หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 ชั้นม.2 ตวั ชี้วัด เปรียบเทียบลกั ษณะเฉพาะของการแสดงนาฏศิลป์จากวัฒนธรรมตา่ ง ๆ (ศ ๓.๒ ม.๒/๑) ศ 22012 นาฏศิลป์ 1 ครูเกศรา เพชรมณี
ผงั สาระการเรียนรู้ ภาคเหนือ ภาคกลาง ความหมายของ ภาคตะวนั ออก ภาคใต้ นาฏศลิ ป์ พืน้ เมือง เฉียงเหนือ ท่ีมาของการแสดง วฒั นธรรมและนาฏศิลป์ นาฏศลิ ป์ พืน้ เมือง พืน้ เมืองของไทย ๔ ภมู ภิ าค นาฏศิลปพ์ ื้นเมอื ง
นาฏศิลป์พ้ืนเมือง หมายถึง ศิลปะการแสดงร่ายราประกอบ ดนตรี ได้แก่ ระบา รา ฟ้อนต่าง ๆ นิยมแสดงกันในแต่ละท้องถ่ิน มีความแตกต่างกันไปตามลักษณะสภาพแวดล้อม ความเช่ือ ศาสนา ภาษา อปุ นสิ ัย และวถิ ีชวี ิตความเปน็ อยู่ ของคนในแต่ละท้องถิน่
นาฏศลิ ป์พืน้ เมอื งของไทย แบง่ ออกเป็น ๔ ภูมภิ าค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (อสี าน) และภาคใต้ การแสดงนาฏศลิ ปพ์ น้ื เมืองเปน็ การแสดงท่ีแสดงถงึ ความ เป็นเอกลกั ษณข์ องแตล่ ะท้องถน่ิ ท่ีทรงคุณคา่ และมลี กั ษณะเด่นที่ แตกตา่ งกนั
การแสดงนาฏศลิ ป์พ้ืนเมือง - เป็นการแสดงทีเ่ กดิ ข้ึนมาจากพธิ กี รรม ความเชอื่ และประเพณี - ท่คี นในอดตี จะประกอบพิธบี ชู าสง่ิ ศกั ด์ิสิทธ์ิ เทวดา บรรพบรุ ุษ - จงึ เกิดการฟอ้ นรา เพ่อื บูชาสิ่งศักดิ์สทิ ธ์ใิ ห้พึงพอใจ และยังเป็นการแสดงทีเ่ กิดขน้ึ - จากการละเลน่ พ้นื เมอื งทค่ี นในทอ้ งถ่ินนิยมเล่นกนั ในงานเทศกาลเพ่อื ความ สนุกสนาน จึงเกิดการร่ายรา การแสดงทีส่ รา้ งความบนั เทงิ ใหก้ ับคนในท้องถ่ิน ระบาตารีกปี สั เปน็ การแสดงพ้นื เมืองภาคใต้ ท่มี าของภาพ : ศนู ยว์ ัฒนธรรมแหง่ ประเทศไทย
๑. นาฏศิลปพ์ นื้ เมอื งภาคเหนือ ๑.๑ วัฒนธรรมภาคเหนือ ภาคเหนอื เปน็ ภาคทมี่ ีวัฒนธรรมหลากหลาย มคี นไทยหลายเช้ือชาติและไดร้ ับอทิ ธพิ ล ทางวัฒนธรรมจากประเทศเพอ่ื นบ้าน คือ ประเทศเมยี นมาและลาว จึงเรียกวัฒนธรรม ภาคเหนือวา่ เปน็ วัฒนธรรมไทยล้านนา วัฒนธรรมทางสงั คม ชาวเหนอื จะอยูก่ นั เปน็ ครอบครวั ใหญ่ และมีนสิ ัยรกั สงบ รกั ธรรมชาติ เป็นมติ ร ออ่ นโยน โอบอ้อมอารี จงึ ไดช้ ื่อว่า เป็นถิน่ ไทยงาม
วฒั นธรรมดา้ นทอี่ ยอู่ าศยั ชาวเหนอื มกั จะสรา้ งบ้านด้วยไม้ มุงด้วยกระเบือ้ งดนิ เผา และใบตองตึง มไี มก้ าแลไขว้เปน็ สญั ลกั ษณ์ท่ี หน้าจว่ั ลกั ษณะบา้ นที่อยอู่ าศยั ของชาวเหนือ วฒั นธรรมด้านภาษา ชาวเหนือจะมีภาษาพูดและภาษาเขยี นเป็นภาษาทอ้ งถิ่น เรยี กว่า คาเมือง มีลักษณะการใชภ้ าษาและการพูดจาทีไ่ พเราะ อ่อนหวาน เนิบช้า แต่จะมสี าเนยี ง แตกตา่ งกันไปตามแตล่ ะท้องถ่นิ ภาษาเหนือ เชน่
ภาษาเหนอื ภาษากลาง กางจ้อง กางร่ม ยะหยัง ทาอะไร เปื้อน เพื่อน
วฒั นธรรมดา้ นอาหาร เปน็ อาหารไทยล้านนา มหี ลายประเภท โดยจะรับประทานขา้ ว เหนียวกับน้าพรกิ หนุ่ม นา้ พริกออ่ ง นา้ พริกปู แคบหมู และผกั สด นอกจากนน้ั ยงั มีผกั กาด จอ ลาบหมู อาหารภาคเหนือ วฒั นธรรมดา้ นการแต่งกาย ลกั ษณะการแตง่ กายของชาวเหนอื จะแตกต่างกนั ไปตามเชือ้ ชาติ แต่ละกลมุ่ ชน ผหู้ ญิงมักจะสวมเสื้อคอกลมหรอื คอจนี แขนยาว หม่ สไบทับและเกลา้ ผม ส่วน ผชู้ ายสวมเส้อื คอกลมหรือคอจีน สวมกางเกงปา้ ยหนา้ มีผา้ คาดเอว ผ้าพาดบา่ หรือผา้ โพกศีรษะ หรือสวมเสื้อมอ่ ฮ่อม สวมกางเกงสามสว่ น มผี ้าคาดเอว เคร่ืองประดับเป็นเครื่องเงินและทอง
๑.๒ ลักษณะเฉพาะของนาฏศลิ ป์พน้ื เมืองภาคเหนอื การแสดงนาฏศิลป์พนื้ เมืองภาคเหนือไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากวฒั นธรรมทีส่ ง่ ผลให้ลกั ษณะการ แสดงนาฏศิลป์มีความอ่อนหวาน นุ่มนวล เช่น ฟ้อนเทียน ฟ้อนเลบ็ ฟอ้ นดาบ ฟ้อนชมเดือน นอกจากนี้ ยังมกี ารแสดงท่มี ีความฮึกเหิม สนุกสนาน ตน่ื เต้น ลักษณะการแต่งกายในการแสดงนาฏศลิ ป์พื้นเมอื งจะแตง่ กายตามวฒั นธรรมของชาวเหนือ อาจมีการดดั แปลงใหส้ วยงามมากขึน้ ข้นึ อยกู่ บั ลกั ษณะของการแสดง ดนตรที ใี่ ช้ประกอบการแสดง จะใชว้ งดนตรีพื้นบ้าน เช่น วงกลองแอว วงสะล้อ ซอ ซึง ตัวอย่างการแสดงนาฏศลิ ป์พ้ืนเมอื งภาคเหนือ ตีกลองสะบัดชยั จดุ ประสงคข์ องการตีกลองสะบดั ชัย คอื ๑. ใช้ตีบอกสัญญาณ เช่น ตบี อกสัญญาณการโจมตขี องขา้ ศึก ตสี ัญญาณบอกขา่ ว ๒. ใช้เปน็ มหรสพ
๓. ใช้เป็นเครือ่ งประโคมฉลองชยั ชนะ ๔. ใช้เปน็ เคร่อื งประโคมเพ่ือความสนกุ สนาน การแสดงตีกลองสะบดั ชยั ลกั ษณะการแสดง จะเปน็ การตกี ลองสะบัดชยั ดว้ ยลีลาทา่ ทางโลดโผนต่าง ๆ ซ่ึงกลองสะบดั ชัย ประกอบด้วย กลองสองหนา้ ขนาดใหญ่ ๑ ลูก กลองขนาดเล็กหรอื เรียกว่า ลูกตุบ ๒-๓ ลูก
การตกี ลองจะมีจงั หวะในการตี ซง่ึ แบ่งลกั ษณะการตอี อกเป็นแบบต่าง ๆ ดังนี้ ตีเรียกคน เช่น มีการประชุมกันก็จะตีเฉพาะกลองใหญ่ โดยตีจากจงั หวะชา้ และเร่งเรว็ ขน้ึ ตบี อกเหตฉุ ุกเฉิน เชน่ ไฟไหม้ ไลข่ โมย จะตเี ฉพาะกลองใหญ่ มีจังหวะเรง่ เร็วติด ๆ กัน ตีบอกวันพระ วันโกน จะตที ั้งกลองใหญแ่ ละลกู ตุบ มีฉาบและฆอ้ งประกอบจงั หวะด้วย ตใี นงานบุญ จะตีทั้งกลองใหญ่และลูกตบุ มีจงั หวะเร่งเรว็ เสมอต้นเสมอปลาย โดยมี คนใช้แส้ไมไ้ ผท่ เ่ี รยี กวา่ ไม้แสะ ฟาดหนา้ กลองให้จังหวะ แต่ไม่มฉี าบและฆอ้ งประกอบ การตกี ลองสะบดั ชยั เป็นท่นี ยิ มแพร่หลาย มกี ารคดิ ประดษิ ฐ์ทา่ ทางใหม่ ๆ มกี ารแปร ขบวน ต่อตวั พ่นไฟ จึงเปน็ การแสดงท่ีเป็นมรดกและเปน็ เอกลกั ษณ์ของภาคเหนือ
๒. นาฏศิลป์พ้ืนเมืองภาคกลาง ๒.๑ วัฒนธรรมภาคกลาง ภาคกลาง มีประชากรอาศัยอยจู่ านวนมาก มวี ฒั นธรรมทห่ี ลากหลาย และสว่ นใหญ่ ประกอบอาชพี เกษตรกรรม เพราะมภี ูมิประเทศเปน็ ท่ีราบลุ่ม มีแม่น้าหลายสายไหลผา่ น จงึ เหมาะแก่การทาเกษตรกรรม และไดช้ ่ือว่า เปน็ อู่ขา้ วอู่นา้ ของไทย วฒั นธรรมทางสงั คม คนในภาคกลางจะมวี ถิ ีชีวติ ที่เรียบงา่ ย รกั พวกพอ้ ง ให้ความช่วยเหลอื และพึ่งพาอาศยั กัน ส่วนใหญ่จะตั้งถ่ินฐานบริเวณท่รี าบล่มุ แมน่ า้ เพราะเปน็ แหลง่ ท่อี ดุ ม สมบรู ณ์ วัฒนธรรมดา้ นทอี่ ย่อู าศัย ลักษณะทอ่ี ยู่อาศัยของคนในภาคกลางจะมใี ตถ้ ุนสูงเพอ่ื ปอ้ งกัน น้าท่วม และใชเ้ กบ็ เคร่อื งมือและผลติ ผลทางการเกษตร มีหลังคาทรงจั่ว เพ่ือให้อากาศถ่ายเท ได้สะดวกและทาให้ฝนที่ตกลงมาไม่ค้างอยบู่ นหลงั คา เพือ่ ให้น้าฝนระบายไหลลงมาไดร้ วดเร็ว
วฒั นธรรมดา้ นภาษา ภาษาในภาคกลางจะมภี าษาพดู และภาษาเขียนที่เป็นภาษากลาง แตอ่ าจมีลักษณะสาเนยี งท่แี ตกต่างกันไปตามแตล่ ะจังหวัด เช่น จงั หวัดสุพรรณบุรี อ่างทอง ราชบรุ ี นครปฐมจะมีสาเนยี งเหน่อ ส่วนกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี จะมสี าเนยี งการพูดเปน็ ภาษากลางทช่ี ัดเจน วฒั นธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคกลางมลี ักษณะ ดังน้ี • อาหารประเภทเคร่อื งแกงและแกงกะทิ เชน่ แกงมัสมัน่ แกงสม้ • อาหารที่มกี ารประดิษฐ์ให้มคี วามสวยงาม เช่น ลูกชุบ ชอ่ ม่วง จา่ มงกุฎ ข้าวแช่ หรืออาหาร ท่ตี กแต่งด้วยการแกะสลักเพ่ือความสวยงาม • อาหารท่มี เี คร่อื งเคยี ง เชน่ นา้ พรกิ ลงเรือ มีเคร่อื งเคียงเป็นผกั และหมหู วาน สะเดานา้ ปลาหวาน จะรับประทานกบั ปลาดุกยา่ ง อาหารว่างและขนมหวาน เชน่ กระทงทอง ขนมสอดไส้ ข้าวเกรยี บปากหม้อ ขนมชน้ั
วฒั นธรรมดา้ นการแตง่ กาย ในอดีตคนภาคกลางผหู้ ญิงจะน่งุ โจงกระเบน สวมเสื้อแขนกระบอก ตอ่ มาเปลยี่ นเป็นนุง่ ผา้ ซิน่ สวมเส้อื แขนกระบอก ผูช้ ายนงุ่ กางเกงขาสามส่วน สวมเสอ้ื คอกลม แขนสัน้ เน้นความเรียบง่าย สวมใสส่ บายเปน็ การแต่งกายแบบชาวบา้ น แตถ่ า้ เปน็ การแตง่ กาย ในวัฒนธรรมหลวงจะเปน็ เครือ่ งชดุ ไทยตา่ ง ๆ เช่น ชุดไทยพระราชนยิ ม ชดุ ไทยจักรี เครือ่ งประดับทสี่ วยงาม ซ่งึ ใชใ้ นงานตา่ ง ๆ ๒.๒ ลกั ษณะเฉพาะของนาฏศิลป์พน้ื เมอื งภาคกลาง ลักษณะของการแสดงนาฏศิลป์พืน้ เมอื งภาคกลางจะมคี วามเกี่ยวข้องกับวิถชี วี ติ ของคน ในภาค สะทอ้ นถงึ การประกอบอาชีพ มคี วามเรียบงา่ ย เน้นความสนกุ สนาน บนั เทงิ เพ่ือผ่อนคลายหลงั จากการทางานเสรจ็ บางการแสดงมดี นตรีประกอบ เชน่ ราเถิดเทงิ ระบา ชาวนา และบางการแสดงเปน็ การขบั รอ้ ง หรอื เรยี กวา่ ด้นสด
ตวั อยา่ งการแสดงนาฏศิลป์พน้ื เมืองภาคกลาง ระบาชาวนา ระบาชาวนา เป็นการแสดงทส่ี ะทอ้ นถงึ วิถชี วี ิตความ เปน็ อย่ขู องชาวนาซ่งึ เป็นอาชีพหลักของคน ภาคกลาง - ทานองเพลงระบาชาวนาแต่งโดย อาจารยม์ นตรี ตราโมท - ทา่ นผ้หู ญิงแผ้ว สนทิ วงศเ์ สนี เปน็ ผูอ้ อกแบบทา่ รา้
ลกั ษณะการแสดง - ผู้แสดงจะแสดงทา่ ราประกอบทานองเพลง - ไม่มบี ทขบั รอ้ ง มจี ังหวะสนุกสนาน - มีอุปกรณ์ประกอบการแสดงเปน็ - อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการทานา เชน่ เมลด็ ขา้ ว เคยี วเก่ยี วขา้ วรวงขา้ ว กระด้ง - การร่ายราทา่ ทางการทานา ต้ังแต่ หว่านขา้ ว ไถนา เกย่ี วข้าว ฝดั ขา้ ว - การแต่งกายจะเป็นชุดพื้นบา้ นทเี่ รียบง่ายคอื ผู้หญงิ จะสวมเส้อื แขนกระบอก น่งุ โจงกระเบนสดี า ผู้ชายสวมเส้อื มอ่ ฮอ่ ม นงุ่ กางเกงสามส่วน - ดนตรีทใ่ี ช้ประกอบการแสดง เช่น กลองยาว โทน ฉง่ิ ฉาบ กรบั
๓. นาฏศิลปพ์ น้ื เมืองภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื (อีสาน) ๓.๑ วัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ (อีสาน) ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือหรือภาคอสี าน มี ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นทีร่ าบสงู มเี ทอื กเขา และมอี าณาเขตติดตอ่ กับประเทศเพอื่ นบ้าน คอื ประเทศลาว และประเทศกมั พชู า ประเพณบี ญุ บัง้ ไฟ ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือจึงเปน็ ภาคท่ีมคี วามหลากหลายทางวฒั นธรรมและประเพณี ซ่ึงส่ิงเหล่านีบ้ ง่ บอกถงึ ความเชอื่ คา่ นยิ ม และการดาเนินชวี ิต
วฒั นธรรมทางสงั คม ชาวอสี านจะมวี ถิ ีชวี ติ ทีเ่ รยี บงา่ ย มคี วามเปน็ กันเอง ใชช้ วี ิตแบบธรรมชาติ อย่งู า่ ย กินงา่ ย มีน้าใจ ชาวอีสานจะมคี วามเชื่อเก่ยี วกับเทวดาและสิง่ ศักด์สิ ิทธิ์ จงึ ทาให้เกดิ ประเพณตี า่ ง ๆ มากมาย เชน่ ประเพณีบุญบง้ั ไฟ ประเพณีแห่นางแมว ประเพณีบุญบง้ั ไฟ
วัฒนธรรมดา้ นท่อี ย่อู าศัย คนในภาคอีสานจะสร้าง บ้านเรอื นดว้ ยการฝังเสา เปน็ บ้านเรือนไม้ไม่นยิ ม เจาะช่องหน้าต่าง มปี ระตูช่องออกทางด้านหนา้ เรอื น ไวป้ ้องกันลม เพราะในฤดหู นาวมีลมพดั แรง หลังคา เปน็ ทรงจ่วั เหมือนเรอื นไทยภาคกลาง ลกั ษณะที่อยอู่ าศยั ของ คนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ วฒั นธรรมดา้ นภาษา ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จะมีลักษณะสาเนยี งที่แตกต่างกนั ไป หรอื เรียกวา่ ภาษาถน่ิ อสี าน ในวัฒนธรรมกล่มุ อีสานเหนอื และกลางจะมีสาเนยี งลาว กลุ่ม วัฒนธรรมอีสานใตจ้ ะมีสาเนยี งเขมร กลมุ่ วฒั นธรรมโคราชจะมสี าเนียงโคราช แตล่ ักษณะของ คาและความหมายจะคล้ายกัน สามารถเขา้ ใจกนั ได้ทว่ั ทั้งภาค
ภาษาถน่ิ อสี าน ภาษากลาง ขีต้ ๋ัว โกหก พอกะเทนิ ไมม่ ากไมน่ ้อย สะเดดิ สะดุง้
วัฒนธรรมด้านอาหาร อาหารอีสาน เปน็ อาหารทร่ี ู้จกั และนิยมท่ัวไป เป็นสง่ิ ทส่ี ะท้อนถงึ วฒั นธรรมวถิ ชี ีวติ ของชาวอีสานทีม่ ีความเปน็ อยู่ทเ่ี รียบงา่ ย กินง่าย โดยหาส่งิ ของในทอ้ งถ่นิ มา ดัดแปลงปรงุ เปน็ อาหาร อาหารอีสานจะมรี สชาตเิ ผด็ เคม็ และเปรย้ี ว และเครอื่ งปรงุ ที่ขาด ไม่ได้เลย คอื ปลาร้า และจะรับประทานขา้ วเหนยี วเป็นสว่ นใหญ่ อาหารอสี าน เช่น ลาบ ก้อย สม้ ตา อ่อม หมก หม่า ซุบหนอ่ ไม้ อาหารอีสาน
วฒั นธรรมดา้ นการแตง่ กาย คนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ - นิยมทอผ้าเปน็ กจิ กรรมยามว่าง หลังจากฤดูทานา - การแตง่ กายจึงใช้ผ้าที่มีลวดลายสวยงาม - ผู้หญิงจะนุ่งผา้ ซิน่ ที่มีลายสวยงามยาวคลมุ เข่า สวมเสื้อแขนกระบอก ห่มสไบ ผม เกล้ามวย สวมเครื่องประดบั เงิน - ผู้ชายจะนุ่งกางเกงขาก๊วย สวมเสื้อมอ่ ฮ่อมแขนสั้น มผี ้าขาวมา้ คาดเอวหรือพาดบา่ ลักษณะการแต่งกายจะแตกตา่ งกันไปตามโอกาส - ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ยงั มผี ้าท่ีข้นึ ช่ือเป็นทีร่ ้จู ัก คอื ผ้าไหม ซึง่ เป็นผ้าท่ีมคี วามสวยงามเพราะคน ในภาคนป้ี ระกอบอาชพี ปลกู หมอ่ นเลี้ยงไหม ผา้ ไหม เป็นผา้ ท่ีมีความสวยงามเป็น จงึ มีการทอผา้ ไหมลวดลายตา่ ง ๆ เอกลกั ษณ์ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ
๓.๒ ลักษณะเฉพาะของนาฏศิลปพ์ น้ื เมืองภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ (ภาคอีสาน) ลกั ษณะการแสดงนาฏศลิ ป์ของภาคตะวันออกเฉยี งเหนือจะแบง่ ออกเป็นกลุม่ วฒั นธรรม คือ กลุ่มอีสานเหนอื กลุ่มอสี านใต้ และกลมุ่ อีสานเฉพาะเมืองโคราช ซึ่งมลี ักษณะแตกตา่ งกันดังน้ี กลมุ่ อีสานเหนอื จะไดร้ บั อิทธิพลทางวฒั นธรรมมาจากประเทศลาว ซงึ่ ไดแ้ ก่ เซิ้ง ฟ้อน และลา เช่น เซิง้ กระตบิ ข้าว เซิง้ โปงลาง เซ้งิ แหยไ่ ขม่ ดแดง ฟอ้ นภูไท เซิง้ สวิง เซ้งิ กะหยงั เครื่องดนตรีท่ีใชป้ ระกอบการแสดง เชน่ แคน พิณ ซอ โปงลาง โหวด ฉ่งิ ฉาบ กรบั กลมุ่ อสี านใต้ ไดร้ ับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาจากประเทศกมั พูชา ซง่ึ ไดแ้ ก่ เรือม เชน่ เรอื มลูดอนั เร (ร้ากระทบสาก) รากระโนบ็ ติงตอ็ ง (รา้ ตัก๊ แตนต้าข้าว) เครอ่ื งดนตรีทีใ่ ชป้ ระกอบการแสดง เช่น กลองกันตรึม ป่ีสไล รามะนา พณิ
กลมุ่ อสี านเฉพาะเมอื งโคราช เป็นกลมุ่ วฒั นธรรมเฉพาะในเขตจงั หวดั นครราชสมี า มลี กั ษณะ การแสดงทโ่ี ดดเด่น คอื การเล่นเพลงโคราช ซึง่ มลี ักษณะคล้ายกบั การละเล่นประเภทเพลงฉ่อย ล้าตดั ของภาคกลาง มีความสนกุ สนาน เป็นการใชป้ ฏภิ าณไหวพริบของผู้ขบั ร้อง ตวั อย่างการแสดงนาฏศลิ ปพ์ น้ื เมอื งภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) เซ้งิ แหย่ไขม่ ดแดง ลกั ษณะการแสดง เริ่มตัง้ แตเ่ ดนิ ออกจากบา้ นฝ่ายหญิงจะถอื คใุ ส่นา้ และเศษผ้าเหน็บไวท้ ี่ เอว ฝา่ ยชายถอื ไม้ยาวผกู ตะกร้าทป่ี ลายไมส้ าหรับแหย่รังมดแดง และเริ่มมองหารังมดแดง จากนั้นเป็นท่าแหยม่ ดแดงไดเ้ ทลงในคุใสน่ ้า นาผ้ากวนมดแดง เพือ่ แยกตัวมดแดงออกจาก ไข่มดแดง เทนา้ ออกจากคุ สุดทา้ ยเป็นท่าเก็บอุปกรณแ์ ละเดนิ ทางกลับบ้าน
เคร่ืองแตง่ กาย ฝ่ายชายนุ่งกางเกงขากว๊ ย เซง้ิ แหย่ไขม่ ดแดง สวมเสอื้ คอกลมแขนสัน้ มผี า้ ขาวมา้ คาดเอว และ ทมี่ า :http://www.isan.clubs.chula.ac.th/ โพกศีรษะ ฝา่ ยหญิงนุง่ ผ้าซน่ิ ส้ันแค่เข่า สวมเสอื้ folkdance/?transaction=kalsin08.php แขนกระบอกคอกลม ห่มสไบ ผมเกล้ามวย ติดดอกไม้ สวมเคร่ืองประดบั เงิน ดนตรีทใี่ ช้ประกอบการแสดง คอื วงโปงลาง พ้นื เมอื ง ใช้เพลงลายสดุ สะแนน ลายเซ้งิ บ้งั ไฟ อุปกรณท์ ่ีใชป้ ระกอบการแสดง ได้แก่ คใุ สน่ ้า ตะกรา้ ผูกปลายไมย้ าว ผา้ สาหรบั กวนมดแดง
๔. นาฏศิลป์พ้นื เมืองภาคใต้ ๔.๑ วฒั นธรรมภาคใต้ ภาคใต้มลี ักษณะภูมปิ ระเทศติดกบั ชายฝงั่ ทะเล ประชากรในภูมภิ าคส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ประมง และท้าสวนยางพารา เปน็ ภูมิภาคท่มี วี ฒั นธรรมหลากหลาย ได้รบั อทิ ธิพลทางวฒั นธรรม มาจากประเทศเพ่อื นบา้ น คอื ประเทศมาเลเซีย ทาให้เกดิ การผสมผสานระหวา่ งวัฒนธรรม วัฒนธรรมทางสังคม ชาวใต้จะมีวถิ ีชวี ิตท่ี การทาสวนยางพารา เรยี บงา่ ย รักเพือ่ นพอ้ ง ชว่ ยเหลอื ซ่งึ กันและกัน เข้มแขง็ หา้ วหาญ มคี วามอดทน สว่ นใหญ่ ประกอบอาชีพประมง และทาสวนยางพารา
วัฒนธรรมด้านที่อยู่อาศยั ลักษณะที่อยูอ่ าศัยของชาวใตจ้ ะเป็นบ้านหรอื เรือน ซง่ึ ชาวใตจ้ ะ เรยี กวา่ เริน มี ๒ ลักษณะ คือ เรือนเคร่อื งผูกและเรอื นเครื่องสับ • เรอื นเครอ่ื งผกู คอื เรือนท่นี ้าวัสดุต่าง ๆ เช่น ไมไ้ ผ่ ไม้ยนื ตน้ ขนาดเล็กมาประกอบ กนั เป็นตัวเรือน โดยการผูกยึดด้วยเชอื ก หรอื เถาวลั ย์ แต่ไมค่ งทนถาวร สามารถ ซอ่ มแซมไดง้ า่ ย • เรือนเครือ่ งสบั คือ เรอื นทตี่ กแต่ง ดว้ ยไมเ้ หลีย่ ม ทใ่ี ช้ขวานตกแตง่ จึงเรยี ก เรือนเครอื่ งสับ มใี ต้ถนุ สงู เพ่อื ปอ้ งกัน นา้ ท่วม และมชี ่องระบายลม เรือนเครื่องสับ เรือนเครื่องผกู
วัฒนธรรมด้านภาษา ภาษาใต้หรอื เรยี กอกี อย่างวา่ ภาษาปกั ษใ์ ต้ ในแตล่ ะจงั หวัดจะมสี าเนยี งท่ี แตกต่างกนั ไป และบางจงั หวัดจะมกี ารใช้ภาษายาวดี ว้ ย เชน่ จงั หวดั นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ภาษาใต้ ภาษากลาง หรอยจงั หู อรอ่ ยมาก หวบิ อยา่ งแรง โกรธมาก อย่างไร พันพรอื
วัฒนธรรมด้านอาหาร ภาคใต้ เป็นภาคทม่ี ีพนื้ ท่ตี ิด ชายฝัง่ ทะเล ประกอบอาชีพประมงเป็นสว่ นใหญ่ ทา้ ใหอ้ าหารของชาวใตเ้ ปน็ อาหารทะเลทีม่ รี สจดั และมกี ล่ินเครอื่ งเทศ โดยเฉพาะขมนิ้ เพราะชว่ ยดบั กล่ินคาวของอาหารทะเลได้ดี อาหารปกั ษ์ใตจ้ ึงมีสี ออกเป็นสีเหลือง ๆ เชน่ แกงไตปลา แกงเหลอื ง อาหารภาคใต้ วัฒนธรรมดา้ นการแต่งกาย การแตง่ กายของชาวใต้ ผหู้ ญิงนิยมนุ่งผา้ ซน่ิ ยาวคลุมถึงข้อเทา้ มลี วดลาย เรียกวา่ ผ้าบาติกหรอื ปาเตะ๊ สวมเสือ้ รัดรูปปลอ่ ยชาย ผชู้ ายจะนิยมนุ่งโสรง่ สวมเสอื้ ปล่อยชาย
๔.๒ ลักษณะเฉพาะของนาฏศิลป์พน้ื เมอื งภาคใต้ การแสดงนาฏศลิ ปพ์ ้นื เมืองภาคใต้ - จะแสดงถึงวถิ ชี วี ิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชพี ของชาวใต้ เชน่ ระบ้ารอ่ นแร่ ระบา้ กรีดยาง - ลักษณะการแสดงจะมีจังหวะ และทานองท่ีคึกคัก สนกุ สนาน บางการแสดงอาจผสมผสานกับ วัฒนธรรมเพอื่ นบา้ น ได้แก่ ประเทศมาเลเซยี เข้าไปด้วย การแสดงนาฏศิลป์พน้ื เมอื งภาคใต้แบง่ ออกตามลกั ษณะพ้ืนท่ี ดงั น้ี • ภาคใต้ตอนบน เช่น โนรา เพลงบอก เพลงเรือ • ภาคใตบ้ ริเวณลุ่มน้าทะเลสาบสงขลา เช่น โนรา กาหลอ โต๊ะครมึ • ภาคใตบ้ รเิ วณชายฝัง่ ทะเลอันดามัน (ระนอง พงั งา ภูเกต็ กระบ่ี และ จงั หวดั ตรัง) เชน่ รองเงง็ • ภาคใต้ตอนลา่ ง เช่น ลิเกฮลู ู กรือโต๊ะ ชีละ ซ่งึ การแสดงแตล่ ะการแสดงจะมีลกั ษณะรูปแบบการแสดงท่แี ตกตา่ งกันไป ใช้แสดงในงาน ร่ืนเรงิ หรือโอกาสพเิ ศษตา่ ง ๆ สรา้ งความสุข สนกุ สนานให้กับคนในทอ้ งถ่นิ
ตวั อยา่ งการแสดงนาฏศิลปพ์ ื้นเมอื งภาคใต้ ระบาปาเต๊ะ ระบาปาเตะ๊ ลกั ษณะการแสดง เปน็ การแสดง ขน้ั ตอนการทาผ้าปาเตะ๊ โดยนาขนั้ ตอน การทามาผสมผสานเปน็ ทา่ ราโดยเรม่ิ จากข - ท่าแบกภาชนะใสเ่ ทียนไปเค่ยี วบนไฟร้อน - ท่าถือกรอบไมอ้ อกมาขงึ ผ้าเพื่อเขียน ลวดลาย ท่ายอ้ มผ้า - ท่านาผา้ ทีย่ อ้ มมาตาก - ท้ายการแสดงทุกกลุม่ กจ็ ะออกมา ร่ายร้า
ผงั สรปุ สาระสาคญั
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: