Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทำเนียบแหล่งเรียนรู้ เมษายน 2563

ทำเนียบแหล่งเรียนรู้ เมษายน 2563

Published by มณีวรรณ พรมมาลา, 2020-04-24 01:36:54

Description: ทำเนียบแหล่งเรียนรู้ เมษายน 2563

Search

Read the Text Version

2563

ค ทำเนยี บแหลง่ เรียนรู้/ภมู ิปัญญำทอ้ งถน่ิ หมำยถึง แหล่งขอ้ มูลขำ่ วสำร สำรสนเทศ และ ประสบกำรณ์ ทส่ี นบั สนนุ ส่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนใฝ่เรยี น ใฝ่รู้ แสวงหำควำมร้ดู ว้ ยตนเองตำมอธั ยำศยั อย่ำงกวำ้ งขวำง และตอ่ เนอื่ ง เพ่อื เสรมิ สร้ำงใหผ้ ู้เรียนเกดิ กระบวนกำรเรยี นรู้ และเปน็ บุคคลแหง่ กำรเรยี นรู้ เป็นแหลง่ กำรศึกษำ ตลอดชวี ติ ท่ีประชำชนสำมำรถหำควำมรูต้ ่ำง ๆ ไดด้ ้วยตนเองตลอดเวลำ แหล่งเรยี นรู้เล่มน้ี จดั ทำขึ้นเพอื่ สง่ เสรมิ ให้ชุมชน และสังคม มแี หล่งกำรเรยี นรเู้ พอ่ื กำรศกึ ษำท่ีหลำกหลำย สำมำรถเรียนรูไ้ ด้ตำมอัธยำศัย เป็นเคร่อื งมอื ที่ สำคัญ ของบคุ คลแหง่ กำรเรียนรู้ ในกำรแสวงหำควำมรเู้ พอ่ื พฒั นำตนเอง ทง้ั ๙ ตำบล ของอำเภอนำกลำง ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั อำเภอนำกลำง จงึ ไดจ้ ดั ทำทำเนียบแหล่ง อำเภอนำกลำง จงั หวัดหนองบัวลำภู ซ่ึงเป็นแหลง่ ข้อมูลท่ีรวบรวมภมู ปิ ญั ญำท้องถนิ่ ทง้ั ๙ ด้ำน ซึง่ ประกอบไปด้วย ด้ำนเกษตรกรรม ด้ำนอุตสำหกรรมและหัตถกรรม ด้ำนกำรแพทยแ์ ผนไทย ด้ำนกำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติ และสงิ่ แวดลอ้ ม ด้ำนกองทนุ และธรุ กจิ ชุมชน ด้ำนศิลปกรรม ด้ำนภำษำและวรรณกรรม ด้ำนปรชั ญำศำสนำ และประเพณีและดำ้ นโภชนำกำร ขอบเขตของกำรจัดทำทำเนยี บแหลง่ เรียนรู้ ทั้ง ๙ ด้ำนน้ี พร้อมท่ีจะใหผ้ ูท้ ่ีสนใจ เข้ำไปศกึ ษำคน้ ควำ้ ด้วยกระบวนกำรจัดกำรเรียนรู้ ที่แตกตำ่ งกนั ของแตล่ ะบคุ คล ปลูกฝงั ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ู้และรกั ในท้องถ่นิ ของตนเองมองเห็นคุณค่ำในชมุ ชน ของตนเอง และเป็นกำรสง่ เสรมิ กำรเรยี นรตู้ ลอดชีวิตเปน็ แหลง่ เชอื่ มโยงให้สถำนศึกษำและชมุ ชนมีควำมสัมพันธใ์ กล้ชิดกนั กำรจัดทำข้อมลู ทำเนียบแหลง่ เรยี นรู้ อำเภอนำกลำง ครงั้ น้ี ได้รับควำมร่วมมอื อย่ำงยิง่ จำกแหลง่ สำรสนเทศทไ่ี ด้ จำกกำรจัดทำแหล่งเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ตอ่ หนว่ ยงำนทเี่ กีย่ วขอ้ ง เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทำงในกำรขยำยผล และพฒั นำกำรดำเนินงำนท่ถี ูกตอ้ งเพือ่ ใหเ้ กดิ ประสิทธิภำพและประสทิ ธผิ ลในกำรดำเนนิ งำนยิ่งขึ้นไป ผ

ญ ่ / ญั ญ ถ่ โ 1 6 - ด้ำนเกษตรกรรม สำขำ เกษตรผสมผสำน 9 15 / ญั ญ ถ่ ค 20 23 - ด้ำนศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถ่ินอสี ำน สำขำ หมอทำขวัญ 27 32 / ญั ญ ถ่ ฝ่ั 36 - ดำ้ นภูมิปัญญำทอ้ งถ่ิน สำขำ หลกั ปรัชญำของเศรษฐกิจพอพยี งและเกษตรทฤษฏใี หม่ / ญั ญ ถ่ ่ - ด้ำนแหล่งเรยี นรู้ สำขำ สถำนทแ่ี หล่งเรียนรู้ / ญั ญ ถ่ - ดำ้ นภมู ิปญั ญำชำวบำ้ น สำขำ ศิลปหตั ถกรรม / ญั ญ ถ่ ค - ด้ำนกองทนุ และธรุ กิจชมุ ชน สำขำ สถำนท่ีทอ่ งเทีย่ วในชมุ ชน / ัญญ ถ่ ช - ดำ้ นแหล่งเรียนรอู้ ำชีพ สำขำ กำรทำพำนบำยศรี / ัญญ ถ่ - ดำ้ น ภมู ิปญั ญำทอ้ งถน่ิ สำขำ ปรำชญ์ชำวบ้ำน / ัญญ ถ่ - ดำ้ นกองทนุ และธรุ กจิ ชุมชมุ สำขำ ธรุ กจิ ชุมชน คผ -ผ

โ ผ ค ัญญ ถ่ ผผ โค





โค ผ ค ญั ญ ถ่ ผผ 1. ผ นำยนวนศรี บุตรโคตร เกดิ เม่ือวันที่ 6 มกรำคม พ.ศ. 2507 ปจั จุบนั อำศยั อยูบ่ ำ้ นเลขที่ 217 ม.5 ต.โนน เมอื ง อ.นำกลำง จังหวดั หนองบวั ลำภู รหัสไปรษณีย์ 39170 นำยนวนศรี บตุ รโคตร เปน็ เกษตรกรเริม่ จำกกำรทำนำ และปลูกพชื ผกั สวนครัว ตอ่ มำได้มีกำรขยำยแปลง กำรเกษตรใหม้ ีกำรทำเกษตรแบบผสมผสำนตงั้ แต่ 2 มีนำคม พ.ศ.2558 เรมิ่ มกี ำรปลูกพืชหลำยหลำยชนดิ ตำมฤดกู ำล เชน่ ผักสลดั ผักคะน้ำ ผกั บุ้งนำ ต้นหอม ฯลฯ ปลกู ผลไม้ เช่น ตน้ ฝรั่ง กลว้ ย พทุ รำ ฯลฯ มกี ำรไก่พน้ื บำ้ น เลี้ยงปลำดกุ ปลำตะเพยี น ปลำนลิ ปลำย่ีสก ปลำชอ่ น ปลำทับทิมและปลำชนิดอืน่ ๆอกี มำกมำย ซง่ึ นำยเกิด สมำนแก้ว ไดน้ ำ แนวคดิ กำรทำเกษตรมำจำก หลักปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพียง ซงึ่ บริหำรจัดกำรเกษตรในพนื้ ที่ จำนวน ทัง้ หมด 25 ไร่ ได้อย่ำงคุม้ คำ่ 2. คค ค ช่ ช ญ นำยนวนศรี บุตรโคตร มอี งคค์ วำมรู้ในด้ำนเกษตรกรรม กำรเปน็ ปรำชญช์ ำวบำ้ นรุ่นใหม่ ในกำรทำเกษตร ไรน่ ำสวนผสมตำมแนวเกษตรทฤษฎีใหมเ่ ปน็ อยำ่ งดี 3. ถ ค ค ช่ ช ญ ั ช ่ ไผ อปุ กรณ์ 1.กงิ่ ไผส่ ำหรับปักชำ 2. ถังน้ำ 200 ลติ ร 3. แผน่ พลำสตกิ 4.ถงุ ปลูก 5.ดินสำหรบั ปลูก 1.นำกิง่ ไผท่ ี่สมบูรณ์อำยไุ มเ่ กนิ 1 ปี โดยสงั เกตไดจ้ ำกปมรำกจะมขี นำดเม็ดสำคู โดยตัดให้มคี วำมยำว ไมเ่ กิน 70 เซนตเิ มตร แลว้ นำใส่ในถังขนำด 200 ลิตร โดยใสน่ ำ้ หลอ่ ไว้ 2.จำกนนั้ นำแผ่นพลำสตกิ คลุมถัง 200 ลติ ร แลว้ นำสำยรดั ใหร้ อบปำกถงั โดยใน 1 ถัง จะบบรจุก่ิงไผ่ ได้ประมำณ 100 ก่ิง

3.ตง้ั ทงิ้ ไว้ใช้เวลำประมำณ 20 วัน กำรบ่มรำกน้จี ะช่วยให้กระต้นุ ก่งิ แขนงใหร้ ำกเกดิ 4.เมอื่ ครบ 20 วัน เปดิ ถังดจู ะพบวำ่ มรี ำกขน้ึ ท่ีกงิ่ ไผ่ โดยสงั เกตทต่ี ำรำกจะเปล่งขน้ึ 5.จำกนนั้ นำก่งิ ไผไ่ ปลงปลูกในถงุ ปลูกใสด่ ินสำหรบั ปลกู โดยดินสำหรบั ปลกู จะมีส่วนประกอบคือ ดิน แกลบ ปยุ๋ คอก ในอตั รำ 1: 1:1 โดยหลีกเล่ียงแสงแดด เม่ือรากเตม็ ถงุ แลว้ สามารถปลกู ไดเ้ ลย สวนเกษตรผสมผสาน เป็นแหลง่ เรียนรูเ้ กษตรทฤษฎีใหม่ ตงั้ อยใู่ น หมทู่ ่ี 5 ตาบลโนนเมือง อำเภอนำกลำง จงั หวดั หนองบัวลำภู เพ่อื เปน็ แหล่งเรยี นรูแ้ ละถ่ำยทอดควำมรู้ใหแ้ ก่ประชำชนและหนว่ ยงำนอนื่ ๆ 4. ลักษณะของเครอื ข่ายและการสร้างเครือข่าย มีหนว่ ยงานของรฐั เอกชนและกลมุ่ สนใจจากภาคสว่ นตา่ งๆ ใหค้ วามสนใจเป็นแหลง่ เรยี นรูใ้ หก้ บั คนใน ชมุ ชน นกั เรยี น นกั ศกึ ษา กศน.ไดเ้ รียนรูแ้ ละนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 5. ผลงานทเี่ ป็ นประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม - ปราชญช์ าวบา้ น ดา้ นเกษตรผสมผสาน ตาบลโนนเมือง 6. รางวัลหรือเกยี รตคิ ุณทไ่ี ดร้ ับ -

ค ผ ค ัญญ ถ่ ถ่ ญ



ผ ค ญั ญ ถ่ ญ ถ่ 1. ประวัตแิ ละผลงาน นายสพุ ล สรุ พล อายุ 75 ปี อยบู่ า้ นเลขท่ี 25/1 ม.2 บา้ นโนนสวาท ต.อทุ ยั สวรรค์ อ.นากลาง จงั หวดั หนองบวั ลาภู 2. องคค์ วามรู้และความเชยี่ วชาญ มีความรูค้ วามสามารถดา้ นประเพณีอีสาน และเป็นผนู้ าจติ วิญาณ ในชมุ ชนุ เป็นผนู้ าและเป็น ผสู้ ืบทอดประเพณีอีสาน 3. การถา่ ยทอดความรู้และความเช่ยี วชาญ การถา่ ยทอดความรูแ้ ก่คนรุน่ หลงั สอนใหก้ บั คนในชมุ ชน ใครสนใจก็สอนให้ งานวดั งานบญุ ตา่ ง ๆ เป็นบคุ คลท่ีสาคญั ในการลาอวยพรในงานบญุ ตา่ งๆ ในงานบญุ เป็นครูสอนพิเศษ ใหก้ ับโรงเรยี น ในชมุ ชนดา้ นประเพณีอีสาน เป็นวิทยากร กศน.ตาบลอทุ ยั สวรรค์ 4. ลักษณะของเครือข่ายและการสร้างเครือข่าย เป็นภมู ิปัญญา และเป็นแหลง่ เรียนรูใ้ หก้ บั คนในชมุ ชน นกั เรยี น นกั ศกึ ษา กศน.ไดเ้ รียนรู้ และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 5. ผลงานทเี่ ป็ นประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสังคม 1. ปราชญช์ าวบา้ น ตาบลอทุ ยั สวรรค์ 2. ผ้นู ำจิตวญิ ำณ หมู่บำ้ น 3. แหลง่ เรยี นรูภ้ ูมปิ ัญญำท้องถน่ิ 6. รางวัลหรือเกยี รตคิ ุณทไ่ี ดร้ ับ รับกำรตั้งแต่งเป็นปรำชญช์ ำวบำ้ น อบต.อทุ ัยสวรรค์ -

ฝ่ั ) ผ ค ัญญ ถ่ ัญญ ช ( ชญ ช โ 0861398251 ประธำนกลมุ่ กำรจดั กำรดนิ และปยุ๋ หมู่ท่ี 16 บำ้ นสุขสำรำญ ตำบลฝงั แดง อำเภอนำกลำง จังหวดั หนองบัวลำภู

่ กำรผลิตเช้อื รำสด



( ค)

ช ผ ค ัญญ ถ่ ญั ญ ช 1. ผ ประวัตคิ วำมเป็นมำ หลงั จำกกำรวำ่ งเวน้ จำกกำรทำนำ ได้ใชเ้ วลำวำ่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ จงึ ได้รวบรวมสมำชิกครั้งแรก เม่ือ พ.ศ. 2557 จำนวน 25 คน โดย นำยเดน่ พันธ์เุ ดช เกษตรตำบล จำกหนว่ ยงำน ของ เทศบำลตำบลฝังแดง ได้ไปศกึ ษำเกยี่ วกบั เชื้อรำสำรชวี พนั ธุ์ (ไตโดเดอร์รกิ ) ซึ่งนำมำขยำยผลใหก้ ับกลุม่ เกษตรกร เพอื่ ใชใ้ นกำรกำจดั และควบคุมโรคพืช โดย นำยปรีชำ วฒุ สิ ำร เป็นประธำนกลุ่ม ซงึ่ มีผู้ใหญ่บ้ำน บำ้ นสุขสำรำญ นำยทองมว้ น คำสวนมอน และ ผ้ชู ว่ ยผู้ใหญ่บ้ำน นำยจันดี รำชพล เป็นท่ปี รกึ ษำ และตอ่ มำกไ็ ด้ จัดต้งั กลุม่ กำรทำปยุ๋ ชวี ภำพหรอื ปยุ๋ อนิ ทรีย์ ได้มสี มำชกิ เพม่ิ และขยำยผลตำมหม่บู ้ำน ดังนี้ บำ้ นสงำ่ นำเพียง หมู่ที่ 17 บำ้ นแสงดำวแสงอรุณ หมทู่ ่ี 15 และตอ่ ยอดโดยเปน็ วทิ ยำกรให้ควำมรู้ 9 ตำบล ในอำเภอนำกลำง จงั หวดั หนองบวั ลำภู และ กศน.ตำบลฝงั แดง ได้พำประชำชนมำศึกษำดูงำนในด้ำนเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ กำรทำเกษตรผสมผสำน ให้กบั ประชำชน ในเขตพน้ื ทต่ี ำบลฝงั แดง เพอื่ นำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ครอบครวั และชมุ ชนตอ่ ไป 2. คค ค ช่ ช ญ 2.1 มีควำมรแู้ ละสำมำรถผลิตเช้อื รำสดพร้อมใชง้ ำนในกลมุ่ เกษตรกร 2.2 มคี วำมร้ใู นกำรทำปยุ๋ อินทรยี ์ 3. ถ ค ค ช่ ช ญ - กำรถำ่ ยทอดใหค้ วำมรดู้ ว้ ยกำรอธบิ ำยและสำธิตตำมข้ันตอนในกำรผลิต และให้ผู้เรยี นลงมอื ปฏิบตั ิ ตำมขน้ั ตอนกำรผลิตโดยกำรแบ่งกลมุ่ ปฏบิ ัติ 4. ณ ค ค ค้ 4.1 4.2 ฝั่ 4.3 4.4 ช ช 4.5 ช ช ฝั่ 4.6 ช ช 4.7 ฝั่ 4.8 . . ฝ่ั

4.9 ช 4.10 ฝี 4.11 5. ผ ่ ็ โ ช ช ช ค 5.1 เป็นผลผลติ เพอื่ ใช้ในกล่มุ เกษตรกร ในพื้นที่ตำบลฝังแดง 5.2 เป็นผลผลิต เพือ่ ใชใ้ นกลมุ่ เกษตรกร ในพื้นทต่ี ำบล 9 ตำบล อำเภอนำกลำง จงั หวัดหนองบัวลำภู 6. คณ ่ไ - ไดร้ ับเกยี รติบัตรในด้ำน ศนู ยจ์ ัดกำรกำจัดศตั รูพชื จำกหนว่ ยงำน เกษตรอำเภอนำกลำง - ไดร้ บั เกียรติบัตรในดำ้ น กำรจดั กำรดินและป๋ยุ จำกหนว่ ยงำนเกษตรจังหวดั หนองบวั ลำภู

่ ผ ค ัญญ ถ่ ถ่



ช ้ไ ้ ่ ผ ค ัญญ ถ่ 1. ้ ้ ไ ้ ชมรมกลุ่มเลย้ี งไก่พื้นเมอื งตำบลกดุ ดินจ่ี เกดิ ขนึ้ เพรำะในตำบลกุดดนิ จ่มี ีประชำชนสว่ นมำกมีกำรเลี้ยง ไก่เป็นจำนวนมำก มที ้ังไก่บ้ำน ไกส่ วยงำม ไกช่ น ไก่พนื้ เมอื งเปน็ สตั วเ์ ศรษฐกิจตวั ใหม่ทีไ่ ด้รบั ควำมสนใจมำก ใน อำเภอนำกลำงคลองตลำดมีควำมตอ้ งกำรสงู และอำเภอนำกลำง มกี ำรเลีย้ งไกพ่ ื้นเมือง กระจำยอยู่ทั่วทกุ หมู่บำ้ น ทกุ ตำบล และเปน็ แหล่งตลำดใหญท่ ร่ี ับซื้อไกพ่ ื้นเมอื งเพือ่ ใชใ้ นกำรประกอบอำหำร และเนือ่ งจำกไก่ พื้นเมอื งเปน็ สัตวท์ ่ีมขี นำดเลก็ มีควำมทนทำนตอ่ สภำพแวดลอ้ มต่ำง ๆ ได้ดี มีควำมต้ำนทำนต่อเช้ือวณั โรคสูง เจริญเติบโตและขยำยพนั ธ์ไุ ด้เรว็ จึงเป็นสัตวท์ ี่งำ่ ยตอ่ กำรเล้ียงดแู ละถูกขยำยพันธุอ์ อกไปอย่ำงรวดเร็ว จน กระจำยไปทกุ ประเทศท่ัวโลก ในขณะเดียวกนั ไก่พืน้ เมืองในแตล่ ะกลมุ่ ก็ไดร้ บั กำรพฒั นำเพ่ือใหเ้ หมำะสมต่อภมู ิ ประเทศ หรอื สภำพแวดลอ้ มแตล่ ะท่ี และใหเ้ หมำะสมต่อควำมต้องกำรของแต่ละชมุ ชนดว้ ย โดยมสี ่วนรำชกำร หลำยแหง่ โดยเ พำะกรมปศุสตั ว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สง่ เสริมกำรเลี้ยงไกพ่ น้ื เมืองเพ่ือเป็นกำรสรำ้ ง อำชีพและเพ่มิ รำยได้ใหเ้ กษตรกร ประชำชนสว่ นใหญม่ กี ำรเลยี้ งสตั ว์ผสมผสำนกับอำชพี เกษตรกรรม กำรเลยี้ งไกพ่ ืน้ เมอื งมีควำม เหมำะสมอย่ำงมำกเนือ่ งจำกไมต่ อ้ งลงทุน ลงแรงมำก และไม่ต้องเส่ียงต่อกำรสูญเสยี นอกจำกนีอ้ ำเภอนำกลำง ยงั มสี ภำพพน้ื ท่ที เ่ี อือ้ ตอ่ กำรประกอบอำชีพเลย้ี งไก่พ้ืนเมืองเปน็ อย่ำงมำก กศน.อำเภอนำกลำง ได้เลง็ เห็นถงึ ประโยชน์ และควำมสำคญั ทปี่ ระชำชนจะไดร้ บั จงึ ส่งเสรมิ สนับสนนุ เกษตรกรทเี่ ลี้ยงไก่พื้นเมอื งอย่ใู นชมุ ชน ให้ไดร้ บั กำรพัฒนำอำชีพ โดยมงุ่ เนน้ กำรจดั กำรสำยพันธ์ุ กำรดูแล กำรปองกนั โรค ตลอดจนกำรบรหิ ำรจดั กำร ด้ำนกำรตลำด รวมถงึ กำรไดม้ ำตรฐำน ำร์มปลอดโรค ท่ีมงุ่ เนน้ เรอื่ งเกษตรปลอดภยั และเพอื่ รองรบั มำตรฐำน ตำมท่ตี ลำดตอ้ งกำร ตอ่ ไป 2. คค ค ช่ ช ญ ค คญ ไ ้ ควำมสำคญั ไก่พื้นเมอื งตำมประวัติศำสตร์ มรี ำยงำนไวว้ ่ำเปน็ ไกท่ ีม่ ีต้นกำเนดิ มำจำกไกป่ ่ำในทวีปเอเชีย โดยเ พำะในแถบประเทศเอเชียตะวนั ออกเ ียงใต้ เช่นไทย มำเลเซยี และจีนตอนใต้ ซึง่ มนุษยไ์ ดน้ ำมำเป็น สัตว์เลีย้ งเมอ่ื ประมำณ 3,000 ปกี อ่ น หลังจำกทีม่ นษุ ย์นำไก่มำเลย้ี ง ไกแ่ ละมนษุ ยด์ ำรงชวี ิตแบบพ่งึ พำอำศยั ซ่งึ กันและคน ไกอ่ ำศัยกำรเลี้ยงดแู ละกำรปองกนั อนั ตรำยจำกมนุษย์ ในขณะท่มี นุษย์อำศยั ไกแ่ ละไขเ่ ป็น อำหำร เปน็ กำรพึ่งพำอำศยั ซ่งึ กนั และกนั เรยี กว่ำเป็นขบวนกำรวิวัฒนำกำรของสตั วแ์ ละมนุษยใ์ หอ้ ย่รู ่วมกัน อย่ำงต่อเนอ่ื ง กำรวิวฒั นำกำรของไก่เป็นไปตำมวถิ ชี ีวติ ของมนุษยเ์ จ้ำของซ่ึงกข็ ้ึนอยู่กับธรรมชำติ บำงปีเกดิ ภยั ธรรมชำตริ นุ แรง สัตวเ์ ลีย้ งตำยลง หรอื มีโรคระบำดรุนแรง ไกจ่ ะตำยมำกแตไ่ ม่ตำยหมด จะมเี หลอื ให้ ขยำยพนั ธ์จุ ำนวนหนง่ึ ซง่ึ โดยปกติแลว้ จะเหลือต่ำกวำ่ 10% ซ่ึงจำนวนน้จี ะขยำยพันธุเ์ พ่ิมจำนวน ตัวที่แขง็ แรง ทนทำนเทำ่ นน้ั จงึ จะอยรู่ อดจึงเป็นกำรคัดเลอื กโดยธรรมชำตจิ นเปน็ ไก่พนื้ เมอื งสืบทอดมำให้เรำไดใ้ ช้ประโยชน์ ถงึ ทกุ วันนี้ ดงั นนั้ ไก่พน้ื เมอื งจึงเป็นมรดกวัฒนธรรมและเทคโนโลยชี ีวภำพท่หี ลำกหลำย เป็นทรพั ย์สินภูมิ

ส่วนใหญ่แลว้ คนจะอำศยั ไก่มำกกว่ำไกอ่ ำศยั คน คอื ไกส่ ำมำรถคุ้ยเข่ียหำกนิ เองไดต้ ำมธรรมชำติ สว่ น คนเม่อื ไม่มอี ำหำรและไมม่ ีเงินใชเ้ ลก็ ๆ น้อยๆ ก็จะตอ้ งอำศัยไก่เป็นผูใ้ ห้ ดังนัน้ ไกพ่ ืน้ เมอื งจงึ เปน็ ไกท่ ี่ววิ ัฒนำกำรเปลีย่ นแปลงปรบั ปรงุ พนั ธ์ุมำโดยอำศยั พ้นื ฐำนของธรรมชำติ เป็นหลกั จึงทำใหไ้ กพ่ ืน้ เมอื งมีหลำกหลำยสำยพันธุ์ แต่ละพันธ์กุ ็จะมจี ุดเดน่ เป็นคณุ สมบตั เิ พำะตวั เข่น ควำม ตำ้ นทำนโรคและแมลง สำมำรถเตบิ โตและขยำยพันธุ์ภำยใตส้ ภำพแวดลอ้ มกำรเลีย้ งดขู องเกษตรกรในชนบท โดยเ พำะรำยยอ่ ย จงึ เหมำะทีจ่ ะทำกำรอนุรกั ษแ์ ละพัฒนำใช้ประโยชน์อย่ำงยั่งยืน กำรอนรุ กั ษแ์ ละกำรพฒั นำไก่พืน้ เมอื งกำรอนรุ กั ษ์ หมำยถึง กำรรกั ษำดำรงไวซ้ งึ่ แหลง่ พันธุกรรมไก่ พืน้ เมืองและรวมไปถงึ กำรนำมำใชใ้ หเ้ ป็นประโยชนแ์ บบยัง่ ยืน คอื ใช้แลว้ ไมห่ มดไป สูญหำยไป ทง้ั นีเ้ พรำะไก่ พนื้ เมืองมีพันธกุ รรมที่ดีในเรอ่ื งรสชำตแิ ละควำมอร่อยเป็นคณุ สมบตั เิ พำะ กำรอนรุ กั ษแ์ หล่งพนั ธุกรรมสัตว์ โดยท่วั ไปมี 2 แบบ คือ กำรอนุรักษใ์ นถน่ิ กำเนิดเดมิ และนอกถนิ่ กำเนดิ แต่กำรอนุรักษใ์ นถน่ิ กำเนิดเดมิ คอื อยู่ กับเกษตรกรโดยตรงจะเหมำะสมกับสถำนกำรณ์ปัจจบุ ันมำกทสี่ ดุ เพรำะวำ่ จดุ ประสงคข์ องกำรอนุรักษม์ ่งุ เนน้ เพ่ิมรำยไดเ้ กษตรกรรำยยอ่ ย และกำรอนรุ กั ษ์โดยวิธีนจี้ ะสำมำรถรกั ษำและดำรงไว้ซึง่ ควำมหลำกหลำยในด้ำน แหล่งพนั ธกุ รรมหรอื สำยพนั ธ์ุ ลดควำมเส่ียงต่อกำรสูญหำย เพรำะไก่ในแตล่ ะครอบครวั ของเกษตรกร จะมี คณุ สมบัตทิ ำงพันธกุ รรมท่ีแตกต่ำงกนั เชน่ อัตรำกำรเจรญิ เตบิ โต ขนำดของลำตัว สขี น ควำมยำวของแข้ง หรือ อวัยวะตำ่ งๆ จะผันแปรไปตำมสภำพแวดล้อม โดยไก่จะปรับตัวเข้ำกบั สภำพแวดลอ้ มอยู่เสมอแต่เนอ่ื งจำก กำรศึกษำและวิจยั ประสบกำรณข์ องผ้รู ำยงำนนพ้ี บวำ่ กำรแสดงออกทำงพันธกุ รรมของไก่พื้นเมอื งเห็นได้ ชดั เจน เม่ือไกน่ ัน้ อยใู่ นสภำพธรรมชำติทอ่ี ำหำรกำรกินไมอ่ ดุ มสมบูรณ์ เช่น ในช่วงที่อำหำรขำดแคลน หรือ คุณภำพอำหำรไมส่ มดลุ จะเหน็ ว่ำกำรเจริญเตบิ โตและกำรขยำยพันธ์ุจะแปรปรวนเห็นได้ชดั จำกทีไ่ มส่ ำมำรถ ขยำยพนั ธ์ไุ ปจนถึงขยำยพนั ธุไ์ ดจ้ ำนวนมำกมำยภำยใต้สภำพแวดล้อมอนั เดียวกัน ซง่ึ เปน็ กำรปรับตวั เข้ำกับ สภำพแวดล้อม และวิวฒั นำกำรไปตำมกำรเปล่ยี นแปลงของธรรมชำตเิ ศรษฐกจิ และสงั คม จงึ นับได้วำ่ กำร อนรุ ักษใ์ นถ่ินกำเนดิ เดิมจงึ เปน็ วธิ ีกำรอนรุ กั ษท์ ่ถี ูกต้องท่ีสุด ได้รับกำรยอมรับสนับสนนุ ทัว่ โลก ไ้ ไกพ่ ้นื เมอื งตำมประวัติศำสตร์มรี ำยงำนไว้เป็นไก่ท่ีมีตน้ กำเนดิ มำจำกไก่ป่ำในแถวทวปี เอเชีย โดยเ พำะในแถบประเทศเอเชียตะวนั ออกเ ยี งใต้ เชน่ ไทย มำเลเซยี และจีนตอนใต้ ซึง่ มนษุ ย์ได้นำมำเปน็ สตั ว์ เล้ียงเมื่อประมำณ 3 ,000 ปกี อ่ น หลังจำกที่มนษุ ยน์ ำไก่มำเล้ยี ง ไกแ่ ละมนุษย์ดำรงชวี ิตแบบพ่งึ พำอำศัยซึง่ กนั และกัน ไกอ่ ำศัยกำรเลย้ี งดแู ละกำรปองกนั อนั ตรำยจำกมนุษย์ ในขณะทม่ี นุษย์อำศัยไกแ่ ละไข่เป็นอำหำร เป็น กำรพ่งึ พำอำศัยซงึ่ กันและกัน เรยี กวำ่ เป็นขบวนกำรวิวฒั นำกำรของสตั วแ์ ละมนษุ ยใ์ ห้อยรู่ ว่ มกันอยำ่ งต่อเน่อื ง กำรวิวัฒนำกำรของไก่เป็นไปตำมวถิ ชี วี ิตของมนุษย์เจ้ำของซ่ึงกข็ นึ้ อยู่กบั ธรรมชำติ บำงปีเกิดภยั ธรรมชำติ รุนแรง สัตว์เล้ยี งตำยลง หรอื มีโรคระบำดรุนแรง ไกจ่ ะตำยมำกแต่ไมต่ ำยหมด จะมเี หลือใหข้ ยำยพนั ธุ์จำนวน หน่งึ ซงึ่ โดยปกตจิ ะเหลอื ตำ่ 10 % ซึง่ จำนวนนี้จะขยำยพนั ธเ์ พมิ่ จำนวน ตัวทแี่ ขง็ แรงทนทำนเทำ่ นนั้ จึงจะอยู่ รอดเป็นกำรคดั เลือกโดยธรรมชำติ จนเป็นไก่พ้ืนเมอื งสืบทอดมำใหเ้ รำได้ใชป้ ระโยชนถ์ ึงทกุ วนั นี้ จึงเปน็ มรดก วัฒนธรรมจนเป็นไกพ่ นื้ เมืองสืบทอดมำให้เรำไดใ้ ช้ประโยชน์ถึงทกุ วันนี้ และเปน็ มรดกวฒั นธรรมและ เทคโนโลยชี วี ภำพทหี่ ลำกหลำยเปน็ ทรพั ยส์ ินภมู ปิ ญั ญำ ของชำวบำ้ นโดยแท้ ชำวบำ้ นจดจำและเข้ำใจกำรอยู่ รว่ มกันระหว่ำงคนและไก่พ้ืนเมอื งควบคู่กนั ตลอด มำ ส่วนใหญ่แลว้ คนจะอำศยั ไก่มำกกว่ำไกอ่ ำศัยคน คอื ไก่ สำมำรถค้นุ เขี่ยหำกนิ เองไดต้ ำมธรรมชำติ สว่ นคนเมื่อไมม่ ีอำหำรและไม่มเี งนิ ใช้เล็กๆ นอ้ ยๆ ก็จะต้องอำศัยไก่ เปน็ ผใู้ ห้

ดงั นนั้ ไกพ่ ้นื เมืองจึงเปน็ ไก่ท่ีวัฒนำกำรเปลีย่ นแปลงปรับปรุงพนั ธมุ์ ำโดยอำศัยพน้ื ฐำนของธรรมชำติเปน็ หลัก จงึ ทำใหไ้ กพ่ น้ื เมอื งมีหลำกหลำยสำยพันธ์ุ แต่ละสำยพนั ธุ์จะมีจุดเดน่ เปน็ คณุ สมบัตเิ พำะตัว เช่น ควำม ตำ้ นทำนโรคและแมลง สำมำรถเตบิ โตและขยำยพนั ธภ์ุ ำยใตส้ ภำพแวดล้อมกำรเลยี้ งดูของเกษตรกรในชนบท โดยเ พำะรำยย่อย จึงเหมำะทจ่ี ะทำกำรอนรุ กั ษ์ และพฒั นำใชป้ ระโยชนอ์ ยำ่ งย่งั ยนื เช่น ควำมต้ำนทำนโรค และแมลง สำมำรถเตบิ โตและขยำยพนั ธุ์ภำยใต้สภำพแวดลอ้ มกำรเล้ยี งดูของเกษตรกรในชนบทโดยเ พำะรำย ยอ่ ย จึงเหมำะที่จะทำกำรอนรุ กั ษ์และพัฒนำใชป้ ระโยชนอ์ ย่ำงยั่งยืน 3. ถ ค ค ช่ ช ญ ้ ไ ้ โช 1. ทำให้ผู้เลี้ยงไก่พน้ื เมืองมีอำหำรท่ดี มี ีคณุ ภำพไวร้ บั ประทำนเนอื้ ไก่พื้นเมอื งและไขไ่ กพ่ ื้นเมืองทำใหเ้ ด็ก เจริญเตบิ โตเร็ว และชว่ ยบำรงุ สมองให้มสี ตปิ ญั ญำดี เ ลยี ว ลำด 2. ทำใหผ้ ู้เลีย้ งไกพ่ น้ื เมอื งมรี ำยได้เพิ่มขน้ึ เพิ่มขนึ้ เพรำะไมต่ ้องเสยี เงินไปซอ้ื เน้อื ไกพ่ นื้ เมอื งและไขไ่ ก่พื้นเมือง มำรบั ประทำน สำมำรถเอำเงนิ นนั้ เก็บไวซ้ ือ้ ส่ิงอน่ื ๆ ที่จำเป็นและหำกผู้ที่เลย้ี งไกพ่ ้นื เมืองเลยี้ งไวจ้ นเหลอื รับประทำนแลว้ กส็ ำมำรถนำไกพ่ ้นื เมอื งไปขำยเพิ่มรำยไดใ้ ห้กับครอบครวั ดว้ ยอกี ทำงหน่ึง 3. มลู ไก่เป็นปยุ๋ คอกทีม่ ธี ำตุอำหำรของพืชสงู มลู ไก่เปน็ ผลพลอยไดอ้ ย่ำงหนง่ึ ของกำรเล้ียงไกพ่ ื้นเมอื ง เป็นปุ๋ย ต้นไม้ต่ำง ๆ ได้ดี และเป็นอำหำรเลย้ี งปลำกไ็ ด้ เนือ่ งจำกมูลไก่พืน้ เมืองมธี ำตอุ ำหำรมำกมำทง้ั ไนโตรเจน โปรตีน แคลเซียม และ อส อรัส 4. ไก่พืน้ เมืองสำมำรถเลี้ยงเป็นอำชีพได้ เนอื่ งจำกไก่พื้นเมอื งขำยได้รำคำดมี ำกท้ังตัวผู้และตวั เมยี หรือสำมำรถ เลย้ี งเปน็ งำนอดเิ รกก็ได้ ซงึ่ กจ็ ะทำใหม้ ีรำยได้เพมิ่ พูนย่งิ ขึ้นอกี ทำงหนง่ึ ด้วย 5. ไก่พน้ื เมอื งเล้ยี งงำ่ ยและมคี วำมต่ำงทำนโรคสงู สำมำรถปล่อยให้หำกนิ อำหำรท่ีมีอย่ตู ำมธรรมชำติได้โดยไม่ ตอ้ งเสยี เวลำในกำรเลี้ยงดเู หมือนไก่พันธ์ุอ่นื ๆ 6. กำรเลีย้ งไกพ่ ้นื เมอื งสำมำรถช่วยแก้ควำมเครียด ควำมหงดุ หงิดได้ เปน็ กำรผ่อนคลำยอำรมณไ์ ด้เปน็ อยำ่ งดี และเป็นกำรใชเ้ วลำว่ำงใหเ้ กดิ ประโยชน์ 4. ณ ค ค ไดร้ ับกำรยอมรับของบคุ คลทว่ั ไป โดยมสี ำนักงำนปศสุ ัตว์อำเภอนำกลำงให้กำรรบั รองมำตรฐำน วำ่ เป็นสถำนท่ที ีส่ ำมำรถใชเ้ ป็นแหล่งเรยี นร้ไู ด้ศูนย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัยอำเภอนำ กลำง ไดส้ นบั สนนุ กำรเข้ำร่วมจัดกลุ่มอำชีพกำรเลี้ยงไกพ่ ้นื บำ้ น โดยมปี ระชำชนสนใจเขำ้ ร่วมจำนวน 36 คน 5. ผ ่ ็ โ ช ช ช ค เป็นแหลง่ เรยี นรใู้ นตำบลท่ีมีผสู้ นใจเข้ำมำเรยี นรูจ้ ำนวนมำก 6. คณ ่ไ ได้รับกำรเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ของตำบลโดยมี นำยสุนัน ประเสริฐสังข์ เป็นวิทยำกรให้ควำมรู้ แกบ่ ุคคลท่สี นใจ

ผ ค ญั ญ ถ่ ญั ญ ถ่ ถ ไ



ผ ค ญั ญ ไ ัญญ ถ่ ถ่ ถ 1. ผ นำงสำวสมพร นำมสกุล หอมแพงไว อำยุ 43 ปี ระดบั กำรศึกษำ มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย ภูมปิ ัญญำ/ปรำชญ์ชำวบำ้ น ด้ำน กำรแปรรูปผลิตภณั ์ ผำ้ ถุงทำจำกผำ้ ไหม ทอี่ ยปู่ จั จุบนั เลขท่ี หมู่ที่ ๙ ตำบลนำกลำง อำเภอนำกลำง จงั หวัดหนองบวั ลำภู โทรศัพท์มอื ถือ 0879908417 อำชีพ คำ้ ขำย สถำนท่ที ำงำน บ้ำนนครชยั บำ้ นเลขท่ี หมู่ที่ ๙ ตำบลนำกลำง อำเภอนำกลำง จังหวัดหนองบัวลำภู โทรศัพท์มือถือ 0879908417 ประวัตผิ ลงำน ทใี่ ห้กำรสนับสนนุ กิจกรรมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัย ไดม้ กี ำรจัดทำกำรสอนกำรทำอำชพี ให้กบั นักศึกษำ กศน. ชือ่ สถำนศกึ ษำ/หนว่ ยงำนทีเ่ สนอขอเขำ้ รับกำรประเมนิ กศน. ตำบลนำกลำง ศนู ย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศัย สงั กัด สำนักงำน กศน. จงั หวัดหนองบวั ลำภู 2. คค ค ช่ ช ญ นำงสำวสมพร หอมแพงไว้ มีองคค์ วำมรู้ในกำรออกแบบลำยตดั เยบ็ ผ้ำถุง และเปน็ วิทยำกรในกำร เรยี นรเู้ พื่อตอ่ ยอดอำชีพให้กับชมุ ชน 3. ถ ค ค ช่ ช ญ ได้จดั ทำกลมุ่ อำชพี ในชุมชน เพื่อถำ่ ยทอดองคค์ วำมรูใ้ ห้แก่ชุมชนในตำบล 4. ณ ค ค มีหน่วยงำนของรฐั และเอกชนไดม้ ำจัดอบรมเพื่อเปน็ ควำมรูใ้ ห้กบั หนว่ ยงำนอ่นื 5. ผ ่ ็ โ ช ช ช ค กำสอนกำรตัดเย็บผำ้ ถุง 6. คณ ไ่ -

ค ค ็ช ถ่ ถ ่ ่ ชช ้ไ ค



้ไ ค ค ็ช ถ่ ถ ่ ่ ชช 1. ค ็ แพบำ้ นดงสวรรค์ เดมิ ทเี ป็นอำ่ งเกบ็ น้ำบ้ำนห้วยไร่ ตง้ั อยู่หมู่ท่ี 4 บ้ำนเกษมณี ตำบลดงสวรรค์ อำเภอนำกลำง จงั หวดั หนองบัวลำภู กอ่ ตงั้ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วของชุมชน เมอื่ ปี พ.ศ.2536 โดยมีองคก์ ำร บริหำรสว่ นตำบลดงสวรรคเ์ ป็นผูส้ นับสนนุ ในกำรจัดตั้ง แพดงสวรรค์ เป็นแหล่งท่องเทย่ี วขนึ้ มำ เพอ่ื เป็นที่ พกั ผอ่ นหยอ่ นใจของคนในชุมชนและเป็นแหล่งทอ่ งเท่ยี วของผคู้ นท่ัวไป แหล่งทอ่ งเท่ียวท่นี กั ทอ่ งเท่ยี วมำถงึ ตอ้ งห้ำมพลำด คือ ล่องแพดงสวรรค์ ลอ่ งแพเล่นน้ำ บรรยำกำศดี อำหำรอร่อย แพดงสวรรคเ์ ป็นกำรรวมกลุ่มกนั ของคนในพืน้ ท่ี จะมีหลำยร้ำนรวมตัวกนั อย่ทู ่นี น่ั ใหไ้ ด้เลอื ก แต่ละร้ำนจะมีแพเปน็ ของตัวเอง 2-3 แพ แต่ละแพสำมำรถนัง่ ได้เป็น 10 คน ลกั ษณะแพแขง็ แรง คงทน รำคำอำหำรปำนกลำง เชน่ ส้มตำปลำเผำ อำหำรอีสำนตำ่ งๆ สำมำรถลงเล่นนำ้ ไดแ้ ตต่ ้องสวมเสื้อชชู พี หรือสำหรับคนที่วำ่ ยนำ้ ไม่เป็น จะมีบริกำรใหเ้ ช่ำด้วยครบั เปิดใหเ้ ท่ียวในทุกวัน 2. คค ค ช่ ช ญ ่ ่ ็่ ่ค เน่ืองจำกมบี ทบำทมำกข้นึ ในสังคมโลกและยิ่งมำกขึน้ ในชุมชนท้องถ่นิ เม่ืออตุ สำหกรรมทอ่ งเที่ยวได้ ขยำยอำณำเขตของกจิ กรรมทำงเศรษฐกจิ เข้ำใกล้วิถชี ีวติ ของชมุ ชนมำกขึน้ ในขณะทแ่ี นวโนม้ กำรทอ่ งเท่ยี ว ของประเทศไทยมีกำรเติบโตในทศิ ทำงบวกนักท่องเที่ยวสว่ นหน่ึงใหค้ วำมสนใจกับกำรเดนิ ทำงไปสมั ผัสควำม จรงิ แท้ดง้ั เดิมของพน้ื ทต่ี ่ำงๆ ในไทยเพ่ิมมำกข้ึน กำรทอ่ งเทยี่ วไม่ไดก้ ระจุกตัวอยใู่ นเมืองใหญ่ หำกมีกำร กระจำยตัวสู่ชมุ ชน ส่งผลใหท้ อ้ งถ่นิ หลำยแห่งตง้ั รับกำรมำถงึ ของนักทอ่ งเทย่ี วนำกำรทอ่ งเทยี่ วมำเปน็ เคร่ืองมอื ในกำรพัฒนำเศรษฐกจิ และคณุ ภำพชีวิต ขณะเดียวกนั ภำครฐั ก็ใหค้ วำมสำคัญกบั กำรทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชนเพม่ิ มำกข้นึ จำกกำรประกำศให้ ทอ่ งเที่ยววถิ ีไทยเป็นวำระแหง่ ชำติ มีกำรจัดทำแผนยุทธศำสตร์กำรท่องเท่ียวโดยชมุ ชน เพ่ือใหก้ ำรพฒั นำกำร ทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชนไปในทศิ ทำงท่ีย่ังยืน อุตสำหกรรมท่องเท่ยี วจงึ ถอื เป็นอตุ สำหกรรมแห่งควำมหวัง ท่ีสรำ้ งรำยได้ใหก้ บั ประเทศไทยมำกเป็น อนั ดับตน้ ๆ และมีควำมสำคญั โดยตรงต่อกำรพฒั นำเศรษฐกิจของประเทศ อันสง่ ผลใหค้ วำมเปน็ อยูข่ อง ประชำชนในประเทศดขี นึ้ กำรเจรญิ เตบิ โตของอุตสำหกรรมทอ่ งเที่ยวแมว้ ำ่ จะก่อให้เกิดประโยชนท์ ำง เศรษฐกิจ มกี ำรจำ้ งงำนเพ่มิ ขนึ้ มีกำรลงทนุ และสร้ำงรำยได้เข้ำประเทศ แตก่ ็ส่งผลกระทบต่อสภำพแวดล้อม วถิ ชี ีวติ ของสถำนทนี่ น้ั ๆ หำกไม่มีกำรจดั กำรทีด่ ีพอ ดงั น้นั เพอ่ื ให้เกดิ ควำมสมดุลระหวำ่ งกำรอนรุ ักษแ์ ละกำรพฒั นำจงึ ไดเ้ กดิ แนวควำมคิดในกำร พฒั นำกำรทอ่ งเที่ยวอยำ่ งยง่ั ยืน เกดิ เปน็ กำรท่องเทยี่ วทำงเลอื กที่หลำกหลำย หน่ึงในนน้ั คือ ‘กำรท่องเทย่ี วโดย ชุมชน

3. ผ ่ ้ 4. ถ ่ ้ . ญ , . โค , . . ณค . ค 30 . ่. . . .. . .. ค 50 โ 5.ผ ่ ็ โ ช ช ช ค ประชำชนในชมุ ชนได้มที ่ีพักผ่อนหย่อนใจ และได้มีรำยไดเ้ สริมจำกกำรทำแพไวล้ ่องใหบ้ ริกำร และมี อำหำรไวข้ ำยให้กับผ้มู ำท่องเท่ยี ว 6. คณ ไ่ สำนักงำนวฒั นธรรมจังหวดั หนองบัวลำภูไดม้ อบรำงวลั ให้กบั สถำนทท่ี อ่ งเที่ยว แพบ้ำนดงสวรรค์ เปน็ รำงวลั กำรสง่ เสริมกำรท่องเท่ียวในชุมชนดีเดน่ เม่อื ปี พ.ศ.2559

ผค ช ัญญ ถ่ ช



ผ ค ญั ญ ถ่ คค ช 1. ผ ชือ่ นำงสำว สภุ มำส นำมสกุล สงิ ห์นอ้ ย วันเดือนปีเกิด 5 กันยำยน 2523 ปัจจบุ นั อำยุ 39 ปี สถำนท่อี ยู่ บ้ำนเลขที่ 29/1 หมทู่ ่ี 7 ถนน รำชสวสั ดิ ตำบลดำ่ นชำ้ ง อำเภอนำกลำง จงั หวดั หนองบัวลำภู รหัสไปรษณีย์ 39170 โทรศัพท์ 088-7325727 E-mail address supamassingnoi @ ymail.com สถำนทท่ี ำงำน ช่อื หน่วยงำน ทีท่ ำกำรผู้ใหญบ่ ้ำนนำกุดผง้ึ / สำนักงำนหมบู่ ำ้ นบำ้ นนำกุดผ้งึ เลขที่ 29/1 หมทู่ ี่ 7 ถนน รำชสวัสดิ ตำบลดำ่ นช้ำง อำเภอนำกลำง จงั หวดั หนองบัวลำภู รหสั ไปรษณยี ์ 39170 โทรศพั ท์ 088-7325727 ผปู้ ระสำนงำนหรือบุคคลใกลช้ ดิ (กรุณำให้ชื่อ ท่อี ยู่ หมำยเลขโทรศัพทท์ ช่ี ัดเจน สำมำรถตดิ ต่อได้ กรณีไม่สำมำรถติดต่อผสู้ มัครได้) นำยแสวง บวั ใหญ่รกั ษำ กำนนั ตำบลดำ่ นชำ้ ง บ้ำนเลขที่ 146 หมู่ท่ี 2 ตำบลด่ำนชำ้ ง อำเภอนำกลำง จังหวัดหนองบัวลำภู 39170 โทรศัพท์ 085-4542241 ประวัติส่วนตัว/กำรศึกษำและฝกอบรม - นกั ศึกษำปฏิรูปกำรศึกษำรุ่นที่ ประกำศนยี บัตรวชิ ำชพี เกษตรศำสตร์ วิทยำลัยเกษตรและ เทคโนโลยอี ดุ รธำนี ประกำศนยี บตั รวชิ ำชีพช้ันสงู (ปวส.) สำขำวิชำ สตั วศำสตร์ เอกวชิ ำสตั วใ์ หญ่ วทิ ยำลัยเกษตรและ เทคโนโลยอี ุดรธำนี - ฝกอบรมหลักสตู ร กำรพฒั นำศกั ยภำพผ้ตู ดิ ตำมดูแลผผู้ ่ำนกระบวนกำรบำบัดรักษำยำเสพตดิ - ฝกอบรมโครงกำรพฒั นำผู้นำสมั มำชีพหลกั สตู รวทิ ยำกรผนู้ ำสมั มำชพี 30 พ.ย. 2558 – 3 ธ.ค. 2559 - อดีตลกู จ้ำงสำนักงำนปลัดเทศบำลตำบลนำกลำง,ลูกจ้ำงกองกำรศึกษำเทศบำลตำบลนำกลำง พ.ศ. 2546 - อดีตหัวหน้ำสว่ นบุคคล บรษิ ัท เลม เซอร์วสิ เซส จำกัด พ.ศ. 2548 – พ.ศ. 2552 - ปจั จบุ ันไดร้ ับเลือกเป็นประธำนกองทนุ พัฒนำบทบำทสตรีตำบลด่ำนช้ำง - ปัจจบุ ันเปน็ ประธำนบริหำรกองทนุ หมู่บำ้ นนำกดุ ผึ้ง - ปจั จุบันเปน็ เลขำนกุ ำรคณะกรรมกำรศนู ยป์ ฏิบตั ิกำรปองกนั ยำเสพตดิ ตำบล - ปัจจุบนั เป็นคณะกรรมกำรกองทนุ หลักประกันสุขภำพเทศบำลตำบลนำกลำง - ปัจจุบันเปน็ คณะกรรมกำรสวัสดกิ ำรชมุ ชนเทศบำลตำบลนำกลำง - ปจั จุบนั เป็นคณะกรรมกำรสถำนศึกษำโรงเรียนบำ้ นหนองดำ่ น - ปจั จุบนั เปน็ เลขำนกุ ำรศูนยบ์ รกิ ำรและถำ่ ยทอดเทคโนโลยีกำรเกษตรประจำตำบลดำ่ นช้ำง ● ผใู้ ห้ควำมชว่ ยเหลอื อุปถัมภ์กิจกรรมของสมำคมทหำรตำรวจนอกรำชกำรแห่งประเทศไทย

ชื่อหนว่ ยงำนทีม่ อบให้ สมำคมทหำรตำรวจนอกรำชกำรแห่งประเทศไทย ปีทไ่ี ดร้ บั 1 สิงหำคม 2555 ● เข็มพระรำชทำนผูใ้ หญ่บำ้ นสตรดี ีเดน่ เ ลิมพระเกียรติ 80 พรรษำ ชื่อหนว่ ยงำนทีม่ อบให้ กรมกำรปกครองกระทรวงมหำดไทย ปีท่ไี ด้รบั 12 สิงหำคม 2555 ● กรรมกำรพัฒนำสตรีตำบล (กพส.ต) ดเี ดน่ ชื่อหนว่ ยงำนทีม่ อบให้ องค์กำรบริหำรสว่ นจังหวัดหนองบัวลำภู ปที ีไ่ ดร้ ับ 8 สงิ หำคม 2556 ● เขม็ ผู้นำตอ่ ตำ้ นยำเสพติด ชื่อหนว่ ยงำนทีม่ อบให้ ตำรวจภูธร ภำค 4 ปที ีไ่ ดร้ ับ 26 มิถุนำยน 2546 ● ผูเ้ สยี สละอุทิศตนเพือ่ ช่วยเหลอื และบรรเทำผู้ประสบปญั หำภัยแล้ง ชื่อหนว่ ยงำนทีม่ อบให้ ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดหนองบัวลำภู/ประปำส่วนภูมภิ ำคจงั หวดั หนองบวั ลำภู ปที ีไ่ ดร้ ับ 2 มถิ นุ ำยน 2557 ● สตรที ีท่ ำคุณประโยชน์ให้แก่ชุมชน ชื่อหนว่ ยงำนทีม่ อบให้ องค์กำรบริหำรสว่ นจังหวัดหนองบัวลำภู ปที ีไ่ ดร้ ับ 11 สงิ หำคม 2558 ● ผูช้ ่วยเหลอื กิจกำรตำรวจดำ้ นกำรปรำบปรำมอำชญำกรรม ชื่อหนว่ ยงำนที่มอบให้ ตำรวจภธู รจังหวดั หนองบัวลำภู ปที ีไ่ ดร้ ับ 23 กนั ยำยน 2559 ● ประกำศเกียรติคณุ ผ้ปู ฏิบัตหิ น้ำทีช่ ่วยเหลือสนบั สนนุ รำชกำรฝำ่ ยปกครองด้ำนกำรปรำบปรำม อำชญำกรรม และกำรรักษำควำมสงบเรียบรอ้ ย ชื่อหนว่ ยงำนทีม่ อบให้ ปกครองอำเภอนำกลำง โดยนำยณัฐวัฒน์ บุญค้ำมำ นำยอำเภอนำ กลำง ปที ีไ่ ดร้ ับ 1 ธนั วำคม พ.ศ. 2560 ผลงำนดเี ด่นท่ีได้รบั กำรยอมรับและเป็นประโยชนต์ ่อสงั คม (เปน็ ผลงำนตอ่ เน่อื งไมน่ ้อยกว่ำ 3 ปี และยัง ดำเนนิ กำรจนถึงปจั จบุ ัน) โดยละเอียด เป็นผใู้ หญบ่ ำ้ น/ประธำนคณะกรรมกำรหมู่บำ้ นดำเนนิ กจิ กรรมของหมู่บำ้ น/ชุมชน - รกั ษำผลประโยชน์ของประชำชนในชมุ ชนทม่ี ำจำกทุกหน่วยงำนทุกกระทรวง - ดแู ลควำมสงบเรยี บร้อยในชมุ ชน - เฝำระวังและปองกนั เหตุอันเกิดจำกภัยยำเสพตดิ โดยชดุ ตำสบั ปะรดชมุ ชน/หมบู่ ้ำน

- จดั ระเบียบกำรทำงำนในหมู่บำ้ นสูส่ ำนักงำนหมู่บ้ำนท่ีเป็นระบบ - รำงวลั ชนะเลศิ อนั ดับที่ 1 กำรทำพำนบำยศรี 2. คค ค ช่ ช ญ กำรทำพำนบำยศรี,กำรย้อมสธี รรมชำติ,กำรทอผำ้ , 3. ถ ค ค ช่ ช ญ กระบวนกำรถำ่ ยทอดควำมรู้โดยกำรลงมือทำจริง ถำ่ ยทอดผำ่ นชน้ิ งำน 4. ณ ค ค เครือข่ำยผู้สงู อำยุ เครือขำ่ ยกำนนั ผ้ใู หญ่บ้ำน เครอื ข่ำย กศน.ตำบล 5. ผ ่ ็ โ ช ช ช ค กำรถ่ำยทอดวิธีกำรประดษิ ฐ์พำนบำยศรีแบบยำก ใหก้ บั ประชำชนที่สนใจ รไี ม่เกบ็ ค่ำใชจ้ ำ่ ย 6. คณ ่ไ ได้รบั เกยี รตบิ ัตรรบั รองจำกหน่วยงำน กศน.อำเภอนำกลำง , จำกพฒั นำชุมชน

ผ ค ญั ญ ถ่ ญั ญ ถ่ ชญช



ผ ค ญั ญ ่ ัญญ ถ่ ถ่ ชญช 1. ผ ประวัตคิ วำมเปน็ มำ เดิมกลุ่มชื่อ กลุม่ กำรทอผำ้ ขำวมำ้ บำ้ นกุดแห่ กอ่ ต้งั เม่อื ปี พ.ศ.2527 สมำชิกเร่ิม กอ่ ตั้งจำนวน 114 คน สมำชกิ กลมุ่ มีมำจำกหลำยหม่บู ้ำนในพ้นื ท่ตี ำบลกดุ แห่ กจิ กรรมมกี ำรผลิตหรือทอผำ้ ทกุ ประเภททัง้ ผ้ำไหม ผำ้ ฝำย ได้แก่ ผ้ำลำยมมดั หม่ี ผ้ำหำงกระรอก ผำ้ ขำวมำ้ ผำ้ โสรง่ ผ้ำพืน้ เรยี บ ฯลฯ ยกเว้นผ้ำขิด ตอ่ มำบ้ำนกุดแห่ หมูท่ ี่ 1 ไดแ้ ยกกลุ่มและจดั ต้งั กลมุ่ ใหม่ เมือ่ วันท่ี 27 มกรำคม 2544 ใช้ชอื่ กลมุ่ ว่ำ กลุ่มทอผำ้ ขดิ ไหม เหตุท่ีใชช้ ่ือนี้เพรำะ ผู้หญงิ ในพื้นท่ีหม่บู ำ้ นสว่ นใหญ่เมอื่ ว่ำงจำกกำรทำนำหรอื อำชพี หลกั จะใช้เวลำว่ำงในกำรทอผ้ำสำหรบั ไว้ใชใ้ นครัวเรอื นและจำหนำ่ ย จงึ ใหช้ ื่อกลมุ่ นี้ตำมที่กล่ำว กจิ กรรมที่ กลุ่มดำเนินกำร ได้แก่ กำรทอผ้ำขิด ผ้ำหำงกระรอก ผำ้ ขำวม้ำ ผ้ำโสรง่ ผำ้ ไหมพ้นื เรียบ และ ผ้ำลำย มดั หมี่ ฯลฯ มสี มำชกิ จดั ตั้ง 50 คน และปีนก้ี ลุม่ ไดร้ ับรำงวลั ชมเชย ประเภทผำ้ ขิดไหม จำกพระตำหนกั ภู พำนรำชนิเวส จังหวดั สกลนคร ปจั จบุ นั สมำชกิ 52 คน จำกหมู่ที่ 1 , หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 4 ตำบลกดุ แห่ หมบู่ ้ำน.กุดแห่ หมู่ที่ 1 กศน ตำบล กุดแห่ กศน.อำเภอสำนักงำน กศน.จงั หวดั หนองบวั ลำภู ประธำนกลุม่ /เจำ้ ของ นำงสมเภช ดอนม่ัน ข้อมูลกำรติดต่อ ทตี่ ้ัง/ท่อี ยู่ เลขที่ 116/2 หมู่ที่ 1 ชือ่ หมู่บ้ำน กดุ แห่ ตำบลกดุ แห่ อำเภอนำกลำง จงั หวดั หนองบัวลำภู โทรศพั ท์ 0862334414 ประเภทแหลง่ เรียนรู้/ภมู ิปญั ญำท้องถนิ่ (เลือกประเภททีส่ อดคล้องกบั สภำพควำมเป็นจรงิ ) ด้ำนแหลง่ อำชพี กำรทอผำ้ ขิดไหม 2. คค ค ช่ ช ญ เอกลกั ษณ์/จุดเด่น แหล่งเรยี นรู้/ภูมปิ ญั ญำ หรือผลิตภัณ ์ มกี ำรทอผำ้ ขิดไหม วตั ถุดบิ /ส่วนประกอบ เสน้ ไหม , สยี ้อมไหม, ม , ด้ำย , ก่ี , อกั , เขำ , ด่ำง , แชมพสู ระผม , กำละมัง , เตำ หงุ ตม้ , ห่วงเหล็ก ขัน้ ตอนกำรผลิต 1. กำรย้อมไหม ต้มน้ำและสที ่ตี ้องกำร แลว้ นำเส้นไหมมำต้มจนไดส้ ที ต่ี อ้ งกำร นำไปลำ้ งน้ำหลำยๆ คร้ังจน น้ำใสสะอำดจำกนน้ั สะบัด/ปนั แห้งพอหมำดแลว้ นำไปผ่งึ ลมใหแ้ หง้ 2. นำเสน้ ไหมทีย่ ้อมเสรจ็ มำเตรยี มสำหรับกำรทอ ท้ังทำงพุ่ง โดยใชก้ ง และอัก 3. นำเส้นไหมมำเตรียมเสน้ ยนื โดยใช้หลักเฝอ และนำไปเก็บลำยโดยใช้เขำ และนำเส้นไหมมำต่อสอดใส่ ม เพ่ือเตรียมกำรทอ 4.นำเส้นไหมมำเตรยี มเส้นพุ่ง โดยปนั ใส่หลอด เพอื่ นำไปใสก่ ระสวยเตรียมกำรทอ

5. เทคนคิ เคลด็ ลับในกำรผลติ มกี ำรแกะลวดลำย ทตี่ นเองชำนำญและเกย่ี วกบั โบรำณ แบบประยุกต์ 6. แหล่งจำหน่ำย มีกำรจำหน่ำยในหมบู่ ้ำน ชุมชน ศนู ยโ์ อทอปและกำรแสดงสนิ คำ้ ทเี่ มืองทองธำนี 3. ณ ค ค มีกำรสร้ำงเครอื ข่ำยกำรทำงำนรว่ มกันเป็นทีม 5. ผ ่ ็ โ ช ช ช ค มกี ำรสรำ้ งรำยได้ใหก้ ับชุมชน ประชำชนในท้องถน่ิ มกี ำรสรำ้ งงำนสร้ำงรำยได้ 6. คณ ่ไ รำงวลั ทไี่ ดร้ ับ ไดร้ บั กำรคัดสรรเป็นผลิตภณั ์ ระดบั ห้ำดำว ประเภทผ้ำ เครื่องแตง่ กำย ,ไดร้ บั กำรรบั รองชนิดเส้นใยธรรมชำติ (เส้นไหมแท)้ ระดบั ห้ำดำว , ไดร้ บั รำงวลั ชมเชยพรรำชทำน ประเภทผ้ำขดิ ไหม ประจำปี 2559

ผ ค ญั ญ ถ่ ชช ชช ค 39170 1

ค 1



ผ ค ญั ญ ถ่ ชช ชช 1. ผ กลมุ่ เพำะเห็ดครบวงจรบ้ำนเก่ำกลอย ตัง้ อยใู่ นเขตตำบลเก่ำกลอย อำเภอนำกลำง จงั หวดั หนองบัวลำภู อยูใ่ จกลำงตำบล อยูห่ ่ำงจำกสำนกั งำนเทศบำลตำบลเก่ำกลอย ประมำณ 4 กิโลเมตร เปน็ กลุม่ วิสำหกจิ ชมุ ชนทีม่ คี วำมเข้มแง และพร้อมในทกุ ๆดำ้ น ตง้ั แตก่ ำรรวมกลุ่ม กำรบริหำรจัดกำรสมำชิก เงนิ ทุน สวัสดิกำร และกำรจัดจำหน่ำยผลผลติ ของสมำชิก มีกำรพัฒนำอย่ำงรวดเร็วและเขม้ แขง็ สมำชิกทกุ คนมี คุณภำพชีวิตท่ีดีขน้ึ แหล่งเรยี นรู้ กลุ่มเพำะเหด็ ครบวงจรบำ้ นเกำ่ กลอย น้ี เป็นท้งั แหลง่ เรียนรทู้ ค่ี รบวงจร และ ศนู ยก์ ลำง กระจำยสินคำ้ ทำงกำรเกษตรของคนในตำบลเกำ่ กลอยและตำบลใกล้เคยี ง 2. คค ค ช่ ช ญ กลุ่มเพำะเห็ดครบวงจรบ้ำนเก่ำกลอย มีองค์ควำมรู้ที่ถ่ำยทอดกนั มำจำกรนุ่ สู้รุน่ มีจุดเรยี นร้กู ระจำย อย่ทู ัง้ หมู่บ้ำน ต้งั แต่ขั้นตอนกำรผลติ กอ้ นก้อน กำรใสเ่ ชอื้ กำรนึ่งก้อนเห็ด กำรจดั ทำโรงเรอื นเพำะเห็ด กำรเกบ็ ดอกเห็ดไปจนถงึ กำรจำหน่ำย

3. ถ ค ค ช่ ช ญ กลุ่มเพำะเหด็ ครบวงจรบ้ำนเกำ่ กลอย มวี ิทยำกรประจำกลมุ่ ท่พี ร้อมถ่ำยทอดควำมรู้ใหก้ บั ผ้ทู ส่ี นใจ และคณะศึกษำดูงำน ด้วยกระบวนกำรผลิตจริง สถำนที่ปฏิบตั ิงำนจรงิ และให้ทกุ คนทีส่ นใจสำมำรถฝกปฏบิ ตั ิ เพื่อร่วมเรียนรไู้ ปพร้อมๆกันไดต้ ลอดเวลำ 4. ณ ค ค กำรประสำนเครือข่ำยและกำรรว่ มมือในกำรจัดกจิ กรรมและพฒั นำงำน จำกควำมรว่ มมอื ของ เครอื ขำ่ ย 1. กศน.ตำบลเกำ่ กลอย กศน.อำเภอนำกลำง 2. เทศบำลตำบลเก่ำกลอย 3. พฒั นำชมุ ชนอำเภอนำกลำง 4. เกษตรอำเภอนำกลำง 5.สำนักงำน สปก. 6.หอกำรคำ้ จังหวดั หนองบวั ลำภู 5. ผ ่ ็ โ ช ช ช ค กลุม่ เพำะเห็ดครบวงจรบ้ำนเก่ำกลอย มผี ลงำนที่ทำใหช้ มุ ชนเชือ่ มน่ั คอื กำรรบั รองวสิ ำหกจิ ชุมชน จำก สำนกั งำนพัฒนำชุมชนจังหวัดหนองบัวลำภู 6. คณ ไ่ กล่มุ เพำะเหด็ ครบวงจรบำ้ นเกำ่ กลอย ไดร้ ับรำงวัล 1.วสิ ำหกจิ ชุมชนต้นแบบดีเดน่ จำก สำนกั งำนพฒั นำชุมชนจังหวัดหนองบัวลำภู 2.กำรจัดกำรกล่มุ ดเี ดน่ จำก พัฒนำชุมชนอำเภอนำกลำง 3.รองชนะเลศิ อนั ดับ 1 หมบู่ ้ำนเศรษฐกจิ พอเพยี งตน้ แบบ

คณ ผ . นำงแพรวพรรณ ไชยชำติ ครู รกั ษำกำรในตำแหนง่ ผอ.กศน.อำเภอนำกลำง ่ . นำง วีวรรณ ทุมชนะ ๓. นำงสำวภัทรวรรณ คลงั กลำง ครู อำสำสมัครฯ . นำยสพุ จน์ ทุมชนะ ๕. นำยสมหมำย ภูดอกไม้ ครู อำสำสมัครฯ ๖. นำงสวุ รรณำ เจรญิ ลอย ๗. นำงสำวจันทรำ คำภเู งิน ครอู ำสำสมัครฯ . นำยสพุ ล โยธำเสน ๙.นำยคมพิพรรธน์ อุดทำ ครู กศน.ตำบล ๐.นำยสำทิตย์ รัตนเพช็ ร .นำงสำวณัฏฐ์ชุดำ สำมำ ครู กศน.ตำบล .นำงสำวลักขณำ ผิวเหลือง ๓.นำยสรุ ิยนั ต์ สุธรรมำ ครู กศน.ตำบล .นำงสำววชั รี คำอ้อ ๕.นำยธนภทั ร ภูมสิ ำยดอน ครู กศน.ตำบล ๖.นำงสำวอรทยั หม่อยหลง ๗.นำงสำวผจงจิต รัฐอำจ ครู กศน.ตำบล .นำงสำวปทั มนันท์ พิมล ๙.นำยจรัญ มง่ิ แก้ว ครู กศน.ตำบล ๐.นำยหตั ถชยั รตั พลที .นำยศภุ วัฒน์ ดอนหมัน่ ครู กศน.ตำบล .นำยจริ ำยุ ประสทิ ธสิ ขุ ๓.นำงสำวมณีวรรณ พรมมำลำ ครู กศน.ตำบล ครู กศน.ตำบล ครู กศน.ตำบล ครู กศน.ตำบล ครศู นู ยก์ ำรเรยี นชมุ ชน ครศู ูนย์กำรเรียนชุมชน ครศู นู ยก์ ำรเรียนชุมชน ครศู ูนยก์ ำรเรยี นชุมชน ครูผู้สอนคนพกิ ำร ครูผ้สู อนคนพกิ ำร ครผู ู้สอนคนพกิ ำร บรรณำรักษ์ ผ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook