วารสารการวิจยั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเลก็ เพือ่ รับรางวลั พระราชทาน The Administration and Management Processes of Small Education Schools to Receive the Royal Award ขจรศักด์ิ เขยี วน้อย Kajornsak Khiawnoi บทคดั ยอ่ การวิจัยนี้มีความมุ่งหมายของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาความเข้าใจและการให้ความหมายของการบริหาร จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน 2) ศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดกาสถานศึกษา ขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน โดยผู้วิจัยได้เน้นศึกษาจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 2 กลุ่ม คือ 1) ผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษาระดับประถมศึกษาขนาดเล็กที่เคยได้รับรางวัลพระราชทาน จำนวน 3 คน และ 2) ผู้ให้ข้อมูลรองจำนวน 31 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กับสถานศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลด้วย 4 วิธีการหลัก ได้แก่ การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม การสังเกต และการจดบันทึก โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต ซึ่งผู้วิจัย ได้ทำการวิเคราะหข์ ้อมลู ตามแนวทางของไมลส์และฮเู บอร์แมน ผลการศึกษา พบว่า การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานเป็นวิธีการ ที่ทำให้บุคลากรเกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงาน และนำไปสู่ความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพ ของสถานศึกษา อันประกอบไปด้วย 1) การมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ภายใต้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรมของผู้บริหาร 2) การมีระบบพัฒนาองค์กรให้เกิดประสิทธิผลสู่ความเป็นเลิศ 3) การจัดหาและพัฒนาสื่อเทคโนโลยีและ การสื่อสาร 4) การขับเคลื่อนระบบการประกันคุณภาพภายในสู่การปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง และ 5) การจัดระบบ ข้อมูลและสารสนเทศพื้นฐานของสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีแนวปฏิบัติที่ดี คือ การบริหารจัดการ สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานควรเริ่มจากการมุ่งเน้นพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา โดยการเสริมสร้าง ฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ถ่ายทอดประสบการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพเพิ่มขึ้น สามารถนำผลที่ได้ จากการพัฒนาไปใช้ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการประเมิน สถานศึกษาเพื่อรับรางวัล พระราชทานให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และประสบความสำเร็จจนเป็นแบบอย่างให้แก่สถานศึกษาอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี อันเป็นการสร้างคุณค่าและ รกั ษาความดใี ห้สมศกั ดิ์ศรรี างวลั พระราชทานสบื ไป ผู้อำนวยการโรงเรยี น ดร. โรงเรียนบา้ นวังเต่า, สำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 2 School director Dr., Banwangtao, Nakhon Si Thammarat Primary Educational Service Area Office 2, Thailand 1
วารสารการวิจยั การศึกษาข้นั พื้นฐาน ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) คำสำคญั : รางวัลพระราชทาน/ การบรหิ ารจัดการ/ สถานศึกษาขนาดเลก็ Abstract The purposes of this study were 1) to understand and to describe the meaning of the administration and management processes of Small Education Schools to receive the Royal Award, and 2) to examine good practices for administration and management processes of Small Education Schools to receive the Royal Award. Key informants were 3 school administrators and 31 stakeholders. The research tools are interview form and observation form. The researcher analyzed the data according to Miles and Huberman's guidelines. The findings are as follows: 1. The administration and management processes of Small Education Schools to receive the Royal Award is a way for people to collaborate in their operations and leads to success in enhancing the quality of the school Including; 1) having a strategic vision under executive innovative leadership, 2) having a system for organizational development to be effective towards excellence, 3) procurement and development of media, technology and communication, 4) driving the internal quality assurance system into strong action, and 5) effective organization of school data and information. 2. The administration and management processes of Small Education Schools to receive the Royal Award should focus on the development of government teachers and educational personnel by enhancing, training, meeting, seminars, transferring experiences, exchanging learning to gain more knowledge, skills, attitudes, morality, ethics, and professional ethics. The results obtained from the development can be used to benefit the performance in accordance with the educational institution assessment standards in order to receive the Royal Award for efficiency, effectiveness, and to develop the quality of education continuously for a long time, and to be successful until this is a model for other schools. This action is to create value and maintain good dignity. Keywords : Royal Award/ Administration and Management Processes/ Small Schools 2
วารสารการวิจัยการศึกษาข้นั พื้นฐาน ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) ท่ีมาและความสำคัญของปญั หา จัดการศึกษาให้ยึดหลักการ 3 ประการ คือ คุณภาพของคนเป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงถึง เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และ ความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไป ทงั้ ในด้านการศึกษา เศรษฐกจิ สงั คม และการเมือง อย่างต่อเนื่อง (กระทรวงศึกษาธิการ, 2546) และ การปกครอง เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดนโยบายและจุดเน้น กระบวนการในการพัฒนาคุณภาพของคน คือ ของกระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ. การจัดการศึกษาเพื่อให้เกิดการพัฒนาความรู้ 2563 บนหลักการของการให้ความสำคัญกับ ความคิด ความสามารถ ตลอดจนมีคุณธรรมและ ประเด็นคุณภาพและประสิทธิภาพในทุกมิติ จริยธรรม สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่าง ซึ่งมุ่งคำนึงถึงพหุปัญญาของผู้เรียนระดับประถม มั่นคงและมีความสุข ด้วยเหตุนี้การจัดการศึกษา ศึกษารายบุคคลที่หลากหลายตามศักยภาพ ที่ดีจึงมิใช่หมายเฉพาะถึงการศึกษาด้านวิชาการ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2563) ในขณะเดียวกัน เท่านั้น หากยังรวมถึงการอบรมทุก ๆ อย่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นการขัดเกลาให้เยาวชนมีความคิด เฉลียว (สพฐ.) (2563) ก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญ ฉลาด หนักแน่นมีเหตุผล มีความซ่ือสัตย์สุจริต ของยุทธศาสตร์ชาติเพราะเป็นแนวทาง ละเอียดรอบคอบ รู้จักรับผิดชอบ มีการตัดสินใจ ในการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน โดยเฉพาะด้าน ที่ถูกต้องเป็นธรรม มีความขยันหมั่นเพียร การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากร เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความตระหนักในการปฏิบัติ มนุษย์ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่เน้นการวางรากฐาน ตามสิทธิและหน้าที่เคารพในสิทธิ และเสรีภาพ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ทง้ั ของตนเองและผอู้ นื่ อนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติ อย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและ และสิ่งแวดล้อม รู้จักธำรงรักษาเอกลักษณ์ ย ก ร ะ ด ั บ ค น ใ น ท ุ ก ม ิ ต ิ แ ล ะ ใ น ท ุ ก ช ่ ว ง วั ย และวัฒนธรรมท่ีดงี ามของไทย ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดี เก่ง และมีคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปข้างหน้าได้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. อยา่ งเต็มศักยภาพ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดความมุ่งหมาย และหลักการจัดการศึกษาในมาตรา 6 ไว้ว่า ทั้งนี้ สพฐ. มีโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัด “การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้ 27,109 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนตั้งแต่ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติ ปัญญา 120 คนลงมา มีจำนวนมากถึง 14,665 โรงเรียน ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรม คิดเป็นร้อยละ 54.09 ของจำนวนโรงเรียน ในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ประถมศึกษาทั้งหมด และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี อย่างมคี วามสุข” และมาตรา 8 ได้กำหนดหลกั การ 3
อันเป็นผลมาจากอัตราการเกิดลดลง และความ วารสารการวิจยั การศึกษาขั้นพื้นฐาน นิยมของผู้ปกครองที่ต้องการส่งบุตรหลานไป โรงเรียนในเมือง การมีโรงเรียนประถมศึกษา ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) ขนาดเล็กจำนวนมากย่อมส่งผลถึงคุณภาพ และประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา ของสถานศึกษา เพื่อเป็นการพัฒนาผู้เรียนให้มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คุณภาพอยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดเวลา ของนักเรียนส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ยังไม่น่าพึง พอใจ โดยโรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่มีคุณภาพ การเสนอขอรับรางวัลพระราชทาน และมาตรฐานต่ำกว่าโรงเรียนขนาดกลางและ ของสถานศึกษาจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถ ขนาดใหญ่ เนื่องจากพื้นฐานอยู่บนความขาดแคลน ยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาได้ ทั้งงบประมาณ วัสดุ ครุภัณฑ์ ขาดแคลนครู นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพ ทั้งปริมาณและคุณภาพ ขาดการสนับสนุน การศึกษาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และประสบ อย่างต่อเนื่องจากชุมชน บางแห่งตั้งอยู่เขตชนบท ความสำเร็จจนเป็นแบบอย่างให้แก่สถานศึกษาอ่ืน จึงมีความเสียเปรียบด้านปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อ ได้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ความไม่เสมอภาค ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2561) ดังนั้น สถานศึกษาที่ได้รับรางวัล ความจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา พระราชทาน จึงเป็นผลจากการกระทำความดี ของไทยในเบื้องแรกจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้อง อย่างสม่ำเสมอเกิดการพัฒนาให้เห็นเด่นชัด พัฒนาสถานศึกษาขนาดเล็กก่อนขนาดอื่น ทั้งน้ี และสมควรอย่างยิ่งที่จะดำรงรักษาภาพความดีงาม เพราะสถานศึกษาขนาดเล็กเป็นสถานที่จัด นั้นให้ยั่งยืนตลอดไป ส่วนสถานศึกษาที่ยังไม่เคย ประสบการณ์การเรียนรู้แก่ผู้เรียนเป็นส่วนใหญ่ ได้รับรางวัลพระราชทานจะเห็นแนวทางสร้าง ของประเทศ สถานศึกษาขนาดเล็กจะต้องสร้าง ความร่วมมือร่วมใจ เป็นแรงผลักดันให้เกิด ความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงาน การพัฒนาตนเอง ซึ่งถือเป็นรากฐานของ ที่เกี่ยวข้องว่าสถานศึกษาขนาดเล็กสามารถจัด การพัฒนาอันเกิดจากการแข่งขันกันในด้าน การศึกษาให้มีคุณภาพ เป็นไปตามมาตรฐาน คุณภาพ เพื่อให้มีโอกาสได้รับพระราชทานรางวัล ซึ่งการที่จะสร้างความมั่นใจดังกล่าวนี้ สามารถ เช่นกัน ประโยชน์ของการพัฒนาสถานศึกษา ดำเนินการได้โดยที่สถานศึกษาขนาดเล็กควรมี เพื่อรับรางวัลที่ทรงคุณค่าและเป็นเกียรติประวัติ กระบวนการบริหารจัดการที่มีการพัฒนาปรับปรุง ต่อผู้รับอย่างสูงสุดนี้ จึงเกิดขึ้นโดยตรงต่อผู้เรียน อย่างต่อเนื่อง มีการดำเนินการในลักษณะของ และส่งผลกระทบถึงคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น การผสมผสานระหว่างกระบวนการบริหาร โดยรวม ซึ่งคุณความดีจะถูกประกาศและเผยแพร่ ก ั บ ก า ร จ ั ด ก ิ จ ก ร ร ม ก า ร ส อ น ต า ม ป ก ติ ไปยงั สาธารณชนทัว่ ไป ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาสถานการณ์ ที่เป็นอยู่จริงในปัจจุบันของสถานศึกษาต้นแบบ ท ี ่ เ ค ย ไ ด ้ ร ั บ ร า ง ว ั ล พ ร ะ ร า ช ท า น ใ น ร ะ ดั บ ประถมศึกษาขนาดเล็กตามแนวทางการศึกษา เ ฉ พ า ะ ก ร ณ ี เ พ ื ่ อ อ ธ ิ บ า ย ก า ร บ ร ิ ห า ร จั ด 4
ก า ร ส ถ า น ศ ึ ก ษ า ข น า ด เ ล ็ ก เ พ ื ่ อ ร ั บ ร า ง วั ล วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน พระราชทานในสถานศึกษาต้นแบบ และค้นหา แนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการสถานศึกษา ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) ขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ซึ่งการวิจัย ค ร ั ้ ง น ี ้ จ ะ ท ำ ใ ห ้ เ ข ้ า ใ จ พ ฤ ติ ก ร ร ม ก า ร ท ำ ง า น Bandura) ซึ่งแบนดูร่า เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจาก ของบุคคลในลักษณะพฤติกรรมศาสตร์ได้อย่าง การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมและสมบูรณ์มากขึ้น อันจะเป็น รอบตัว ที่ต่างก็มีอิทธิพลต่อกันและกัน วิธีการ ประโยชน์ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลทางด้าน ที่คนเราใช้ในการเรียนรู้พฤติกรรมทางสังคม คือ การศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับนโยบาย การสังเกตหรือการเลียนแบบจากตัวแบบ (Model) และระดับปฏบิ ตั ิให้เกดิ ประสทิ ธผิ ลมากยิง่ ขน้ึ ตอ่ ไป ทั้งนี้การสังเกตการกระทำของผู้อื่น เพื่อดูว่าผู้อื่น ทำพฤติกรรมอย่างไรและได้รับผลตอบแทนเช่นไร วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย ซึ่งความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการกระทำ 1. เพื่อศึกษาความเข้าใจและการให้ พฤติกรรมของผู้อื่นถือเป็นต้นแบบ ที่มีอิทธิพล อย่างมากต่อการตัดสินใจทำพฤติกรรมต่าง ๆ ความหมายของการบริหารจัดการสถานศึกษา ของบุคคล (นุชลี อุปภัย, 2556) ซึ่งตัวแบบนั้น ขนาดเลก็ เพ่ือรบั รางวัลพระราชทาน สามารถเป็นได้ทั้งตัวแบบที่เป็นบุคคลจริง ๆ และ ตัวแบบที่เป็นสัญลักษณ์ คือ ตัวแบบที่เสนอผ่านสื่อ 2. เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหาร ต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ หนังสือ จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล นวนยิ าย และการ์ตนู เป็นต้น พระราชทาน ส ่ ว น ท ฤ ษ ฎ ี ท า ง จ ิ ต ว ิ ท ย า ท ี ่ ผ ู ้ ว ิ จ ั ย ใ ช้ แนวคดิ ทฤษฎกี ารวิจยั เป็นแนวทางในการทำความเข้าใจกระบวนการ ทฤษฎีหลักที่ใช้อธิบายการบริหารจัดการ ขับเคลื่อนสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล พระราชทาน คือ ทฤษฎีจิตวิทยาบุคลิกภาพของ สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานน้ี อิริคสัน (Erikson, 1964) ที่อาจมีความเกี่ยวข้อง ผู้วิจัยอาศัยทั้งทฤษฎีทางสังคมวิทยาและจิตวิทยา กับพัฒนาการแต่ละขั้นของชีวิตของผู้อำนวยการ เป็นแนวทางในการทำความเข้าใจปรากฏการณ์ สถานศึกษาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานศึกษา ดังกล่าว โดยทฤษฎีทาง สังคมวิทยานั้น ผู้วิจัยได้ใช้ ต้นแบบ นอกจากนั้นผู้วิจัยยังประยุกต์ทฤษฎี มุมมองจากทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมเชิงพุทธิ เกี่ยวกับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ใฝ่อำนาจ และ ปั ญ ญ า ( Social Cognitive Learning Theory) ใฝ่สัมพันธ์ (Litwin & Stringer, 1968) มาใช้ หรือบางครั้งเรียกว่าทฤษฎีการเรียนรู้ทางปัญญา เพื่อเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจกระบวนการ และสังคม พัฒนาขึ้นโดยนักจิตวิทยาชาวแคนาดา บริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล คือ ศาสตราจารย์อัลเบิร์ต แบนดูร่า (AIbert พระราชทานของผู้อำนวยการสถานศึกษาและ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบ ซึ่งการที่ผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้มีส่วน 5
เกี่ยวข้องกลุ่มดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการบริหาร วารสารการวิจยั การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล พระราชทานนั้น เชื่อว่าอาจมีผลต่อการให้ ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) ความหมายการเข้าสู่กระบวนการ และการดำรงอยู่ ในการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก ที่มีการดำเนินงานบริหารจัดการสถานศึกษาขั้น เพื่อรับรางวัลพระราชทาน รวมทั้งนำมาเป็น พื้นฐานขนาดเล็กจนประสบความสำเร็จและได้รับ แนวทางในการพิจารณาเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับ ร า ง ว ั ล พ ร ะ ร า ช ท า น ม า แ ล ้ ว จ น เ ก ิ ด พ ลั ง กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก มีความต่อเนื่อง และเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เพอ่ื รบั รางวัลพระราชทานด้วยเชน่ กัน เป็นที่ยอมรับจากบุคคลและองค์การภายนอกที่เข้า ไปเก่ียวขอ้ ง วธิ ีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีการวิจัย 1. ผู้ให้ข้อมูลในการศึกษา เนื่องจาก การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ เป็นวิธีการศึกษา เชิงคุณภาพ โดยศึกษาการบริหารจัดการ เ พ ื ่ อ ป ร ะ โ ย ช น ์ ข อ ง ค ว า ม ส น ใ จ อ ย า ก รู้ สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน อยากทำความเข้าใจ เปิดเผยรายละเอียด ด้วยการศึกษาเฉพาะกรณี เนื่องจากการศึกษา ของสิ่งนั้นเป็นหลัก จึงเน้นศึกษาจากผู้ให้ข้อมูล เชิงคุณภาพเป็นวิธีการที่เหมาะสมกับเงื่อนไขและ ที่เป็นผู้ประสบกับเหตุการณ์หรือมีประสบการณ์ ข้อจำกัดของประเด็นที่ผู้วิจัยมีความสนใจศึกษา โดยตรงและมีความพร้อมและยินยอมในการให้ ซึ่งเป็นการวิจัยในพื้นที่จริง (Field research) ข้อมูลในฐานะผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key informants) กับสถานศึกษาที่มีการดำเนินงานบริหารจัดการ เพ่อื ทำการสัมภาษณเ์ ชงิ ลึก (In-depth interview) สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน และการสนทนากลุม่ (Focus group) ซง่ึ ผใู้ ห้ข้อมูล ที่เป็นต้นแบบมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อเข้าถึงความรู้ สำคัญน้ีแบง่ ออกเป็น 2 กล่มุ คอื แ ล ะ ค ว า ม จ ร ิ ง ข อ ง ป ร า ก ฏ ก า ร ณ ์ ท ี ่ เ ก ิ ด ขึ้ น อันเกยี่ วขอ้ งกบั กระบวนการสู่ความสำเร็จ 1.1 ผู้ใหข้ อ้ มูลหลกั (Main informants) ได้แก่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาในสถานศึกษา ในการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก ระดับประถมศึกษาขนาดเล็กที่เคยได้รับรางวัล เพื่อรับรางวัลพระราชทาน เนื่องมาจากความเชื่อ พระราชทาน จำนวน 3 คน ซึ่งเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง ที่ว่าปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นย่อมสามารถทำ โดยเฉพาะผู้นำเชิงนวัตกรรม สามารถชักนำหรือ ความเข้าใจได้ด้วยกระบวนการศึกษาที่ให้ สร้างแรงจูงใจให้ผู้ร่วมงานเกิดการเปลี่ยนแปลง ความสำคัญกับการเลือกสถานศึกษาที่สอดคล้อง การปฏิบัติงานทางการศึกษาให้เป็นไปตาม กับประเด็นข้อปัญหาการวิจัยและความมุ่งหมาย เป้าหมาย รวมทั้งเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และมีเป้าหมาย ของการวิจัย เพื่อสร้างความเข้าใจในสถานศึกษา ทางการศึกษา มีการวางแผนการทำงาน มีความริเริ่มสร้างสรรค์ รวมทั้งบริหารงานโดย มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาการเรียนรู้ ของผู้เรียน และรู้จักแสวงหาความรู้ให้ทันต่อ ความเปล่ียนแปลงของสังคม 6
1.2 ผ ู ้ ใ ห ้ ข ้ อ ม ู ล ร อ ง ( Secondary วารสารการวิจยั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน informants) จำนวน 31 คน ซึ่งเป็นบุคคล ท ี ่ เ ก ี ่ ย ว ข ้ อ ง ห ร ื อ เ ป ็ น ผ ู ้ ม ี ส ่ ว น ไ ด ้ ส ่ ว น เ สี ย ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) กับสถานศึกษา ซึ่งข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลกลุ่มน้ี มีส่วนสำคัญในการช่วยอธิบายปรากฏการณ์ ผู้ให้ข้อมูลแต่ละคน โดยยึดเวลาที่ผู้ให้ข้อมูล ที่เกิดขน้ึ ให้ชดั เจนย่ิงข้ึน แต่ละคนสะดวกที่จะให้ข้อมูลเป็นหลัก และเพื่อให้ ไ ด ้ ข ้ อ ม ู ล ท ี ่ ส า ม า ร ถ ต อ บ ป ั ญ ห า ก า ร ว ิ จ ั ย ไ ด้ ทั้งนี้ ผู้วิจัยคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลหลัก ครอบคลุมในทุกประเด็น ผู้วิจัยจึงสรุปแนวทาง โดยไม่อาศัยความน่าจะเป็นด้วยวิธีเลือกตัวอย่าง ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data collection) แ บ บ เ ฉ พ า ะ เ จ า ะ จ ง ( Purposive selection) ไว้ 2 แนวทาง คอื ตามเกณฑ์ และการเลือกแบบลูกโซ่ (Snowball technique) สำหรับผู้ให้ข้อมูลรอง ซึ่งเมื่อผู้วิจัย 2.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร โดย ทำการเลือกและเก็บข้อมูลกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญได้ ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาวิเคราะห์เอกสาร ในระยะหนึ่งแล้ว ก็จะเริ่มมองเห็นกระบวนการ (Document analysis) ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูล บริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล เบื้องต้นหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ พระราชทาน และรู้ว่าควรจะศึกษาในประเด็นใด เอกสาร บันทึก หลักฐานสำคัญ ผลงาน รางวัลต่าง ที่จะทำให้ได้คำตอบของการวิจัยชัดเจนยิ่งขึ้น ๆ หรือเกียรติบตั รที่สถานศึกษาได้รบั เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ให้ข้อมูลสำคัญจะให้คำแนะนำกับผู้วิจัยว่า ควรจะไปสัมภาษณ์บุคคลใดต่อไป ที่จะสามารถ 2.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนาม โดยมี เป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่ถ่ายทอดความรู้และ วธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 3 วธิ ีการหลกั ได้แก่ ประสบการณ์ในประเด็นที่ผู้วิจัยต้องการศึกษาได้ เป็นอย่างดี และเมื่อผู้วิจัยดำเนินการเก็บข้อมูล 2.2.1 การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth ต่อไปจนพบว่าแม้สัมภาษณ์คนอื่น ๆ ต่อไปก็ไม่ได้ interview) ผู้วิจัยดำเนินการสัมภาษณ์เชิงลึกด้วย ข้อมูลใหม่เพ่ิมเติมอีก เรียกได้ว่าข้อมูลมี แนวคำถาม (Guideline) ที่มีลักษณะเป็นประเด็น ความอิ่มตัว (Saturation of Data) ผู้วิจัยจึงหยุด กว้าง ๆ ที่กำหนดขึ้นตามกรอบของปัญหาการวิจัย เก็บข้อมลู ที่กำหนดไว้ แยกตามกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ และใช้ วิธีการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ (Informal 2. การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการเก็บข้อมูล interview) โดยหลีกเลี่ยงภาษาที่เป็นทางการ ภาคสนามนั้น ผู้วิจัยเดินทางลงพื้นที่เก็บข้อมูลด้วย ขณะพูดคุยนั้นผู้วิจัยก็จะสอบถามเรื่องทั่วไปร่วม ตนเอง โดยลงพื้นที่เป็นจำนวน 3 ครั้ง ครั้งละ ด้วย เพื่อสร้างความเป็นกันเองให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึก 2 – 4 วัน ผู้วิจัยได้วางแผนการเดินทางและใช้เวลา ผ่อนคลาย รวมถึงการสัมภาษณ์ในสถานที่ เก็บข้อมูลให้เหมาะสมด้วยการติดต่อนัดหมายกับ ซึ่งผู้ให้ข้อมูลสะดวกที่จะให้ข้อมูล เน้นการพูดคุย ทำความเข้าใจให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึกมีอิสระในการตอบ คำถาม เนื่องจากบางประเด็นอาจเป็นเรื่อง ที่ค่อนข้างเป็นความลับ ผู้ให้ข้อมูลจึงสามารถสงวน สิทธิ์ที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลแก่ผู้วิจัยได้ และ ในการสัมภาษณ์ทุกครั้ง ผู้วิจัยจะขออนุญาต 7
ในการบันทึกเสียงและบันทึกภาพ ทั้งนี้ วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ในการสัมภาษณ์ แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมง ยืดหยุ่นตามความสะดวกของผู้ให้ข้อมูล ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) ในการสนทนาผวู้ จิ ยั จะกระทำ โดยไม่เรง่ รบี เพื่อให้ ผู้ให้ข้อมูลมีเวลาในการทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ และภายหลังการสัมภาษณ์ในทุกครั้ง เพ่ือ แสดงความเห็นอย่างเต็มที่และสามารถเปิดเผยได้ หลีกเลี่ยงการบิดเบือนหรือคลาดเคลื่อนเนื่องจาก อยา่ งตรงไปตรงมา การลืมเลือน ในกรณีที่ทำไม่ได้ในทันทีก็จะจด บันทึกเฉพาะคำสำคัญ (Key words) เพื่อเตือน 2.2.2 การสนทนากลุ่ม (Focus group) ความจำ และรีบบันทึกอย่างละเอียดทันที ผู้วิจัยได้ทำการสนทนากลุ่มกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เมอ่ื มีโอกาส หรือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ คณะครู บุคลากร นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้วิจัยด้วย ผู้ปกครอง และคนในชุมชน ซ่ึงข้อมูลจาก 4 วิธีการหลัก ทั้งการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม ผู้ให้ข้อมูลกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญ ในการช่วยอธิบาย การสังเกต และการจดบันทึก มีความเกี่ยวข้อง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะเน้น เชื่อมโยงกัน ซึ่งในทุกครั้งที่มีการสัมภาษณ์ ไปในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ หรือสนทนากลุ่ม ผู้วิจัยจะดำเนินการสังเกตร่วม สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ไปด้วย เพราะข้อมูลจากการสังเกตเป็นส่วนหนึ่ง โดยตรง ที่ทำให้ผู้วิจัยเข้าใจประสบการณ์ตามการรับรู้ ของผู้ให้ข้อมูลแต่ละรายได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงเข้าใจ 2.2.3 การสังเกต (Observation) ผู้วิจัย สภาพบริบททางกายภาพ ส่วนการจดบันทึกน้ัน ได้ทำการสังเกตแบบไม่ได้มีส่วนร่วมโดยสมบูรณ์ ผู้วิจัยจะดำเนินการทันทีหลังการสัมภาษณ์สิ้นสุด (Observer-as-Participant) ซึ่งเป็นการสังเกต ลง ร่วมกับการสัมภาษณ์เป็นหลัก โดยสังเกตว่าผู้ให้ ข้อมูลนั้น ขณะที่มีการพูดคุยสนทนา มีลักษณะ 3. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ท่าทางหรือปฏิบัติอย่างไร นอกจากนี้ในกรณีท่ี เพื่อให้การเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นไปอย่างมีทิศทาง เมื่อทราบว่าผู้ให้ข้อมูลจะมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ผู้วิจัยจึงมีแนวคำถามสำหรับการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้วิจัยได้ขออนุญาตติดตามผู้ให้ข้อมูลแต่ละรายไป โดยได้สร้างแนวคำถาม (Questions framework) ทำกิจกรรม และอาศัยช่วงเวลาในการทำกิจกรรม สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลมีลักษณะ นั้นพดู คุยสอบถามข้อมูลและสังเกตไปด้วย เป็นประเด็นกว้าง ๆ ที่กำหนดขึ้นตามกรอบ ของปัญหาการวิจัย เพื่อให้มีเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง 2.2.4 การจดบนั ทึก (Field note) ผู้วจิ ัย ที่ต้องการศึกษา และใช้เป็นแนวทางสำหรับ จดบันทึกข้อมูลอย่างทันท่วงทีภายหลังการสังเกต การปฏิบัติงานในภาคสนาม ทั้งนี้ เมื่อผู้วิจัยได้ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่สนใจ เข้าไปดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจริงจะมี การปรับเปลี่ยนและสร้างประเด็นคำถามใหม่ ๆ อยู่เสมอตามความเหมาะสม มีความยืดหยุ่น ในการสนทนาที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพื่อช่วยให้ 8
ผู้ถูกศึกษามีเวลาในการทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ วารสารการวิจยั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน และสามารถเปิดเผยได้อย่างตรงไปตรงมา โดยคำถามในการสัมภาษณ์จะมีลักษณะสำคัญ ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) 3 ประการ คือ ทั้งทางกว้างและทางลึกของเรื่องที่ศึกษาให้มากขึ้น 3.1 คำถามหลัก (Main questions) โดยการนำเอาเรื่องใหม่ที่เพิ่งได้พบจาก ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้วิจัยได้ตั้งประเด็นขึ้นมาสำหรับ การสัมภาษณ์ขึ้นมาเป็นประเด็นถามต่อ โดยมี การสัมภาษณ์ไว้ล่วงหน้า (Interview guide) จุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อวิจัย เพื่อให้ครอบคลุมประเด็นที่จะทำการศึกษา ให้ลึกลงไป คำถามประเภทนี้ผู้วิจัยจะใช้เฉพาะ โดยแนวคำถามที่กำหนดไว้ในครั้งนี้ เป็นเพียง ขณะที่ทำ การสัมภาษณ์ หรืออาจเก็บไว้สัมภาษณ์ กรอบการสัมภาษณ์ที่กำหนดในเบื้องต้น เพื่อให้ได้ คราวหลังถ้าเป็นเรื่องที่มีประเด็นความสำคัญมาก ข้อมูลที่ตอบคำถามการวิจัยได้ แต่ทั้งนี้ต้องมี และตอ้ งใชเ้ วลา ค ว า ม ย ื ด ห ย ุ ่ น แ ล ะ ส า ม า ร ถ ป ร ั บ เ ป ล ี ่ ย น ไ ด้ ตลอดเวลา ทั้งในแง่ของการใช้ถ้อยคำในเวลาถาม 4. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และลำดับก่อนหลังคำถามขึ้นอยู่กับผู้ให้สัมภาษณ์ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทันที และสถานการณใ์ นการสัมภาษณ์ ที่เก็บข้อมูลจากสนามวิจัยได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งข้อมูล ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนแรก ผู้วิจัยใช้ อนึ่ง ในการทบทวนความสอดคล้องระหว่าง เป็นตัวกำหนดทิศทางในการเก็บรวบรวมข้อมูล คำถามกับประเด็นการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ให้ ในครั้งต่อไป และใช้เป็นข้อมูลในการแก้ไขปรับปรุง ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน กลั่นกรองแนวคำถาม หรือกำหนดประเด็นคำถามย่อยของการวิจัยข้ึน กอ่ นนำไปใชจ้ รงิ ใหม่ โดยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลและ การวิเคราะห์ข้อมูลไปพร้อมกัน สำหรับการวิจัย 3.2 คำถามเพื่อขอรายละเอียดและ ใ น ค ร ั ้ ง น ี ้ ผ ู ้ ว ิ จ ั ย ไ ด ้ ท ำ ก า ร ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ ข ้ อ มู ล ความชัดเจน (Probing questions) เป็นคำถาม ตามแนวทางของไมลส์และ ฮูเบอร์แมน (Miles & หลังจากที่ผู้ให้ข้อมูลตอบคำถามหลัก แต่คำตอบ Huberman, 1994) ซ่ึงมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้ ยังไม่ชัดเจนพอ อาจจะขอรายละเอียดหรืออาจมี ประเด็นใหม่ที่น่ารู้น่าติดตาม ซึ่งจะช่วยให้ผู้วิจัยได้ 4.1 การจัดระเบียบข้อมูล (Data ข้อมูลที่มีรายละเอียดลงลึกในเรื่องนั้น ๆ มากขึ้น organizing) ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากการลงสนาม ช่วยให้ได้ความชัดเจนมากขึ้น และแสดงให้ เพื่อสัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ ผู้ให้ข้อมูลเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดนั้น ผู้วิจัยกำลังรับฟัง ซึ่งเริ่มต้นด้วยการจัดระเบียบของข้อมูล เพราะ ด้วยความสนใจและใสใ่ จ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาจากภาคสนามนั้น มักไม่อยู่ ในรูปที่พร้อมจะนำไปใช้วิเคราะห์ได้ทันที ดังน้ัน 3.3 คำถามเพื่อตามประเด็น (Follow- ผู้วิจัยจึงนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาได้มาจัดรูป up questions) เป็นคำถามที่ผู้วิจัยมุ่งจะเพิ่มมิติ ให้เหมาะสมก่อน ซึ่งก็คือข้อมูลที่ผู้วิจัยได้ จากการสัมภาษณ์ที่ถูกจดบันทึกด้วยลายมือ และการบันทึกเสียงไว้ จากนั้นผู้วิจัยทำการเปลี่ยน 9
ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ได้มาจากการถอดเทป วารสารการวิจัยการศึกษาขน้ั พื้นฐาน บันทึกเสียงคำสัมภาษณ์อย่างละเอียด ชนิดคำต่อ คำ (Transcribing interview) ให้มาอยู่ในรูปแฟ้ม ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) ข้อมูลที่พร้อมสำหรับการอ่านและสามารถนำไปใช้ ประมวลผลโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในขั้นตอนต่อไป 4.3 การหาข้อสรุป การตีความ และการ จากนั้นผู้วิจัยอ่านข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้เข้าใจ ตรวจสอบความถูกต้องแม่นตรงของผลการวิจัย ภาพรวมของข้อมูลก่อน โดยพยายามขจัดอคติและ (Conclusion, Interpretation andVerification) การตัดสินล่วงหน้า ทำความเข้าใจความหมายผ่าน จากการที่ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลทันที ข้อมูลที่มีการอ่านนี้ทำหลายรอบ โดยมีจุดมุ่งหมาย ที่เก็บข้อมูลจากสนามวิจัยได้จำนวนหนึ่ง และ เพื่อเข้าใจมองเห็นภาพรวมของความคิดและ ดำเนินการเก็บข้อมูลไปจนกระทั่งเมื่อวิเคราะห์ ประสบการณ์ของผู้ให้ข้อมูลหลักแต่ละราย และ ข้อมูลแล้วผู้วิจัยมั่นใจว่าแบบแผนของชุด เนื่องจากการวิจัยเชิงคุณภาพไม่เน้นการใช้ ความหมายหรือมโนทัศน์ที่เกิดขึ้นนั้นซ้ำ ๆ กันจน เครื่องมือเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจึงต้องมีการเขียน เป็นแบบแผนที่แน่นอน แม้จะทำการสัมภาษณ์ บันทึกการสังเกต เพื่อสามารถนำมาใช้ คนอื่น ๆ ต่อไปก็ไม่ได้ข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีก เรียก ประกอบการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้ว่าข้อมูลมีความอิ่มตัวเพียงพอในช่วงระยะเวลา ที่ทำการวิจัย ผู้วิจัยจึงหยุดเก็บข้อมูล ทั้งนี้ 4.2 การแสดงข้อมูล (Data display) ในระหว่างที่วิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้ทำข้อสรุป การแสดงข้อมูลเป็นกระบวนการนำเสนอข้อมูล ชั่วคราวและตัดทอนข้อมูล (Memoing data โดยผู้วิจัยได้นำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จาก reduction) ด้วยการลองเขียนข้อสรุปแต่ละเรื่อง การตรวจสอบแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของ ซึ่งช่วยในการลดขนาดข้อมูลและช่วยกำจัดข้อมูล การพรรณนามากำหนดรหัส (Coding) และจัด ท่ีไมต่ อ้ งการออกไปได้ ข ้ อ ม ู ล เ ข ้ า ไ ป เ ป ็ น ห ม ว ด ห มู่ ( Categoring) ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้กำหนด 5. ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ค ุ ณ ภ า พ ข ้ อ มู ล รหัสสำหรับการวิเคราะห์ด้วยการนำปัญหา (Trustworthiness of the study) การวิจัยเป็นตัวตั้ง และทำการกำหนดรหัสตั้งต้น ให้สอดคล้องกับประเด็นปัญหาการวิจัยที่ผู้วิจัยได้ ใ น ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ค ุ ณ ภ า พ ข ้ อ มู ล ตั้งขึ้น ซึ่งในขั้นตอนนี้เป็นการที่ผู้วิจัยได้มองหา (Trustworthiness of the study) นั้น ผู้วิจัยได้ ความเหมือนและความแตกต่างของชุดข้อมูล ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ช่วงเริ่มเก็บ เพื่อแยกเอาชุดข้อมูลไปไว้ในหมวดหมู่ต่าง ๆ ท่ี ข้อมูล ช่วงระหว่างเก็บข้อมูล ซึ่งถือเป็น สร้างไว้ การตรวจสอบทันทีในสนาม หรือแม้กระทั่ง เมื่อออกจากสนามไปแล้ว ก็อาจย้อนกลับมา ตรวจสอบข้อมูลบางส่วนอีกได้ หากข้อมูลที่ได้ไป แต่เดิมมีลักษณะแปลกไม่สอดคล้องกับข้อมูลอื่น ๆ ในชุดเดียวกัน สำหรับการตรวจสอบข้อมูล ในงานวิจัยนี้ ผู้วิจัยดำเนินการทั้ง การตรวจสอบ ด้านความเชื่อถือได้ของข้อมูล (Credibility) 10
ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ด ้ า น ค ว า ม ไ ว ้ ว า ง ใ จ ไ ด้ วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน (Dependability) และการตรวจสอบด้านการ ยนื ยนั ผลการวจิ ัย (Confirmability) ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) ผลการวจิ ยั แด่ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผลการวิจัย แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก (ม.ล.ปิ่น มาลากุล) ในปี พ.ศ. 2506 เมื่อครั้งเสด็จ พระราชดำเนินทรงเปิดงานแสดงศิลปหัตถกรรม ได้แก่ 1) ความเข้าใจและการให้ความหมาย น ั ก เ ร ี ย น ป ร ะ จ ำ ป ี ก า ร ศ ึ ก ษ า 2506 แ ล ะ ของการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับ พระราชทานรางวัลให้แก่โรงเรียนราษฎร์สอน รางวัลพระราชทานของผู้อำนวยสถานศึกษาและ ศาสนาอิสลามซึ่งจัดการศึกษาดีเด่น ใจความ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบ และ ของพระราชปรารภมีว่า “มีนักเรียนจำนวนมาก 2) แนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการสถานศึกษา ซึ่งมีความประพฤติดี และมีความมานะพยายาม ขนาดเล็ก เพอื่ รับรางวัลพระราชทาน ดงั น้ี ศึกษาเล่าเรียนได้ผลดี รวมทั้งมีโรงเรียน ซึ่งจัดการศึกษาดี จนนักเรียนได้รับผลการเรียนดี 1. ความเข้าใจและการให้ความหมาย เป็นส่วนรวม นักเรียนและโรงเรียนที่มีคุณสมบัติ ของการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับ ดังกล่าว สมควรจะได้รับรางวัลพระราชทานและ รางวัลพระราชทานของผู้อำนวยสถานศึกษาและ ทรงยินดีจะพระราชทานรางวัลให้” ด้วยเหตุนี้ ผ้มู ีส่วนเก่ยี วข้องในสถานศึกษาตน้ แบบ กระทรวงศึกษาธิการ (โดยกรมวิชาการ ซึ่งเป็นหน่วยงานในขณะนั้น) ได้น้อมนำพระราช 1.1 ผู้อำนวยสถานศึกษาและผู้มีส่วน ปรารภมาพิจารณาดำเนินการด้วยความสำนึก เกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบมีความเข้าใจ ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และถือเป็น ว่าการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับ ภารกิจสำคัญที่ปฏิบัติสืบต่อมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 รางวัลพระราชทานให้ประสบผลสำเร็จด้วยดี จนถึงทุกวันนี้ เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสอันดี จะต้องได้รับการสนับสนุนจากต้นสังกัด ตั้งแต่ ในการทำกิจกรรมที่สนองพระราชปรารภของ ระดับสถานศกึ ษาจนถึงระดับกระทรวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แล้ว รางวัลพระราชทานยังเป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิดการ กระทรวงศึกษาธิการได้น้อมนำพระราช ยกระดับและพัฒนามาตรฐานคุณภาพการจัด ปรารภมาพิจารณาดำเนินการด้วยความสำนึก การศึกษาของชาติให้ดยี งิ่ ขึ้นด้วย ในพระมหากรณุ าธิคณุ เปน็ ลน้ พน้ “... ได้มีการวางระเบียบกระทรวง การคัดเลือกสถานศึกษาเพื่อรับรางวัล ศึกษาธิการว่าด้วยรางวัลพระราชทานแก่นักเรียน พระราชทานเกิดขึ้นจากน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วย และสถานศึกษาเพื่อถือปฏิบัตินับตั้งแต่ปี พ.ศ. พระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา 2507 เปน็ ต้นมา ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ก) ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถ บพิตร (รัชกาลที่ 9) ที่ทรงมีพระราชปรารภ 11
“... กระทรวงศึกษาธิการมีการประกาศ วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน สมัครสถานศึกษารางวัลพระราชทานทุกปีอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง ...” (ครูพะยูง) ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) “... ต้นสังกัดของเราเห็นความสำคัญ ที่กำหนดในระดับกลุ่มจังหวัด จะได้รับเกียรติบัตร ของการยกระดับคุณภาพการศึกษา จึงมี จาก สพฐ. ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ข) การประชาสัมพันธ์ การเสนอขอรับรางวัล พระราชทานเปน็ ประจำทกุ ปี ...” (ครชู ิงชนั ) “... สพฐ. ได้กำหนดเกณฑ์การประเมิน ที่ให้รายละเอียดในการตัดสินตามมาตรฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา แต่ละด้าน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระตุ้นการเสนอขอรับรางวัล โดยรวมอกี ดว้ ย ...” (ครกู ระพ)ี้ พระราชทาน ผู้บริหารสถานศึกษาสนองนโยบาย สพฐ. ได้กำหนดการคัดเลือกนักเรียน โดยการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ และสถานศึกษาเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ระดับ สถานศกึ ษาขนาดเล็กเพอื่ รบั รางวลั พระราชทาน การศึกษาขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับระเบียบ และประกาศกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยรางวัล การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษาและสถานศึกษา เพื่อรับรางวัลพระราชทานให้บรรลุตามเป้าหมาย และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง และวัตถุประสงค์ ผู้บริหารสถานศึกษาจึงกำหนด หลักเกณฑ์และแนวทางการคัดเลือกนักเรียน แนวทางการดำเนินงานของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน นักศึกษา และสถานศึกษาเพื่อรับรางวัล ในมิติต่าง ๆ ดงั นี้ พระราชทาน ทุกปกี ารศกึ ษาอย่างต่อเนือ่ ง (1) มุ่งเน้นการสร้างความสำเร็จ “... สพฐ. แบ่งการคัดเลือกสถานศึกษา ที่ปรากฏในตัวนักเรียนอันเป็นผลจากการจัด ออกเป็นกลุ่มจังหวัดในการประเมินรางวัล การศึกษาของสถานศึกษาในด้านผลสัมฤทธิ์ พระราชทานระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ทางวิชาการและคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ 13 กลุ่ม โดยสถานศึกษาทุกระดับการศึกษา ที่ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเกณฑ์เป็นลำดับที่ 1 “... นักเรียนจะต้องมีความสามารถใน จะได้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตร และได้รับเงิน การอ่านเขียนภาษาไทยและสื่อสารได้อย่างดี และ รางวัล 40,000 บาท ส่วนสถานศึกษาที่ได้รับ มีความสามารถในการคิดคำนวณอยู่ในระดับที่ดี การคัดเลือกให้ผ่านเกณฑ์ในลำดับที่ 2 และ 3 สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารได้ จะได้รับเกียรติบัตรชมเชยจากกระทรวง อ ย ่ า ง เ ห ม า ะ ส ม ต า ม ม า ต ร ฐ า น แ ล ะ ต ั ว ช ี ้ วั ด ศึกษาธิการ นอกจากนั้นสถานศึกษาที่ได้รับ ของหลักสูตรรวมทั้งนักเรียนควรจะต้องมี การคัดเลือกและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ ความสามารถในการแก้ปัญหา คิดวิเคราะห์ คิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถอภิปรายแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นอย่างเป็นขั้นตอน และนำไป ประยุกตใ์ ชใ้ นสถานการณต์ า่ ง ๆ ไดด้ ้วย ...” (ผอ.ร. ร.พระราชทาน ก) 12
“... นอกจากนักเรียนจะต้องเป็นคนเก่ง วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ จะต้องเป็นคนดีด้วย ...” (ครูสาธร) ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) “... นักเรียนต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม ให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับหลักสูตร จริยธรรม ค่านิยม ตามที่กำหนดและแสดง แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป้าหมายและ การกระทำที่สะท้อนว่าเห็นประโยชน์ส่วนรวม วิสัยทัศน์ของสถานศึกษา แล้วนำหลักสูตร มากกว่าส่วนตน มีความตระหนักและแสดงออกถึง ของสถานศึกษาไปออกแบบจัดการเรียนการสอน การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างเป็นขั้นตอน นอกจากนั้นมีการนิเทศติดตาม และสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน โดยมีการวางแผน และประเมินการใช้หลักสูตรอย่างต่อเนื่อง ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ร่วมอนุรักษ์ทั้งภายในและ เพื่อนำผลมาปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร ภายนอกสถานศกึ ษา ...” (ครูประด่)ู โดยใช้กระบวนการวจิ ยั ...” (ครมู ะค่า) (2) พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาด้วย “... ม ี ร ู ป แ บ บ ก า ร จ ั ด ก ิ จ ก ร ร ม การวิเคราะห์และกำหนดเป้าหมายของการพัฒนา ที่หลากหลาย ท้าทาย สร้างสรรค์ น่าสนใจท้ัง คุณภาพการศึกษา ออกแบบ จัดทำ นำไปใช้เก็บ กิจกรรมรายบุคคล และกิจกรรมกลุ่ม ...” ข้อมูลสารสนเทศผ่านกระบวนการวิจัยเพื่อพัฒนา (ครเู คี่ยม) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการจัดกิจกรรมเสริม หลักสูตรเพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่าง (3) ผู้บริหารสถานศึกษาแสดงภาวะผู้นำ บุคคลและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ในการพัฒนาสถานศึกษาให้บรรลุเป้าหมาย มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมเสริม โดยยึดหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม สร้างผลงาน หลักสูตรตามหลักสูตรสถานศึกษา มีการใช้ส่ือ โดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ เทคโนโลยี เพื่อการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ที่เน้น ของบุคลากรในสถานศึกษาให้มุ่งพัฒนาสู่องค์กร การวิเคราะห์และการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง แห่งความเป็นเลิศ ดำเนินการจัดหาและพัฒนาสื่อ ในการผลิต ให้บริการ นำไปใช้ บำรุงรักษา เทคโนโลยีและระบบส่ือสารเพื่อการบริหารและ อย่างเป็นระบบ ให้ความสำคัญกับชุมชนท้องถิ่น การจัดการเรียนการสอนได้อย่างคุ้มค่า ด้วยระบบ ที่สนับสนุนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการจัด การประกันคณุ ภาพภายในที่เข้มแข็ง การศึกษาจนบรรลุตามเป้าหมายที่สถานศึกษา กำหนด ตลอดทั้งมีการพัฒนาระบบการวัดและ “... ผู้บริหารจะต้องเป็นผู้นำที่ดี ประเมินผลของสถานศึกษาใหม้ ีประสิทธิภาพ มีการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครูและบุคลากร ทางการศึกษาให้ได้รับ การพัฒนาอย่างทั่วถึง และ “... ครูจะนำผลการวิเคราะห์ความต้องการ จะต้องประพฤติตนให้เป็นที่ยอมรับของผู้มีส่วน จำเป็นของสถานศึกษามาพัฒนาหลักสูตร เกี่ยวข้อง และต้องทำให้บุคลากรมีความพึงพอใจ ในทุกการกระทำของผู้บริหาร ...” (ผอ.ร.ร.พระ ราชทาน ค) “... ผู้บริหารมีคุณธรรม จริยธรรมและ อทุ ิศตนในการปฏบิ ัติงาน ...” (ครพู ะยอม) 13
“... สถานศึกษาส่งเสริมคุณธรรม วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน จริยธรรม และค่านิยมที่ดีงาม เพื่อพัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนสอดคล้อง ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) กับบริบทของโรงเรียนและชุมชนเป็นรูปธรรม ชัดเจน ...” (ครูตะเทยี นทอง) “... ครูกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ให้ ครอบคลุมทั้งด้านองค์ความรู้ ทักษะกระบวนการ (4) ค ร ู จ ั ด ก า ร เ ร ี ย น ก า ร ส อ น ท ี ่ มี และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานตัวชี้วัด การออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียน จุดเน้นของหลักสูตร และเพิ่มเติมเป้าหมายตาม มีการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่เป็นองค์ความรู้ ความต้องการจำเป็นของนักเรียนมีการออกแบบ ทักษะกระบวนการและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กิจกรรมการเรียนรู้และการมอบหมายงาน ตรงตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรและ ท่หี ลากหลาย ...” (ครูสะเดา) จุดเน้นของสถานศึกษา มีการออกแบบกิจกรรม การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ระบุแนวทาง “... ครูออกแบบการเรียนรู้โดยใช้ข้อมูล การวัดผลประเมินผลและการใช้สื่อไว้ชัดเจน การวิเคราะห์นักเรียนและความเข้าใจนักเรียน ดำเนินการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนมีโอกาส รายบุคคลเน้นความสามารถในการอ่าน เขียน ได้ฝึกฝน ปฏิบัติ ทำางานกลุ่ม มีการอภิปราย การสอ่ื สาร การคดิ คำนวณ ...” (ครตู ะกู) นำเสนอผลงานด้วยวิธีการที่เหมาะสม ประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีและ การสื่อสาร นักเรียนได้คิด “... ครูจัดสอนซ่อมเสริมให้แก่นักเรียน แก้ปัญหา สะท้อนความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ได้ ที่มีความบกพร่องทางการเรียน เพิ่มพูนศักยภาพ เรียนรู้ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษดูแลให้นักเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์เชิงบวก ยอมรับความแตกต่าง เรียนรู้ตามศักยภาพไดท้ ั่วถงึ ...” (ครูกระพ)ี้ ระหว่างบุคคล นักเรียนได้รับการกระตุ้นและ พัฒนาวิธีการเรียนรู้ มีการตรวจสอบและประเมิน (5) ดำเนินการโครงการ/กิจกรรม การเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ทั้งความรู้ความเข้าใจ ข อ ง ส ถ า น ศ ึ ก ษ า จ น บ ร ร ล ุ ผ ล ส ำ เ ร็ จ การประยุกต์ใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่าและ เกิดความภาคภูมิใจ ซึ่งโครงการ/กิจกรรมดีเด่นนั้น คิดสร้างสรรค์เป็นระยะ จัดให้นักเรียนประเมิน ล้วนเป็นโครงการที่เป็นโครงการตามแนว ตนเอง และใช้วิธีการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรม ที่หลากหลายรายงานข้อมูลความก้าวหน้า ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช แก่นักเรียน และเสนอแนะผู้ปกครองรวมทั้งใช้ บรมนาถบพิตร และ/หรือพระบาทสมเด็จ ข้อมูล การประเมินนักเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ การศกึ ษา พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ นโยบาย และเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพ ของสถานศึกษา ส่งผลกระทบถึงคุณภาพนักเรียน ใช้หลักการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม เน้น การทำงานที่เป็นระบบ เกิดประโยชน์ในวงกว้าง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงาน ด้วยความเต็มใจ ยึดเป้าหมายความสำเร็จของงานร่วมกัน ผลงาน 14
จากการดำเนินโครงการ/กิจกรรมดีเด่นของ วารสารการวิจยั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน สถานศึกษาเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการ ของนักเรียนรอบด้าน นักเรียนส่วนใหญ่ได้รับ ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) ประโยชน์ ผลงานได้รับการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้อง และชุมชน มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงาน สนับสนุนทิศทางใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อการ อย่างแพร่หลาย เดินทางสู่เป้าหมายของความสำเร็จทีย่ ่งั ยนื “... โครงการต่าง ๆ ของสถานศึกษา “... โรงเรียนขนาดเล็กมีปัญหาในการ ล้วนสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ บริหารการจัดการเรียนการสอนหลายประการ พระเจา้ อย่หู วั ... ” (ครกู ันเกรา) และการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เช่น งบประมาณไม่เพียงพอ ครูไม่ครบชั้น ครูยังขาด “... โครงการของสถานศึกษาสอดคล้อง นวัตกรรมการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับ กับวิสัยทัศน์ นโยบาย เป้าหมายและจุดเน้น โรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การ การพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา เกิดจาก พัฒนาโรงเรียนไม่บรรลุเป้าหมาย แต่ผู้บริหาร การร่วมกันของทุกฝ่ายในสถานศึกษา ...” (ครูยม สามารถพลิกวิกฤตนี้ได้ หากสร้างแรงบันดาลใจที่ดี หอม) ในการปฏิบัติงานให้กับครู ...” (ผอ.ร.ร.พระราช ทาน ข) “... ผลการดำเนนิ โครงการเกดิ ประโยชน์ ต่อการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน และ “... จิตใจที่เข้มแข็งและการอยู่กับเพื่อน มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานต่าง ๆ ด้วย ร่วมงานอย่างเป็นสุข จะทำให้การทำงานบรรลุ วิธกี ารทห่ี ลากหลาย ...” (ครูนนทรี) เป้าหมายได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดและอุปสรรค มากมาย ...” (ครสู ตั บรรณ) 1.2 ผู้อำนวยสถานศึกษาและผู้มีส่วน เกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบให้ความหมาย “... ผู้บริหารคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังแห่ง ของการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก ความสำเร็จ ไม่ทอดทิ้ง ไม่ปล่อยให้เผชิญปัญหา เพื่อรับรางวัลพระราชทานว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง โดยลำพัง ...” (ครพู ะยงู ) ที่ต้องใช้เวลาและการลงมือปฏิบัติอย่างมุ่งมั่น เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จนั้น “... ทุกมิติในโรงเรียนเริ่มดีขึ้น เป็นไปใน ล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แตกต่างกันหลายประการ ทิศทางที่ดี เพราะผู้นำสามารถทำให้เราเห็นเส้นชัย โดยเฉพาะปัจจัยด้านบุคลากร ซึ่งผู้บริหาร ไดช้ ดั เจน ... ” (ครูพฤกษ)์ สถานศึกษาจะต้องทำให้บุคลากรยอมรับในแนวคิด และพฤติกรรมใหม่ รวมทั้งจะต้องปรับเปลี่ยน นอกจากนั้น ผู้อำนวยสถานศึกษาและผู้ วัฒนธรรมเดิมและสร้างแรงจูงใจให้บุคลากร มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานศึกษาต้นแบบยังกำหนด องค์ประกอบของการบริหารจัดการสถานศึกษา ขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานในประเด็น ต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดดงั นี้ 1.2.1 ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมี วิสยั ทศั น์เชิงกลยุทธภ์ ายใต้ภาวะผูน้ ำเชงิ นวตั กรรม 15
การมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์เป็นสิ่ง วารสารการวิจยั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน สำคัญที่ผู้บริหารสถานศึกษาพึงมี รวมทั้งควรยึด หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วมตามหลักธรรมาภิ ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) บาลของการบริหารกิจการบา้ นเมืองทด่ี ี มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และอุทิศตน ในการปฏิบัติงาน วางแผน ประสิทธิภาพและประสิทธิผล จนได้รับการรับรอง พัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จัดทำ มาตรฐานการศึกษาจากสำนักงานรับรองมาตรฐาน หลักสูตรสถานศึกษาที่พัฒนาคุณภาพนักเรียนทุก และประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา ...” (ครจู ามจุร)ี กลุ่มเป้าหมาย มีความเป็นประชาธิปไตย สามารถ บริหารและจัดการ มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ “... ผู้อำนวยการโรงเรียนประพฤติปฏิบัติ ชัด สร้างขวัญกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทาง ตนอยู่ในกรอบจรรยาบรรณวิชาชีพ และปฏิบัติงาน การศึกษาให้ได้รับการพัฒนาอย่างทั่วถึงและมี ตามหลักศาสนา มีคุณธรรม จริยธรรม เป็น ความพึงพอใจจากการบริหารงานของผู้บริหาร แบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา นักเรียน และ และสามารถเปน็ แบบอยา่ งท่ดี ีแกส่ ถานศึกษาอนื่ ๆ ชุมชน ทั้งในด้านความซื่อสัตย์สุจริต มีความ ยุติธรรม ไม่ลำเอียง ไม่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัว มี “… พฤติกรรมที่แสดงออกของผู้บริหาร ความมั่นคงทางอารมณ์ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สถานศึกษาย่อมมีอิทธิพลต่อกระบวนการทำงาน เสียสละทั้งเวลาและกำลังทรัพย์เพื่อประโยชน์ บุคคลในสถานศึกษา เพื่อนำไปสู่การสร้าง ส่วนรวม มีการรักษาสุขภาพอนามัยตนเองแข็งแรง นวัตกรรมใหม่ ๆ และให้บรรลุเป้าหมาย เกิดการ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จนได้รับการไว้วางใจเป็น เปลี่ยนแปลงที่เพิ่มมูลค่าแก่สถานศึกษาเพื่อพัฒนา ที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่าง ๆ อีกท้ัง สถานศึกษาให้มีคุณภาพ ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ผู้บริหารโรงเรียนมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อ ข) เป็นแนวทางในการประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ของสังคม และยึดหลักคุณธรรม การมีเมตตา “… ผู้บริหารสถานศึกษาจำเป็นต้องบริหาร กรุณา รับฟังความคิดเห็น เคารพในกติกาและ เหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดย ความมีเหตุผล ความถูกต้อง โดยเน้นประโยชน์ของ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการบรรลุ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั ...” (ครูมะคา่ ) เป้าหมายหรือภารกิจขององค์กร ซึ่งต้องควบคุม กิจกรรมและกระบวนการดำเนินงานต่าง ๆ ...” “... ผู้บริหารโรงเรียนเป็นผู้มีแนวคิด (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ค) วิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลมีจุดยืนในการพัฒนา สถานศึกษาอย่างชัดเจน มีการปรับปรุงโครงสร้าง “… ผู ้ อำนวยการจะต้ อง เ ป็ นผู ้ ที ่ มี การบริหารงานของโรงเรียน มอบหมายการปฏิบัติ ความสามารถทั้งงานวิชาการและงานบริหาร หน้าที่ตามความสามารถของบุคคล เน้นการทำงาน จัดการโดดเด่น จนมีผลการพัฒนาประจักษ์ชัด ให้ เป็นทีม มีการวางแผนติดตามงานอย่างเป็นระบบ การดำเนินงานของโรงเรียนเป็นไปอย่างมีระบบ มี รู้เท่าทันยุคสมัย สอดคล้องกับบริบทมีความเป็น ผู้นำและสร้างผู้นำให้สามารถนำชุมชน เข้าร่วม พัฒนาโรงเรียนด้วยความเตม็ ใจ ...” (ครูกันเกรา) 16
1.2.2 สถานศึกษาต้องมีระบบพัฒนา วารสารการวิจัยการศึกษาขัน้ พื้นฐาน องค์กรให้เกิดประสทิ ธิผลสคู่ วามเป็นเลิศ ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) การพัฒนาองค์กรของสถานศึกษา ถือว่า สถานศกึ ษาเปน็ ส่วนหนึ่งของชมุ ชน การดำเนินงาน สภาพแวดล้อม ภายในและภายนอกของโรงเรียน ประสานความร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วม เพื่อให้เอื้อต่อการเรียนรู้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง ปฏิบัติร่วมกันในทุกภาคส่วน ได้แก่ สถานศึกษา และชุมชน โดยมีการออกคำสั่งแบ่งงานรับผิดชอบ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เครือข่าย ในแต่ละกลุ่มสีทั้ง ๕ วัน และมีการแบ่งพื้นที่ ผู้ปกครอง คณะครู บุคลากร นักเรียนผู้ปกครอง บริเวณรับผิดชอบให้นักเรียนทุกระดับชั้นได้ร่วมกัน และชุมชนจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาองค์กร ทำความสะอาด และช่วยดูแลความสะอาดของใน ให้ประสบความสำเร็จ เกิดประสิทธิภาพและมี ทุกพื้นที่ของโรงเรียน และมีระบบรักษาความ ประสทิ ธผิ ลสูงสดุ และให้เป็นทยี่ อมรบั จากสงั คม ปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพโดยมีการติดตั้งกล้อง CCTV ในทุกจุดที่สำคัญทั้งภายในและภายนอก “... ต้องจัดให้มีการประชุมคณะครู ของโรงเรียน ...” (ครูสาธร) ผู้ปกครองนักเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานเพื่อร่วมกันศึกษาบริบทของโรงเรียน 1.2.3 สถานศึกษาต้องจัดหาและพัฒนา ชุมชน นโยบายและจุดเน้นในการ จัดการศึกษา สือ่ เทคโนโลยีและการสอ่ื สาร ของโรงเรียน ความต้องการของชุมชน นโยบาย และจุดเน้นในการจัดการศึกษาของโรงเรียน ความ ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมีการ ต้องการของชมุ ชน ...” (ครูสตั บรรณ) ดำเนินการจัดหาและพัฒนาสื่อเทคโนโลยีและการ สื่อสารเพื่อใช้ในการเรียนการสอน และการบริหาร “... ครูพัฒนาระบบแนะแนวและระบบดูแล และการจัดการ วางแผนและกำหนดแนวทางการ ช่วยเหลือนักเรียน และดำเนินการอย่างมี ใช้ ตลอดจนกำกับติดตาม ประเมินผลการใช้ และ ประสิทธิภาพ ดูแลนักเรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย นำผลที่ได้มาปรับปรุงพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด กำหนดผ้รู ับผิดชอบชดั เจน ...” (ครูไม้สกั ) ต่อการจัดการเรยี นการสอนและการบรหิ ารงาน “... มีการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และ “... ครู นักเรียนมีสื่อเทคโนโลยีและการ ค่านิยมที่ดีงามเพื่อพัฒนาครู บุคลากรทางการ สื่อสารเพื่อการศึกษาที่พร้อม เช่น คอมพิวเตอร์ ศึกษา และนักเรียน ให้สอดคล้องกับบริบทของ ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบโทรทัศน์และระบบวิทยุ โรงเรียนและชุมชนเป็นรูปธรรมชัดเจน ...” (ครู เพื่อการศึกษา สื่อ วิดีโอกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ตะก)ู ...” (ครูนนทร)ี “... มีการบริหารงานโดยได้มอบหมายให้ “... คุณครูสามารถใช้สื่อเทคโนโลยีใน ฝ่ายงานอาคารสถานที่และฝ่ายงานสิ่งแวดล้อม จัดการเรียนการสอนในห้องเรียนและห้องศูนย์การ รับผิดชอบ ดูแล และปรับปรุง ภูมิทัศน์ เรียนรู้ต่าง ๆ เช่น ห้องวิทยบริการมีคอมพิวเตอร์ ในการค้นหาข้อมูลและหนังสือต่าง ๆ และ ใช้ จัดการเรียนการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ฯลฯ ...” (ครสู าธร) 17
“… จากการกำกับติดตาม ประเมินผลการ วารสารการวิจัยการศึกษาข้นั พื้นฐาน ใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อการศึกษาอย่าง ต่อเนื่อง ทำให้ครูสามารถใช้สื่อเทคโนโลยีในการ ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) จัดการเรียนการสอน และนักเรียนมีความสามารถ ในการใช้สื่อ ค้นคว้าเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ ...” (ครู การบริหารจัดการให้เอื้อต่อการดำเนินงานที่ทุกคน จามจุรี) มีส่วนร่วม จัดฝึกอบรมให้ความรู้ กำหนดบทบาท หน้าที่ให้บุคลากรของสถานศึกษา ทุกคน และมี 1.2.4 บุคลากรทุกคนต้องขับเคลื่อนระบบ การประชาสัมพันธ์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่งตั้ง การประกันคุณภาพภายในสู่การปฏิบัติอย่าง คณะกรรมการเพื่อกำหนดแนวทางให้ความเห็น เข้มแข็ง และข้อเสนอแนะและแต่งตั้งคณะบุคคลทำการ ตรวจสอบ ทบทวนและรายงานคุณภาพการศึกษา สถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบการ และจัดให้มีข้อมูล ที่เพียงพอในการดำเนินงาน ประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ซึ่งเป็น พัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อนำมากำหนด กระบวนการที่สร้างความมั่นใจแก่ทุกฝ่ายว่าการจัด วิสัยทัศน์ ภารกิจและแผนพัฒนากำหนดบทบาท การศึกษาทุกระดับมีคุณภาพและจะคงรักษาไว้ซึ่ง หน้าที่ให้บุคลากรของสถานศึกษาทุกคนรวมทั้ง มาตรฐาน เน้นการประเมินตามสภาพจริง ไม่ ผู้เรียน รับผิดชอบและดำเนินงานตามที่กำหนดไว้ ยุ่งยาก สร้างมาตรฐานระบบการประเมิน เพื่อลด อย่างอย่างมีประสิทธิภาพ ...” (ผอ.ร.ร.พระราช ภาระการจดั เกบ็ ข้อมูล ลดการจัดทำเอกสารทใ่ี ชใ้ น ทาน ก) การประเมิน รวมทั้งพัฒนาผู้ประเมินภายในให้มี มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ การประเมินคุณภาพ “... ดำเนินการระบบประกันคุณภาพภายใน ของสถานศึกษาจะเน้นการเก็บข้อมูลในเชิง ของโรงเรียน โดยยึดหลักวงจรคุณภาพ PDCA ที่มี คุณภาพตามบริบทของสถานศึกษา ปรับกระบวน ส่วนร่วมของบุคลากรทุกส่วน เพื่อมุ่งพัฒนา ทัศน์ในการประเมินที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบน คุณภาพผู้เรียน โดยคำนึงถึงความพร้อมด้าน พื้นฐานบริบทของสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษา ทรัพยากรบุคคล สถานที่ซึ่งมีอยู่จำกัด และการใช้ ของสถานศึกษาจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทุน งบประมาณให้ไดป้ ระโยชน์สงู สุด ... ” (ครูยมหอม) มนุษย์และเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดที่ผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกคนในสถานศึกษาต้องรับรู้ “... โรงเรียนมีการบริหารจัดการที่เปิด และปฏิบัติงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบให้บรรลุถึง โอกาสให้คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองเข้า เป้าหมาย คือ มาตรฐานที่สถานศึกษากำหนดและ มา มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เสนอแนะ ร่วมรับผดิ ชอบตอ่ ผลการจดั การศึกษาท่เี กิดขึน้ ข้อคิดเห็น ประเมินความพึงพอใจในการ ดำเนินงานของโรงเรียน มีการรายงานผลการ “... โรงเรียนตระหนักถึงการประกัน ประเมินตนเอง และเผยแพร่ต่อสาธารณชนและผู้มี คุณภาพภายในสถานศึกษา จึงได้ทำจัดโครงสร้าง สว่ นเก่ียวขอ้ งอย่างตอ่ เนอ่ื ง ...” (ครตู ะกู) 1.2.5 สถานศึกษาต้องจัดระบบข้อมูล และสารสนเทศพ้ืนฐานที่มปี ระสิทธภิ าพ 18
สถานศึกษาจะต้องมีการจัดระบบข้อมูล วารสารการวิจัยการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน และสารสนเทศพื้นฐานครอบคลุม ครบถ้วน สมบูรณ์ ระบบการใช้งานมีประสิทธิภาพ ง่าย และ ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) สะดวกรวดเร็วต่อการสืบค้นและการให้บริการ มี การจัดเก็บอย่างเป็นระบบและทันสมัย พัฒนา และนำไปสู่ความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพ ต่อเนื่องเป็นปัจจุบัน มีการนำไปใช้ในการบริหาร ของสถานศึกษา สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และจัดการงานของสถานศึกษา รวมทั้งพัฒนาการ ของบุคลากรให้เหมาะสมกับสถานการณ์เงื่อนไข จัดการเรียนการสอน มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ห ร ื อ ส ิ ่ ง แ ว ด ล ้ อ ม ท ี ่ เ ป ล ี ่ ย น แ ป ล ง ไ ป โ ด ย ใ ช้ และกิจกรรมในสถานศึกษาที่ส่งผลถึงการพัฒนา กระบวนการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและ คุณภาพของสถานศึกษาหลากหลายวิธีและ เหมาะสม เพื่อให้งานสำเร็จและทุกคนเกิดพึงพอใจ นา่ สนใจ ในการปฏิบัติงาน อันประกอบไปด้วย 1) การมี วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ภายใต้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม “... มีการจัดระบบข้อมูลและสารสนเทศ ของผู้บริหาร 2) การมีระบบพัฒนาองค์กรให้เกิด พื้นฐานของสถานศึกษาครอบคลุม ครบถ้วน ประสิทธิผลสู่ความเป็นเลิศ 3) การจัดหาและ สมบูรณ์ ระบบการใช้งาน มีประสิทธิภาพ ง่าย พัฒนาสื่อเทคโนโลยีและ การสื่อสาร 4) การ และสะดวกรวดเร็วต่อการสืบค้นและ การ ขับเคลื่อนระบบการประกันคุณภาพภายในสู่การ ให้บริการ มีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบและทันสมัย ปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง และ 5) การจัดระบบข้อมูล พัฒนาต่อเนื่องเป็นปัจจุบัน มีการนำไปใช้ในการ และสารสนเทศพื้นฐานของสถานศึกษาที่มี บริหารและจัดการงานของสถานศึกษา รวมท้ัง ประสิทธิภาพ พฒั นาการจัดการเรียนการสอน ...” (ครมู ะค่า) 2. แนวปฏิบัติที่ดีในการขับเคลื่อน “... ใช้หลักการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม มี สถานศึกษาขั้นพื้นฐานขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล การประชุมครู บุคลากรทางการศึกษา ประชุม พระราชทาน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประชุม การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับ ผู้ปกครองนักเรียน โดยร่วมกันวางแผน การ รางวัลพระราชทานควรเริ่มจากการมุ่งเน้นพัฒนา ดำเนินงานของโรงเรียนและรายงานผลการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยการ ดำเนินงานให้หน่วยงานต้นสังกัด ผู้ปกครอง เสริมสร้าง ฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ถ่ายทอด คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนและ ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้มีความรู้ ชมุ ชน ทราบ ...” (ครสู ตั บรรณ) ทักษะ เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม และ จรรยาบรรณวชิ าชพี เพิ่มขน้ึ จะเห็นได้ว่า การบริหารจัดการสถานศึกษา ขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานเป็นวิธีการที่ “... การฝึกอบรมจะชว่ ยให้บคุ ลากรสามารถ ทำให้บุคลากรเกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงาน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพัฒนาองค์ ความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อความก้าวหน้าของ บุคลากรแต่ละคน และความก้าวหน้าของโรงเรียน ไปพร้อมกัน ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน ก) 19
“... ทุกคนในโรงเรียนจะต้องผันตัวเองเข้าสู่ วารสารการวิจยั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างมีระบบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหน่ึง ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) กระทั่งเปลี่ยนพฤติกรรมไปตามวัตถุประสงค์ที่ กำหนด ตลอดจนพัฒนาความสามารถจนเกิด “... มีการส่งเสริมให้ครูได้รับการอบรม ทักษะและความชำนาญ ...” (ผอ.ร.ร.พระราชทาน เกี่ยวกับเทคนิคการสอนตามกลุ่มรายวิชา มีการ ค) ประชุมครู เพื่อนิเทศติดตามผลการนำหลักสูตรไป ใช้ในชั้นเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้สื่อ “... มีการจัดประชุมเพื่อให้ครูออกแบบการ การสอนโดยผู้บริหาร ฝ่ายวิชาการและครูที่ได้รับ จัดการเรียนรู้โดยใช้ข้อมูลการวิเคราะห์นักเรียน มอบหมาย ...” (ครูนนทรี) และความเข้าใจนักเรียนรายบุคคล เน้น ความสามารถในการอา่ น เขียน การสือ่ สาร การคดิ “... ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องพัฒนา คำนวณ ...” (ครูไมส้ กั ) ผู้ใต้บังคับบัญชาให้สามารถร่วมมือปฏิบัติงานตาม โครงสร้าง การบริหารงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลไก “... ครูส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนาให้สามารถ สำคัญที่จะนำความสำเร็จและเสริมสร้างคุณภาพ กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ครอบคลุมทั้งด้านองค์ ทางการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น โดยการสร้างคุณภาพใน ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะที่พึง โรงเรียนจะก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ความมั่นใจเกิด ประสงค์ ตามมาตรฐาน ตัวช้ีวัด จุดเน้นของ ขึ้นกับผู้รับบริการทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน หลักสูตร และเพิ่มเติมเป้าหมายตามความต้องการ และสังคมสว่ นรวม ...” (ครตู ะกู) จำเป็นของนักเรียน มีการออกแบบกิจกรรมการ เรียนรู้และการมอบหมายงาน ที่หลากหลาย มี เมื่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ความท้าทาย สร้างสรรค์ ทั้งงานรายบุคคลและงาน ศึกษาได้รับการพัฒนาแล้วก็จะสามารถนำผลที่ได้ กลุ่มได้สอดคล้องกับเป้าหมายและจุดเน้น ที่ จากการพัฒนา ไปใช้ประโยชนต่อการปฏิบัติงาน สถานศึกษากำหนด ...” (ครูสาธร) ตามมาตรฐานการประเมินสถานศึกษาเพื่อรับ รางวัลพระราชทานให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล “... ครูมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามขั้นตอนที่ ยาวนาน และประสบความสำเร็จจนเป็นแบบอย่าง ออกแบบไว้อย่างครบถ้วนและมีคุณภาพ ทำให้ ให้แก่สถานศึกษาอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี อันเป็นการ นักเรียนมีพัฒนาการเรียนรู้ตามมาตรฐาน ตัวชี้วัด สร้างคุณค่าและรักษาความดีให้สมศักดิ์ศรีรางวัล ของหลักสูตร และมีการประเมินการเรียนการสอน พระราชทานสบื ไป สอดคล้องกับสภาพการเรียนรู้โดยอิงพัฒนาการ ของนักเรียนและนำผลการประเมินมาพัฒนา อภิปรายผลการวิจยั นกั เรยี นให้เตม็ ศกั ยภาพ ...” (ครยู มหอม) จากผลการวิจัยที่พบว่า การบริหารจัดการ สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน เป็นวธิ ีการ 20
ที่ทำให้บุคลากรเกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงาน วารสารการวิจัยการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน และนำไปสู่ความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพ ของสถานศึกษา สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) ของบุคลากรให้เหมาะสมกับสถานการณ์เงื่อนไข ห ร ื อ ส ิ ่ ง แ ว ด ล ้ อ ม ท ี ่ เ ป ล ี ่ ย น แ ป ล ง ไ ป โ ด ย ใ ช้ ดำรงอยู่ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ กระบวนการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและ บริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล เหมาะสม เพื่อให้งานสำเร็จและทุกคนเกิดพึงพอใจ พระราชทานด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น ผลการวิจัย ในการปฏิบัติงาน สอดคล้องกับทฤษฎีทฤษฎีการ ครั้งนี้ยังพบการถ่ายทอดค่านิยมตามบรรทัดฐานท่ี เรียนรู้ทางสังคมเชิงพุทธิปัญญา (Social เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางสังคมไปยังสมาชิก กลุ่ม Cognitive Learning Theory) ของแบนดูร่าที่เช่ือ ทางสังคมจะทำการอบรมสมาชิกของสังคมเพื่อให้ ว่าการเรียนรู้เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ มีความผูกพันและมีสมรรถนะในสังคมโดยผ่าน เรียนรู้กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ต่างก็มีอิทธิพลซึ่งกัน ตัวแทนทางสังคม (Socializating agents) โดยใช้ และกัน โดยการสังเกตหรือการเลียนแบบจากตัว กลไกการเรียนรู้แบบต่าง ๆ ถ่ายทอดถึงบรรทัด แบบเพื่อดูว่าผู้อื่นแสดงพฤติกรรมอย่างไรและ ฐาน ค่านิยม และความรู้ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการ ได้รับผลตอบแทนเช่นไร ซึ่งความสำเร็จหรือความ กระทำบทบาทต่าง ๆ ของสมาชิก (งามตา วนินทา ล้มเหลวของการกระทำพฤติกรรมของผู้อื่นถือเป็น นนท์, 2545) นั่นคือ เกิดกระบวนการถ่ายทอดทาง ต้นแบบที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจทำ อาชีพ (ขจรศักดิ์ เขียวน้อย และคนอื่น ๆ, 2557) พฤติกรรมต่าง ๆ ของบุคคล (นุชลี อุปภัย, 2556) ซึ่งเป็นกระบวนการถ่ายทอดบทบาทหน้าท่ี อธิบายได้ว่า การบริหารจัดการสถานศึกษาขนาด ค่านิยม จรรยาบรรณวิชาชีพ โดยมีกลวิธีในการ เล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทานมีข้อสมมติเกี่ยวกับ ถ่ายทอดทางสังคมทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็น สถานศึกษาว่าภายในสถานศึกษาจะมีส่วนหรือ ทางการ ผ่านตัวแทนทางสังคมหรือตัวแบบในการ หน่วยหรือระบบย่อย ๆ ทำหน้าที่ต่าง ๆ ถ่ายทอดที่สำคัญ ทั้งนี้ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องถือ (Functions) อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สถานศึกษา เป็นหนึ่งในตัวแทนการถ่ายทอดทางสังคม (Agent ดำรงอยไู่ ด้อยา่ งมีรปู แบบ ซึง่ เชือ่ ว่าเป็นจุดมุ่งหมาย of socialization) เป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่ในการหล่อ ของสถานศึกษา โดยการวิจัยครั้งนี้ยังพบว่าการที่ หลอมสมาชิกใหม้ คี วามรู้ ความสามารถ อุดมการณ์ ผู้บริหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการ ใหเ้ ปน็ ไปตามความต้องการของสถานศึกษา บริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล พระราชทานนั้น การเรียนรู้ทางสังคมก็จะเกิดข้ึน และจากผลการวิจัยที่พบว่า การบริหาร ทันที มีการถ่ายทอด ขัดเกลาสมาชิก อันเกี่ยวข้อง จัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล กับการเข้าสู่ปรากฏการณ์ดังกล่าว ตลอดจนการ พระราชทานควรเริ่มจากการมุ่งเน้นพัฒนา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เม่ือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการ พัฒนาแล้วก็จะสามารถนำผลที่ได้จากการพัฒนา ไปใช้ประโยชนต่อการปฏิบัติงานตามมาตรฐานการ ประเมินสถานศึกษาเพื่อรับรางวัลพระราชทานให้มี 21
ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดการพัฒนา วารสารการวิจยั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และ ประสบความสำเร็จนั้น สอดคล้องกับ ทฤษฎี ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) จิตวิทยาบุคลิกภาพของอิริคสัน (Erikson, 1964) ที่ได้แบ่งชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนเข้าสู่วัยสูงอายุเป็น จากข้างต้นที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าการ 8 ขั้น โดยเน้นลักษณะสัมพันธภาพที่บุคคลมีกับ บริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัล กลุ่มบุคคลในรูปแบบต่าง ๆ ตามลำดับวัย ตั้งแต่ พระราชทานมุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เกิดจนถึงวัยสูงอายุ (ศรีเรือน แก้วกังวาล, 2554) ของบุคลากรให้เหมาะสมกับสถานการณ์เงื่อนไข โดยเฉพาะในขั้นที่ 7 และขั้นที่ 8 ที่เป็นวัยกลางคน หรือสิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้ ซึ่งอยู่ในช่วงแห่งการทำงาน มีการแบ่งปัน การเผ่ือ กระบวนการบริหารจัดการและการนำอย่างเป็น แผ่ การสร้างสรรค์ ทั้งในสิ่งที่เป็นวัตถุสิ่งของ และ ระบบอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะผู้นำ พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความคิด ความชำนาญ เชิงนวัตกรรมเพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพของ ต่าง ๆ ต่อบุคคลอื่นและสังคม อันจะนำไปสู่ สถานศึกษาขนาดเล็กอันเป็นการเปลี่ยนแปลงคร้ัง กระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก ยิ่งใหญ่ในระบบการบริหารและจัดการการศึกษา เพื่อรับรางวัลพระราชทานของผู้บริหารและผู้ท่ี ของประเทศไทย เกี่ยวข้องต่อไป ดังนั้น ถ้าบุคลากรเกิดการพัฒนา ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวจิ ัยไปใช้ ตนเองแล้วรู้จักนำภาวะผู้นำมาใช้ในการทำงานให้ เหมาะสมกับสภาพที่เปลี่ยนแปลงของสถานศึกษา ข้อเสนอแนะเชิงปฏบิ ตั ิ โดยทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกว่ามีความบริสุทธิ์ใจในการ ในการขอรับรางวัลพระราชทาน ประเภท ทำงานและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นในเรื่องต่าง ๆ สถานศึกษาระดับประถมศึกษาขนาดเล็ก บุคลากร จะก่อให้เกิดความศรัทธา ความสามัคคี ร่วมมือ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันปฏิบัติงานอย่างรอบด้าน อัน ร่วมใจในการทำงาน ซ่ึงสง่ ผลให้การดำเนนิ งานของ จะนำไปสู่ความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพของ สถานศึกษาบรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะใน สถานศึกษาได้อย่างยั่งยืน บนพื้นฐานการมี การพัฒนาสถานศึกษาขนาดเล็กให้ได้รับรางวัล วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ภายใต้ภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม พระราชทานและท่ามกลางกระแสความ ของผู้บริหาร รวมทั้งพัฒนาองค์กรให้เกิด เปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องมีการบริหารเพื่อกำหนด ประสิทธิผลสู่ความเป็นเลิศอย่างเป็นระบบ ทิศทาง เปา้ หมายขององค์การ และนำทรัพยากร ท่ี ตลอดจนสถานศึกษาต้องการพัฒนาสื่อเทคโนโลยี มีอยู่หรือจัดหามาได้มาดำเนินการ ให้กลายเป็น และการสื่อสาร ขับเคลื่อนระบบการประกัน ผลผลิตและผลลพั ธ์ท่ตี อ้ งการ คุณภาพภายในสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมท่ี ชัดเจน นอกจากนั้น สถานศึกษาต้องจัดระบบ ข้อมูลและสารสนเทศพื้นฐานของสถานศึกษาให้มี ประสทิ ธิภาพสงู สุด ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย จากผลการวิจัยที่พบว่า การบริหารจัดการ สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน 22
ควรเริ่มจากการมุ่งเน้นพัฒนาข้าราชการครูและ วารสารการวิจัยการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน บุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้มีความรู้ ทักษะ เจต คติ คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ฉบบั ปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธันวาคม 2564) เพิ่มขึ้น สามารถนำผลที่ได้จากการพัฒนาไปใช้ประ โยชนต่อการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน การประเมิน กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติ สถานศึกษาเพื่อรับรางวัลพระราชทานให้มี การศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดการพัฒนา แ ล ะ ท ี ่ แ ก ้ ไ ข เ พ ิ ่ ม เ ต ิ ม (ฉ บ ั บ ท ี ่ 2) คุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องยาวนานนั้น กล่าว พุทธศักราช 2545. กรุงเทพมหานคร: คุรุ ได้ว่า “บุคลากร” เป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลทำ ให้เกิดพฤติกรรม การบริหารจัดการสถานศึกษา สภา. ขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน ดังนั้นหาก ________. (2563). ป ร ะ ก า ศ ต้องการให้บุคลากรในสถานศึกษา มีพฤติกรรม ดังกล่าว มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนด กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง นโยบายและ กรอบการพัฒนาบุคลากร ซึ่งอาจใช้วิธีการ จุดเนน้ ของกระทรวงศึกษาธิการ ฝกึ อบรมด้วยโปรแกรมการพัฒนา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563. สืบค้นเมื่อ 22 ธนั วาคม 2563. ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ัยครงั้ ต่อไป จ า ก http://www.psdg.moe.go.th/ การวิจัยครั้งนี้เป็นเพียงการหาคำตอบของ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วยวิธีการวิจัยเชิง psdg61/images/2562/Sep/mail/1351. คุณภาพเพียงอย่างเดียว ดังนั้น เพื่อให้การยืนยัน pdf ข้อมูลมีความลุ่มลึกมากขึ้น อาจศึกษาเพิ่มเติมด้วย ขจรศักดิ์ เขียวน้อย; และคนอื่น ๆ. (2557, วิธีการวิจัยเชิงปริมาณเพื่อศึกษารูปแบบ มกราคม). “กระบวนการถ่ายทอดทาง ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของการบริหารจัดการ สังคมเชิงอาชีพเสรีในกลุ่มอาเซียน: สถานศึกษาขนาดเล็กเพื่อรับรางวัลพระราชทาน กรณีศึกษาวิชาชีพสถาปนิก,” วารสาร หรืออาจนำรูปแบบการวิจัยครั้งนี้ไปใช้กับ พฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา. 6(1): 87- กลุ่มเป้าหมายอื่นที่มีบริบทแตกต่างกันออกไป โดย 101. อาจปรับเปลี่ยนตัวแปรให้เหมาะสมกับเนื้อหาและ งามตา วนินทานนท์. (2545). เอกสารคำสอนวิชา สถานการณ์ วป581 การถ่ายทอดทางสังคมกับ พัฒนาการของมนษุ ย์. เอกสารอ้างอิง กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ. นุชลี อุปภัย. (2556). จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่ง จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. 23
ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2554). ทฤษฎีจิตวิทยา วารสารการวิจัยการศึกษาขนั้ พื้นฐาน บุคลิกภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 16. กรุงเทพฯ: หมอชาวบ้าน. ฉบับปฐมฤกษ์ (กรกฎาคม - ธนั วาคม 2564) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. Erikson, E. H. (1964). Insight and (2561). คู่มือการประเมินสถานศึกษาเพื่อ responsibility. New York: Norton. รบั รางวัลพระราชทาน ระดบั ประถมศกึ ษา Litwin, G. H.; & Stringer, R. A. (1968). และมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์ Motivation and Organization การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. Climate. Boston: Harvard University. ________. (2563). น โ ย บ า ย ส ำ น ั ก ง า น Miles, M. B.; & Huberman, A. M. (1994). คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน Qualitative Data Analysis. (2nd ed). ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563. Thousand Oaks, CA: Sage กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง Publications. ประเทศไทย. 24
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: