Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore notebookkunatam

notebookkunatam

Published by 20765, 2019-09-11 02:29:42

Description: notebookkunatam

Search

Read the Text Version

ค่มู ือโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระเกียรติ โครงการพฒั นาโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ พทุ ธชยนั ตีเฉลิมราช ในหัวขอ้ ประจาปี “ลดเลิกพฤติกรรมเสี่ยง สร้างครอบครัวอบอนุ่ หนุนชุมชนเขม้ แข็ง” www.moralproject.net facebook.com/moralprojectpage

คำพอ่ สอน กระบวนทศั นพ์ ระราชทาน “เรียนความรู้ ทาการงาน และทาความดี” “เดก็ ๆ นอกจากจะตอ้ งเรยี นความรแู้ ลว้ ยงั ตอ้ งหดั ทาการงานและทาความดีดว้ ย เพราะการทางานจะช่วยใหม้ คี วามสามารถ มคี วามขยนั อดทนพง่ึ ตนเองได้ และการทาดนี ้ันจะช่วยใหม้ คี วามสขุ ความเจรญิ ท้งั ป้องกนั ตนไวไ้ มใ่ หต้ กตา่ ” พระบรมราโชวาท พระราชทานเพือ่ เชิญลงพมิ พใ์ นหนังสือวนั เดก็ ประจาปี ๒๕๓๐ พระมหาพงศน์ รินทร์ ฐิตวโํ ส ประธานโครงการประกวดโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ประธานกล่มุ กลั ยาณมิตรเพ่ือการเสริมสรา้ งเครือขา่ ยวิถีพทุ ธ ค่มู ือโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระเกียรติ พทุ ธชยนั ตีเฉลิมราช / กรงุ เทพฯ : กคพ., ๒๕๕๔ ๒๔ หน้า ISBN xxx-xxx-xxxx-xx-x ๑. โครงงาน ๒.คณุ ธรรมจริยธรรม ๓.เฉลิมพระเกียรติ ๔.พทุ ธชยนั ตี ค่มู ือโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระเกียรติ “เยาวชนไทย ทาํ ดี ถวายในหลวง” พิมพค์ รงั้ ท่ี ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ (E-Book Version) ส่ิงพิมพอ์ นั ดบั ท่ี ๑/๒๕๕๔ จาํ นวน x,xxx เลม่ (ยงั ขาดงบประมาณในการจดั พมิ พ์) ผจู้ ดั พิมพเ์ ผยแพร่ กลุม่ กลั ยาณมติ รเพ่อื การเสรมิ สรา้ งเครอื ขา่ ยวถิ พี ุทธ (กคพ.) มลู นิธโิ รงเรยี นรงุ่ อรุณ ๙/๙ หม่๕ู ซอย๓๓ ถ.พระราม๒ แขวงท่าขา้ ม เขตบางขนุ เทยี น กรงุ เทพฯ ๑๐๑๕๐ โทร. ๐๒-๘๔๐-๒๕๐๑-๔ โทรสาร. ๐๒-๘๗๐-๗๕๑๔ เวบไซต์ www.moralproject.net, www.facebook.com/moralprojectpage อีเมล์ [email protected] (ปกหน้าด้านใน)

สารบญั โครงงานคณุ ธรรม หน้า โครงงานคุณธรรมคอื อะไร? ๑ การเรยี นรทู้ ไ่ี ม่จากดั EDUCATION FOR ALL องคร์ วมแหง่ ความดี ทไ่ี รข้ ดี จากดั ๑ การทาดเี ชงิ รกุ พรอ้ มกบั การเรยี นรชู้ วี ติ อยา่ งเป็นวทิ ยาศาสตร์ ๑ แกน่ การเรยี นรคู้ อื “รว่ มกนั ทาดี อยา่ งมปี ัญญา” ๑ แบบจาํ ลองระบบการศึกษา ๑-๒-๓-๔ ๒ ๓ ๖ ขนั้ ตอนในการทาํ โครงงานคณุ ธรรม ๔ ขนั้ ตอนท่ี ๑ การตระหนกั รแู้ ละพจิ ารณาเลอื กหวั เร่อื งหรอื ประเดน็ ปัญหา ๗ ขนั้ ตอนท่ี ๒ การรวบรวมประมวลขอ้ มลู และองคค์ วามรทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง ขนั้ ตอนท่ี ๓ การจดั ทาร่างโครงงาน ๗ ขนั้ ตอนท่ี ๔ การดาเนนิ การโครงงาน ๗ ขนั้ ตอนท่ี ๕ การสรุปประเมนิ ผลและเขยี นรายงาน ๙ ขนั้ ตอนท่ี ๖ การนาเสนอโครงงาน ๑๐ หลกั เกณฑ์การพิจารณา ๑๑ ๑๑ การประเมนิ รา่ งโครงงาน ๑๒ การประเมนิ โครงงาน ภาคผนวก ก. โครงการพฒั นาโครงงานคณุ ธรรมเฉลมิ พระเกยี รติ พทุ ธชยนั ตเี ฉลมิ ราช ๑๔ ๑๕ โครงงานสอ่ื คุณธรรม, โครงงานวทิ ย-์ คณุ ธรรม, โครงงานธรุ กจิ คุณธรรม ๑๖ โครงงานการเมอื งคณุ ธรรม, ศนู ยก์ ารเรยี นรโู้ ครงงานคณุ ธรรมฯ ภาพรวมการประกวดโครงงานคณุ ธรรมระดบั ภมู ภิ าคและระดบั ประเทศ ๑๖ ใบสมคั ร เขา้ รบั การประเมนิ ศนู ยก์ ารเรยี นรโู้ ครงงานคณุ ธรรมฯ รอบท่ี ๑ ๑๗ ตารางประมวลสรปุ ความกา้ วหน้าโครงงานคณุ ธรรมฯ ๑๘ ภาคผนวก ข. รายงานโครงงานและส่อื นาเสนอโครงงาน ๑๙ ๒๐ ตวั อยา่ ง สรุปยอ่ โครงงานใน ๑ หน้ากระดาษ ๒๑ ตวั อยา่ ง ผงั สรปุ มโนทศั น์ฯ แบบตารางวเิ คราะหค์ าถาม ๕ ขอ้ ภาคผนวก ค. ปฏทิ นิ งานโครงการฯ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๔ ๒๓ ท่ีปรกึ ษาและคณะกรรมการกลาง โครงการ ๒๔ ๒๕ ๒๖

โครงงานคณุ ธรรม (Moral Project) โครงงานคณุ ธรรมคืออะไร? โครงงานคณุ ธรรม หรอื โครงงานความดี เป็นนวตั กรรมการเรยี นรทู้ ส่ี ่งเสรมิ การทาความดมี ี คุณธรรมแบบเชงิ รกุ โดยใหผ้ เู้ รยี นทเ่ี ป็นเดก็ และเยาวชนเกดิ ความรสู้ กึ เป็นเจา้ ของกจิ กรรมการเรยี นรู้ น้ีเอง ผ่านเทคนิควธิ กี ารเรยี นรแู้ บบโครงงาน (Project Approach) โดยประเดน็ ทเ่ี ลอื กทาโครงงาน นนั้ เกดิ ขน้ึ มาจากความสนใจและความคดิ รเิ รม่ิ ของผเู้ รยี นเอง เนน้ การเรยี นรผู้ ่านกระบวนการกลมุ่ ท่ี ลงมอื ปฏบิ ตั งิ านจรงิ ดว้ ยความพากเพยี รพยายามอยา่ งจดจ่อต่อเน่ืองในช่วงระยะเวลาทย่ี าวนาน พอสมควร (ตอ้ งทางานจรงิ ไม่น้อยกวา่ ๒ เดอื น) ในลกั ษณะวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ าร (action research) นาไปสู่ การแกไ้ ขปัญหาดา้ นความเส่อื มทรามทางศลี ธรรม และส่งเสรมิ การบม่ เพาะความดมี คี ุณธรรมอยา่ ง เป็นรปู ธรรมและเป็นระบบ รวมทงั้ การขยายความมสี ว่ นร่วมไปส่บู คุ คลต่างๆ ในสถานศกึ ษาและ ชมุ ชนของตนเองหรอื ชุมชนอ่นื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง การเรียนร้ทู ี่ไมจ่ าํ กดั EDUCATION FOR ALL ในเมอ่ื โครงงานคุณธรรมเป็นกระบวนการพฒั นาคุณธรรมและความดี โครงงานคณุ ธรรมน้ี จงึ มลี กั ษณะทเ่ี ปิดกวา้ งสาหรบั ทกุ คน โดยไม่มขี อ้ จากดั วา่ เรยี นสายวทิ ยห์ รอื สายศลิ ป์ มอี ุปกรณ์ เครอ่ื งมอื ทางวทิ ยาศาสตรห์ รอื เปล่า? เป็นนกั เรยี นประถมหรอื มธั ยม เพราะคณุ ธรรมและความดงี าม นนั้ เป็นเร่อื งทม่ี คี ณุ ค่าทค่ี วรเขา้ ถงึ ของคนทกุ คนนนั ่ เอง ไม่จากดั จานวนคน เพศ วยั สถานะ ระดบั ช่วงชนั้ หรอื สายวชิ าทเ่ี รยี น แต่สนบั สนุนใหท้ ุกคนมี สว่ นร่วมใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด แมว้ า่ จะมผี รู้ บั ผดิ ชอบโครงงานเป็นกลุ่มเรมิ่ ตน้ ๘-๑๐ คนกต็ าม แต่โครงงานก็ กาหนดเง่อื นไขใหผ้ รู้ บั ผดิ ชอบน้ี ตอ้ งคดิ วางแผนและดาเนนิ งานเพอ่ื ขยายหาแนวรว่ มตอ่ ไปในรปู ของ เครอื ขา่ ยแกนนา สมาชกิ หรอื กลุ่มเป้าหมาย และตอ้ งสรา้ งความมสี ว่ นร่วมในทกุ ภาคสว่ นใหม้ ากทส่ี ุด ทงั้ ครอบครวั (บา้ น) ศาสนา(วดั ) และสถานศกึ ษา(โรงเรยี น) โครงงานคณุ ธรรมไม่มกี ตกิ าควบคมุ จานวนคนทม่ี าช่วยทาโครงงาน หากใครอยากมาช่วย อยากเขา้ มารว่ มทางาน กเ็ ขา้ มาชว่ ยเลย โครงงานใดยง่ิ มคี นมาช่วยรว่ มมอื ดว้ ยมากเท่าไร โครงงานนนั้ ยง่ิ ประสบความสาเรจ็ เพราะเท่ากบั วา่ มี คนมารว่ มทาความดเี พม่ิ มากขน้ึ เท่านนั้ องคร์ วมแห่งความดี ท่ีไรข้ ีดจาํ กดั ไมแ่ ยกเรอ่ื ง ไม่แยกส่วน แต่ทุกเรอ่ื งสาระสามารถบรู ณาการเขา้ มาเป็นสว่ นหน่ึงของโครงงานน้ี ไดท้ งั้ หมด ไม่วา่ จะเป็นวชิ าการดา้ นใดหรอื ปัญหาของใคร นาองคค์ วามรทู้ ุกดา้ น ทกุ วชิ า ทุกสาระการ เรยี นรู้ และทุกทกั ษะทเ่ี กย่ี วขอ้ งไม่วา่ จะเป็นศลิ ปะ-ดนตร-ี กฬี า สามารถนามาปรบั บรู ณาการใชใ้ นการทา ความดี ทาการงาน และการสอ่ื สารประชาสมั พนั ธโ์ ครงงานไดท้ งั้ สน้ิ ไม่ตดิ ขดั ทง่ี บประมาณ เพราะการทาโครงงานดา้ นความดหี รอื คณุ ธรรมน้ีไมต่ อ้ งลงทนุ ดว้ ย เมด็ เงนิ มาก บางโครงงานลงทนุ เพยี งแรงงานจากสองมอื ทค่ี อยเกบ็ ขยะ และเม่อื แยกขยะขายกไ็ ดท้ ุน มาเพม่ิ อกี บางโครงงานใชส้ องมอื น้อยๆ บบี นวดใหพ้ อ่ แมป่ ่ยู า่ ตายายในชุมชน บางโครงงานมาจาก พฤตกิ รรมช่วยกนั ประหยดั น้าประหยดั ไฟ บางโครงงานมาจากการยม้ิ ไหวท้ กั ทาย ตวั อยา่ งของ ๑

โครงงานในลกั ษณะเชน่ น้มี อี ยมู่ ากมายทล่ี งทุนน้อยแตไ่ ดผ้ ลและมคี ณุ คา่ มาก แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม กต็ อ้ ง มกี ารลงทนุ เมด็ เงนิ ในเร่อื งคณุ ธรรมบา้ ง ไมใ่ ชป่ ากบอกวา่ เร่อื งคณุ ธรรมความดสี าคญั แต่พฤตกิ รรมไม่ แสดงออกวา่ ใหค้ วามสาคญั เลย โครงการน้ีจงึ ออกแบบเป็นพเิ ศษใหโ้ ครงงานทไ่ี ดร้ บั คดั เลอื กไดร้ บั ทนุ การสนบั สนุนเบอ้ื งตน้ จาก สพฐ. และศนู ยค์ ณุ ธรรม ตงั้ แตต่ น้ ทางของการทางาน และเช่อื วา่ การลงทนุ ทางดา้ นคณุ ธรรมความดนี ้ีจะเหน่ียวนาและดงึ ดดู ใหท้ ุกภาคส่วนในโรงเรยี นชุมชนมาร่วมกนั ลงทุนใน เรอ่ื งความดนี ้ีเพมิ่ ขน้ึ อกี หลายเทา่ ตวั ซง่ึ กพ็ บวา่ เป็นจรงิ เพราะหากวา่ เงนิ ทนุ ทไ่ี ดร้ บั ไม่พอกลุ่ม ทางานกลบั มวี ธิ กี ารหาทางออก ขอความช่วยเหลอื ในรปู แบบอ่นื ๆ ดว้ ยตวั เองไดอ้ กี อยา่ งน่าอศั จรรย์ เพราะความดยี อ่ มเหน่ียวนาความดมี าหากนั เช่นไดร้ บั การบรจิ าคและความชว่ ยเหลอื จากผทู้ ศ่ี รทั ธา และนิยมชมช่นื ในการทาความดขี องกลมุ่ เยาวชน เรยี กว่าบญุ ต่อบุญนนั ่ เอง ดงั นนั้ โครงงานคณุ ธรรม จงึ เป็น WIN-WIN SITUATION กล่าวคอื ทุกฝ่ายมสี ่วนรว่ มและทกุ ฝ่ายกไ็ ดร้ บั ประโยชน์สุขร่วมกนั ทงั้ หมด กล่าวคอื ปัญหาต่างๆ ในโรงเรยี นและชมุ ชนไดร้ บั การ พจิ ารณาและแกไ้ ข เดก็ และเยาวชนไดร้ บั การปลกู ฝังบม่ เพาะซมึ ชบั และเรยี นรคู้ ุณธรรมความดงี าม ตา่ งๆ ดว้ ยความรสู้ กึ เป็นเจา้ ของ เดก็ และเยาวชนไดฝ้ ึกฝนและพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ คดิ แกป้ ัญหา คดิ เชงิ ระบบ คดิ ประเมนิ คา่ ฯลฯ ผ่านการทาโครงงานอยา่ งเป็นวทิ ยาศาสตร์ เดก็ และเยาวชนไดร้ บั การฝึกทกั ษะการทางานจรงิ การทางานเป็นระบบ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ งาน และ ไดร้ บั การฝึกทกั ษะทางสงั คม ผ่านกระบวนการทางานเป็นกล่มุ ใหญ่ในระยะเวลายาวนานพอสมควร และเมอ่ื โครงงานนนั้ ๆ ได้มกี ารขยายผลไปถงึ การแกป้ ัญหาในครอบครวั วดั ชุมชน พอ่ แม่ผปู้ กครอง พระสงฆ์ และคนในชุมชนกจ็ ะไดร้ บั อานิสงสแ์ หง่ ประโยชน์สุขนนั้ ดว้ ย ผบู้ รหิ ารและคณะครอู าจารยก์ ็ จะเบาใจสบายใจไม่ตอ้ งกงั วลเครยี ดกบั ปัญหาทส่ี งั ่ สมไวม้ ากมายโดยไมม่ กี ารแกไ้ ข แต่ปัญหา เหลา่ นนั้ กลบั แปรเปลย่ี นเป็นผลงานทม่ี คี วามโดดเดน่ และน่าชน่ื ชมแทน นอกจากน้ี ผบู้ รหิ าร ครู อาจารย์ และศกึ ษานิเทศก์ ยงั สามารถนาขอ้ มลู และผลจากการทาโครงงานคุณธรรมมาทาการวจิ ยั ให้ เป็นผลงานทม่ี คี ุณคา่ ไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพและเกดิ ประโยชน์แทจ้ รงิ ไดอ้ กี ดว้ ย โครงงานคณุ ธรรม การทาํ ดีเชิงรกุ พรอ้ มกบั การเรยี นรชู้ ีวิตอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โครงงานคณุ ธรรมน้ีถกู ออกแบบมาเพ่อื ใหต้ อบโจทย์ คาทา้ ทายท่วี ่าเดก็ ไทยไม่ใฝ่ ดี ใฝ่ ต่าทา ชวั ่ มวั ่ เพศเสพยา ละอายการทาดี ทางานเป็นทมี ไม่เป็น คดิ วเิ คราะหไ์ มไ่ ด้ โดยการสรา้ งเงอ่ื นไขใหเ้ ขา ใช้ปัญหาจริงท่ตี ้องเผชญิ อย่ทู ุกวนั ไม่ว่าในโรงเรยี นหรือในครอบครวั ในชุมชน นามาตรวจสอบ วเิ คราะห์ วางแผน แสวงหาแนวทางแกไ้ ขร่วมกนั ซ่งึ ไม่เพยี งเขา้ ใจปัญหานอกตวั เท่านนั้ น่ียงั เป็น โอกาสใหเ้ ดก็ ๆ ไดเ้ ช่อื มโยงส่ตู นเอง เพราะคณุ สมบตั ขิ องโครงงานคุณธรรมนนั้ พเิ ศษตรงท่เี ป็นเร่อื ง ในชวี ติ จรงิ เป็นประเดน็ ปัญหาจรงิ ๆ ในชวี ติ ซง่ึ ทุกคนมสี ว่ นรว่ ม เกย่ี วขอ้ ง สมั พนั ธอ์ ยดู่ ว้ ยกนั นนั ่ เอง แตอ่ าจไมร่ ตู้ วั กไ็ ด้ ดงั นนั้ ดว้ ยกระบวนการคดิ อย่างเป็นระบบ จงึ พบทางออกของปัญหาด้วยปัญญา โครงงานคุณธรรมจงึ เป็นกระบวนการทน่ี าพาให้เดก็ ไทยสามารถทาโครงงานจรงิ ในชวี ติ ด้วยวธิ คี ดิ อยา่ งเป็นวทิ ยาศาสตรน์ นั ่ เอง โครงงานคุณธรรมนนั้ เน้นการนาปัญหาในชวี ติ จรงิ มาเรยี นรผู้ ่านการทาโครงงาน อนั จะเป็น การเรยี นรแู้ ละพฒั นาทกั ษะชวี ติ ดว้ ยวธิ คี ดิ อยา่ งเป็นวทิ ยาศาสตร์ หรอื ดว้ ยกระบวนการทางปัญญา ๒

อนั พอจะสรปุ ไดเ้ ป็นลาดบั ขนั้ ดงั น้ี ๑) สงั เกตปัญหา ระดมความคดิ เลอื ก ระบุ วเิ คราะห์ เชอ่ื มโยง “ปัญหา-สาเหต”ุ ไดช้ ดั เจน เหน็ ความเชอ่ื มโยงเป็นเหตุเป็นปัจจยั เกย่ี วเน่ืองกนั ไดต้ ลอดสาย (จาก “ภายนอก” สู่ “ภายใน” ชวี ติ จติ ใจของตนเอง) ๒) คาดการณ์และระบุ “เป้าหมาย” ของการแกป้ ัญหาใหช้ ดั ทงั้ เป้าหมายในตวั คน (พฤตกิ รรม จติ ใจ ปัญญา ทค่ี าดหวงั ) เป้าหมายนอกตวั คน (สงิ่ แวดลอ้ ม-กายภาพ) เป้าหมายเชงิ ปรมิ าณ เป้าหมายเชงิ คณุ ภาพ เป้าหมายระยะสนั้ ระยะกลาง ระยะยาว และเมอ่ื รจู้ ดุ หมายปลายทางชดั การกาหนดทศิ ทางและการเดนิ ทางกจ็ ะชดั ไปดว้ ย ๓) วางแผนและออกแบบ “ทางแก้” หรอื วธิ กี ารทดลองอยา่ งมหี ลกั เกณฑ์ ทแ่ี กป้ ัญหาไดต้ รง จดุ (คอื แกท้ ส่ี าเหต)ุ และถงึ พรอ้ มทจ่ี ะบรรลเุ ป้าหมายทว่ี างไวไ้ ด้ ๔) ลงมือทาํ พรอ้ มกบั เรยี นรู้ แสวงหา ฝึกฝน “คุณธรรมจากภายในตน” ไปสู่ “การแกป้ ัญหา ภายนอก” ทงั้ การเรยี นรสู้ ว่ นบคุ คลจาเพาะตน และเรยี นรรู้ ว่ มกนั ผ่านกระบวนการกลุม่ ๕) ลงมอื ปฏบิ ตั กิ ารอยา่ งเป็นระบบ มกี ารติดตามและเกบ็ บนั ทึกข้อมลู ทาตามแผนงาน อยา่ งยืดหย่นุ มงุ่ มนั ่ ทุ่มเทแต่ไมย่ ึดติดมากเกนิ ไป เรยี นรอู้ ยา่ งต่นื ตวั เทา่ ทนั พร้อมปรบั เปล่ียนให้ เหมาะสมกบั สถานการณ์ทเ่ี ปลย่ี นไป เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชน์สขุ สงู สุดแมม้ ขี อ้ จากดั มากมาย ๖) ประมวลผล-สรปุ ผล ประเมินผลการบรรลเุ ป้าหมายและวตั ถุประสงคท์ ไ่ี ดต้ งั้ ไว้ การ ประเมนิ ตนเอง การยอ้ นพจิ ารณาเพอ่ื ปรบั ปรุงแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง และการต่อยอดขยายผล ๗) นําเสนอ สื่อสาร ขอ้ มลู เรอ่ื งราวการทาโครงงานผลของการทางาน สสู่ าธารณะ อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพเพ่อื เป็นการแพรข่ ยายความด-ี สอ่ื สารความดี บอกตอ่ องคค์ วามรใู้ นการแกป้ ัญหาต่างๆ เผยแพรว่ ธิ กี ารในการทาความดี อนั จะเป็นการเสรมิ สรา้ งคา่ นยิ มการทาความดี สรา้ งแรงบนั ดาลใจใน การทาความดใี หก้ บั ผอู้ ่นื ตอ่ ๆ ไป และเป็นการสบื ตอ่ ความดตี อ่ ไปไดไ้ มส่ น้ิ สุด แก่นการเรยี นร้คู ือ “ร่วมกนั ทาํ ดี อย่างมปี ัญญา” กระบวนการเรยี นรทู้ ด่ี แี ละสมบรู ณ์ของโครงงานคณุ ธรรมนนั้ จะตอ้ งเรม่ิ ตน้ จากการสรา้ ง ความเป็นกลั ยาณมิตรต่อกนั ก่อน อนั เป็นปัจจยั ตน้ เรมิ่ ทส่ี าคญั ทส่ี ดุ จงึ ตอ้ งออกแบบและจดั วาง เง่อื นไขใหเ้ กดิ การรวมกล่มุ กนั ของผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงานจานวน ๘-๑๐ คน และทป่ี รกึ ษาอกี ๓ คน โดยมอี งคป์ ระกอบโครงสรา้ งและความสมั พนั ธใ์ นกลุ่ม ใหส้ ามารถดงึ ดา้ นบวกของแตล่ ะคนออกมาหา กนั ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ ซง่ึ กจ็ ะทาใหเ้ กดิ การใฝ่ ดีคิดดีและทาดีร่วมกนั ออกมาไดอ้ ยา่ งเตม็ ทเ่ี ตม็ ตาม ศกั ยภาพของแต่ละคน เกดิ การซมึ ซบั ความดี พรอ้ มๆ กบั มกี ารเรยี นรหู้ รอื มกี ระบวนการทางปัญญา เกดิ ขน้ึ ตลอดสาย ตงั้ แต่เรม่ิ ตน้ ระดมความคดิ การสงั เกตสารวจสภาพปัญหา ปัญญาตระหนกั รใู้ น สถานการณ์หรอื สภาพปัญหาและสบื สาวถงึ สาเหตุ ปัญญาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ เพม่ิ เตมิ การรวบรวมประมวลขอ้ มลู ปัญญาคดิ วเิ คราะหค์ ดิ สงั เคราะห์ ปัญญาคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ การ ทาความคดิ ใหช้ ดั และเป็นระบบ การคดิ วางแผนงาน การร่างโครงงาน ปัญญาการปรบั ประยกุ ตจ์ าก นามธรรมใหเ้ ป็นรปู ธรรม ปัญญาการตดิ ตามดาเนินงานปรบั ปรงุ งาน ปัญญาการแกป้ ัญหาเฉพาะหน้า ปัญญาการประเมนิ ผลสรุปผล และปัญญาการนาเสนอ ตลอดจนสตปิ ัญญาทจ่ี ะเทา่ ทนั และสามารถ วางใจต่อโลกธรรมทงั้ ๘ ทม่ี าถกู ตอ้ งสมั ผสั ใจไดอ้ ยา่ งฉลาดและเป็นกศุ ลไดใ้ นทส่ี ุด ๓

กระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี กดิ ขน้ึ ภายใตโ้ ครงงานคณุ ธรรมฯน้ี เป็นกระบวนการทพ่ี ฒั นาและปรบั ประยกุ ตม์ าจากกระบวนการเรยี นรวู้ ถิ พี ทุ ธ ซง่ึ ใชแ้ บบจาลองของวงรอบ ๑-๒-๓-๔ ทห่ี มนุ เวยี นรอบ พฒั นาขน้ึ อยา่ งตอ่ เน่ือง อนั ประกอบดว้ ย (๑) กระบวนการกลั ยาณมติ ร, (๒) การเปิดการเรยี นรภู้ ายใน (ปรโตโฆสะ สู่ สทั ธาและโยนโิ สมนสกิ าร), (๓) กระบวนการเรยี นรอู้ ยา่ งเป็นองคร์ วม (ตามหลกั ไตรสกิ ขา-ภาวนา๔) และ (๔) กระบวนการพฒั นาแบบเวยี นรอบตอ่ เน่ือง จงึ ทาใหก้ ระบวนการเรยี นรู้ และการพฒั นาคุณธรรมของผเู้ รยี นเกดิ ขน้ึ ควบคกู่ นั ไป ดงั แผนผงั ของแบบจาลอง ดา้ นล่างน้ี แบบจาลองการศึกษา ๑-๒-๓-๔ น้ีอาจเรยี กชอ่ื เป็นธรรมอกี หมวดหนง่ึ ไดว้ า่ “กระบวนการ ๓ ป ต่อเนื่อง” ลูกศร A : ปริยตั ิ, ลกู ศร B : ปฏิบตั ิ, ลูกศร C : ปฏิเวธ, ลูกศร D : ต่อเนื่อง ทมี่ า: Phramaha Pongnarin Thitavamso, “An Analytical Study of Process of Learning in Theravada Buddhism,” Bangkok: Mahachulalongkornrajavidyalaya University, 2005 (๑) กระบวนการกลั ยาณมิตร ขนั้ ตอนน้เี ป็นขนั้ ตอนตน้ เรม่ิ ทส่ี าคญั ทส่ี ดุ โดยจดั วางเง่อื นไขใหเ้ กดิ การนาพาใหบ้ คุ คลต่างๆ ซง่ึ มตี งั้ แต่กลุ่มเพ่อื นใกลต้ วั ครู ผบู้ รหิ าร พระสงฆ์ พอ่ แม่ จนถงึ องคก์ รทใ่ี หก้ ารสนบั สนุนมา รวมกลุ่มกนั โดยดงึ ดา้ นบวกของแตล่ ะคนแตล่ ะฝ่ายออกมาหากนั ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด ใหแ้ ต่ละคนมาสวม บทบาทเป็นกลั ยาณมติ รต่อกนั กลั ยาณมติ รนนั้ มคี วามสาคญั อยา่ งมากทจ่ี ะชว่ ยกระตุน้ เตอื น ช่วย สรา้ งแรงบนั ดาลใจ ชว่ ยสรา้ งศรทั ธาในการทาความดี ช่วยสนบั สนุนใหโ้ ครงงานดาเนนิ ไปไดด้ ว้ ยดี ขนั้ ตอนน้จี งึ สาคญั มากทส่ี ดุ ทจ่ี ะทาใหเ้ รมิ่ ตน้ การเรยี นรไู้ ด้ และดาเนินต่อไปจนถงึ ปลายทางแหง่ ความสาเรจ็ โดยกลั ยาณมติ รจะทาหน้าทเ่ี ป็นผชู้ กั จงู ปัจจยั ภายนอกมากระตนุ้ ตวั เปิดการเรยี นรภู้ ายใน (๒) การเปิ ดการเรยี นร้ภู ายใน (ปรโตโฆสะ สู่ สทั ธาและโยนิโสมนสกิ าร) (ลกู ศร A) การเปิ ดการเรียนร้ภู ายใน เป็นขนั้ ตอนทส่ี าคญั มากอกี ขนั้ ตอนหน่ึง ทเ่ี สมอื นเป็นการออก สตารท์ หรอื จุดตดิ เครอ่ื งยนตแ์ ห่งการเรยี นรภู้ ายในตวั มนุษย์ ซง่ึ มอี งคธ์ รรมเรมิ่ ตน้ แหง่ การเรยี นรู้ ๔

สาคญั สองประการดว้ ยกนั คอื “สทั ธา” (ความสนใจใฝ่ร,ู้ ความเชอ่ื ใจ เช่อื ถอื และความเชอ่ื มนั ่ ) และ “โยนิโสมนสิการ” (พจิ ารณาอยา่ งแยบคาย – คดิ เป็น – น้อมมาใสใ่ จไปส่กู ุศลได)้ การเปิ ดการเรยี นร้ภู ายใน จะเกดิ ขน้ึ ไดต้ อ้ งอาศยั กลั ยาณมติ รเตรยี มการและเลอื กใชป้ ัจจยั ภายนอกมากระตนุ้ ปัจจยั ภายในอยา่ งพอเหมาะพอดแี ก่ผเู้ รยี นและสถานการณ์แวดลอ้ ม ปัจจยั ภายนอกดงั กลา่ วนนั้ เรยี กวา่ “ปรโตโฆสะ” ซง่ึ มหี ลายลกั ษณะ ตงั้ แตค่ าสอน คาบอกกล่าว หนงั สอื ตารา ส่อื ต่างๆ และทด่ี ที ส่ี ุด คอื “เสียงของคร”ู เพราะเป็นเสยี งทจ่ี ะสรา้ งศรทั ธาใหเ้ กดิ ขน้ึ ในใจ เป็น เสยี งทจ่ี ะช่วยเตอื นจติ สะกดิ ใจใหฉ้ ุกคดิ หรอื ตระหนกั สานกึ เป็นเสยี งทเ่ี ป็นกาลงั ใจใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ภายในตนขน้ึ มนั ่ ใจขน้ึ จนเขา้ ใจถงึ คณุ ค่า ถงึ ประโยชน์ของการทาความดกี ารสรา้ งคุณธรรมจรยิ ธรรม ขน้ึ ในตน เม่อื เขา้ ใจถงึ ประโยชน์ จงึ เกดิ ฉันทะความพอใจใครท่ จ่ี ะลงมอื กระทาดว้ ยตนเองโดยไม่ลงั เล ดงั ตวั อยา่ งของ เสียงของครู ในโครงการนท้ี ส่ี าคญั ทส่ี ดุ คอื พระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระ เจา้ อยหู่ วั ทช่ี าวไทยทกุ คนลว้ นมศี รทั ธาอยา่ งเตม็ เป่ียม เมอ่ื โครงการประกวดโครงงานคณุ ธรรมเฉลมิ พระเกยี รตเิ ลอื กมาใชเ้ ป็นเสยี งบอกกล่าว (ปรโตโฆสะ) ทย่ี า้ ชดั เจนวา่ “เยาวชนไทย ทาดี ถวายใน หลวง” จงึ เทา่ กบั เป็นเสยี งบอกทใ่ี หแ้ นวทางวา่ ศรทั ธาทเ่ี กดิ ขน้ึ นนั้ ควรนาไปส่กู ารตอบแทนคณุ พระองคท์ า่ น ในโอกาสครงั้ น้ีมใิ ช่สงิ่ ใดอ่นื แตเ่ ป็นการทาดีถวายพระองคท์ ่านนนั ่ เอง เมอ่ื สทั ธาคอื ความสนใจใฝ่รเู้ กดิ ขน้ึ กจ็ ะช่วยไปกระตนุ้ ตวั เปิดการเรยี นรภู้ ายในอกี อยา่ งหน่ึง ก็ คอื กระบวนการคดิ พจิ ารณาอยา่ งแยบคาย หรอื ทเ่ี รยี กวา่ โยนิโสมนสิการ ใหเ้ รม่ิ ตน้ และทางานไป ดว้ ยกนั เรม่ิ ตงั้ แต่เยาวชนสนใจใฝ่รแู้ ละคดิ พจิ ารณาวา่ จะทาดอี ะไรถวายในหลวง ซง่ึ ตามเงอ่ื นไขกค็ อื การกระทานนั้ ควรตอบโจทยห์ รอื แกป้ ัญหาจรงิ ทท่ี กุ คนหรอื สว่ นใหญ่กาลงั เผชญิ อยู่ โดยชว่ ยกนั ระบุ ปัญหาใหช้ ดั เจน คน้ หาสาเหตุทม่ี าของปัญหานนั้ ๆ สบื สาว ปัจจยั แวดลอ้ มทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ทงั้ บคุ คล สถานการณ์ สถานท่ี ฯลฯ เรมิ่ วเิ คราะหแ์ ละกาหนดเป้าหมายของการแกป้ ัญหา พจิ ารณาหาหนทาง ปฏบิ ตั ิ เพ่อื นาไปส่กู ารแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นจรงิ ทงั้ หมดน้เี ป็นวธิ คี ดิ พจิ ารณาแบบอรยิ สจั ๔ นนั ่ เอง (๓) กระบวนการเรยี นรอู้ ยา่ งเป็นองคร์ วม ตามหลกั ไตรสิกขา (ลกู ศร B และ C) กระบวนการไตรสิกขา เป็นกระบวนการเรยี นรอู้ ยา่ งเป็นองคร์ วม ในดา้ นพฤตกิ รรม(ศลี ) ดา้ น จติ ใจ(สมาธ)ิ ดา้ นปัญญา(ปัญญา) ซง่ึ จะเกดิ ขน้ึ ไดต้ อ้ งจดั เตรยี มเหตปุ ัจจยั ใหเ้ ออ้ื ต่อการกระทาหรอื ปฏบิ ตั งิ านจรงิ โครงการน้จี งึ เน้นใหม้ ชี ่วงระยะเวลาดาเนนิ งานนาน เพ่อื ใหเ้ พยี งพอตอ่ การคอ่ ยๆ สะสมการเรยี นรู้ สงั ่ สมและบม่ เพาะคณุ ความดใี นจติ ใจ และการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม จาก ประสบการณ์ทพ่ี บจากการทาโครงงานคณุ ธรรมมา ๒ ปีนนั้ ทาใหพ้ บวา่ อยา่ งน้อยตอ้ งมเี วลา ประมาณ ๒ เดอื นสาหรบั การปฏบิ ตั งิ านจรงิ ๆ (เฉพาะชว่ งเวลาทางานจรงิ ไม่รวมช่วงทางานเอกสาร) ศีล เป็นการเรยี นรดู้ า้ นพฤตกิ รรมหรอื การเรยี นรทู้ กั ษะทางสงั คมทจ่ี ะทางานรว่ มกนั เป็น กลุ่มร่วมกบั ผอู้ ่นื อยา่ งเออ้ื อาทร พรอ้ มทจ่ี ะใหก้ าลงั ใจและใหอ้ ภยั แก่กนั การระมดั ระวงั คาพดู -การ กระทาทจ่ี ะไมเ่ บยี ดเบยี นใคร หากมกี ารกระทบกระทงั ่ กนั บา้ งกม็ ศี ลี กากบั ทจ่ี ะไม่ใหเ้ กนิ เลยไปจน กระทบกระแทกใหแ้ ตกทาลายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั การสารวมระวงั ทงั้ ทางคาพดู และการกระทา การยอมรบั สานกึ ผดิ การใหอ้ ภยั กนั ก่อใหเ้ กดิ พฒั นาการทางดา้ นพฤตกิ รรมไมใ่ หเ้ ป็นมลภาวะ เบยี ดเบยี นตนเองและผอู้ ่นื กจ็ ะทาใหก้ ารทางานกลุ่มเกดิ ขน้ึ ไปไดต้ ลอดรอดฝัง่ สมาธิ เป็นการเรยี นรทู้ างดา้ นจติ ใจ ทต่ี อ้ งเผชญิ สถานการณ์จรงิ จากการทางาน ทาใหต้ อ้ งมี ๕

ความม่งุ มนั ่ ตงั้ ใจ ความขยนั หมนั ่ เพยี รกระทาอยา่ งต่อเน่ืองไมท่ อ้ ถอย มคี วามอดทน ทงั้ ตอ่ ภาระงาน และทงั้ ต่อคนและสถานการณ์ทเ่ี ขา้ มา นอกจากน้ยี งั หมายถงึ การเจรญิ งอกงามของคณุ ความดหี รอื คุณธรรมในจติ ใจ อนั นาไปสภู่ าวะความสขุ สดชน่ื แจม่ ใสผอ่ งใสในจติ ใจ ตงั้ มนั ่ เป็นสมาธิ ปัญญา เป็นการเรยี นรทู้ ม่ี าจากกระบวนการสงั เกตุ สารวจ การคดิ การพจิ ารณาไตรต่ รองการ ตดั สนิ ใจอยา่ งเป็นเหตุเป็นผลเป็นระบบ นาไปสภู่ าวะทอ่ี อกจากปัญหา นาออกจากทุกข์ นาไปส่ภู าวะท่ี ดงี ามเป็นบุญกศุ ล การเรยี นรทู้ างปัญญาเรมิ่ จากการเรยี นความรจู้ ากหลกั ธรรม คาสอน ขอ้ มลู ขอ้ เทจ็ จรงิ การจดจา การจบั ประเดน็ การแยกแยะ การจดั หมวดหมู่ อนั เป็นปัญญาขนั้ ร้จู า และ พฒั นาขน้ึ ไปสปู่ ัญญาขนั้ รคู้ ิด อนั เกดิ จากการฝึกทกั ษะการคดิ วเิ คราะหค์ ดิ สงั เคราะหก์ ารคดิ เชอ่ื มโยง เหตุปัจจยั การคดิ พจิ ารณาคุณคา่ แทค้ ณุ คา่ เทยี มเป็นตน้ และพฒั นาไปสปู่ ัญญาขนั้ รแู้ จ้งทท่ี าให้ แสวงหาทางออกจากปัญหาได้ ตลอดจนปัญญาทก่ี อ่ เกดิ จากการลงมอื ปฏบิ ตั เิ พ่อื บรรลุผลของการ แกไ้ ขปัญหาหรอื ดบั ทุกขไ์ ด้ (เผดจ็ ศกึ กบั ปัญหา) และปัญญาตดิ ตามประเมนิ ผลอยา่ งเป็นระบบเพอ่ื ปรบั ปรงุ ใหด้ ขี น้ึ นาสกู่ ารสงั ่ สมเป็นประสบการณ์และปรชี าญาณรแู้ จง้ ในเร่อื งนนั้ ๆ (๔) ขนั้ การพฒั นาแบบเวียนรอบต่อเน่ือง (ภาวนา๔ สู่ กลั ยาณมิตร) (ลกู ศร D) เมอ่ื ผเู้ รยี นผา่ นกระบวนการเรยี นรใู้ น ๓ ขนั้ ตอนแรกมาซา้ แลว้ ซ้าอกี เป็นเวลาตอ่ เน่ืองกนั ใน ช่วงเวลาทเ่ี หมาะสม (กรณีทาโครงงานคณุ ธรรม ตอ้ งทางานจรงิ ไมน่ ้อยกวา่ ๒ เดอื น) ผเู้ รยี นจะเกดิ พฒั นาการในตนเองอยา่ งเป็นองคร์ วมทุกดา้ น ทงั้ พฒั นาการทางพฤตกิ รรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั รา่ งกายและ กายภาพแวดลอ้ ม (กายภาวนา) พฒั นาการทางสงั คม (ศีลภาวนา) พฒั นาการทางจติ ใจ (จิต ภาวนา) และพฒั นาการทางปัญญา (ปัญญาภาวนา) การประกวดโครงงาน จงึ เป็นกุศโลบายหรอื บทเรยี นครงั้ สาคญั ทพ่ี วกเขาจะไดเ้ รยี นรแู้ ละฝึก การวางใจไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ไม่ใหห้ วนั ่ ไหวไปกบั โลกธรรม ๘ ไดอ้ ยา่ งไร รจู้ กั รกั ษาใจใหอ้ ยใู่ นพรหม วหิ าร ๔ ไดห้ รอื ไม่ และไมห่ ลงยดึ ตดิ อยกู่ บั การแขง่ ขนั หรอื รางวลั แต่กลบั เหน็ คุณคา่ ของความรกั ใคร่ ปรองดองสามคั คี ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั สามารถอนุโมทนา ยนิ ดใี นความสาเรจ็ ของโครงงานของ เพ่อื นๆ กลุ่มอน่ื ได้ นบั เป็นการปรบั เขา้ สทู่ ศั นคตแิ ละค่านยิ มทด่ี ี ใฝ่ดี ใฝ่สรา้ งสรรค์ มพี ฒั นาการทาง พฤตกิ รรม จติ ใจตงั้ มนั ่ ในความดงี าม เขม้ แขง็ อดทน ขยนั กลา้ หาญ ไม่ยอ่ ทอ้ ต่ออปุ สรรคต่างๆ และมี พฒั นาการทางปัญญาทด่ี ี มที กั ษะกระบวนการคดิ ทด่ี ี มคี วามแยบคายในการชกั ชวนคนอ่นื ๆ เขา้ มา ชว่ ยกนั แกป้ ัญหา เขา้ ใจความเป็นจรงิ ของชวี ติ ของโลก เรยี กไดว้ า่ หากมพี ฒั นาการทงั้ ๔ ดา้ นพรอ้ ม (กายภาวนา ศลี ภาวนา จติ ตภาวนา ปัญญาภาวนา) กจ็ ะเป็นผทู้ พ่ี รอ้ มทจ่ี ะมบี ทบาทเป็นกลั ยาณมติ ร ใหก้ บั ผอู้ ่นื ไดต้ ่อไป ซง่ึ กจ็ ะเทา่ กบั วา่ เป็นผเู้ รม่ิ ตน้ ขบั เคลอ่ื นวงจรแหง่ การเรยี นรวู้ ถิ พี ทุ ธน้สี บื ไป ดงั เชน่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทพ่ี บวา่ แทบทกุ โครงงานมกั จะสรุปบทเรยี นสาคญั วา่ การจะไปเปลย่ี นแปลง ผอู้ ่นื ตอ้ งเรมิ่ จากการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของตนเองกอ่ น (กายภาวนา และ ศลี ภาวนา) และ ระหวา่ งทเ่ี ขาไดเ้ รยี นรเู้ พ่อื เปลย่ี นแปลงตนเอง กท็ าใหเ้ ขาได้เกดิ การเรยี นรคู้ ณุ ความดหี รอื คุณธรรม จากภายใน(จติ ภาวนา) ทค่ี อ่ ยๆ ซมึ ซบั และสงั ่ สมเป็นประสบการณ์เป็นปัญญาญาณหยงั ่ รเู้ ชย่ี วชาญ ในเร่อื งทต่ี นเองทานนั้ (ปัญญาภาวนา) เขากจ็ ะพฒั นามาส่คู วามเป็นกลั ยาณมิตรทส่ี มบรู ณ์ขน้ึ อนั จะกอ่ เกดิ เป็นวงจรขบั เคล่อื นทท่ี รงพลงั ใหเ้ กดิ การสบื เน่อื งไปส่ขู นั้ ต่อๆ ไป นาพาใหเ้ พ่อื นคนอ่นื ๆ ได้ เกดิ การเรยี นรแู้ ละพฒั นาต่อเน่ืองขยายวงออกไปไดไ้ ม่สน้ิ สุด ๖

๖ ขนั้ ตอนในการทาํ โครงงานคุณธรรม ขนั้ ตอนที่ ๑ การตระหนักรแู้ ละพิจารณาเลือกหวั เรอื่ งหรือประเดน็ ปัญหา ขนั้ ตอนน้เี ป็นขนั้ ตอนทส่ี าคญั ทส่ี ดุ ทต่ี อ้ งอาศยั ภาวะการตระหนกั รใู้ นสถานการณ์หรอื สภาพ ปัญหาดว้ ยสตปิ ัญญา หรอื ภาวะทม่ี แี รงบนั ดาลใจทจ่ี ะทาสง่ิ ดงี ามอะไรบางอยา่ งทเ่ี ป็นความฝันหรอื อดุ ม คติ ซง่ึ อาจจะเกดิ จากผเู้ รยี นเองโดยตรง หรอื อาจจะเกดิ จากการแนะนาหรอื ชช้ี วนจากครทู ป่ี รกึ ษาหรอื ผอู้ น่ื ทเ่ี ป็นเง่อื นไขภายนอก มากระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความตระหนกั รหู้ รอื แรงบนั ดาลใจขน้ึ กไ็ ด้ การสรา้ งความตระหนกั รนู้ นั้ เป็นขนั้ ตอนทย่ี าก เพราะโดยทวั ่ ไปสภาพการณ์ทเ่ี ป็นปัญหา ตา่ งๆ นนั้ มกั จะเกดิ ขน้ึ อยแู่ ลว้ แต่มกั จะถกู ละเลยมองขา้ ม หรอื ชาชนิ เคยชนิ จนมองไม่เหน็ ปัญหา หรอื ไมร่ สู้ กึ วา่ ตนเองมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั ปัญหานนั้ อยา่ งไรในทานอง “เสน้ ผมบงั ภเู ขา” หรอื “ปลาอยใู่ น น้ามองไมเ่ หน็ น้า” จงึ ตอ้ งอาศยั เหตุปัจจยั ภายนอก จากกลั ยาณมติ รทก่ี ระตนุ้ ปัจจยั ภายในใจของ ผเู้ รยี นไดถ้ กู ตรงกบั จรติ นสิ ยั ในเงอ่ื นไขสถานการณ์แวดลอ้ ม และจงั หวะเวลาทพ่ี อเหมาะพอดี จนเกดิ ฉนั ทะร่วมกนั ทจ่ี ะรวมกนั เป็นกลุ่มเพ่อื ดาเนนิ การโครงงาน กิจกรรมแนะนําสาํ หรบั ครทู ี่ปรึกษา ครทู ป่ี รกึ ษาอาจวางเงอ่ื นไขเบอ้ื งตน้ จากการใหผ้ เู้ รยี นสารวจและสงั เกตสภาพปัญหาตา่ งๆ จากเพ่อื นนกั เรยี น ปัญหาทพ่ี บเหน็ ในหอ้ งเรยี น โรงเรยี น วดั และชมุ ชน แลว้ ช่วยกนั ระดมความคดิ ต่อ ปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด แลว้ มาอภปิ รายกนั ในกลมุ่ ใหญ่หรอื กลมุ่ ยอ่ ยกไ็ ด้ (อาจทาใหส้ นุกใน ลกั ษณะโตว้ าทหี รอื ยอวาทกี ไ็ ด)้ เพ่อื เลอื กประเดน็ ปัญหาทม่ี คี วามสนใจ หรอื อยากจะแกป้ ัญหานนั้ มากทส่ี ดุ เพ่อื นามาตงั้ เป็นประเดน็ สาหรบั ทาโครงงาน คาํ แนะนําเพิ่มเติม (Tip) ความดี หรอื ประเดน็ ทเ่ี ลอื กมาทาโครงงานนนั้ มที ม่ี า ๒ ลกั ษณะดว้ ยกนั คอื ผเู้ รยี นเรม่ิ คดิ จาก (๑) ปญั หาที่อยากแก้ หรอื จาก (๒) สิ่งดีที่อยากทาํ จากประสบการณ์พบวา่ ผเู้ รยี นทเ่ี รม่ิ คดิ จากความดที อ่ี ยากทาก่อนนนั้ มกั ยงั มองแบบผวิ เผนิ ความคดิ ความเขา้ ใจยงั ไมห่ ยงั ่ รากลกึ ความจรงิ แลว้ แมเ้ ป็นความดที อ่ี ยากทากต็ าม หากยอ้ นคดิ พจิ ารณาใหด้ กี จ็ ะพบวา่ สง่ิ ดที อ่ี ยากทานนั้ ตอ้ งช่วย แกไ้ ขหรอื ปรบั ปรงุ อะไรใหด้ ขี น้ึ สกั อยา่ งหน่ึงแน่ ครทู ป่ี รกึ ษากต็ อ้ งชว่ ยกระตนุ้ ชช้ี วนใหผ้ เู้ รยี นไดย้ อ้ น คดิ พจิ ารณากลบั ไปทป่ี ระเดน็ ปัญหาใหไ้ ด้ เชน่ หากเดก็ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยความคดิ อยากปลกู ตน้ ไมข้ น้ึ มา ลอยๆ ครทู ป่ี รกึ ษาอาจตอ้ งถามใหย้ อ้ นคดิ ไปวา่ ทาไมหรอื ถงึ ตอ้ งปลกู ตน้ ไม?้ ปลกู ทไ่ี หน? เพราะ อะไรจงึ ตอ้ งปลกู ทน่ี ่ี? ปลกู ตน้ ไมม้ นั ชว่ ยแกป้ ัญหาอะไรหรอื ? หรอื มนั ช่วยทาใหอ้ ะไรดขี น้ึ บา้ ง? ถ้า ผเู้ รยี นช่วยกนั คดิ และตอบปัญหาเหลา่ น้ีได้ กจ็ ะไดป้ ระเดน็ ปัญหาทช่ี ดั เจนสาหรบั การนามาตงั้ เป็น ประเดน็ ทาโครงงาน ขนั้ ตอนท่ี ๒ การรวบรวมประมวลข้อมลู และองคค์ วามร้ทู ี่เก่ียวขอ้ ง เม่อื สมาชกิ ทุกคนในกลมุ่ เหน็ พอ้ งกนั และตดั สนิ ใจเลอื กประเดน็ ปัญหาหรอื หวั เรอ่ื งไดแ้ ลว้ และ ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากทป่ี รกึ ษาแลว้ กจ็ ะเป็นขนั้ ตอนของการระดมความคดิ วางแผนงานในเบอ้ื งตน้ โดยเรม่ิ จากการรว่ มกนั พจิ ารณาวเิ คราะหส์ ภาพปัญหาแลว้ สบื สาวไปหาสาเหตุและปัจจยั ร่วมตา่ งๆ การวางเป้าหมายและวธิ กี ารแกป้ ัญหา แลว้ ประมวลสงิ่ ทว่ี เิ คราะหไ์ ดท้ าเป็นผงั มโนทศั น์ ในขนั้ ตอนน้ี ๗

จะพบวา่ ยงั มขี อ้ มลู ของสภาพปัญหาและปัจจยั ต่างๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งไม่เพยี งพอหรอื ยงั มรี ายละเอยี ดทไ่ี ม่ ชดั เจน ตวั แปรสนบั สนุนและองคค์ วามรตู้ า่ งๆ ทจ่ี ะนามาใชใ้ นการวางแผนแกป้ ัญหากย็ งั มไี ม่ครบถ้วน หรอื ยงั ไมช่ ดั เจนเป็นตน้ จงึ ตอ้ งมกี ารรวบรวมขอ้ มลู และองคค์ วามรเู้ พม่ิ เตมิ (ซง่ึ อาจจะไดม้ าจากการ สารวจโดยละเอยี ดหรอื ประมาณการโดยครา่ วๆ กไ็ ด)้ จากการพบปะสนทนาขอความรว่ มมอื จาก บุคคลต่างๆ และจากการคน้ ควา้ หาความรจู้ ากหนงั สอื ตาราและแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ แลว้ นาขอ้ มลู ท่ี รวบรวมไดท้ งั้ หมดมาประมวลเพอ่ื จดั เตรยี มสาหรบั คดิ วางแผนทาร่างโครงงานต่อไป กิจกรรมแนะนําสาํ หรบั ครทู ่ีปรกึ ษา - สาหรบั นกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษา จากการระดมความคดิ ในขนั้ ตอนท่ี ๑ แลว้ เลอื กมา ๑ อยา่ งนนั้ ครทู ป่ี รกึ ษาควรใหผ้ เู้ รยี นช่วยกนั ระดมความคดิ กนั ตอ่ เพ่อื ตอบคาถาม ๕ ขอ้ ต่อไปน้ี ๑. “ปัญหา” ท่ีเลือกเป็นประเดน็ เร่ิมต้นทาํ โครงงาน คืออะไร? ระบสุ ภาพปัญหาใหช้ ดั เจน (ปัญหา มกั เป็นสภาพการณ์ทผ่ี ดิ ปกติ ไม่ดี ไม่น่าพอใจ หรอื เป็นพฤตกิ รรมทไ่ี ม่พงึ ประสงค์ พฤตกิ รรมทผ่ี ดิ ศลี ธรรม/กฎระเบยี บ หรอื ผดิ จากมารยาททถ่ี กู ตอ้ ง เป็นตน้ ) ๒. ปัญหานนั้ มี “สาเหต”ุ มาจากอะไร? วเิ คราะหร์ ่วมกนั ตอ่ วา่ อะไรเป็นสาเหตตุ น้ ตอทแ่ี ทจ้ รงิ อะไรเป็นปัจจยั รว่ ม? อะไรเป็นปัจจยั แวดลอ้ มภายนอก อะไรเป็นปัจจยั ภายใน ๓. “เป้าหมาย” ของการแก้ปัญหาคืออะไร? ควรใหช้ ว่ ยกนั เรม่ิ คดิ จากการวางเป้าหมายระยะ สนั้ -ระยะกลางก่อน โดยเรมิ่ จากการชว่ ยกนั ระบุเป้าหมายเชิงปริมาณวา่ เกย่ี วขอ้ งกบั บุคคล หรอื สง่ิ ของแวดลอ้ มใดบา้ ง? จานวนหรอื ปรมิ าณเท่าใด? มขี อบเขตระยะเวลา –พน้ื ทก่ี าร ทางานเทา่ ใด? แลว้ ช่วยกนั ตงั้ เป้าหมายเชิงคณุ ภาพ วา่ ตอ้ งการใหก้ ลุ่มเป้าหมายเกดิ พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคอ์ ยา่ งไรบา้ ง? ใหเ้ กดิ การพฒั นาจติ ใจ หรอื พฒั นาปัญญาอยา่ งไรบา้ ง? หรอื ใหเ้ กดิ สงิ่ ของ/สภาพแวดลอ้ มทพ่ี งึ ประสงคอ์ ยา่ งไรบา้ ง? ๔. “ทางแก้” หรือวิธีการดาํ เนินงาน เพ่ือไปส่เู ป้าหมายนนั้ มีแผนงาน อย่างไรบ้าง? ให้ ชว่ ยกนั วางแผนการทางานทจ่ี ะสามารถทาไดท้ งั้ ๒ ระยะ ทงั้ เฉพาะหน้าในระยะเวลา ๓ เดอื น ในชว่ งเทอม ๑ และระยะท่ี ๒ ในช่วงเทอม๒ อกี ประมาณ ๓ – ๔ เดอื น ๕. การดาํ เนินงานโครงงานดงั กล่าวนนั้ มกี ารใช้ “หลกั ธรรมและแนวพระราชดาํ ริ” อะไรบ้าง?* (หากผเู้ รยี นยงั จาหวั ขอ้ ธรรมะทแ่ี น่นอนไมไ่ ด้ หรอื จาพระราชดารสั ทถ่ี ูกตอ้ ง ไมไ่ ด้ กใ็ หใ้ ชถ้ อ้ ยคางา่ ยๆ ทอ่ี ธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจไดแ้ ทนไปกอ่ น แลว้ ไปคน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ ตอ่ ใน ภายหลงั กไ็ ด)้ - เม่อื ตอบคาถาม ๕ ขอ้ น้ีไดแ้ ลว้ กใ็ หป้ ระมวลสรุปนาเสนอในรปู แบบของผงั มโนทศั น์ ทม่ี หี วั ขอ้ ดงั น้ี ๐ ช่อื โครงงาน, ช่อื กลุ่ม, ชอ่ื โรงเรยี น ๐ วาดภาพประกอบโครงงาน ทแ่ี สดงออกถงึ ความคดิ สรา้ งสรรค์ ๐ ปัญหาทเ่ี ลอื กทาโครงงาน ๐ สาเหตขุ องปัญหา ๐ เป้าหมาย (เชงิ ปรมิ าณ และเชงิ คุณภาพ) ๐ ทางแก้ (วธิ กี ารหรอื กจิ กรรมทเ่ี ป็นขนั้ ตอนเรยี งขอ้ ) ๐ หลกั ธรรม/พระราชดาร/ิ พระราชดารสั ทน่ี ามาใช้ ๘

- สาหรบั นกั เรยี นระดบั ประถมศึกษานนั้ เน้นแคใ่ หเ้ ดก็ สามารถคิดการใหญ่ (Think Big) คิดเป็น ขนั้ ตอนได้ กเ็ พยี งพอแลว้ สว่ นการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งนกั เรยี นมธั ยมนนั้ ถอื วา่ เป็นการต่อยอด เวลาตงั้ คาถามสามารถอนุโลมใหใ้ ชค้ าถาม ๕ คาถามเหมอื นของระดบั มธั ยมกไ็ ด้ แตเ่ ดก็ นกั เรยี น จะวเิ คราะหไ์ ดไ้ ม่ลกึ ซง้ึ นกั และจะดเู ครง่ เครยี ดเกนิ ไป ครทู ป่ี รกึ ษา จาตอ้ งกระตนุ้ ความคดิ ดว้ ย คาถามทห่ี ลากหลาย และยอ่ ยประเดน็ ลงไปใหม้ ากขน้ึ และหากเดก็ สนใจในประเดน็ “สง่ิ ดที จ่ี ะทา” มากกวา่ “ปัญหาทจ่ี ะแก”้ กไ็ ม่เป็นไร กใ็ หข้ ยายสงิ่ ดที จ่ี ะทาใหเ้ ป็นโครงการใหญ่ตงั้ กลุ่มเป้าหมาย ใหช้ ดั และคดิ ขนั้ ตอนของการทางานออกมาได้ กเ็ พยี งพอแลว้ ตวั อย่างประเดน็ คาํ ถามกระต้นุ ความคิดนกั เรยี นระดบั ประถมศกึ ษา - ถา้ จะชวนกนั ใหท้ าความดนี นั้ หลายๆ คน จะทาไดห้ รอื ไม่? - จะวางกลุม่ เป้าหมายเป็นใคร? จานวนกค่ี น? - จะชกั ชวนหรอื ประชาสมั พนั ธ์ ดว้ ยวธิ กี ารอยา่ งไรบา้ ง? - จะมวี ธิ กี ารหรอื กจิ กรรม ดาเนินการโครงงานน้อี ยา่ งไรบา้ ง? - จะมวี ธิ ใี ดทจ่ี ะรวู้ า่ แตล่ ะคนนนั้ ทาความดนี นั้ จรงิ หรอื ไม่? - ถา้ เขาทาจรงิ จะรไู้ ดอ้ ยา่ งไรวา่ เขาทามาก หรอื ทาน้อย? - ถ้ามคี นทท่ี าความดมี ากๆ จะใหอ้ ะไรเขาตอบแทน? - ตอ้ งการใหเ้ กดิ ผลดจี ากการทาโครงงานน้อี ยา่ งไรบา้ ง? - จะตงั้ ชอ่ื โครงงาน, ช่อื กลมุ่ วา่ อะไร? - อน่ื ๆ เชน่ คณุ ธรรมใดทจ่ี ะนามาใชใ้ นการทาความดนี ้ี จากน้นั จึงใหป้ ระมวลขอ้ มูลเป็นผงั มโนทศั น์ทม่ี หี วั ขอ้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๐ ช่อื โครงงาน, ชอ่ื กลมุ่ , ชอ่ื โรงเรยี น ๐ วาดภาพประกอบโครงงาน ทแ่ี สดงออกถงึ ความคดิ สรา้ งสรรค์ ๐ ประเดน็ สง่ิ ดที อ่ี ยากทา / ประเดน็ ปัญหา(และสาเหตุของปัญหา) ทเ่ี ลอื กทาโครงงาน ๐ เป้าหมาย (เชงิ ปรมิ าณ และเชงิ คุณภาพ) ๐ วธิ กี าร (วธิ กี ารหรอื กจิ กรรมทเ่ี ป็นขนั้ ตอนเรยี งขอ้ ) ๐ หลกั ธรรม/พระราชดาริ ทน่ี ามาใช้ ขนั้ ตอนท่ี ๓ การจดั ทาํ รา่ งโครงงาน ขนั้ ตอนน้เี ป็นการคดิ พจิ ารณาวางแผนงานในรายละเอยี ดและภาพรวมทงั้ หมด โดยนาขอ้ มลู ท่ี รวบรวมและประมวลไดท้ งั้ หมดนนั้ มาเรยี บเรยี งและจดั ทาเป็นเอกสารรา่ งโครงงาน ทม่ี หี วั ขอ้ ต่างๆ ตามท่ี กาหนดไว้ อยา่ งน้อย ๑๓ หวั ขอ้ (จานวนหน้า ๑๐ – ๒๐ หน้ากระดาษขนาด A4) ดงั น้ี (๑) ช่ือโครงงาน (ช่อื โครงงานเป็นภาษาไทยและภาษาองั กฤษ) (๒) กล่มุ เยาวชนผรู้ บั ผิดชอบโครงงาน และสถานศึกษา แสดงชอ่ื กลุ่ม รายช่อื สมาชกิ ในกลมุ่ ตาแหน่ง ชนั้ เรยี น, ชอ่ื สถานศกึ ษา ทต่ี งั้ โทรศพั ท์ โทรสาร E-mail และเวบไซตส์ ถานศกึ ษา(ถา้ ม)ี (๓) ที่ปรึกษาโครงงาน ๙

ช่อื -นามสกุล ตาแหน่ง โทรศพั ทแ์ ละ E-mail (กรณเี ป็นพระภกิ ษุใหร้ ะบุฉายาและชอ่ื วดั ดว้ ย) (๔) วตั ถปุ ระสงค์ (ไมค่ วรเกนิ ๕ ขอ้ ) (๕) สถานท่ีและกาํ หนดระยะเวลาดาํ เนินการ พน้ื ทท่ี เ่ี ลอื กดาเนินการจะเป็นภายในหรอื ภายนอกสถานศกึ ษากไ็ ด้ ส่วนกาหนดระยะเวลา ดาเนินการนนั้ แบ่งเป็น ๒ ระยะ ระยะท่ี ๑ ควรอยใู่ นช่วงเดอื น พฤษภาคม–สงิ หาคม และระยะท่ี ๒ ในชว่ งเดอื น ตุลาคม– มกราคม (๖) ผงั มโนทศั น์ สรปุ ภาพรวมของรา่ งโครงงานทงั้ หมดเป็นผงั มโนทศั น์ ใน ๑ หน้ากระดาษ (๗) สาระสาํ คญั ของโครงงาน (คาอธบิ ายสาระสาคญั ของโครงงานโดยยอ่ ๕ - ๑๐ บรรทดั ) (๘) การศึกษาวิเคราะห์ (๘.๑) ปัญหาและสาเหตุ (ประมวลขอ้ มลู สภาพปัญหา แลว้ วเิ คราะหส์ บื สาวหาสาเหตุและปัจจยั ต่างๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ปัญหา เพอ่ื ใหเ้ หน็ ทม่ี าและความสาคญั ของโครงงาน) (๘.๒) เป้าหมายและทางแก้ (วางเป้าหมายของการแกป้ ัญหาทงั้ เชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพ) (๘.๓) หลกั การและหลกั ธรรมทน่ี ามาใช้ (แสดงหลกั ธรรมและแนวพระราชดาริ หรอื หลกั วชิ าการ ต่างๆ ทน่ี ามาใช้ พรอ้ มอธบิ ายความหมายโดยยอ่ แลว้ อธบิ ายเชอ่ื มโยงกบั การดาเนนิ การ โครงงาน อยา่ งสอดคลอ้ งเป็นเหตเุ ป็นผล) (๙) วิธีการดาํ เนินงาน (แสดงวธิ กี ารดาเนินงานเป็นขอ้ ๆ หรอื เป็นแผนผงั ทม่ี คี าอธบิ ายทช่ี ดั เจน) (๑๐) งบประมาณและแหล่งท่ีมาของงบประมาณ (แสดงงบประมาณโครงงานและแหลง่ ทม่ี า หาก มกี ารระดมทนุ เพมิ่ ใหบ้ อกแผนงานหรอื วธิ กี ารระดมทุนดว้ ย) (๑๑) ผลท่ีคาดว่าจะได้รบั (ผลโดยตรงและผลกระทบทต่ี อ่ เน่ืองออกไป) (๑๒) ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของท่ีปรึกษา (๑๓) ความคิดเหน็ และความร้สู ึกของประธานกล่มุ เยาวชนผ้รู บั ผิดชอบโครงงาน คาํ แนะนําเพิ่มเติม (Tip) ในการจดั ทาร่างโครงงานทด่ี นี นั้ ในหวั ขอ้ การศกึ ษาวเิ คราะหเ์ ป็นหวั ใจสาคญั โดยเฉพาะการ วเิ คราะหถ์ งึ ปัญหาและสาเหตุ ควรมขี อ้ มลู สถติ ิ หรอื สภาพการณ์ทไ่ี ดม้ าจากการสารวจสงั เกตจรงิ มา ประกอบอา้ งองิ จะทาใหม้ นี ้าหนกั น่าเช่อื ถอื ยงิ่ ถ้าเป็นขอ้ มลู สถติ จิ ากพน้ื ทเ่ี ป้าหมายจรงิ ๆ กจ็ ะทาให้ คะแนนการประเมนิ ความเป็นไปไดข้ องร่างโครงงานดขี น้ึ ขนั้ ตอนท่ี ๔ การดาํ เนินการโครงงาน การดาเนนิ การโครงงานแบง่ ออกเป็น ๒ ระยะ ดงั น้ี - ระยะท่ี ๑ บกุ เบิก-ทดลอง ชว่ งเดอื น พฤษภาคม – สงิ หาคม - ระยะท่ี ๒ ตอกยาํ้ -ขยายผล ชว่ งเดอื น ตลุ าคม – มกราคม ขนั้ ตอนน้เี ป็นการนาร่างโครงงานมาปฏบิ ตั จิ รงิ ไปตามลาดบั ขนั้ ตอนและวธิ กี ารดาเนนิ งาน ซง่ึ จะมที งั้ ในส่วนทแ่ี บง่ งานและดาเนนิ งานกนั ในระหวา่ งสมาชกิ ในกลุ่มผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน และงานใน สว่ นทส่ี รา้ งการมสี ่วนร่วมใหก้ บั เพอ่ื นนกั เรยี นอ่นื หรอื บุคคลต่างๆ ทเ่ี ขา้ มาช่วยทางานในดา้ นตา่ งๆ ตลอดจนการจดั กจิ กรรมรณรงคข์ ยายการมสี ่วนรว่ มออกไปสชู่ มุ ชน การดาเนนิ งานในช่วงน้ีอาจมี ๑๐

ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั มาทเ่ี ป็นเรอ่ื งใหมท่ เ่ี พง่ิ ทราบ หรอื คลาดเคลอ่ื นไปจากทค่ี าดการณ์ไว้ หรอื เกดิ สถานการณ์ทย่ี งุ่ ยากเป็นอุปสรรคขอ้ ขดั ขอ้ งหรอื ขอ้ ขดั แยง้ ใหต้ อ้ งเผชญิ หน้าและแกป้ ัญหาอยเู่ สมอๆ อนั อาจจะนามาซง่ึ ความอ่อนลา้ ความเหน่ือยหน่ายทอ้ แท้ ไดบ้ อ่ ยๆ ซง่ึ ทงั้ หมดน้ลี ว้ นเป็นแบบฝึกหดั สาคญั ของการเรยี นรแู้ ละพฒั นาคณุ ธรรม ของผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงานและผมู้ าช่วยงานทงั้ สน้ิ และจาเป็น อยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งมกี ารตดิ ตาม สนบั สนุน ดแู ล ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทงั้ ทางทรพั ยากรภายนอกและทาง จติ ใจ จากคณะทป่ี รกึ ษาอยา่ งใกลช้ ดิ ตลอดระยะเวลาดาเนนิ การโครงงานทงั้ ๒ ช่วง ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงานพงึ ระลกึ ไวว้ า่ การทางานจรงิ อาจมหี ลายสง่ิ ทไ่ี ม่เป็นไปตามทค่ี าดการณ์ และระบุไวใ้ นร่างโครงงาน และหลายครงั้ อาจตอ้ งมกี ารปรบั เปลย่ี นแผนงานไปจากเดมิ กไ็ ม่เป็นไร แต่ ตอ้ งเขา้ ใจวา่ เพราะอะไร สามารถอธบิ ายไดถ้ งึ เหตผุ ลของการทผ่ี ดิ พลาดไปจากแผนงานทว่ี างไวไ้ ด้ อยา่ ทางานเพยี งเพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลตามร่างโครงงานทว่ี างแผนไวเ้ ทา่ นนั้ แตท่ างานเพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ และพฒั นาคุณธรรมของตนเองและทุกคนทเ่ี กย่ี วขอ้ งเป็นหลกั ทาแลว้ คณุ ธรรมความดตี อ้ งเพม่ิ ขน้ึ และ ควรมคี วามสขุ จากการทาความดนี นั้ ทาโครงงานและความดี เพอ่ื น้อมเกลา้ ฯ ถวายพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มิใช่การแขง่ ขนั เพอ่ื ล่ารางวลั คาํ แนะนําเพ่ิมเติม (Tip) ระยะเวลาการทางานจรงิ ทล่ี งแรงทางานดว้ ยความมุ่งมนั ่ ทุม่ เทอยา่ งต่อเน่ืองนนั้ ไม่ควรน้อย กวา่ ๒ เดอื น จงึ จะทาใหก้ ระบวนการเรยี นรแู้ บบโครงงานคุณธรรมไดผ้ ลเตม็ ท่ี ขนั้ ตอนท่ี ๕ การสรปุ ประเมินผลและเขียนรายงาน จากการดาเนนิ งาน ในขนั้ ตอนท่ี ๔ นนั้ ใหก้ ล่มุ เยาวชนไดท้ าการประเมนิ ผลและสรุปผลการ ดาเนนิ งานทงั้ ๒ ระยะ ตงั้ แต่เดอื นพฤษภาคม – มกราคม เพอ่ื นามาใชจ้ ดั ทาเป็น เอกสารและสอ่ื การ นาเสนอโครงงาน ๕ หรอื ๖ รายการ ดงั น้ี (๑) รายงานโครงงาน (๒๐–๕๐ หน้ากระดาษขนาด A4 ไม่รวมปก) (๒) สรปุ ย่อโครงงานใน ๑ หน้ากระดาษ (๑ หน้ากระดาษขนาด A4) (๓) แผน่ พบั นําเสนอโครงงาน (๑ แผน่ กระดาษขนาด A4 หน้า-หลงั ) (๔) สื่อ Presentation เชน่ Powerpoint หรอื VCD (เวลาไมเ่ กนิ ๗ นาท)ี (๕) แผ่นป้ายนิทรรศการโครงงาน (๖) เวบเพจ นาเสนอโครงงานผา่ นทางอนิ เตอรเ์ นต (ลงทะเบยี นท่ี www.moralproject.net) รายการท่ี (๑) (๒) (๓) และ (๔) ใหบ้ นั ทกึ ไฟลข์ อ้ มลู รวมลงในแผ่น CD แผน่ เดียว (ถ้า รายการท่ี (๔) เป็น VCD ใหแ้ ยกเป็นอกี หนง่ึ แผ่น) ทห่ี น้าแผน่ CD ใหเ้ ขยี นระบชุ ่อื โครงงาน สถานศกึ ษา และสพท. และแสดงรายการไฟลร์ ายงาน, ไฟลส์ รุปยอ่ , ไฟล์แผ่นพบั และไฟลน์ าเสนอให้ ครบถว้ นถกู ตอ้ ง (ดรู ายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ จากภาคผนวก ข) ขนั้ ตอนที่ ๖ การนําเสนอโครงงาน การนาเสนอโครงงาน เป็นทกั ษะทส่ี าคญั ของผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงานทกุ คนทจ่ี ะตอ้ งทาหน้าท่ี เป็นกลั ยาณมติ ร ทาการสอ่ื สารและถ่ายทอดความดงี ามจากโครงงานของตนเองออกสู่การรบั รขู้ อง บคุ คลอน่ื และสาธารณะ สมาชกิ ทุกคนในกล่มุ ควรทาความเขา้ ใจในรายละเอยี ดและภาพรวมของ ๑๑

โครงงานทงั้ หมด แลว้ ซกั ซอ้ มการนาเสนอในประเดน็ สาคญั ๆ ไวเ้ พ่อื เตรยี มตวั สาหรบั การนาเสนอบน เวที การสมั ภาษณ์ซกั ถาม และการนาเสนอหน้าแผน่ ป้ายนทิ รรศการโครงงาน ใหค้ ณะกรรมการและผู้ มาชมนทิ รรรศการโครงงานสามารถเขา้ ใจไดใ้ นระยะเวลาอนั จากดั กิจกรรมแนะนําสาํ หรบั ครทู ี่ปรึกษา ครทู ป่ี รกึ ษาควรฝึกหดั ใหน้ กั เรยี นนาเสนอโครงงานในหลากหลายเง่อื นไขเวลาและสถานการณ์ เชน่ การนาเสนอในเวลา ๗ นาทบี นเวที การนาเสนอในเวลา ๓ นาทที ห่ี น้าบอรด์ การนาเสนอใน ๓ ประโยคทห่ี น้าบอรด์ แต่ทาใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจไดไ้ ว เป็นตน้ หลกั เกณฑ์การพิจารณา ๑) โครงงานคณุ ธรรมทส่ี ่งเขา้ ประกวดนนั้ ตอ้ งเป็นโครงงานทค่ี ิดริเร่ิมโดยตวั ของเยาวชน เอง ไม่ว่าจะเป็นการคดิ งานใหม่หรอื คดิ ปรบั ปรุงแกป้ ัญหางานเดมิ กไ็ ด้ โดยพจิ ารณาในสองส่วน สาคญั คอื การทเ่ี ยาวชนคิดเองทาเองอยา่ งแทจ้ รงิ กบั แนวคดิ สร้างสรรค์ใหม่ๆในการแก้ไขปัญหาท่มี ี ความเป็นนวตั กรรม (Constructive & Creative Moral Project) ๒) มกี ารใช้หลกั ธรรม ในทางพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาอ่นื ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และอญั เชญิ พระราช ดารสั /แนวพระราชดาริสาคญั เช่น เศรษฐกจิ พอเพยี ง, ปูทะเลยม์ หาวชิ ชาลยั และ/หรอื บวร (บ้าน- วดั -โรงเรยี น/ราชการ) มาใชเ้ ป็นหลกั การหรอื แนวทางในการดาเนินการโครงงานได้อย่างสอดคลอ้ ง เหมาะสม กลา่ วคอื มกี ารยกหวั ขอ้ หลกั ธรรมได้สอดคล้องกบั ประเดน็ ปัญหาและวธิ กี ารดาเนินงาน มี การอธิบายความหมายหวั ขอ้ หลกั ธรรมนนั้ ไดถ้ ูกตอ้ งกระชบั ไม่สนั้ หรอื เยนิ่ เยอ้ จนเกนิ ไป มกี ารอธบิ าย เช่อื มโยงหลกั ธรรมหรอื พระราชดารนิ ัน้ ๆ มาสู่แนวคิดในการทาโครงงานหรือเชื่อมโยงมาสู่การ ปฏิบตั ิงานหรือกิจกรรมตา่ งๆในโครงงานไดเ้ ป็นทเ่ี ขา้ ใจ ๓) ความเป็ นโครงงาน ทม่ี ุ่งเน้นกระบวนการทางปัญญาในการสงั เกตสารวจค้นควา้ คิด วเิ คราะหค์ ดิ สงั เคราะหจ์ นเขา้ ใจในประเดน็ ทเ่ี ลอื กมาทาโครงงานไดต้ ลอดสายระหวา่ ง ปัญหา-สาเหตุ- เป้าหมาย-ทางแก้ ทงั้ น้ีการวเิ คราะหค์ วามเป็นเหตปุ ัจจยั ทเ่ี กย่ี วเน่ืองกนั ควรเรม่ิ จากการพจิ ารณาวา่ ปัญหาทเ่ี ลอื ก มาทาโครงงานนนั้ ระบไุ ดเ้ ป็นประเดน็ ทช่ี ดั เจนหรอื ไม่ แลว้ จงึ วเิ คราะหเ์ ช่อื มโยงต่อไปได้วา่ ปัญหานนั้ มี สาเหตมุ าจากอะไร ทงั้ สาเหตุหลกั และปัจจยั แวดลอ้ มอ่นื ๆ โดยพจิ ารณาดวู ่ามคี วามเป็นเหตุเป็นผลท่ี น่าเชอ่ื ถอื และสอดคล้องกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ไม่? (ควรมสี ถติ ขิ อ้ มูลจากการสงั เกตสารวจหรอื จากแหล่ง อา้ งองิ จากหน่วยงานในพน้ื ทจ่ี รงิ เช่นขอ้ มลู จากฝ่ายปกครองมาประกอบการวเิ คราะห์ปัญหาสาเหตุดว้ ย จะทาใหม้ คี วามเป็นโครงงานสงู ) กต็ อ้ งพจิ ารณาว่ามกี ารวางเป้าหมาย ได้ชดั เจน และรบั กนั กบั ปัญหาทต่ี งั้ ไวห้ รอื ไม่ โดยปกติ ทวั ่ ไปเป้าหมายตอ้ งมสี ภาวะตรงขา้ มกบั ปัญหา อย่างเช่น ตงั้ ปัญหาไวว้ า่ “โรงเรยี นสกปรก นักเรยี นมี พฤตกิ รรมไมร่ กั ษาความสะอาดทง้ิ ขยะไมล่ งถงั ” เป้าหมายกต็ อ้ งวางในลกั ษณะตรงขา้ มกนั คอื “โรงเรยี น สะอาดไม่มขี ยะทง้ิ ตกคา้ งในบรเิ วณตา่ งๆ นกั เรยี นช่วยกนั รกั ษาความสะอาด ทง้ิ ขยะไดล้ งถงั ” โดยระบุ รายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ ใหช้ ดั วา่ ขอบเขต และเป้าหมายเชิงปริมาณ-เชิงคณุ ภาพ เป็นอยา่ งไร และเม่ือเหน็ ปัญหาสาเหตุและวางเป้าหมายได้ชดั แล้ว ก็ต้องพจิ ารณาต่อว่า จะมีวธิ ีการ/ กจิ กรรม/การส่อื สารประชาสมั พนั ธร์ ณรงค์ อะไรอยา่ งไรบา้ งเพ่อื ไปส่เู ป้าหมายใหไ้ ด้ และวิธีการหรอื ๑๒

กจิ กรรมเหล่าน้ีแก้ปัญหาท่สี าเหตุหลกั และแกท้ ่ปี ัจจยั แวดลอ้ มท่ที าให้เกิดปัญหาหรอื ไม่ เพราะการ แกป้ ัญหาทด่ี ที ถ่ี ูกตอ้ งและมปี ระสทิ ธผิ ลคอื การแกป้ ัญหาทส่ี าเหตุนนั ่ เอง ในขนั้ ตอนทท่ี าโครงงานแลว้ และจดั ทาเป็นรายงาน การมขี อ้ มลู สถติ แิ ละนาเสนอขอ้ มูลสถติ ทิ ไ่ี ด้ จากการทางานมานนั้ ให้เหมาะสมเขา้ ใจง่าย ทาให้ผ้อู ่านเหน็ ท่ีมาท่ไี ปไดช้ ดั เหน็ การเปล่ยี นแปลงและ ความสาเรจ็ ของโครงงานไดช้ ดั กจ็ ะแสดงออกความเป็นโครงงานสงู ทงั้ น้ี ตอ้ งระวงั วา่ ไม่ไดไ้ ปเน้น การทาขอ้ มลู สถติ ทิ ย่ี งุ่ ยากทางวชิ าการมากเกนิ ไป มากเกนิ กวา่ ระดบั การศกึ ษาของเดก็ และเยาวชน (ไม่ ถึงขนาดทาแบบวทิ ยานิพนธ์) แค่พิจารณาว่ามวี ิธคี ดิ ของการแสวงหาข้อมูล เกบ็ ขอ้ มูลสถิตมิ าใช้ ประโยชน์ในการวางแผนงานตดิ ตามงานประเมนิ และปรบั ปรงุ งานในเบอ้ื งตน้ กเ็ พยี งพอแลว้ ในขนั้ ตอน ของขอ้ มลู สถติ นิ ้ีอนุญาตใหค้ รทู ป่ี รกึ ษาสามารถช่วยแนะนาวางแผนใหก้ บั เดก็ และเยาวชนได้ ๔) ประเดน็ ทเ่ี ลอื กทาโครงงานมคี ณุ ประโยชน์ในการแก้ปัญหาด้านความเสื่อมทรามทาง ศีลธรรม โดยเฉพาะเป็นการแกป้ ัญหาของโรงเรยี นหรอื ชุมชนของตนเองเป็นสาคญั ในปีการศกึ ษาน้ี มงุ่ เน้นในแนวคดิ ทว่ี า่ “ลดละเลกิ พฤตกิ รรมเสย่ี ง สรา้ งเสรมิ งานจติ อาสาพฒั นาโรงเรยี นและชมุ ชน” การใหค้ ะแนนมากเป็นพิเศษนนั้ จะพจิ ารณาใหก้ บั โครงงานทเ่ี ลอื กและระบุประเดน็ ปัญหา ได้เด่นชดั ที่ม่งุ ปรบั แก้พฤติกรรมเสี่ยงท่ีผิดศีลธรรมของนักเรยี น เช่น การแก้ปัญหาการเสยี ตวั ก่อนวยั อนั ควร (ไม่รกั นวลสงวนตวั ), การตดิ บุหร่สี ุรายาเสพตดิ , การทะเลาะกนั โดยใช้ความรุนแรง (ชกต่อย-ตบตกี นั ), การตดิ การพนันอบายมุข-ตดิ เกมส์คอมพวิ เตอร,์ การลกั โขมย, การเสพส่อื หรอื ผลติ สอ่ื ลามกอนาจาร, การหนีเรยี น, การทาลาย-ไม่ดแู ลสาธารณสมบตั ,ิ ครอบครวั ไมอ่ บอนุ่ เป็นตน้ อกี อยา่ งหน่ึง คอื โครงงานทม่ี งุ่ เน้นการบม่ เพาะจิตอาสา เป็นอาสาสมคั รบาํ เพญ็ ประโยชน์ ต่อสว่ นรวมอยา่ งเด่นชดั เชน่ อาสาช่วยงานในโรงเรยี น วดั ชุมชน โรงพยาบาล ช่วยแกป้ ัญหาไม่มี คนดูแลผสู้ งู อายุ เดก็ เล็ก ผู้ป่วย ผู้พกิ ารในชุมชน เป็นต้น กจ็ ะได้รบั คะแนนจากการพิจารณาเป็น พเิ ศษเชน่ กนั (แต่ตอ้ งไม่ไดเ้ ป็นโครงงานแบบเหมารวมกจิ กรรมตา่ งๆ ของร.ร.มาใสเ่ ตม็ ไปหมด) ๕) ความเป็นไปได้ของร่างโครงงาน หรือผลสมั ฤทธ์ิของโครงงาน ทบ่ี รรลุผลไดต้ าม เป้าหมายและวตั ถุประสงคข์ องโครงงานทต่ี งั้ ไว้ รวมทงั้ การทาใหเ้ กิดการเรยี นร้แู ละพฒั นาการแก่ ผเู้ รยี นไดจ้ รงิ ทงั้ ทางดา้ นพฤติกรรม จิตใจ และปัญญา แมจ้ ะมขี อ้ จากดั ดา้ นทรพั ยากรและปัจจยั ต่างๆ หากเป็นร่างโครงงานก็พจิ าณาจากความเป็นไปได้ถึงแผนงานวธิ ีการและกจิ กรรมต่างๆ ภายใตร้ ะยะเวลา งบประมาณ และขอ้ จากดั จากสถานการณ์ในพน้ื ท่จี รงิ วา่ มีความเป็นไปได้ ท่จี ะ นาไปสคู่ วามสาเรจ็ ตามเป้าหมายทว่ี างไวไ้ ดห้ รอื ไม่? อยา่ งไร? ทงั้ น้ีไม่ควรรบี สบประมาทแนวคดิ ของ เดก็ ว่าทาไม่ได้ แต่ควรเป็นการพจิ ารณาเชงิ แนะนาและให้กาลงั ใจแก่เด็กและเยาวชนในการทา โครงงานตอ่ ไป หากเป็นการพจิ ารณาโครงงานท่ไี ดด้ าเนินการไปแล้ว กต็ ้องพจิ าณาท่ีความสาเรจ็ ของงาน สว่ นหน่ึง และการเรยี นร-ู้ พฒั นาคณุ ธรรมความดีของคนอกี สว่ นหน่ึง โดยพจิ ารณาผลสาเรจ็ ของงาน วา่ ไดต้ ามเป้าหมายและวตั ถุประสงค์ทต่ี งั้ ไว้ ทงั้ น้ีไม่ใช่แคด่ วู า่ ไดต้ ามเป้าหรอื เกนิ เป้าหรอื ไม่ เพราะผทู้ า อาจใชเ้ ทคนคิ การตงั้ เป้าหมายไวต้ ่าเพอ่ื ใหไ้ ด้ผลงานเกนิ เป้า ต้องดูประกอบกบั ความยากง่ายของงาน- สถานการณ์ของปัญหาดว้ ย ๖) การสร้างความมีส่วนร่วมแก่บุคคลหลายฝ่ ายโดยเฉพาะชุมชน (บ-ว-ร: บ้าน-วดั - โรงเรียน) ไดม้ ากทส่ี ุด โดยพจิ ารณาจากการวางขอบเขตการทางาน การระบุกลุ่มเป้าหมาย การ ๑๓

สรา้ งเครอื ขา่ ยแกนนาหรอื กลุ่มสมาชกิ หรอื การตงั้ เป็นชมรม/ชุมนุม เป็นต้น ทงั้ น้ีมไิ ดพ้ ิจารณาแต่ เพยี งจานวนตวั เลขของคนเทา่ นนั้ ตอ้ งดบู รบิ ทแวดลอ้ มของโรงเรยี นประกอบดว้ ย ๗) การพ่ึงตนเองได้ ด้วยความขยนั หมนั ่ เพียรทางานจริง การแสดงออกถึงความมุ่งมนั ่ ทมุ่ เทเพยี รพยายามของกลุ่มเยาวชนเองจนเป็นทป่ี ระจกั ษ์ โดยมชี ่วงเวลาทางานจรงิ ไม่น้อยกว่า ๒ เดอื นต่อ ๑ ภาคการศกึ ษา (ไม่รวมเวลาท่ที างานด้านเอกสาร), ลกั ษณะของกิจกรรมและวธิ กี าร ปฏบิ ตั งิ านพสิ จู น์ใหเ้ หน็ ถงึ การเกาะตดิ มงุ่ มนั ่ ทมุ่ เททาจรงิ , การทางานลงสกู่ ลมุ่ เป้าหมายและประชากร อยา่ งตอ่ เน่ืองจนสามารถนาลงส่วู ถิ ชี วี ติ ปกติของคนในโรงเรยี นหรอื ชุมชนได้ จนเกดิ การยอมรบั และ ปรบั เปลย่ี นเป็นพฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคไ์ ด้จรงิ ๘) การสืบต่อไปได้อย่างยงั ่ ยืน ไดแ้ ก่ การมแี ผนงานในอนาคตทช่ี ดั เจนและเป็นไปไดส้ งู , มี การสบื ตอ่ ของกลุ่มแกนนาไปยงั รนุ่ น้องรุน่ ต่อไปได้, และมวี ธิ กี ารระดมทุนหรอื การแสวงหาแหล่งท่มี า ของงบประมาณเพม่ิ เตมิ ไดเ้ อง เป็นตน้ ๙) นาเสนอได้อย่างสร้างสรรค์ ทงั้ เทคนิควิธีการและกิริยามารยาทท่ีดี ทงั้ น้ี กลุ่มเยาวชน ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน สามารถใชท้ กั ษะวธิ กี ารทางศลิ ปะ ดนตรี กฬี า การแสดง ส่อื เทคโนโลยี ฯลฯ มา บรู ณาการและประยกุ ตใ์ ชร้ ่วมได้ เพอ่ื สรา้ งความน่าสนใจในการสอ่ื สาร-ประชาสมั พนั ธ์ และส่งเสรมิ การ เรยี นรใู้ หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู ขน้ึ รวมทงั้ การแสดงออกท่ดี ี มกี ริ ยิ ามารยาทและบุคลกิ ภาพท่เี หมาะสมกบั กาลเทศะ ทท่ี าใหเ้ กดิ ความน่าเชอ่ื ถอื ทงั้ น้ี การฝึกฝนทกั ษะการนาเสนอ มิใช่การฝึกซอ้ มเพยี งเพอ่ื สรา้ งภาพความสาเรจ็ ของงานให้ ถูกใจกรรมการเทา่ นนั้ แต่เป็นทกั ษะการสื่อสารความดี การบอกเลา่ ความดที ่ีตนเองได้ทาํ จริงไดอ้ ยา่ ง น่าสนใจและสรา้ งความเข้าใจไดช้ ดั เจนในเวลาอนั จากดั ภายใตว้ ธิ กี ารและสถานการณท์ ห่ี ลากหลาย การประเมนิ ร่างโครงงาน จากหลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙ ขอ้ ดงั กลา่ ว สามารถนามาแยกยอ่ ยเป็นเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน รา่ งโครงงาน ตามประเดน็ การพจิ ารณา ๑๒ ขอ้ ไดด้ งั น้ี ท่ี ประเดน็ พจิ ารณาให้คะแนน คะแนน 1 ริเริ่มจากเยาวชนเอง (คดิ เองทาเองมาก) (Constructive) 15 คิดใหม่ ไอเดยี ดี มีแง่มมุ น่าสนใจ (Creative) 2 คุณประโยชน์ด้านศีลธรรมเป็นสาคญั (ใหค้ ะแนนมากเป็นพิเศษแก่ 15 โครงงานที่มงุ่ แกพ้ ฤตกิ รรมเสี่ยงทีผ่ ดิ ศีลธรรม และบ่มเพาะจิตอาสา) 3 วเิ คราะห์ ปัญหา-สาเหตุ ไดส้ มเหตผุ ล และมขี ้อมลู สถติ ิประกอบใหเ้ ห็น 10 ความสาคญั และเกิดความตระหนกั 4 ความเป็ นไปได้ของร่างโครงงานโดยรวม ระบุเป้าหมายเชิงคณุ ภาพและ 10 ปริมาณไดช้ ดั เจนเหมาะสม และมีความเป็นไปได้ 5 มีแผนการทางานชัดเจน มีกิจกรรมท่ีมากพอและสามารถแกป้ ัญหาได้ 10 และมรี ะยะเวลาทางานท่ตี อ่ เน่ืองกนั นานกวา่ ๒ เดอื น 6 ใชห้ ลกั ธรรม/พระราชดาริไดถ้ กู ต้อง-เหมาะสม อธิบายไดด้ ี 10 ๑๔

7 งบประมาณ สมเหตผุ ล – ประโยชนส์ ูงประหยดั สุด พ่งึ ตนเองไดม้ าก 5 8 สร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายไดม้ าก (บวร) 5 9 ศกั ยภาพของผ้ทู าโครงงานทีจ่ ะเป็ นแบบอย่างท่ดี ไี ด้ 5 10 นาเสนอออกมาจากใจ จริงใจ มใิ ช่แค่ทอ่ งจามา 5 11 กิริยามารยาทในการนาเสนอดูดีนา่ ประทบั ใจ 5 12 ความถกู ตอ้ งครบถว้ นของเอกสารและสื่อนาเสนอ 5 100 รวมคะแนนท้งั หมด การประเมนิ โครงงาน จากหลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณา ๙ ขอ้ ดงั กล่าว สามารถนามาแยกยอ่ ยเป็นเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน โครงงาน ตามประเดน็ การพจิ ารณา ๑๔ ขอ้ ไดด้ งั น้ี ที่ ประเด็นพจิ ารณาให้คะแนน คะแนน 1 ริเริ่มจากเยาวชนเอง (คดิ เองทาเองมาก) (Constructive) 10 คดิ ใหม่ ไอเดยี ดี มีแง่มุมน่าสนใจ (Creative) 2 คุณประโยชน์ด้านศีลธรรมเป็นสาคญั (ใหค้ ะแนนมากเป็นพเิ ศษ 10 สาหรับ โครงงานที่มุง่ แกพ้ ฤติกรรมเส่ียง และส่งเสริมจิตอาสา) 3 ขยนั ทางาน มงุ่ มน่ั ทุ่มเทเพยี รพยายามเด่นชดั (นาทาเป็นแบบอยา่ ง) 10 4 เกิดผลสาเร็จ แกไ้ ขปัญหาได้ พฒั นาคณุ ธรรมกลุ่มเป้าหมายได้ 10 5 ผู้ทาเองเกดิ การเรียนรู้ พฒั นาตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีมากข้ึน 10 6 เก็บขอ้ มลู วเิ คราะหป์ ระมวลผลเป็นสถติ ิไดด้ ี 10 7 ใชห้ ลกั ธรรม/พระราชดาริไดถ้ ูกต้อง-เหมาะสม 5 8 ปัญหา-สาเหตุ-เป้าหมาย-ทางแกส้ อดคล้องกนั และสมเหตผุ ล 5 9 งบประมาณ พ่งึ ตนเองไดม้ าก - ประโยชนส์ ูงประหยดั สุด 5 10 สร้างการมีส่วนร่วมของทกุ ฝ่ ายไดม้ าก (บวร) 5 11 โครงงานมกี ารสานต่อไปไดอ้ กี นาน (เช่น มีรุ่นนอ้ งสืบต่อ) 5 12 นาเสนอออกมาจากใจ จริงใจ มิใช่แค่ท่องจามา 5 13 กิริยามารยาทในการนาเสนอดูดีน่าประทบั ใจ 5 14 ความถกู ตอ้ งครบถว้ นของเอกสารและส่ือนาเสนอ 5 รวมคะแนนท้งั หมด 100 ๑๕

ภาคผนวก ก. โครงการพฒั นาโครงงานคณุ ธรรม เฉลิมพระเกียรติ พุทธชยนั ตีเฉลิมราช  นวตั กรรมการเรียนร้โู ครงงานคณุ ธรรม ๕ ประเภท ๑ ศนู ย์ ก. โครงงานคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ ข. โครงงานสื่อคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ ค. โครงงานวิทย-์ คณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ ง. โครงงานธรุ กิจคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ จ. โครงงานการเมอื งคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ ฉ. ศนู ยก์ ารเรียนรโู้ ครงงานคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ (โรงเรยี นส่งเสรมิ คณุ ธรรม) ส่วนกลาง มกี ารจดั ประกวด/สรรหานวตั กรรมโครงงานคณุ ธรรม ๕ ประเภท เฉพาะ ระดบั มธั ยมศึกษา เป็นภารกจิ หลกั โดยปฏทิ นิ การทางานของส่วนกลาง จะต่อยอดจากการประกวดในระดบั เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา เป็นการประกวดในระดบั ภมู ภิ าคและระดบั ประเทศ เหมอื นปีกอ่ นๆ ทผ่ี า่ นมา - โครงงานสื่อคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ มิใชแ่ ค่ผลติ ส่อื แต่มที ม่ี าของความคดิ วา่ “ทาไม? ถงึ ผลติ ส่อื คณุ ธรรมน้”ี มแี ผนงานการผลติ สอ่ื มี กระบวนการนาไปใช้ มกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลวา่ สอ่ื ทผ่ี ลติ ขน้ึ น้ี ทาใหเ้ กดิ ผลดอี ยา่ งไรต่อผรู้ บั สอ่ื สอ่ื ท่ี ผลติ ขน้ึ สามารถช่วยแกป้ ัญหาทต่ี งั้ ไวไ้ ดจ้ รงิ หรอื ไม?่ จงึ จะมคี วามเป็นโครงงาน - โครงงานวิทย-์ คณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ เป็นโครงงานวทิ ยาศาสตรท์ ม่ี ิใช่แค่ทดลองเสรจ็ ประกวดจบแลว้ เลกิ ทา ไม่จาเป็นตอ้ งคดิ คน้ ใหมก่ ไ็ ด้ แต่เน้นการนาไปใชจ้ รงิ เพ่อื พฒั นา/แกไ้ ขปัญหาจรงิ ๆ ในลกั ษณะงานจติ อาสา-บาเพญ็ ประโยชน์ต่อ ส่วนรวม ในโรงเรยี นหรอื ชมุ ชน โดยสรา้ งจติ สานึกความเสยี สละต่อส่วนร่วมใหแ้ ก่เยาวชนไดด้ ี (บาง โครงงานสามารถตอ่ ยอดเป็นโครงงานธรุ กจิ คณุ ธรรม หาทุนมาสนบั สนุนกจิ กรรมการกศุ ลไดด้ ว้ ย) - โครงงานธรุ กิจคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ (ธรุ กิจ 2 ช พอเพียง) (โครงงานธรุ กิจเพ่อื พฒั นาชีวิตและชุมชนตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เฉลมิ พระเกยี รต)ิ ธรุ กจิ ทไ่ี ม่ไดเ้ น้นผลกาไรสงู สดุ เน้น “ประโยชน์สขุ ” สงู สดุ ธุรกจิ ทม่ี คี วามเป็นโครงงาน สอดคลอ้ ง กบั หลกั การเรยี นรู้ “รว่ มกนั ทาดี อยา่ งมปี ัญญา” และปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ไม่ใช่ธุรกจิ บาป ไม่ยงุ่ เกย่ี วกบั อบายมขุ ไม่เป็นธุรกจิ ทข่ี ดั กบั หลกั ศลี ธรรม เป็นธุรกจิ ทม่ี แี นวคดิ ดๆี ใหมๆ่ ทช่ี ่วยแกป้ ัญหาจรงิ ในโรงเรยี นชุมชน ทาใหค้ ณุ ภาพชวี ติ ดขี น้ึ เน้นการ ใชท้ รพั ยากรในทอ้ งถน่ิ อยา่ งประหยดั คมุ้ คา่ สงู สุด มผี ลกาไรทอ่ี ย่างน้อย 10% นาเขา้ กองทุนโครงงาน คณุ ธรรม (กองทนุ ทาด)ี ของโรงเรยี น ทเ่ี หลอื เป็นทนุ หมนุ เวยี นของธุรกจิ เพ่อื ปรบั ปรุงหรอื ขยาย กจิ การ และจดั สรรเป็นเงนิ ออมหรอื ทนุ การศกึ ษาของคนทางาน ๑๖

- โครงงานการเมืองคณุ ธรรม เฉลมิ พระเกยี รติ โครงงานเชงิ ยทุ ธศาสตรท์ เ่ี ปิดโอกาสใหเ้ ยาวชนทม่ี ศี กั ยภาพเป็นผ้นู ําตวั จริง คิดการใหญ่ (Think Big) ไดด้ ี มีคณุ ธรรมเป็นแบบอย่าง มารว่ มกนั คดิ ออกแบบองคก์ ร โครงสรา้ ง การเมอื งภาค เยาวชน ดว้ ยตนเองอยา่ งสรา้ งสรรคไ์ มจ่ ากดั รปู แบบ เพอ่ื เป็นเจา้ ภาพหลกั ในการขบั เคล่อื น-เกาะตดิ การทาความดขี องเยาวชน การแกป้ ัญหาของเยาวชนดว้ ยเยาวชนเอง ทงั้ น้ี เยาวชนทเ่ี ขา้ มาสู่ ตาแหน่งบรหิ ารองคก์ รการเมอื งน้ี ตอ้ งเป็นแบบอยา่ งและถูกฝึกฝนอบรมใหม้ คี ุณลกั ษณะ ๓ ดา้ น ดว้ ยกนั คอื ๑) รกั ชาติรกั ส่วนรวม ดว้ ยงานอาสาสมคั ร ๒) เป็นคนดีมศี ีลธรรม ดว้ ยการปฏบิ ตั ิ ทางศาสนา ๓) มีความรคู้ วามสามารถ ดว้ ยการศกึ ษาทงั้ ทางโลกและทางธรรม โดยทงั้ ๓ ดา้ นน้ี ตอ้ งกาหนดใหเ้ ป็นขอ้ ปฏบิ ตั เิ ป็นวถิ ชี วี ติ ในแตล่ ะวนั /สปั ดาห/์ เดอื น ทว่ี ดั ประเมนิ ได้ นบั เวลาปฏบิ ตั ไิ ด้ โครงงานการเมอื งคณุ ธรรมน้ี มกั จะพฒั นามาจากการยกระดบั โครงงานคณุ ธรรมขนาดใหญ่ท่ี มคี ุณภาพโดดเด่น มาเป็นองคก์ รขบั เคล่อื นใหเ้ กดิ โครงงานคุณธรรมทกุ ประเภททงั้ ระบบโรงเรยี น หรอื การยกเครอ่ื งคณะกรรมการนกั เรยี นใหถ้ กู ออกแบบใหม่ (re-engineering) ใหเ้ ป็นองคก์ รทเ่ี ยาวชน รสู้ กึ เป็นเจา้ ของเอง แลว้ บรหิ ารปกครองในดา้ นการสง่ เสรมิ การทาความดขี องเยาวชน การแกป้ ัญหา ของเยาวชนดว้ ยกนั เอง อยา่ งเกาะตดิ และเขม้ แขง็ ทงั้ ภายในโรงเรยี นและลงสู่ชุมชน - ศนู ยก์ ารเรียนร้โู ครงงานคณุ ธรรม เฉลิมพระเกียรติ โรงเรยี นทส่ี ง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรยี นรผู้ า่ นโครงงานคุณธรรมทงั้ ๕ ประเภท อยา่ งกวา้ งขวางใน ทกุ ช่วงชนั้ ทงั้ ระบบโรงเรยี น มใิ ชม่ แี ค่ไม่กโ่ี ครงงานเพอ่ื ส่งประกวดเท่านนั้ จะเป็นโครงงานขนาด เลก็ หรอื ใหญ่กไ็ ดแ้ ต่ตอ้ งมจี านวนโครงงาน ไมน่ ้อยกวา่ เกณฑข์ นั้ ตน้ ทก่ี าหนด ตามสตู ร P  N โดย P = จานวนโครงงาน N =จานวนนกั เรยี นทงั้ หมด 100 ทงั้ น้ี มใิ ชส่ กั แตว่ า่ มโี ครงงานเยอะ แลว้ จดั เป็นงานนทิ รรศการ/เทศกาลครงั้ เดยี วจบ หรอื สรา้ ง เอกสารหลอกๆ ขน้ึ มาแตม่ ไิ ดด้ าเนินการจรงิ จงั โครงงานทงั้ หมด แมจ้ ะเป็นโครงงานเลก็ กต็ าม ตอ้ งเป็นโครงงานทด่ี าเนินงานจรงิ ๆอยา่ งตอ่ เน่ือง ในชว่ งระยะเวลาอยา่ งน้อย ๑ – ๒ เดอื น ทาให้ เกดิ ผลสมั ฤทธลิ ์ งสผู่ เู้ รยี นไดจ้ รงิ โครงงานบรรลเุ ป้าหมายได้ อน่ึง โรงเรยี นควรพฒั นารปู แบบ รายงานโครงงานคุณธรรม เป็นฉบบั ง่าย ๓ – ๕ หน้ากระดาษ กไ็ ด้ ไม่ตอ้ งทาเป็นรปู เลม่ สมบรู ณ์ การประเมิน ใหก้ รอกแบบประเมนิ แสดงจานวนโครงงานและระดบั ความกา้ วหน้าของ โครงงานทงั้ หมดของโรงเรยี น พรอ้ มแนบสรปุ ยอ่ โครงงานใน ๑ หน้ากระดาษ และสรุปรปู ภาพใน ๑ หน้ากระดาษมาประกอบดว้ ย สว่ นรปู เลม่ โครงงานฉบบั สมบรู ณ์ ใหเ้ ลอื กสง่ เฉพาะโครงงานคณุ ธรรม ทม่ี คี ณุ ภาพโดดเด่นสงู สุด ๓ อนั ดบั แรก ของโรงเรยี น มาเป็นตวั อยา่ งสาหรบั การพจิ ารณาในชนั้ ตน้ ของการประกวดคดั เลอื ก เพ่อื เขา้ สกู่ ารประกวดในระดบั ประเทศ ตอ่ ไป ๑๗

ภาพรวมการประกวดโครงงานคณุ ธรรมระดบั ภมู ิภาค และระดบั ประเทศ - การคดั เลือกในระดบั โรงเรยี นและระดบั เขตพืน้ ที่ เป็นกระบวนการทข่ี น้ึ อยกู่ บั โรงเรยี นและ สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษานนั้ ๆ กคพ.จะเป็นเพยี งผปู้ ระสานผ่านทาง สพฐ. เพ่อื ใหต้ วั แทนโครงงาน จาก สพป. สพม. เขตพน้ื ทล่ี ะ ๑ โครงงานไดม้ าเขา้ รว่ มค่ายระดบั ภมู ภิ าค ๘ คา่ ย ๘ ภมู ภิ าค - การรบั สมคั รในระดบั ภมู ิภาค มี ๒ ชอ่ งทาง (๑) โครงงานทผ่ี า่ นการคดั เลอื กของ สพม.และ สพป. แลว้ เสนอชอ่ื ไปท่ี สพฐ. หรอื (๒) กรณีหากเกดิ ปัญหาในกระบวนการคดั เลอื กในระดบั เขตพน้ื ท่ี โครงงานทม่ี นั ่ ใจวา่ ไดด้ าเนนิ การอยา่ งจรงิ จงั จนเกดิ ผลสาเรจ็ แทจ้ รงิ แต่ไม่ไดร้ บั คดั เลอื กสามารถสง่ ขอ้ มลู โครงงานเพอ่ื สมคั รเขา้ รบั การคดั เลอื กโดยตรงมาท่ี กคพ. ภายในวนั ท่ี ๓๐ กนั ยายน ผา่ นทาง อเี มล์ [email protected] และ www.facebook.com/moralprojectpage - การคดั เลือกในระดบั ภมู ิภาค จะอยใู่ นรปู แบบการจดั ค่ายพฒั นาโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระ เกียติ ๘ ค่าย ๘ ภมู ิภาค ตามตารางดา้ นล่างน้ี โดยเป็นการบรู ณาการหลอมรวมรปู แบบคา่ ย นิทรรศการโครงงาน การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และการประกวดคดั เลอื กโครงงานเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ในคา่ ย เดยี ว โดยจะจดั ขน้ึ ในช่วงเดอื นตุลาคมและพฤศจกิ ายน - การเยี่ยมประเมินโครงงานในพื้นท่ีจริง จะอยใู่ นช่วงเดอื น ธนั วาคม– มกราคม - การประกวดระดบั ประเทศ จะอยใู่ นชว่ งเดอื นมกราคม–มนี าคม ตารางแสดงการแบง่ กลมุ่ พนื้ ที่ ค่ายพฒั นาโครงงานคณุ ธรรมระดบั ภมู ิภาค ๘ ค่าย ๘ ภมู ิภาค กลมุ่ ท่ี ภมู ิภาค (เลข สพม.) จงั หวดั (จานวน สพป.) จน.จว. สพป. สพม. 1 เหนือตอนบน 34เชยี งใหม(่ ๖)-แมฮ่ อ่ งสอน(๒), 35ลาปาง(๓)-ลาพูน(๒), 8 23 4 36เชยี งราย(๔)-พะเยา(๒), 37แพร(่ ๒)-น่าน(๒), 2 เหนือตอนล่าง 38สโุ ขทยั (๒)-ตาก(๒), 39พษิ ณุโลก(๓)-อตุ รดติ ถ์(๒), 40เพชรบรู ณ์ 10 21 5 (๓), 41กาแพงเพชร(๒)-พจิ ติ ร(๒), 42นครสวรรค์(๓)-อทุ ยั ธานี(๒) 3 อสี านบน 19เลย(๓)-หนองบวั ลาภ(ู ๒), 20อุดรธานี(๔), 21หนองคาย(๓), 8 23 6 22นครพนม(๒)-มกุ ดาหาร(๑), 23สกลนคร(๓), 25ขอนแกน่ (๕) 4 อสี านล่าง 24กาฬสนิ ธ์ุ(๓), 26มหาสารคาม(๓), 27รอ้ ยเอด็ (๓), 28ศรสี ะเกษ 8 24 6 (๔)-ยโสธร(๒), 29อบุ ลราชธานี(๕)-อานาจเจรญิ (๑), 33สรุ นิ ทร(์ ๓) 5 ประตอู สี าน 4สระบรุ (ี ๒)-ปทมุ ธานี(๒), 7ปราจนี บรุ (ี ๒)-นครนายก-สระแกว้ (๒), 8 23 5 30ชยั ภมู (ิ ๓), 31นครราชสมี า(๗), 32บรุ รี มั ย์(๔) 6 กลาง- 1,2กรงุ เทพฯ(๓), 3นนทบรุ (ี ๒)-อยุธยา(๒), 5สงิ หบ์ รุ -ี ลพบรุ (ี ๒)- 12 23 7 ตะวนั ออก ชยั นาท-อ่างทอง, 6ฉะเชงิ เทรา(๒)-สมทุ รปราการ(๒), 17จนั ทบรุ (ี ๒)-ตราด(๑), 18ชลบรุ (ี ๓)-ระยอง(๒) 7 ตะวนั ตก- 8ราชบรุ (ี ๒)-กาญจนบรุ (ี ๔), 9สพุ รรณบรุ (ี ๓)-นครปฐม(๒), 11 22 4 ใต้ตอนบน 10เพชรบรุ (ี ๒)-ประจวบครี ขี นั ธ์(๒)- สมทุ รสงคราม-สมทุ รสาคร, 11สรุ าษฎรธ์ านี(๓)-ชมุ พร(๒) 8 ใต้ตอนลา่ ง 12นครศรธี รรมราช(๔)-พทั ลงุ (๒), 13ตรงั (๒)-กระบ,่ี 14พงั งา-ภเู กต็ - 11 25 5 ระนอง, 15ปัตตานี(๓)-ยะลา(๓)-นราธวิ าส(๓), 16สงขลา(๓)-สตูล รวมจานวน 76 185 42 ๑๘

ใบสมคั ร เขา้ รว่ มคา่ ยระดบั ภมู ภิ าค ปีการศกึ ษา ๒๕๕๖ โครงงานคุณธรรมเฉลมิ พระเกยี รติ พทุ ธชยนั ตเี ฉลมิ ราช www.moralproject.net “ลดเลกิ พฤตกิ รรมเสย่ี ง สรา้ งครอบครวั อบอนุ่ หนุนชมุ ชนเขม้ แขง็ ” ๑. ชอ่ื โครงงาน โรงเรยี น ชอ่ื กลมุ่ ทต่ี งั้ สงั กดั สพป./สพม. e-mail: โทรศพั ท์ โทรสาร ตาแหน่ง ๒. ผบู้ รหิ ารทปี่ รกึ ษา ชอ่ื -นามสกลุ e-mail: ตาแหน่ง โทรศพั ท์ มอื ถอื e-mail: มอื ถอื ครทู ป่ี รกึ ษา ชอ่ื -นามสกลุ มอื ถอื วดั e-mail: โทรศพั ท์ พระสงฆท์ ปี่ รกึ ษา ชอ่ื -ฉายา โทรศพั ท์ ๓. เยาวชนผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน (มจี านวน ๘-๑๐ คน) (๑) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง ประธาน โทรศพั ท์ facebook.com/ e-mail: (๒) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง รองประธาน โทรศพั ท์ facebook.com/ e-mail: (๓) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง เลขานุการ โทรศพั ท์ facebook.com/ e-mail: (๔) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง (๕) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง (๖) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง (๗) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง (๘) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง (๙) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง (๑๐) ด.ช./ด.ญ./นาย/นางสาว ม. ตาแหน่ง โปรดกาเครอื่ งหมาย * หน้ารายชอื่ เยาวชนทเี่ ป็นตวั แทนมาเขา้ รว่ มคา่ ยระดบั ภมู ภิ าค จานวน ๓ คน ขา้ พเจา้ ในนามของผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน ขอสมคั รเขา้ รว่ มค่ายพฒั นาโครงงานคุณธรรมระดบั ภมู ภิ าค ลายมอื ชอ่ื เยาวชนผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน ลายมอื ชอ่ื ผรู้ บั รอง (…………………………..……...…) (…………………………..………...) ประธานโครงงาน ครทู ป่ี รกึ ษา ………/………………/..……… ………/………………/..……… หมายเหตุ สง่ ใบสมคั รน้ี สรปุ ยอ่ โครงงาน ใน ๑ หนา้ กระดาษ และสรปุ รปู ภาพโครงงาน ใน ๑ หน้ากระดาษ มาทอี่ เี มล์ [email protected] ภายในวนั ที่ 30 กนั ยายน 2554 (สอบถามเพมิ่ เตมิ ไดท้ ี่ นายชนวทิ 085 152 5564)

ภาคผนวก ข. ๑. รายงานโครงงาน จดั พมิ พใ์ หม้ จี านวนหนา้ ๒๐–๕๐ หนา้ กระดาษขนาด A4 ไมร่ วมปก โดยแสดง เน้ือหา บทและหวั ขอ้ ต่างๆ ตามทกี่ าหนด ดงั น้ี (ดตู วั อย่างโครงงานระดบั ประเทศ ที่ www.moralproject.net) (๑) ปกหน้า (๑.๑) ปกนอก (แสดงชอ่ื โครงงานเป็นภาษาไทยและภาษาองั กฤษ, ชอ่ื กลมุ่ เยาวชนผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน, ชอ่ื สถานศกึ ษา, ชอ่ื สงั กดั โดยระบสุ พท., และพมิ พร์ ะบวุ า่ รายงานน้เี ป็นสว่ นหนึ่งของโครงการประกวดโครงงาน คณุ ธรรมเฉลมิ พระเกยี รติ ประจาปีการศกึ ษา...... ระดบั มธั ยมศกึ ษา ทจ่ี ดั โดย กลมุ่ กลั ยาณมติ รเพอ่ื การ เสรมิ สรา้ งเครอื ขา่ ยวถิ พี ุทธ (กคพ.) ) (๑.๒) ปกใน (แสดงชอ่ื โครงงานเป็นภาษาไทยและภาษาองั กฤษ, รายชอ่ื สมาชกิ กลมุ่ เยาวชนผรู้ บั ผดิ ชอบ โครงงานโดยระบุ ชอ่ื -นามสกลุ ตาแหน่ง ชนั้ เรยี น, ชอ่ื -ฉายา-นามสกลุ พระสงฆท์ ่ปี รกึ ษาโดยระบวุ ดั และทต่ี งั้ ของวดั หมายเลขโทรศพั ท์/E-mail, ชอ่ื ผบู้ รหิ ารและครทู ปี่ รกึ ษาโดยระบุ ตาแหน่ง หมายเลขโทรศพั ท์/E-mail, ชอ่ื สถานศกึ ษา ทตี่ งั้ หมายเลขโทรศพั ท์/โทรสาร/E-mail/เวบไซต์(ถา้ ม)ี ) (๒) กิตติกรรมประกาศ (แสดงการขอบคณุ บคุ คล คณะ องคก์ รต่างๆ ทสี่ นบั สนุนการทาโครงงาน เป็นตน้ ) (๓) บทคดั ยอ่ (สรปุ ย่อเน้อื หาและประเดน็ สาคญั ของโครงงานเป็นความเรยี งใน ๑ หน้ากระดาษ) (๔) ผงั มโนทศั น์ (สรปุ ภาพรวมของโครงงานทงั้ หมดเป็นผงั มโนทศั น์ ใน ๑ หนา้ กระดาษ) (๕) บทที่ ๑ บทนา ๑.๑ ทม่ี าและความสาคญั (อธบิ ายความเป็นมา แรงบนั ดาลใจ หรอื เหตุผล ทท่ี าใหค้ ดิ ทาโครงงานขน้ึ ) ๑.๒ วตั ถปุ ระสงค์ (แสดงจดุ มงุ่ หมายของการทาโครงงาน เป็นรายขอ้ ไมค่ วรเกนิ ๕ ขอ้ ) ๑.๓ ขอบเขตการศกึ ษาเรยี นรู้ (ระบุ กลุ่มเป้าหมาย กาหนดระยะเวลาและสถานท่ี ในการดาเนินการโครงงาน) (๖) บทท่ี ๒ การดาเนนิ การโครงงาน ๒.๑ วธิ กี ารดาเนนิ งาน (อธบิ ายวธิ กี ารดาเนินงาน, แสดงแผนผงั ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน ,แสดงปฏทิ นิ หรอื กาหนดการดาเนินงาน และ/หรอื มรี ปู ภาพประกอบ) ๒.๒ งบประมาณ (แสดงรายการคา่ ใชจ้ ่ายโดยแยกเป็นรายหมวดและยอดรวม) ๒.๓ แหลง่ ทมี่ าของงบประมาณ (กรณที ม่ี กี ารระดมทนุ หรอื หางบประมาณเพม่ิ เตมิ ขน้ึ เอง ใหอ้ ธบิ ายถงึ วธิ กี าร ระดมทนุ หรอื การเขา้ ถงึ แหลง่ งบประมาณนนั้ โดยยอ่ ดว้ ย) ๒.๔ อุปสรรคความผดิ พลาดและการแกป้ ัญหา (อธบิ ายถงึ อปุ สรรคปัญหาหรอื ขอ้ ขดั ขอ้ งตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในการ ดาเนนิ การโครงงาน และการแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ แลว้ สรปุ เป็นบทเรยี นทไ่ี ดจ้ ากการเผชญิ ปัญหานนั้ ๆ) (๗) บทที่ ๓ ผลการดาเนนิ งาน (แสดงผลการดาเนินงานโดยการอธบิ ายพรอ้ ม รปู ภาพ และ/หรอื มสี ถติ ิ ตาราง หรอื แผนภมู ิ ประกอบ) (๘) บทท่ี ๔ การศกึ ษาวเิ คราะห์ ๔.๑ ปัญหาและสาเหตุ (ประมวลขอ้ มลู สภาพปัญหา แลว้ วเิ คราะห์สบื สาวหาสาเหตุของปัญหา) ๔.๒ เป้าหมายและทางแก้ (วเิ คราะห์เชอ่ื มโยงเป้าหมายของโครงงานกบั วธิ กี ารดาเนนิ งาน วา่ เป็นหนทาง ไปสเู่ ป้าหมายทว่ี างไวอ้ ย่างไร อยา่ งเป็นเหตุเป็นผล) ๔.๓ หลกั การและหลกั ธรรมทนี่ ามาใช้ (แสดงหลกั ธรรมและแนวพระราชดาริ หรอื หลกั วชิ าการตา่ งๆ ทนี่ ามาใช้ พรอ้ มอธบิ ายความหมายโดยยอ่ แลว้ อธบิ ายเชอ่ื มโยงกบั โครงงาน อย่างสอดคลอ้ งเป็นเหตเุ ป็นผล) ๔.๔ ประเมนิ ผลการดาเนินงาน (แสดงหรอื อธบิ ายเหตุผลวา่ ผลการดาเนนิ งานเป็นไปตามวตั ถุประสงคแ์ ละ เป้าหมายของโครงงานหรอื ไม่ เพยี งใด เพราะเหตใุ ด และ/หรอื แสดงสถติ ปิ ระกอบ(ถา้ ม)ี ) ๔.๕ การประเมนิ ตนเอง (สมาชกิ กลุ่มเยาวชนผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงานทุกคน แสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ กึ ตอ่ การพฒั นาตนเอง หรอื ความประทบั ใจต่อสงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรรู้ ะหว่างการดาเนินการโครงงาน) ๒๐

๔.๖ การประเมนิ และวจิ ารณ์โดยผอู้ น่ื (แสดงความคดิ เหน็ เชงิ วเิ คราะห์ คาวจิ ารณ์ และขอ้ เสนอแนะ ของ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา อาจารย์และพระสงฆท์ ป่ี รกึ ษาโครงงาน ๓ ทา่ น และ/หรอื บคุ คลอ่นื ทเี่ กย่ี วขอ้ งอกี ไมเ่ กนิ ๕ คน เชน่ ผปู้ กครอง, เพอ่ื นนกั เรยี นคนอ่นื ทไ่ี มไ่ ดเ้ ป็นสมาชกิ กลมุ่ , คนในชมุ ชน) (๙) บทท่ี ๕ บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ ๕.๑ สรปุ ผลการดาเนินการโครงงาน (อธบิ ายสรปุ ภาพรวมของโครงงานทงั้ หมดเชอ่ื มโยงสกู่ ระบวนการ เรยี นรแู้ ละพฒั นาคณุ ธรรมตามวตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายของโครงงานคณุ ธรรม) ๕.๒ แผนการดาเนินงานในอนาคตและขอ้ เสนอแนะ (แผนการดาเนินงานในภาคการศกึ ษาต่อไป) (๑๐) เอกสารอา้ งอิง (ถา้ ม)ี (๑๑) ภาคผนวก (ถา้ ม)ี ๒. สรปุ ยอ่ โครงงาน ใน ๑ หนา้ กระดาษ และสรปุ รปู ภาพโครงงาน ใน ๑ หน้ากระดาษ สรปุ ย่อโครงงานทงั้ หมดและรปู ภาพประกอบลงใน ๒ หนา้ กระดาษขนาด A4 ตามตวั อย่างในหน้าท่ี ๒๒ ๓. แผน่ พบั (Brochure) สรปุ โครงงาน สรปุ โครงงานทงั้ หมดลงใน ๑ แผน่ กระดาษขนาด A4 ทพ่ี บั ๓ สว่ น ทพ่ี มิ พท์ งั้ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั โดยออกแบบและพจิ ารณาเลอื กเน้ือหา รปู ภาพ ตารางหรอื แผนภมู ปิ ระกอบ ใหส้ วยงามสาหรบั เผยแพร่ ๔. สื่อ Presentation ทางคอมพวิ เตอรห์ รอื VCD นําเสนอโครงงาน เลา่ เรอ่ื งแสดงภาพรวมและเจาะประเดน็ สาคญั ของโครงงานลงในสอ่ื Presentation ทางคอมพวิ เตอร์ใน ระยะเวลาไม่เกิน ๗ นาที โดยสามารถจดั ทาเป็นภาพเคล่อื นไหววดี ทิ ศั น์ (VCD) หรอื เป็นแผนภาพ การนาเสนอ ดว้ ยโปรแกรมจาพวก presentation เชน่ Powerpoint กไ็ ด้ ๕. แผน่ ป้าย (Board) นิทรรศการโครงงาน แสดงภาพรวมและสรปุ สาระสาคญั ของโครงงานทงั้ หมด ไดแ้ ก่ ชอ่ื โครงงาน สถานศกึ ษา รายชอ่ื ที่ ปรกึ ษาและกล่มุ เยาวชนผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงาน บทคดั ยอ่ ผงั มโนทศั น์ วธิ กี ารดาเนนิ งาน ผลการ ดาเนินงาน ขอ้ มลู สถติ ิ การประเมนิ ผลสรปุ ผล เป็นตน้ โดยมงุ่ เนน้ การจดั แสดงเป็น แผนผงั แผนภมู ิ รปู ภาพ ตาราง สญั ลกั ษณ์ ฯลฯ ทท่ี าใหผ้ ชู้ มเขา้ ใจไดโ้ ดยไว โดยใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละเทคนคิ ทาง ศลิ ปะมาช่วยนาเสนอใหเ้ กดิ การสอ่ื ความไดง้ า่ ย ชดั เจน และน่าสนใจ โดยมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี ๖๐ ซม. ๑๒๐ ซม. ๖๐ ซม. ช่ือโครงงานคณุ ธรรม รอยทพ่ี บั หกั กลาง ไปดา้ นหลงั ได้ ปกหน้าโครงงาน ๖๕ ซม. วสั ดทุ ่ีแนะนํา: ใชพ้ ลาสตกิ ลูกฟูกหนา ๓หรอื ๕ มม. ปกหลงั โครงงาน ถา้ ทาไดถ้ กู ตอ้ งตามทกี่ าหนดจะสามารถพบั แผน่ ป้าย สลบั กนั ไดเ้ ป็น ๔ ทบ มลี กั ษณะเป็น Big Book ๖๕ ขนาดประมาณ ๖๐ x ๖๕ เซนตเิ มตร ดงั รปู ซม. ๖๐ ซม. ๒๑

(ตวั อยา่ ง สรุปยอ่ โครงงานใน ๑ หนา้ กระดาษ) โครงงานคุณธรรมเฉลมิ พระเกยี รติ ประจาปี การศึกษา ๒๕๕๔ ระดับมธั ยมศึกษา โครงงาน “ ลด ละ เลกิ บุหร่ี – เมรัย สานสายใย เทดิ ไท้องค์ราชันย์ ” (Stop Drinking and Smoking, Make Homesweet and Unanimity to Pay His Majesty’ s Loyalty) โดยเยาวชนกลุม่ “ดวงตาเห็นธรรม” โรงเรียนเวียงมอกวิทยา ตาบลเวยี งมอก อาเภอเถนิ จงั หวดั ลาปาง สพท. ลาปาง เขต ๒ หลักธรรมสาคญั : ศลี ๕ , อบายมขุ ๖ , ไตรสิกขา พระราชดาริ / พระราชดารัส : บวร ( บา้ น วดั โรงเรียน ) และ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ( การสร้างภมู ิคมุ้ กนั ) ประเด็นปัญหาหลกั : นกั เรียนดม่ื เหลา้ -สูบบุหรี่ อนั เน่ืองจากนกั เรียนคบเพ่อื นกลมุ่ เส่ียง หลงผิด และมีพฤตกิ รรมลอกเลยี นแบบ ผูป้ กครองไม่มีเวลาดูแลลูก ตามใจลูกและเป็ นแบบอยา่ งท่ีไม่ดี สภาพชุมชนดื่ม-สูบไม่เลือกท่ี ไม่ตระหนักถึงปัญหาและ ผลกระทบและไมม่ ภี มู ิคุม้ กนั อีกท้งั ชมุ ชนมเี ป็นพ้นื ที่เส่ียง ( มรี ้านคา้ ขายเหลา้ -บหุ ร่ี จานวน ๗ ร้าน) และนกั เรียนห่างเหินธรรมะ ทใ่ี ชใ้ นการขดั เกลาจิตใจ กลุ่มเป้าหมาย : นกั เรียนโรงเรียนเวียงมอกวทิ ยาและนกั เรียนท่มี ีพฤติกรรมเสี่ยง (จานวน ๒๒ คน) กิจกรรมเด่น : คณะกรรมการโครงงานฯได้สานต่อกิจกรรมในภาคเรียนท่ี ๑ ประกอบด้วย กิจกรรม “แกนนาผูก้ ่อการดี กลั ยาณมติ ร ( D+ )” กจิ กรรม “กระบอกเสียงแห่งธรรม” กจิ กรรม “บริสุทธ์ิใจ คน้ ไดท้ ว่ั ตวั ” กิจกรรม “รู้แจง้ เห็นกรรม” (อบรมธรรมะ-วปิ ัสสนา) และจัดกจิ กรรมเพ่ิมเติมภาคเรียนที่ ๒ ประกอบดว้ ย ( ๑) กิจกรรม “ สายลบั สีขาว ” (๒) กิจกรรม “ ปลกู จิตสานึกลด ละ เลิก เหลา้ – บุหรี่” ( ๓) กิจกรรม “ นาสื่อความดี สู่ชุมชน” และ ( ๔) กิจกรรม “ สานสายใยครู สู่ร้ัวบา้ น” กจิ กรรมเหล่าน้ีเป็นกจิ กรรมทมี่ งุ่ การติดตามพฤติกรรม แกไ้ ขปัญหา และปลูกจิตสานึกการลด ละ เลิก บุหร่ี-เหลา้ ของนกั เรียนและนกั เรียนกลุ่มเส่ียงอย่างเป็ นปัจจุบนั และใกลช้ ิดจากสายลบั สีขาวและแกนนาผูก้ ่อการดี กลั ยาณมิตร อีกท้งั ไดโ้ ดยอาศยั การมีส่วนร่วมจากครูประจาช้นั ผูป้ กครอง และทกุ ฝ่ ายในชุมชน ผลที่เกิดข้นึ : นกั เรียนมคี า่ นิยมในการลด ละ เลิก บหุ รี่-เมรัยจากการจดั กจิ กรรมอยา่ งหลากหลาย ตามแนวพระราชดาริบวร และหลกั พทุ ธวถิ ี และสรุปผลสัมฤทธ์ิในภาคเรียนที่ ๒ พบวา่ นกั เรียนกลุ่มเส่ียง ๒๒ คน มีพฤตกิ รรมปลอดจากเหลา้ -บุหรี่ รวม ๑๘ คน ร้อยละ๘๑.๘๑ ( เพม่ิ จากภาคเรียนท่ี ๑ ร้อยละ ๙.๐๘) และมีพฤติกรมไมป่ ลอดจากเหลา้ -บุหรี่ รวม ๔ คน ร้อยละ ๑๘.๑๙ ( ภาคเรียนท่ี ๑ จานวน ๓ คน ร้อยละ ๒๗.๒๗ คา่ เฉลย่ี ลดลงจากเดมิ ร้อยละ ๙.๐๘ ) กล่มุ เยาวชนผู้รับผิดชอบโครงงาน : พระสงฆ์ท่ปี รึกษา : พระครูวริ ุฬหพ์ พิ ฒั นกิจ เจา้ อาวาสวดั หว้ ยริน ๑. นายธีรพล ชายเมือง ม.๖ ประธาน ผ้บู ริหารทป่ี รึกษา : นายมานพ แสนทวี ผอู้ านวยการโรงเรียน ๒.นายสุทธิพงษ์ ตบิ๊ จ่อ ม.๖ รองประธาน ครูที่ปรึกษา : นายศานติกรศ์ิ วงคเ์ ขียว ๓.นางสาวขวญั ฤดี ชุม่ ชมุ ภู ม.๖ รองประธาน ๔.นางสาวเบญจมาศ สมมะโน ม.๖ เลขานุการ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษไทย ๕.นางสาวบษุ ยารัตน์ สิงหค์ าโล ม.๖ เหรัญญกิ ๖.นางสาววิลาวรรณ ศรีงาม ม.๖ ประชาสมั พนั ธ์ จานวนครู ๒๔ คน จานวนนกั เรียน ๔๗๙ คน แยกเป็น ช่วง ๗.นางสาวนุภา ลาวเชียง ม.๖ สวสั ดกิ าร ช้นั ท่ี ๓ รวม ๓๕๓ คน ช่วงช้นั ที่ ๔ รวม ๑๒๔ คน ๘.นางสาวอรพรรณ สีเมือง ม.๖ สวสั ดกิ าร ตดิ ต่อ ครูศานตกิ รศ์ิ โทร. ๐๘๑ ๒๘๘ ๗๒๘๓ fb โครงงาน: facebook.com/moralprojectpage007 สนบั สนุนโดย - กลุ่มกลั ยาณมติ รเพ่ือการเสริมสร้างเครือข่ายวถิ พี ุทธ (กคพ.) - ศูนย์ส่งเสริมและพฒั นาพลงั แผ่นดนิ เชิงคุณธรรม (ศนู ยค์ ณุ ธรรม) - สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน (สพฐ.) (โครงการโรงเรียนวถิ พี ุทธ) ๒๒

(ตวั อย่าง) ผงั สรปุ มโนทศั น์โครงงานคณุ ธรรม แบบตารางวเิ ครา ชอ่ื โครงงาน: “ลกู แกะเทวดา ล้อมหมาป่ าให้สิ้นฤทธ์ิ” พิชิตปัญหาบหุ รส่ี รุ า พฒั นาชมุ (๑) ปัญหา - นกั เรียนกลมุ่ เส่ียง จานวน ๓๐ คน มีพฤตกิ รรมดื่มเหลา้ สูบบุหรี่ - เพอื่ นนกั เรียนมีแนวโนม้ ลอกเลยี นแบบพฤติกรรมเพือ่ นกลุม่ เส่ียงในทางไม่ดีเพ่ิมข้ึน (๒) สาเหตุ ปัจจยั ภายใน นร.มีความหลงผดิ , ค่านิยมผดิ ตามเพื่อน, อยากรู้อยากลอง นร.ขาดความรู้ ขาดความตระหนกั ในพษิ ภยั ของบุหร่ี สุรา ยาเสพติด นร.ไม่เคารพยาเกรงในกฏระเบียบของโรงเรียน นร.ขาดธรรมะเป็นเคร่ืองยดึ เหน่ียวในจติ ใจ ไม่ค่อยเขา้ วดั -ปฏิบตั ิธรรม ปัจจยั ภายนอก อทิ ธิพลเพื่อนกลมุ่ เส่ียง ชกั ชวน และสร้างค่านิยมผดิ ๆ ครอบครัวไม่ค่อยดูแล เอาใจใส่ ขาดความเขา้ ใจในวยั รุ่น ผู้ปกครอง/คนในชุมชน เป็นแบบอยา่ งไม่ดี ด่ืมเหลา้ สูบบุหรี่ ใหพ้ บเห็นไดใ้ นที่สาธารณะ ชุมชนมพี ้นื ท่ีเส่ียง เช่น ร้านขายเหลา้ บุหรี่ ถงึ ๑๐ ร้าน อยใู่ กลโ้ รงเรียนถงึ ๕ ร้าน โรงเรียน วดั ชุมชน ไมม่ พี ้ืนท่ีหรือใหโ้ อกาสวยั รุ่นใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ หรือมไี มพ่ อ (๕) หลกั ธรรมทข่ี าด/บกพร่อง ทค่ี วรปลกู ฝัง: ศลี ขอ้ ท่ี ๕, หลกี เวน้ “อบายมุข”, สงั คหวตั ถ พระราชดาํ ริ/พระราชดาํ รสั ทอ่ี ญั เชญิ มาใช:้ บวร (บา้ น-วดั -โรงเรยี น/ราชการ), ปรชั ญ

าะหค์ าถาม ๕ ขอ้ (ปัญหา-สาเหตุ-เป้าหมาย-ทางแก-้ หลกั ธรรม/พระราชดาร)ิ มชนเข้มแขง็ กลุม่ : ลกู แกะขนั้ เทพ โรงเรยี น: ไตรสิกขาวิทยา (๓) เป้าหมาย - นกั เรียนกลุม่ เสี่ยง ท้งั หมด ๓๐ คน ลด ละ เลกิ พฤติกรรมเส่ียงลงได้ โดยอยา่ งนอ้ ย ๒๕ คน เลิกดื่มเหลา้ สูบบุหรี่ลงไดเ้ ดด็ ขาด ภายในภาคการศกึ ษาที่ ๑ - นกั เรียนท้งั โรงเรียน ๑,๒๐๐ คน เป็นกลั ยาณมติ รต่อกนั ชว่ ยกนั เฝ้าระวงั พฤติกรรม เส่ียงปฏิเสธการดื่มเหลา้ สูบบุหรี่ได้ - นร.กลมุ่ เสี่ยง ๓๐ คน+แกนนากลั ยาณมติ ร ๓๐ คน ร่วมกนั ทางานจิตอาสาต่อส่วนรวม - นกั เรียนในโรงเรียนมีพฤติกรรมใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็ นประโยชน์ (๔) ทางแก้ - จดั อบรมใหค้ วามรู้สร้างความตระหนกั ในโทษภยั ของบุหร่ี สุรา ยาเสพติด - จดั รายการ “จะเป็นคนดี ฉนั สญั ญา” ทางเสียงตามสายของโรงเรียน - ต้งั กล่มุ “เพ่อื นแท”้ ดูแลเพื่อนกลุม่ เสี่ยงเป็นรายบุคคลดว้ ยพลงั บวก จนกวา่ จะเลิก - จดั ต้งั เครือข่ายเฝ้าระวงั “สายลบั สีขาว” รายงานพฤตกิ รรมเส่ียงท้งั ในและนอก ร.ร. - จดั ต้งั กลมุ่ นกั เรียนอาสาสุ่มตรวจคน้ ทุกวนั ตอนเชา้ “บริสุทธ์ิใจคน้ ไดท้ วั่ ตวั ” - เพือ่ นแท้ ไปเยยี่ มบา้ น กลุ่มเสี่ยง เป็นประจาสปั ดาหล์ ะ ๒ – ๓ คร้ัง - นกั เรียนกล่มุ เส่ียง ๓๐ คน นกั เรียนแกนนา “เพอื่ นแท”้ ๓๐ คน ร่วมกนั ทางานจิตอาสา บาเพญ็ ประโยชนใ์ นโรงเรียนทกุ เชา้ ท่ีโรงพยาบาลทุกวนั เสาร์ และท่ีวดั ทุกวนั อาทิตย์ - ประชุมร่วม ครู ผปู้ กครอง นร. กบั หน่วยงานในชุมชน ตารวจ สาธารณสุข ผใู้ หญ่บา้ น กานนั ใหร้ ับทราบและตระหนกั ชดั ในปัญหา ใหช้ ่วยกนั แกป้ ัญหาและเฝ้าระวงั - จดั กจิ กรรม “ครอบครวั สามคั คี เลน่ กีฬา พาเขา้ วดั ปฏบิ ตั ิธรรม” ทุกส.-อา.ตน้ เดือน ถุ ๔ (ทาน, ปิยวาจา, อตั ถจรยิ า, สมานตั ตตา), ไตรสกิ ขา (ศลี , สมาธ,ิ ปัญญา) ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง (พอประมาณ, มเี หตุผล, มภี มู คิ มุ้ กนั ) ๒๓

ภาคผนวก ค. ปฏิทินงานโครงการพฒั นาโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระเกียรติ พทุ ธชยนั ตีเฉลิมราช ปี การศึกษา ๒๕๕๖ ตารางสรุปการดาเนินงาน ปี ๒๕๕๖ ปี ๒๕๕๗ ท่ี ปฏทิ นิ งาน เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค ก.พ ม.ี ค ๑ ประชาสมั พนั ธ์ ๒ สพป./สพม.รบั สมคั รเยาวชนเขา้ อบรมทาโครงงาน ๓ สพป./สพม.จดั ประชมุ /ค่ายอบรมการทาโครงงาน ช่วงเตรียมความพรอ้ ม ๔ กลมุ่ เยาวชนส่ง รา่ งโครงงานและใบสมคั รเขา้ ร่วม โครงการมาท่ี สพป./สพม. ทต่ี นสงั กดั ๕ สพป./สพม.ส่งขอ้ มลู จานวนโครงงานมาท่ี สนก. สพฐ. ๖ กลุ่มเยาวชนผูร้ บั ผดิ ชอบ ดาเนนิ การโครงงานระยะท่ี ๑ การประกวด ๗ สพป./สพม.ชว่ ยสนบั สนุนติดตามประเมนิ ผล ระดบั สพท. ๘ สพป./สพม.คดั เลือกโครงงานระดบั เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา จานวน ๑ โครงงานมาเขา้ ค่ายระดบั ภมู ภิ าค การประกวด ๙ กคพ.ร่วมกบั สพป. ๘ แห่ง จดั คา่ ยพฒั นาโครงงาน ระดบั ภมู ิภาค คณุ ธรรมเฉลิมพระเกยี รติ ๘ ค่าย ๘ ภูมภิ าค ๑๐ กลุม่ เยาวชนผูร้ บั ผิดชอบดาเนนิ การโครงงานระยะท่ี ๒ ๑๑ กคพ.ตรวจเยย่ี ม ๓๒ โครงงานทเ่ี ขา้ รอบในพ้นื ทจ่ี ริง ๑๒ กลมุ่ เยาวชนผูร้ บั ผดิ ชอบฯ ประมวลสรุปผลการ ดาเนนิ งานทงั้ ๒ ระยะ และจดั ทาเอกสารและสอ่ื การประกวด นาเสนอโครงงานฉบบั สมบรู ณ์ ระดบั ประเทศ ๑๓ ๓๒ โครงงานทเ่ี ขา้ รอบมตี วั แทน(นร.๓ครู๑) มาเขา้ (๑) คา่ ยพฒั นาโครงงานคณุ ธรรมเฉลมิ พระเกยี รติ ระดบั ประเทศ (๒) การประกวดโครงงานรอบชิง ชนะเลศิ ระดบั ประเทศ (๓) พธิ มี อบรางวลั เกยี รติยศ และ (๔) นิทรรศการโครงงานคณุ ธรรมเฉลมิ พระ เกยี รติ ระดบั ประเทศ ๒๔

คณะท่ีปรกึ ษา โครงการประกวดโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๑. พระธรรมโกศาจารย์ อธกิ ารบดี มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ๒. พระอาจารยช์ ยสาโรภกิ ฺขุ อดตี เจา้ อาวาสวดั ป่านานาชาติ ๓. พระอาจารยด์ ุษฎี เมธงั กุโร พระวทิ ยากรผทู้ รงคณุ วุฒิ สานักปฏบิ ตั ธิ รรมทุ่งไผ่ จงั หวดั ชุมพร ๔. พระมหาวชิ าญ สวุ ชิ าโน หวั หน้าพระวทิ ยากร มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั วดั ยานนาวา ๕. นายไพบลู ย์ วฒั นศริ ธิ รรม อดตี รองนายกรฐั มนตรแี ละ รมว.กระทรวงการพฒั นาสงั คมฯ ๖. คุณหญงิ พวงรตั น วเิ วกานนท์ นายกสมาคมผบู้ รหิ ารโรงเรยี นประถมศกึ ษาแห่งประเทศไทย ๗. ศาสตราจารยก์ ติ ตคิ ุณ สุมน อมรววิ ฒั น์ ผทู้ รงคณุ วุฒดิ า้ นการศกึ ษา และทปี่ รกึ ษาธรรมอาสาสมคั รฝ่ายวชิ าการ ๘. ดร.มนูญ มกุ ขป์ ระดษิ ฐ์ รองเลขาธกิ ารมลู นธิ ชิ ยั พฒั นา ๙. คณุ หญงิ กษมา วรวรรณ ณ อยธุ ยา อดตี เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร คณะกรรมการกลาง โครงการประกวดโครงงานคณุ ธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๑. พระมหาพงศน์ รนิ ทร์ ฐติ วโส ประธาน กคพ. และประธานโครงการฯ วดั สทุ ศั นเทพวราราม ๒. พระครสู งั ฆรกั ษ์ปรชี า ฐติ ญาโณ พระธรรมวทิ ยากรอาสาสมคั ร มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ๓. พระครใู บฎกี าปิยะพงศ์ ปิยสโี ล พระธรรมวทิ ยากรอาสาสมคั ร มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั ๔. พระมหาสรพงษ์ วรปญฺโญ พระธรรมวทิ ยากรอาสาสมคั ร วดั แจงรอ้ น กรงุ เทพฯ ๕. พระครธู รรมคตุ (สรยทุ ธ์ ชยปญฺโญ) รกั ษาการเจา้ อาวาสวดั พระบรมธาตุดอยผาสม้ จงั หวดั เชยี งใหม่ ๖. พระสงั คม ธนปญฺโญ วดั พระบรมธาตดุ อยผาสม้ จงั หวดั เชยี งใหม่ ๗. พระภาณุวฒั น์ จติ ฺตทนฺโต สานกั สงฆถ์ ้าผาปลอ่ ง จงั หวดั เชยี งใหม่ ๘. พระวนิ ย์ สริ วิ ฑฺฒโน วดั ระฆงั โฆสติ าราม กรงุ เทพฯ ๙. รศ.ประภาภทั ร นิยม ผอู้ านวยการโรงเรยี นรงุ่ อรณุ และสถาบนั อาศรมศลิ ป์ เหรญั ญิก กคพ. ๑๐. นางสาววไิ ลวรรณ ถกึ ไทย ผแู้ ทนศนู ยส์ ง่ เสรมิ และพฒั นาพลงั แผน่ ดนิ เชงิ คณุ ธรรม ๑๑. นางบบุ ผาสวสั ดิ ์รชั ชตาตะนนั ท์ ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นทอสี และเครอื ขา่ ย ๓ ประสาน ร.ร.วถิ พี ุทธ ๑๒.นางสาวอนินทติ า โปษะกฤษณะ ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นสยามสามไตรและเครอื ขา่ ย ๓ ประสาน ร.ร.วถิ พี ทุ ธ ๑๓. ดร.ไพรชั สแู่ สนสขุ อาจารยว์ ทิ ยาลยั การฝึกหดั ครู มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั พระนคร ๑๔. นายพสิ ทุ ธิ ์ เกรยี งบรู พา ศลิ ปินธรรมะบนั เทงิ กลุ่มเรยี นเชญิ ผมู้ จี ติ ศรทั ธา ๑๕. นายฉตั รชยั เชอ้ื รามญั ขบวนการตาสบั ปะรด ๑๖. นางอภศิ า มะหะมาน ธรรมอาสาสมคั ร ผปู้ ระสานงาน โครงงานคณุ ธรรมแกป้ ัญหาเหลา้ บหุ ร่ี ๑๗. ดร.บรรเจอดพร สแู่ สนสขุ สานกั พฒั นานวตั กรรมการจดั การศกึ ษา สพฐ. เลขานกุ าร กคพ. ๑๘. นางโชตกิ า นติ ยนนั ท์ ผปู้ ระสานงานมลู นธิ โิ รงเรยี นรงุ่ อรณุ ผชู้ ่วยเลขานุการ กคพ. ๑๙. นายชนวทิ ธมั มอาสา ผปู้ ระสานงานโครงการฯ กล่มุ กลั ยาณมิตรเพื่อการเสริมสร้างเครอื ข่ายวิถีพทุ ธ (กคพ.) ศนู ย์ประสานงานการประกวดโครงงานคณุ ธรรมเฉลมิ พระเกยี รติ ศนู ย์ประสานงานดา้ นการเงนิ และบญั ชี โครงการโรงเรยี นวถิ พี ทุ ธ (ดร.บรรเจอดพร) มลู นธิ โิ รงเรยี นรงุ่ อรณุ (คณุ โชตกิ า) สานกั พฒั นานวตั กรรมการจดั การศกึ ษา สพฐ. ๙/๙ หม๕ู่ ซอย๓๓ ถ.พระราม๒ แขวงท่าขา้ ม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กทม. ๑๐๓๐๐ เขตบางขนุ เทยี น กรงุ เทพฯ ๑๐๑๕๐ โทร. ๐๒-๒๘๐-๕๕๖๐ โทรสาร ๐๒–๒๘๑–๕๒๑๖ โทร. ๐๒-๘๔๐-๒๕๐๑-๔ อเี มล์ [email protected] โทรสาร. ๐๒-๘๗๐-๗๕๑๔ Website โครงการประกวดโครงงานคุณธรรมเฉลมิ พระเกยี รต:ิ http://www.moralproject.net http://www.facebook.com/moralprojectpage ๒๕


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook