Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore IS M52

IS M52

Published by honkgid, 2021-10-05 12:05:11

Description: IS

Search

Read the Text Version

1 โครงงาน เร่อื ง การศกึ ษาการทำผลิตภณั ฑ์จากกระดาษกลว้ ย ผจู้ ดั ทำ นายนทั ธพงค์ คนั ทมูล เลขท่ี 2 นายณรงคฤ์ ทธิ์ ทัณฑะรกั ษ์ เลขท่ี 13 นายปิยชนน์ มีสา เลขท่ี 23 นายเตชนิ ท์ ภจู รัส เลขที่ 37 นายพชั รพล พงคส์ ภุ า เลขท่ี 38 ชั้นมธั ยมศกึ ษาชนั้ ปีที่ 5/2 เสนอ ครู ดำรงค์ คนั ธะเรศย์ โครงงานนีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของรายวชิ าการศึกษาคน้ คว้าและสรา้ งองค์ความรู้ I30201 โรงเรียนปัว อำเภอปัว จังหวดั น่าน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564

2 ผูจ้ ัดทำ นายนายนัทธพงค์ คันทมูล นายณรงค์ฤทธ์ิ ทณั ฑะรักษ์ นายปิยชนน์ มีสา นายเตชนิ ท์ ภูจรัส นายพชั รพล พงค์สุภา อาจารย์ท่ีปรกึ ษา ครูดำรง คันธะเรศย์ ปกี ารศึกษา 2564 บทคดั ยอ่ โครงงานวทิ ยาศาสตรเ์ ร่ืองการศึกษาประสิทธิภาพความเหนียวของเน้ือเย่อื กระดาษกลว้ ย มจี ดุ ประสงค์ เพอ่ื 1) ศึกษาการทำกระดาษจากกาบกล้วย 2) เพื่อศึกษาการปรบั ปรุงคุณภาพของกระดาษดว้ ยแปง้ มนั ต่อความ เหนยี วและสวยงาม 3) ศึกษาการย้อมสีกระดาษจากกาบกลว้ ยด้วยสธี รรมชาตแิ ละสเี คมี โดยมวี ิธีการศึกษาคือ การทำให้เยื่อจากกาบกลว้ ยเปือ่ ยย่ยุ ด้วยการต้มกาบกล้วยดว้ ยสาร ละลายโซเดียมไฮดรอกไซดเ์ ข้มข้น 20% โดยนำ้ หนกั การฟอกเย่ือให้ขาวดว้ ยการแชเ่ ย่ือในไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ เข้มขน้ 20% ศกึ ษาความเหนียวและความสวยงามของเย่ือกระดาษด้วยการเตมิ และไม่เติมแป้งและศึกษาการยอ้ ม เย่ือกล้วยแบบไมใ่ ช้สารช่วยย้อมกับการใช้สารช่วยย้อม สำหรับสีเคมีใช้จุนสเี ปน็ สารชว่ ยย้อม สธี รรมชาติใชเ้ กลือ เปน็ สารชว่ ยย้อม ผลการศกึ ษาพบว่ากระดาษจากเย่ือกาบกลว้ ยทผี่ สมแปง้ มนั จะมคี วามเหนียวหนาเนอ้ื เนยี น สม่ำเสมอ และฉีกขาดไดย้ ากกวา่ ทไี่ ม่ผสมแป้งมัน เย่ือกระดาษขนาด 60 กรมั เน้ือกระดาษไม่หนามาก และพับงอ ไดง้ า่ ยกว่าเย่ือกระดาษขนาด 80 กรมั การย้อมสเี คมีพบว่าการเตมิ จนุ สีในสเี คมเี น้อื กระดาษจะมสี เี ข้มและสจี ะติด ได้มากกว่าแบบไมเ่ ติมจุนสี ส่วนการยอ้ มสีธรรมชาตพิ บวา่ การเติมเกลือในสธี รรมชาติ สจี ะตดิ ดีกว่าและเขม้ กว่า การไม่เตมิ เกลือ

สารบญั 3 เร่ือง หน้า บทคัดย่อ 2 สารบญั 3 บทท่ี 1 บทนำ 4 วัตถุประสงค์ของการทำโครงงาน 5 ขอบเขตการศึกษา 5 บทท่ี 2 เอกสารทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 6-9 บทท่ี 3 วิธกี ารดำเนนิ การ 10-12 บทท่ี 4 ผลการศึกษา 13-14 บทที่ 5 สรปุ ผลการศึกษา 15 เอกสารอา้ งอิง 16

4 บทที่ 1 บทนำ ทม่ี าและความสำคัญ กล้วยมคี วามผกู พนั ในวิถีชีวิตคนไทยมาชา้ นาน คนไทยรจู้ ักใช้ประโยชน์จากต้นกล้วยในทุกๆสว่ นมาต้ังแต่ ในสมัยโบราณ เชน่ นำก้านกล้วยมาทำม้าก้านกลว้ ยให้เด็กข่ีเลน่ นำใบตองมาหอ่ อาหาร ใชร้ ักษาผิวหนังท่แี ดงปวด เนื่องจากถกู แดดเผา นำกาบกลว้ ยทำเสน้ ใยหรือทำเชือกทอผ้า และทำอาหารสตั ว์ กล้วยยังนำมาใช้ในพธิ ีกรรม ต่างๆ รวมทั้งในชีวติ ประจำวันดว้ ย กล้วยเปน็ ผลไมท้ ีม่ เี ปลอื กหุ้มเช่นเดยี วกับผลไมอ้ ื่นๆ แตว่ ธิ ีการปอกเปลือก กลว้ ยนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ เพียงใช้มอื เดด็ ปลายหรือจุก กส็ ามารถปอกเปลือกได้ด้วยมือและรบั ประทาน ได้ทันที จงึ เปน็ ผลไมท้ ร่ี ับประทานงา่ ย ดังคำโบราณว่า \"งา่ ยเหมือนปอกกล้วยเขา้ ปาก\" สว่ นของตน้ กล้วยท่ีนำมาใช้ประโยชน์เปน็ ประจำสว่ นใหญจ่ ะเกีย่ วข้องกับการบรโิ ภคได้แก่ ผลกล้วย ใบตอง ปลกี ล้วย แตใ่ นส่วนของตน้ กลว้ ยเราใช้ในพิธีกรรมต่างๆเชน่ พธิ ีการแห่ขนั หมากของไทยงานแกะสลกั หยวก กล้วยให้สวยงามใช้ประกอบในงานพิธี นอกจากน้ีก็มีการตัดเปน็ ชน้ิ สำหรับเปน็ ฐานกระทง นำตน้ มาตากแห้งเปน็ เชอื กกล้วย นำมาทำอาหารสัตว์ จนนำมาทำเป็นปยุ๋ ในท้ายท่ีสดุ เพือ่ เปน็ การใชท้ รัพยากรให้คมุ้ ค่าจึงนำเอาส่วน กาบกล้วยมาศึกษาวิจยั เป็นโครงงานกระดาษจากกาบกล้วย เนือ่ งด้วยกล้วยเปน็ พืชอายุสนั้ ออกผลคร้ังเดยี วแล้ว ต้นกจ็ ะตายไป หลังจากเก็บผลผลติ แลว้ จึงเหลือส่วนลำตน้ เปน็ จำนวนมากเกินความต้องการใชง้ าน จากขอ้ มลู ใน ปี พ.ศ. 2556 พบวา่ มปี รมิ าณและมลู คา่ การส่งออกกล้วยสดของไทย มีปริมาณรวม 18,478 ตนั มูลค่ารวม 584 ลา้ นบาท สามารถบง่ ชี้ถึงปริมาณต้นกล้วยจำนวนมากท่ีถูกท้ิงไปอย่างน่าเสียดาย หากนำส่วนลำตน้ กลว้ ยมา ศกึ ษาพฒั นาคุณภาพเปน็ ผลิตภณั ฑ์กระดาษจากกาบกลว้ ยจะเปน็ การสง่ เสริมให้ใชท้ รพั ยากรอยา่ งคมุ้ ค่าโดยเพิ่ม มลู คา่ กาบกลว้ ยใหม้ ีประโยชน์ใช้สอยเช่นเดียวกับกระดาษสา สามารถนำมาห่อของขวัญ ทำงานประดษิ ฐ์ สำหรับกระดาษทำมือที่รู้จักกันดีและขายกนั แพรห่ ลายในประเทศไทยคือกระดาษสาทำมาจากเปลอื ก สา ซึง่ เปน็ ภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรมของภาคเหนือ ในสมัยโบราณทำกระดาษสาเพ่ือนำมาใช้ทำรม่ กระดาษ และ กระดาษว่าว ต่อมาได้รับความนิยมจงึ ไดร้ บั การพฒั นาคุณภาพใหด้ ีขนึ้ และไดพ้ ัฒนาเทคโนโลยีในการผลติ จน สามารถสง่ ขายในประเทศและต่างประเทศงานกระดาษทำมือ มเี สน่หใ์ นช้นิ งานเป็นทน่ี ิยมอยา่ งมากใน ปจั จุบัน ในภาคกลางทม่ี ีตน้ กล้วยอยู่เปน็ จำนวนมากหากสามารถนำกาบกลว้ ยมาพฒั นาเปน็ กระดาษกาบกลว้ ยที่ มคี ณุ ภาพและมคี วามสวยงาม และสร้างความมีเอกลักษณข์ องกระดาษทอ้ งถิ่นโดยพัฒนาเป็นของใช้ ของท่ี ระลึกทส่ี อดคล้องกับความโดดเด่นในแตล่ ะจังหวดั กจ็ ะทำใหก้ ระดาษกาบกล้วยเป็นท่ตี อ้ งการของตลาดในทส่ี ดุ และ อาจเป็นแนวทางในการพฒั นาอาชีพให้กบั ชุมชนท้องถ่นิ ได้

5 วตั ถปุ ระสงคข์ องการทำโครงงาน 1.เพ่อื ศกึ ษาการทำถุงกระดาษจากกาบกลว้ ย 2.เพอ่ื ทดสอบคุณภาพของถุงกระดาษทท่ี ำจากกาบกล้วยที่ผลติ ได้ ในดา้ นความเหนยี ว น้ำหนกั ของ กระดาษ ความทึบแสงของกระดาษ ความสามารถในการซมึ นำ้ ของกระดาษ 3.เพื่อศกึ ษาและลดอตั ราการเกิดภาวะโลกร้อน จากถุงพลาสตกิ ขอบเขตการศกึ ษา 1.ดา้ นเน้อื หา 1.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา การนำกาบกล้วยมาผลิตเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ ถุงกระดาษจากกาบกล้วย เพอ่ื ใชใ้ นการใส่ส่ิงของเครอ่ื งใช้ อปุ กรณ์ การเรยี น เพ่ือเปน็ การประหยัดค่าใช้จ่าย และลดมลภาวะสิ่งแวดลอ้ ม สว่ นของกลว้ ยทน่ี ำมาใชใ้ นกระบวนการทำกระดาษ คือสว่ นกาบกลว้ ย 1.2 ขอบเขตด้านพ้นื ท่ี โรงเรยี นปัว อำเภอปวั จังหวัดน่าน 1.3 ขอบเขตด้านเวลา 17 กรกฏาคม 2564 ถึง 17 ตุลาคม 2564 1.4 ขอบเขตด้านประชากร

6 บทที่ 2 เอกสารทเี่ กย่ี วขอ้ ง วิธกี ารทำกระดาษ กระบวนการผลติ กระดาษ ขนั้ ตอน การทำเยื่อกระดาษ ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการผลติ กระดาษไดน้ ้ัน จะขาดวตั ถุดิบหลักอย่าง “เยื่อกระดาษ” ไมไ่ ด้เลย ซึง่ สามารถพบได้ ในต้นไม้ โดยส่วนใหญ่ท่ีนำมาใชผ้ ลิตกระดาษจะมีอายปุ ระมาณ 3-5 ปี โดยจะถูกตัดเปน็ ทอ่ นหรือมีลกั ษณะคลา้ ย ซงุ แลว้ นำมาเขา้ กระบวนการผลติ ต่อไป โดยในอดตี ต้นไม้ที่นำมาผลิตกระดาษมักจะถกู ตัดมาจากในป่า แต่ใน ปัจจุบนั ตน้ ไม้ทนี่ ยิ มนำใชจ้ ะเป็นตน้ กระดาษท่ีเกษตรกรปลูกไว้ตามคนั นาแทน โดยหลังจากตัดต้นไมเ้ หล่านั้น มาแล้ว กจ็ ะนำมากะเทาะเปลือก เพ่ือนำไปผลิตเป็นเยอ่ื กระดาษต่อไป โดยสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้ 1.เยอื่ กระดาษเชงิ กลหรอื เยอื่ บด เปน็ เยื่อทผ่ี ลติ โดยใชพ้ ลงั งานกล โดยนำช้ินไม้ไปบดด้วยหนิ บดหรือจานบด เย่ือท่ไี ด้จะมลี ักษณะไม่สมบูรณ์ ส้ันและ ขาดเป็นท่อน ทำให้กระดาษที่ได้มาไมแ่ ขง็ แรง อีกท้ังยงั มีสารลิกนินคงเหลอื อยู่ซ่งึ เปน็ สารทท่ี ำให้กระดาษ เปลยี่ นเป็นสีเหลืองเม่ือไดร้ ับแสง กระดาษที่ได้จากกรรมวิธีนีม้ คี วามทบึ สงู ดูดความชืน้ ไดด้ ี มรี าคาถูก แต่ไม่ แขง็ แรงและดูเก่าเรว็ มกั จะนำไปใชท้ ำสิง่ พิมพป์ ระเภทหนังสือพิมพ์ เพ่ือพฒั นาเยอื่ บดให้ดขี น้ึ ได้มีการนำชน้ิ ไม้ไป อบด้วยความร้อนก่อนนำไปบด เพอื่ ใหเ้ ยื่อไมก้ ับลิกนินแยกออกจากกนั ได้ง่าย คุณภาพกระดาษทไ่ี ด้ก็จะดีขนึ้ เยอ่ื ทนี่ ำมาใช้ เช่น ตน้ อ้อ ตน้ ไผ่ ต้นหม่อน ตน้ ข่อย ต้นสา เปน็ ต้น 2.เยอื่ กระดาษเคมี เปน็ เยอ่ื ที่ผลติ โดยใช้สารเคมีและความรอ้ นในการแยกเย่ือและขจัดลิกนิน เย่ือกระดาษทีไ่ ดจ้ ากวธิ กี ารนม้ี ีความ สมบรู ณก์ วา่ เย่อื บด แต่ไดผ้ ลผลติ ทต่ี ำ่ กวา่ ราคาก็สูงกวา่ เยื่อเคมีทไ่ี ดจ้ ากการใช้สารซัลเฟต ซ่ึงเรยี กวา่ เยอ่ื ซลั เฟต จะเปน็ เยอื่ ท่ีเหนียวมสี ีคลำ้ อมน้ำตาล มกั จะนำไปใชท้ ำกระดาษเหนยี ว สำหรบั ทำถุงและบรรจุภณั ฑต์ า่ ง ๆ สว่ น เยอ่ื เคมีที่ไดจ้ ากการใชส้ ารซลั ไฟต์ ซง่ึ เรียกวา่ เย่ือซัลไฟต์ จะมีความแข็งแรงน้อยกวา่ เยื่อซัลเฟต นยิ มนำไปฟอกให้ ขาวเพ่ือใชเ้ ปน็ กระดาษสำหรับเขียนและกระดาษเพื่อใชใ้ นงานพิมพ์

7 3.เยื่อกระดาษก่ึงเคมี เปน็ เย่ือท่ีผลิตโดยนำไม้ช้ินมาต้มในสารเคมีเพื่อให้เยื่อแยกออกจากกนั ง่ายขึ้นและเพ่ือละลายลิกนิน เสร็จแล้วจงึ นำมาบดดว้ ยจานบด กรรมวิธีน้ีทำใหไ้ ด้เย่ือที่มคี ุณภาพดีกว่าเยอ่ื บดและได้ผลผลิตมากกว่าเย่อื เคมี เยอ่ื กึ่งเคมีมกั นำไปใชใ้ นการผลิตกระดาษสำหรับบรรจภุ ณั ฑเ์ ป็นส่วนใหญ่ ขนั้ ตอน การเตรยี มนำ้ เย่ือ การเตรยี มน้ำเยื่อ เปน็ การทำให้เยื่อกระจายตวั และเตมิ สว่ นผสมให้เหมาะกับการทำกระดาษประเภทท่ีตอ้ งการ การเตรยี มนำ้ เยื่ออาจมีการนำเย่อื ไม้มากกวา่ 1 ชนดิ มาผสมเข้าดว้ ยกันเพื่อควบคมุ ต้นทุนใหเ้ หมาะสมและเพมิ่ สมบตั บิ างประการให้กับกระดาษทจ่ี ะผลิต การ เตรยี มนำ้ เย่อื เร่ิมจากการตเี ย่ือใหก้ ระจายอย่างสมำ่ เสมอในนำ้ เยอ่ื ไม่จับเปน็ ก้อน เสรจ็ แล้วนำไปบดใหเ้ ส้นใยแตก เป็นขลุยเพ่ือชว่ ยการเกาะยึดระหวา่ งกนั ดีข้นึ จากนน้ั กน็ ำสารปรับแตง่ ตา่ ง ๆเพ่ือเพ่ิมสมบัติของกระดาษตามที่ ตอ้ งการพร้อมกันน้จี ะมีการปรบั ความเข้มขน้ ของนำ้ เย่ือก่อนจะเขา้ สขู่ นั้ ตอนการทำแผ่น ขน้ั ตอน การทำเเผ่น ขั้นตอนน้เี ริ่มดว้ ยการนำนำ้ เย่ือลงในถังจ่ายนำ้ เยื่อซ่ึงจะถกู ปล่อยลงบนสายพานตะแกรง นำ้ สว่ นใหญ่จะเลด็ รอด ผ่านช่องของตะแกรงเหล่าน้ี เยือ่ จะเรม่ิ เป็นรปุ รา่ งกระดาษ สายพานตะแกรงจะพาเย่อื กระดาษเข้าสสู่ ว่ นท่เี ปน็ ลกู กลิ้งเพ่ือรีดนำ้ ทย่ี งั คา้ งอยู่ออกให้มากที่สดุ พร้อมกับกดทับใหเ้ ยอื่ ประสานติดกนั ต่อจากนนั้ กระดาษจะถูกพาไป อบโดยผ่านลูกกลง้ิ ร้อนหลาย ๆ ลกู จนเหลอื น้ำอยูน่ ้อยมาก (ประมาณ 4 – 6 % โดยน้ำหนัก) ข้ันตอน การตกเเต่งผวิ กระดาษทผ่ี า่ นการอบแห้งจะถูกนำมาตกแต่งผวิ ตามทต่ี ้องการเชน่ การขัดผิว การเคลอื บผิวให้เรียบเงาหรอื ดา้ น กระดาษทแ่ี ลว้ เสรจ็ จะถูกจัดเกบ็ เปน็ ม้วนเขา้ โกดงั เมื่อมกี ารออกจำหนา่ ยก็จะตัดเป็นมว้ นเล็กตามหน้ากวา้ ง ท่ีต้องการ หรอื ตัดเปน็ แผน่ ๆ ตามขนาดที่ตอ้ งการ (บริษัท สพุ รีมพรนิ้ ท์ จำกดั , 2564 : Online)

8 การเลอื กพันธุก์ ล้วย กลว้ ยพวก Musa sapientum มีอยมู่ ากมายหลายพันธุเ์ ฉพาะในประเทศไทยก็มีอยู่หลายพันธุ์ ดว้ ยกันทป่ี ลกู กันมากและ แพรห่ ลายเปน็ พันธกั ลว้ ยการค้าในประเทศไทยก็มี 1. กล้วยหอมทองเป็นกลว้ ยทนี่ ิยมปลกู และบริโภคกันมากในปัจจบุ ัน มลี กษณะลำต้นใหญส่ งู ประมาณ 2-3 เมตรกาบใบชน้ั ในมีสีเขยี วเครอื ไดร้ ูปทรงดีมีน้ําหนักมากผลยาวเรยี วเปลอื กหนา เมื่อสุกผิวจะมสี เี หลอื ง มรี สชาตหิ อมหวาน 2. กล้วยไข ้เปน็ กล้วยทป่ี ลกู เป็นการคา้ ของจังหวัดกาแพงเพชรลักษณะกาบใบเป็นสีน้าํ ตาลสใี บเหลืองเครอื ขนาดเล็กกผ็ ิวเปลอื ก บางผลสุกเนอ้ สเี หลืองรสหวาน 3. กล้วยนํา้ วา้ เป็นกลว้ ยทมี่ กี ารปลูกทั่วไปทกุ ภาค ทนทานต่อสภาพดนิ ฟา้ อากาศไดด้ กี ว่าพันธ์อุ ่นื ๆ กล้วยนํ้าวา้ มีหลายชนดิ เช่น กล้วยนา้ํ วา้ แดง กล้วยนาํ้ วา้ ขาว กลว้ ยน้ําว้าคอม 4. กลว้ ยเลบ็ มือนาง เป็นกล้วยทมี่ ีการปลกู ในภาคใตโ้ ดยเฉพาะจงหวดั ชมุ พร เพราะเปน็ กล้วยทตี่ อ้ งการความชุ่มชน้ื นสงู จึง เจริญเตบิ โตไดด้ ลี กั ษณะตน้ ไมส้ ูงมากนักเครอื และผลเล็ก รสชาติหวานหอม กลว้ ยเปน็ พืชท่ีให้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจอยา่ งมากมายลําตนํ้ ใช้ตม้ เป็นอาหารคนและปศสุ ตั ว์ หรือใช้เป็น ประโยชนอ์ ยางอ่นื เชน่ ทํากระดาษทเ่ี รยี กวา่ กระดาษมะนลิ า (Manila paper) ทาํ จากกลว้ ยชนดิ หนง่ึ ของฟลิ ิปปนิ ส์ชอ่ื ว่า Musa textiles วจิ ยั วิทยาศาสตร แ์ ละเทคโนโลยแี หงประเทศไทย ่ , สถาบนั วทิ ยาศาสตร ์สําหรบั เยาวชน 2 โรงพมิ พ์สถาบนวจิ ัยวิทยาศาสตร ิ แ์ ละเทคโนโลยแี หงประเทศไทย ่ กรุงเทพฯ 2532, 107

9 การเพ่มิ ความเเข็งเเรง เลือกต้นกลว้ ยน้ำว้าทอ่ี อกเครอื แลว้ ขนาดใหญ่ (นางสาวณัชชา สินเทาว์ ,นางสาวพิมพล์ ดา ทองประทปี เเละ นางสาววศนิ ี ดอกไม้จนี , 2562:20) การนาํ กาบกล้วยและกา้ นกลว้ ยมาสางเอาเสน้ ใยนาํ ไปตากแห้งและอบกาํ มะถนั เพ่ือใหค้ วามเหนียว และกาํ จัดเชอ้ื รากอ่ นนํามาทอเปน็ ผนื (มัณฑนา ขําหาญ,นวนพ สุวรรณภูมิ เเละปยิ ะภรณ์ ณรค์ศักด์ิ ,2559:41) นาํ ต้นกล้วยนำ้ ว้ามาตดั เอาเฉพาะส่วนลําตน้ ของกล้วยนำ้ วา้ จากนั้นตัดสว่ นทีส่ กปรก เนา่ เสยี และ ท่ีเป็นเช้อื ราออก ผ่าและแกะกาบกล้วยแยกไว้ ส่วนหยวกกล้วยชนั้ ในใหแ้ กะท้ิง เนื่องจากเปน็ สว่ นท่ไี ม่มเี ส้นใย( สจุ ยา ฤทธศิ ร, สกุ าญจน์ รตั นเลิศนสุ รณ์ เเละ ศิรพิ ร ลนพรม ,2554:20) เลอื กตน้ กล้วยนำ้ ว้าที่ออกเครอื แล้ว ขนาดใหญ่ นําตน้ กล้วยนำ้ ว้ามาตดั เอาเฉพาะสว่ นลําต้นของกล้วยนำ้ วา้ จากน้ันตดั สว่ นท่สี กปรก เน่าเสยี และ ท่ีเปน็ เชอื้ ราออก ผา่ และแกะกาบกลว้ ยแยกไว้ ส่วนหยวกกลว้ ยชัน้ ในให้แกะท้ิง เนื่องจากเปน็ ส่วนที่ไม่มเี ส้นใย

10 บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนนิ การ การศกึ ษาค้นคว้าการทำกระดาษจากกาบกลว้ ยครัง้ นี้มีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาการทำกระดาษจากกาบกล้วยและ พฒั นากระดาษจากกาบกล้วยให้มคี ณุ ภาพทีด่ ี วัสดุเเละอปุ กรณ์ 1.กะละมัง 2.เตาสำหรับต้ม 3.กาบกลว้ ย 4.เขียง 5.เครอ่ื งชง่ั 6.บล็อกตะเเกรงลวดขนาด A4 7.มีด 8.เครือ่ งปน่ั ไฟฟา้ สารเคมีเเละพชื ที่ใหส้ ีธรรมชาติ 1.โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) โซดาไฟ 2.ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ( H2O2) 3.แปง้ มัน ข้นั ตอนการดำเนนิ งาน ขนั้ ตอนการทำเยอื่ จากกาบกลว้ ย 1. ช่งั กาบกล้วย 1,000 กรัม ห่นั เปน็ ช้นิ เลก็ แลว้ ลา้ งนำ้ สะอาด 2. การทำใหเ้ ยื่อเป่ือยยุ่ย : ตม้ กาบกลว้ ยกับสารละลายโซเดยี มไฮดรอกไซตเ์ ข้มข้น 20% โดยนำ้ หนจำนวน 3,000 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร ระยะเวลาตม้ 30 นาที แลว้ ลา้ งด้วยนำ้ สะอาด แลว้ นำไปป่ันด้วยเครอื่ งปัน่ ไฟฟา้ 3. การฟอกเยอ่ื ให้ขาวโดยแชเ่ ยอ่ื ในไฮโดรเจนเปอร์ออกไซตเ์ ข้มขน้ 20% เป็นเวลา 30 นาที แล้วล้างดว้ ยน้ำสะอาด

11 บีบน้ำใหแ้ หง้ ขนั้ ตอนการทำนำ้ แป้งสกุ 2% ช่งั แปง้ มนั 20 กรมั นำ้ 980 มลิ ลิลิตร นำไปตม้ ให้สุกจะได้น้ำแป้งสุก ขัน้ ตอนการทำเยอื่ กระดาษ 1. ใชเ้ ยอ่ื กาบกลว้ ย 60 กรมั เตมิ น้ำแป้งสกุ 2% จำนวน 1,000 มลิ ลลิ ติ ร ผสมให้เขา้ กนั ราดบนตะแกรง และ นำไปตากแดด แหง้ แล้วลอกออกจากตะแกรง 2. นำไปขน้ึ รูปเป็นถงุ ใสข่ อง

12

13 บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา ผลติ ภณั ฑก์ ระดาษจากกาบกลว้ ยมคี วามแขง็ แรง ทนทาน สามารถรบั น้ำหนักไดม้ ากกวา่ 1 กิโลกรัม สามารถใสส่ ง่ิ ของตา่ งๆ

14 สง่ิ ของ ผลติ ภณั ฑก์ ล้วย วตั ถดุ บิ ทใ่ี ช้ กาบกล้วย ระยะเวลาการตม้ 30 นาที น้ำหนักท่รี บั ได้ 1 กโิ ลกรมั ความทนตอ่ นำ้ ประโยชน์ ทนไดป้ ระมาณ 1 ชวั่ โมง ใสส่ ง่ิ ของ ผลที่ได้รบั 1.กระดาษทีผ่ ลติ จากกาบกลว้ ยมีความเเข็งเเรง ทนทาน 2.ได้ถงุ กระดาษที่ทำจากกระดาษ กล้วย

15 บทท่ี 5 สรปุ ผลการศกึ ษา การศกึ ษาวิธีการท่ีเหมาะสมในการผลิตกระดาษที่ทําดว้ ยมือจากต้นกล้วยวิธีการผลติ กระดาษท่ีทําดว้ ยมอื จากตน้ กลว้ ยความเขม้ ข้นของสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ทเี่ หมาะสมคือ 3% โดยน้ำหนกั ระยะเวลาต้ม 30 นาทีการ ฟอกเย่ือใช้สารละลายแคลเซียมไฮโปคลอไรดเข้มขน้ 1% โดยน้ำหนกั ระยะเวลา 10 นาทสี ว่ นการย่อยเย่ือใชไ้ ด้ทั้ง วิธกี ารทบเย่อื และการดนิ เยื่อซง่ึ วิธีการทุบเย่ือจะใหเ้ ส้นใยของเย่ือยาว แต่การกระจายตัวของเยื่อไม่ดีวิธกี ารปน้ เยื่อ ทําให้เสน้ ใยเยอสัน้ แต่เม่ือกระจายตัวดีเมื่อนำเยอื่ ทไี่ ด้มากเย่ือทำเป็นแผ่นกระดาษเย่ือจากต้นกล้วยสามารถผลิต กระดาษทีท่ าํ ด้วยมือได้ การปรับปรงุ กระดาษกลว้ ยท่ไี ดแ้ ละการศกึ ษาเปรียบเทียบคุณภาพของกระดาษในด้านต่างๆกระดาษกลายท่ไี ดเ้ ม่ือ นำไปศึกษาคุณภาพในด้านต่างๆคอื ลักษณะทวั่ ไปน้ำหนกั กระดาษความเหนียวความทบึ แสงและการซมึ น้ำของ กระดาษเปรียบเทยี บกับกระดาษสาท่ีขายในท้องตลาดพบวา่ กระดาษกลว้ ยท่ีได้ยงั มีคุณภาพด้อยกวา่ กระดาสาใน บางเร่ืองเช่นความเรยี บของกระดาษการมเี ส้นใยยาวปะปนอยใู่ นเนื้อกระดาษและน้ำหนักของกระดาษสว่ นใน ดา้ นควาเหนยี วความทีแสงและการซึมนำ้ ของกระดาษไม่แตกตา่ งกนั มากนักและเม่ือเยือ่ กล้วยท่ไี ดม้ าย้อมสไี ด้ดี และการแปง้ เขา้ ไปกับเอเอาไปทํากระดาษกระดาษจะเหนียวขึน้ ตน้ กล้วยสามารถใช้เป็นวัตถดุ ิบในการผลิตกระดาษทีท่ ำด้วยมือไดเ้ ป็นอยา่ งดีเปน็ วัตถดุ บิ ทไี่ ม่ค่อยได้มีการนำไปใช้ ประโยชนห์ ลังจากการติดเอาเครอื กลว้ ยไปแล้วพยายามทจี่ ะศึกษาการนำเอาตน้ กล้วยมาทำเปน็ กระดาษทท่ี ำดว้ ย มอื เพ่ือเป็นแนวทางที่ชาวบ้านท่มี ีการปลูกกลว้ ยจะได้นำต้นกลว้ ยมาใช้ประโยชน์เป็นการเพิ่มคุณคา่ ของ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้มปี ระโยชน์สงู สดุ ซง่ึ จากการศึกษาครั้งน้ีพบวา่ ต้นกล้วยสามารถนำมาผลิตกระดาษที่ ทาํ ด้วยมอื ได้ แต่ยงั ต้องมีการปรบั ปรงุ ในดา้ นต่างๆอีกเพื่อทำใหก้ ระดาษทีผ่ ลติ ได้มีคุณภาพดีขึ้นสามารถนำไปใช้ ประโยชน์ในดา้ นตา่ งๆไดม้ าก

16 เอกสารอ้างองิ http://bananapaperslbsg.blogspot.com/2016/08/blog-post_22.html https://e-research.siam.edu/wp-content/uploads/2020/06/LiberalArts-hospitality-industry- 2019-coop-Banana-Sheath-Bowl-compressed.pdf

17 ผนวก

18

19


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook