทำงไกลหรือเดนิ ปำ่ 3. ทุกสว่ นของผกั เหลียงประยกุ ตใ์ ชเ้ ปน็ ยำสมนุ ไพร อำทิ ช่วยบำรงุ รำ่ งกำย บำรุงสำยตำ และแก้โรคซำงในเด็ก เปน็ ต้น 4. ยำงจำกลำตน้ ใช้ทำลอกฝ้ำ ชว่ ยใหห้ น้ำขำวใส นอกจำกนนั้ ผกั เหลียงเป็นผักทม่ี ีคุณคำ่ ทำงโภชนำกำรสูง ประกอบดว้ ยสำรอำหำร แรธ่ ำตุ และวติ ำมนิ หลำย ชนดิ อำทิ เบต้ำแคโรทีน ที่สูงกวำ่ ผกั บุ้งจนี ถึง 3 เท่ำ และสูงกวำ่ ผักบุ้งไทยถึง 5-10 เทำ่

- ๑๑ - ถว่ั หรัง่ ถั่วหรั่ง : ชอื่ นอี้ ำจไม่คอ่ ยคุ้นนัก แต่รูห้ รอื ไม่…เจ้ำถว่ั ชนดิ น้ีแหละมีกำรค้นพบและวจิ ยั มำกมำยว่ำช่วย “ตำ้ น ควำมแก่” ได้ แถมมสี ำรต้ำนมะเร็ง ถิน่ กำเนดิ : อยู่ในทวีปแอฟรกิ ำ บริเวณหมเู่ กำะมำดำกสั กำร์ ต่อมำไดม้ ีกำรแพร่กระจำยไปยงั ทวปี อเมริกำใต้ และเอเชีย ในบ้ำนเรำนั้นเขำ้ มำคร้ังแรกบรเิ วณชำยแดนทำงภำคใต้ ในปี พ.ศ. 2474 จำกนัน้ ได้รับควำมนิยม อย่ำงมำก ในเรื่องของรสชำติและสรรพคุณทีน่ ำ่ สนใจ จงึ ทำให้มคี วำมต้องกำรในตลำดค่อนข้ำงมำกมีรำคำที่ สูงขึน้ หลำยๆจงั หวดั ทำงภำคใตก้ ็มีกำรปลกู เจ้ำถ่ัวชนดิ นีเ้ พิ่มมำกขนึ้ เชน่ กัน ได้แก่… สงขลำ นรำธิวำส ยะลำ ปัตตำนี พทั ลงุ กระบี่ ตรงั นครศรธี รรมรำช และสรุ ำษฎรธ์ ำนี สรรพคุณ 1. ชว่ ยยับย้งั กำรทำงำนของ “เอนไซม์ไทโรซิเนส” ท่ีมีส่วนกระตุ้นสร้ำงเมด็ สีเมลำนนิ ชว่ ยลดรอยหมองคลำ้ ฝำ้ กระ และรอยจุดด่ำงดำ ทำใหผ้ ิวหนำ้ กระจ่ำงใสแลดูเป็นธรรมชำติ 2. ต่อต้ำนกำรเกดิ ปฏกิ ริ ยิ ำออกซิเดชนั่ ในร่ำงกำย มีฤทธท์ิ ่ีดีกวำ่ สำรต้ำนอนุมลู อสิ ระทัว่ ไป เช่นวิตำมนิ ซแี ละ วิตำมินอี โดยจะช่วยในเร่ืองของกำรป้องกนั กำรทำลำย DNA ในระดับเซลล์และเน้อื เย่ือ ลดกำรทำลำยคอลลำ เจนในช้นั ผิวหนังจำกสำรอนมุ ูลอิสระที่พบในชวี ติ ประจำวนั ทำใหล้ ดริ้วรอยและกำรแก่ก่อนวัยได้ 3. ชว่ ยกระต้นุ เซลล์ผวิ หนงั ไดด้ ี เสริมสร้ำงคอลลำเจนในเซลลผ์ วิ หนงั ซ่ึงจะเป็นกำรปรับสภำพผวิ และฟนื้ ฟู โครงสรำ้ งของผวิ ทง้ั กระตนุ้ ให้ผวิ ช้นั นอกแขง็ แรงได้อกี ด้วย สรรพคณุ ทำงยำโบรำณ 1. ป้องกนั โรคเบำหวำน 2. ปอ้ งกนั โรคหวั ใจ 3. ป้องกนั มะเรง็ ลำไส้

- ๑๒ - ปลำไหลเผือก ชื่อสมุนไพร : ปลำไหลเผือก ช่ืออน่ื ๆ : กรุงบำดำล (สุรำษฎร์ธำนี); คะนำง, ชะนำง (ตรำด); ตรึงบำดำล (ปตั ตำนี); ตุงสอ, แฮพันช้ัน (ภำคเหนอื ); เพียก (ภำคใต้); หยกิ บ่อถองหรือหยิกไมถ่ ึง, เอียนดอ่ น (ภำคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ); ไหลเผือก (ตรัง);หมุนข้นึ ชื่อวิทยำศำสตร์ : Eurycoma longifolia Jack. ชอ่ื วงศ์ : Simaroubaceae ตน้ ปลำไหลเผอื ก : หรอื ทชี่ ำวไทยมุสลมิ ทำงภำคใตเ้ รยี กวำ่ “ตงกตั อำลี” (Tongkat Ali) จะขยำยพนั ธ์จำกตน้ ใหญ่ออกหน่อเลก็ ๆรอบตน้ ช่ำงเปน็ ชว่ งเวลำที่เหมำะที่จะนำลงมำขยำยพันธ์ุเพำะกลำ้ ให้แขง็ แรงกอ่ นนำมำลง ดนิ ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ ไม้พุ่มหรือไม้ตน้ ขนำดเล็ก ลำตน้ ตงั้ ตรง สูง 1-10 เมตร เปลือกสีน้ำตำล เปน็ ไม้ลงรำก รำกกลมโตสีขำวยำว กิ่งอ่อนมีขนสีนำ้ ตำล กิ่งก้ำนสนั้ เปน็ กระจุกทปี่ ลำยยอดของลำตน้ แตกก่ิงก้ำนน้อย ก้ำนใบออกจำกลำตน้ ตรง สว่ นปลำย เรียงหนำแน่นชว่ งปลำยกง่ิ ใบประกอบแบบขนนกปลำยค่ี เรียงเวียน ใบประกอบยำวไดก้ ว่ำ 35 เซนตเิ มตร ใบย่อย 8-13 คู่ เรียงตรงขำ้ มหรือเกือบตรงข้ำม รปู ใบหอกแกมรูปไข่กลบั หรอื รปู ขอบขนำนแกม รปู ไข่ เรียวยำว ใบย่อยเรยี งแบบตรงขำ้ ม กวำ้ ง 1-3 เซนติเมตร ยำว 5-10 เซนติเมตร สมนุ ไพรปลำไหลเผอื กเปน็ สมุนไพรที่ขนึ้ ช่ือในท้องถน่ิ ภำคใตข้ องประเทศไทย โดยนำรำกไปผลติ เปน็ ผลติ ภัณฑ์ อำหำรเสรมิ สมรรถภำพทำงเพศ มวี ำงจำหน่ำยท่วั ไปในท้องตลำดและเป็นทีน่ ยิ มในพนื้ ท่ีจังหวัดชำยแดนใตแ้ ละ ประเทศมำเลเซีย สมุนไพรปลำไหลเผอื ก ถอื ว่ำเปน็ สมุนไพรหำยำกท่หี มอพื้นบ้ำนนำมำใชร้ ักษำโรคตำ่ งๆ ไมว่ ำ่ จะใช้รำกมำตม้ ถำ่ ยพิษตำ่ งๆ แกไ้ ข้ รักษำโรคมำลำเรยี ควำมดนั เลอื ดสูง อัมพำต รวมทั้งมีฤทธ์ิกระตุ้น ควำมรูส้ กึ ทำงเพศ ซ่งึ เป็นกำรพิสูจน์ได้ว่ำ กระบวนกำรพฒั นำสมนุ ไพร ซึ่งเปน็ ศำสตรโ์ บรำณ สำมำรถนำไปสู่ กระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ท่นี ำไปสพู่ ัฒนำใหเ้ ป็นยำเสรมิ สร้ำงสมรรถภำพทำงเพศได้

สมนุ ไพรพื้นบา้ นภาคใต้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook