49 เหล่าน้ีมีลักษณะของการตกลงด้วยความสมัครใจในการท่ีจะเข้าซ้ือขายหรือรับบริการ มากกวา่ การใชอ้ �ำ นาจบงั คบั ฝา่ ยเดยี ว นอกจากนน้ั แทนทผ่ี ทู้ ไ่ี ดร้ บั ประโยชนจ์ ากกจิ การดงั กลา่ ว จะได้รับประโยชน์อย่างท่วั ถึงในวงกว้างและจ่ายค่าตอบแทนบริการท่ีได้รับในรูปของภาษี อากรดังท่ีเป็นอยู่ในภารกิจพ้ืนฐานของรัฐ กลับมีการจ่ายค่าตอบแทนการได้รับบริการ ตามสัดส่วนของการได้รับประโยชน์ของตนเองเฉพาะรายในลักษณะเดียวกับท่ีเอกชน ท้ังหลายปฏิบัติต่อกันในทางอุตสาหกรรมและการค้า ดังน้ัน จึงไม่เหมาะท่ีจะใช้รูปแบบ ของส่วนราชการซ่งึ ไม่มีความคล่องตัวและไม่มีความยืดหยุ่นเพียงพอสำ�หรับการตัดสินใจ เชิงพาณิชย์ เน่ืองจากต้องปฏิบัติงานตามระเบียบข้อบังคับและมีสายการบังคับบัญชา ตามล�ำ ดบั ขน้ั ไปจนถงึ หวั หนา้ รฐั บาล รฐั จงึ ไดจ้ ดั ตง้ั องคก์ รของรฐั รปู แบบใหมเ่ พอ่ื รบั ผดิ ชอบ ภารกจิ ในทางอตุ สาหกรรมและการคา้ เหลา่ นแ้ี ยกออกไปจากสว่ นราชการ ซง่ึ กค็ อื วสิ าหกจิ มหาชนหรอื รฐั วสิ าหกจิ ๔ รัฐวิสาหกิจ ในความหมายท่เี ข้าใจกันโดยท่วั ไป คือ หน่วยธุรกิจท่มี ีรัฐ เปน็ เจา้ ของหรอื เปน็ ผถู้ อื หนุ้ ขา้ งมาก มหี นา้ ทด่ี ำ�เนนิ ภารกจิ ในลกั ษณะทเ่ี ปน็ อตุ สาหกรรม และการคา้ ของรฐั ซง่ึ ในทางวชิ าการมลี กั ษณะเฉพาะ ๔ ประการ ไดแ้ ก่ ๑. มีฐานะเป็นนิติบุคคลแยกเป็นเอกเทศจากรัฐและส่วนราชการ และมอี สิ ระการบรหิ ารงานบคุ คลและงบประมาณ ๒. รบั ผดิ ชอบภารกจิ เกย่ี วกบั การอตุ สาหกรรมและการคา้ ๓. ดำ�เนินกิจการในเชิงพาณิชย์โดยอาศัยรายได้จากค่าตอบแทน การขายสนิ คา้ หรอื บรกิ ารของตน ไมต่ อ้ งอาศยั เงนิ งบประมาณจากรฐั ๔. อยภู่ ายใตก้ ารก�ำ กบั ดแู ลจากองคก์ รของรฐั สำ�หรับบทนิยามความหมายของรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายน้ัน มีการให้ ความหมายไวใ้ นกฎหมายหลายฉบบั แตกตา่ งกนั ดงั น้ี ๑. “รฐั วสิ าหกจิ ” ตามมาตรา ๔ แหง่ พระราชบญั ญตั วิ ธิ กี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ หมายความวา่ ๔ สรุ พล นติ ไิ กรพจน,์ ความเปน็ ไปไดแ้ ละแนวทางการตรากฎหมายจดั ตง้ั องคก์ ารมหาชน, รายงานการวจิ ยั เสนอตอ่ คณะกรรมการการวจิ ยั แหง่ ชาต,ิ พ.ศ. ๒๕๔๓, หนา้ ๑๘ – ๒๘.
ก. องคก์ ารของรฐั บาลหรอื หนว่ ยงานธรุ กจิ ทร่ี ฐั บาลเปน็ เจา้ ของ ข. บริษัทหรือห้างหนุ้ ส่วนนิติบุคคลท่สี ่วนราชการมีทุนรวมอย่ดู ้วย เกนิ กวา่ รอ้ ยละหา้ สบิ ค. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลท่ีมีส่วนราชการ และ/หรือ รฐั วสิ าหกจิ ตาม (ก) และ/หรอื (ข) มที นุ รวมอยดู่ ว้ ยเกนิ กวา่ รอ้ ยละหา้ สบิ ง. บริษัทหรือห้างกุ้นส่วนนิติบุคคลท่ีมีส่วนราชการ และ/หรือ รฐั วสิ าหกจิ ตาม (ค) และ/หรอื (ก) และ/หรอื (ข) มที นุ รวมอยดู่ ว้ ยเกนิ กวา่ รอ้ ยละหา้ สบิ จ. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลท่ีส่วนราชการ และ/หรือ รฐั วสิ าหกจิ ตาม (ง) และ/หรอื (ก) และ/หรอื (ข) และ/หรอื (ค) มที นุ รวมอยดู่ ว้ ยเกนิ กวา่ รอ้ ยละหา้ สบิ ๒. “รัฐวิสาหกิจ” ตามมาตรา ๔ วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ คณุ สมบตั มิ าตรฐานส�ำ หรบั กรรมการและพนกั งานรฐั วสิ าหกจิ พ.ศ. ๒๕๑๘ หมายความวา่ ๑) องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้งั องค์การของ รฐั บาล หรอื กจิ การของรฐั ตามกฎหมายทจ่ี ดั ตง้ั กจิ การนน้ั และหมายความรวมถงึ หนว่ ยงาน ธุรกิจท่ีรัฐเป็นเจ้าของ แต่ไม่รวมถึงองค์การหรือกิจการท่ีมีวัตถุประสงค์เฉพาะ เพอ่ื สงเคราะหห์ รอื สง่ เสรมิ การใด ๆ ทม่ี ใิ ชธ่ รุ กจิ ๒) บรษิ ทั จ�ำ กดั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนติ บิ คุ คลทก่ี ระทรวง ทบวง กรม หรอื ทบวงการเมอื งทม่ี ฐี านะเทยี บเทา่ และหรอื รฐั วสิ าหกจิ ตาม (๑) มที นุ รวมอยดู่ ว้ ยเกนิ รอ้ ยละหา้ สบิ หรอื ๓) บรษิ ทั จ�ำ กดั หรอื หา้ งหนุ้ สว่ นนติ บิ คุ คลทก่ี ระทรวง ทบวง กรม หรอื ทบวงการเมอื งทม่ี ฐี านะเทยี บเทา่ และหรอื รฐั วสิ าหกจิ ตาม (๑) และหรอื (๒) มที นุ รวม อยดู่ ว้ ยสองในสาม ๓. “รัฐวิสาหกิจ” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติพัฒนาการ เศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๒๑ หมายความวา่ ๑) องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้งั องค์การของ รฐั บาล หรอื กจิ การของรฐั ตามกฎหมายทจ่ี ดั ตง้ั กจิ การนน้ั และหมายความรวมถงึ หนว่ ยงาน ธรุ กจิ ทร่ี ฐั เปน็ เจา้ ของ 50
51 ๒) บริษัทจำ�กัดหรือห้างห้นุ ส่วนนิติบุคคลท่กี ระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเป็นกระทรวง ทบวง หรือกรม และหรือ รฐั วสิ าหกจิ ตาม (๑) มที นุ รวมอยดู่ ว้ ยเกนิ กวา่ รอ้ ยละหา้ สบิ หรอื ๓) บริษัทจำ�กัดหรือห้างห้นุ ส่วนนิติบุคคลท่กี ระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเป็นกระทรวง ทบวง หรือกรม และหรือ รฐั วสิ าหกจิ ตาม (๑) และหรอื (๒) มที นุ รวมอยดู่ ว้ ยเกนิ กวา่ รอ้ ยละหา้ สบิ กลา่ วโดยสรปุ รฐั วสิ าหกจิ จงึ หมายถงึ หนว่ ยงานธรุ กจิ ของรฐั หรอื บรษิ ทั และหา้ งหนุ้ สว่ นนติ บิ คุ คลทส่ี ว่ นราชการ องคก์ ารของรฐั หรอื หนว่ ยงานธรุ กจิ ทร่ี ฐั บาลมที นุ รวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละห้าสิบ เป็นองค์การของรัฐท่ีดำ�เนินกิจการและการให้บริการ เชงิ พาณชิ ย์ ปจั จบุ นั มรี ฐั วสิ าหกจิ เปน็ จ�ำ นวนมาก โดยสงั กดั อยกู่ บั กระทรวงตา่ ง ๆ ทง้ั ทม่ี ี วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื แสวงหาก�ำ ไร (Profit Oriented) และไมแ่ สวงหาก�ำ ไร (Non Profit Oriented) รัฐวิสาหกิจเป็นหน่วยงานภาครัฐ ท่ีมีบทบาทสำ�คัญในการจัดหาบริการพ้ืนฐาน ทางเศรษฐกจิ ของประเทศในดา้ นพลงั งาน ประปา การคมนาคมขนสง่ และระบบโทรคมนาคม และการสอ่ื สาร ซง่ึ ถอื เปน็ เครอ่ื งมอื ของภาครฐั ในการพฒั นาประเทศ รฐั วสิ าหกจิ ทแ่ี ปลงสภาพ เปน็ บรษิ ทั มหาชนจ�ำ กดั กจ็ ดั อยใู่ นกลมุ่ นด้ี ว้ ย รฐั วสิ าหกจิ สามารถแบง่ กลมุ่ ตามกฎหมายทจ่ี ดั ตง้ั ไดเ้ ปน็ ๔ ประเภท คอื ก. รฐั วสิ าหกจิ ทต่ี ง้ั ขน้ึ โดยกฎหมายในระดบั พระราชบญั ญตั ิ เพอ่ื รบั ผดิ ชอบ ดำ�เนินภารกิจในการบริการสาธารณะท่ีมีลักษณะพิเศษ โดยการตรากฎหมายในระดับ พระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ขน้ึ เปน็ การเฉพาะราย สามารถเรยี งล�ำ ดบั ตามตวั อกั ษรไดด้ งั น้ี - การกีฬาแห่งประเทศไทย จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติการกีฬา แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๘ - การเคหะแหง่ ชาต ิ จัดต้งั โดยพระราชบญั ญัติการเคหะแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๗ - การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดต้ังโดยพระราช บญั ญตั กิ ารนคิ มอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒
- การประปานครหลวง จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติการประปา นครหลวง พ.ศ. ๒๕๑๐ - การประปาส่วนภูมิภาค จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติการประปา สว่ นภมู ภิ าค พ.ศ. ๒๕๒๒ - การไฟฟ้านครหลวง จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติการไฟฟ้า นครหลวง พ.ศ. ๒๕๐๑ - การไฟฟ้าฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย จดั ต้งั โดยพระราชบญั ญตั ิ การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๑ - การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติการไฟฟ้า สว่ นภมู ภิ าค พ.ศ. ๒๕๐๓ - การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ การทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ - การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จัดต้ังโดยประกาศของ คณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ท ่ี ๒๙๐ ลงวนั ท ่ี ๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๕ - การท่าเรือแห่งประเทศไทย จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ การทา่ เรอื แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ - การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จัดต้งั โดยพระราช บญั ญตั กิ ารรถไฟฟา้ ขนสง่ มวลชนแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ - การรถไฟแหง่ ประเทศไทย จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั กิ ารรถไฟ แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ - กองทุนเพ่อื การฟ้ืนฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน๕ จัดต้งั โดยพระราชบญั ญตั ธิ นาคารแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๘๕ ๕ คณะกรรมการกฤษฎกี าไดต้ คี วามวา่ กองทนุ เพอ่ื การฟน้ื ฟแู ละพฒั นาระบบสถาบนั การเงนิ มฐี านะเปน็ รฐั วสิ าหกจิ ตามมาตรา ๔ แหง่ พระราชบญั ญตั วิ ธิ กี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และกระทรวง การคลงั ไดถ้ อื ปฏบิ ตั ติ อ่ กองทนุ นใ้ี นลกั ษณะเดยี วกบั รฐั วสิ าหกจิ 52
53 - กองทุนสงเคราะห์การทำ�สวนยาง จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ กองทนุ สงเคราะหก์ ารท�ำ สวนยาง พ.ศ. ๒๕๐๓ - ธ น า ค า ร พั ฒ น า วิ ส า ห กิ จ ข น า ด ก ล า ง แ ล ะ ข น า ด ย่ อ ม แหง่ ประเทศไทย จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั ธิ นาคารพฒั นาวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ - ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จัดต้ังโดย พระราชบญั ญตั ธิ นาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ - ธนาคารเพ่อื การส่งออกและนำ�เข้าแห่งประเทศไทย จัดต้งั โดย พระราชบญั ญตั ธิ นาคารเพอ่ื การสง่ ออกและน�ำ เขา้ แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๖ - ธนาคารแห่งประเทศไทย๖ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติธนาคาร แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๘๕ - ธนาคารออมสิน จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. ๒๔๘๙ - ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติธนาคาร อาคารสงเคราะห ์ พ.ศ. ๒๔๙๖ ๖ แมว้ า่ จะมกี ารนบั รวมใหธ้ นาคารแหง่ ประเทศไทยเปน็ รฐั วสิ าหกจิ แตก่ รมบญั ชกี ลางไดแ้ ยก ใหธ้ นาคารแหง่ ประเทศไทยเปน็ รฐั วสิ าหกจิ ทม่ี ลี กั ษณะพเิ ศษแตกตา่ งจากธนาคารกรงุ ไทย จ�ำ กดั (มหาชน) หรอื ธนาคารออมสนิ เพราะธนาคารแหง่ ประเทศไทยไดร้ บั การยกเวน้ การปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑท์ ร่ี ฐั วสิ าหกจิ อ่ืนต้อง(ต่อจากหน้า ๘๗...ปฏิบัติ โดยกรมบัญชีกลางให้เหตุผลว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็น รฐั วสิ าหกจิ ทม่ี สี ถานะพเิ ศษ (โปรดดรู ายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ จาก สรุ พล นติ ไิ กรพจน,์ เรอ่ื งเดยี วกนั หนา้ ๘๓ – ๘๔). ทง้ั น้ี มาตรา ๓ แหง่ พระราชกฤษฎกี าก�ำ หนดกจิ การทพ่ี ระราชบญั ญตั แิ รงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. ๑๕๑๘ ไม่ใช้บังคับ พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้กำ�หนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นกิจการท่ีพระราชบัญญัติ แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ ไม่ใช้บังคับ เพราะหากให้พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับแก่ธนาคาร แห่งประเทศไทยแล้ว อาจเกิดความเสียหายแก่งานราชการท่ธี นาคารแห่งประเทศไทยเป็นผ้รู ับผิดชอบได้ ซ่งึ ได้แก่ การออกธนบัตรและประกอบธุรกิจอันเป็นงานของธนาคารกลาง การควบคุมธนาคารพาณิชย์ แทนกระทรวงการคลงั และการจดั การทนุ ส�ำ รองเงนิ ตราของประเทศ
- บรรษัทตลาดรองสินเช่ือท่อี ย่อู าศัย จัดต้งั โดยพระราชกำ�หนด บรรษทั ตลาดรองสนิ เชอ่ื ทอ่ี ยอู่ าศยั พ.ศ. ๒๕๔๐ - บรรษัทประกันสินเช่ืออุตสาหกรรมขนาดย่อม จัดต้ังโดย พระราชบญั ญตั บิ รรษทั ประกนั สนิ เชอ่ื อตุ สาหกรรมขนาดยอ่ ม พ.ศ. ๒๕๓๔ - สำ�นกั งานกองทนุ สงเคราะหก์ ารท�ำ สวนยาง จดั ตง้ั โดยพระราช บญั ญตั สิ �ำ นกั งานกองทนุ การท�ำ สวนยาง พ.ศ. ๒๕๐๓ - สำ�นักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ ส�ำ นกั งานสลากกนิ แบง่ รฐั บาล พ.ศ. ๒๕๑๗ - สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั สิ ถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ - องค์การเภสัชกรรม จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติองค์การ เภสชั กรรม พ.ศ. ๒๕๐๙ - องค์การสะพานปลา จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติจัดระเบียบ กจิ การแพปลา พ.ศ. ๒๔๙๖ ข. รัฐวิสาหกิจท่ีต้ังข้ึนโดยพระราชกฤษฎีกาโดยอาศัยอำ�นาจตาม มาตรา ๓ แหง่ พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการจดั ตง้ั องคก์ ารของรฐั บาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ไดแ้ ก่ - สถาบันการบินพลเรือน จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ัง สถาบนั การบนิ พลเรอื น พ.ศ. ๒๕๓๕ - องคก์ ารขนสง่ มวลชนกรงุ เทพ จดั ตง้ั โดยพระราชกฤษฎกี า จดั ตง้ั องคก์ ารขนสง่ มวลชนกรงุ เทพ พ.ศ. ๒๕๑๙ - องค์การคลังสินค้า จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังองค์การ คลงั สนิ คา้ พ.ศ. ๒๔๙๘ - องคก์ ารจดั การน�ำ้ เสยี จดั ตง้ั โดยพระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั องคก์ าร จดั การน�ำ้ เสยี พ.ศ. ๒๕๓๘ - องค์การตลาด จัดต้งั โดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้งั องค์การตลาด พ.ศ. ๒๔๙๖ 54
55 - องค์การตลาดเพ่ือเกษตรกร จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ัง องคก์ ารตลาดเพอ่ื เกษตรกร พ.ศ. ๒๕๑๗ - องค์การแบตเตอร่ี จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังองค์การ แบตเตอร่ี พ.ศ. ๒๔๙๘ - องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จัดต้ังโดยพระราช กฤษฎกี าจดั ตง้ั องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๓๘ - องค์การฟอกหนัง จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังองค์การ ฟอกหนงั พ.ศ. ๒๔๙๘ - องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย จัดต้ังโดยพระ ราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั องคก์ ารสง่ เสรมิ กจิ การโคนมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๔ - องค์การส่วนพฤกษศาสตร์ จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ัง องคก์ ารสวนพฤกษศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ - องคก์ ารสวนยาง จดั ตง้ั โดยพระราชกฤษฎกี าการจดั ตง้ั องคก์ าร สวนยาง พ.ศ. ๒๕๐๔ - องคก์ ารสวนสตั ว ์ จดั ตง้ั โดยพระราชกฤษฎกี าการจดั ตง้ั องคก์ าร สวนสตั ว ์ พ.ศ. ๒๔๙๗ - องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ัง องคก์ ารอตุ สาหกรรมปา่ ไม ้ พ.ศ. ๒๔๙๙ รัฐวิสาหกิจท่ีจัดต้ังข้ึนโดยพระราชกฤษฎีกาเหล่าน้ี กฎหมายกำ�หนด ใหม้ ฐี านะเปน็ นติ บิ คุ คลเชน่ เดยี วกนั ค. รัฐวิสาหกิจท่ีจัดต้ังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายวา่ ดว้ ยบรษิ ทั มหาชนจ�ำ กดั ไดแ้ ก่ - บรษิ ทั กสท โทรคมนาคม จ�ำ กดั (มหาชน) - บรษิ ทั การบนิ ไทย จ�ำ กดั (มหาชน) - บรษิ ทั ขนสง่ จ�ำ กดั - บรษิ ทั ธนาคารกรงุ ไทย จ�ำ กดั (มหาชน)
- บรษิ ทั ทา่ อากาศยานไทย จ�ำ กดั (มหาชน) - บรษิ ทั ทา่ อากาศยานสากลกรงุ เทพแหง่ ใหม่ จ�ำ กดั - บรษิ ทั ทโี อที จ�ำ กดั (มหาชน) - บรษิ ทั ไทยเดนิ เรอื ทะเล จ�ำ กดั - บรษิ ทั ปตท. จ�ำ กดั (มหาชน) - บรษิ ทั ไปรษณยี ไ์ ทย จ�ำ กดั - บรษิ ทั วทิ ยกุ ารบนิ แหง่ ประเทศไทย จ�ำ กดั - บรษิ ทั สหโรงแรมไทยและการทอ่ งเทย่ี ว จ�ำ กดั - บรษิ ทั อสมท จ�ำ กดั (มหาชน) - บรษิ ทั อกู่ รงุ เทพ จ�ำ กดั ง. รฐั วสิ าหกจิ ทจ่ี ดั ตง้ั โดยระเบยี บ หรอื ขอ้ บงั คบั ไดแ้ ก่ - ส�ำ นกั งานธนานเุ คราะห ์ จดั ตง้ั โดยขอ้ บงั คบั วา่ ดว้ ยการบรหิ ารงาน ส�ำ นกั งานสถานธนานเุ คราะห ์ กรมประชาสงเคราะห ์ พ.ศ. ๒๕๑๗ - โรงงานไฟ จดั ตง้ั โดยระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยการจดั ตง้ั โรงงานไฟ กรมสรรพสามติ พ.ศ. ๒๕๓๕ - โรงงานยาสบู จดั ตง้ั โดยระเบยี บบรหิ ารงานโรงงานยาสบู พ.ศ. ๒๕๑๖ (สงั กดั กระทรวงการคลงั ) - โรงพมิ พต์ �ำ รวจ จดั ตง้ั โดยขอ้ บงั คบั โรงพมิ พต์ �ำ รวจ กรมต�ำ รวจ พ.ศ. ๒๕๐๙ (สงั กดั ส�ำ นกั งานต�ำ รวจแหง่ ชาต)ิ - องคก์ ารสรุ า จดั ตง้ั โดยระเบยี บจดั ตง้ั องคก์ ารสรุ า กรมสรรพสามติ พ.ศ. ๒๕๐๖ (๓) องคก์ ารมหาชน (Public Organization) องค์การมหาชนเป็นหน่วยงานของรัฐรูปแบบท่ ี ๓ ในระบบกฎหมาย มหาชนของไทย โดย ๒ รปู แบบแรก ไดแ้ ก่ สว่ นราชการและรฐั วสิ าหกจิ ซง่ึ สว่ นราชการ น้นั ได้รบั มอบหมายภารกิจในการจดั ท�ำ บรกิ ารสาธารณะประเภททม่ี ักจะตอ้ งอาศัยอ�ำ นาจ ตามท่ีมีกฎหมายรับรองไว้ บังคับฝ่ายเดียวต่อประชาชนโดยไม่ต้องอาศัยความยินยอม พร้อมใจของประชาชนท่ีเก่ียวข้อง และกิจการท้ังหลายท่ีส่วนราชการได้รับมอบหมาย 56
57 ให้ดูแลนั้น ก็ล้วนแต่เป็นกิจการที่จำ�เป็นต้องอาศัยอำ�นาจมหาชนในลักษณะดังกล่าว ในการดำ�เนินการท้ังส้ิน เน่ืองจากเป็นกิจการท่ีมีความสำ�คัญและมีผลเก่ียวข้องโดยตรง หรอื โดยทางออ้ มตอ่ การด�ำ รงอยขู่ องรฐั สว่ นรฐั วสิ าหกจิ นน้ั เปน็ หนว่ ยทางธรุ กจิ ทม่ี ฐี านะเปน็ นิติบุคคลซ่งึ มีรัฐหรือองค์กรในภาคมหาชนเป็นเจ้าของหรือเป็นผ้ถู ือห้นุ ข้างมาก มีภารกิจ ในการจัดหาวัตถุดิบและแหล่งพลังงานสำ�หรับการผลิตในระบบอุตสาหกรรม และการจัด ให้บริการในด้านการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ซ่ึงมีลักษณะทางอุตสาหกรรม และการคา้ โดยแท๗้ องค์การมหาชนได้รับมอบหมายภารกิจในการจัดทำ�บริการสาธารณะ เฉพาะด้าน หรือจัดทำ�ให้แก่ประชาชนเฉพาะกล่มุ (โดยไม่มีลักษณะของการประกอบการ ทางอุตสาหกรรมและการค้า) หรือเป็นภารกิจท่มี ีความสำ�คัญสูงและมีเทคนิควิธีการเฉพาะ ซ่ึ ง ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ร ว ด เร็ ว ข อ ง ก า ร ตั ด สิ น ใจ แ ล ะ ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง ก า ร ป ฏิ บั ติ ก า ร อย่างทันท่วงที ตามความเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนอย่างฉับพลันทันด่วน๘ ภารกิจดังกล่าว ได้แก๙่ การรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา การศึกษาอบรมและพฒั นา เจ้าหน้าท่ีของรัฐ การทะนุบำ�รุงศิลปะและวัฒนธรรม การพัฒนาและส่งเสริมการกีฬา การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการวิจัย การถ่ายทอดและพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ การบรกิ ารทางการแพทย์ และสาธารณสุข การสังคมสงเคราะห์ การอำ�นวยบริการแก่ประชาชน หรือการดำ�เนินการ อันเป็นสาธารณประโยชน์อ่ืนใด ซ่ึงการดำ�เนินกิจการเฉพาะด้านดังกล่าว ไม่มี วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื แสวงหาก�ำ ไรเปน็ หลกั ๗ สรุ พล นติ ไิ กรพจน,์ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๒๒ – ๒๕. ๘ ชาญชยั แสวงศกั ด,์ิ หนว่ ยงานของรฐั ทม่ี ใิ ชส่ ว่ นราชการและรฐั วสิ าหกจิ : องคก์ ารมหาชน และหนว่ ยงานบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ, พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒ (กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั พมิ พน์ ติ ธิ รรม, พ.ศ. ๒๕๔๙) หนา้ ๑๓๔-๑๓๕. ๙ มาตรา ๕ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒.
องคก์ ารมหาชนมอี งคป์ ระกอบทส่ี �ำ คญั ๓ ประการ๑๐ คอื ประการแรก องคก์ ารมหาชนมฐี านะเปน็ นติ บิ คุ คลเอกเทศ แยกออกไป จากรัฐและส่วนราชการท้ังหลาย ทำ�ให้สามารถมีทรัพย์สิน บุคลากร ระบบบัญชี และงบประมาณเป็นของตัวเอง และมีอำ�นาจบริหารจัดการกิจการของตนได้โดยอิสระ ไมต่ อ้ งตกอยภู่ ายใตส้ ายการบงั คบั บญั ชาของระบบราชการ ประการทส่ี อง องคก์ ารมหาชนมฐี านะเปน็ นติ บิ คุ คลในกฎหมายมหาชน ซ่ึงทำ�ให้มีสิทธิพิเศษและมีอำ�นาจบังคับบางประการเหนือประชาชนท่ัวไป แต่ในขณะ เดียวกันก็ทำ�ให้ต้องตกอยู่ภายใต้การกำ�กับดูแลขององค์กรของรัฐองค์การใดองค์กรหน่ึง ตามทก่ี �ำ หนดในกฎหมายจดั ตง้ั ประการท่ีสาม องค์การมหาชนมีภารกิจในการดำ�เนินกิจการท่ีเป็น บริการสาธารณะเฉพาะด้านท่ีมีขอบเขตจำ�กัด กล่าวคือ จะมีอำ�นาจหน้าท่ีเฉพาะ ในกิจกรรมท่ีได้กำ�หนดไว้ในกฎหมายจัดต้ังเท่าน้ัน โดยเม่ือรับมอบภารกิจใดให้องค์การ มหาชนแลว้ จะตอ้ งถอื วา่ ภารกจิ นน้ั เปน็ ภารกจิ ทก่ี ฎหมายก�ำ หนดไวโ้ ดยเฉพาะส�ำ หรบั องคก์ าร มหาชนนน้ั องคก์ รในภาคมหาชนอน่ื ยอ่ มไมม่ อี �ำ นาจกา้ วลว่ งไปปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ดงั กลา่ วไดอ้ กี ในระบบโครงสร้างขององค์การภาครัฐของไทย การจัดต้ังหน่วยงาน ของรัฐท่ีไม่ใช่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอันถือเป็นหน่วยงานต้นแบบในรูปขององค์การ มหาชนเกิดข้ึนเป็นคร้ังแรกในปี พ.ศ. ๒๕๓๓๑๑ อันเป็นปีท่ีมีการตราพระราชบัญญัติ จดั ตง้ั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี พ.ศ. ๒๕๓๓ (ซง่ึ แมจ้ ะยงั มไิ ดก้ �ำ หนดไวอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ เป็นหน่วยงานของรัฐท่ีไม่ใช่ส่วนราชการและไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แต่หากพิจารณาโดยรวม ๑๐ Vedel et Delvolve, Droit Administratif อา้ งถงึ ใน สรุ พล นติ ไิ กรพจน,์ ความเปน็ ไปไดแ้ ละ แนวทางการตรากฎหมายจดั ตง้ั องคก์ ารมหาชน, หนา้ ๑๑๐ – ๑๑๑. ๑๑ สรุ พล นติ ไิ กรพจน,์ มหาวทิ ยาลยั ไทยในรปู องคก์ ารมหาชนอสิ ระ : กรณตี วั อยา่ งของ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี ในองคก์ ารมหาชน : มติ ใิ หมข่ องหนว่ ยงานภาครฐั , ส�ำ นกั งานคณะกรรมการ ปฏริ ปู ระบบราชการ ส�ำ นกั งาน ก.พ., (พ.ศ. ๒๕๔๒), หนา้ ๕๗ – ๘๗. 58
59 จะเหน็ ไดว้ า่ มวี ตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี ะใหเ้ ปน็ “มหาวทิ ยาลยั ของรฐั ทไ่ี มใ่ ชส่ ว่ นราชการและไมใ่ ช่ รัฐวิสาหกิจ”)๑๒ ปรากฏว่าได้มีการจัดต้งั หน่วยงานของรัฐให้รับผิดชอบภารกิจท่มี ีลักษณะ พเิ ศษแตกตา่ งไปจากงานราชการทว่ั ไป และมรี ะบบวธิ ดี �ำ เนนิ งานทเ่ี ปน็ อสิ ระไมอ่ ยใู่ นสายงาน บังคับบัญชาตามปกติของส่วนราชการ อีกท้ังกิจกรรมท่ีจัดทำ�ก็ไม่อาจจัดเป็นองค์กร ในรปู แบบรฐั วสิ าหกจิ ได ้ เพยี งแตว่ า่ ในขณะนน้ั ยงั ไมม่ กี ารยอมรบั ใหม้ หี นว่ ยงานของรฐั ในรปู แบบ องคก์ ารมหาชน หนว่ ยงานเหลา่ นห้ี ากล�ำ ดบั ตามระยะเวลาการกอ่ ตง้ั แลว้ ไดแ้ ก๑่ ๓ - ธนาคารแห่งประเทศไทย จัดต้ังข้ึนโดยพระราชบัญญัติธนาคาร แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๘๕ - ครุ สุ ภา จดั ตง้ั ขน้ึ โดยพระราชบญั ญตั คิ รู พ.ศ. ๒๔๘๘ และพระราช บญั ญตั สิ ภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๖ - องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จัดต้ังข้ึนโดยพระราชบัญญัติ องคก์ ารสงเคราะหท์ หารผา่ นศกึ พ.ศ. ๒๔๙๑ - ส�ำ นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ์ จดั ตง้ั ขน้ึ โดยพระราชบญั ญตั ิ จดั ระเบยี บทรพั ยส์ นิ ฝา่ ยพระมหากษตั รยิ ์ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๙๑ ๑๒ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี พ.ศ. ๒๕๓๓ มาตรา ๕ ใหจ้ ดั ตง้ั มหาวิทยาลยั ของรฐั ขน้ึ ในจังหวัดนครราชสีมา เรยี กว่า “มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นาร”ี ใหม้ หาวทิ ยาลยั เปน็ นติ บิ คุ คล มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ หก้ ารศกึ ษา สง่ เสรมิ วชิ าการและวชิ าชพี ชน้ั สงู ทำ�การสอน ทำ�การวิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ปรับแปลง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทเ่ี หมาะสม และทะนบุ �ำ รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม มาตรา ๙ ใหก้ จิ การของมหาวิทยาลยั ไมต่ ้องตกอย่ภู ายใตบ้ งั คับแหง่ กฎหมายวา่ ด้วยการ คมุ้ ครองแรงงาน และกฎหมายวา่ ดว้ ยแรงงานสมั พนั ธ์ มาตรา ๓๙ รัฐมนตรีมีอำ�นาจและหน้าท่ีกำ�กับและควบคุมโดยท่ัวไป ซ่ึงกิจการ ของมหาวทิ ยาลยั ใหเ้ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคต์ ามมาตรา ๕ และ ใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายของรฐั บาลหรอื มติ คณะรฐั มนตรี ๑๓ สรุ พล นติ ไิ กรพจน,์ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๔๐ – ๔๕.
- องค์การสวนสัตว์ จัดต้ังข้ึนโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังองค์การ สวนสตั ว์ พ.ศ. ๒๔๙๖ - ทนุ รกั ษาระดบั อตั ราแลกเปลย่ี นเงนิ ตรา จดั ตง้ั ขน้ึ โดยพระราชก�ำ หนด จดั สรรทนุ ส�ำ รองเงนิ ตราเกนิ จ�ำ นวนธนบตั รทอ่ี อกใช ้ พ.ศ. ๒๔๙๘ - กองทุนสงเคราะห์การทำ�สวนยาง จัดต้ังข้ึนโดยพระราชกำ�หนด จดั สรรทนุ ส�ำ รองเงนิ ตราเกนิ จ�ำ นวนธนบตั รทอ่ี อกใช ้ พ.ศ. ๒๔๙๘ - สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดต้งั ข้ึนโดย ประกาศคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ท ่ี ๔๒ พ.ศ. ๒๕๑๕ - สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จัดต้งั ข้นึ โดยพระราชบญั ญตั สิ ถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ - การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย จัดต้ังข้ึนโดยพระราชบัญญัติ การทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ - การกีฬาแห่งประเทศไทย จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติการกีฬา แหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๘ - กองทุนเพ่ือการฟ้ืนฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จัดต้ังข้ึน โดยพระราชกำ�หนดแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ พ.ศ. ๒๕๒๘ ขอ้ สงั เกต๑๔ ๑. หน่วยงานต้นแบบเหล่าน้ีได้ถูกกระทรวงการคลังจัดกลุ่มให้เป็น หนว่ ยงานของรฐั ประเภทรฐั วสิ าหกจิ ตามพระราชบญั ญตั วิ ธิ กี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ แม้ว่ากิจกรรมของหน่วยงานดังกล่าวจะมิได้ประกอบภารกิจทางอุตสาหกรรมและการค้า และมไิ ดม้ ลี กั ษณะการประกอบการในเชงิ พาณชิ ยเ์ ลยกต็ าม ๑๔ มูลนิธิวิจัยและพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางปกครอง, หน่วยงานทางปกครอง ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒, (กรงุ เทพฯ : บพธิ การพมิ พ,์ ๒๕๕๑), หนา้ ๔๑ – ๔๓. 60
61 ๒. ครุ สุ ภา มลี กั ษณะเปน็ องคก์ รวชิ าชพี เนอ่ื งจากมอี �ำ นาจหนา้ ทค่ี ลา้ ยกบั แพทยส์ ภา หรอื สภาทนายความ จงึ ควรจดั ใหเ้ ปน็ หนว่ ยงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายใหใ้ ชอ้ �ำ นาจ ทางปกครองมากกวา่ ๓. ส�ำ นกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ์ นกั วชิ าการมองวา่ เปน็ องคก์ าร มหาชน แต่ศาลปกครองเห็นว่า สำ�นักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นหน่วยงาน ท่มี ีหน้าท่ีเก่ยี วกับการดูแลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และดำ�เนินกิจการเพ่อื ประโยชน์ ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ ไม่มีอำ�นาจหน้าท่ีท่ีเป็นการใช้อำ�นาจ ในลกั ษณะของอ�ำ นาจทางปกครอง แมจ้ ะจดั ตง้ั ขน้ึ โดยพระราชบญั ญตั จิ ดั ระเบยี บทรพั ยส์ นิ ฝ่ายพระมหากษัตริย ์ (ฉบับท ่ี ๓) พ.ศ. ๒๔๙๑ แต่ก็มิได้อาศัยเงินงบประมาณแผ่นดิน ในการจดั ตง้ั และดำ�เนนิ กจิ การ และรฐั บาลในฐานะตวั แทนของรฐั กม็ ไิ ดเ้ ขา้ ไปเกย่ี วขอ้ งกบั การด�ำ เนนิ กจิ การ ดงั เชน่ ทก่ี ระท�ำ กบั องคก์ ารของรฐั หรอื กจิ การของรฐั อน่ื ๆ ส�ำ นกั งาน ทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษตั รยิ ์ จงึ ไมเ่ ปน็ หนว่ ยงานทางปกครอง (ค�ำ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๖๐/๒๕๔๔ และ ๔๘๔/๒๕๔๗) ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นต้นมา จึงเร่ิมมีความชัดเจนในกระบวนการ นิติบัญญัติว่าประสงค์จะให้มีหน่วยงานของรัฐรูปแบบท ่ี ๓ ในระบบโครงสร้างองค์การ ภาครัฐของไทย คือ เป็นองค์กรของรัฐท่มี ิใช่ส่วนราชการและมิใช่หรือมิได้มีลักษณะของ รฐั วสิ าหกจิ ซง่ึ หากล�ำ ดบั ตามระยะเวลาการจดั ตง้ั ไดแ้ ก่ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นาร ี พ.ศ. ๒๕๓๓๑๕ - สำ�นักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จัดต้ังโดย พระราชบญั ญตั พิ ฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี พ.ศ. ๒๕๓๔๑๖ ๑๕ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๕ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี พ.ศ. ๒๕๓๓ ๑๖ เป็นนิติบุคคลท่ีไม่นำ�กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์มาใช้บังคับ ตามมาตรา ๑๑ แหง่ พระราชบญั ญตั พิ ฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔
- สำ�นักงานคณะกรรมการกำ�กับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั หิ ลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย ์ พ.ศ. ๒๕๓๕๑๗ - มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย วลยั ลกั ษณ์ พ.ศ. ๒๕๓๕๑๘ - กองทุนสนับสนุนการวิจัย จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติสนับสนุน การวจิ ยั พ.ศ. ๒๕๓๕๑๙ - สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ พ.ศ. ๒๕๓๕๒๐ - สถาบันการบินพลเรือน จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังสถาบัน การบนิ พลเรอื น พ.ศ. ๒๕๓๕ - องคก์ ารสวนพฤกษศาสตร ์ จดั ตง้ั โดยพระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั องคก์ าร สวนพฤกษศาสตร ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ - องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาต ิ จดั ตง้ั โดยพระราชกฤษฎกี า จดั ตง้ั องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๓๘ - องค์การจัดการนำ้�เสีย จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังองค์การ จดั การน�ำ้ เสยี พ.ศ. ๒๕๓๘ - กองทุนบำ�เหน็จบำ�นาญข้าราชการ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ กองทนุ บ�ำ เหนจ็ บ�ำ นาญขา้ ราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙๒๑ - มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณร์ าชวทิ ยาลยั จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั ิ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณร์ าชวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๔๐๒๒ ๑๗ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๑๗ แหง่ พระราชบญั ญตั หิ ลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๘ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๕ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั วลยั ลกั ษณ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑๙ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๔ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั กิ องทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒๐ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๑๑ แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒๑ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๕ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั กิ องทนุ บ�ำ เหนจ็ บ�ำ นาญขา้ ราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ ๒๒ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๖ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณ์ 6ร2าชวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๔๐
63 - มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๔๐๒๓ - สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั พิ ฒั นาระบบ มาตรวทิ ยาแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๔๐๒๔ - องคก์ ารเพอ่ื การปฏริ ปู ระบบสถาบนั การเงนิ จดั ตง้ั โดยพระราชก�ำ หนด การปฏริ ปู ระบบสถาบนั การเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๐๒๕ - มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย แมฟ่ า้ หลวง พ.ศ. ๒๕๔๑๒๖ ขอ้ สงั เกต๒๗ ๑. สถาบันการบินพลเรือน องค์การสวนพฤกษศาสตร์ องค์การ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และองค์การการจัดการนำ้�เสีย เป็นหน่วยงานของรัฐ ท่ีจัดต้ังข้ึนโดยอาศัยการตราพระราชกฤษฎีกาจัดต้ังท่ีออกตามความในพระราชบัญญัต ิ จดั ตง้ั องคก์ ารของรฐั พ.ศ. ๒๔๙๖ และกระทรวงการคลงั จดั กลมุ่ ใหเ้ ปน็ หนว่ ยงานของรฐั ประเภทรฐั วสิ าหกจิ ตามพระราชบญั ญตั วิ ธิ กี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ แตว่ ตั ถปุ ระสงค์ ในการจดั ตง้ั และขอบเขตภารกจิ มคี วามแตกตา่ งไปจากรฐั วสิ าหกจิ โดยทว่ั ไป๒๘ ๒. มเี พยี ง ๒ หนว่ ยเทา่ นน้ั ทก่ี ฎหมายจดั ตง้ั หนว่ ยงานก�ำ หนดไวใ้ หไ้ ม่ เปน็ สว่ นราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ ไดแ้ ก ่ ส�ำ นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ ๒๓ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๖ วรรคหนง่ึ แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๔๐ ๒๔ เปน็ นติ บิ คุ คล และไมเ่ ปน็ สว่ นราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณ หรอื กฎหมายอน่ื ตามมาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบญั ญตั พิ ฒั นาระบบมาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๒๕ เปน็ นติ บิ คุ คลตามมาตรา ๕ แหง่ พระราชก�ำ หนดการปฏริ ปู ระบบสถาบนั การเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๒๖ เปน็ มหาวทิ ยาลยั ของรฐั ทเ่ี ปน็ นติ บิ คุ คล แตไ่ มเ่ ปน็ สว่ นราชการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บ บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ และกฎหมายวา่ ดว้ ยการปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม อยใู่ นก�ำ กบั ดแู ลของรฐั บาล (ทบวงมหาวทิ ยาลยั ) ตามมาตรา ๕ แหง่ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั แมฟ่ า้ หลวง พ.ศ. ๒๕๔๑ ๒๗ มูลนิธิวิจัยและพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางปกครอง, หน่วยงาน ทางปกครองตาม พระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒, หนา้ ๔๓ – ๔๕. ๒๘ สรุ พล นติ ไิ กรพจน,์ ความเปน็ ไปไดแ้ ละแนวทางการตรากฎหมายจดั ตง้ั องคก์ ารมหาชน, หนา้ ๗๒.
และสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ในขณะท่ีหน่วยงานอ่ืน กฎหมายจัดต้ังหน่วยงาน ก�ำ หนดใหเ้ ปน็ นติ บิ คุ คลทม่ี รี ะบบการบรหิ ารแตกตา่ งจากระบบราชการ หน่วยงานของรัฐในรูปแบบขององค์การมหาชนปรากฏชัดแจ้งในป ี พ.ศ. ๒๕๔๒ เม่ือมีการตราพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้ึนใช้บังคับ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่อื ลดปัญหาความสลับซับซ้อนในการดำ�เนินงานตามโครงการพัฒนา ด้านต่าง ๆ ของรัฐ หรือการดำ�เนินงานตามแผนงานหรือนโยบายเพ่ือจัดทำ�บริการ สาธารณะด้านใดด้านหน่งึ โดยเฉพาะ ปัญหาความขัดแย้งในการดำ�เนินการ การซับซ้อน ของความรับผิดชอบระหว่างส่วนราชการ และเพ่ือเปิดโอกาสให้มีการจัดระบบบริหาร แนวใหมส่ �ำ หรบั ภารกจิ ของรฐั ทม่ี ลี กั ษณะเฉพาะในบางกรณ ี ใหม้ คี วามคลอ่ งตวั และมกี าร ใช้ประโยชน์ในทรัพยากรและบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ตลอดจน เพ่อื บูรณาการให้ผ้เู ก่ยี วข้องท้งั หมดเข้าร่วมกันท�ำ งานอย่างมีเอกภาพ และประสานงานกัน เพ่ือความรวดเร็วในการดำ�เนินงานซ่ึงต้องอาศัยความเร่งด่วน จึงสมควรให้ฝ่ายบริหาร สามารถต้ังหน่วยงานบริหารเป็นองค์การมหาชนท่ีแตกต่างไปจากส่วนราชการหรือ รฐั วสิ าหกจิ ได้ หลงั จากทพ่ี ระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ มผี ลบงั คบั ใชไ้ ด ้ มกี ารอาศยั อ�ำ นาจตามมาตรา ๕ ออกพระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั องคก์ ารมหาชน ตามล�ำ ดบั ระยะเวลาในการจดั ตง้ั ดงั ตอ่ ไปน้ี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบนั บรหิ ารจดั การธนาคารทด่ี นิ สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาพน้ื ทส่ี งู สถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรน�ำ้ และการเกษตร ส�ำ นกั งานพฒั นาการวจิ ยั การเกษตร กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร ส�ำ นกั งานพฒั นาธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ส�ำ นกั งานรฐั บาลอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ส�ำ นกั งานสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรมซอฟตแ์ วรแ์ หง่ ชาติ 64
65 กระทรวงกลาโหม สถาบนั เทคโนโลยปี อ้ งกนั ประเทศ กระทรวงการคลงั ส�ำ นกั งานความรว่ มมอื พฒั นาเศรษฐกจิ กบั ประเทศเพอ่ื นบา้ น กระทรวงการทอ่ งเทย่ี วและกฬี า ส�ำ นกั งานพฒั นาพงิ คนคร กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย์ สถาบนั พฒั นาองคก์ รชมุ ชน กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ส�ำ นกั งานพฒั นาเศรษฐกจิ จากฐานชวี ภาพ องคก์ ารบรหิ ารจดั การกา๊ ซเรอื นกระจก กระทรวงพลงั งาน สถาบนั บรหิ ารกองทนุ พลงั งาน กระทรวงพาณชิ ย์ ศนู ยส์ ง่ เสรมิ ศลิ ปาชพี ระหวา่ งประเทศ สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาอญั มณแี ละเครอ่ื งประดบั แหง่ ชาติ กระทรวงยตุ ธิ รรม ศนู ยค์ ณุ ธรรม สถาบนั เพอ่ื การยตุ ธิ รรมแหง่ ประเทศไทย กระทรวงวฒั นธรรม ศนู ยม์ านษุ ยวทิ ยาสริ นิ ธร ส�ำ นกั งานพพิ ธิ ภณั ฑเ์ กษตรเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั หอภาพยนตร์ กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ศนู ยค์ วามเปน็ เลศิ ดา้ นชวี วิ ทิ ยาศาสตร์ สถาบนั เทคโนโลยนี วิ เคลยี รแ์ หง่ ชาติ สถาบนั ดาราศาสตรแ์ หง่ ชาติ
สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน ส�ำ นกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ ส�ำ นกั งานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โรงเรยี นมหดิ ลวทิ ยานสุ รณ์ สถาบนั ทดสอบทางการศกึ ษาแหง่ ชาติ สถาบนั ระหวา่ งประเทศเพอ่ื การคา้ และการพฒั นา กระทรวงสาธารณสขุ โรงพยาบาลบา้ นแพว้ สถาบนั คณุ วฒุ วิ ชิ าชพี สถาบนั รบั รองคณุ ภาพสถานพยาบาล สถาบนั วคั ซนี แหง่ ชาติ ส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี ส�ำ นกั งานบรหิ ารและพฒั นาองคค์ วามรู้ ส�ำ นกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา ส�ำ นกั งานสง่ เสรมิ การจดั ประชมุ และนทิ รรศการ องคก์ ารบรหิ ารการพฒั นาพน้ื ทพ่ี เิ ศษเพอ่ื การทอ่ งเทย่ี วอยา่ งยง่ั ยนื ขอ้ สงั เกต๒๙ สถานศึกษาท่ีอยู่ในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยท่ีจัดการศึกษาระดับ ปรญิ ญาตามพระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๓๔ ซง่ึ มกี ฎหมาย วา่ ดว้ ยการจดั ตง้ั สถานศกึ ษาเปน็ การเฉพาะนน้ั แตเ่ ดมิ กฎหมายก�ำ หนดใหม้ ฐี านะเปน็ กรม ทง้ั น ้ี ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ อนั ไดแ้ ก๓่ ๐ ๒๙ มลู นธิ วิ จิ ยั และพฒั นากระบวนการยตุ ธิ รรมทางปกครอง. เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๔๕ – ๔๙. ๓๐ มาตรา ๓๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๓๔ ซง่ึ แกไ้ ข เพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ฯิ (ฉบบั ท่ี ๑๔) พ.ศ. ๒๕๓๙ (ปจั จบุ นั ถกู ยกเลกิ โดยพระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ แลว้ ) 66
67 - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั พ.ศ. ๒๕๒๒ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ - มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ พ.ศ. ๒๕๔๑ ๔. มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ จัดต้งั โดยพระราชบญั ญัตมิ หาวทิ ยาลัย เชยี งใหม ่ พ.ศ. ๒๕๓๐ - มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ พ.ศ. ๒๕๓๙ - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร ์ พ.ศ. ๒๕๓๑ - มหาวทิ ยาลยั นเรศวร จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั นเรศวร พ.ศ. ๒๕๓๓ - มหาวทิ ยาลยั บรู พา จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั บรู พา พ.ศ. ๒๕๓๓ - มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม พ.ศ. ๒๕๓๗ - มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั มหดิ ล พ.ศ. ๒๕๓๐ - มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ ้ จดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ พ.ศ. ๒๕๓๙ - มหาวิทยาลัยรามคำ�แหง จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง พ.ศ. ๒๕๔๑ - มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ พ.ศ. ๒๕๔๑ - มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย ศลิ ปากร พ.ศ. ๒๕๓๐ - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร ์ พ.ศ. ๒๕๒๒
- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช พ.ศ. ๒๕๒๑ - มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธาน ี พ.ศ. ๒๕๓๓ - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัด ต้ังโดยพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบัน เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี และสถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื พ.ศ. ๒๕๒๘ - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จัดต้ังโดยพระราช บัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกลา้ ธนบรุ ี และสถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื พ.ศ. ๒๕๒๘ - สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดต้งั โดยพระ ราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกลา้ ธนบรุ ี และสถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนอื พ.ศ. ๒๕๒๘ - สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศาสตร ์ พ.ศ. ๒๕๐๙ ต่อมาเม่ือมีการยกเลิกพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๓๔ และประกาศใชก้ ฎหมายใหมใ่ นปี พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยผลของมาตรา ๕๒๓๑ ๓๑ พระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๕๒ ใหท้ บวงมหาวทิ ยาลยั และสว่ นราชการทส่ี งั กดั ทบวงมหาวทิ ยาลยั ตามพระราช บญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๓๔ และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ซง่ึ ถกู ยกเลกิ โดยมาตรา ๓ ยงั คงเปน็ ทบวงมหาวทิ ยาลยั ซง่ึ มฐี านะเทยี บเทา่ กระทรวงและสว่ นราชการทส่ี งั กดั ทบวงมหาวทิ ยาลยั ตอ่ ไป และใหม้ รี ฐั มนตรวี า่ การทบวงมหาวทิ ยาลยั ปลดั ทบวงมหาวทิ ยาลยั และ ขา้ ราชการในทบวงมหาวทิ ยาลยั และในสว่ นราชการทส่ี งั กดั ทบวงมหาวทิ ยาลยั โดยมอี �ำ นาจหนา้ ท่ี ตามกฎหมายตอ่ ไป ทง้ั น้ี จนกวา่ จะมกี ารจดั ระเบียบราชการกระทรวงศึกษาธิการตามกฎหมายว่า ด้วยการศึกษาแห่งชาติ (ปัจจุบันได้มีการบังคับใช้ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ แลว้ จงึ ท�ำ ใหไ้ มม่ ที บวงมหาวทิ ยาลยั อกี ตอ่ ไป) 68
69 แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ รบั ปรงุ กระทรวงทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกบั มาตรา ๘๒๓๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ ทำ�ให้ สถานศกึ ษาทจ่ี ดั การศกึ ษาดงั กลา่ วขา้ งตน้ มฐี านะเปน็ สถานศกึ ษาทเ่ี ปน็ นติ บิ คุ คลในสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา (ส�ำ นกั งานคณะกรรมการอดุ มศกึ ษามฐี านะเปน็ นิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) และมีฐานะ เป็นส่วนราชการตามมาตรา ๔๓๓ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการจดั ตง้ั งบประมาณ หลังจากน้ัน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ มีการจัดต้ังมหาวิทยาลัยราชภัฏ โดยการยกฐานะสถาบันราชภัฏ จำ�นวน ๔๑ แห่ง เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ ๓๒ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๘๒ ใหส้ ถานศกึ ษาทจ่ี ดั การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาทเ่ี ปน็ สถานศกึ ษาในสงั กดั ทบวง มหาวทิ ยาลยั และใหส้ ถาบนั เทคโนโลยรี าชมลคง สงั กดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ซง่ึ มกี ฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั ตง้ั สถานศกึ ษานน้ั โดยเฉพาะ และมฐี านะเปน็ กรมตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ อยใู่ น วันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ มีฐานะเป็นสถานศึกษาท่ีเป็นนิติบุคคลในสังกัดสำ�นักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา โดยให้สถานศึกษาดังกล่าวยังคงมีอำ�นาจในการบริหารบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หน้ี ขา้ ราชการ ลกู จา้ ง และเงนิ งบประมาณ ตลอดจนบงั คบั บญั ชาขา้ ราชการและลกู จา้ งของสถานศกึ ษานน้ั ๆ ตามพระราชบญั ญตั นิ แ้ี ละตามกฎหมายจดั ตง้ั สถานศกึ ษานน้ั ตลอดทง้ั กฎหมายอน่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งตอ่ ไป ใหส้ ถานศกึ ษาตามวรรคหนง่ึ มฐี านะเปน็ สว่ นราชการตาม มาตรา ๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ เพ่ือประโยชน์ในการจัดต้ังงบประมาณ ตลอดจนการบริหาร และการด�ำ เนนิ การอน่ื ใดทเ่ี กย่ี วกบั งบประมาณแผน่ ดนิ ดว้ ย ๓๓ พระราชบญั ญตั วิ ธิ กี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั นิ ้ี ฯลฯ ฯลฯ “สว่ นราชการ” หมายความวา่ กระทรวง ทบวง กรม หรอื ทบวงการเมอื งทม่ี ฐี านะเทยี บเทา่ ส�ำ นกั งานหรอื หนว่ ยงานอน่ื ใดของรฐั แตไ่ มร่ วมตลอดถงึ รฐั วสิ าหกจิ หรอื หนว่ ยงานตามกฎหมายวา่ ดว้ ย ระเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ฯลฯ ฯลฯ
ทง้ั นต้ี ามพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั ราชภฏั พ.ศ. ๒๕๔๗๓๔ ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ไดย้ กฐานะ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จำ�นวน ๙ แห่ง ให้เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตามพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. ๒๕๔๘๓๕ รวมท้ังจัดต้ัง มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนราธิวาส ราชนครนิ ทร์ พ.ศ. ๒๕๔๘๓๖ และจดั ตง้ั มหาวทิ ยาลยั พนมสารคามตามพระราชบญั ญตั ิ ๓๔ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั ราชภฏั พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๔ ใหส้ ถาบนั ราชภฏั ทจ่ี ดั ตง้ั ขน้ึ ตาม พระราชบญั ญตั ิ สถาบนั ราชภฏั พ.ศ. ๒๕๓๘ มฐี านะเปน็ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ให้เรียกช่ือมหาวิทยาลัยราชภัฏตามช่ือของสถาบันราชภัฏเดิมตามบัญชีรายช่ือท้าย พระราชบญั ญตั นิ ้ี ให้มหาวิทยาลัยราชภัฏแต่ละแห่งเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วย วธิ กี ารงบประมาณในสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา ๓๕ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๕ ให้สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลตามพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยี ราชมงคล พ.ศ. ๒๕๑๘ เปน็ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี จ�ำ นวน ๙ แหง่ ดงั น้ี (๑) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี (๒) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลกรงุ เทพ (๓) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก (๔) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร (๕) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ (๖) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา (๗) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั (๘) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ (๙) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน ใหม้ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลแตล่ ะแหง่ ตามวรรคหนง่ึ เปน็ นติ บิ คุ คลและเปน็ สว่ นราชการ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณในสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๓๖ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั นราธวิ าสราชนครนิ ทร์ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๔ ให้รวมวิทยาลัยเทคนิคนราธิวาส วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส และวทิ ยาลยั การอาชพี ตากใบ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ ารและวทิ ยาลยั พยาบาล บรมราชชนนี นราธวิ าส ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ มาจดั ตง้ั เปน็ มหาวทิ ยาลยั นราธวิ าส ราชนครนิ ทรต์ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์เป็นนิติบุคคล และเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่า ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณในสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา 70
71 มหาวทิ ยาลยั นครพนม พ.ศ. ๒๕๔๘๓๗ โดยทกุ แหง่ ตา่ งเปน็ นติ บิ คุ คลและเปน็ สว่ นราชการ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณในสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา ปัญหาว่าสถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาท้ัง ๗๓ แห่ง จะมฐี านะใดในระบบกฎหมายมหาชนของไทย เหน็ วา่ ๑. ปัจจุบันสถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาท่ีจัดต้ังข้ึน กอ่ นปี พ.ศ. ๒๕๔๕ จ�ำ นวน ๒๑ แหง่ ไมไ่ ดเ้ ปน็ สว่ นราชการทม่ี ฐี านะเปน็ กรมอกี ตอ่ ไป เน่อื งจากสำ�นักงานคณะกรรมการอุดมศึกษามีฐานะเป็นกรมตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ ท�ำ ใหส้ ถาน ศึกษาท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาซ่ึงอยู่ในสังกัดสำ�นักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หากยงั คงเปน็ สว่ นราชการตอ้ งมฐี านะต�ำ่ กวา่ กรม อยา่ งไรกด็ ี การทม่ี าตรา ๘๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ กำ�หนด ให้สถานศึกษาดังกล่าวมีฐานะเป็นส่วนราชการตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธี การงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ กเ็ พยี งเพอ่ื ประโยชนใ์ นการจดั ตง้ั งบประมาณ ตลอดจน การบรหิ ารและการด�ำ เนนิ การอน่ื ใดทเ่ี กย่ี วกบั งบประมาณแผน่ ดนิ เทา่ นน้ั เนอ่ื งจากสถาน ศึกษาท่จี ัดการศึกษาระดับปริญญาดังกล่าว ไม่ได้ดำ�เนินการในเชิงพาณิชย์ท่จี ะสามารถมี รายไดเ้ พยี งพอทจ่ี ะดแู ลตนเอง ท�ำ ใหย้ งั ตอ้ งไดร้ บั การสนบั สนนุ เงนิ งบประมาณจากรฐั ๒ สถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาดังกล่าวข้างต้น ทกุ แหง่ ลว้ นมคี วามเปน็ อสิ ระในการบรหิ ารบรรดากจิ การ ทรพั ยส์ นิ หน้ี ขา้ ราชการ ลกู จา้ ง ๓๗ พระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั นครพนม พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๔ ให้รวมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม ตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัย ราชภฏั วิทยาเขตนครพนมของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตามกฎหมายว่าดว้ ยมหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม วิทยาลัยเทคนิคนครพนม วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครพนม วิทยาลัยการอาชีพธาตุพนม และวทิ ยาลยั การอาชพี นาหวา้ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และวทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครพนม ส�ำ นกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ มาจดั ตง้ั เปน็ มหาวทิ ยาลยั นครพนมตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี มหาวิทยาลัยนครพนมเป็นนิติบุคคล และเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณในสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา
และเงินงบประมาณตลอดจนบังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้าของตน ตามมาตรา ๘๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ ซง่ึ จะด�ำ เนนิ การเช่นน้ันได้จะต้องมีความเป็นอิสระเป็นเอกเทศแยกต่างหากจากส่วนราชการท่ีปฏิบัติ งานภายใต้สายการบังคับบัญชา การท่ีกฎหมายกำ�หนดให้อยู่ในสังกัดสำ�นักงาน คณะกรรมการการอดุ มศกึ ษาจงึ มคี วามหมายเพยี งการอยใู่ นก�ำ กบั ดแู ลเทา่ นน้ั มใิ ชก่ ารบงั คบั บญั ชา ตามสายงานในระบบราชการ ๓ การจัดต้ังมหาวิทยาลัยทุกแห่งเป็นสถานศึกษาและวิจัยระดับ อดุ มศกึ ษาทม่ี วี ตั ถปุ ระสงคต์ ามกฎหมายจดั ตง้ั ท�ำ นองเดยี วกนั คอื ใหก้ ารศกึ ษา สง่ เสรมิ วิชาการและวิชาชีพช้ันสูง ทำ�การสอน ทำ�การวิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และทะนุบำ�รุงศิลปวัฒนธรรม รวมท้งั การอนุรักษ์ส่งิ แวดล้อม ซ่งึ เป็นอำ�นาจหน้าท่ที ่วั ไป ของสถานศกึ ษาระดบั อดุ มศกึ ษา และไมม่ หี นว่ ยงานอน่ื มาท�ำ หนา้ ทน่ี ้ี ๔ การจัดทำ�บริการสาธารณะทางด้านให้การศึกษาอบรม แก่ประชาชน นับว่าเป็นภารกิจท่ีมีความสำ�คัญต่อการดำ�รงอยู่ของรัฐ เน่ืองจาก เม่อื ประชาชนมีความร้กู ็จะสามารถนำ�ความร้ไู ปประกอบอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ตนเอง และรัฐ การให้บริการสาธารณะด้านการศึกษาอบรมจึงไม่ใช่การดำ�เนินการในเชิงพาณิชย์ อยา่ งแนน่ อน ดงั นน้ั หนว่ ยงานของรฐั ทจ่ี ดั ท�ำ ภารกจิ นจ้ี งึ ยอ่ มไมใ่ ชร่ ฐั วสิ าหกจิ ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเห็นว่าสถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาระดับ ปริญญาในสังกัดสำ�นักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นองค์การมหาชน แม้ว่า ในปัจจุบันจะยังไม่มีการแก้ไขกฎหมายท่ีจัดต้ังมหาวิทยาลัยเหล่าน้ันมิให้เป็นส่วนราชการ ทกุ แหง่ กต็ าม มาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ ไดจ้ ดั ระเบยี บราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ ารออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ คือ ราชการในส่วนกลาง ราชการเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และราชการในสถานการศึกษา ของรัฐท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาท่ีเป็นนิติบุคคล โดยโรงเรียนเป็นสถานศึกษา ท่ีจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานท่ีอยู่ในระเบียบบริหารราชการเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มีฐานะเป็น นิติบุคคล ตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ภายใต้การกำ�กับดูแล ของคณะกรรมการเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา แมว้ ่าโรงเรียนจะมีฐานะเปน็ นิตบิ ุคคลและมีอ�ำ นาจ 72
73 หน้าท่ีจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ และกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ แต่โรงเรียนก็ยังเป็นส่วนราชการ สังกัดราชการเขตพ้ืนท่ีการศึกษา โดยคณะกรรมการเขตพ้ืนท่ีการศึกษามีอำ�นาจ ในการจัดต้ัง รวม และเลิกโรงเรียน ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการจัดต้ัง รวม หรือเลิกสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๐ มีอำ�นาจแต่งต้ังผู้รับผิดชอบ ดำ�เนินคดีในกรณีท่ีโรงเรียนถูกฟ้องคดี ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการ บริหารจัดการและขอบเขตการปฏิบัติหน้าท่ีของสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานท่ีเป็นนิติบุคคล ในสังกัดเขตพ้ืนท่ีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ นอกจากน้ี การท่ีโรงเรียนไม่มีอิสระในการ บริหารจัดการงบประมาณในหมวดเงินเดือน อีกท้ังการบริหารงานบุคคลของโรงเรียน ยังอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ท่ีกำ�หนดในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ซ่งึ เป็นไปตามหลักการบังคับบัญชา มิใช่การกำ�กับดูแล ดังน้นั จึงเป็นว่า โรงเรียนมิได้เป็นนิติบุคคลตามหลักการกระจายอำ�นาจทางปกครอง แต่เป็นนิติบุคคล เพียงแค่การบริหารจัดการสำ�หรับกิจการท่ัวไปเท่าน้ัน เช่น การจัดทำ�นิติกรรมสัญญา ในราชการตามวงเงินงบประมาณท่ไี ด้รับตามท่ีได้รับมอบอำ�นาจ อนุมัติประกาศนียบัตร และวฒุ บิ ตั ร เปน็ ตน้ โรงเรยี นจงึ ไมเ่ ปน็ องคก์ ารมหาชน ส�ำ หรบั สถาบนั พระปกเกลา้ ซง่ึ จดั ตง้ั โดยมาตรา ๕๓๘ แหง่ พระราชบญั ญตั ิ สถาบันพระปกเกล้า พ.ศ. ๒๕๔๑ น้ัน เม่ือพิจารณาถึงอำ�นาจหน้าท่ีท่ีบัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติดังกล่าวแล้วให้มีอำ�นาจเก่ียวกับการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย จัดและ ๓๘ พระราชบญั ญตั สิ ถาบนั พระปกเกลา้ พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๕ ใหจ้ ดั ตง้ั สถาบนั ขน้ึ เรยี กวา่ “สถาบนั พระปกเกลา้ ” และใหส้ ถาบนั น้ี เปน็ นติ บิ คุ คล อยู่ในกำ�กับดูแลของประธานรัฐสภา กิจการของสถาบันไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่ง กฎหมายว่าด้วยการ ค้มุ ครองแรงงาน กฎหมายวา่ ด้วยแรงงานสมั พันธ ์ กฎหมายว่าดว้ ยประกนั สังคม และกฎหมายว่าดว้ ย เงินทดแทน ท้ังน้ี เลขาธิการ รองเลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของ สถาบันต้องได้รับประโยชน์ ตอบแทนไม่น้อยกว่าท่กี ำ�หนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการค้มุ ครอง แรงงาน กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายวา่ ดว้ ยเงนิ ทดแทน สถาบันเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยการจัด ระเบียบ ปฏบิ ตั ริ าชการฝา่ ยรฐั สภา และไมเ่ ปน็ รฐั วสิ าหกจิ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณ และกฎหมายอน่ื
สนบั สนนุ ศึกษาอบรมเกย่ี วกับการเมอื งการปกครอง ซ่งึ ถือเปน็ การจดั ท�ำ บริการสาธารณะ ทางดา้ นใหก้ ารศกึ ษาอบรม จงึ เหน็ ควรจดั เขา้ เปน็ องคก์ ารมหาชนอกี หนว่ ยงานหนง่ึ ดว้ ย กลา่ วโดยสรปุ องคก์ ารมหาชนมรี ปู แบบดง้ั เดมิ จากองคก์ ารทเ่ี รยี กวา่ Establishment public ของประเทศฝรง่ั เศส ซง่ึ เปน็ องคก์ ารทม่ี ลี กั ษณะและองคป์ ระกอบ ทเ่ี ออ้ื อ�ำ นวยใหส้ ามารถรบั ผดิ ชอบภารกจิ สมยั ใหมข่ องรฐั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประเทศไทยได้นำ�แนวคิดและรูปแบบองค์การดังกล่าวมาปรับใช้ โดยพิจารณาว่าระบบราชการและรัฐวิสาหกิจมีข้อจำ�กัดของตัวระบบ ทำ�ให้ไม่สามารถ รองรับการดำ�เนินกิจกรรมบริการสาธารณะในลักษณะหรือรูปแบบใหม่ท่ีเปล่ียนแปลง ไปตามระดับการพัฒนาทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และความเปล่ียนแปลงทางด้าน เทคโนโลยี จึงได้นำ�ไปสู่การจัดสร้างระบบองค์การจัดทำ�บริการสาธารณะรูปแบบท่ี เรียกว่า “องค์การมหาชน” เพ่ือรองรับภารกิจในลักษณะใหม่ ๆ ท่ีไม่สอดคล้องกับ ลกั ษณะขององคก์ ารแบบราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ ไดแ้ ก่ การรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพ การศึกษา การศึกษาอบรมและพัฒนาเจ้าหน้าท่ีของรัฐ การทะนุบำ�รุงศิลปะ และวัฒนธรรม การพัฒนาและส่งเสริมการกีฬา การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา และการวจิ ยั การถา่ ยทอดและพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาติ การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข การสังคมสงเคราะห์ การอ�ำ นวยบรกิ ารแกป่ ระชาชน หรอื การด�ำ เนนิ การอนั เปน็ สาธารณประโยชนอ์ น่ื ใด ทง้ั น้ี ต้องไม่เป็นกิจการท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือแสวงหากำ�ไรเป็นหลัก (พระราชบัญญัติองค์การ มหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) การจัดต้ังองค์การมหาชน เป็นไปตามพระราชบัญญัติองค์การ มหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั น้ี (๑) เปน็ หนว่ ยงานของรฐั ทม่ี ใิ ชส่ ว่ นราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ (๒) จดั ตง้ั ขน้ึ เพอ่ื จดั ท�ำ บรกิ ารสาธารณะ (๓) ไมแ่ สวงหาก�ำ ไรเปน็ หลกั (๔) มรี ะบบการบรหิ ารงาน บรหิ ารคน และบรหิ ารเงนิ ทก่ี �ำ หนดขน้ึ เอง (๕) มกี รรมการควบคมุ ดแู ลการด�ำ เนนิ การ (๖) มีระบบการรายงานและประเมนิ ผลทช่ี ัดเจน (๗) ไมอ่ ยภู่ ายใต้บงั คับแห่งกฎหมายว่าด้วย การค้มุ ครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายวา่ ดว้ ยเงนิ ทดแทน 74
75 องคก์ ารมหาชนจะมรี ฐั มนตรมี อี �ำ นาจหนา้ ทก่ี �ำ กบั ดแู ล โดยมกี ารจดั ตง้ั คณะกรรมการ ท�ำ หนา้ ทก่ี �ำ หนดนโยบายการบรหิ ารงาน อนมุ ตั แิ หลง่ เงนิ ทนุ และแผนการเงนิ ดูแลการบริหารงานท่ัวไป คณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้ต้ังประธานกรรมการและกรรมการ โดยกรรมการจะมีผู้แทนส่วนราชการได้ไม่เกินก่ึงหน่ึง และรวมท้ังหมดไม่เกิน ๑๑ คน มผี ้อู ำ�นวยการเปน็ กรรมการและเลขานุการ อย่ใู นต�ำ แหน่งไมเ่ กินวาระละสป่ี ี ไมเ่ กนิ สอง วาระ ผอู้ �ำ นวยการมคี ณุ สมบตั ติ ามทก่ี �ำ หนดไวใ้ นพระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั (พระราชบญั ญตั ิ องคก์ ารมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) (๔) หนว่ ยงานของรฐั รปู แบบใหม่ แบง่ ออกเปน็ ๓ รปู แบบ คอื หนว่ ยธรุ การขององคก์ ารของรฐั ทเ่ี ปน็ อสิ ระ กองทนุ ทเ่ี ปน็ นติ บิ คุ คล และหนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ ก. หนว่ ยธรุ การขององคก์ ารของรฐั ทเ่ี ปน็ อสิ ระ จัดต้ังข้ึนโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติเพ่ือทำ�หน้าท่ีในการ ควบคมุ ก�ำ กบั ดแู ลกจิ กรรมของรฐั หรอื ด�ำ เนนิ กจิ การบรกิ ารสาธารณะตามนโยบายส�ำ คญั ทต่ี อ้ งการความเปน็ กลาง ปราศจากการแทรกแซงและไมม่ วี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการแสวงหาก�ำ ไร และเป็นหน่วยงานของรัฐท่ีมีฐานะเป็นนิติบุคคลสามารถแบ่งตามลักษณะภารกิจได้เป็น ๒ ประเภท คอื (๑) หนว่ ยธรุ การขององคก์ ารของรฐั ทท่ี �ำ หนา้ ทก่ี �ำ กบั ดแู ล เชน่ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย และส�ำ นกั งานคณะกรรมการก�ำ กบั หลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย์ และ (๒) หนว่ ยธรุ การขององคก์ ารของรฐั ทท่ี �ำ หนา้ ทใ่ี หบ้ รกิ าร เชน่ องคก์ ารกระจายเสยี งและแพร่ ภาพสาธารณะแหง่ ประเทศไทย เปน็ ตน้ โครงสร้างองค์กร ปรากฏ ๓ รูปแบบ คือ คณะกรรมการ และส�ำ นกั งาน, คณะกรรมการ ส�ำ นกั งาน และกองทนุ , คณะกรรมการ ผบู้ รหิ าร และกองทนุ พนกั งานหรอื ลกู จา้ งขององคก์ รมสี ถานะเปน็ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั รายไดท้ ม่ี กี ารก�ำ หนดไว้ ๘ กรณี ดงั น้ี (๑) ทนุ ประเดมิ หรอื เงนิ ทนุ ทร่ี ฐั บาลจดั สรรให้ (๒) เงนิ ส�ำ รอง (๓) เงนิ อดุ หนนุ ทร่ี ฐั บาลจดั สรรให้ (๔) รายไดห้ รอื ผลประโยชน์อันได้มาจากการดำ�เนินงานตามอำ�นาจหน้าท่ ี (๕) เงินและทรัพย์สินท่มี ีผ้บู ริจาคให้ (๖) ดอกผลท่ีเกิดจากรายได้หรือทรัพย์สิน (๗) ค่าธรรมเนียมการพิจารณาอนุญาตหรือ คา่ บ�ำ รงุ คา่ ตอบแทน คา่ บรกิ าร (๘) เงนิ บ�ำ รงุ อน่ื ตามทก่ี �ำ หมายก�ำ หนด สว่ นการตรวจสอบ
บัญชีกำ�หนดให้สำ�นักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี หรือผู้สอบบัญชีอ่ืน ทส่ี �ำ นกั งานตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ใหค้ วามเหน็ ชอบ กฎหมายกำ�หนดสทิ ธพิ เิ ศษแกห่ นว่ ยธรุ การขององคก์ ารของรฐั ทเ่ี ปน็ อิสระโดยให้ทรัพย์สินของสำ�นักงานไม่ควรอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีและจะยก อายคุ วามขน้ึ เปน็ ขอ้ ตอ่ สกู้ บั ส�ำ นกั งานมไิ ด้ ทง้ั น้ี องคก์ รสน้ิ สดุ โดยการตราพระราชบญั ญตั ิ ยกเลกิ องคก์ ร ข. กองทนุ ทเ่ี ปน็ นติ บิ คุ คล กองทุนมีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงานของรัฐท่ไี ม่เป็นส่วน ราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ มีวัตถุประสงค์ของการจัดต้งั กองทุนตามท่ีกำ�หนดไว้ในกฎหมาย รัฐมนตรีมีอำ�นาจและหน้าท่ีกำ�กับและควบคุม โดยทว่ั ไปเพอ่ื ใหเ้ ปน็ ไปตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายจดั ตง้ั กองทนุ โครงสรา้ งองคก์ ร แบง่ ได้ ๒ ลกั ษณะ คอื กองทนุ ทเ่ี ปน็ นติ บิ คุ คลทม่ี ี ลกั ษณะทว่ั ไปรว่ มกนั และกองทนุ ทเ่ี ปน็ นติ บิ คุ คลทม่ี รี ปู แบบพเิ ศษ ภารกิจและองค์กรบริหารเป็นไปตามอำ�นาจหน้าท่ีภายใต้ วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ตง้ั กองทนุ ตามทก่ี ฎหมายก�ำ หนด ส�ำ หรบั องคก์ รบรหิ าร ๔ ลกั ษณะ คอื - คณะกรรมการมีอำ�นาจหน้าท่ีควบคุมดูแลท่ัวไปกิจการกองทุน โดยมีผู้อำ�นวยการมีอำ�นาจบังคับบัญชาพนักงานและเป็นตัวแทนของกองทุนในกิจการ เกย่ี วกบั บคุ คลภายนอก - กองทนุ ทก่ี �ำ หนดใหม้ ผี จู้ ดั การกองทนุ สามารถท�ำ งานใหแ้ กก่ องทนุ ไดเ้ ตม็ เวลาและเปน็ ผแู้ ทนของกองทนุ ในกจิ การทเ่ี กย่ี วกบั บคุ คลภายนอก - ผู้บริหารสำ�นักงานเป็นผู้มีหน้าท่ีควบคุมดูแลงานโดยท่ัวไป บงั คบั บญั ชาพนกั งานของส�ำ นกั งาน เปน็ ผกู้ ระท�ำ แทนกองทนุ และส�ำ นกั งานส�ำ หรบั กจิ การ เกย่ี วกบั บคุ คลภายนอก - ประธานกรรมการบริหารกองทุนเป็นผู้กระทำ�แทนกองทุน และส�ำ นกั งานในกจิ การทเ่ี กย่ี วกบั บคุ คลภายนอก 76
77 รายไดท้ ม่ี กี ารก�ำ หนดไว้ ๙ กรณี ดงั น้ี (๑) เงนิ อดุ หนนุ ทไ่ี ดร้ บั จากรฐั บาล หรือเงินท่ีได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำ�ปี (๒) เงินหรือทรัพย์สินท่ีได้รับจาก การด�ำ เนนิ การของกองทนุ (๓) เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทม่ี ผี บู้ รจิ าค อทุ ศิ ให้ หรอื มอบใหแ้ กก่ องทนุ (๔) ดอกผลของเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ของกองทนุ (๕) เงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ อน่ื ใดนอกจาก (๑) ถงึ (๔) ทก่ี องทนุ ไดร้ บั ไมว่ า่ ในกรณใี ด (๖) เงนิ ทร่ี ฐั บาลจดั สรรใหต้ ามความจ�ำ เปน็ เพอ่ื ด�ำ เนนิ การตามวตั ถปุ ระสงคข์ องกองทนุ (๗) เงนิ ทนุ ประเดมิ ทร่ี ฐั บาลจดั สรรให้ (๘) คา่ ธรรมเนยี ม คา่ บ�ำ รงุ คา่ ตอบแทน คา่ บรกิ าร หรอื รายไดจ้ ากการด�ำ เนนิ การและ (๙) เงนิ ทโ่ี อนมาจาก เงินทุนหมุนเวียน สำ�หรับการตรวจสอบบัญชีกระทำ�โดยสำ�นักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรอื ผตู้ รวจสอบบญั ชอี น่ื โดยความเหน็ ชอบของ สตง. ส�ำ หรบั สทิ ธพิ เิ ศษ มกี ารก�ำ หนดหา้ มมใิ หบ้ คุ คลใดยกอายคุ วามขน้ึ ตอ่ สู้ กับกองทุนในเร่อื งทรัพย์สินของกองทุนท่ใี ช้หรือได้มาเพ่อื ด�ำ เนินการตามวัตถุประสงค์ของ กฎหมายจัดต้ังกองทุน และกำ�หนดให้ทรัพย์สินของกองทุนไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการ บังคับคดี ท้ังน้ี องค์กรส้ินสุดโดยการตราพระราชบัญญัติยกเลิกองค์กรเว้นแต่กฎหมาย ก�ำ หนดไวเ้ ปน็ อยา่ งอน่ื ค. หนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ เปน็ หนว่ ยงานใหบ้ รกิ ารภายในของระบบราชการ มลี กั ษณะกง่ึ อสิ ระ แต่ไม่มสี ถานะเป็นนิตบิ คุ คล ยังคงเป็นส่วนหน่งึ ของกรม และอย่ภู ายใตก้ ารบังคบั บญั ชา ของหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม มีเป้าหมายให้บริการหน่วยงานเจ้าสังกัดเป็นหลัก และหากมกี �ำ ลงั การผลติ สว่ นเกนิ จะใหบ้ รกิ ารหนว่ ยงานอน่ื และประชาชนได ้ ปจั จบุ นั ปรากฏ การตง้ั หนว่ ยงานลกั ษณะดงั กลา่ ว ๒ กรณี คอื สถาบนั สง่ เสรมิ การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทด่ี ี และสำ�นักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา ซ่ึงต้ังตามระเบียบสำ�นักนายก รฐั มนตรวี า่ ดว้ ยการบรหิ ารงานของหนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบกบั มตคิ ณะรฐั มนตรวี นั องั คารท่ี ๒๐ มกราคม ๒๕๔๗ โครงสรา้ งองคก์ ร องคก์ รบรหิ าร กฎหมายก�ำ หนดใหห้ นว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษมผี อู้ �ำ นวยการ มอี �ำ นาจควบคมุ และรบั ผดิ ชอบเกย่ี วกบั กจิ การของหนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ
สถานะเจา้ หนา้ ทก่ี �ำ หนดไว้ ๒ ลกั ษณะ คอื ๑) พนกั งานของหนว่ ยบรกิ าร รปู แบบพเิ ศษ (ไมม่ สี ถานะเปน็ ขา้ ราชการหรือผ้ซู ่งึ ปฏิบตั ิหนา้ ทใ่ี นราชการประจำ�ของสว่ น ราชการนน้ั ) และ ๒) ขา้ ราชการหรอื ผซู้ ง่ึ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นสว่ นราชการ รายได้ขององค์กร มี ๒ ลักษณะ คือ (๑) เงินอุดหนุนในลักษณะ ค่าตอบแทนหรือค่าบริการในการใช้บริการของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หรือค่าใช้จ่าย ในการลงทนุ เรม่ิ แรกทส่ี ว่ นราชการเจา้ สงั กดั จดั ไวใ้ ห้ และ (๒) รายไดท้ ไ่ี ดร้ บั การใหบ้ รกิ าร ผบู้ งั คบั บญั ชาสงู สดุ ของหนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ เรยี กวา่ “ผอู้ �ำ นวยการ” มีอำ�นาจรับผิดชอบในกิจกรรมของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ โดยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าสังกัดเป็นผู้กำ�หนดเง่ือนไขการคัดเลือก และหัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัดมีอำ�นาจ ควบคุมดูแล โดยจะควบคุมดูแลเองหรือแต่งต้ังให้มีคณะกรรมการเป็นผู้ควบคุมดูแล และรายงานผลการด�ำ เนนิ งานตอ่ หวั หนา้ สว่ นราชการเจา้ สงั กดั กไ็ ด ้ และสว่ นราชการเจา้ สงั กดั จะรายงานผลการปฏิบัติงานของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษต่อ ก.พ.ร. (คณะกรรมการ พฒั นาระบบราชการ) ส�ำ หรบั รายไดแ้ ละรายจา่ ยของหนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษสามารถเรยี กเกบ็ ค่าบริการจากหน่วยงานแม่ต้นสังกัดหรือลูกค้าผู้รับบริการอ่ืน เพ่ือหารายได้ให้เพียงพอ กับการดำ�เนินงานและไม่จำ�เป็นต้องส่งรายได้ท้ังหมดให้กระทรวงการคลัง แต่ต้องนำ� รายไดส้ ง่ คลงั ในอตั ราสว่ นเดยี วกบั ภาษเี งนิ ไดน้ ติ บิ คุ คล รายไดท้ เ่ี หลอื จากการน�ำ สง่ เขา้ คลงั สามารถน�ำ ไปใชใ้ นการสรา้ งแรงจงู ใจแกเ่ จา้ หนา้ ทป่ี ฏบิ ตั งิ าน การลงทนุ เพม่ิ เตมิ การพฒั นา องคก์ ารและบคุ ลากรใหม้ ขี ดี ความสามารถในการแขง่ ขนั สงู ขน้ึ ในระยะยาว และอาจจดั สว่ นหนง่ึ เขา้ สวสั ดกิ ารของหนว่ ยงานแม่ ลักษณะงานท่ีอาจกำ�หนดเป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ จะต้องมี องคป์ ระกอบดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) มลี กั ษณะงานทเ่ี ปน็ การใหบ้ รกิ าร ๒) สามารถด�ำ เนนิ การได้ อยา่ งชดั เจนภายใตก้ รอบนโยบายทก่ี �ำ หนดขน้ึ ๓) มคี วามสมั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงและสรา้ งภาระ รบั ผดิ ชอบตอ่ หนว่ ยงานแมต่ น้ สงั กดั ได ้ ๔) สามารถวดั ผลสมั ฤทธไ์ิ ดอ้ ยา่ งชดั เจนเปน็ รปู ธรรม ๕) มีขนาดท่ีเหมาะสมเพียงพอต่อการแยกส่วนออกมาจากหน่วยงานแม่ต้นสังกัด ๖) ไมม่ ผี ลกระทบอยา่ งมนี ยั ส�ำ คญั เกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงทางการเมอื ง 78
79 การบรหิ ารงาน อาจด�ำ เนนิ การในรปู ของคณะกรรมการอ�ำ นวยการ หรอื คณะกรรมการบรหิ ารทไ่ี ดร้ บั การแตง่ ตง้ั จากหนว่ ยงานแมต่ น้ สงั กดั โดยใหม้ ผี อู้ �ำ นวยการ ซง่ึ ผา่ นการคดั เลอื กตามเงอ่ื นไขทก่ี �ำ หนด ท�ำ หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบเกย่ี วกบั การบรหิ ารงานใหเ้ ปน็ ไปตามเจตนารมณ์ของการจัดต้ังหน่วยงานดังกล่าว ท้ังน้ี หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ จะตอ้ งมอี สิ ระความคลอ่ งตวั ในการจดั โครงสรา้ งองคก์ ร อตั ราก�ำ ลงั และคา่ ตอบแทนของตน ได้เองตามความเหมาะสม โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการอำ�นวยการหรือ คณะกรรมการบรหิ าร หรอื ผบู้ งั คบั บญั ชาของหนว่ ยงานแมส่ ดุ แลว้ แตก่ รณ ี ส�ำ หรบั การยบุ เลกิ หนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษนน้ั กพร. สามารถเสนอตอ่ คณะรฐั มนตรเี พอ่ื มมี ตใิ หย้ บุ เลกิ หนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษได้ โดยขอ้ เสนอดงั กลา่ วจะตอ้ ง ระบุวิธีการจัดการเก่ยี วกับทรัพย์สิน ภารกิจ และบุคลากรของหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ ทจ่ี ะยบุ เลกิ ดว้ ย ปจั จบุ นั มหี นว่ ยงานทเ่ี ปน็ หนว่ ยบรกิ ารรปู แบบพเิ ศษ รวม ๔ หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ สถาบนั นโยบายสาธารณะ (SDU) ในส�ำ นกั นายกรฐั มนตรี สถานวี ทิ ยกุ ระจายเสยี ง แหง่ ประเทศไทย และสถานโี ทรทศั นแ์ หง่ ประเทศไทย (ชอ่ ง ๑๑) (SDU) กรมประชาสมั พนั ธ์ สำ�นักพิมพ์คณะรัฐมนตรี และราชกิจจานุเบกษา (SDU) สำ�นักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สถาบนั สง่ เสรมิ การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทด่ี ี (SDU) ส�ำ นกั งาน ก.พ.ร. และส�ำ นกั งาน ก�ำ กบั ระบบการบรหิ ารการเงนิ การคลงั ภาครฐั แบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (GFMIS) (SDU) เปน็ ตน้ นอกจากนย้ี งั มหี นว่ ยงานอกี ประเภทหนง่ึ ทท่ี �ำ หนา้ ทใ่ี หบ้ รกิ ารสาธารณะ โดยใชอ้ �ำ นาจรฐั หรอื กลไกของรฐั แตไ่ มเ่ ปน็ องคก์ รของรฐั มี ๓ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. สภาวชิ าชพี เชน่ แพทยสภา สภาทนายความ สภาการพยาบาล ฯลฯ ๒. สถาบนั ภายใตม้ ลู นธิ ิเชน่ สถาบนั เพม่ิ ผลผลติ แหง่ ชาติสถาบนั สง่ เสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันเฉพาะด้าน ๗ แห่ง ภายใต้ “อุตสาหกรรม มูลนิธิ” และสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ภายใต้ มลนิธิสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ การคลงั ฯลฯ ๓. นิติบุคคลเฉพาะกิจ (๑ แห่ง) เป็นเคร่ืองมือพิเศษท่ีรัฐบาลจัดต้ัง เพอ่ื ระดมทนุ จากภาคเอกชน ไดแ้ ก่ นติ บิ คุ คลเฉพาะกจิ ตามพระราชก�ำ หนดนติ บิ คุ คลเฉพาะกจิ เพอ่ื การแปลงสนิ ทรพั ยเ์ ปน็ หลกั ทรพั ย์ พ.ศ.๒๕๔๐
๓.๒ หน่วยงานของรัฐท่ีไม่อยู่ในกำ�กับของฝ่ายบริหารซ่ึงได้มีการบัญญัติ ไวใ้ นรฐั ธรรมนญู การท่ีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้มีองค์กรต่าง ๆ ข้ึนน้ัน มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหม้ อี งคก์ รทจ่ี ะรบั ผดิ ชอบปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นดา้ นตา่ ง ๆ ตามทร่ี ฐั ธรรมนญู เห็นว่ามีความจำ�เป็นต่อการบริหารประเทศหรือการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยมไิ ดม้ เี จตนารมณท์ จ่ี ะจดั ล�ำ ดบั ความส�ำ คญั ของแตล่ ะองคก์ รแตอ่ ยา่ งใด อยา่ งไรกต็ าม อาจจ�ำ แนกภาระหนา้ ท ี การไดม้ าซง่ึ ผปู้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี ององคก์ รตา่ ง ๆ และบทบญั ญตั อิ น่ื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งเพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งของแตล่ ะองคก์ รได้ (เรอ่ื งเสรจ็ ท่ี ๖๗๙/๒๕๕๒) ดงั น้ี - รฐั สภา คณะรฐั มนตร ี และศาล รฐั สภา คณะรฐั มนตร ี และศาล เป็นองค์กรผู้ปฏิบัติหน้าท่ีในการใช้อำ�นาจอธิปไตยอันเป็นอำ�นาจสูงสุดของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย โดยรัฐสภาใช้อำ�นาจนิติบัญญัติ คณะรัฐมนตรีใช้อำ�นาจบริหาร และศาลใชอ้ �ำ นาจตลุ าการ ทง้ั น ้ี การไดม้ าและการปฏบิ ตั หิ นา้ ทจ่ี ะเปน็ ไปตามบทบญั ญตั ิ ของรฐั ธรรมนญู โดยประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา นายกรฐั มนตรี ประธานศาล รัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา และประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นผ้ทู ่พี ระมหากษัตริย์ ทรงแตง่ ตง้ั ตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู - องคก์ รตามรฐั ธรรมนญู คอื องคก์ รตา่ ง ๆ ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นหมวด ๑๑ องคก์ รตามรฐั ธรรมนญู ซง่ึ มใิ ชเ่ ปน็ องคก์ รทใ่ี ชอ้ �ำ นาจอธปิ ไตย แตเ่ ปน็ องคก์ รทร่ี ฐั ธรรมนญู จดั ใหม้ ขี น้ึ เพอ่ื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี ามทร่ี ฐั ธรรมนญู บญั ญตั ไิ ว้ โดยใหอ้ งคก์ รเหลา่ นม้ี สี ถานะแยก ตา่ งหากจากการเปน็ องคก์ รของฝา่ ยบรหิ าร ซง่ึ จะมี ๒ ลกั ษณะดงั น้ี (๑) องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญจัดให้มีข้ึนเพ่ือปฏิบัติ หน้าท่ีเก่ียวข้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยตรง โดยเฉพาะการตรวจสอบหรือ ก�ำ กบั การปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี ององคก์ รอน่ื ๆ ใหเ้ ปน็ ไปโดยถกู ตอ้ งตามรฐั ธรรมนญู ซง่ึ ในการ ปฏิบัติหน้าท่จี ะมีอำ�นาจวินิจฉัยเด็ดขาดในตัวเอง จึงมีหลักประกันความเป็นอิสระในการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยการก�ำ หนดทม่ี า คณุ สมบตั ิ วธิ กี ารไดร้ บั แตง่ ตง้ั และอ�ำ นาจหนา้ ทไ่ี วใ้ น รฐั ธรรมนญู หรอื พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ซง่ึ มกี ระบวนการตราเปน็ กฎหมายท่ี 80
81 แตกตา่ งจากพระราชบญั ญตั ทิ ว่ั ไป และประธานองคก์ รจะเปน็ ผทู้ พ่ี ระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตง้ั ตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู (๒) องค์กรอ่ืนตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญจัดให้มีข้ึนเพ่ือปฏิบัติ หน้าท่ีตามรัฐธรรมนูญ เห็นสมควรให้มีการรับรองสถานะองค์กรน้ันเพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีไว้ ในรฐั ธรรมนญู แตม่ ใิ ชเ่ ปน็ องคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การใชอ้ ำ�นาจอธปิ ไตยหรอื การปฏบิ ตั ติ าม บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู โดยตรง ดงั นน้ั คณุ สมบตั ิ การไดม้ า รวมทง้ั รายละเอยี ดในการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทจ่ี งึ ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ปิ กติ ส�ำ หรบั ประธานหรอื หวั หนา้ ขององคก์ ร มที ง้ั กรณที ร่ี ฐั ธรรมนญู บญั ญตั ใิ หเ้ ปน็ ผทู้ พ่ี ระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตง้ั ซง่ึ ไดแ้ ก่ อยั การสงู สดุ และประธานคณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ ชาต ิ และมไิ ดบ้ ญั ญตั ใิ หเ้ ปน็ ผทู้ พ่ี ระมหากษตั รยิ ์ ทรงแตง่ ตง้ั ซง่ึ ไดแ้ ก่ ประธานสภาพทป่ี รกึ ษาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ - องค์กรท่ีรัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีข้ึน นอกเหนือจากองค์กรตาม รัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้นแล้ว รัฐธรรมนูญ ยังมีบทบัญญัติให้มีการจัดต้งั องค์กรต่าง ๆ เพ่ือปฏิบัติตามท่ีรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ เช่น องค์กรจัดสรรคล่ืนความถ่ีและกำ�กับการ ประกอบกจิ การวทิ ยกุ ระจายเสยี ง วทิ ยโุ ทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม องคก์ ารเพอ่ื การ ค้มุ ครองผ้บู ริโภค สภาพัฒนาการเมือง องค์กรเพ่อื การปฏิรูปกฎหมาย และองค์กรเพ่อื การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยรายละเอียดในการจัดต้งั องค์กรเหล่าน้ใี ห้เป็นไปตาม พระราชบญั ญตั ปิ กติ ในด้านเน้ือหาของการจัดต้ังองค์กรท่ีมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอาจ แยกพจิ ารณาได้ ๓ สว่ น คอื ๑. องคก์ รผมู้ อี �ำ นาจหนา้ ท่ี ๒. ส�ำ นกั งานหรอื หนว่ ยงานซง่ึ ท�ำ หนา้ ทธ่ี รุ การและ ๓. การสน้ิ สดุ ขององคก์ ร ทง้ั น้ี ในสว่ นของหนว่ ยงานของรฐั ทไ่ี มอ่ ยใู่ น ก�ำ กบั ของฝา่ ยบรหิ ารจะหมายถงึ ส�ำ นกั งานหรอื หนว่ ยงานซง่ึ ท�ำ หนา้ ทธ่ี รุ การขององคก์ รดงั กลา่ ว อาจกลา่ วโดยรวมได้ ดงั น้ี - องคก์ รผมู้ อี �ำ นาจหนา้ ท่ี (๑) ลักษณะขององค์กรผ้มู ีอ�ำ นาจหน้าท ่ี ลักษณะขององค์กรมักจะ อยใู่ นรปู ของสภา หรอื คณะกรรมการ ซง่ึ ตดั สนิ ใจโดยเสยี งขา้ งมาก แตท่ ก่ี �ำ หนดใหผ้ ดู้ �ำ รง ต�ำ แหนง่ ใชอ้ �ำ นาจหนา้ ทไ่ี ดโ้ ดยอสิ ระอาจมอี ยบู่ า้ ง เชน่ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ตามมาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๕๒
(๒) จำ�นวนขององค์กรผ้มู ีอำ�นาจหน้าท่ ี องค์กรท่อี ย่ใู นรูปของสภา จะมีสมาชิกจำ�นวนมากกว่าจำ�นวนกรรมการในคณะกรรมการ เพราะสมาชิกของสภา มักถูกกำ�หนดให้มีฐานะเป็นผ้แู ทนของประชาชนโดยผูกติดกับเขตพ้นื ท่หี รือการเป็นผ้แู ทน ผดู้ �ำ เนนิ กจิ การในเขตพน้ื ท่ี ส�ำ หรบั องคก์ รในรปู คณะกรรมการและรปู แบบอน่ื จะก�ำ หนด จ�ำ นวนกรรมการหรอื ผดู้ �ำ รงต�ำ แหนง่ ไวห้ ลากหลายโดยจ�ำ นวนนอ้ ยทส่ี ดุ จะมจี �ำ นวน ๓ คน และมากทส่ี ดุ จ�ำ นวน ๑๓ คน (๓) การได้มาซ่ึงสมาชิกหรือกรรมการ วิธีการได้มาซ่ึงสมาชิก หรอื กรรมการในองคก์ รจะก�ำ หนดไวห้ ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ การเลอื กตง้ั การสรรหา และการแตง่ ตง้ั (๔) วาระการด�ำ รงต�ำ แหนง่ วาระการด�ำ รงต�ำ แหนง่ ของสมาชกิ หรอื กรรมการขององคก์ รทม่ี กี ารบญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู จะกำ�หนดไวห้ ลากหลายแตจ่ ะสมั พนั ธ์ กบั การก�ำ หนดอ�ำ นาจหนา้ ทข่ี ององคก์ รนน้ั ๆ - หนว่ ยธรุ การขององคก์ รทม่ี กี ารบญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู (๑) รูปแบบของกฎหมายจัดต้ัง อยู่ในรูปแบบของพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู และพระราชบญั ญตั ิ (๒) สถานะ หน่วยธุรการท่ีมีสถานะเป็นหน่วยงานอิสระ ตามรฐั ธรรมนญู เชน่ ส�ำ นกั งาน ป.ป.ช. และหนว่ ยธรุ การทเ่ี ปน็ หนว่ ยงานของรฐั ทไ่ี มใ่ ช่ สว่ นราชการหรอื รฐั วสิ าหกจิ และเปน็ นติ บิ คุ คล เชน่ องคก์ รอสิ ระดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม นอกจากน้ี ยงั มอี งคก์ ารเพอ่ื การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคทร่ี า่ งพระราชบญั ญตั อิ งคก์ ารเพอ่ื การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค พ.ศ. .... (เรอ่ื งเสรจ็ ท่ี ๑๖๒/๒๕๕๒) บญั ญตั ใิ หเ้ ปน็ หนว่ ยงานอสิ ระจากหนว่ ยงานของรฐั (๓) อำ�นาจหน้าท่ี หน่วยธุรการมีภารกิจหลักในการสนับสนุนการ ด�ำ เนนิ งานขององคก์ รตามรฐั ธรรมนญู รวมถงึ อ�ำ นาจหนา้ ทท่ี ก่ี ฎหมายก�ำ หนด แลว้ แตก่ รณี (๔) งบประมาณ หน่วยธุรการได้รับเงินอุดหนุนท่ีรัฐบาลจัดสรรให้ โดยสามารถเสนองบประมาณรายจ่ายประจำ�ปีต่อคณะรัฐมนตรีได้โดยตรง โดยให้ ส�ำ นกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ท�ำ หนา้ ทใ่ี นการตรวจสอบการใชจ้ า่ ยงบประมาณ - การสน้ิ สดุ ขององคก์ รทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู เมอ่ื รฐั ธรรมนญู ถกู ยกเลกิ จะมผี ลใหก้ ฎหมายประกอบรฐั ธรรมนญู ถกู ยกเลกิ ไปดว้ ย เวน้ แตจ่ ะมบี ทเฉพาะกาลรองรบั ใหพ้ ระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู 82
83 ยังมีผลใช้บังคับต่อไป ดังน้ันในกรณีไม่มีบทเฉพาะกาลรองรับพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญซ่ึงจัดต้ังองค์กรตามรัฐธรรมนูญใดไว้องค์กรน้ันย่อมส้ินสุดลง สำ�หรับองค์กร ตามรฐั ธรรมนญู ทจ่ี ดั ตง้ั โดยพระราชบญั ญตั ทิ ว่ั ไป การสน้ิ สดุ ขององคก์ รตอ้ งเปน็ ผลจากการ ยกเลกิ กฎหมายจดั ตง้ั ฉบบั นน้ั เทา่ นน้ั
84
85 บทสรปุ แต่เดิม ก่อน พ.ศ. ๒๕๔๒ องค์กรภาคราชการมีเพียง ๒ รูปแบบคือ หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจซ่งึ องค์กรท้งั สองรูปแบบน้สี ามารถให้บริการและจัดการ บรหิ ารไดด้ ใี นชว่ งหนง่ึ เมอ่ื ระบบเศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื งของไทยเปลย่ี นแปลงไป การบริหารงานในรูปของระบบราชการ (Bureaucracy) ซ่ึงเป็นลักษณะขององค์กร ขนาดใหญท่ ม่ี กี ระบวนการตดั สนิ ใจตง้ั อยบู่ นพน้ื ฐานของกฎระเบยี บ และมกี ารบงั คบั บญั ชา ตามลำ�ดับช้ัน ส่งผลให้เกิดความล่าช้า เสียเวลา ส้ินเปลืองและสูญเปล่า จึงทำ�ให้งาน หลายส่วนท่ีทำ�โดยหน่วยงานราชการเร่ิมประสบปัญหา การดำ�เนินกิจกรรมบางประเภท ไมเ่ หมาะสมกบั รปู แบบองคก์ รและการบรหิ ารงานตามระบบราชการตามทเ่ี ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั จึงได้มีแนวคิดท่กี ำ�หนดให้หน่วยงานหลายประเภทออกจากระบบราชการ โดยได้กำ�หนด กฎหมายเพ่ือจัดต้ังองค์กรท่ีมีความเป็นอิสระคล่องตัว แยกออกจากระบบราชการ แตย่ งั เปน็ หนว่ ยงานทอ่ี ยใู่ นก�ำ กบั ของรฐั โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดก้ �ำ หนดรปู แบบองคก์ ร ทเ่ี รยี กวา่ “องคก์ ารมหาชน” เพอ่ื รองรบั การเปลย่ี นแปลง แตอ่ ยา่ งไรกด็ อี งคก์ ารมหาชน และองค์กรประเภทต่างๆ ท่ีมีอยู่ท้ังหมดในภาคราชการก็ยังมีข้อจำ�กัดหลายประการ ไมส่ ามารถนำ�ไปใช้ได้กบั ภารกิจบางประเภทของภาครัฐได ้ จงึ ได้คิดจัดตง้ั “องค์กรของรฐั ในรปู แบบพเิ ศษ” ขน้ึ มาเพอ่ื แกป้ ญั หาอกี แตก่ ย็ งั อยใู่ นขน้ั เรม่ิ ตน้ เทา่ นน้ั ทง้ั นเ้ี พราะการจดั รปู แบบองคก์ รทใ่ี ชง้ บประมาณแผน่ ดนิ จ�ำ เปน็ ตอ้ งมรี ะบบและขน้ั ตอนการท�ำ งานทโ่ี ปรง่ ใส สามารถตรวจสอบได้ มีระบบการถ่วงดุลอำ�นาจ และต้องรับผิดชอบต่อสังคม องค์กร ในภาครัฐน้นั จะปรับเปล่ยี นแก้ไขอย่างรวดเร็วดังเช่นองค์กรในภาคธุรกิจเอกชนน้นั คงไม่ได้ ดงั นน้ั การจดั องคก์ รประเภทตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหบ้ รกิ ารประชาชน จงึ จ�ำ เปน็ ตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ ความ เหมาะสมในหลายมติ ติ อ่ ไป จนถงึ ปจั จบุ นั ไดจ้ ดั เปน็ ประเภทของสว่ นราชการหรอื องคก์ รในภาครฐั ได้ ๔ ลกั ษณะ คอื หนว่ ยงานราชการ (Government Organization : GO) รฐั วสิ าหกจิ (State Enterprise : SE) องคก์ ารมหาชน (Autonomous Public Organization : APO) หนว่ ยงานของรฐั รปู แบบใหม่ (Service Delivery Unit : SDU)
แนวความคิดในการจำ�แนกหน่วยงานในภาคราชการออกเป็นประเภทต่าง ๆ กเ็ พอ่ื สรา้ งรปู แบบองคก์ รในภาคราชการประเภทตา่ ง ๆ ใหเ้ หมาะสมกบั การด�ำ เนนิ บทบาท ภารกิจของภาครัฐท่มี ีความแตกต่างกันหลากหลายภารกิจแต่ละประเภทได้ และสามารถ กำ�หนดกระบวนการบริหารงานภายในให้สอดคล้องกับประเภทภารกิจ เพ่ือให้เกิด การทำ�งานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความคล่องตัวในการบริหารงานมากย่ิงข้นึ ภายใต้ การแขง่ ขนั และความสลบั ซบั ซอ้ นของสงั คมใหม้ ากทส่ี ดุ ตอ่ ไป 86
87 เอกสารอา้ งองิ จกั รกฤษณ์ นรนติ ผิ ดงุ การ. สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาด�ำ รงราชานภุ าพ กบั กระทรวงมหาดไทย. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๒๗. ชยั อนนั ต์ สมทุ วณชิ . ปฎริ ปู ระบบราชการ กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั พมิ พบ์ า้ นพระอาทติ ย,์ ๒๕๔๕. . ๑๐๐ ปี แหง่ การปฎริ ปู ระบบราชการ : ววิ ฒั นาการของอ�ำ นาจรฐั และอ�ำ นาจการเมอื ง. กรงุ เทพฯ : โครงการเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั จฬุ าลงกรณ ์ มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๔. เรอื งวทิ ย์ เกษสวุ รรณ. ก�ำ เนดิ ระบบราชการและการปฎริ ปู ในยคุ คลาสสคิ . กรงุ เทพฯ : สงวนกจิ การพมิ พ,์ ๒๕๔๗. . การปฎริ ปู ระบบราชการภายใตก้ ระแสการจดั การภาครฐั ใหม่ และขอ้ วพิ ากษ.์ กรงุ เทพฯ : บพธิ การพมิ พ,์ ๒๕๔๕. ทศพร ศริ สิ มั พนั ธ.์ ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั การบรหิ ารราชการแนวใหม.่ กรงุ เทพมหานคร : วชิ น่ั พรนิ ท์ แอนด ์ มเี ดยี , ๒๕๔๙. พรศกั ด์ิ ผอ่ งแผว้ . ขา้ ราชการไทย : ความส�ำ นกึ และอดุ มการณ.์ พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๓. กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั พมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๔๑. มานพ ถาวรวฒั นส์ กลุ . ขนุ นางอยธุ ยา. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๔๗. วรเดช จนั ทรศร. การพฒั นาระบบราชการไทย. กรงุ เทพฯ : กราฟคิ ฟอรแ์ มท (ไทยแลนด)์ , ๒๕๔๐. วษิ ณ ุ เครอื งาม. การปฏริ ปู ระบบราชการ. กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตร,ี ๒๕๔๕. สงขลา วชิ ยั ขทั คะ. การปฎริ ปู ระบบราชการ. วารสารสมาคมกฎหมายมหาชนแหง่ ประเทศไทย ๑(๒๕๔๘). ปยิ นาถ บนุ นาคและคณะ. ๙ แผน่ ดนิ ของการปฎริ ปู ระบบราชการ. กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั พมิ พ์ แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๖. สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช,มหาวทิ ยาลยั . เอกสารการสอนชดุ วชิ าการบรหิ ารราชการไทย. กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๒.
ธโสธร ตทู้ องค�ำ * ช า ว ยิวนับเป็นชนชาติท่ีมีประวัติต่อเน่ืองและยาวนานมากว่าส่ีพันปี ทำ�ให้มีความเปล่ยี นแปลงทางด้านการเมืองการปกครองสลับกันระหว่างการเป็นอาณาจักร ทเ่ี ปน็ เอกราชและอสิ ระ กบั การปกครองจากอาณาจกั รอน่ื นบั จากอดตี ทส่ี �ำ คญั คอื อสั ซเี รยี อยี ปิ ต์ บาบโิ ลน เปอรเ์ ซยี และกรกี ท�ำ ใหเ้ ปน็ ประเทศราชหรอื อาณานคิ ม จนกองทพั โรมนั บกุ เยรซู าเลมจนพนิ าศท�ำ ใหอ้ าณาจกั รของชาวยวิ ทเ่ี ปน็ ค�ำ เรยี กใหมส่ ญู เสยี เอกราช สง่ ผลให้ ชาวยวิ กระจดั กระจายไปสทู่ อ่ี น่ื ทส่ี �ำ คญั คอื ยโุ รป และแอฟรกิ า ความตอ้ งการตง้ั ถน่ิ ฐาน * รองศาสตราจารยป์ ระจ�ำ สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช 88
89 ในประเทศของตนเองเปน็ ความปรารถนาสงู สดุ ของชาวยวิ เพราะมสี าเหตทุ ส่ี �ำ คญั มาจาก ความแปลกแยกจากดนิ แดนหรอื ประเทศหรอื อาณาจกั รทต่ี ง้ั ฐาน ท�ำ ใหก้ ลายเปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ย ท่มี ีอำ�นาจทางเศรษฐกิจจากฐานะท่ดี ีกว่า ม่งั ค่งั กว่า และรำ�่ รวยกว่าประชาชนส่วนใหญ่ ในประเทศท่ีพำ�นักอาศัย การมีความเช่ือ ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ทแ่ี ตกตา่ งจากประชาชนสว่ นใหญใ่ นประเทศทพ่ี �ำ นกั อาศยั การคกุ คามจกั รวรรรดอิ อตโตมนั ท่ีปกครองดินแดนปาเลสไตน์ของอังกฤษนับต้ังแต่ปลายคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๘ ส่งผลให้ ชาวยิวจำ�นวนมากท่รี วมกล่มุ กันเป็นองค์การไซออนนิสต์ (Zionist Organization) ต้งั แต่ ปลายคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๘ มีความต่ืนตัวและเร่ิมเจรจาต่อรองกับรัฐบาลอังกฤษในช่วง สงครามโลกครง้ั ท่ี ๑ (ค.ศ. ๑๙๑๔-๑๙๑๘) การด�ำ เนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบ เปน็ ขน้ั เปน็ ตอน ท้ังทางการเมืองและการทูต ส่งผลให้ชาวยิวเร่ิมต้ังถ่ินฐานในดินแดนปาเลสไตน์ท่ีมี ชาวอาหรับพ�ำ นักแตเ่ ดิม ซ่งึ ในชว่ งแรกไมม่ ีการกระทบกระท่งั หรอื ตอ่ ต้านหรอื เป็นปัญหา แต่ประการใด จนภายหลังท่ีชาวยิวมีความได้เปรียบท้ังทางเศรษฐกิจและสังคมสูงข้ึน จนเปน็ ทร่ี บั รไู้ ดโ้ ดยทว่ั ไป กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หากบั ชาวอาหรบั ทพ่ี �ำ นกั แตเ่ ดมิ การฆา่ ลา้ งเผา่ พนั ธ์ุ ชาวยวิ ของอดอลฟ์ ฮติ เลอร์ พรรคนาซี และเยอรมนี ทง้ั กอ่ นและระหวา่ งสงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ นับเป็นตัวเร่งท่ีทำ�ให้ชาวยิวปรารถนาดินแดนท่ีปลอดภัยและสงบสุขเพ่ือเป็นต้ังถ่ินฐาน พ�ำ นกั อยา่ งถาวร บทบาทของสหประชาชาติภายหลังสงครามโลกคร้ังท่ีสองท่ีเพ่ิมสูงข้ึน โดยมีสหรัฐอเมริกาสนับสนุนชาวยิวถือกำ�เนิดท่ามกลางการถดถอยของอังกฤษท่ีบอบชำ้� จากสงครามภายหลังสงครามโลกคร้ังท่ีสอง ส่งผลให้มีการลงมติของคณะกรรมการ พเิ ศษของสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยปาเลสไตน์ (The United Nation Special Committee on Palestine : UNSCOP) ใน ค.ศ. ๑๙๔๗ ก�ำ หนดใหแ้ บง่ ดนิ แดนปาเลสไตนเ์ ปน็ สองสว่ น คือ รัฐปาเลสไตน์ของชาวอาหรับ และรัฐอิสราเอลของชาวยิว เป็นการแบ่งดินแดนท่ี ไมไ่ ดส้ ดั สว่ นระหวา่ งประชากรกบั การครอบครองพน้ื ท ่ี สง่ ผลใหก้ ลมุ่ ประเทศอาหรบั ทร่ี วมกลมุ่ ทางการเมืองและการทหารเป็นสันนิบาตอาหรับเพ่ือต่อต้านและคัดค้านการจัดต้ัง ประเทศอสิ ราเอลและระดมพลนบั ตง้ั แต่ ค.ศ. ๑๙๔๘ น�ำ ไปสคู่ วามขดั แยง้ การเผชญิ หนา้ ความรุนแรง และสงครามกับชาวยิวอย่างต่อเน่อื งแทบจะทันทีท่มี ีการถอนทหารอังกฤษ
ออกจากดินแดนปาเลสไตน์และองค์การไซออนนิสต์ประกาศจัดต้ังประเทศอิสราเอล ในวนั ท่ี ๑๔ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๔๘ น�ำ ไปสสู่ งครามระหวา่ งกลมุ่ ประเทศอาหรบั กบั อสิ ราเอลครง้ั ท่ี ๑ และตอ่ เนอ่ื งทเ่ี ปน็ การกระทบกระทง่ั ความขดั แยง้ การเผชญิ หนา้ และ ความรนุ แรงตอ่ เนอ่ื งอกี หลายครง้ั ตลอดชว่ งสงครามเยน็ (ค.ศ. ๑๙๔๕-๑๙๘๙) และภายหลงั สงครามเยน็ (ค.ศ. ๑๙๙๐-) นบั เปน็ ทม่ี าของวตั ถปุ ระสงคข์ องบทความเพอ่ื ศกึ ษาความขดั แยง้ ระหว่างอิสราเอลกับอาหรับตลอดช่วงสงครามเย็น ท่ีมีสาระสำ�คัญ แบ่งเป็นหกส่วน ประกอบดว้ ย (ก) การถอื ก�ำ เนดิ สงครามระหวา่ งยวิ กบั อาหรบั ครง้ั ท่ี ๑ (ข) สงครามระหวา่ ง อิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับหรือยิวกับอาหรับคร้ังท่ี ๒ : วิกฤตการณ์คลองสุเอซ (ค) สงครามระหวา่ งอสิ ราเอลกบั กลมุ่ ประเทศอาหรบั หรอื ยวิ กบั อาหรบั ครง้ั ท่ี ๓ (ง) สงคราม ระหวา่ งอสิ ราเอลกบั กลมุ่ ประเทศอาหรบั หรอื ยวิ กบั อาหรบั ครง้ั ท่ี ๔ หรอื สงครามยม คปิ ปรู ์ (จ) บทบาทของสหรฐั อเมรกิ าทม่ี ตี อ่ ความขดั แยง้ ระหวา่ งอสิ ราเอลกบั กลมุ่ ประเทศอาหรบั ในปลายทศวรรษท่ี ๑๙๗๐ และในทศวรรษท่ี ๑๙๘๐ และ (ฉ) บทสรปุ : ความขดั แยง้ ระหวา่ งอสิ ราเอลกบั อาหรบั ชว่ งสงครามเยน็ การถอื ก�ำ เนดิ สงครามระหวา่ งอสิ ราเอลกบั กลมุ่ ประเทศอาหรบั หรอื ยวิ กบั อาหรบั ครง้ั ท่ี ๑ สงครามระหว่างยิวกับอาหรับคร้ังท่ี ๑ ถือกำ�เนิดจากการสถาปนาประเทศ อสิ ราเอลทนั ที จากกองทพั อาหรบั ทป่ี ระกอบดว้ ย เลบานอน ซเี รยี ทรานสจ์ อรแ์ ดน อริ กั และอียิปต์๑ ท่ีมีการโจมตีอิสราเอลทุกทางทำ�ให้กองทัพยิวปราชัยและถอยร่นช่วงแรก ความไดเ้ ปรยี บของปจั จยั แหง่ อ�ำ นาจจากการทอ่ี าหรบั มปี ระชากรมากกวา่ ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ คน มที หารจ�ำ นวน ๑๕๐,๐๐๐ คน ตรงกนั ขา้ มกบั ชาวยวิ ในอสิ ราเอลมจี �ำ นวนไมถ่ งึ ๑,๐๐๐,๐๐๐ คน และมที หารจ�ำ นวนนอ้ ยกวา่ กนั มาก หากแตม่ กี ารฝกึ ฝนเปน็ อยา่ งดี มปี ระสบการณก์ ารรบ แบบกองโจรนับต้งั แต่การต้งั ถ่นิ ฐานท่ปี าเลสไตน์ ท่สี ำ�คัญมีการจัดต้งั กองทัพลับนับต้งั แต่ สงครามโลกคร้ังท่ ี ๑ และระหว่างสงครามโลกคร้ังท่ ี ๒ ด้วยการสนับสนุนจากอังกฤษ จงึ มอี าวธุ สะสมจ�ำ นวนมากจนเปน็ กองทพั ทม่ี สี มรรถนะสงู ประกอบกบั กองทพั มรี ะเบยี บ ๑ ชัยวัฒน์ ถาวรธนะสาร และนันทนา เตชะวณิชย์, ประวัติศาสตร์แอฟริกา และตะวนั ออกกลางโดยสงั เขป, (กรงุ เทพฯ : ส�ำ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๔๗), หนา้ ๑๗๓. 90
91 วินัยสูง และมีความเฉลียวฉลาดจากการศึกษาสูง ท่สี ำ�คัญ เป็นการรบเพ่อื แผ่นดินสุดท้าย ถา้ ปราชยั ยอ่ มหมายถงึ การไมม่ แี ผน่ ดนิ ทอ่ี ยเู่ พอ่ื อาศยั นบั เปน็ ก�ำ ลงั ใจทส่ี งู กวา่ แตกตา่ งจาก กองทัพของกลุ่มประเทศอาหรับท่ีขาดการประสานงานท่ีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตา่ งคนตา่ งรบ ขาดระเบยี บวนิ ยั ไมร่ วู้ า่ รบเพอ่ื อะไรนอกจากค�ำ สง่ั ผบู้ งั คบั บญั ชา ก�ำ ลงั ใจ ในการรบมีน้อย๒ ท่สี ำ�คัญ คือ การรบระหว่างอาหรับกับอิสราเอลถือกำ�เนิดท่ามกลาง ความขดั แยง้ ระหวา่ งพระเจา้ ฟารคุ ของอยี ปิ ตก์ บั พระเจา้ อบั ดลุ ลาหข์ องทรานสจ์ อรแ์ ดน๓ สงครามระหว่างยิวกับอาหรับคร้ังท่ี ๑ เป็นผลจากการส่ังสมความไม่พอใจ ความขัดแย้ง ความคับแค้น จนกลายเป็นสงครามท่ีนำ�มาสู่การกวาดล้าง การทารุณ อยา่ งเหย้ี มโหด ความชว่ ยเหลอื จากตา่ งประเทศทางดา้ นการเงนิ ของชาวยวิ จากตา่ งประเทศ และอาวุธยุทโธปกรณ์จากประเทศท่ีสำ�คัญ คือ ฝร่ังเศส และเชโกสโลวาเกีย เพ่ือทำ� สงครามขนานใหญ่กับอาหรับ ความชาญฉลาดของยิวต่อเน่ืองถึงการกำ�หนดนโยบาย ตา่ งประเทศและการทตู จนรลู้ ว่ งหนา้ ในการวางตวั ของมหาอ�ำ นาจตอ่ ความขดั แยง้ ระหวา่ งยวิ หรอื อสิ ราเอลกบั กลมุ่ ประเทศอาหรบั และการทหารของอาหรบั ภายหลงั จากทย่ี วิ ตง้ั หลกั นำ�ไปส่กู ารรุกตอบโต้กับกองทัพของกล่มุ ประเทศอาหรับทำ�ให้ชาวอาหรับ ท่สี ำ�คัญ คือ ชาวอาหรับในปาเลสไตน์หรือชาวปาเลสไตน์อพยพล้ีภัยจากอิสราเอลไปประเทศอาหรับ ขา้ งเคยี ง ทส่ี �ำ คญั คอื จอรแ์ ดน ซเี รยี และเลบานอน จ�ำ นวน ๖๐๐,๐๐๐ คน และฉนวน การซ์ าของอยี ปิ ตจ์ �ำ นวน ๒๐๐,๐๐๐ คน จนกลายเปน็ ปญั หาทเ่ี รอ้ื รงั ตอ่ เนอ่ื งถงึ ปจั จบุ นั การรกุ ตอบโตท้ �ำ ใหก้ องทพั อาหรบั ถอยทกุ แนวและอสิ ราเอลยดึ ครองพน้ื ทเ่ี พม่ิ จากอาหรบั จำ�นวนมาก ท่ีสำ�คัญ คือ เยรูซาเล็มตะวันตกบางส่วน ทำ�ให้ทิศเหนือจดทะเลแกลิลี (Galilee) ทศิ ใตจ้ ดทะเลทรายทรายเนเกรฟจนถงึ อา่ วอกาบา (Gulf of Agaba) ท�ำ ใหก้ ลมุ่ ประเทศอาหรับยอมรับยุติสงครามตามคำ�เรียกร้องของสหประชาชาติใน ค.ศ. ๑๙๔๙ จนน�ำ ไปสกู่ ารลงนามสงบศกึ ชว่ั คราวใน ค.ศ. ๑๙๔๙๔ ๒ ถนอม อานามวัฒน์. ประวัติศาสตร์และการวิเคราะห์เหตุการณ์ปัจจุบันของเอเชีย, (กรงุ เทพฯ : บรู พาสาสน์ , ๒๕๒๑), หนา้ ๓๗๒. ๓ ชยั วฒั น์ ถาวรธนะสาร และนนั ทนา เตชะวณชิ ย,์ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๑๗๔. ๔ ถนอม อานามวฒั น,์ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๓๗๓.
แมว้ า่ อสิ ราเอลและประเทศอาหรบั ประกอบดว้ ย อยี ปิ ต์ เลบานอน จอรแ์ ดน และซเี รยี ยกเวน้ อริ กั ทป่ี ฏเิ สธการลงนามเพราะไมม่ พี รมแดนตดิ กบั อสิ ราเอล ลงนามสงบศกึ แต่ความขัดแย้งยังคุกร่นุ จากการเรียกร้องของสหประชาชาติและประเทศอาหรับคืนดินแดน ปาเลสไตน์ ซ่ึงอิสราเอลปฏิเสธและปลูกบ้านแปลงเมืองเพ่ือสร้างท่ีอยู่อาศัย และการเกษตรกรรมในดินแดนท่ยี ึดครอง นับเป็นความเปล่ยี นแปลงจากพ้นื ท่แี ห้งแล้ง ล้าหลัง และดอ้ ยพฒั นาของชาวอาหรบั ปาเลสไตน์ เปน็ พน้ื ทท่ี อ่ี ดุ มสมบรู ณ์ มคี วามเจรญิ และ พัฒนาอย่างต่อเน่ือง ทำ�ให้ชาวอาหรับปาเลสไตน์ท่ีอพยพไปประเทศเพ่ือนบ้าน แมป้ รารถนากลบั ถน่ิ พ�ำ นกั เดมิ กลายเปน็ ผลู้ ภ้ี ยั ถาวร กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสังคมอย่างมากภายหลัง๕ การขาดความพร้อมเพ่อื ทำ�สงครามของประเทศท้งั หลาย แม้มีการกระตุ้นเพ่ือการตัดสินใจจากรัฐบาลของประเทศนำ�ไปสู่การรวมกันเฉพาะกิจ มกี องทพั ของทรานสจ์ อรแ์ ดนทเ่ี ขม้ แขง็ ประเทศเดยี วเพราะมที หารจ�ำ นวน ๔ กอง จากการ บงั คบั บญั ชาของขา้ ราชการองั กฤษ มเี สบยี งเลก็ นอ้ ย และดอ้ ยประสทิ ธภิ าพดา้ นการขนสง่ ขณะทก่ี องทพั ประเทศอน่ื มอี าวธุ ทด่ี อ้ ยประสทิ ธภิ าพ ขาดการฝกึ ฝน ขาดการบงั คบั บญั ชา ทเ่ี ขม้ แขง็ มคี วามขดั แยง้ ความหวาดระแวง และเปน็ ศตั รรู ะหวา่ งกนั ๖ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับอย่างมีอย่างต่อเน่ือง จากการปะทะกันแม้มีองค์การควบคุมการสงบศึกแห่งสหประชาชาติ (UN Truce Supervision Organization) ปฏิบัติหน้าท่ี การห้ามเรือของอิสราเอลผ่านคลองสุเอซ การปฏเิ สธการพฒั นาแมน่ �ำ้ จอรแ์ ดน (Jordan River) รว่ มกนั อยี ปิ ตจ์ ดั ตง้ั หนว่ ยคอมมานโด โจมตีอิสราเอล ความขัดแย้งท่ตี ่อเน่อื งทำ�ให้อิสราเอลตอบโต้กับจอร์แดนด้วยการสังหาร ชาวอาหรับในจอร์แดนใน ค.ศ. ๑๙๕๓ ภายหลังการลอบสังหารพระเจ้าอับดุลลาห์ ทก่ี รงุ เยรซู าเลม็ ใน ค.ศ. ๑๙๕๑ สหประชาชาตไิ ดแ้ ตป่ ระนามอสิ ราเอล แตก่ ารปฏเิ สธทจ่ี ะ ตอบโต้อิสราเอลของจอร์แดนเพราะต้องปราชัยอย่างแน่นอนหากทำ�สงคราม ทำ�ให้ชาว ๕ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๓๗๔. ๖ ชยั วฒั น์ ถาวรธนะสาร และนนั ทนา เตชะวณชิ ย,์ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๑๗๓-๑๗๔. 92
93 อาหรับปาเลสไตน์และกลุ่มประเทศอาหรับโกรธแค้นจนมีการลักลอบก่อวินาศกรรม และกอ่ การรา้ ยตามเมอื งทง้ั หลายของจอรแ์ ดน สง่ ผลใหจ้ อรแ์ ดนตอบโตช้ าวอาหรบั ปาเลสไตน์ ท่ีพำ�นักในจอร์แดน ส่วนอียิปต์ภายหลังความสับสนวุ่นวายทางการเมืองนำ�ไปสู่ ความเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งทเ่ี ปน็ การเปลย่ี นแปลงรฐั บาลและบงั คบั พระเจา้ ฟารคุ กษตั รยิ ์ พระองค์สุดทา้ ยของอียิปต์ สละราชสมบัติใน ค.ศ. ๑๙๕๒ ทำ�ให้อียิปต์มีการปกครอง ระบอบสาธารณรฐั และกอ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ ภายในคณะรฐั ประหารทน่ี �ำ มาสกู่ ารตอ่ สกู้ บั นายพล นางบิ (Nagib) ผลทส่ี ดุ น�ำ มาสชู่ ยั ชนะของนสั เซอรท์ ก่ี ลายเปน็ คปู่ รบั คนส�ำ คญั กบั อิสราเอล๗ ความขัดแย้งสำ�คัญมาจากการกล่าวหาอียิปต์สนับสนุนการก่อการร้าย และกอ่ วนิ าศกรรม ท�ำ ใหอ้ สิ ราเอลโจมตที หารอยี ปิ ตใ์ นฉนวนกาซาใน ค.ศ. ๑๙๕๔ อยี ปิ ต์ จงึ เพม่ิ ก�ำ ลงั ทหารและสะสมอาวธุ จากการซอ้ื เพม่ิ จากสหรฐั อเมรกิ าและสหภาพโซเวยี ต๘ ขณะท่ีเลบานอนมีความขัดแย้งกับอิสราเอลน้อยท่ีสุด เพราะประชาชน เลบานอนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ ์ นับเป็นประเทศอาหรับท่ลี ้อมรอบ ด้วยประเทศมุสลิม ความหวาดกลัวจากการรุกราน คุกคาม และกลืนประเทศ ทำ�ให้ เลบานอนเป็นมิตรกับอิสราเอลกว่าประเทศอาหรับอ่ืน ส่วนซีเรียมีความขัดแย้งกับ อิสราเอลจากปัญหาด้านเศรษฐกิจท่ีมีการจับปลาในทะเลแกลิลี เพราะอิสราเอลล่วงลำ้� น่านนำ้�บ่อยคร้ัง ทำ�ให้เผชิญหน้ากับซีเรียจนใช้กำ�ลังไล่ยิงเรือประมง อิสราเอลตอบโต้ ดว้ ยการโจมตใี น ค.ศ. ๑๙๕๕ แมส้ หประชาชาตปิ ระนาม แตก่ ารหนนุ หลงั อสิ ราเอลของ สหรัฐอเมริกาทำ�ให้อิสราเอลมีบทบาทสำ�คัญในการเมืองระหว่างประเทศ นำ�มาสู่ความ ขัดแย้งกับซีเรียจากการสูบนำ้�ท่ีทะเลสาบฮูเล (Huleh) จนแห้งขอด นับเป็นความด้อย ประสิทธิภาพจากการแก้ปัญหาของสหประชาชาติภายหลังการร้องเรียนของซีเรีย และการสนบั สนนุ อสิ ราเอลอยา่ งเปดิ เผยของสหรฐั อเมรกิ า แตป่ ญั หาส�ำ คญั ทน่ี �ำ มาสคู่ วามขดั แยง้ ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับคือการพัฒนาแม่นำ้�จอร์แดนด้วยเงินทุนของ ๗ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๑๗๘-๑๗๙. ๘ ถนอม อานามวฒั น,์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละการวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณป์ จั จบุ นั ของเอเซยี , หนา้ ๓๗๖.
สหรฐั อเมรกิ าทม่ี อบใหก้ บั ซเี รยี เลบานอน จอรแ์ ดน รอ้ ยละ ๖๐ และอสิ ราเอลรอ้ ยละ ๔๐ แต่การวางท่อของอิสราเอลทำ�ให้ซีเรียวิตกว่าพ้นื ท่เี นเกรฟจะแห้งแล้งทำ�ให้ขัดขวางจนนำ� มาสกู่ ารเผชญิ หนา้ ทางทหารใน ค.ศ. ๑๙๕๕๙ ความขดั แยง้ ระหวา่ งอสิ ราเอลนบั ตง้ั แตก่ ารสถาปนาประเทศใน ค.ศ. ๑๙๔๘ จนถึง ค.ศ. ๑๙๕๕ ทำ�ให้อิสราเอลมีพรมแดนเป็นด้านหน้าหรือแนวหน้าจากปัญหา การจราจล การโจมตหี นว่ ยคอมมานโด การสง่ ทหารไปปอ้ งกนั การตอ่ ส ู้ และการโจมตี ขา้ มพรมแดน ระหวา่ งอสิ ราเอลกบั ซเี รยี จอรแ์ ดน และอยี ปิ ต์ เปน็ ระยะ เทา่ กบั เปน็ ปญั หาใหก้ บั คณะกรรมการร่วมของสหประชาชาติท่ที ำ�หน้าท่รี ักษาความสงบช่วั คราว๑๐ ความขัดแย้ง ท่ีต่อเน่ืองทำ�ให้อิสราเอลซ้อื อาวุธจากกลุ่มประเทศตะวันตกท่ีสำ�คัญ คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝร่ังเศส ขณะท่ีอียิปต์ซ้ืออาวุธจากประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และตะวนั ตก มกี ารประกาศรวมกนั ทางทหารของกลมุ่ ประเทศอาหรบั ประกอบดว้ ย อยี ปิ ต์ ซาอดุ อิ าระเบยี เยเมน ซเี รยี และจอรแ์ ดน ปญั หาส�ำ คญั มาจากฉนวนกาซา ดนิ แดนดา้ นใต้ ของอสิ ราเอลทเ่ี ปน็ ชายฝง่ั ทอดยาวรมิ ทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น เพราะสหประชาชาตกิ �ำ หนด ใหอ้ ยี ปิ ตม์ สี ทิ ธปิ กครองแตไ่ มม่ สี ทิ ธผิ นวกดนิ แดนตามสนธสิ ญั ญาหยดุ ยงิ ใน ค.ศ. ๑๙๔๙ ท�ำ ใหช้ าวปาเลสไตนจ์ �ำ นวนกวา่ ๒๐๐,๐๐๐ คน ทอ่ี พยพตง้ั ถน่ิ ฐานก�ำ หนดเปน็ ฐานปฏบิ ตั ิ การสงครามกองโจรในอิสราเอล กับปัญหาอ่าวอกาบา ช่องแคบเหนือสุดของทะเลแดง ท่ีเป็นช่องทางเดียวของอิสราเอลออกสู่ทะเลแดง ท่ีกำ�หนดให้อิสราเอลมีสิทธิใช้โดยเสรี ตามขอ้ ตกลงใน ค.ศ. ๑๙๔๙ การละเมดิ ขอ้ ตกลงของอยี ปิ ตด์ ว้ ยการตง้ั ปอ้ มทเ่ี มอื งชารม์ เอล ชคี ปากอา่ วอกาบา เทา่ กบั ปดิ ทางออกทะเลแดงของอสิ ราเอลเปน็ เวลา ๖ ป๑ี ๑ ๙ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๓๗๗. ๑๐ ชัยวัฒน์ ถาวรธนะสาร และนันทนา เตชะวณิชย์, ประวัติศาสตร์แอฟริกา และตะวนั ออกกลางโดยสงั เขป, หนา้ ๑๙๑. ๑๑ ถนอม อานามวฒั น,์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละการวเิ คราะหเ์ อเชยี ปจั จบุ นั , (กรงุ เทพฯ : บรู พาสาสน์ , ๒๕๒๘), หนา้ ๔๒๐-๔๒๑. 94
95 สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับหรือยิวกับอาหรับคร้ังท่ี ๒ : วกิ ฤตการณค์ ลองสเุ อซ ด้วยสมมติฐานของผู้นำ�ทางการเมืองของอิสราเอลท่ีว่ากลุ่มประเทศอาหรับ ปฏเิ สธสนั ตภิ าพกบั อสิ ราเอล ท�ำ ใหเ้ ตรยี มกองทพั เพอ่ื ท�ำ สงคราม บทบาทของอสิ ราเอล ทส่ี นบั สนนุ ใหต้ ะวนั ตก ทส่ี �ำ คญั คอื สหรฐั อเมรกิ าเกลยี ดชงั อยี ปิ ต์ แนวคดิ ชาตนิ ยิ ม ของประธานาธิบดีนัสเซอร์แห่งอียิปต์ท่ีปรารถนาปราบปรามอิสราเอลอย่างเด็ดขาด ความหวาดระแวงการสนับสนุนอิสราเอลของตะวันตกของอียิปต์ การรับการสนับสนุน ทางอาวธุ ยทุ โธปกรณจ์ ากสหภาพโซเวยี ตและการขอรบั ความชว่ ยเหลอื เพอ่ื สรา้ งเขอ่ื นอสั วาน (Aswan Dam) จากสหภาพโซเวียตของอียิปต์ภายหลังการปฏิเสธของสหรัฐอเมริกา เพราะเชอ่ื วา่ อยี ปิ ตม์ ปี ญั หาการใชค้ นื ท�ำ ใหน้ สั เซอรป์ ระกาศยดึ คลองสเุ อซเพอ่ื น�ำ รายไดส้ รา้ ง เขอ่ื นอัสวาน ทำ�ใหอ้ งั กฤษและฝรง่ั เศสประทว้ งเพราะถือว่าคลองสุเอซเปน็ คลองระหวา่ ง ประเทศ และสนบั สนนุ ใหอ้ ริ กั ซง่ึ เปน็ พนั ธมติ รในกตกิ าแบกแดด (Bagdad Pact) ออกจาก กลุ่มประเทศอาหรับส่งผลให้กลุ่มประเทศอาหรับอ่อนแอลง การเร่งขายอาวุธ ของสหรฐั อเมรกิ าและประเทศตะวนั ตกทม่ี ตี อ่ อสิ ราเอล น�ำ ไปสคู่ วามขดั แยง้ การเผชญิ หนา้ และเปน็ สงครามระหวา่ งอสิ ราเอลกบั อาหรบั เปน็ ครง้ั ท่ี ๒ ใน ค.ศ. ๑๙๕๖ เพราะอยี ปิ ต์ รกุ รานอสิ ราเอล แตก่ ารบญั ชาการรบกองทพั อสิ ราเอลของนายพลโมเช่ ดายนั กลบั ใชเ้ วลา เพยี ง ๗ วนั ยดึ ครองคาบสมทุ รไซนายทง้ั หมด น�ำ มาสกู่ ารสญู เสยี ของอยี ปิ ตจ์ �ำ นวนมาก๑๒ วิกฤตการณ์คลองสุเอซท่ีกลายเป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับกล่มุ ประเทศ อาหรบั ครง้ั ท่ี ๒ ใน ค.ศ. ๑๙๕๖ น�ำ มาสกู่ ารเขา้ รว่ มสงครามขององั กฤษและฝรง่ั เศส มีการย่ืนคำ�ขาดจากอังกฤษและฝร่ังเศสให้อิสราเอลและอียิปต์ถอนทหารออกจากคลอง สุเอซข้างละ ๑๐ ไมล์ อิสราเอลยอมรับเพราะยึดครองดินแดนจำ�นวนมาก แต่อียิปต์ ปฏเิ สธ ท�ำ ใหอ้ งั กฤษและฝรง่ั เศสสง่ ทหารรกุ ราน ท�ำ ใหป้ ระเทศทง้ั หลายต�ำ หนแิ ละประนาม ๑๒ ถนอม อานามวัฒน์, ประวัติศาสตร์และการวิเคราะห์เหตุการณ์ปัจจุบันของเอเชีย, หนา้ ๓๗๘-๓๘๐.
สหประชาชาติให้ทุกฝ่ายหยุดรบ สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการสนับสนุน สหภาพโซเวียต จะสนับสนุนอาวุธนิวเคลียร์ สาธารณรัฐประชาชนจีนจะส่งทหารเพ่ือสนับสนุนอียิปต์ ทำ�ให้สงครามยุติภายหลังท่ีมีการยอมรับของทุกฝ่าย นับเป็นประโยชน์กับอิสราเอล เพราะสหประชาชาตมิ บี ทบาทใหห้ ลกั ประกนั เสรภี าพการใชอ้ า่ วอกาบาและความปลอดภยั ท่ีฉนวนกาซา และอียิปต์ท่ีทำ�ให้ประธานาธิบดีนัสเซอร์กลายเป็นวีรบุรุษของชาวอาหรับ ตรงกนั ขา้ มกบั องั กฤษและฝรง่ั เศสทเ่ี สยี ชอ่ื เสยี งอยา่ งมาก๑๓ ความหวาดระแวงและความจงเกลียดจงชังระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศ อาหรบั นำ�ไปสคู่ วามขดั แย้ง และการเผชิญหน้าเป็นระยะจากการปะทะตามแนวชายแดน สาธารณรฐั อาหรบั (United Arab Republic : UAR) ทป่ี ระกอบดว้ ยอยี ปิ ตแ์ ละซเี รยี ประกาศความพร้อมทำ�สงครามเพ่ือแก้แค้นอิสราเอลด้วยการสนับสนุนของประชาชน แมแ้ ตป่ ระเทศอน่ื ทส่ี �ำ คญั คอื คเู วต ท�ำ ใหป้ ระธานาธบิ ดนี สั เซอรแ์ หง่ อยี ปิ ตเ์ ปน็ เสมอื น หัวหน้ากลุ่มประเทศอาหรับ ท้ังท่ีกองทัพส่วนใหญ่ประจำ�การท่ีเยเมน การบังคับให้ กองก�ำ ลงั ฉกุ เฉนิ แหง่ สหประชาชาติ (The United Nations Emergency Force : UNEF) ถอนทหารออกจากจุดยุทธศาสตร์ทำ�ให้อียิปต์ควบคุมเส้นทางเข้าออกอ่าวอกาบา ท่ีช่องแคบติราน (Strait of Tiran) แม้สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้ยุติการปิดเส้นทาง เพราะอา่ วอกาบาเปน็ เสน้ ทางนานาชาติ และเจรจากบั อสิ ราเอลเพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ สงคราม๑๔ การกำ�หนดนโยบายสาธารณะของอิสราเอลท่ีมีการวางท่อนำ้�เพ่ือพัฒนา และก้ันแม่นำ้�จอร์แดนให้ไหลสู่ทะเลทรายเนเกฟทางตอนเหนือซ่ึงจะทำ�ให้อิสราเอล อุดมสมบูรณ์แตกต่างจากดินแดนอาหรับท่แี ห้งแล้ง การก่อการร้ายของขบวนการกองโจร ปาเลสไตนอ์ ลั ฟาตาห์ (Al Fatah) ท�ำ ใหอ้ สิ ราเอลปฏบิ ตั กิ ารทร่ี นุ แรงกบั จอรแ์ ดนตามแนว ชายแดน การวางทุ่นระเบิดของขบวนการก่อการร้ายอ่ืน ทำ�ให้อิสราเอลโจมตีซีเรีย ๑๓ ถนอม อานามวฒั น,์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละการวเิ คราะหเ์ อเชยี ปจั จบุ นั , หนา้ ๔๒๓-๔๒๔. ๑๔ ชัยวัฒน์ ถาวรธนะสาร และนันทนา เตชะวณิชย์, ประวัติศาสตร์แอฟริกา และตะวนั ออกกลางโดยสงั เขป, หนา้ ๒๐๓-๒๐๕. 96
97 อียิปต์ส่งทหารควบคุมช่องแคบติรานทำ�ให้เรือของอิสราเอลไม่สามารถผ่านเข้าออกท่อี ่าว อกาบา สถานการณ์ท่ีตึงเครียดนำ�ไปสู่ความเคล่ือนไหวของมหาอำ�นาจจากบทบาทของ สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตท่ีส่งกองทัพเรือสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การพัฒนา และซ้ืออาวุธท่ีทันสมัยจากสหภาพโซเวียตสร้างความเช่ือม่ันให้อียิปต์ ขณะท่ีอิสราเอล ส่ังซ้ืออาวุธจากสหรัฐอเมริกาและฝร่ังเศส แม้อาวุธยุทโธปกรณ์ของอาหรับมีมากกว่า อสิ ราเอลจ�ำ นวนมาก แตส่ มรรถนะ ขวญั และก�ำ ลงั ใจของอสิ ราเอลสงู กวา่ มาก๑๕ สงครามระหวา่ งอสิ ราเอลกบั กลมุ่ ประเทศอาหรบั หรอื ยวิ กบั อาหรบั ครง้ั ท่ี ๓ ความขดั แยง้ ระหวา่ งอสิ ราเอลกบั กลมุ่ ประเทศอาหรบั ทต่ี อ่ เนอ่ื ง กอ่ ก�ำ เนดิ เปน็ สงครามระหวา่ งอสิ ราเอลกบั อาหรบั ครง้ั ท่ี ๓ ใน ค.ศ. ๑๙๖๗ ดว้ ยการโจมตขี องอสิ ราเอล ท่ีมีต่อกลุ่มประเทศอาหรับจนทำ�ลายเคร่ืองบิน รถถัง อาวุธยุทโธปกรณ์ ทำ�ให้อียิปต์ ไรส้ มรรถนะและสญู เสยี จ�ำ นวนมาก ท�ำ ใหก้ ลมุ่ ประเทศอาหรบั โจมตอี สิ ราเอลพรอ้ มกนั ทกุ ดา้ น แต่อิสราเอลต่อสู้อย่างทรหดทำ�ให้ทหารกล่มุ ประเทศอาหรับถอยร่นทุกแนวรบ ส่งผลให้ อสิ ราเอลทม่ี นี ายพลโมเช ดายนั เปน็ ผบู้ ญั ชาการทหาร ยดึ ครองดนิ แดนอาหรบั จ�ำ นวนมาก ท่ีสำ�คัญ คือ คาบสมุทรไซนาย เยรูซาเล็มด้านตะวันตกของแม่นำ้�จอร์แดนท้ังหมด และทร่ี าบสงู โกลนั ของซเี รยี การเรยี กรอ้ งของคณะมนตรคี วามมน่ั คงแหง่ สหประชาชาตนิ �ำ มา สกู่ ารยตุ สิ งคราม ๖ วนั แมม้ มี ตหิ ลายประการ แตท่ ง้ั อสิ ราเอลและกลมุ่ ประเทศอาหรบั ตา่ งปฏิเสธการปฏิบัติตามจากการไมค่ นื ดินแดนอาหรบั ของอสิ ราเอลและการปฏิเสธความ ปราชยั ของกลมุ่ ประเทศอาหรบั ๑๖ ๑๕ ถนอม อานามวัฒน์, ประวัติศาสตร์และการวิเคราะห์เหตุการณ์ปัจจุบันของเอเชีย, หนา้ ๓๘๖-๓๘๗. ๑๖ ถนอม อานามวฒั น,์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละการวเิ คราะหเ์ อเชยี ปจั จบุ นั , หนา้ ๔๒๙-๔๓๑
บทบาทของอิสราเอลจากการปฏิเสธการปฏิบัตติ ามมตคิ ณะมนตรคี วามม่นั คง แห่งสหประชาชาติเร่อื งการคืนดินแดนและเร่งเคล่อื นย้ายชาวยิวเพ่อื ต้งั หลักแหล่งเป็นถ่นิ พำ�นักถาวรจากดินแดนท่ยี ึดครองสร้างความคับแค้นใจกับกล่มุ ประเทศอาหรับ ความร่วมมือ ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตยุคผ่อนคลายความตึงเครียดนำ�มาการลดการ เผชญิ หนา้ ในตะวันออกกลางระหว่างกนั น�ำ มาส่กู ารย่นื ขอ้ เสนอหยุดยงิ ใหส้ หประชาชาติ เพ่ือรักษาสันติภาพจากการประชุมท่ีเจนีวา การนำ�ดินแดนของกลุ่มประเทศอาหรับ ท่ีอิสราเอลยึดครองกลับคืนมาเป็นความปรารถนาสูงสุด การเร่งขายอาวุธยุทโธปกรณ์ ทท่ี นั สมยั เครอ่ื งบนิ รถถงั ของสหรฐั อเมรกิ าใหอ้ สิ ราเอล และของสหภาพโซเวยี ตใหก้ ลมุ่ ประเทศอาหรับนับเป็นตัวเร่งสำ�คัญท่ีทำ�ให้มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน การโจมตีอิสราเอล ของปาเลสไตนแ์ ละการตอบโตข้ องอสิ ราเอลทม่ี ตี อ่ ซเี รยี จอรแ์ ดน และเลบานอน กอ่ ใหเ้ กดิ ความโกรธแคน้ อยา่ งมาก๑๗ การถงึ แกอ่ สญั กรรมของนสั เซอรใ์ น ค.ศ. ๑๙๗๐ ฝากมรดก ส�ำ คัญจากวกิ ฤตการณแ์ ละหายนะทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมของอียปิ ต ์ จากการ ปราชยั จากนโยบายการเมอื งและการทหารทม่ี ตี อ่ เยเมน ความลม้ เหลวจากความสมั พนั ธ์ กับกล่มุ ประเทศอาหรับอ่นื วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจท่รี ุนแรง การเพ่มิ จำ�นวนประชากร อย่างรวดเร็ว และซากปรักหักพังของเมืองจากการทำ�สงครามหกวันกับอิสราเอล๑๘ และนายอลั วาร์ ซาดตั ด�ำ รงต�ำ แหนง่ ประธานาธบิ ดแี หง่ อยี ปิ ตแ์ ทน สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับหรือยิวกับอาหรับคร้ังท ่ี ๔ หรือ สงครามยม คปิ ปรู ์ บทบาทของสหภาพโซเวียตท่ีปฏิเสธความช่วยเหลือเพ่ือแก้ปัญหาและ วกิ ฤตการณข์ องอยี ปิ ตแ์ ละถอนทหารออก การก�ำ หนดนโยบายสาธารณะของนางโกลดาร์ แมร์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ท่ีรักษาผลประโยชน์ของอิสราเอลในพ้ืนท่ีท่ีสำ�คัญ ๑๗ เรอ่ื งเดยี วกนั , หนา้ ๓๙๒-๓๙๓. ๑๘ ชัยวัฒน์ ถาวรธนะสาร และนันทนา เตชะวณิชย์, ประวัติศาสตร์แอฟริกา และตะวนั ออกกลางโดยสงั เขป, หนา้ ๒๓๗. 98
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110