ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 1 คานา ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) รายวิชาชีววิทยา(ว33242) เร่ือง ความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ที่เน้นผูเ้ รียนเป็นสาคญั ผู้เรียนสามารถนาไปฝึกปฏบิ ัติหรือเรยี นรู้เพิ่มเตมิ ด้วยตนเอง ทง้ั ในและนอกเวลาเรียน โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละชุดประกอบด้วยเอกสาร 2 ส่วน คือ คู่มือครูและชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ท้ังน้ีเพื่อให้ผู้เรียนนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปดาเนินการกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพตรงตามจุดมุ่งหมายของการสร้างชุดกจิ กรรม ซึ่งชุดกิจกรรม เร่ือง ความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย8 ชดุ กิจกรรม ดงั น้ี 1. ชดุ กจิ กรรมที่ 1 การศกึ ษาความหลากหลายทางชีวภาพ 2. ชดุ กจิ กรรมท่ี 2 กาเนิดของส่งิ มีชวี ติ 3. ชุดกิจกรรมท่ี 3 อาณาจักรมอเนอรา 4. ชดุ กจิ กรรมท่ี 4 อาณาจักรโพรตสิ ตา 5. ชุดกจิ กรรมท่ี 5 อาณาจักรพชื 6. ชุดกิจกรรมท่ี 6 อาณาจักรฟังไจ 7. ชุดกิจกรรมท่ี 7 อาณาจกั รสัตว์ 8. ชุดกิจกรรมที่ 8 ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย ชดุ กิจกรรมนี้เปน็ ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพชื ซ่ึงประกอบดว้ ย คาชี้แจง ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์สาระการเรียนรู้ เวลาที่ใช้ วิธีใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ซ่ึงเป็นแบบตัวเลือก 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ พร้อมกับบัตรความรู้และบัตรกิจกรรม รวมทั้งมีแบบทดสอบหลังเรียนและเฉลยแบบทดสอบและบัตรกิจกรรม ท้ายสุดมีแบบบันทึกคะแนนก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลงั เรยี น ผูจ้ ัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดการเรียนรู้นี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน สาหรับครู นักเรียนและผู้ท่ีสนใจ เพือ่ ใชใ้ นการพฒั นาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นต่อไป นางสาวสายธารา เดชเจริญพร ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ที่ 5 เรื่อง อาณาจักรพืช 2 สารบญั หนา้ 1เรอื่ ง 2คานา 3สารบัญ 4คาชีแ้ จง 5การใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 6ผลการเรียนรู้ 6จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 7เน้อื หาสาระ 8บทบาทของนักเรยี น 11แบบทดสอบก่อนเรียน 12บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 1 16บัตรความรทู้ ่ี 1 17บตั รกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 2 20บตั รความรู้ท่ี 2 22บัตรกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 3 31บัตรความรทู้ ี่ 3 33บตั รกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 4 36แบบทดสอบหลังเรียน 37บรรณานกุ รม 38ภาคผนวก 39แบบบันทกึ คะแนนระหว่างเรียน 40เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน 46เฉลยบตั รกจิ กรรม 51แบบสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น และประเมนิ คณุ ลักษณะแบบประเมนิ ผงั ความคิด ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6
ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพืช 3คาชแี้ จง ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) รายวิชาชีววทิ ยา(ว33242) เร่อื ง ความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ชดุ กิจกรรมน้ีประกอบดว้ ยชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ 8 ดังนี้ชุดที่ ชอื่ ชุดกจิ กรรม จานวนชวั่ โมง 1 การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ 2 2 กาเนดิ ของสิ่งมีชวี ิต 2 3 อาณาจักรมอเนอรา 2 4 อาณาจักรโพรตสิ ตา 2 5 อาณาจักรพืช 2 6 อาณาจักรฟงั ไจ 2 7 อาณาจักรสัตว์ 2 8 ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย 2 รวม 16 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ฉบับนี้เป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพืช ซึ่งนักเรียนจะไดศ้ ึกษาเรยี นรู้และปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆ เพื่อศึกษาเกยี่ วกับความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ โดยใชเ้ วลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมทง้ั หมด 2 ชว่ั โมง และให้นักเรยี นศกึ ษาชดุ กจิ กรรมตามลาดบั ข้ันตอนตอ่ ไปนี้ ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 4การใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันเตรยี มก่อนใช้ชดุ กิจกรรม 1. ทาการศึกษาคน้ ควา้ ในเร่ืองท่ีตนเองจะเรยี นหรือปฏบิ ัติกิจกรรมมากอ่ นลว่ งหน้าเพ่ือใหเ้ ขา้ ใจใน บทเรยี นไดด้ แี ละรวดเร็วยิ่งขึ้น 2. เตรียมความพรอ้ มของตนเองสาหรับการปฏิบตั กิ จิ กรรมร่วมกบั เพ่อื นในห้องเรียนกับเพ่ือนใน ห้องเรยี นและเพ่ือนร่วมกลุ่ม 3. คาแนะนาในการปฏิบตั ิงานกลุ่ม 3.1 เลอื กประธานกล่มุ เพ่อื เป็นผนู้ าในการดาเนนิ การจัดการเรยี นรู้ และเลขากล่มุ เพ่ือบนั ทึก ขอ้ มลู ในการปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆ 3.2 สมาชิกทุกคนตอ้ งมสี ่วนรว่ ม ช่วยเหลอื ซึ่งกันละกัน และรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั 3.3 ต้งั ใจปฏิบัตกิ จิ กรรมอย่างเตม็ ความสามารถและรอบคอบ 4. ใชก้ ลุ่มเดมิ ตลอดการเรียนดว้ ยชุดกิจกรรมการเรยี นรู้นี้ ขน้ั การใชช้ ดุ กิจกรรม 1. ศึกษาภาระงานให้เข้าใจ และปฏบิ ตั ติ ามลาดับขัน้ ตอน 2. ปฏิบัติกจิ กรรมด้วยตนเอง ไม่ลอกเพ่อื นและไม่ใหเ้ พอ่ื นลอก 3. ศึกษากิจกรรมด้วยความตัง้ ใจแล้วทาการวิเคราะห์เนอ้ื หาและสรุปเพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจได้ง่ายๆ 4. ศกึ ษาคาช้แี จงของกจิ กรรมโดยการระดมความคดิ ในกลุ่ม เพื่อตอบคาถามให้ตรงตามทฤษฎีของ เรื่องที่เรียน ไม่ตอบโดยไม่มีเหตุผลหรอื ไม่มีทฤษฎีรองรับ 5. ร่วมอภปิ รายกับครูด้วยความตงั้ ใจ จดความรใู้ หม่ และซักถามทนั ทีเมือ่ ไม่เข้าใจ 6. มีความสามัคคี มีนา้ ใจ ภาคภูมิใจในผลงานของกลุม่ โดยไมเ่ อาเปรียบดว้ ยการนงั่ เฉยหรือก่อ ความวุ่นวายในห้องเรยี น ขน้ั หลงั ใช้ชุดกจิ กรรม 1. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน 2. รวบรวมผลงานท่ีได้จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมส่งครู เพ่อื ประเมินผลการเรยี นรู้ 3. จัดเกบ็ อปุ กรณท์ ุกช้นิ ใหเ้ รยี บรอ้ ย ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6
ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 5ผลการเรียนรู้ดา้ นความรู้ 1. นักเรียนสามารถสบื คน้ ข้อมลู อภิปราย และอธบิ ายเกี่ยวกับความหมายและองคป์ ระกอบของ ความหลากหลายทางชวี ภาพได้ 2. นกั เรยี นสามารถสบื คน้ ข้อมูล อภปิ ราย และอธิบายการศึกษาของสิ่งมชี ีวติ การจัดหมวดหมู่ของ สงิ่ มชี วี ติ ช่อื ของสิง่ มชี ีวติ และการระบชุ นิดได้ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนสามารถปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามกระบวนการสืบเสาะหาความร้แู บบวัฎจกั ร 7 ขน้ั (7E) ดงั น้ี 1. ทาแบบฝกึ หดั ก่อนบทเรียน เพอื่ ทดสอบความรูเ้ ดมิ (Elicitation Phase) 2. ร่วมกนั อภิปรายและต้งั คาถามจากแบบทดสอบก่อนเรียน (Engagement Phase) 3. สบื คน้ ข้อมูลจากเอกสารประกอบการเรียนรู้เรือ่ ง การศึกษาความหลากหลายของส่งิ มชี วี ิต (Exploration Phase) 4. นาขอ้ มูลมาดาเนินการวิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนาเสนอผลทไี่ ดใ้ นรูปต่างๆเช่น บรรยายสรปุ สรา้ งแผนภูมิความคิดรวบยอด (Explanation and Expansion Phase) 5. ให้นกั เรียนนาผลงานท่ีได้จากการสรปุ ผลการวิเคราะห์มานาเสนอหน้าชน้ั เรยี นเพ่ือนาไปสหู่ าสรุป ร่วมกนั ในชน้ั เรยี นและประเมินผลงาน (Evaluation and Extension Phase)ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1. มคี วามสนใจใฝ่เรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การสนทนาซกั ถาม กระตือรอื รน้ ในการปฏิบัติกิจกรรม 2. มคี วามรับผิดชอบ ได้แก่ ปฏบิ ัติหน้าท่ีทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ทางานสาเรจ็ ตามเป้าหมาย 3. ความมีเหตุผล ได้แก่ การรวบรวมข้อมลู การอธิบายหรือแสดงความคิดเหน็ อยา่ งมีเหตุผลมี หลักการหรอื ขอ้ มูลอง้ องิ 4. มรี ะเบยี บวินัย ได้แก่ ตรงต่อเวลาท่นี ัดหมาย ปฏิบตั ิตามระเบยี บวินยั ของกิจกรรม 5. อยู่อยา่ งพอเพียง ไดแ้ ก่ ใชท้ รัพยส์ นิ ตนเองอย่างประหยัด ทรพั ยส์ ินสว่ นรวมอยา่ งคุ้มคา่ ไมเ่ อา เปรยี บคนอืน่ วางแผนการเรียนการทางาน 6. มุ่งมั่นในการทางาน ได้แก่ ต้ังใจ อดทนทางาน ไม่ย่อทอ้ 7. รกั ความเป็นไทย ได้แก่ มจี ติ สานักในความเปน็ ไทยและภมู ิปัญญาไทย 8. มจี ิตสาธารณะ ได้แก่ ช่วยเหลือเพื่อน พ่อแม่ ครู มจี ิตอาสา ทางานเพ่ือสว่ นรวม ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6
ชดุ ที่ 5 เร่ือง อาณาจกั รพืช 6 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สืบคน้ ข้อมลู อภิปราย และอธบิ ายเกี่ยวกับความหมายและองคป์ ระกอบของความหลากหลาย ทางชวี ภาพได้ 2. สืบคน้ ขอ้ มูล อภิปราย และอธบิ ายการศึกษาของสิง่ มีชวี ิต การจัดหมวดหม่ขู องสงิ่ มชี วี ิต ชอื่ ของ สิง่ มชี ีวิต และการระบชุ นดิ ได้สาระการเรียนรู้ 1. ความหลากหลายทางชีวภาพ 2. การศึกษาความหลากหลายของส่งิ มชี วี ิต 3. ช่ือของสิ่งมชี วี ิตเวลาทใ่ี ช้ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การศึกษาความหลากหลายทางชวี ภาพ ใชเ้ วลาในการทาการ เรียนรู้ 2 ชวั่ โมง ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 7 บทบาทของนักเรียน 1. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 5 คน เลือกประธานกลมุ่ เพือ่ เป็นผู้นาในการดาเนินกจิ กรรมและเลขานกุ ารกลุ่มเพ่ือบันทึกข้อมลู ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่างๆและมอบหมายหน้าทใ่ี ห้สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ ให้ชัดเจน 2. ตรวจสอบความครบถว้ นของชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรูแ้ บบ 7Eเร่อื ง อาณาจกั รพชื 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพื่อทดสอบความรู้เดิมของนกั เรียน 4. ศึกษากจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 1 แลว้ ให้แตล่ ะกลุ่ม รว่ มกนั อภิปรายและตอบคาถาม 5. ศึกษาและปฏิบตั ิกจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 2 เพ่อื สารวจและค้นหาคาตอบ 6. ศกึ ษากจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ 3 และ 4 จากนั้นปฏบิ ัติกจิ กรรม อภปิ รายและระดมความคิดในกลุ่ม สรปุ แกป้ ัญหาจากสถานการณท์ ี่กาหนดขนึ้ แล้วบันทึกคาตอบลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม พร้อมทงั้ ขยายความรูท้ ีไ่ ดร้ ับโดยการนาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น 7. แลกเปลี่ยนกนั ตรวจแบบบันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยเลขานกุ ารกลมุ่ รวบรวมแบบบันทกึ คาตอบของสมาชกิ ไปแลกเปลีย่ นกับกลมุ่ อื่น โดยกาหนดให้กลุ่มที่ 1 ตรวจกล่มุ ที่ 5, กลุม่ ท่ี 5 ตรวจกลมุ่ท่ี 4, กล่มุ ที่ 4 ตรวจกลุ่มท่ี 3, กลุ่มที่ 3 ตรวจกลุม่ ที่ 2 และกลมุ่ ที่ 2 ตรวจกลุ่มที่ 1 8. ประธานรบั เฉลยกจิ กรรมการเรยี นรู้ จากครผู ู้สอนเพื่อนามาตรวจคาตอบ 9. สมาชิกในกลมุ่ ตรวจแบบบันทึกกิจกรรมของสมาชิกกล่มุ อนื่ (กรณมี ีข้อสงสยั ให้นักเรียนถามครผู ู้สอน) 10. เลขานุการกลุ่ม รวบรวมแบบบนั ทกึ กจิ กรรมกลุ่มคนื กลุ่มเดิม 11. ประธานกลุ่มนาเฉลยกจิ กรรมคนื ครูผสู้ อน 12. สมาชกิ ในกลุ่มบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทึกคะแนน รวมคะแนนของสมาชิกในกลมุ่หาค่าเฉลี่ยเปน็ คะแนนของกลุ่มแจง้ ครูผู้สอน ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6
ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 8 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ชุดการเรยี นรู้ท่ี 5 เรื่อง อาณาจักรพืชชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพชืจานวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน ใชเ้ วลา 10 นาทีคาชแ้ี จง: แบบทดสอบเปน็ แบบปรนยั เลอื กตอบ ก ข ค และ ง จานวน 10 ขอ้1. สง่ิ ในชวี ติ ทีจ่ ะจัดไวใ้ นอาณาจักรพืช (Kingdom Plantac) ต้องมีลักษณะสาคัญเดน่ ชัดในข้อใด ก. มีหลายเซลล์ (multicellular) และมคี ลอไรปลาสท์ ข. มีผนังเซลล์ มีคลอไรปลาสท์ และมวี งจรชีวติ แบบสลับ (alteration of generation) ค. มรี ะยะตน้ อ่อน มีคลอไรปลาสทแ์ ละมีวงจรชีวิตแบบสลบั ง. มเี นื้อเยื่อ มีระยะตัวอ่อน มีการสืบพนั ธแ์ุ บบใชเ้ พศ สลบั กบั แบบไม่ใชเ้ พศ2. ลิเวอรเ์ วริ ต์ เป็นพชื พวกใด ก. อยู่ Phylum Hepatophyta เพราะไม่มที ่อลาเลยี ง ข. อยู่ Phylum Hepatophyta เพราะมีท่อลาเลยี ง ค. อยู่ Phylum Bryophyta เพราะไม่มีทอ่ ลาเลียง ง. อยู่ Phylum Bryophyta เพราะมที ่อลาเลียง3. ใบของมอส ไมถ่ ือวา่ เปน็ ใบทีแ่ ทจ้ รงิ พราะเหตุใด ก. ขนาดใบเลก็ เกนิ ไป ข. ไมม่ ีสีเขียว ค. รงควตั ถภุ ายในไม่ใช่คลอโรฟลิ ง. ไม่มที ่อลาเลยี ง4. ลกั ษณะสาคัญของพชื พวกจมิ โนสเปอรม์ คือ ก. สร้างโคน(cone) ทผ่ี ลติ สเปิรม์ และไขภ่ ายในตน้ เดยี วกัน ข. มีสว่ นทีเ่ ป็นราก ลาตน้ ใบ และดอกทแ่ี ทจ้ รงิ ค. เมลด็ ไม่มผี นังรังไขห่ ่อหมุ้ ง. มีใบขนาดเลก็ รูปเข็มรวมกันอย่เู ป็นกลุ่ม5. การจัดหมวดหมพู่ ชื แบ่งได้ก่ีระบบ ก. 1 ระบบ ข. 2 ระบบ ค. 3 ระบบ ง. 4 ระบบ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6
ชดุ ที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพชื 9 6. ข้อใดเป็นพชื ทีม่ กี ารกระจายพันธุ์ในบริเวณท่แี ห้งแลง้ ได้ดี มลี าต้นค่อนข้างเต้ีย ใบมีขนาดใหญ่เป็นใบประกอบแบบขนนกชนั้ เดียว มีการสร้างโคนเพศผู้และโคนเพศเมยี แยกต้นกนั ก. Phylum Gnetophyta ข. Phylum Cycadophyta ค. Phylum Ginkophyta ง. Phylum Coniferophyta 7. ขอ้ ใดคือพืชท่มี ีลกั ษณะแตกต่างจากพชื เมล็ดเปลือยกลุ่มอืน่ คือพบเวสเซลในท่อลาเลยี งน้า และมีลกั ษณะคลา้ ยพืชดอกมาก คือ มีกลีบดอก มีใบเล้ยี ง 2 ใบ แตม่ ลด็ ยังไม่มเี ปลอื กหุ้ม ก. Phylum Gnetophyta ข. Phylum Cycadophyta ค. Phylum Ginkophyta ง. Phylum Coniferophyta 8. พืชใดอยู่ในกล่มุ ไม้ดอกท้ังหมด ก. สร้อยสุกรม บอน แหน ผักแว่น ข. สาหร่ายหางกระรอก สาหร่ายขา้ วเหนียว จอก ตะไคร้ ค. สรอ้ ยสดี า ชายผ้าสดี า กระเขา้ สดี า พลู ง. หญา้ รงั ไก่ หญา้ ถอดปล้อง หญา้ แพรก หญ้านกสีชมพู 9. เป็นกลมุ่ พืชท่มี ีลาต้น มขี ้อปลอ้ งชัดเจน มีทง้ั ลาตน้ ต้ังตรงบนดินและลาตน้ ใต้ดนิ ลาต้นต้ังตรงบนดินมสี ี เขียวเป็นสนั ใบมีขนาดเล็ก มีเส้นใบเพียง 1 เสน้ เรยี งเปน็ วงรอบข้อ อบั สปอรเ์ ป็นกระจกุ ที่ปลายก่งิ เรยี กว่า strobilus ก. หญ้าถอดปล้อง ข. เฟริ น์ ค. หวายทะนอย ง. แปะ๊ กว๊ ย 10. Terprothallus ของเฟริ น์ ทาหน้าท่ีอะไร ก. สร้างสเปริ ม์ ข. สรา้ งรงั ไข่ ค. สรา้ งสปอร์ ง. ท้งั ก และ ข ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6
ชดุ ที่ 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 10 กระดาษคาตอบชุดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 5 เรือ่ ง อาณาจักรพชื ก่อนเรยี น หลังเรยี นชอื่ .................................................................................... ช้ัน ................ เลขท่ี ..............ขอ้ ที่ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.10. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6
ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจกั รพชื 11 บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง พชื รอบตวั คาชี้แจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับน้ีเป็นกิจกรรมที่จัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความร้ขู ัน้ ตรวจสอบความรเู้ ดิม (Elicitation Phase) ขั้นเรา้ ความสนใจ(Engagement Phase)และขน้ั อธิบาย(Explanation Phase) กิจกรรมที่ 1 ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ นาตวั อย่างพืชท่ีพบได้รอบๆตัวของนักเรยี นไม่วา่ จากทบี่ ้านหรือทโ่ี รงเรียนมาคนละ 3 ชนิด ไม่ซ้ากนั มาศึกษาชื่อและลกั ษณะกันในแต่ละกลุ่ม และแลกเปลย่ี นกันระหวา่ งกลุ่มใหร้ วบรวมขอ้ มูลพชื จานวน 15 ชนดิ และบนั ทึกผลลงในตาราง พรอ้ มตอบคาถาม (10 คะแนน)ลาดับท่ี ชอื่ พชื ลักษณะท่ีพบ123456789101112131415 คาถาม 1. พชื ที่นักเรยี นนามาศึกษามลี ักษณะแตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไรจงอธิบาย............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................... ................................ 2. ถ้านักเรียนจะจดั กลมุ่ พชื ทน่ี ามาศึกษาจะแบ่งเปน็ กล่มุ ได้กี่กลุ่ม ได้แก่อะไรบ้าง................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................................................ ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 12 บตั รความรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง อาณาจักรพืช คาชแ้ี จง กิจกรรมการเรียนร้ฉู บบั นีเ้ ป็นกิจกรรมท่ีจดั การเรียนร้ตู ามกระบวนการสบื เสาะหาความร้ขู ้ันอธิบาย (Explanation Phase) และข้นั ขยายความรู้(Elaboration Phase) คาส่ัง ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกนั ศกึ ษาบตั รความรแู้ ละร่วมกันวเิ คราะห์ อภปิ รายและตอบคาถามตอ่ ไปนลี้ งในบตั รบนั ทึกกจิ กรรมการเรยี นรู้ อาณาจักรพชื (Kingdom Plantae) พชื เป็นส่งิ มชี ีวติ ทมี่ กี าเนดิ ขนึ้ มาแลว้ ไม่ต่ากวา่ 400 ลา้ นปี มหี ลักฐานหลายอย่างทท่ี าให้เชื่อวา่ พืชมีววิ ฒั นาการมาจากสาหรา่ ยสเี ขยี ว กลมุ่ Charophytes โดยมกี ารปรับตวั จากสภาพทีเ่ คยอยใู่ นนา้ ข้ึนมาอยูบ่ นบก ด้วยการสรา้ งคุณสมบตั ิต่าง ๆ ทเ่ี หมาะสมข้นึ มา เชน่ มกี ารสร้างควิ ตนิ (cutin) ขึ้นมาปกคลุมผวิ ของลาตน้และใบเรยี กว่า ควิ ทิเคิล (cuticle) เพ่อื ป้องกนั การสูญเสยี น้า และการเกดิ สโทมาตา (stomata) เพ่อื ทาหน้าท่ีระบายนา้ และแลกเปลย่ี นกา๊ ซ เป็นตน้ ลักษณะสาคัญของสงิ่ มีชวี ติ ในอาณาจักรพืช พืชมีโครงสร้างท่ีประกอบขึ้นด้วยหลายเซลล์ท่มี ารวมกล่มุ กันเป็นเน้ือเยื่อที่ทาหน้าท่ีเฉพาะอย่างเซลล์ของพืชมีผนังเซลล์ท่ีมีสารประกอบ เซลลูโลส (cellulose) เป็นองค์ประกอบท่ีพบเป็นส่วนใหญ่ พืชทุกชนิดที่คุณสมบัติท่ีสามารถสร้างอาหารได้เองจากระบวนการสังเคราะห์ด้วยเสง โดยบทบาทของรงควัตถุคลอโรฟิลล์(chlorophyll a & b) ที่อยู่ในคลอโรพลาสต์เป็นสาคัญ รงควัตถุหลักที่พบได้ในเซลล์พืชจะเหมือนกับพบในเซลล์ของสาหรา่ ยสีเขียว ได้แก่ คลอโรฟิลล์ เอ คลอโรฟิลล์ บี และแคโรทีนอยด์ นอกจากนี้พืชยังสะสมอาหารในรูปของแป้ง วงชีวิต (life cycle) ของพืชเป็นวงชีวิตแบบสลับ (Alternation of Generation) คือ ประกอบด้วยช่วงชีวิตที่เป็นสปอโรไฟต์ (sporophyte generation) ทาหน้าที่สร้างสปอร์ (spore) สลับกับช่วงชีวิตที่เป็นแกมีโทไฟต์ (gametophyte generation) ทาหน้าท่ีสร้างแกมีต (gamete) ได้แก่ เซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้หรือสเปิร์ม (sperm) และเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียหรือไข่ (egg) ซึ่งจะมารวมกันเพ่ือให้ได้เป็นเซลล์ใหม่คือ ไซโกต(zygote) อวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของพืช ประกอบข้ึนด้วยหลายเซลล์โดยมีเซลล์โดยมีเซลล์ที่เป็นหมัน ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 13(sterile cell) ห่อหุ้มอยู่รอบนอก การเจริญของพืชจากไซโกตไปเปน็ สปอโรไฟต์จะต้องผ่านจะตอ้ งผ่านระยะที่เปน็ เอม็ บริโอ (embryo) ก่อน คณุ สมบัตทิ ั้ง 2 ประการ ดังกลา่ วน้ีจะไม่พบในพวกสาหร่าย (algae) ภาพแสดงเซลลพ์ ืช ทมี่ า: https://sites.google.com/site/learncell สบื ค้นเมื่อ 15 มถิ ุนายน 2559 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6
ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพืช 14 ภาพแสดงการเปรยี บเทียบเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ ที่มา: https://sites.google.com/site/learncell สืบค้นเมือ่ 10 มิถุนายน 2559 วงชีวิตแบบสลับ พชื ส่วนใหญ่จะมีสปอโรไฟต์เด่น คือมีขนาดท่ีมองเหน็ ได้ชัดเจนทั่วไป ในขณะท่ีแกมีโทไฟต์มีขนาดเล็กแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าในพืชบางกลุ่ม แกมีโทไฟต์ประกอบข้ึนด้วยเซลล์ที่เป็นโมโนพลอยด์ (n) จานวนมากทาหนา้ ท่ีสร้างแกมตี สปอโรไฟตข์ องพชื ประกอบขน้ึ ดว้ ยเซลล์ที่เปน็ ดิพลอยด์ (2n) ทาหนา้ ที่สร้างสปอร์จากการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสของสปอร์มาเทอร์เซลล์ ( spore mother cell) ที่อยู่ภายในอับสปอร์(sporangium)สปอร์ ซ่ึงเป็นเซลล์ท่ีเป็นเฮพลอยด์ (n)จะแบ่งตัวเจริญต่อไปเป็นแกมีโทไฟต์ (n) ที่ทาหน้าท่ีสร้างแกมีตคือ สเปิร์ม และไข่ การปฏิสนธิ (fertilization) คือ การรวมตัวกันของสเปิรม์ (n) และไข่ (n) จะทาให้ได้เซลล์ใหม่ท่ีเป็นดิพลอยด์ (2n) คือ ไซโกตเกิดขึ้นมา และต่อจากนั้นไซโกตจะแบ่งเซลล์ได้เป็นเอ็มบริโอก่อนท่ีจะเจริญต่อไปเป็นสปอร์โรไฟต์ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ไซโกต คือ เซลล์เร่ิมต้นของช่วงสปอโรไฟต์ และสปอร์คือเซลล์เริ่มต้นของช่วงแกมโี ทไฟต์ ในพชื กลุม่ ที่ไมส่ ร้างเมล็ดส่วนใหญ่จะมีการสร้างสปอรเ์ พียงชนิดเดียว(homospore) ซ่งึ สปอรด์ ังกลา่ วจะแบง่ ตวั และเจริญต่อไปเปน็ แกมโี ทไฟตท์ ่ีทาหนา้ ท่ีสร้างท้งั สเปิรม์ และไข่บนต้นเดียวกัน แต่สาหรับพืชท่ีมีการสร้างเมล็ดแล้วทุกชนิด จะสร้างสปอร์เป็น 2 ชนิด (heterospore) ได้แก่ไมโครสปอร์ (microspore) และ เมกะสปอร์ (megaspore) ไมโครสปอร์จะแบ่งตัวเจริญต่อไปเป็นไมโครแกมีขทไฟต์ (microgametophyte) หรือแกมีโทไฟต์เพศผู้ (male gametophyte) ทาหน้าที่สร้างสเปิร์ม และเมกะสปอร์ จะแบ่งตัวเจริญต่อไปเป็นเมกะแกมีโทไฟต์ (megagametophyte) หรือแกมีโทไฟต์เพศเมีย (female gametophyte) ทาหน้าทส่ี รา้ งไข่ ต่อไป ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 15ทม่ี า: https://watikakandumee.wordpress.com สบื ค้นเมอ่ื 15 มิถนุ ายน 2559 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 16 บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง ความหลากหลายทางชวี ภาพ คาชี้แจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับน้ีเปน็ กจิ กรรมท่จี ดั การเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration Phase) ,ขนั้ ขยายความรู้(Exploration Phase) และขัน้ นาความรู้ไปใช้ (Extend Phase) คาสงั่ เมื่อนักเรยี นศึกษาบตั รความรเู้ รอื่ ง อาณาจักรพืชแล้ว จงตอบคาถามต่อไปน้ี (10 คะแนน) 1. พืชเป็นส่ิงมชี ีวิตทมี่ ีกาเนิดข้นึ มาแล้วไม่ต่ากวา่ ...........................ปี มีหลักฐานหลายอยา่ งทที่ าใหเ้ ชอื่ วา่ พืชมีววิ ฒั นาการมาจากสาหรา่ ยสเี ขียว กล่มุ …………………………………………………………………………….. 2. ให้นกั เรียนเตมิ สว่ นตา่ งๆของเซลล์พืชใหถ้ กู ต้อง 3…………………. 1…………………. . .4…………………. 2………………….. . 5…………………. . ทมี่ า: https://sites.google.com/site/learncell สบื ค้นเมอ่ื 15 มถิ นุ ายน 2559 3. ลักษณะสาคัญของส่ิงมีชีวติ ในอาณาจักรพชื คือ…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. พืชท่มี กี ารสรา้ งเมลด็ แล้วทุกชนิด จะสร้างสปอร์เป็น .......... ชนดิ (heterospore) ไดแ้ ก่…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เร่ือง อาณาจกั รพืช 17 บัตรความรทู้ ่ี 2 เรื่อง ความหลากหลายของพชื กลุ่มไม่มีท่อลาเลยี ง คาช้แี จง กจิ กรรมการเรียนรู้ฉบบั นี้เปน็ กจิ กรรมทจ่ี ดั การเรียนรูต้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ข้นั อธบิ าย (Explanation Phase) และข้นั ขยายความร้(ู Elaboration Phase) คาส่ัง ให้นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันทากิจกรรม เร่ือง การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพตามกิจกรรมทกี่ าหนดใหต้ ่อไปน้ี กลมุ่ พชื ไม่มที อ่ ลาเลียง วงจรชวี ิตของลเิ วอร์เวริ ต์ liverwort life cycle พืชไม่มีทอ่ ลาเลยี ง (nonvascular plant) gametophyteจะเด่นกว่าและเป็นอิสระ sporophyte ต้องอาศั ยอยู่ ทีม่ า: https://somphat2015.บน gametophyte ตลอดชวี ติ ไมม่ รี ากแต่มีรากเทียม wordpress.com( rhizoid) ไม่มี vascular tissue จึงลาเลียงโดยการแพร่ และออสโมซิสเท่าน้ัน ทาให้ลาต้นจาเป็นต้องมีขนาดเล็ก มีลาต้น สบื ค้นเมื่อ 20 มิถนุ ายน 2559และใบท่ีไม่แท้จริง รวมเรียกว่า thallus ปัจจุบันพืชที่ไม่มีท่อลาเลียง แบง่ ออกได้ เป็น 3 ไฟลมั โดยใชร้ ปู ร่างเป็นเกณฑ์ - ไฟลมั เฮปาโทไฟตา้ (Phylum Hepatophyta)gametophyte มีท้ังที่เป็นต้น ท่ีมีส่วนคล้ายใบและท่ีเป็นแผ่นบางๆ ซึ่งภายในเซลล์จะมีหยดน้ามันอยู่ด้วย ส่วนsporophyte มีก้านชูอับสปอร์ที่ยาว อับสปอร์เมื่อแก่จะแตกออกเพื่อปล่อยสปอร์กระจายพันธ์ุ ตัวอย่าง ได้แก่ ลิเวอร์เวิร์ต(liverwort) (มีประมาณ 8,000 species) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เร่ือง อาณาจกั รพืช 18- ไฟลมั แอนโทซโี รไฟตา (Phylum Anthocerophyta)gametophyteมีลักษณะ เป็นแผ่น ท่ีบริเวณขอบมีรอยหยักแตกแขนงเป็น 2 พู sporophyte มีลักษณะยาวเรียว เกิดอยู่บนทาลลัสของแกมีโตไฟต์ ตรงปลายของสปอโรไฟต์ท่ีเจริญเต็มท่ีจะแตกออกเป็น 2 แฉก เพื่อให้สปอร์กระจายออกไป ถึงแม้ สปอโรไฟต์จะมีคลอโรฟิลล์ที่พอจะสร้างอาหารได้เอง แต่ก็ยังต้องอาศัยอยู่บน gametophyte ตลอดชีวิต ตัวอย่าง ได้แก่ ฮอร์นเวิร์ต(hornwort) ฮอร์นเวริ ์ต (hornwort) ที่มา:https://somphat2015.wordpress.com สบื ค้นเมอื่ 20 มิถนุ ายน 2559 วงจรชีวติ ของฮอรน์ เวริ ต์ (hornwort life cycle) ทม่ี า: https://somphat2015.wordpress.com สบื คน้ เมอ่ื 20 มถิ ุนายน 2559 - ไฟลมั ไบรโอไฟต้า (Phylum Bryophyta)Gametophyte มีขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายลาต้นและใบ ส่วนท่ีคลา้ ยใบเรียงตวั เปน็ เกลียวโดยรอบสว่ นท่ีคล้ายลาตน้ มไี รซอยตอ์ ยู่ในดิน sporophyte มีลักษณะง่าย ๆ เกิดบนปลายยอดหรือปลายก่ิง มีส่วนประกอบคือ ฟุต ก้านชูอับสปอร์ และอับสปอร์ ตัวอย่างไดแ้ ก่ มอส (moss) มอส (moss) ท่ีมา: https://somphat2015.wordpress.com สืบค้นเมอื่ 20 มถิ ุนายน 2559 ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 19ข้าวตอกฤาษี BRYOPSIDAพืชพวกมอสมีจานวนชนิดประมาณ 14,500 ชนิด ซึ่งมากท่ีสุดในกลุ่มไบรโอไฟท์ พบได้ทั่วไปมากกว่าพวกลิเวอร์เวิร์ธและฮอร์นเวิร์ธ ลักษณะคล้ายต้นไม้เล็ก ๆ และมักจะพบอับสปอร์รูปคล้ายผอบเล็ก ๆ มีฝาปิดเจริญอยู่บนต้นที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์ ในประเทศไทยมีไบรโอไฟท์ท่ีมีช่ือไทยเพียงช่ือเดียวคือ ข้าวตอกฤาษี (Sphagnum ข้าวตอกฤาษีspp.) นอกนั้นยงั ไมม่ ชี ือ่ ในภาษาไทย ท่มี า: http://www.thaikasetsart.comวงศส์ ะแฟกเนซีอี (SPHAGNACEAE) สืบค้นเมือ่ 20 มถิ ุนายน 2559 มอสวงศ์น้ีพบได้ที่ระดับความสูงตั้งแต่ 1,000เมตรข้ึนไป ชอบข้ึนในท่ีช้ืนและในแอ่งน้า และมีคณุ สมบัตพิ ิเศษคือ ทาให้น้าและดินบริเวณใกล้เคียงกับที่มอสวงศ์นี้ขึ้นอยู่มีสภาพเป็นกรด ดังนั้นต้นส่วนล่างท่ีตายไปแล้วจึงสลายตัวช้า สภาพแวดล้อมที่มีมอสวงศ์นี้ข้ึนอยู่มีสังคมพันธ์ุไม้ที่มีลักษณะเฉพาะ นอกจากน้ันใบของมอสชนิดนี้ยังมีลักษณะคล้ายฟองน้า ทาให้ซึมซับน้าได้ดี จึงมีความสาคัญในธรรมชาติโดยเป็นแหล่งรกั ษาความชุม่ ชื้นของปา่sphagnum sp. ข้าวตอกฤาษี มีส่วนปลายยอดท่ีประกอบด้วยกิ่ง moss life cycleหลายขนาด ได้แก่ กิ่งขนาดยาวและห้อยลงแนบต้น ทา ท่มี า: https://somphat2015.หน้าที่ดดู ซับน้าจากสว่ นโคนต้น กิง่ ยาวแยกต้ังตรงข้ามกับกิ่งแบบแรกซ่ึงต่อมาจะหักออกได้ต้นใหม่ และก่ิงประเภทที่ 3 wordpress.comเป็นก่ิงที่ทาหน้าที่สร้างอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ก่ิงทั้ง 3 สืบคน้ เม่ือ 20 มถิ นุ ายน 2559แบบ มีรปู คล้ายเรอื เรียงซอ้ นทบั กนั ตลอด ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจกั รพชื 20 บัตรกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 3 เรอื่ ง ความหลากหลายของพชื คาชีแ้ จง กจิ กรรมการเรียนรู้ฉบบั น้ีเป็นกิจกรรมทจ่ี ดั การเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรูข้ นั้ สารวจและคน้ หา(Exploration Phase) และขนั้ ขยายความรู้(Exploration Phase) และข้ันประเมนิ ผล(Evaluate Phase) คาสงั่ 1. พิจารณาภาพเตมิ ข้อความลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง (10 คะแนน) 1. ชอื่ ............................................................ A ไฟลัม....................................................... B ตาแหนง่ A คอื ระยะ............................... ตาแหนง่ B คอื ระยะ................................ทม่ี า : https://somphat2015.wordpress.com/ สืบคน้ เมอื่ 20 มถิ ุนายน 2559 2. ช่ือ............................................................ ไฟลัม....................................................... เป็นพชื กลุ่ม.....................................................ที่มา : https://somphat2015.wordpress.com สืบคน้ เมอ่ื 23 มิถนุ ายน 2559 ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 213. ช่ือ................................................................. ไฟลมั ............................................................ ลกั ษณะเด่น คือ............................................ ทมี่ า https://sites.google.com สืบคน้ เม่ือ 23 มถิ ุนายน 25594. ช่ือ............................................................ ไฟลัม....................................................... ลกั ษณะเด่น คือ ....................................... ............................................................ ท่ีมา: https://arnold040993.wordpress.com สบื ค้นเม่ือ 23 มิถุนายน 2559 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 22บตั รความรทู้ ี่ 3เร่อื ง ความหลากหลายของพชื กลุ่มท่ีมีทอ่ ลาเลยี ง คาชีแ้ จง กจิ กรรมการเรียนรู้ฉบับนี้เป็นกิจกรรมทจี่ ัดการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ขนั้ อธบิ าย (Explanation Phase) และขัน้ ขยายความร(ู้ Elaboration Phase) คาสงั่ ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันทากจิ กรรม เรื่อง การศกึ ษาความหลากหลายทางชีวภาพตามกจิ กรรมท่กี าหนดให้ต่อไปน้ี พืชท่มี ที ่อลาเลียงพชื ท่ีมีท่อลาเลยี งแบ่งออกเป็น 2 กลุม่ ดังนี้ 1. พืชมเี นอ้ื เย่ือลาเลยี งทไ่ี ม่มีเมล็ด (Seedless vascular plant) จากหลักฐานซากดึกดาบรรพ์ ของพืชคือ คุกโซเนีย (Cooksonia sp.) มีอายุประมาณ 400 ล้านปีในชว่ งต้นยุคซิลูเรยี น สันนษิ ฐานว่าพืชท่ีมที อ่ ลาเลียงกลมุ่ แรกและมวี ิวัฒนาการกลายเปน็ กลุ่มพชื ที่มีทอ่ ลาเลยี งกลุ่มแรกและมีวิวัฒนาการกลายเป็นกลุ่มพืชที่มีท่อลาเลียงอื่นๆ กลุ่มพืชมีท่อลาเลียงท่ีไร้เมล็ดประกอบด้วยเฟนิ แท้ และกลุ่มใกล้เคียงเฟิน พืชกลมุ่ น้ีมรี าก ลาต้นและใบทแี่ ทจ้ ริง แกมีโทไฟต์และสปอโรไฟต์ เจริญแยกกันหรืออยู่รวมกันในช่วงส้ันๆโดย แกมีโทไฟต์จะมีช่วงชีวิตส้ันกว่าสปอโรไฟต์ จากการศึกษาซากดึกดาบรรพ์ของพืชโบราณพบว่ารากของพืชกลุ่มน้ีอาจจะวิวัฒนาการมาจากลาต้นส่วนล่าง หรือส่วนท่ีอยู่ใต้ดิน ของพืช มีท่อลาเลียงโบราณนน่ั เอง พืชมีท่อลาเลยี งท่ไี รเ้ มลด็ ที่พบในปัจจบุ ันแบง่ ออกเปน็ 2 ไฟลัม ดงั นี้ ไฟลัมไลโคไฟตา (Phylum Lycophyta) เป็นพืชท่ีมีใบ ราก ลาต้นทแ่ี ท้จริง แต่ใบมขี นาดเลก็ มี เส้นใบ 1 เส้น ส่วนใหญ่เป็นพืชท่ีมีอายุหลายปี (perennial) มีอยู่ประมาณ 200 ชนิด ส่วนใหญ่สูญพันธุ์ไป แล้วทีย่ ังเหลือและร้จู ักกนั ในปจั จบุ ัน พืชกลมุ่ น้มี ี 3 กล่มุ คือ - ไลโคโพเดียม (Lycopodium) ท่ีพบเห็นน้ันเป็นระยะ สปอโรไฟต์ จัดเป็นพืชล้มลุกมีทั้งชนิดท่ีเล้ือย ไปตามดิน ชนิดที่ตั้งตรง และชนดิ ทเ่ี กาะอยู่กับตน้ ไม้อ่นื ๆ ใบของไลโคโพเดยี มเป็นใบแท้ เป็นแผ่นสีเขียวขนาดเล็กเรียงตัวคลุม รอบต้น มีรากเป็นรากแบบพิเศษ (Adventitious root) โดยงอกออกจากลาต้น ส่วนท่ีอย่ตู ดิ กับดิน อวัยวะสบื พนั ธข์ุ องไลโคโพเดยี มเรยี กว่า สโตรบิลสั (Strobilus) อยู่ทป่ี ลายกิง่ ใน สโตรบลิ ัสมี อับ ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 23สปอร์มากมาย ทาหน้าที่สร้างสปอร์โดยวิธกี ารแบ่งเซลล์แบบไมโอซีส ของเซลลแ์ ม่ของสปอร์ (spore mothercell) ได้ 4 สปอร์ ที่เหมือนกัน ไลโคโพเดียมท่ีสาคญั คอืLycopodium cernuum คือ สามรอ้ ยยอด หรือหญ้านางรังLycopodium squarrosum คอื สรอ้ ยหางสิงห์Lycopodium phlegmaria คอื สร้อยนางก่ีLycopodium carinatum คือ ชอ้ งนางคล่ี หรือ สรอ้ ยนารี(ก) (ข) (ค) (ง)พชื กลุม่ ไลโคโพเดยี ม (ก) สามร้อยยอด (ข) สรอ้ ยหางสงิ ห์ (ค) สร้อยนางก่ี (ง) ชอ้ งนางคล่ีท่ีมา: https://somphat2015.wordpress.com สบื คน้ เมื่อ 23 มถิ นุ ายน 2559 - ซแี ลกจิเนลลา (Selagenella) หรอื เรียกกนั ตามภาษาถน่ิ วา่ ตีนตกุ แก, พอ่ ค้าตีเมีย, หญา้ รอ้ งไห้,เฟือยนก ทง้ั หมดนี้จัดเป็นซแี ลกจเิ นลลา เหมือนกัน ซีแลกจิเนลลา มลี ักษณะคลา้ ยๆกบั ไลโคโพเดยี ม ลาตน้แตกแขนง เป็น 2 แฉก อาจเปน็ ชนดิ ตัง้ ตรงหรอื เลอื้ ยไปตามดนิ มีใบขนาดเลก็ เรียงเป็น 4 แถว ตามความยาวของลาต้น /ท่โี คนมลี กิ ลู (ligule) ซงึ่ มลี ักษณะคล้ายใบเกลด็ ตดิ อยู่ในไลโคโพเดยี มไม่มี บรเิ วณปลายกง่ิ มีสโตรบลิ สั ซง่ึ มีอับสปอร์ 2 ชนิด คอื เมกะสปอแรงเจยี ม (megasporangium) มีขนาดใหญ่ ทาหนา้ ท่ีสร้างเมกะสปอร์ (megaspore)ซ่ึงต่อไปจะเจรญิ ไปเปน็ แกมีโทไฟตเ์ พศเมีย สร้างไข่ ส่วนอีกชนดิ หนง่ึ เรียกวา่ ไมโครสปอแรงเจยี ม (microsporangium) มีขนาดเล็ก ซึง่ ต่อไปจะเจริญไปเป็นแกมีโทไฟต์ เพศผู้ สรา้ งสเปิร์ม ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ที่ 5 เร่ือง อาณาจกั รพชื 24 ต้นตนี ตุ๊กแก ท่ีมา: http://www.nanagarden.com/Picture สบื คน้ เมือ่ 23 มถิ ุนายน 2559 (1) กระเทยี มนา้ (Isoetes) เป็นพืชที่ข้ึนในทีร่ ่มมนี ้าขงั ตน้ื ๆ จึงจดั เป็นพวกพืชน้า พบเหลืออยู่เพยี งชนิดเดยี ว ลาต้นมีลกั ษณะเปน็ กอ อยู่ใต้ดินคลา้ ยหัวรากเป็นแบบรากพิเศษ (adventitious root)ใบมขี นาดเล็กยาวเรียว ส่วนฐานใบกว้างห่อหุ้มอปั สปอร์ ใบมปี ากใบและเส้นใบยาวตลอดใบ ภายในใบมีช่องอากาศ ชว่ ยในการหายใจและลอยนา้ ต้นกระเทียมนา้ ท่ีมา: http://cfb.unh.edu/phycokey/Choices/Anomalous_Items สบื ค้นเมื่อ 23 มถิ นุ ายน 2559 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เร่ือง อาณาจกั รพืช 252. ไฟลัมเทอโรไฟตา (Phylum Pterophyta)พืชกลมุ่ นี้ แบง่ เป็น 3 กล่มุ คือ หวายทะนอย (1) หวายทะนอย หรอื ไซโลตัม ท่มี า: http://www.nanagarden.com/Picture (Psilotum sp.) ลักษณะของไซโลตัม คือ มีลาต้น สืบคน้ เม่ือ 23 มถิ นุ ายน 2559ใต้ดินเรียกว่า ไรโซม (rhizome) ไม่มีรากแต่มี ไรซอยด์(rhizoid) ซึ่งประกอบด้วยเซลล์เพียงเซลล์เดียวปกคลุมอยู่และทาหน้าท่ีแทนราก ส่วนท่ีอยู่เหนือดินเรียกแอเลียลสเตม (aerial stem) มีลักษณะเป็นเหมือนเส้นแส้แตกกิ่งแบบไดโคโตมัส มีลักษณะเป็นเหล่ียมทาหน้าท่ีสังเคราะห์แสง ไม่มีใบ แต่มี สเกลลีฟ (scale leaf) ซ่ึงประกอบด้วยเซลล์พาเรงคิมา (parenchymas cell)และไม่มีท่อลาเลียงจึงไม่จัดว่าเป็นใบ เมื่อไซโลตัมเจริญเต็มท่ีจะสร้างอัปสปอร์ (sporangium) มีลักษณะเป็น 3พู (three lobed) ซ่ึงจะสร้างสปอร์โดยการแบ่งเซลล์แ บ บ ไ ม โ อ ซี ส ไ ด้ 4 ส ป อ ร์ ที่ เ ห มื อ น กั น ทั้ ง ห ม ด(homosporous) (2) หญ้าถอดปล้อง หรอื อีควิเซตัม (Equisetum sp.) เรียกกันตามภาษาถ่ินวา่ สนหางม้า หญ้าถอดปล้อง หญ้าหูหนวก หญ้าเหงือก ซึ่งจัดเป็น อีควิเซตัมทั้งสิ้น ลาต้นของพวกน้ีมีท้ังชนิดที่อยู่เหนือดิน และใต้ดิน ลาต้นบนดินมีสีเขียวสังเคราะห์ด้วยแสงได้และมีลักษณะเป็นข้อและปล้องอย่างชัดเจน สามารถดึงให้หลุดออกจากกันได้การแตกก่ิงที่เป็นแขนงบริเวณรอบข้อ ทาให้มีลักษณะคล้ายแปรงล้างขวด หรือหางม้าจึงเรียกกันว่า สนหางม้า ท่ีผนังเซลล์มีสารพวกซิลิกา (silica) เคลือบอยู่ทาให้หยาบและแข็งใช้ในการทาความสะอาดภาชนะต่างๆได้ดี ใบเป็นใบเกล็ดส่วนโคนจะเช่ือมต่อกัน เป็นวงรอบข้อ ส่วนปลายใบจะแตกออกและแยกออกจากกัน แต่ละใบมีเส้นใบ 1 เส้น อับสปอร์เกิดเป็นกระจุกที่ปลายก่ิงสั้นๆ เรียกสปอรแรงจิโอฟอร์(Sporangiophore)ซ่ึงอย่รู อบแกนกลางรว่ มกนั เปน็ โครงสรา้ งที่เรียกว่า สโตรบลิ สั ทาหนา้ ท่สี รา้ งสปอร์ สว่ นลาตน้ ทีอ่ ยใู่ ต้ดินอายุน้อย จะสงั เคราะห์ดว้ ยแสงไมไ่ ด้ ลาต้นจึงทาหนา้ ที่หลักในการสงั เคราะห์ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 26 (ก) (ข) ภาพที่ 12 (ก) หญา้ ถอดปล้อง (ข) สโตรบิลสั ของหญ้าถอดปล้อง (ก) (ทมี่ า : ttps://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/c/c0/Equisetum) (ข) (ทม่ี า : http://cache2.asset-cache.net/gc/77144518-horsetail-spore) สืบค้นเมอื่ 23 มิถุนายน 2559 3. เฟริ น์ (fern) มจี านวนมากท่ีสดุ ในบรรดาเทอโรไฟต์ของเฟริ ์นมีราก ลาตน้ และใบเจรญิ ดีเฟริ น์ สว่ นใหญม่ ีลาตน้ ใต้ดิน ใบของเฟริ ์นเรียกว่า ฟรอนด์ (frond) เป็นสว่ นทเ่ี หน็ เดน่ ชดั มีขนาดใหญ่เป็นใบแบบเมกะฟิลล์ (megaphyll) มรี ปู รา่ งลกั ษณะเปน็ หลายแบบ มีท้งั ทเี่ ป็นใบเดี่ยว (simple leaf) และใบประกอบ (compound leaf) ใบอ่อนของเฟริ ์นมลี กั ษณะพิเศษคือ จะมว้ นเป็นวง (circinate venantion)สปอโรไฟต์ท่เี จริญเต็มท่จี ะสร้างอบั สปอร์ ซึ่งมารวมกลุ่มอยู่ท่ดี ้านได้ใบ แต่ละกล่มุ ของอับสปอร์เรยี กว่า ซอรัส(sorus) เฟริ น์ สว่ นใหญส่ ร้างสปอร์ชนิดเดยี ว ยกเวน้ เฟริ ์นบางชนดิ ทอี่ ยใู่ นน้า และที่ช้ืนแฉะ ได้แก่ จอกหูหนูแหนแดง และผักแวน่ มีการสร้างสปอร์ 2 ชนิด (ก) (ข) การมว้ นงอของใบอ่อนของเฟิน ( Circinate vernation ) ทีม่ า: http://sparkleberrysprings.com สบื ค้นเมอื่ 23 มิถุนายน 2559 ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
ชดุ ท่ี 5 เร่ือง อาณาจกั รพืช 27 เฟิร์นท่ีพบท่ัวๆ ไปเป็นต้นสปอโรไฟต์ การดารงชีวิตของเฟิร์นในสภาพธรรมชาติแตกต่างกันมาก เช่นแหนแดง จอกหหู นู ลอยนา้ อยู่ ผักแวน่ ผักกูด ขึ้นอยู่ในนา้ ชายผา้ สดี าเกาะอยตู่ ามตน้ ไม้เป็น Epiphyte ใบเฟินเรียกว่า Fornd ซ่ึงแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไปมากมาย เช่น ใบของขา้ หลวงหลังลาย เป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่เฟิรน์ กา้ นดาเปน็ ใบประกอบ ปรงทะเลมีใบขนาดใหญ่ แตแ่ หนแดงมีใบขนาดเล็กมาก ใบเฟิร์นทุกชนิดในขณะที่ยังอ่อนอยู่จะมีการม้วนเข้าด้านในแบบลานนาฬิกา เรียกว่า Circinatevernation เม่ือใบเฟิรน์ เจริญขนึ้ และมอี ายุมากขึ้น ส่วนที่ม้วนจะค่อยๆ คลายออก ทางดา้ นหลังใบของเฟิร์นจะมสี ว่ นทท่ี าหนา้ ทใี่ นการสร้างสปอร์ เรียกวา่ อับสปอร์ และอบั สปอรเ์ หล่านี้จะมารวมกนั เปน็ กลุม่ เรียกว่า sorus วงจรชีวิตแบบสลับของเฟริ ์น ตน้ สปอโรไฟต์ของเฟริ ์นจะสร้างสปอรภ์ ายในอับสปอรท์ ่ีอยู่ทางดา้ นหลงั ใบ อบั สปอรข์ องเฟริ น์ มีลักษณะกลมรี ภายในมีการสรา้ งสปอร์โดยการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสให้สปอรท์ ่ีมโี ครโมโซม (n) เมื่ออบั สปอร์แก่จะแตกออก สปอรจ์ ะถกู ปลอ่ ยออก 2. พืชที่มีท่อลาเลียงที่มีเมล็ด (seed plant) เป็นพืชทมี่ ีระยะสปอร์โรไฟต์ท่ีเด่นชัด และยาวนาน แตร่ ะยะแกมโี ทไฟต์จะมีขนาดเล็กลงมากเมื่อเทียบกับมอสและเฟิน ปัจจบุ นั แบ่งเปน็ 2 กลุ่ม คือ 2.1 Gymnosperm (พชื เมล็ดเปลือย) ลกั ษณะทีส่ าคญั คือ ออวุลและละอองเรณูติดบนแผน่ กงิ่ หรอื แผ่นใบซึ่งจะอยูร่ วมกนั ท่ปี ลายกิ่ง เรยี กวา่ cone แยกเปน็ โคนเพศผู้และโคนเพศเมยี เปน็ พืชทไี่ ม่มีอก แตม่ เี มลด็ เมลด็ ไมม่ ผี นังรังไขห่ ่อหุ้ม จึงเรียกวา่ เมลด็ เปลอื ย แบง่ ออกเปน็ 4 Phylum คอื – Phylum Cycadophyta เปน็ พืชท่ีมกี ารกระจายพนั ธุใ์ นบรเิ วณทแี่ ห้งแลง้ ไดด้ ี มลี าต้นคอ่ นขา้ งเตี้ย ใบมีขนาดใหญ่เป็นใบประกอบแบบขนนกชัน้ เดยี ว มีการสร้างโคนเพศผแู้ ละโคนเพศเมียแยกต้นกัน เชน่ปรง ปรงปา่ ปรงเขา เปน็ ต้น ปรง ท่มี า: http://sparkleberrysprings.com สืบค้นเม่ือ 23 มิถุนายน 2559 ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6
ชดุ ท่ี 5 เร่ือง อาณาจกั รพืช 28 โคนของปรง ทีม่ า: http://sparkleberrysprings.com สืบคน้ เมอ่ื 23 มถิ ุนายน 2559 – Phylum Ginkophyta ปัจจบุ นั เหลอื เพยี งสปีชสี ์เดียว คือ แป๊ะก๊วย มีลกั ษณะใกลเ้ คยี งกบั พืชท่ีสูญพนั ธไุ์ ปแล้ว พบตามธรรมชาตใิ นประเทศจีน เกาหลีและญป่ี ุน่ ลาตน้ มขี นาดใหญ่ ใบเดย่ี วคลา้ ยพดัต้นเพศเมียสร้างออวุลท่ีปลายก่งิ พิเศษ เมล็ดมอี าหารสะสมนยิ มนามารบั ประทาน ตน้ แป๊ะกว๊ ย ท่ีมา: http://sparkleberrysprings.com สบื ค้นเมื่อ 23 มิถนุ ายน 2559 – Phylum Coniferophyta เปน็ พืชทมี่ ีความหลากหลายมากที่สุดในพชื กลุ่มเมล็ดเปลอื ยทง้ั ในดา้ นลักษณะของตน้ และโครงสรา้ งของอวัยวะสบื พันธ์ุ โคนเพศผู้และเพศเมียอาจเกิดบนต้นเดียวกนั หรอื แยกต้นกนั เชน่ สนสองใบ สนสามใบ สนสามพนั ปี พญาไม้ เป็นตน้ โคนของสน ทม่ี า: http://sparkleberrysprings.com สบื คน้ เมือ่ 23 มถิ ุนายน 2559 ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 29 2.2 พชื ดอก (Angiosperm) เป็นกลมุ่ พืชที่มีความหลากหลายสงู สดุ จัดอยใู่ นไฟลมั แอนโทไฟตา(Anthophyta ) ซงึ่ มีลกั ษณะดังนี้ - มีววิ ัฒนาการสงู ทสี่ ุดในพวกพชื มีท่อลาเลียง - มรี าก ลาต้น ใบทแ่ี ท้จริง - มีระบบลาเลยี งเจรญิ ดี มีท่อลาเลียงน้า ( Xylem ) และท่อลาเลียงอาหาร (Phloem) - มีดอกเปน็ อวัยวะสืบพนั ธ์ุ เมลด็ มรี ังไข่ห่อห้มุ เม่ือรังไข่พฒั นาเต็มที่จะกลายเปน็ ผล - การปฏสิ นธิ เป็นแบบซอ้ น Double Fertilization การปฏสิ นธิ 2 ครั้ง มีวงชีวิตแบบสลบั แกมโี ตไฟต์มีขนาดเล็กอย่บู นสปอโรไฟต์ กุหลาบ ท่ีมา: http://sparkleberrysprings.com สืบคน้ เมื่อ 23 มิถุนายน 2559พืช ด อก แบ่ งอ อก เป็ นสอ งชั้ นย่ อย (Subclass) โ ดย แบ่ง ตา มจ าน ว น ใบ เลี้ย งใ นเ มล็ ดไ ด้ ดัง นี้ 1) ใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocotyledonae) เรียกพืชในชั้นย่อยนี้ว่าพืชใบเลี้ยงเด่ียว (monocotyledonหรือมักเรียกย่อๆว่า monocot) พืชกลุ่มนี้มีใบเลี้ยงในเมล็ดเพียงหนึ่งใบ ในโลกนี้มีพืชใบเลี้ยงเดี่ยวประมาณ50,000 ชนิด ตัวอย่างวงศ์ (Family) พืชที่ถูกจัดให้อยู่ในช้ันย่อยใบเลี้ยงเดี่ยวนี้ เช่น Poaceae (ช่ือเดิมคือGramineae หรือวงศ์หญ้า) Palmae หรือ Arecaceae (วงศ์ปาล์ม) Liliaceae (วงศ์ลิล่ี) Orchidaceae (วงศ์กล้วยไม้) และ Cyperaceae (วงศก์ ก) โปรดสงั เกตชือ่ วงศม์ ักลงท้ายดว้ ย ceae 2) ใบเล้ียงคู่ (Dicotyledonae) เรียกพืชในช้ันย่อยนี้ว่าพืชใบเลี้ยงคู่ (dicotyledon หรือมักเรียกย่อๆว่า dicot) พืชในกลุ่มนี้มีใบเล้ียงในเมล็ดสองใบ ในโลกนี้มีพืชใบเล้ียงคู่มากมายประมาณ 225,000 ชนิดตัวอย่างวงศ์พืชที่ถูกจัดให้อยู่ในชั้นย่อยใบเลี้ยงคู่นี้ เช่น Fabaceae (ช่ือเดิมคือ Leguminosae หรือวงศ์ถ่ัว)Brassicaceae (ช่อื เดิมคอื Cruciferae หรือวงศก์ ะหล่า) Solanaceae (วงศม์ ะเขอื เทศ) และ Asteraceae (ช่ือเดมิ คือ Compositae หรอื วงศท์ านตะวนั ) ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 30 บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง ความหลากหลายของพชื คาชี้แจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบบั นี้เป็นกิจกรรมที่จดั การเรยี นร้ตู ามกระบวนการสืบเสาะหาความร้ขู ้นั สารวจและค้นหา(Exploration Phase) และขนั้ ขยายความรู้(Exploration Phase) และข้นัประเมินผล(Evaluate Phase) คาสัง่ 1. พจิ ารณาคาและข้อความด้านล่างแลว้ เติมอกั ษรหนา้ ขอ้ ความทมี่ ีความสมั พนั ธ์กัน (10 คะแนน)พิจารณาคาและขอ้ ความด้านลา่ งแลว้ เตมิ อักษรหน้าข้อความที่มีความสมั พนั ธก์ ันก. Psilotum sp. ข. Equisetum sp. ค. Antheridium ง. Rhizoidจ. Moss ฉ. Lycopodium ช. Seleginella ซ. Sphagnum sp.ฌ. Archegonium ญ. Alternation of generation................. 1. อวยั วะสร้างเซลลส์ บื พนั ธเ์ พศผใู้ นพืชไม่มีท่อลาเลยี ง................. 2. อวัยวะสรา้ งเซลลส์ บื พนั ธ์เพศเมยี ในพชื ไมม่ ีท่อลาเลียง................. 3. วงจรชวี ิตแบบสลับ................. 4. ต้นขา้ วตอกฤาษี................. 5. ลกั ษณะคล้ายราก................. 6. พชื ที่มีท่อลาเลียงทมี่ ีวิวัฒนาการตา่ สุด................. 7. ช้องนางคล่ี สรอ้ ยสุกรม สามร้อยยอด................. 8. พืชที่มีระยะแกมีโทไฟต์เดน่................. 9. ตนี ตุ๊กแก................. 10. พชื ทมี่ ีลาต้นกลาง ใบขนาดเล็ก สังเคราะหด์ ้วยแสงได้ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพชื 31คาสัง่ 2. จงตอบคาถามเกย่ี วกบั พืชทมี่ ีท่อลาเลยี งท่ีไรเ้ มลด็ (10 คะแนน)1. ใบเฟินทุกชนดิ ขณะทย่ี ังอ่อนอยู่ จะมลี ักษณะเด่น คือ............................................................................................................................. ...................................2. ตน้ แกมีโทไฟตข์ องเฟนิ มรี ูปรา่ งคล้าย........................ เรยี กว่า........................................................2. สปอโรไฟต์ของเฟินที่เจรญิ เต็มทจ่ี ะสร้างอบั สปอร์ซงึ่ จะมารวมกลุ่มกัน โดยแต่ละกลมุ่ ของอบัสปอร์ เรียกวา่............................................................................................................................. .................4. พชื ดอกมีอวัยวะสบื พันธคุ์ ือ.......................................ประกอบดว้ ย....................................................................................................................... ...................................5. เมื่อเกดิ การปฏสิ นธิ โครงสรา้ งภายในดอกจะมีการเปลีย่ นแปลง ดงั นี้- ไขแ่ ละสเปริ ม์ จะเจริญเป็น..............................................................................................................- โอวลุ (ovule) จะเจรญิ เป็น.............................................................................................................- รงั ไข่ (ovary) จะเจรญิ ....................................................................................................................คาสั่ง 3. จากตวั เลอื กท่กี าหนดให้ จงตอบคาถามเกี่ยวกับพืชเมลด็ เปลอื ย(บางข้อตอบได้มากกว่า 1 ตวั เลอื ก) (10 คะแนน)ก. เมลด็ ไม่มรี งั ไข่หุ้ม ฉ. ไม่มีออวุลข. Coniferophyta ช. สนทะเล สนปฏพิ ทั ธ์ค. Cycadophyte ซ. ปรงง. Pterophyta ฌ. สนสองใบ สนสามใบจ. Lycophyta ญ. ปรงทอง ปรงทะเล1. สนสองใบ สนสามใบ และปรง มลี กั ษณะใดทเี่ หมือนกัน.........................................................................2. พืชเมล็ดเปลือยคือพชื ในไฟลัมใด............................................................................................................3. เพราะเหตุใดสนสองใบ สนสามใบ และปรง มีเมล็ดแต่ไมม่ ีผล................................................................4. พชื ในไฟลมั โคนเิ ฟอโรไฟตา (Phylum Coniferphyte) คอื พืชในข้อใด.................................................5. พชื ในไฟลมั ไซแคโดไฟตา (Phylum Cycadophyte) คือพืชในขอ้ ใด.................................................... ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
ชดุ ที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพชื 32 แบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดการเรียนร้ทู ่ี 5 เร่อื ง อาณาจกั รพืช ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ชดุ ที่ 5 เร่ือง อาณาจกั รพชื จานวน 10 ขอ้ คะแนน 10 คะแนน ใช้เวลา 10 นาที คาช้แี จง: แบบทดสอบเปน็ แบบปรนยั เลือกตอบ ก ข ค และ ง จานวน 10 ขอ้1. ลิเวอรเ์ วริ ์ต เป็นพืชพวกใด ก. อยู่ Phylum Hepatophyta เพราะไมม่ ีท่อลาเลยี ง ข. อยู่ Phylum Hepatophyta เพราะมีท่อลาเลียง ค. อยู่ Phylum Bryophyta เพราะไม่มีทอ่ ลาเลยี ง ง. อยู่ Phylum Bryophyta เพราะมีท่อลาเลียง2. ใบของมอส ไม่ถอื ว่าเปน็ ใบท่แี ท้จริงพราะเหตุใด ก. ขนาดใบเล็กเกินไป ข. ไมม่ ีสีเขียว ค. รงควัตถุภายในไมใ่ ชค่ ลอโรฟลิ ง. ไม่มีท่อลาเลยี ง 3. สง่ิ ในชวี ติ ท่ีจะจัดไว้ในอาณาจักรพืช (Kingdom Plantac) ต้องมลี ักษณะสาคัญเด่นชดั ในขอ้ ใด ก. มีหลายเซลล์ (multicellular) และมคี ลอไรปลาสท์ ข. มผี นังเซลล์ มคี ลอไรปลาสท์ และมีวงจรชวี ิตแบบสลับ (alteration of generation) ค. มรี ะยะต้นอ่อน มีคลอไรปลาสท์และมวี งจรชวี ิตแบบสลบั ง. มีเนอ้ื เยือ่ มรี ะยะตวั อ่อน มีการสบื พนั ธ์แุ บบใชเ้ พศ สลบั กบั แบบไมใ่ ช้เพศ4. การจัดหมวดหมู่พชื แบ่งไดก้ ร่ี ะบบ ก. 1 ระบบ ข. 2 ระบบ ค. 3 ระบบ ง. 4 ระบบ5. ลกั ษณะสาคัญของพืชพวกจมิ โนสเปอรม์ คือ ก. สร้างโคน(cone) ทผ่ี ลิตสเปิร์มและไขภ่ ายในต้นเดยี วกัน ข. มีสว่ นท่ีเปน็ ราก ลาต้น ใบ และดอกท่ีแท้จริง ค. เมล็ดไมม่ ผี นงั รังไขห่ ่อหุ้ม ง. มีใบขนาดเล็กรูปเขม็ รวมกันอยเู่ ป็นกล่มุ ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6
ชดุ ท่ี 5 เร่ือง อาณาจักรพชื 33 6. ขอ้ ใดเปน็ พชื ท่มี กี ารกระจายพันธใ์ุ นบรเิ วณท่ีแหง้ แลง้ ไดด้ ี มลี าต้นค่อนข้างเตี้ย ใบมขี นาดใหญ่เป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดยี ว มกี ารสรา้ งโคนเพศผูแ้ ละโคนเพศเมียแยกต้นกนั ก. Phylum Gnetophyta ข. Phylum Cycadophyta ค. Phylum Ginkophyta ง. Phylum Coniferophyta 7. เปน็ กลมุ่ พชื ที่มีลาต้น มีข้อปล้องชดั เจน มีทั้งลาต้นตงั้ ตรงบนดินและลาต้นใตด้ นิ ลาต้นตัง้ ตรงบนดินมี สเี ขยี วเป็นสัน ใบมีขนาดเลก็ มเี สน้ ใบเพยี ง 1 เส้น เรยี งเปน็ วงรอบข้อ อบั สปอร์เปน็ กระจกุ ทป่ี ลายกิ่ง เรียกวา่ strobilus ก. หญ้าถอดปล้อง ข. เฟิร์น ค. หวายทะนอย ง. แป๊ะก๊วย 8. ขอ้ ใดคือพชื ท่ีมลี ักษณะแตกตา่ งจากพชื เมล็ดเปลือยกลุ่มอนื่ คอื พบเวสเซลในท่อลาเลียงนา้ และมี ลักษณะคล้ายพชื ดอกมาก คอื มีกลบี ดอก มใี บเลย้ี ง 2 ใบ แตม่ ล็ดยงั ไม่มีเปลือกหมุ้ ก. Phylum Gnetophyta ข. Phylum Cycadophyta ค. Phylum Ginkophyta ง. Phylum Coniferophyta 9. พชื ใดอยู่ในกล่มุ ไมด้ อกท้งั หมด ก. สร้อยสกุ รม บอน แหน ผกั แว่น ข. สาหรา่ ยหางกระรอก สาหร่ายข้าวเหนียว จอก ตะไคร้ ค. สร้อยสีดา ชายผ้าสดี า กระเข้าสดี า พลู ง. หญ้ารังไก่ หญา้ ถอดปล้อง หญ้าแพรก หญา้ นกสีชมพู 10. Terprothallus ของเฟริ น์ ทาหน้าท่ีอะไร ก. สร้างสเปริ ม์ ข. สร้างรงั ไข่ ค. สร้างสปอร์ ง. ทั้ง ก และ ข ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 34 กระดาษคาตอบ ชดุ กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ 5เรือ่ ง การศกึ ษาความหลากหลายทางชีวภาพ กอ่ นเรยี น หลังเรียนชื่อ .................................................................................... ชน้ั ................ เลขท่ี ..............ข้อที่ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.10. ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6
ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 35บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธิการ (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานพุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพมหานคร:ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. โครงการดาราวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มูลนิธิ สอวน.(2552). ชวี วทิ ยา สตั ววทิ ยา3. กรุงเทพมหานคร:มลู นิธิ สอวน. จิรัสย์ เจนพาณิชย์(2558).ชีววิทยาสาหรับนักเรียนมธั ยมปลาย.กรงุ เทพมหานคร: หจก.สามลดา. เชาวน์ ชโิ นรกั ษ์ และพรรณี ชโิ นรกั ษ(์ 2552).ชวี วิทยา1.กรุงเทพมหานคร: โสภณการพิมพ์. ซีรส์ ตาร์(2552).ชวี วทิ ยา เล่ม 1.(แปลจาก Biology 1 Concepts and Applications โดย ทมี คณาจารย์ ภาควชิ าชีววิทยามหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, ผู้แปล). กรุงเทพมหานคร : เจเอสที พบั ลิชชิง่ จากัด. นงลักษณ์ สุวรรณพนิ จิ และ ปรีชา สวุ รรณพนิ จิ (2552). จุลชีววิทยาทัว่ ไป.กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ประสงค์ หลาสะอาด และจติ เกษม หลาสะอาด(มปป.).คมู่ ือสาระการเรยี นรพู้ ้ืนฐานและเพม่ิ เตมิ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชีววิทยา ม.6 เล่ม5.กรงุ เทพมหานคร:พัฒนาศึกษา ปรีชา สุวรรณพนิ ิจ และนงลกั ษณ์ สวุ รรณพนิ จิ (2549).ชีววทิ ยา2. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วันดี วัฒนชัยยงิ่ เจรญิ (2552). การจัดจาแนกสิ่งมชี ีวติ .ภาควิชาชีววิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ : มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี(2554). หนงั สอื เรยี นรายวิชาชีววิทยา เพิม่ เติมเล่ม 5. กรงุ เทพมหานคร : สกสค. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี(2555). คมู่ อื ครรู ายวชิ าชีววทิ ยาเพิ่มเติม เลม่ 5. กรุงเทพมหานคร : สกสค. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
ชดุ ที่ 5 เร่ือง อาณาจกั รพชื 36ภาคผนวก ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 37 แบบบนั ทกึ คะแนนระหว่างเรยี น เร่อื ง อาณาจกั รพชืชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ วิชา ชีววทิ ยา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ เร่ือง อาณาจักรพืชช่ือ .................................................................................... ช้ัน ................ เลขที่ .............. กิจกรรม คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้บัตรกิจกรรมที่ 1 10บตั รกจิ กรรมที่ 2 10บตั รกจิ กรรมที่ 3 10บตั รกิจกรรมที่ 4 20 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 6
ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 38 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เร่อื ง การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ค 2. ก 3. ง 4. ค 5. ข 6. ข 7. ก 8. ค 9. ค 10. ง เฉลย แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ก 2. ง 3. ค 4. ข 5. ค 6. ข 7. ค 8. ก 9. ค 10. ง ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพืช 39 เฉลยบัตรกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง พืชรอบตวัคาช้ีแจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับน้ีเป็นกิจกรรมที่จัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ข้ันตรวจสอบความรู้เดิม (Elicitation Phase) ขั้นเร้าความสนใจ(Engagement Phase)และขั้นอธิบาย (Explanation Phase)กิจกรรมที่ 1 ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มนาตวั อยา่ งพชื ท่ีพบไดร้ อบๆตวั ของนกั เรียนไม่ว่าจากทบี่ า้ นหรอืทโี รงเรียนมาคนละ 3 ชนิด ไม่ซา้ กนั มาศกึ ษาชือ่ และลกั ษณะกนั ในแต่ละกล่มุ และแลกเปล่ียนกนั ระหวา่ งหวา่ งกล่มุ ใหร้ วบรวมขอ้ มลู พืช จานวน 15 ชนดิ และบนั ทกึ ผลลงในตาราง พร้อมตอบคาถาม (10 คะแนน)ลาดบั ที่ ชื่อพชื ลกั ษณะที่พบ 1 2 3 4 5 6 พิจารณาคาตอบตามดลุ พนิ ิจของครผู ู้สอน 7 8 9 10 11 12 13 14 15 คาถาม 3. พืชท่ีนกั เรยี นนามาศึกษามลี ักษณะแตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไรจงอธบิ าย............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ............................................................................................ 4. ถ้านกั เรยี นจะจดั กลุ่มพืชที่นามาศกึ ษาจะแบ่งเป็นกลุ่มได้กี่กลุ่ม ไดแ้ ก่อะไรบ้าง........................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ................................................. ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6
ชุดที่ 5 เรื่อง อาณาจักรพืช 40 เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง ความหลากหลายทางชวี ภาพ คาชแ้ี จง กจิ กรรมการเรยี นรู้ฉบบั นีเ้ ปน็ กิจกรรมทีจ่ ัดการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความร้ขู น้ั สารวจและค้นหา (Exploration Phase) ,ข้นั ขยายความรู้(Exploration Phase) และขนั้ นาความรู้ไปใช้ (Extend Phase)เม่อื นกั เรียนศึกษาบัตรความรู้เรือ่ ง อาณาจกั รพืชแล้ว จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. พชื เป็นสิ่งมีชีวติ ท่มี ีกาเนดิ ข้ึนมาแลว้ ไม่ตา่ กว่า .........400 ลา้ น........ปี มีหลกั ฐานหลายอยา่ งท่ที าให้เช่ือ ว่าพชื มีววิ ฒั นาการมาจากสาหรา่ ยสีเขียว กลมุ่ …………………Charophytes…………………….. 2. ให้นักเรยี นเตมิ ส่วนต่างๆของเซลลพ์ ืชใหถ้ ูกต้อง3…Mitochondrion.. 1…Nucleus… …………….. 4…Golgi apparatus…. 2…Cell wall…..5…Chlorophasts….. 3. ลักษณะสาคัญของส่ิงมีชีวิตในอาณาจักรพืช คือ…พืชมีโครงสร้างที่ประกอบขึ้นด้วยหลายเซลล์ที่มา รวมกลุ่มกันเป็นเนื้อเยื่อที่ทาหน้าที่เฉพาะอย่างและวงชีวิต (life cycle) ของพืชเป็นวงชีวิตแบบสลับ (Alternation of Generation) คือ ประกอบด้วย ช่วงชีวิตที่เป็นสปอโรไฟต์ (sporophyte generation) ทาหน้าท่ีสร้างสปอร์ (spore) สลับกับช่วงชีวิตท่ีเป็น แกมีโทไฟต์ (gametophyte generation) ทาหน้าที่สร้างแกมมีต (gamete) ได้แก่ เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้หรือสเปิร์ม (sperm) และ เซลล์สืบพันธเ์ุ พศเมียหรือไข่ (egg)…………………………… 4. พืชทมี่ กี ารสร้างเมล็ดแล้วทุกชนดิ จะสรา้ งสปอร์เปน็ ....2..... ชนดิ (heterospore) ไดแ้ ก่คือ ไมโครสปอร์(Microspore) ซง่ึ มีขนาดเล็ก และ. เมกาสปอร์ (Megaspore) ซง่ึ มีขนาดใหญ่…………… ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
ชดุ ที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพืช 41 บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง ความหลากหลายของพชื คาชแ้ี จง กจิ กรรมการเรียนรฉู้ บับนี้เป็นกิจกรรมทจ่ี ดั การเรยี นรู้ตามกระบวนการสบื เสาะหาความรขู้ ัน้ สารวจและค้นหา(Exploration Phase) และขั้นขยายความรู้(Exploration Phase) และข้ันประเมนิ ผล(Evaluate Phase) คาสัง่ 1. พจิ ารณาภาพเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถกู ต้อง (10 คะแนน)1. ช่อื ฮอรน์ เวริ ์ท A ไฟลมั แอนโทซีโรไฟตา ( Anthocerophyta ) B ตาแหน่ง A คือ ระยะ สปอโรไฟต์ ตาแหน่ง B คอื ระยะ แกมโี ทไฟต์ทีม่ า : https://somphat2015.wordpress.com/ สบื คน้ เม่ือ 20 มิถนุ ายน 25592. ช่ือ ลิเวอรเ์ วิร์ต ไฟลมั แอนโทซีโรไฟตา ลกั ษณะเดน่ เปน็ แผน่ ทบ่ี รเิ วณขอบมรี อย หยกั แตกแขนงเปน็ 2 พู sporophyte มี ลกั ษณะยาวเรยี วทีม่ า : https://somphat2015.wordpress.com สบื คน้ เม่ือ 23 มิถุนายน 2559 ชุดกจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6
ชุดที่ 5 เร่ือง อาณาจักรพชื 423. ชือ่ มอส ไฟลัม ไบรโอไฟตา ลักษณะเดน่ คือ เจรญิ เตบิ โตในหม่ตู น้ ไม้หรือ บริเวณทเ่ี ปียกช้นื ใต้รม่ เงาไมใ้ หญ่ ไมม่ ีดอก และเมลด็ โดยทว่ั ไปใบทปี่ กคลุมลาตน้ จะบาง เลก็ คล้ายลวด ท่มี า https://sites.google.com สบื คน้ เมอื่ 23 มถิ ุนายน 25594. ชอ่ื ข้าวตอกฤาษี ไฟลมั ไบรโอไฟตา ลักษณะเดน่ คือ คล้ายต้นไม้เลก็ ๆ และ มกั จะพบอบั สปอร์รูปคลา้ ยผอบเล็ก ๆ มีฝา ปดิ เจรญิ อยบู่ นต้นท่สี ร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุ ที่มา: https://arnold040993.wordpress.com สบื ค้นเมอื่ 23 มถิ ุนายน 2559 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6
ชดุ ท่ี 5 เร่ือง อาณาจักรพืช 43 บตั รกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่อื ง ความหลากหลายของพชื คาชแ้ี จง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบบั นีเ้ ป็นกจิ กรรมที่จัดการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ข้ันสารวจและคน้ หา(Exploration Phase) และขน้ั ขยายความรู้(Exploration Phase) และขน้ัประเมนิ ผล(Evaluate Phase) คาส่ัง 1. พจิ ารณาคาและข้อความด้านล่างแล้วเตมิ อักษรหน้าข้อความท่ีมีความสัมพนั ธก์ ัน (10 คะแนน)พิจารณาคาและขอ้ ความด้านลา่ งแลว้ เติมอักษรหน้าข้อความที่มีความสัมพันธ์กนัข. Psilotum sp. ข. Equisetum sp. ค. Antheridium ง. Rhizoidจ. Moss ฉ. Lycopodium ช. Seleginella ซ. Sphagnum sp.ฌ. Archegonium ญ. Alternation of generation.......ค........ 1. อวัยวะสร้างเซลล์สบื พนั ธเ์ พศผู้ในพืชไม่มที ่อลาเลียง.......ฌ........ 2. อวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธ์เพศเมียในพืชไม่มีท่อลาเลยี ง.......ญ........ 3. วงจรชีวิตแบบสลบั.......ซ........ 4. ต้นข้าวตอกฤาษี.......ง........ 5. ลักษณะคลา้ ยราก.......ก........ 6. พืชทม่ี ีท่อลาเลยี งทม่ี ีวิวฒั นาการตา่ สดุ.......ฉ........ 7. ชอ้ งนางคล่ี สรอ้ ยสกุ รม สามรอ้ ยยอด.......จ........ 8. พชื ทีม่ รี ะยะแกมีโทไฟต์เด่น.......ช........ 9. ตีนตุ๊กแก.......ข........ 10. พชื ที่มลี าตน้ กลาง ใบขนาดเล็ก สงั เคราะห์ดว้ ยแสงได้ ชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 44คาส่งั 2. จงตอบคาถามเกีย่ วกับพชื ทมี่ ีทอ่ ลาเลียงท่ีไร้เมลด็ (10 คะแนน)1. ใบเฟินทุกชนิดขณะที่ยังอ่อนอยู่ จะมีลักษณะเด่น คือ มีการม้วนเข้าด้านในแบบลานนาฬิกา ( circinate vernation )2. ต้นแกมโี ทไฟต์ของเฟินมีรูปรา่ งคล้าย รปู หัวใจ เรียกว่า โพรทัลเลยี ม ( prothallium )3. สปอโรไฟต์ของเฟินทเี่ จริญเตม็ ท่ีจะสร้างอบั สปอร์ซึ่งจะมารวมกลุ่มกัน โดยแตล่ ะกลุ่มของอบัสปอร์ เรยี กว่า ซอรสั ( sorus )4. พชื ดอกมีอวัยวะสืบพนั ธุ์คือ ดอก ประกอบดว้ ยกลบี เล้ยี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมีย5. เมอื่ เกิดการปฏิสนธิ โครงสร้างภายในดอกจะมีการเปล่ยี นแปลง ดังน้ี- ไข่และสเปิร์ม จะเจริญเปน็ ไซโกต- โอวุล (ovule) จะเจริญเปน็ เมล็ด- รงั ไข่ (ovary) จะเจริญ ผลคาส่งั 3. จากตัวเลือกที่กาหนดให้ จงตอบคาถามเกยี่ วกับพืชเมลด็ เปลอื ย(บางข้อตอบได้มากกวา่ 1 ตวั เลือก) (10 คะแนน)ฉ. เมล็ดไม่มรี ังไขห่ ้มุ ฉ. ไม่มอี อวลุช. Coniferophyta ช. สนทะเล สนปฏพิ ทั ธ์ซ. Cycadophyte ซ. ปรงฌ. Pterophyta ฌ. สนสองใบ สนสามใบญ. Lycophyta ญ. ปรงทอง ปรงทะเล1. สนสองใบ สนสามใบ และปรง มลี กั ษณะใดทเี่ หมือนกนั ...............ก2. พืชเมล็ดเปลือยคือพืชในไฟลัมใด..............ข,ค....................................3. เพราะเหตุใดสนสองใบ สนสามใบ และปรง มีเมลด็ แต่ไม่มผี ล...............ก4. พชื ในไฟลัมโคนิเฟอโรไฟตา (Phylum Coniferphyte) คอื พืชในข้อใด..........ฌ5. พืชในไฟลมั ไซแคโดไฟตา (Phylum Cycadophyte) คือพืชในข้อใด.........ซ ชุดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6
ชุดท่ี 5 เร่ือง อาณาจักรพชื 45แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล ช่อื ชน้ั ..........................................คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับระดบั คะแนนลาดับที่ รายการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 321 การแสดงความคิดเหน็2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ่ืน3 การทางานตามหน้าท่ีท่ไี ดร้ ับมอบหมาย4 ความมีน้าใจ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ .................................................... ผปู้ ระเมิน ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวฏั จักรการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6
ชดุ ที่ 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 46 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ชอ่ื กลุ่ม …………………………………………………………… ช้ัน…………………………………………คาชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่อง ทีต่ รงกับระดับคะแนนลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 43211 การแบง่ หนา้ ท่ีกันอยา่ งเหมาะสม2 ความรว่ มมอื กนั ทางาน3 การแสดงความคิดเห็น4 การรับฟงั ความคดิ เห็น5 ความมีนา้ ใจช่วยเหลอื กัน รวม ลงช่อื .................................................... ผ้ปู ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพเกณฑก์ ารให้คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดีมาก ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง ชุดกิจกรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพชื 47 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะของนักเรยี นคาช้แี จง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตคุณลักษณะของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดับคะแนนคุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 อนั พึง ประสงค์ ด้าน 1.1 ยนื ตรงเมือ่ ได้ยินเพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธิบายความหมายของ เพลงชาติ 1.2 ปฏิบตั ิตนตามสิทธิและหน้าท่ีของนักเรยี น1. รักชาติ 1.3 ใหค้ วามร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกับสมาชิกในโรงเรยี น ศาสน์ 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมและมีส่วนรว่ มในการจัดกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี กษตั ริย์ ปรองดอง และเป็นประโยชนต์ ่อโรงเรียนและชุมชน 1.5 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา 1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมและมีสว่ นร่วมในการจัดกจิ กรรมทเ่ี ก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตริยต์ ามทีโ่ รงเรียนและชุมชนจดั ขึน้ ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 6
ชุดท่ี 5 เรื่อง อาณาจกั รพืช 48 คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พงึ 4 321 ประสงคด์ ้าน 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกตอ้ ง และเปน็ จริง2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต 2.2 ปฏบิ ตั ิในส่ิงทถี่ กู ต้อง ละอาย และเกรงกลวั ที่จะทาความผดิ ทาตามสญั ญาทต่ี นให้ไว้กบั เพื่อน พ่อแม่ หรอื ผปู้ กครอง และ 3. มีวินัย ครู รับผดิ ชอบ 2.3 ปฏบิ ัติตอ่ ผู้อนื่ ดว้ ยความซอ่ื ตรง ไมห่ าประโยชน์ในทางที่ไม่ 4. ใฝ่เรียนรู้ ถกู ต้อง 5. อยู่อยา่ ง 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของ พอเพียง ครอบครวั และโรงเรยี น ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ใน ชวี ิตประจาวนั และรบั ผดิ ชอบในการทางาน 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหล่งการเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ด้อยา่ งมีเหตผุ ล 5.1 ใช้ทรัพยส์ ินของตนเอง เช่น ส่ิงของ เคร่ืองใช้ ฯลฯ อย่าง ประหยดั คุ้มคา่ และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ ง เหมาะสม 5.2 ใช้ทรัพยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บรกั ษา ดแู ลอย่างดี 5.3 ปฏบิ ัตติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตผุ ล 5.4 ไมเ่ อาเปรยี บผู้อื่น และไม่ทาใหผ้ ูอ้ ่ืนเดอื ดร้อน พร้อมให้อภัย เมื่อผู้อน่ื กระทาผดิ พลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใช้ชวี ติ ประจาวนั บน พนื้ ฐานของความรู้ ข้อมลู ขา่ วสาร 5.6 รู้เทา่ ทนั การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรบั ตัว อยู่รว่ มกับผอู้ ่ืนได้อย่างมีความสุข ชุดกิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6
ชดุ ท่ี 5 เรื่อง อาณาจักรพชื 49 คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ 4 321 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย ประสงคด์ า้ น 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อใหง้ านสาเรจ็6. มงุ่ มนั่ ในการ ทางาน7. รักความเปน็ 7.1 มีจติ สานกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย ไทย 7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ช่วยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปันสง่ิ ของให้ผู้อนื่8. มีจิตสาธารณะ 8.3 ดแู ล รกั ษาทรัพยส์ มบตั ิของห้องเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนข์ อง โรงเรียน ลงชื่อ .................................................... ผ้ปู ระเมนิ ................ /................ /................ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้แบบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
Search