บทที่ 1 การใชภ้ าษาไทย เพ่ือการรบั สารและสง่ สาร
วิวฒั นาการของภาษาไทย ภาษาตอ้ งมีพฒั นาการต่อไปตราบเท่าท่ีมนษุ ย์ ยงั ใชภ้ าษาในการสือ่ สาร การเปลี่ยนแปลง ทางภาษาแบ่งออกเป็ น 3 ลกั ษณะ ดงั น้ี การเปลีย่ นแปลงทางหนว่ ยเสียง พยญั ชนะ การเปลยี่ นแปลงทางหน่วยคาและ ความหมาย กาเปลยี่ นแปลงลกั ษณะการเรยี ง ประโยค
ความหมายของภาษา ภ า ษ า เ ป็ น เ ค รื่ อ ง มื อ ที่ ม น ุษ ย์ใ ช้แ ส ด ง ความรสู้ ึกนึกคิด และทาความเขาใจซ่ึงกนั และกันทกุ ภาษาจะมีเอกลักษณ์เป็ นของ ตนเอง รวมทั้งมีถ้อยคา สานวนโวหารท่ี ไพเราะลึกซ้ึง ภาษาจึงเป็ นความงามทาง วรรณศิลป์ ที่มนษุ ย์สร้างข้ึนมาใช้ในการ สือ่ สาร
การศึกษาคาและความหมายของคาในภาษาไทย ความหมายของคาในภาษาไทย จะต้อง พิจารณาจากบริบท ความหมายของคา แบ่งเป็ น 4 ประเภท ไดแ้ ก่ คามีความหมายโดยอรรถ คามีความหมายโดยนยั คามีความหมายโดยบริบท คาที่มีความหมายโดยจิตประหวดั
ระดบั ของภาษา การใชภ้ าษาในการส่อื สาร แบ่งออกเป็ น 3 ระดบั ดงั น้ี ภาษาแบบแผน ภาษาก่ึงแบบแผน ภาษาปาก
ความหมายของการรบั สารและสง่ สาร คาว่า “การรบั สารและสง่ สาร” หมายถึง การส่งขอ้ มลู ข่าวสารผา่ น ส่ือชนิดต่าง ๆ เช่น ตวั หนงั สือ รปู ภาพ ท่าทาง สญั ลกั ษณ์
องคป์ ระกอบของการรบั สารและการสง่ สาร ผสู้ ง่ สาร หมายถึง ผใู้ หข้ อ้ มลู ขา่ วสาร ผรู้ บั สาร หมายถึง ขอ้ มลู ขา่ วสาร ช่องทางการรบั สารและการสง่ สาร สาร หมายถึง ขอ้ มลู ขา่ วสาร สญั ญาณ รปู ภาพ ฯ
กระบวนการรบั สารและสง่ สาร มี 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี ผูส้ ่งสาร ใส่รหัสข่าวสาร ส่งสัญญาณ ถอดรหัสข่าวสาร จุดหมายปลายทาง Source Encode Signal Decode Destinaion
ความหมายของคาว่าสาร คาว่า “สาร” หมายถึง ส่ิงท่ีเป็ นเน้ือหาท่ีตอ้ งการ บอกกลา่ วแกบ่ คุ คลอ่ืน แบ่งตามลกั ษณะการใชง้ าน ได้ 3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1 สารท่ีใหค้ วามรดู้ า้ นวิชาการ 2 สารที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณช์ ีวิต 3 สารที่ใหค้ วามบนั เทิงเรงิ รมย์
การแบ่งประเภทของสารชนิดต่าง ๆ 1 สาร ประเภทวัจนภาษา ลกั ษณะของสารที่เป็ น วจั นภาษา แบ่งเป็ น 2 ชนิด คือ ■ การพดู ■ การเขียน
การแบ่งประเภทของสารชนิดต่าง ๆ 2 สาร ประเภทอวัจนภาษา เป็ นสารที่ใชป้ ระกอบ หรือช่วยเสริมใหก้ ารใชว้ จั นภาษามีความเด่นชัด ย่ิงข้ึน แบ่งออกเป็ น 7 ประเภท ■ เทศภาษา ■ กาลภาษา ■ เนตรภาษา ■ สมั ผสั ภาษา ■ อาการภาษา ■ วตั ถภุ าษา ■ ปริภาษา
ลกั ษณะสาคญั ของคาในภาษาไทย 1 คาในภาษาไทยมีระดบั เสียงวรรณยกุ ตส์ งู ต่าเพ่ือ บอกความหมายของคา 2 มีการใชต้ วั ดะกดตรงตามมาตรา ทงั้ 8 มาตรา 3 มีการเรยี งคาเพ่ือบอกความหมายและหนา้ ท่ีของคา 4 เป็ นภาษาตระกลู คาโดด กริยาในประโยคจะไม่ เปลี่ยนแปลงรปู คาไปตามกาล
ประเภทของคาไทย 1 คามลู คือ คาที่มีความสมบรู ณใ์ นตวั เอง คาประสม คือการนาคามูลที่มีความหมาย 2 ต่างกนั มารวมกนั แลว้ เกิดคาที่มีความหมายใหม่ แต่มีเคา้ ความหมายเดิม 3 คาซอ้ น คือการนาคามลู ท่ีมีความหมายเหมือนกนั หรอื คลา้ ยกนั มาประสมกนั 4 คาซา้ คือ การนาคาที่เหมือนกนั ทงั้ รปู และความหมาย มาประสมกนั
การใชส้ านวนภาษาไทย 1 สานวนท่ีมาจากศาสนา 2 สานวนที่มาจากวฒั นธรรมประเพณี ความเชื่อ และคา่ นิยม 3 สานวนที่มาจากสตั ว์ 4 สานวนท่ีมาจากปรากฏการณท์ างธรรมชาติ 5 สานวนท่ีมาจากวรรณคดีและการละเลน่ พ้ืนบา้ น
การใชโ้ วหารในภาษาไทย บรรยาย โวหาร พรรณนาโวหาร เทศนาโวหาร อุปมาโวหาร สาทกโวหาร
ศิลปในการรบั สารและสง่ สารใหส้ มั ฤทธิผล ■ อยา่ พดู ดว้ ยเสียงกระซิบกนั ■ ไมค่ วรเขียนหรอื พดู นส่งิ ที่ไมร่ จู้ รงิ ■ ควรสง่ สารดว้ ยใบหนา้ ย้มิ แยม้ แจ่มใส ■ เมอื่ จะจบการสนทนา ควรใชค้ าพดู ที่ แสดงถึงมิตรภาพและไมตรจี ิต
จบการนาเสนอ
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: