Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารข่าวฉบับเดือนเมษายน 2563

เอกสารข่าวฉบับเดือนเมษายน 2563

Published by sapasarn2019, 2020-07-22 22:44:52

Description: เอกสารข่าวฉบับเดือนเมษายน 2563

Keywords: รัฐสภาสาร

Search

Read the Text Version

เอกสารข่าวรัฐสภา ?50 ภาพเกา่ เลา่ เร่ือง โรคระบาดในประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ณ ปจั จบุ นั ประเทศไทยกำ� ลงั เผชญิ กบั โรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – 19) ทกี่ ำ� ลงั แพรก่ ระจาย ทว่ั โลก กระทรวงสาธารณสขุ ออกประกาศเกย่ี วกบั โรคตดิ ตอ่ อนั ตราย (ฉบบั ที่ ๓ ) โดยระบวุ า่ เนอื่ งจากองคก์ ารอนามยั โลก ได้รายงานการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus that was discovered in 2019) และมีการพบผู้ป่วยด้วยเช้ือไวรัสดังกล่าวในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย ประกอบกับองค์การอนามัยโลก ไดป้ ระกาศการแพรร่ ะบาดของเชอ้ื ไวรัสนเ้ี ปน็ ภาวะฉกุ เฉินด้านสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ (Public Health Emergency of International Concern) เพอ่ื ใหร้ ฐั บาลทว่ั โลกเพม่ิ มาตรการปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาด ดงั นนั้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการควบคมุ เชื้อไวรสั ดงั กล่าว จึงสมควรกำ� หนดใหเ้ ชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นเช้อื ที่ตอ้ งควบคุมตามพระราชบัญญัติเชอ้ื โรคและ พษิ จากสตั ว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ อยา่ งไรกต็ ามโรคตดิ ตอ่ อนั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ ในประเทศไทยไมไ่ ดม้ เี ฉพาะเชอื้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ เท่าน้ัน หากย้อนกลับไปในอดีตโรคระบาดท่ีเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทย และท�ำให้คนล้มตายเป็นจ�ำนวนมาก ซ่ึงคน สมยั ก่อนเรียกว่า “โรคหา่ ” คือ กาฬโรค อหวิ าตกโรค และไขท้ รพิษหรือฝีดาษ

51 ภาพเกา่ เล่าเร่ือง กาฬโรค กาฬโรคหรือมรณะด�ำ หรือ “The Black Death” เป็นโรคทที่ �ำให้มผี ูเ้ สยี ชีวติ มากท่สี ุด มสี าเหตเุ กิดจากการ ติดเชอื้ แบคทีเรยี “เยอร์ซเิ นีย เปสตสิ ” (Yersinia pestis) โดยมีสตั ว์ฟนั แทะและหมัดเป็นพาหะน�ำโรค รวมถงึ สามารถ แพรใ่ นอากาศ ผา่ นการสมั ผสั โดยตรง หรอื โดยอาหารหรอื วสั ดทุ ป่ี นเปอ้ื น สำ� หรบั การระบาดของกาฬโรคในประเทศไทย จากข้อมูลท่ีปรากฏอยู่ในพงศาวดารอยุธยา ฉบับวันวลติ พ.ศ. ๒๔๘๒ กล่าวว่า ก่อนท่ีจะสถาปนากรุงศรีอยุธยา ขึ้นมา สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ถูกเนรเทศมาจากเมอื งจนี ขน้ึ ส�ำเภามาลงทเี่ มอื งปตั ตานี แล้วย้ายมาอยู่ตามเมืองท่าชายทะเลต่าง ๆ เช่น เมืองนครศรธี รรมราช กยุ บรุ ี (ประจวบคีรขี ันธ)์ เพชรบรุ ี บางกอก แล้วมาปราบโรคระบาด สถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยา ขนึ้ ในปี พ.ศ. ๑๘๙๓ ตรงกบั ค.ศ. ๑๓๕๐ ซง่ึ เป็นปีทม่ี ี การระบาดใหญ่ของ Black Death ในยโุ รป ระยะต่อมา พบว่า กาฬโรคจากเมืองจีนยังได้มีการแพร่กระจายเข้ามาในไทยอีกในสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปรากฏในเอกสารเก่า (ส�ำเนาพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ขณะทรงด�ำรงตำ� แหนง่ ผู้สำ� เร็จราชการแผน่ ดนิ ร.ศ. ๑๑๖ พมิ พ์ในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๔ ร.ศ. ๑๑๖) เร่ืองหา้ มเรือ จากซัวเถาเขา้ กรงุ เทพฯ เม่อื พ.ศ. ๒๔๔๐ วา่

เอกสารขา่ วรัฐสภา 52 “กาฬโรค (คือโรคห่า) ได้เกิดขึ้นที่เมืองซัวเถาน้ัน….ก�ำปั่นล�ำหนึ่งล�ำใดออกจากเมืองซัวเถาและจะเข้ามา ในกรงุ น้ี ตอ้ งหยดุ ทอดสมอทเ่ี กาะไผใ่ นกำ� หนดเกา้ วนั เตม็ แลว้ และถา้ แพทยไ์ ดต้ รวจแจง้ วา่ กาฬโรค....ไมไ่ ดม้ แี ละไดเ้ กดิ ในเรอื นัน้ แล้ว จึงจะยอมให้ก�ำป่ันลำ� น้ันเดินต่อไปจนถึงทีจ่ อดในกรุงนไ้ี ด้” สำ� หรบั รายงานการระบาดของกาฬโรคอยา่ งเปน็ ทางการครงั้ แรกในประเทศไทยนน้ั นายแพทย์ เอช แคมเบล ไฮเอ็ด เจ้ากรมแพทยส์ ขุ าภบิ าล (Principal Medical Officer of Bangkok City) ได้รายงานเมอื่ วนั ท่ี ๒๐ ธนั วาคม ๒๔๔๗ วา่ พบการระบาดเกดิ ขน้ึ ทบี่ รเิ วณตกึ แดงและตกึ ขาว ซง่ึ เปน็ โกดงั เกบ็ สนิ คา้ ทจี่ งั หวดั ธนบรุ ี บรเิ วณดงั กลา่ วเปน็ ทอี่ ยขู่ อง พ่อค้าชาวอินเดีย สนั นิษฐานวา่ นา่ จะเกดิ จากหนทู ่ีมีเช้ือกาฬโรค ติดมาจากเรอื สินคา้ ท่ีมาจากเมืองบอมเบย์ ประเทศ อินเดีย แล้วระบาดจากธนบุรีเข้ามาฝั่งพระนคร จากนั้นกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ท่ีมีการติดต่อค้าขายกับจังหวัด พระนคร โดยทางบก ทางเรือและทางรถไฟ แต่ไมม่ สี ถิติจำ� นวนผปู้ ว่ ยตายท่แี น่นอน ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ มรี ายงานวา่ เกดิ กาฬโรคระบาดทจี่ งั หวดั นครปฐม มคี นตาย ๓๐๐ คน และครงั้ สดุ ทา้ ย เม่อื ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ มรี ายงานผ้ปู ่วย ๒ ราย ตาย ๑ รายทีต่ ลาดตาคลี จังหวดั นครสวรรค์ ซึ่งถือเป็นรายงานการระบาด ของกาฬโรคคร้งั สดุ ทา้ ยในประเทศไทย จากนน้ั ไม่มีรายงานกาฬโรคเกดิ ข้ึนในประเทศไทยจนปจั จบุ นั น้ี อหวิ าตกโรค ส�ำหรับการระบาดของอหิวาตกโรค หรือ “โรคห่า” ในไทยน้ัน มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานในสมัย กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ไดแ้ ก่ สมยั รชั กาลที่ ๒ จากบนั ทกึ ของ “เจา้ พระยาทพิ ากรวงศ”์ เลา่ ถงึ การระบาดรนุ แรงของอหวิ าตกโรค ครัง้ แรกไว้ว่า ในปี พ.ศ. ๒๓๖๓ มกี ารระบาดจากอนิ เดยี เขา้ มาไทย ผ่านทางปีนงั และหวั เมอื งฝ่ายตะวันตก เขา้ มาถงึ สมุทรปราการและพระนคร ระบาด ๒ สัปดาห์ ทำ� ใหม้ ีคนตายจำ� นวนมาก จนเผาศพไม่ทนั กองอยใู่ นวดั ต่าง ๆ ได้แก่ วัดสระเกษ วัดบางล�ำภู วัดบพิตรพิมุข วัดประทุมคงคาและ วดั อนื่ ถนนหนทางเกลอื่ นกลาดเตม็ ไปดว้ ยซากศพ ประชาชน อพยพหนีออกจากเมืองด้วยความกลัว พระสงฆ์ทิ้งวัด รัชกาลที่ ๒ โปรดฯ ให้ต้ังพิธีขับไล่โรคนี้ข้ึน เรียกว่า “พิธีอาพาธพินาศ” จัดข้ึนท่ีพระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาท มกี ารยงิ ปนื ใหญร่ อบพระนครตลอดคนื อญั เชญิ พระแกว้ มรกต และพระบรมสารรี กิ ธาตอุ อกแหแ่ ละโปรยพระพทุ ธมนตต์ ลอด ทาง การระบาดครัง้ นมี้ คี นตายในกรุงเทพฯ และหัวเมอื งใกล้ เคียงประมาณ ๓๐,๐๐๐ คน และมีการระบาดอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๓๖๕ ในกรุงเทพฯ แต่ไม่ร้ายแรงเท่าการระบาด ปี ๒๓๖๓ รชั กาลท่ี ๒ ทรงประกาศใหร้ าษฎรหยุดงานท้ังปวง ทำ� บญุ ให้ทานและหา้ มฆา่ สตั ว์ตัดชีวิต มีก�ำหนด ๗ วนั ในการระบาดคราวนี้มพี ระเจ้าน้องยาเธอสิน้ พระชนม์ด้วยอหิวาตกโรคพระองคห์ นึง่ สมัยรัชกาลท่ี ๓ เกิดอหิวาตกโรคระบาดมากในปี พ.ศ. ๒๓๙๒ เรียกกันว่า “ห่าลงปีระกา” ซ่ึงตรงกับการ ระบาดท่ัวโลกคร้งั ที่ ๒ ที่เริม่ จากอินเดยี ระบาดไปยุโรป อเมริกา และระบาดเข้าไทยผ่านปนี ัง ปัตตานี สงขลา ระบาด ทางเรือเขา้ สมทุ รปราการ กรุงเทพฯ และแพร่ระบาดไปยงั เมืองตา่ ง ๆ ได้แก่ ปทมุ ธานี พษิ ณโุ ลก และอ่างศิลา ชลบุรี การระบาดครงั้ นี้มผี ู้เสยี ชวี ติ ถงึ ๔๐,๐๐๐ คน รัชกาลที่ ๔ หรอื เจ้าฟ้ามงกฎุ ในขณะนั้น ดำ� รงเพศบรรพชิต ทรงบญั ชาให้ ๓ วดั คอื วดั สระเกศ วดั บางลำ� พู (วดั สงั เวชวศิ ยาราม) และวดั ตนี เลน (วดั เชงิ เลนหรอื วดั บพติ รพมิ ขุ ) เปน็ สถานทส่ี ำ� หรบั เผาศพ ซง่ึ มศี พทเี่ ผาไมท่ นั ถกู กองสมุ กนั อยตู่ ามวดั โดยเฉพาะวดั สระเกศมศี พมากทสี่ ดุ ทำ� ใหฝ้ งู แรง้ แหไ่ ปลงกนิ ซากศพ ตามลานวดั บนต้นไม ้ บนกำ� แพง และหลังคากุฏเิ ตม็ ไปดว้ ยแร้ง แม้เจ้าหนา้ ทจ่ี ะถอื ไม้คอยไลก่ ็ไม่อาจกั้นฝูงแร้งท่ีจ้อง เขา้ มารมุ ทึง้ ซากศพ ทำ� ใหพ้ ฤตกิ รรมของ “แร้งวดั สระเกศ” เป็นท่กี ล่าวขวัญกันไปท่วั

53 ภาพเกา่ เลา่ เร่ือง สมัยรชั กาลท่ี ๔ โรคได้ระบาดข้ึนอีกครัง้ เม่อื ปี พ.ศ. ๒๔๐๓ ซง่ึ ตรงกับการระบาดทัว่ โลกครงั้ ท่ี ๓ โดยเกดิ ข้นึ ทเี่ มอื งตากก่อน แลว้ ระบาดมาถงึ กรุงเทพฯ ซึ่งการระบาดครัง้ นไ้ี ม่รนุ แรง สมยั รชั กาลที่ ๕ เกิดการระบาดในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ตรงกับการระบาดท่ัวโลกครัง้ ท่ี ๔ การระบาดผ่านมาทาง มลายู เข้าสู่ไทย ท�ำให้รัชกาลท่ี ๕ โปรดให้มีการจัดการและป้องกันอหิวาตกโรคตามหลักวิชาการข้ึนเป็นครั้งแรก ดว้ ยการจดั ตง้ั กรมพยาบาลจดั การสขุ าภบิ าลและการประปาขนึ้ และเมอ่ื อหวิ าตกโรคระบาดหนกั ในปมี ะเสง็ พ.ศ. ๒๔๒๔ ทรงโปรดใหจ้ ดั ตง้ั โรงรกั ษาคนเจบ็ อหวิ าตกโรคขน้ึ ในกรงุ เทพฯ และจากการระบาดของอหวิ าตกโรคทม่ี ลี กั ษณะการระบาด มาจากทางภาคใต้ ทำ� ให้สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ขณะด�ำรงตำ� แหนง่ เสนาบดกี ระทรวง มหาดไทย ได้ทรงด�ำริให้ต้ังสถานกักโรคขึ้นตามเมืองท่าในปักษ์ใต้ และออกเป็นพระราชบัญญัติระงับโรคระบาด ที่หวั เมอื ง บงั คับให้ตัง้ ดา่ นตรวจโรคและชักธงเหลอื ง หากเมอื งใดเกิดโรคอหิวาตกโรคใหช้ กั ธงเหลืองขน้ึ ทปี่ ากอ่าวหรือ ทางร่วมเพือ่ ใหร้ าษฎรได้ทราบ หลังจากน้นั มา มกี ารระบาดใหญอ่ กี ๕ คร้งั ได้แก่ การระบาดคร้ังท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๔๖๑ - ๒๔๖๓) เกิดขึ้นท่ี จังหวัดตาก มาจากประเทศพม่า ลุกลามลงมาทางล่างตามล�ำน้�ำปิงและแม่น�้ำเจ้าพระยา มีการระบาดไปยังจังหวัด ใกล้เคียงทางเหนือถึงจังหวัดเชียงใหม่ ทางใต้ถึงจังหวัดปัตตานี ระนอง ทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงอุบลราชธาน ี ระบาดรวม ๕๑ จังหวัด มคี นตาย ๑๓,๙๑๘ คน การระบาดครัง้ ท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๔๖๘ - ๒๔๗๒) เกิดข้นึ ในท้องทอ่ี �ำเภอปอ้ มปราบและปทุมวนั แลว้ ระบาดไป ในพระนคร - ธนบุรี มีคนตาย ๑๔,๙๐๒ คน เกิดจากมีคนป่วยที่เดินทางมากับเรือที่มาจากประเทศจีนถูกกักตรวจ ท่ีด่านกักโรค และมีผู้โดยสารบางคนหนีข้ึนบกท�ำให้เกิดการระบาดข้ึน มีคนป่วยจ�ำนวนมากจนมีการตั้งโรงพยาบาล ส�ำหรับผู้ปว่ ยด้วยอหิวาตกโรคขึน้ ทว่ี งั เกา่ ของสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาชยั นาทนเรนทร โดยตงั้ ท่วี งเวียน ๒๒ กรกฎาคม หลังวัดเทพศิรินทร์และท่สี ขุ ศาลาบางรัก การระบาดครง้ั ที่ ๓ (พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๔๘๐) ครง้ั นเี้ กดิ ทอ่ี ำ� เภอวงั กะ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ระบาดมาจากประเทศ พม่า แพร่กระจายไปยงั จงั หวดั ตา่ ง ๆ ท่อี ยรู่ ิมแมน่ ้ำ� แมก่ ลอง ท่าจนี เช่น ราชบรุ ี สมุทรสงคราม สมทุ รสาคร เพชรบุรี แพร่เข้ามายงั พระนคร ธนบุรี และระบาดไปตามจงั หวัดตา่ ง ๆ ใน ๔๐ จังหวัด มคี นตาย ๑๐,๐๐๕ คน ท�ำใหม้ ีการเกณฑ์ นักศกึ ษาแพทยช์ ั้นปที ี่ ๓ และชัน้ ปที ่ี ๔ จากศิริราช มาชว่ ยฉดี วัคซนี ตามสถานรี ถไฟและท่าเรอื ตา่ ง ๆ การระบาดครง้ั ท่ี ๔ (พ.ศ. ๒๔๘๖ - ๒๔๙๐) เริม่ ท่กี ิง่ อำ� เภอสังขละบรุ ี จังหวัดกาญจนบุรี เกิดจากเชลยศึก พมา่ ทีท่ หารญ่ปี ุน่ เกณฑ์มาสร้างทางรถไฟสายมรณะจากบ้านโปง่ ผา่ นจังหวัดกาญจนบรุ เี พื่อเขา้ สปู่ ระเทศพมา่ ระบาด จากต้นแม่นำ้� แมก่ ลองไปตามจังหวดั ตา่ ง ๆ โดยทางน�้ำ ไดแ้ ก่ ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมทุ รสาคร และพระนคร ระบาดในทอ้ งท่ี ๕๐ จังหวดั มคี นตาย ๑๓,๐๓๖ คน การระบาดครงั้ ท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๐๒) เรม่ิ ในทอ้ งทีอ่ ำ� เภอราษฎร์บูรณะ ธนบรุ ี ระบาด ในจังหวดั ธนบรุ ี พระนครและจังหวัดอ่ืน ๆ ในภาคกลาง ท่ีมีเขตติดต่อกับธนบุรีเป็นล�ำดับ และเนื่องจากการคมนาคมท่ีสะดวกท�ำให้ โรคระบาดไปสู่ภาคใต้ถึงจังหวัดสุราษร์ธานี ภาคเหนือถึงจังหวัดตาก และบางจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม ๓๘ จังหวดั มีคนตาย ๒,๓๗๒ คน หลังจากการระบาดคร้งั นแี้ ล้ว อหิวาตกโรคไม่ไดส้ าบสูญไปจากไทย ยังคงพบ ผปู้ ว่ ยอยปู่ ระปราย และไทยไดม้ กี ารยกเลิกการรายงานโรคอหวิ าตกโรค ในปี ๒๕๓๒ โดยเปลี่ยนชอื่ เป็นโรคอจุ จาระ รว่ งอย่างแรง

เอกสารข่าวรฐั สภา 54 ไขท้ รพษิ หรอื ฝีดาษ ไข้ทรพิษหรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรงเกิดระบาดในไทยตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฏในพระราช พงศาวดารสมัยกรุงศรอี ยุธยาวา่ มีพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยสวรรคตดว้ ยฝดี าษ ๒ พระองค์ ไดแ้ ก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔ หนอ่ พทุ ธางกรู พระมหากษตั ริย์ ล�ำดับที่ ๑๑ ของกรงุ ศรีอยธุ ยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไขท้ รพิษ และเสด็จสวรรคต ในปี พ.ศ. ๒๐๗๖ และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไดป้ ระชวรทีเ่ มืองหาง (เมืองหา้ งหลวง ในรฐั ฉาน) เป็นฝลี ะลอกขน้ึ ทพี่ ระพักตร์กลายเป็นพิษ และสวรรคตเมอ่ื ๒๕ เมษายน ๒๑๔๘ ซ่งึ ตรงกับชว่ งศตวรรษที่ ๑๖ มกี ารระบาดครัง้ ใหญ ่ ท่ัวโลก และยังมีการระบาดในปี พ.ศ. ๒๒๙๒ สมัยสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ท�ำให้มีคนตายจ�ำนวนมาก รวมท้ัง ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ มกี ารระบาดของโรคฝดี าษเชน่ กนั จากบนั ทกึ ของหมอบรดั เลย์ ทร่ี ะบวุ า่ ในสมยั รชั กาลที่ ๓ มกี ารระบาดของ ฝีดาษอย่างหนัก ท�ำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบ�ำบัด โรคฝดี าษเป็นคร้งั แรกในไทยในวนั ท่ี ๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๓๗๙ โดยใชเ้ ชอ้ื หนองฝโี คทน่ี ำ� เขา้ มาจากอเมรกิ า และไดเ้ ขยี นตำ� รา ชอื่ “ตำ� ราปลกู ฝใี หก้ นั โรคธระพศิ มไ์ มใ่ หข้ นึ้ ได”้ ปรากฏมาจนถงึ ทกุ วันน้ี ในระยะ พ.ศ. ๒๔๖๐ – ๒๕๐๔ ยงั มกี ารระบาดของฝดี าษเกดิ ข้ึนทกุ ปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ – ๒๔๘๙ ชว่ งการเกดิ สงครามมกี ารระบาดของฝดี าษครง้ั ใหญส ดุ เรมิ่ ตน้ จากเชลยพมา่ ทท่ี หารญป่ี นุ่ จบั มาสร้ างทางรถไฟสายมรณะ ขา้ มแม่นํ้าแคว ป่ว ยเปน็ ไขท้ รพษิ และแพรไ่ ปยังกลมุ่ กรรมกรไทยจากภาคต่าง ๆ ท่ีมารบั จา้ งทํางานในแถบน้นั เมือ่ แยกย้าย กนั กลบั บ้ าน ได้นําโรคกลับไปแพรร่ ะบาดใหญท่ วั่ ประเทศ มผี ปู้ ว่ ยมากถึง ๖๒,๘๓๗ คน และเสยี ชีวติ ๑๕,๖๒๑ คน การระบาดเกิดข้ึนอีกคร้ังในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ท�ำให้มีผู้ป่วย ๑,๕๔๘ คน ตาย ๒๗๒ คน และการระบาด ครั้งสุดท้ายมกี ารบันทกึ ไวว้ ่าเกดิ ข้ึนในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชยี งราย มผี ู้ปว่ ย ๓๔ ราย ตาย ๕ ราย โดยรบั เชอ้ื มาจากรฐั เชยี งตงุ ของพมา่ ทำ� ใหก้ ระทรวงสาธารณสขุ เรมิ่ โครงการกวาดลา้ งไขท้ รพษิ หรอื ฝดี าษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปี พ.ศ. ๒๕๒๓ องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุด การปลกู ฝปี ้องกันโรค และนับแตน่ ัน้ มาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกดิ ขึ้นในประเทศไทย ขอ้ มลู :- ไทยโพสต์ “ยอ้ นอดีต Great Mortality โรคระบาดจากจีนสูย่ ุโรป ๒๕ ลา้ นคนตอ้ งตาย” สบื คน้ เม่ือ วนั ท่ี ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๓ จาก https://www.thaipost.net/main/detail/56164 Hfocus เจอะลึกระบบสขุ ภาพ “กำ� เนดิ และส้นิ สดุ โรคระบาดรา้ ยแรงในอดตี ตอนท่ี ๑ กาฬโรค” https://www.hfocus. org/content/2014/08/7906 Hfocus เจอะลึกระบบสขุ ภาพ “ประวตั ิศาสตร์การระบาดของโรคร้ายแรงในสยาม (ตอนท่ี ๑) กาฬโรคและอหวิ าตกโรค” สืบคน้ เมือ่ วันท่ี ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๓ จาก https://www.hfocus.org/content/2020/03/18680 Hfocus เจอะลึกระบบสขุ ภาพ “โรคระบาดร้ายแรงในอดตี ตอนท่ี ๒ อหิวาตกโรค” สบื คน้ เมือ่ วันท่ี ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๓ จาก https://www.hfocus.org/content/2014/08/7944

55 เรอ่ื งน่ารู้ รู้เรือ่ งน่า ขา่ วปลอม Fake News ข่าวจรงิ Fact News ขา่ วปลอม Fake News ขา่ วจรงิ Fact News ขา่ วปลอม Fake Newsข่าวจรงิ Fact News ยุคดิจทิ ลั กบั การรู้เท่าทันขา่ วปลอม (Fake News) ขา่ วปลอม หรอื Fake News คอื ขา่ วหรอื ขอ้ มลู ทนี่ ำ� ไปสคู่ วามเขา้ ใจผดิ และไมต่ งั้ อยบู่ นพนื้ ฐานของความจรงิ โดยขา่ วปลอม เป็นการจงใจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดและหวังผลประโยชน์จากความเข้าใจผิดนั้น ซ่ึงผู้ท่ีขาดทักษะในการจ�ำแนกข้อเท็จจริง จึงมีโอกาส ถกู ยั่วยใุ ห้หลงเช่ือขา่ วปลอมได้โดยงา่ ย ปจั จบุ นั ขา่ วปลอม หรอื Fake News ถกู สรา้ งโดยใครกไ็ ดท้ สี่ ามารถเขา้ ถงึ อนิ เทอรเ์ นต็ เนอื่ งจากเทคโนโลยี ปจั จบุ นั ทำ� ใหก้ ารสรา้ งขา่ วทดี่ เู หมอื นจรงิ ทำ� ไดง้ า่ ยขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ การตดั ตอ่ ภาพ ทำ� วดิ โี อ หรอื แพลตฟอรม์ ทด่ี เู หมอื น ข่าวจริง ๆ และข่าวเหล่านี้ไม่จ�ำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้อง ยิ่งไปกว่าน้ัน ความไม่มีตัวตนของ สื่อออนไลน์ท�ำให้คนเหล่าน้ีปกปิดตัวตนท่ีแท้จริงได้ และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ยังท�ำให้ข่าวปลอมง่ายต่อการเข้าถึง และแพรส่ ะพดั ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และเปน็ วงกวา้ ง เรอื่ งทส่ี ำ� คญั ไมน่ อ้ ยไปกวา่ ใครเปน็ คนสรา้ งขา่ ว คอื แรงจงู ใจของพวกเขา การสร้างข่าวปลอมของนักสร้างข่าว เกิดจากเหตุผลและแรงจูงใจได้มากมาย เช่น ความเกลียดชัง ความคับแค้นใจ การใส่ร้ายคู่แขง่

เอกสารขา่ วรัฐสภา 56 ในยุคดิจิทัลข่าวปลอม หรือ Fake News ไม่ได้มาแค่รูปแบบของตัวหนังสือ เล่าเรื่องราวข่าวสาร เทา่ น้ัน แต่ก็ยังมาในรปู แบบวดิ ีโอ หรือ Fake Video โดย ระยะหลังเริ่มมีขบวนการปลอมแปลงคลิปวิดีโอท่ีใช้ AI หรอื ปญั ญาประดษิ ฐ์ สรา้ งตวั ตนคนมชี อ่ื เสยี ง ทม่ี ใี บหนา้ คล้ายตวั จรงิ จนแยกแทบไมอ่ อก รวมถงึ ใหส้ ามารถขยบั ร่างกายและพูดได้เหมือนตัวจริงมาก ท้ังที่คนมีช่ือเสียง เหล่านั้นไม่เคยพดู ประโยคนั้นเลย ดงั นน้ั ทกุ คนจงึ ควรมที กั ษะในการรเู้ ทา่ ทนั ขา่ ว มวี จิ ารณญาณแยกแยะไดว้ า่ ขา่ วใดเปน็ ขา่ วปลอม มที กั ษะ ในการวิเคราะห์และตรวจสอบเพ่ือท่ีจะได้ข้อมูลท่ีถูกต้องในการแสดงความคิดเห็น รู้จักประเมิน และเลือกใช้ข้อมูลได้ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ เพอ่ื สรา้ งการเปลย่ี นแปลงใหเ้ กดิ สงั คมทผี่ คู้ นแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสารและแสดงความคดิ เหน็ บน ขอ้ เท็จจริงและเหตผุ ล การรเู้ ทา่ ทนั ขา่ ว จงึ เปน็ ทกั ษะในการคดิ วเิ คราะหข์ า่ วสารเพอ่ื ทจี่ ะตรวจสอบและประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขา่ วสารและขอ้ มลู รเู้ ทา่ ทนั วา่ ขา่ วสารนนั้ นา่ เชอ่ื ถอื หรอื ไม่ รวู้ า่ ขา่ วนนั้ เขยี นขน้ึ ดว้ ยจดุ ประสงคอ์ ะไร รจู้ กั การแยกแยะ ข้อเท็จจรงิ ออกจากความคิดเห็นและการชนี้ �ำของผู้สรา้ งและเขยี นขา่ ว ไมใ่ ช้อคติในการรับข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้จู ักการตรวจสอบข่าวปลอมทม่ี ักเผยแพร่ทางสือ่ อินเทอรเ์ นต็ เพอ่ื จะไม่ตกเปน็ เหยื่อของผู้ไมห่ วงั ดี รปู แบบเนอ้ื หาของข่าวปลอม เนอ้ื หาล้อเลียนเสยี ดสี ข่าวล้อเลยี น ไมไ่ ด้มเี จตนาในการสร้างความเขา้ ใจผิดหรือตอ้ งการใหผ้ อู้ า่ นหลงเชอ่ื แตต่ อ้ งการลอ้ เลยี น หรอื ทำ� ใหข้ บขนั มกั เปน็ การลอ้ เลยี นเหตกุ ารณบ์ า้ นเมอื งในปจั จบุ นั หรอื ลอ้ เลยี นคนมชี อ่ื เสยี ง โดย มกั มกี ารจัดหน้าเลียนแบบหรอื รปู แบบใหเ้ หมือนข่าวจริง จนบางคร้งั ผอู้ า่ นอาจหลงเช่ือวา่ เป็นขา่ วจรงิ ได้ ขา่ วประเภท น้ีมรี ะดับความรนุ แรงน้อยทสี่ ดุ เน้ือหาไม่ตรงพาดหัว เรียกอีกอย่างว่า พาดหัวย่ัวให้คลิก (Clickbait) คือ ข่าวมีการเช่ือมโยงเนื้อหาท่ีผิด พาดหัวข่าว รูปภาพ หรือค�ำบรรยาย ไม่ได้เชื่อมโยงกับเน้ือหาข่าวจริง ๆ เป็นการโยงสองส่ิงไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แตถ่ กู นำ� มากลา่ วถงึ ในขา่ วเดยี วกนั หรอื ทำ� ใหม้ าเชอื่ มโยงกนั โดยพาดหวั มกั จะเปน็ การเรา้ อารมณด์ งึ ดดู ใหค้ นเขา้ มาอา่ น เนื่องจากปัจจุบัน ผ้อู า่ นมักจะมีชว่ งความสนใจท่ีสนั้ ลง จงึ ท�ำใหส้ ำ� นักข่าวออนไลน์ เน้นพาดหัวข่าวใหห้ วือหวา หรอื ใช้ รูปท่ีไมไ่ ดเ้ กย่ี วขอ้ งโดยตรง กบั ขา่ วเพ่อื ดึงความสนใจใหค้ นกดเข้ามาอา่ น เนอื้ หาชนี้ ำ� เปน็ ขา่ วทม่ี เี นอ้ื หาขอ้ เทจ็ จรงิ แตจ่ งใจบดิ เบอื นเรอ่ื งราวหรอื ใสร่ า้ ยผอู้ น่ื ใหเ้ ขา้ ใจผดิ โดยการชนี้ ำ� ไปในทางใดทางหนึ่ง เป็นการเขียนข่าวโดยใช้อคติของผู้เขียน เช่น ข่าวรัฐบาลปลดล็อกกัญชาเสรีท่ีข่าวเจตนาชี้น�ำให้ คนอา่ นเขา้ ใจผดิ ว่ารฐั บาลจะท�ำให้การเสพกญั ชาถูกกฎหมาย ท้งั ท่ใี นความจรงิ เป็นการเปดิ โอกาสใหส้ ามารถน�ำกัญชา ไปใชป้ ระโยชน์ทางการแพทย์ เนื้อหาที่ผิดบริบท เป็นข่าวท่ีมีเน้ือหาข้อมูลจริงแต่น�ำบริบทอ่ืนที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหานั้นมาเชื่อมโยงท�ำให้ คนตคี วามผดิ เชน่ เนื้อหาของข่าวเป็นเรือ่ งจริงแต่น�ำภาพประกอบจากแหล่งอื่นมาประกอบ

57 เรื่องน่ารู้ เนอ้ื หาแอบอา้ ง คอื ขา่ วทมี่ กี ารแอบอา้ งบคุ คล แหลง่ ขอ้ มลู หรอื แหลง่ ขา่ วทไ่ี มจ่ รงิ หรอื อา้ งตวั เปน็ แหลง่ ขา่ ว ที่น่าเช่ือถือ ข่าวปลอมประเภทน้ีมักเป็นข่าวออนไลน์ที่สร้างรูปแบบให้เหมือนส�ำนักข่าวจริง ๆ หรือแอบอ้างชื่อ สำ� นกั ข่าวทีม่ ชี อ่ื เสียง ซงึ่ ท�ำความสบั สนใหผ้ อู้ า่ นอย่างมาก เนอ้ื หาหลอกลวง คอื ขา่ วตดั ตอ่ หรอื ขา่ วทมี่ เี นอื้ หาขอ้ มลู หรอื ภาพขา่ วจรงิ ๆ แตถ่ กู ดดั แปลงดว้ ยการปลอม หรอื ตดั ตอ่ เพ่ือสร้างเรื่องหลอกลวง วธิ กี ารสงั เกตขา่ วปลอม หรือ Fake News สงั เกตหวั ข้อข่าว ซง่ึ ขา่ วปลอมมักจะมพี าดหวั ข่าวทส่ี ะดุดตา หวอื หวา ดไู ม่นา่ เปน็ ไปได้ และมกั จะใชอ้ ักษร ตวั หนา สังเกตลงิ ก์ขา่ ว มักจะเปน็ ลิงก์ขา่ วทใี่ ช้ URL คลา้ ยกบั ของสำ� นกั ข่าว จนบางทแี ทบแยกไม่ออก อาจปรับ เปลี่ยนเล็กน้อยและเลยี นแบบแหลง่ ขา่ วจรงิ สงั เกตช่ือแหลง่ ข่าว วา่ มคี วามน่าเชือ่ ถือหรอื ไม่ หรอื เปน็ ทีร่ จู้ ักหรอื ไม่ สงั เกตสิง่ ผิดปกติอืน่ ๆ เนือ่ งจากเว็บไซต์ขา่ วปลอมมกั สะกดค�ำผดิ หรือวางเลย์เอาทไ์ มเ่ ป็นมืออาชีพ สังเกตรูปภาพหรอื วดิ โี อในขา่ ว มกั บดิ เบอื นจากขา่ วจรงิ หรือไมเ่ ก่ยี วข้องกบั กับเรื่องน้ัน ๆ เลย สงั เกตวนั ท่ี ล�ำดบั เหตกุ ารณ์ต่างๆ ว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ หรอื เปน็ การน�ำข่าวเกา่ แล้วมาเปล่ียนวนั ท่ี ใหม่หรอื ไม่ สังเกตแหล่งข้อมูลที่มาในขา่ ว เช่น แหลง่ ข่าวน่าเช่ือถือหรือไม่ สงั เกตจากบริบทของเนื้อหา เนื่องจากขา่ วปลอมบางครง้ั อาจมาในรปู แบบของการลอ้ เลยี น เสียดสี หรอื ตลก ขบขนั

เอกสารขา่ วรัฐสภา 58 เพอื่ เปน็ การตรวจสอบและการปอ้ งกนั ปญั หาทเ่ี กดิ จากขา่ วปลอม กระทรวงดจิ ทิ ลั เพอ่ื เศรษฐกจิ และสงั คม จงึ จดั ตง้ั ศนู ยต์ อ่ ตา้ นขา่ วปลอม (Anti-Fake News Center) พรอ้ มกบั ศนู ยป์ ราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศ ซ่ึงเปน็ ความร่วมมอื ระหว่างกระทรวงดจิ ทิ ัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม กบั สำ� นักงานตำ� รวจแหง่ ชาติ (สตช.) ณ บรษิ ัท ทโี อที จำ� กดั (มหาชน) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) มีหน้าท่หี ลัก คอื การตดิ ตาม ตรวจสอบ ขอ้ มลู ที่เผยแพร่บนส่ือสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ต พรอ้ มทงั้ วเิ คราะหแ์ นวโนม้ และบง่ ชขี้ อ้ มลู ทเ่ี ปน็ ขา่ วปลอม ประสานหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เพอื่ ตรวจสอบขอ้ มลู ผลติ ข้อมูลที่ถูกต้อง อีกท้ังจัดส่งข้อมูลต่อหน่วยงานที่เป็น เจา้ ของเรอ่ื งประกอบการด�ำเนนิ การตามอ�ำนาจ หน้าที่ และขอ้ สำ� คญั ขนั้ ตอนการเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารทถ่ี กู ตอ้ ง ตอ่ ประชาชน และสาธารณชน จะผา่ นกลไกภาคสอ่ื สารมวลชน เชน่ ส�ำนักขา่ วไทย สมาคมนักข่าว หรอื สอื่ หนว่ ยงานอนื่ ๆ เครอื ขา่ ยภาครฐั ภาคเอกชน และภาคประชาชน เปน็ ตน้ อกี บทบาทสำ� คญั ของการจดั ตง้ั ศนู ยต์ อ่ ตา้ น ข่าวปลอม คือ ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ สร้างจิตส�ำนึก รอบรู้เท่าทัน เพื่อให้ประชาชนสามารถ ปกปอ้ งตนเองจากปญั หาขา่ วปลอม ตลอดจนใหข้ อ้ เสนอ แนะเกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องมือระบบตรวจสอบข่าว ปลอม ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ กลนั่ กรอง ตรวจสอบ หรอื กำ� จดั ข่าวปลอม เน้นว่าเป็นข่าวที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ ประชาชนในวงกว้าง และจะมีการสร้างการรับรู้ ความเขา้ ใจในขา่ วทถ่ี กู ตอ้ ง เพอ่ื ประชาชนทกุ คนใหเ้ ขา้ ใจ และรู้เท่าทันว่าข่าวไหนปลอมข่าวไหนจริง ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ จะใช้กลไกการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมที่กระทบต่อ ความปลอดภัยในชีวติ และทรพั ย์สนิ ประชาชน ท่ีจะมีคณะผู้ทรงคณุ วฒุ ิ และนักวชิ าการ สอ่ื มวลชน ทำ� หน้าที่ วางแผน ก�ำกับ การดำ� เนินงาน และแผนการเผยแพรต่ ามขัน้ ตอนการพิจารณาขา่ วปลอม การวิเคราะห์ขอ้ มลู ข่าวสารออนไลน์ ข่าวที่เป็นกระแสโลกโซเชียลอยา่ งรเู้ ท่าทนั ของภาครฐั โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาข่าวปลอมท่ีมีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง เน้นย�้ำว่าข่าวปลอมท่ีมี ผลกระทบตอ่ สงั คมในวงกวา้ งสง่ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ตอ่ ประชาชนโดยตรง เชน่ โรคระบาด ภยั พบิ ตั ิ เศรษฐกจิ สง่ิ แวดลอ้ ม ขา่ วทสี่ รา้ งความแตกแยกในสงั คม ขา่ วทสี่ รา้ งความเขา้ ใจผดิ ตอ่ สงั คมตลอดจนขา่ วทท่ี ำ� ลายภาพลกั ษณต์ อ่ ประเทศ นอกจากนน้ั ผทู้ ผ่ี ลติ ขา่ วเท็จ บดิ เบือน และนำ� เผยแพรบ่ นส่อื ดจิ ทิ ัลยังเขา้ ขา่ ยความผดิ ตาม พ.ร.บ. วา่ ดว้ ย การกระทำ� ความผดิ เกยี่ วกบั คอมพวิ เตอรฯ์ มาตรา ๑๔ คอื การนำ� ขอ้ ความเทจ็ เขา้ ระบบคอมพวิ เตอร์ อนั กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย สรา้ งความตื่นตระหนก กระทบตอ่ สงั คม มีโทษจำ� คกุ ไม่เกิน ๕ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ ๑ แสนบาท หรือทง้ั

59 เรอ่ื งน่ารู้ จ�ำท้ังปรับ ส่วนผู้ส่งต่อข้อมูลเท็จนั้นโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลเท็จ ก็ถือว่ามีความผิดเท่ากับผู้กระท�ำผิดข้างต้นและมี อัตราโทษเช่นเดียวกัน ทั้งนี้หากข้อมูลนั้นท�ำให้บุคคล องค์กร หน่วยงาน เส่ือมเสียช่ือเสียง หรือถูกดูหม่ินเกลียดชัง ก็ยงั อาจจะไดร้ บั โทษในความผดิ ฐานหมิน่ ประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๖ มโี ทษจ�ำคกุ ไม่เกิน ๑ ปี หรือปรบั ไมเ่ กิน ๒ หมื่นบาท หรือทงั้ จ�ำท้งั ปรับดว้ ย ทั้งน้ี ประชาชนเม่ือเกิดข้อสงสัยหรือ ไมม่ น่ั ใจในขา่ วสารทไ่ี ดร้ บั สามารถตรวจสอบและสอบถาม ขา่ วปลอมไดท้ นั ทที เี่ วบ็ ไซต์ www.antifakenewscenter.com ซ่ึงเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบข่าวสาร หรือข้อมูล อันเป็นเท็จ ข้อมูลหรือข่าวที่มีการตัดต่อข้อมูล เนื้อหา การน�ำเสนอข้อมูลข่าวสารโดยปราศจากข้อเท็จจริง www.antifakenewscenter.com ซึ่งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมน้ีสามารถชี้แจงและน�ำเสนอข้อเท็จจริงท่ีถูกต้องได้ และพร้อมท่ีจะสนับสนุนการด�ำเนินงาน รว่ มกับหนว่ ยงานรฐั ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สมาคม เครอื ขา่ ยตา่ ง ๆ และภาคประชาชน ให้เกดิ ประสทิ ธิภาพ สูงสดุ ทมี่ า Rainmaker. ร้จู ักกบั Fake News. สบื คน้ เมอื่ วนั ท่ี ๑๖ มนี าคม ๒๕๖๓. จาก https://www.rainmaker.in.th/7-type-of- fake-news/ กรงุ เทพธุรกิจ. เปิดวิธปี ้องกันขา่ วปลอม. สืบค้นเม่อื วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓. จาก https://www.bangkokbiznews .com/news/detail/861198 สถาบนั สอื่ เดก็ และเยาวชน. รเู้ ทา่ ทนั ขา่ ว. สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ มนี าคม ๒๕๖๓. จาก http://cclickthailand.com/contents/ general สำ� นักขา่ วอิศรา. เปดิ แล้ว! ศนู ยต์ อ่ ต้านข่าวปลอม ปชช. เชค็ ไดภ้ ายใน ๒ ชม. สบื ค้นเมอ่ื วันท่ี ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓. จาก https://www.isranews.org/isranews-news/82090-fake-news-82090.html สำ� นกั งานพฒั นาธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส.์ Fake News ลวงใหเ้ ชอื่ หลอกใหแ้ ชร.์ สบื คน้ เมอื่ วนั ที่ ๒๐ มนี าคม ๒๕๖๓. จาก https://www.etda.or.th/content/living-in-the-fake-news-era.html

เอกสารขา่ วรฐั สภา 60




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook