Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1-สังคายนา

1-สังคายนา

Published by thongbai.sa, 2020-06-09 02:34:30

Description: 1-สังคายนา

Search

Read the Text Version

ประวตั แิ ละความสาคัญของพระพุทธศาสนา

การทาํ สังคายนา “สํ” รว่ มกัน พรอ้ มกนั “คายนา” การสวด การสาธยาย • การสวดพร้อมกนั หรือร่วมกันสวด • การรอ้ ยกรอง หรอื การจัดหมวดหม่พู ระธรรมวินัย การทําสังคายนา ได้รับการทาติดตอ่ กนั มาหลายครงั้ ทง้ั ในประเทศอนิ เดยี และประเทศอนื่ ๆ รวมทง้ั สิน้ ๑๐ ครั้ง

การสังคายนา ครั้งท่ี 1 สาเหตุ เน่ืองจากพระภิกษุชื่อ สุภัททะ ได้กล่าววาจาในทานองดูหม่ินพระพุทธองค์และแสดง ความดีใจเม่ือได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระมหากัสสปะเกรงว่าจะเป็นเหตุให้พระธรรมวินัย เสื่อมสูญ จงึ เรยี กประชมุ พระสงฆ์เพอื่ กระทาการสังคายนา เวลาท่กี ระทา เร่ิมหลงั จากพระพทุ ธเจ้าปรินพิ านได้ 3 เดอื น กระทาอยู่ 7 เดือนจงึ สาเร็จ พระสงฆ์ผู้กระทา พระมหากัสสปะเป็นประธาน และเป็นผู้สอบถามพระธรรม และพระวินัย โดยมี พระอุบาลีเป็นผ้ตู อบดา้ นพระวนิ ัย และพระอานนท์เป็นผู้ตอบด้านพระธรรม พระสงฆ์ท่ีเข้าร่วมกระทา สังคายนาครงั้ นี้มจี านวน 500 รูป ซึง่ ลว้ นแต่เปน็ พระอรหนั ตท์ ้งั สนิ้ สถานท่แี ละผูอ้ ุปถมั ภ์ ถา้ สตั ตบรรณ ข้างภูเขาเวภาระ ใกล้กรงุ ราชคฤห์ เมอื งหลวงแควน้ มคธ โดยมี พระเจา้ อชาตศัตรเู ป็นผู้อุปถัมภ์

การสงั คายนา คร้งั ท่ี 2 สาเหตุ ภิกษกุ ลุ่มหนง่ึ มชี อื่ ว่า พระวัชชีบุตร ได้ปฏิบัติหย่อนทางวินัย ๑๐ ประการ เช่น เก็บสะสม เกลือไว้ในเขาสัตว์แล้วนามาผสมอาหารฉันได้หลายวันหรือฉันประมาณราวบ่ายสองโมง) เป็นต้น พระยสกากัณฑบุตรจึงซกั ชวนพระเถระต่างๆ ให้มาร่วมกันวินิจฉัยแกค้ วามผดิ ในคร้งั น้ี เวลาท่กี ระทา กระทาใน พ.ศ. 100 กระทาอยู่ 8 เดือนจึงสาเร็จ พระสงฆ์ผู้กระทา พระยสกากัณฑบุตร เป็นผู้ชักชวนพระเถระท้ังหลายให้กระทาการสังคายนา พระเรวตะเป็นผู้ซักถาม และพระสัพพกามีเป็นผู้ตอบปัญหาเก่ียวกับพระวินัยทั้งหมด โดยมีพระสงฆ์ มารว่ มประชุมกนั 700 รูป สถานท่ีและผู้อุปถัมภ์ วาลิการาม เมืองเวสาลี (ไพศาลี) แคว้นวัชชี โดยมีพระเจ้ากาฬาโศกเป็น ผู้อุปถัมภ์

การสังคายนา คร้ังที่ 3 สาเหตุ มีพวกนอกศาสนาปลอมเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนามากข้ึน ทาให้พระพุทธศาสนา มัวหมอง พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเห็นว่า อาจเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนามัวหมองได้ จึงขอ ความร่วมมือจากพระมหากษัตรยิ ์ให้สังคายนาชาระสะสางพระศาสนาให้บรสิ ทุ ธ์ิ เวลาที่กระทา กระทาใน พ.ศ. 234 (บางแห่งวา่ พ.ศ. 235) กระทาอยู่ 9 เดอื น จึงสาเร็จ พระสงฆผ์ ูก้ ระทา พระโมคคลั ลบี ุตรตสิ สเถระเป็นประธานและมพี ระสงฆป์ ระชุมกนั 1,000 รูป สถานที่และผอู้ ปุ ถมั ภ์ อโศการาม กรงุ ปาฏลีบตุ ร โดยมพี ระเจา้ อโศกมหาราชเปน็ ผอู้ ุปถมั ภ์

การสังคายนา คร้งั ที่ 4 สาเหตุ ต้องการวางรากฐานพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา เวลาที่กระทา เร่ิมทาใน พ.ศ. 238 โดยไมป่ รากฏระยะเวลาท่ีกระทา พระสงฆผ์ กู้ ระทา พระมหนิ ทเถระเป็นประธาน พระอริฏฐะเป็นผู้สวดวินัย และมีพระสงฆ์ร่วมประชุมกัน ทง้ั ส้นิ 68,000 รูป สถานทแี่ ละผู้อปุ ถัมภ์ ถปู าราม เมืองอนุราธปุระ ประเทศลงั กา โดยมีพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ เป็นองค์อุปถัมภ์

การสังคายนา คร้งั ที่ 5 สาเหตุ พระสงฆ์ในลังกาต่างเห็นพ้องต้องกันว่า พระพุทธวจนะที่ถ่ายทอดกันมาโดยวิธีท่องจาน้ัน อาจจะขาดตกบกพร่องได้ในภายภาคหน้า เพราะผู้ที่สามารถจดจาได้มีเหลือน้อยลง ประกอบกับ สถานการณ์ทางการเมือง ในขณะน้ันกาลังอยู่ในความไม่สงบ เพราะได้เกิดศึกยืดเยื้อระหว่างพวกทมิฬ กับชาวสงิ หล จึงไดบ้ ันทึกพระไตรปฎิ กเป็นลายลักษณ์อกั ษร เวลาทก่ี ระทา กระทาใน พ.ศ. 433 (บางแห่งว่า พ.ศ. 450 ) โดยไม่ปรากฏระยะเวลาท่กี ระทา พระสงฆผ์ ู้กระทา พระสงฆ์ชาวลงั กา สถานทีแ่ ละผ้อู ปุ ถัมภ์ อาโลกเลณสถาน มลยั ชนบท ประเทศลังกา โดยมีพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย เป็นผอู้ ปุ ถัมภ์

การสังคายนา ครั้งที่ 6 สาเหตุ เนื่องจากในประเทศอินเดีย มีเพียงพระไตรปิฎก ไม่มีอรรถกถา พระพุทธโฆษาจารย์จึง เดนิ ทางมาแปลอรรถกถา พระไตรปฎิ กจากภาษาลงั กาเป็นภาษาบาลี เวลาท่กี ระทา กระทาใน พ.ศ. 956 โดยไมป่ รากฏวา่ ใช้ระยะเวลาเทา่ ใด พระสงฆผ์ ู้กระทา พระพทุ ธโฆษาจารย์ และพระเถระแห่งวดั มหาวิหารจานวนหน่งึ สถานทแี่ ละผู้อปุ ถมั ภ์ วัดมหาวิหาร ประเทศศรลี งั กา โดยมพี ระเจา้ มหานามเปน็ ผ้อู ปุ ถมั ภ์

การสังคายนา ครั้งที่ 7 สาเหตุ เนื่องจากท่ีลังกา ยังขาดคัมภีร์ฎีกา (คัมภีร์ท่ีอธิบายอรรถกถา) พระเถระทั้งหลายอันมีพระกัสสปะ เปน็ ประธานจึงได้ประชมุ กนั เพื่อรจนาคัมภีรฎ์ กี าขึน้ เพ่ือประโยชน์แกก่ ารศึกษาพระพทุ ธศาสนา เวลาท่กี ระทา กระทาใน พ.ศ. 1587 โดยไมป่ รากฏวา่ ใชร้ ะยะเวลาเทา่ ใด พระสงฆ์ผกู้ ระทา พระกัสสปะเถระเปน็ ประธานสงฆ์ มรี ว่ มกับพระสงฆ์อกี จานวน 1,000 รปู สถานท่แี ละผ้อู ปุ ถมั ภ์ ประเทศศรีลังกา โดยมพี ระเจา้ ปรากรมพาหมุ หาราช เปน็ องค์อปุ ถัมถ์

การสงั คายนา คร้ังที่ 8 สาเหตุ พระไตรปิฎกยงั ขาดตกบกพร่อง ผดิ เพีย้ นและไม่ครบ พระเถระผู้ทรงพระไตรปิฎกหลายร้อยรปู จึงร่วมกัน ชาระพระไตรปิฎกให้สมบูรณ์ยิง่ ขึ้น เวลาท่ีกระทา กระทาใน พ.ศ. 2020 (รชั สมยั พระเจ้าติโลกราช แห่งอาณาจักรล้านนา) ใชเ้ วลากระทาอยู่ 1 ปี จงึ สาเร็จ พระสงฆผ์ ู้กระทา พระธรรมทนิ นเถระเปน็ ประธานสงฆ์ ทารว่ มกับพระเถระหลายรอ้ ยรูป สถานท่แี ละผู้อปุ ถมั ภ์ วัดโพธาราม จังหวัดเชยี งใหม่ ประเทศไทย (นบั เปน็ การสังคายนาครัง้ แรกใน ประเทศไทย) โดยมพี ระเจ้าตโิ ลกราชเปน็ องคอ์ ปุ ถมั ภ์

การสังคายนา ครั้งท่ี 9 สาเหตุ เพราะความประพฤตยิ อ่ หย่อนในพระธรรมวินยั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช จึงทรงมพี ระราชประสงค์ใหช้ าระพระไตรปฎิ กขึ้น เพอื่ ให้พระสงฆ์ศกึ ษาพระธรรมวินยั ทถ่ี ูกต้อง เวลาที่กระทา กระทาใน พ.ศ. 2331 ( รัชสมยั ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ) กระทาอยู่ 5 เดอื นจึงสาเร็จ พระสงฆ์ผู้กระทา พระเถระ 218 รูป และราชบัณฑิตคฤหัสถ์อีก 32 คน ได้ร่วมกันชาระคัดลอก สร้างพระไตรปิฎกฉบับหลวง เรียกว่า “ ฉบับทองใหญ่ ” ( ต่อมาสร้างเพ่ิมอีก 2 ฉบับ คือ ฉบับรองทอง และ ฉบับทองชบุ ) สถานทีแ่ ละผู้อปุ ถมั ภ์ วัดมหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฎ์ โดยมีพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชเป็นองค์อปุ ถัมภ์

การสังคายนา ครั้งท่ี 10 สาเหตุ เพื่อชาระพระไตรปิฎกแล้วจัดพิมพ์ในวโรกาสท่ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ใน พ.ศ. 2530 โดยเรียกว่า \"พระไตรปิฎกฉบบั สังคายนา\" เวลาท่ีกระทา กระทาใน พ.ศ. 2528 ไม่ปรากฏระยะเวลาที่กระทา พระสงฆ์ผู้กระทา มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆป ริณายก ( วาสน์ วาสโน ) เปน็ องคป์ ระมขุ รว่ มกบั พระสงฆ์ท้งั ฝา่ ยมหานกิ ายและธรรมยตุ กิ นิกาย สถานที่และผ้อู ุปถัมภ์ วดั มหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฏ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีรฐั บาลเปน็ ผ้อู ปุ ถมั ภ์

การเผยแผ่พระพุทธศาสนา เขา้ สูป่ ระเทศไทย



ดนิ แดนสวุ รรณภูมิ ทีต่ ั้งของประเทศไทยในปจั จุบนั รวมไปถงึ ดินแดนของประเทศเพ่อื นบ้านใกล้เคียงท่ีอยูร่ อบๆ นับถือศาสนาและลัทธิ ในอดีตเรยี กรวมๆ วา่ ความเช่อื แตกต่างกนั “สุวรรณภมู ”ิ นบั ถอื พระพุทธศาสนา นบั ถือศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู นับถอื บูชาภตู ผีปศี าจ ความเชือ่ ที่มตี อ่ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ

นกิ ายเถรวาท การนับถือ นกิ ายมหายาน พระพุทธศาสนา • อาณาจกั รทวารวดี ในดนิ แดนสวุ รรณภูมิ • อาณาจกั รศรีวิชยั • อาณาจกั รพุกาม • อาณาจกั รหรภิ ุญชยั

การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ยคุ เถรวาท ยคุ มหายาน ยคุ เถรวาทแบบพกุ าม ยุคเถรวาทแบบลงั กาวงศ์ สมยั พระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธศาสนาท่ีเข้ามาในยุคน้ี ประมาณ พ.ศ. ๑๓๐๐ ประมาณ พ.ศ. ๑๖๐๐ ใน พ.ศ. ๑๖๙๖ เ ป็ น พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า เ ถ ร ว า ท สมยั อาณาจักรศรวี ชิ ยั เรอื งอานาจ สมัยพระเจ้าอนุรุทมหาราชแห่ง พ ร ะ เ จ้ า ป ร า ก ร ม พ า หุ ม ห า ร า ช หรือแบบดั้งเดิม เข้าสู่ไทยหลัง กษตั รยิ ์ศรีวิชัยไดท้ รงอุปถมั ภ์การ อ า ณ า จั ก ร พุ ก า ม ซ่ึ ง นั บ ถื อ แ ห่ ง ลั ง ก า ไ ด้ ท ร ง บ า รุ ง การทาสังคายนาคร้ังท่ี 3 โดย เผยแผพ่ ระพุทธศาสนาคาบสมุทร พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ได้ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า โ ด ย ร ว ม การนาของ “พระโสณะ” และ ภาคใต้ ดังมหี ลกั ฐาน เชน่ ทรงแผ่อิทธิพลเข้ามายังล้านนา พระสงฆ์เป็นนิกายเดียวกัน และ “พระอุตตระ” ในช่วงก่อน เจดยี ์พระบรมธาตุไชยา ส่ ง ผ ล ใ ห้ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า นิ ก า ย โปรดเกล้าฯ ให้มีการสังคายนา พ.ศ. ๕๐๐ ดังมีหลักฐานทาง จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี เถรวาทแบบพุกาม ได้เจริญรุ่งเรือง พระธรรมวินัยคร้ังท่ี ๗ ข้ึน ทา ประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีท่ีขุด พระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวรสาริด ขึ้ น ท า ง ต อ น เ ห นื อ ข อ ง ไ ท ย ให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง พบบริเวณภาคกลางของไทย หลักฐานสาคัญ ได้แก่ เจดีย์ที่วัด มาก มีพระสงฆ์จากดินแดน เช่น สถูป ธรรจักรศิลากับกวาง เจด็ ยอด จงั หวัดเชยี งใหม่ สุวรรณ ภู มิเดิ นทางไ ปศึกษ า หมอบ ที่เป็นศิลปกรรมอินเดีย พระพุทธศาสนาที่ลังกา แล้วนา สมยั พระเจา้ อโศกมหาราช ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๑๕๕๐ สมัยพระเจ้าสุริยวรมันท่ี ๒ แห่งอาณาจักร กลับมาเผยแผ่ในดินแดนของตน ขอม ขอมในยุคนั้นยุคที่เรืองอานาจ ได้แผ่ขยายอิทธิพลทางการเมืองและ เป็นจานวนไมน่ อ้ ย พุทธศาสนานิกายมหายานมายั งเมืองละ โ ว้ ซึ่ งชาวละ โ ว้ไ ด้ นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อยู่ก่อน แล้ว ส่งผลให้การนับถือศาสนาในเมืองละโว้ มีการผสานกันระหว่าง พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท นิกายมหายาน และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ดงั มหี ลกั ฐานสาคัญ เชน่ พระปรางค์สามยอด จังหวดั ลพบรุ ี เป็นตน้

พระพุทธศาสนาแบบลงั กาวงศใ์ นประเทศไทย สมยั สุโขทัย สมยั ลา้ นนา วัดมหาธาตุ พระธาตุดอยสเุ ทพ จ.สโุ ขทัย จ.เชยี งใหม่ สมัยอยธุ ยา วัดพระศรสี รรเพชญ์ จ.พระนครศรอี ยธุ ยา สมัยธนบรุ ี สมัยรัตนโกสินทร์ วัดอรณุ ราชวราราม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร

สมัยสุโขทัย วัดมหาธาตุ จ.สุโขทัย ใ น ช่ ว ง พ . ศ . ๑ ๘ ๒ ๐ พ่ อ ขุ น ร า ม ค า แ ห ง ม ห า ร า ช ทรงทราบกิตติศัพท์การประพฤติเคร่งครัด พระธรรมวินัยของพระสงฆ์ใน เมืองนครศรีธรรมราช ท่ีนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ จึง โปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสังฆราชจากเมืองนครศรีธรรมราชข้ึนมาเผยแผ่ พระพุทธศาสนา ส่งผลให้พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ เป็นท่ี นบั ถอื กันอยา่ งแพร่หลายในเมืองสโุ ขทยั

สมัยล้านนา พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ พ.ศ. ๑๙๑๓ พระเจ้ากือนา ได้ทรงส่งฑูลมาอาราธนาพระสมุนเถระจาก เมืองสุโขทัย ในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาลิไทย ข้ึนไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายัง ล้านนา พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์จึงได้ประดิษฐานตั้งมั่นท่ีล้านนา ตัง้ แตน่ ้ันมา ดงั มีหลกั ฐาน เชน่ เจดียท์ ่ีวัดสวนดอก พระธาตุดอยสุเทพ และมีวรรณคดี พระพุทธศาสนา เช่น มังคลตั ถทปี นี จกั รวาฬทีปนี ชินกาลมาลปี กรณ์ เปน็ ตน้

สมยั อยธุ ยา วัดพระศรีสรรเพชญ์ จ.พระนครศรีอยธุ ยา ชาวอยุธยานับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทมาแต่เดิม เพราะมีเขตแดนติดกับสุโขทัย ทาให้ พระพุทธศาสนาเผยแผถ่ ึงกัน อีกทง้ั พระสงฆ์อยุธยายังได้เดินทางไปศึกษาพระพทุ ธศาสนาทลี่ ังกา จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๒๙๖ พระพุทธศาสนาในลังกาได้ถึงจุดเสื่อม พระเจ้ากิตติศิริราชสิงห์ กษัตริย์ลังกาจึงส่งพระราชสาส์นมายังพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อทูลขอพระสงฆ์อยุธยาไปบวชให้ ช า ว สิ ง ห ล ซึ่ ง พ ร ะ เ จ้ า อ ยู่ หั ว บ ร ม โ ก ศ ไ ด้ ท ร ง ส่ ง พ ร ะ อุ บ า ลี แ ล ะ พ ร ะ อ ริ ย มุ นี เ ป็ น หั ว ห น้ า คณะสงฆ์ ๑๕ รูป เดนิ ทางไปถวายลังกา นับจากน้ันพระพุทธศาสนาในลังกาจึงได้เจริญขึ้นเป็นลาดับ และทา ให้เกิดเป็น นิกายอุบาลีวงศ์หรือสยามวงศ์ ซึ่งนิกายสยามวงศ์ได้ต้ังม่ันอยู่ในลังกาจนถึงทุกวันน้ี หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาท่ีสาคัญ เช่น วัดราชบูรณะ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดหน้าพระเมรุ และมีวรรณคดีพระพุทธศาสนา เช่น สมุทรโฆษคาฉันท์ มหาชาติคาหลวง พระมหาลัยคาหลวง

สมัยธนบรุ ี วัดอรณุ ราชวราราม กรงุ เทพมหานคร สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนาที่เส่ือมโทรม เพราะภัยสงครามในคราว เสียกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ โดยโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ที่หลบหนีภัยสงครามไปยังท่ีต่างๆ ให้กลับเข้ามา จาพรรษาอยู่ที่วัดเหมือนเดิม และให้มีการประชุมสงฆ์เพื่อคัดเลือกสงฆ์ที่มีภูมิธรรมสูงขึ้นเป็นพระสังฆราช ซึ่งในที่สุดได้มีมติให้ พระอาจารยด์ ี วัดประดู่ กรงุ ศรีอยธุ ยา เปน็ สมเดจ็ พระสังฆราชองคแ์ รกของธนบรุ ี นอกจากน้ี ยังโปรดเกล้าฯ ให้ขอยืมพระไตรปิฎกสยามวงศ์ฉบับสมบูรณ์จากทางเหนือและนครศรีธรรมราช มาคัดลอกใหเ้ ป็นต้น ฉบับหลวงเพ่ือรกั ษาหลักธรรมไว้ให้มั่นคง สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชยังทรงปฏสิ ังขรณพ์ ระอารามสาคญั และโปรดเกล้าฯ ให้สมโภชวดั พระมหาธาตุ เมอื ง นครศรีธรรมราช ให้เป็นศนู ย์กลางพระพุทธศาสนาในภาคใต้ ตลอดจนทรงสรา้ งวดั ในกรงุ ธนบุรี วัดท่ีทรงสร้างมีเพียงวัดเดียว คือ วดั บางยี่เรือเหนือ (วดั ราชคฤหว์ รวิหาร) ส่วนวดั ที่ทรงปฏสิ ังขรณ์ คือ วัดบางใหญ่ วดั แจ้ง วดั บางยี่เรือใต้ และวดั หงส์

สมัย รตั นโกสินทร์

สมยั รตั นโกสนิ ทร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook