หลักสูตรทอ้ งถ่นิ การจักสาน ผลติ ภณั ฑจ์ ากไมไ้ ผ่ จดั ทำโดย นางสาวปยิ ะนชุ โพธิสัย รหัสนิสิต 61105010068 นิสิตเอกการประถมศกึ ษาชนั้ ปีท่ี 3 คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ
2 คำนำ สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ เขต ๑ มนี โยบายให้นกั เรยี นทกุ คนที่จบ การศึกษาภาคบังคับในเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา ได้เรียนรู้ภูมหิ ลัง วถิ กี ารดำรงชีวิต เศรษฐกจิ สังคม ศิลปวฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณีและทรัพยากรของจงั หวัดอุดรธานเี พื่อปลูกฝังให้เยาวชน มี ความรกั ความภาคภมู ใิ จในฐานะพลเมอื งจังหวัดบงึ กาฬ เขต ๑ และเปน็ กำลังสำคัญในการ บำรุงรกั ษาให้ยงั่ ยืนต่อไป จงึ ไดก้ ำหนดกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ ซ่ึงครอบคลมุ เนื้อหาสาระท่ี นกั เรยี นโรงเรียนในสงั กัด ควรตระหนักรู้ ภาคภมู ิใจ หวงแหน และร่วมอนุรักษ์ใหค้ งอยู่ในวิถี ชวี ิต สืบทอดเปน็ มรดกตลอดไปกรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถิ่นฉบับนี้ ไดป้ รบั ปรุงขึ้นจากกรอบหลักสตู ร ระดบั ท้องถ่นิ สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาบงึ กาฬ เขต ๑ เพือ่ ให้ สถานศกึ ษาระดับการศึกษาภาค บงั คับในส านกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษา นำเนื้อหาสาระไปจดั การเรียนการสอนต้ังแต่ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย เพื่อให้เหมาะสมกบั การเปลีย่ นแปลงของหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ สำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ เขต ๑ จงึ ไดป้ รบั ปรงุ ขอขอบคุณ ผจู้ ัดทำ ตลอดทั้งผู้มสี ว่ นเก่ียวข้องทไี่ ดใ้ หข้ ้อมูลอันเปน็ ประโยชน์ในการจดั ทำ เอกสารฉบับนี้ใหส้ ำเรจ็ ลลุ ว่ งด้วยดี ผู้จัดทำ นางสาวปยิ ะนุช โพธสิ ยั
3 สารบัญ เรือ่ ง หน้า ๑. บทนำ………………………………………………………………………………………….4 ๒. องคป์ ระกอบสำคัญของกรอบสาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ ………………………6 - เป้าหมาย / จุดเน้น - ตัวช้ีวดั สำคัญ ๓. สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่ ………………………………………………………………...8 - ประวัติความเป็นมาของจงั หวัดบงึ กาฬ - สภาพภมู ิศาสตร์ ๔. แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น……..10 - หลักการ - แนวทางการวัดและประเมินผล ๕. กรอบสาระการเรยี นรูท้ ้องถ่ินทสี่ ำคัญสำหรบั ผู้เรียนควรไดเ้ รียนรู้…………12 ๖. โครงสรา้ งรายวชิ า ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4……………………………………..….13 ๗. โครงสรา้ งรายวชิ า ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5…………………………………….…..14 ๘. โครงสรา้ งรายวิชา ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6…………………………………….…..15 ๙. แหลง่ อา้ งองิ ขอ้ มลู …………………………………………………………………………………………..16
4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบงึ กาฬ เขต ๑ บทนำ เขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามบี ทบาทสำคัญในการพฒั นาหลกั สตู รในส่วนท่สี อดคลอ้ งกบั สภาพและความต้องการของ ท้องถิน่ ดงั นัน้ สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาจะตอ้ งเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมอื กบั โรงเรียน ชมุ ชน ท้องถิน่ ในการร่วมกนั คดิ และจดั ทำกรอบสาระการเรยี นร้ทู ้องถิ่น เพื่อใหส้ ถานศึกษาภายในเขตพนื้ ที่การศึกษาใช้ เปน็ แนวทางในการจัดการเรยี นการสอนในเรื่องเกย่ี วกับทอ้ งถน่ิ ในแงม่ มุ ต่าง ๆ ทงั้ ในดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม อื่น ๆเพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นได้มโี อกาสเรยี นรเู้ รือ่ งราวของชุมชน ท้องถิ่น ซึง่ เป็นสภาพแวดล้อมในชวี ิตจริงของ ตนเอง ทำใหเ้ กดิ ความรัก ความผูกพนั กับท้องถิ่น มคี วามภาคภูมิใจในบา้ นเกิดเมอื งนอน เป็นสมาชิกทด่ี ีของชมุ ชน ตลอดจนสามารถแกป้ ัญหา พัฒนาชีวติ ตนเอง พัฒนาอาชพี และสงั คมของตนเองได้ สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาบึงกาฬ เขต ๑ ได้จัดทำกรอบสาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ ดังกล่าว โดยมกี ารวางแผนในการจดั ทำเพอื่ ให้เหน็ ภาพตลอดแนวดว้ ยกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม เรม่ิ ตั้งแต่แตง่ ตงั้ คณะทำงาน ซ่งึ ไดร้ วบรวมขอ้ มลู เอกสารในการจดั ทำกรอบสาระการเรียนรู้ทอ้ งถนิ่ และได้เชิญผู้เชี่ยวชาญดา้ นต่าง ๆ รว่ มแสดงความคิดเห็น เพอ่ื นำไปปรับปรงุ กรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถ่ินใหม้ ีความเหมาะสมและชดั เจนยง่ิ ขนึ้ การพัฒนาผู้เรยี นใหบ้ รรลุเปาหมายดา้ น ดงั กลา่ วได้นนั้ ตอ้ งอาศยั คุณภาพในการจัดการศกึ ษา ตั้งแตร่ ะดับพื้นนฐานคือระดับประถมศกึ ษา โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งการปลูกฝงั กระบวนการคดิ เจตคติทีด่ มี ี ทักษะในการแสวงหาความรู้และทักษะการแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง สามารถปรบั ตัวใหย้ ืดหย่นุ เหมาะสม กบั สถานการณ์ตลอดจนสามารถรับมอื กบั การเปลี่ยนแปลงตา่ ง ๆ ทอ่ี าจเกิดขึ้นไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ แต่อยา่ งไรก็ตามจากการดาํ เนินงานท่ีผา่ นมาพบว่า การจัดการเรียนการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษาไดม้ งุ่ เนน้ การถ่ายทอดเน้อื หาวิชา ไม่เน้นทกั ษะ กระบวนการคิด การพิจารณาไตร่ตรอง การแสวงหาความร้ดู ้วย ตนเองและขาดการบูรณาการเชือ่ มโยงระหว่างภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินกบั เทคโนโลยที ี่ทันสมยั อย่างไรก็ตาม ครูกําลงั เผชญิ ความทา้ ทายและมักกลา่ วโทษวา่ มีสังคมศึกษามเี น้ือหาที่ตอ้ งเรยี นมากเกนิ ไป การเรยี นรู้ จึงใช้เวลาสว่ นใหญก่ ับการถ่ายทอดความร้แู บบอธิบายและทาํ ใบงาน ไม่มีการใช้ทกั ษะการใช้เหตุผลเชงิ วพิ ากษห์ รือแกป้ ัญหา นักเรยี นขาดโอกาสเรียนรู้เชิงลกึ และเช่อื มโยงหัวขอ้ กับระดับช้นั อ่ืน นอกจากนี้ สังคมศกึ ษายังนาํ วธิ กี ารศึกษาแบบตะวนั ตกมาใชเ้ พ่ือใหเ้ กดิ การบูรณาการโดยนาํ วิชากลมุ่ สงั คมศาสตร์ ท้งั ประวตั ิศาสตร์ภมู ิศาสตรเ์ ศรษฐศาสตร์ศาสนาและหนา้ ทพี่ ลเมอื งรวมเปน็ วิชาเดียวคือสังคมศึกษา ครูสังคมศกึ ษาจึงขาดความรู้ท่ลี ึกในวชิ าเฉพาะ พร้อมไมเ่ ข้าใจลักษณะการบรู ณาการแบบสหวทิ ยาการ ของสังคมศึกษา ทําให้ขาดวธิ คี ดิ แนวทางของวิชา และความลึกซงึ้ มากเพียงใด สิ่งนนี้ าํ ไปสกู่ ารเรยี นรู้ แบบทอ่ งจาํ ในท่ีสดุ (ทวศี ิลป์สบื วฒั นะ. 2554 : คาํ นําผู้เขียน)
5 เพื่อแก้ปญั หาดังกลา่ วจงึ ตอ้ งมีการปฏริ ูปกระบวนการเรยี นรเู้ พื่อให้นกั เรยี นเกิดการเรยี นรู้ อย่างแท้จริง โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรูท้ ี่หลากหลายใหสอดคลอ้ งกบั รปู แบบการเรียนของนกั เรียนตาม หลกั พหปุ ัญญาหรือความหลากหลายทางปัญญา การสอนทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาํ คัญเปน็ รูปแบบทส่ี ง่ เสริม ให้นกั เรียนไดพ้ ฒั นาทุกด้านตามความสามารถ ความต้องการ ความถนัดความสนใจ และศักยภาพของ แต่ละคนทส่ี ร้างความรู้ความเข้าใจดว้ ยตนเอง โดยการมีสว่ นรว่ มด้านกระบวนการคดิ และลงมือปฏิบัติ ตามประสบการณ์จรงิ วิธีการเรียนร้ไู ม่แยกออกจากวถิ ีชีวติ มีความสขุ การเรยี นรมู้ ีปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่าง ผู้เรียนด้วยกนั การใชส้ อ่ื และการคน้ ควา้ จากแหลง่ เรียนรู้ทหี่ ลากหลาย ไดท้ กุ สถานการณ์ทัง้ นเี้ พอ่ื การเรียนร้ตู ลอดชีวติ ท้งั นส้ี อดคลอ้ งกับการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติพุทธศักราช 2542 ที่สง่ ผลให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเนอ้ื หา กระบวนการเรียนรู้การจัดการ ศึกษาที่เนน้ ความสําคญั ทั้งดา้ นความรู้ความคิด ความสามารถ คุณธรรมและกระบวนการเรียนรูเ้ พอ่ื ให้ ผู้เรยี นเรียนร้จู ากประสบการณ์จริง ทําไดค้ ิดเป็น ทาํ เปน็ สามารถจัดการเรียนรูใ้ หเ้ กิดขน้ึ ไดท้ กุ สถานท่ี ทกุ เวลา การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ กระบวนการ และเรียนรูอ้ ยา่ งมคี วามสขุ (กรมวชิ าการ. 2545 : 3) ครู ผูส้ อนตอ้ งตื่นตัว เปิดใจใหก้ วา้ ง พัฒนาตนเองให้รเู้ ท่าทันเหตุการณก์ ารเปลยี่ นแปลงท่อี าจเกิดขึน้ การ จดั บทเรยี นต้องคาํ นงึ ถงึ ผู้เรียนเป็นสาํ คัญ การที่ผู้เรียนเปน็ ศนู ยก์ ลางจะทาํ ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ทสี่ มบรู ณ์ โดยครเู ปน็ ผู้จัดการให้เกดิ การเรียนรู้มกี ารทํากิจกรรมกลมุ่ การแสดงออกตามความสนใจของผู้เรียน ผู้เรยี นสามารถเชื่อมโยงการเรยี นรู้ภายใต้สังคมแห่งการเรียนรเู้ ปิดโอกาสให้เรียนรู้และพฒั นาศักยภาพ ไดอ้ ย่างเต็มที่ จากความสําคญั ดังกลา่ ว สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน และกรมส่งเสรมิ การปกครอง ท้องถิ่น เป็นหนว่ ยงานหลักทีม่ ีหน้าท่ใี นการจดการศกึ ษาภาคบงั คับและมีโรงเรียนในสงั กัด ตั้งอยใู่ นทุกภมู ภิ าคของประเทศ แตล่ ะพ้ืนทมี่ ีความหลากหลายจึงไดส้ นับสนนุ ใหม้ กี ารเรียนรเู้ กี่ยวกับ ท้องถิ่น โดยจัดทํานโยบายและจดั ทําหลกั สตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน ได้มีการกาหนดจุดมงุ่ ดหมาย หลกั สตู รการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2544 ใหผ้ เู้ รียนเรยี นรูเ้ ก่ียวกบั ท้องถ่ิน กาํ หนดคุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ให้รกั ประเทศชาติรกั ท้องถิ่น ม่งุ ทําประโยชนแ์ ละสร้างสง่ิ ดงี ามใหแ้ ก่สังคม มจี ิตสํานกึ ในการอนรุ ักษ์ภาษาไทย ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีกีฬา ภมู ิปัญญาไทย ทรพั ยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม (สานํ ักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน. 2549 : 4) อย่างไรกต็ าม เกิดความสับสน ของผปู้ ฏบิ ตั ริ ะดับสถานศึกษาในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา รวมท้ังปญั หาคณุ ภาพของผู้เรยี น ทํา ใหเ้ กิดการปรับปรุงเปน็ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ทีม่ คี วามเหมาะสม ชัดเจน ท้ังด้านเป้าหมายของหลกั สตู รในการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน และกระบวนการนาํ หลกั สตู รไปสู่ การปฏิบัติของสถานศึกษา (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2553 : 1-2) ท้ังน้ียังคงบทบาทของท้องถ่ินในการ พัฒนาหลักสูตรใหส้ อดคล้องกบั ความตอ้ งการของท้องถ่ินดงั เดมิ
6 องคป์ ระกอบสำคัญของกรอบสาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ ๑. เป้าหมาย/จุดเน้น ๑.๑ พฒั นาผเู้ รยี นให้มีความรูค้ วามเข้าใจเกีย่ วกับท้องถ่นิ ของตนในทกุ ๆ ด้าน ๑.๒ พฒั นาผ้เู รยี นให้มคี วามสำนกึ ท่ีดี มคี วามรักและหวงแหนท้องถน่ิ ๑.๓ ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนสามารถนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวันได้ ๑.๔ พฒั นาผู้เรยี นใหม้ ีคุณธรรม จรยิ ธรรม ๑.๕ มีทกั ษะการดำรงชีวติ อย่ใู นสงั คมอย่างมีความสขุ ตวั ช้ีวัดสำคญั ๑.๑ พฒั นาผู้เรียนใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ทอ้ งถนิ่ ของตนในทกุ ๆ ดา้ น • มีความรู้ ความเข้าใจในทอ้ งถ่ินของตนทงั้ ในระดับหมบู่ ้าน ตำบล อำเภอ จงั หวดั • ดแู ลสภาพแวดลอ้ มท้องถิน่ ของตนให้สะอาด ปลอดภยั นา่ อยู่ • มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทดี่ ีต่อการทำงานอาชีพในท้องถน่ิ • มที ักษะพ้นื ฐานในการทำงาน และการประกอบอาชีพในท้องถิน่ • มสี ว่ นรว่ มในการป้องกนั แกไ้ ขปญั หาของท้องถิน่ ๑.๒ พัฒนาผู้เรยี นให้มคี วามสำนกึ ทด่ี ี มีความรักและหวงแหนท้องถ่ิน • มคี วามเขา้ ใจในการสอื่ สารภาษาถิน่ • มีสว่ นร่วมในการทะนุบำรงุ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวตั ถุของท้องถนิ่ • มีส่วนรว่ มในการอนรุ ักษ์ และสบื ทอดศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรีนาฏศิลป์ของทอ้ งถน่ิ • มจี ิตสาธารณะทมี่ ุ่งทำประโยชนแ์ ละสร้างสงิ่ ทดี่ ีงามในสงั คมและทอ้ งถ่นิ • นำผลิตภัณฑใ์ นอดตี ของท้องถิน่ มาประยุกตใ์ ช้ประโยชน์ใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ และสงั คมปัจจุบัน ๑.๓ ส่งเสริมให้ผเู้ รียนสามารถนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ มาประยุกต์ใชใ้ น ชวี ิตประจำวันได้ • มีการสง่ เสริมให้ผู้เรยี นเห็นความสำคัญในการศึกษา ค้นคว้า และสบื ค้นความรู้จากปรัชญาต่าง ๆ • มกี ารสง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นเหน็ ความสำคัญในการศกึ ษา คน้ คว้า และสบื คน้ ความร้จู ากแหลง่ เรียนรู้ • ภูมิปญั ญาท้องถิ่น
7 • มีการนำภูมิปญั ญาของทอ้ งถิ่นมาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจำวนั • นำผลิตภัณฑ์ในอดตี ของท้องถน่ิ มาประยกุ ตใ์ ช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับวถิ ชี วี ติ และสงั คมปจั จุบัน ๑.๔ พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี ุณธรรม จรยิ ธรรม • เปน็ คนใจบุญ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา มีจติ ใจเอื้อเฟื้อเผอ่ื แผ่ มเี มตตากรุณา ชว่ ยเหลอื ผูอ้ ่นื ตามความ เหมาะสม • นำหลกั ธรรมทางศาสนามาใช้ในการดำรงชีวติ • มีสัมมาคารวะ ออ่ นน้อมถอ่ มตน • มีความเสยี สละเพ่อื ส่วนรวม • มวี ินยั มจี ติ สาธารณะ ๑.๕ มที กั ษะการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอยา่ งมีความสขุ • ดำรงชีวิตภายใต้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง • มีวิจารณญาณในการดำรงชวี ติ • มที ักษะในการแกป้ ัญหา • มที กั ษะในการปฏเิ สธ • ปรบั ตัวเขา้ กบั สภาพแวดลอ้ ม • มที ักษะในการใชเ้ ทคโนโลยี • มที กั ษะในการรวมกลมุ่ สร้างเครอื ขา่ ยสัมพนั ธก์ บั บคุ คลอื่น • ดูแลสุขภาพของตนเองอย่างสมำ่ เสมอ รกั การออกกำลงั กาย • รับประทานผกั พน้ื บา้ น อาหารทอ้ งถิน่ ที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย • ร่าเรงิ ยิ้มแยม้ แจม่ ใส มองโลกในแงด่ ี มคี วามม่ันคงในอารมณ์
8 ๒. สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาบงึ กาฬ เขต ๑ กำหนดขอบเขต ประเดน็ สำคัญเพอ่ื ให้ครูผสู้ อน ใช้เปน็ แนวทางในการจดั การเรียนรูใ้ หผ้ ู้เรยี นได้เรียนรูเ้ กีย่ วกับท้องถนิ่ ดังน้ี ๒.๑ ประวตั คิ วามเปน็ มาของจังหวัดบึงกาฬ ประวัตคิ วามเป็นมาของจงั หวดั บึงกาฬ จังหวัดบงึ กาฬเดิมเป็น อำเภอบึงกาฬ และเป็นตำบลหนง่ึ ในเขตการปกครองของอำเภอชัยบรุ ี จงั หวดั นครพนม ซง่ึ มีท่วี า่ การอำเภอ ต้งั อยทู่ ่ีบรเิ วณปากนำ้ สงคราม ต่อมาไมท่ ราบชัดว่าปใี ด ทางราชการได้ยา้ ย ท่วี า่ การอำเภอมาต้งั ท่ีบึงกาญจน์รมิ ฝั่ง ตรงข้ามเมอื งปากซนั แขวงบลคิ ำไซ สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว ปี พ.ศ.2459 ทางราชการ ก่อสรา้ ง ท่วี ่าการอำเภอข้นึ ใหม่ และโอนการปกครองอำเภอชัยบรุ มี าขึ้นกบั จงั หวัด หนองคาย ส่วนบริเวณท่ีตง้ั ที่ว่าการอำเภอชยั บุรีเดิมน้ัน ทางราชการยบุ มาเปน็ ตำบลอยู่ในเขตการปกครอง ของ อำเภอทา่ อเุ ทน จงั หวัดนครพนมปี พ.ศ.2475 ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทา่ นหนงึ่ เดินทางมาตรวจราชการท่ี อำเภอชยั บุรี พบว่า หมูบ่ ้านบงึ กาญจน์ มีหนองนำ้ ใหญแ่ หง่ หน่ึง กว้างประมาณ 160 เมตร ยาวประมาณ 3,000 เมตร ชาวบ้าน เรยี ก “บึงกาญจน”์ เป็นที่รจู้ ักโดยทัว่ ไป ทางการจึงเปลย่ี นชื่ออำเภอชัยบรุ เี ป็น “อำเภอบึงกาญจน”์ ตัง้ แต่ นนั้ มา ต่อมาปี พ.ศ.2477 ทางการไดเ้ ปลย่ี นชือ่ อำเภอบงึ กาญจน์ เป็น”อำเภอบึงกาฬ” เพื่อความสะดวกและ เขา้ ใจงา่ ย ต่อมาได้แยกอำเภอเซกา อำเภอพรเจริญ อำเภอศรีวิไล และ อำเภอบุ่งคล้า ออกจากอำเภอบงึ กาฬ ตามลำดบั จงั หวดั บึงกาฬ จัดตงั้ ขน้ึ ตาม พระราชบัญญัตติ ั้งจงั หวดั บงึ กาฬ พ.ศ. 2554 อันมีผลใช้บงั คับตัง้ แต่วันท่ี 23 มนี าคม 2554 เปน็ ตน้ ไป โดยแยกอำเภอจำนวน 8 อำเภอ ไดแ้ กอ่ ำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซพ่ ิสยั อำเภอ บ่งุ คลา้ อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล ออกจากการปกครองของจงั หวัด หนองคาย จงั หวดั บึงกาฬ เปน็ จงั หวัดทม่ี กี ารรอ้ งขอให้จดั ต้งั ขน้ึ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2537แต่ไม่ผ่านกระบวนการพจิ ารณาใน ขณะนนั้ และได้มกี ารนำสกู่ ระบวนการพิจารณาอีกครั้ง โดยผา่ นมติเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี ในวันท่ี 3 สงิ หาคม พ.ศ. 2553 โดยปจั จุบันอยูร่ ะหว่างการพจิ ารณาของสภาผ้แู ทนราษฎร วุฒสิ ภา และคณะกรรมการกฤษฎกี า เพื่อนำ ทลู เกล้าฯ เพ่อื ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาตอ่ ไป โดยจะตอ้ งออกเปน็ พระราชบญั ญตั ิ การจัดตง้ั จงึ จะมีผลโดยสมบูรณก์ ารรอ้ งขอจดั ตง้ั ถกู ขอตามข้อเสนอของนายสเุ มธ พรมพนั หา่ ว สมาชิกสภาผ้แู ทน ราษฎรพรรคเสรธี รรม จงั หวัดหนองคาย โดยแยกพ้นื ท่อี ำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พสิ ยั อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวไิ ล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจงั หวดั หนองคาย
9 ๒.๒ สภาพภมู ศิ าสตร์ ลักษณะภูมิประเทศ จงั หวดั บึงกาฬท่ีเสนอใหจ้ ดั ตั้งมพี นื้ ทท่ี งั้ หมด 4,305.746 ตารางกโิ ลเมตร ประกอบด้วย 8 อำเภอคอื อำเภอ บงึ กาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจรญิ อำเภอเซกา อำเภอบงึ โขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบ่งุ คลา้ ท่ีต้ังและอาณาเขตจังหวัดบึงกาฬ • ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว) • ทิศตะวันออก ติดตอ่ กบั แขวงบอลิคำไซ (สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว) • ทิศใต้ ติดตอ่ กบั อำเภอนาทม (จงั หวดั นครพนม) อำเภออากาศอำนวย และอำเภอคำตากลา้ (จังหวดั สกลนคร) อำเภอเฝา้ ไร่ จังหวดั หนองคาย • ทิศตะวันตก ติดตอ่ กบั อำเภอรัตนวาปี และแขวงบอลคิ ำไซ (สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว)
10 แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรสู้ าระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ (จงั หวดั บึงกาฬ) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ******************* หลกั การ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ (จงั หวดั บงึ กาฬ) เปน็ การประเมนิ คุณภาพผ้เู รียน ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพือ่ ใช้เป็นข้อมูลพืน้ ฐาน ใน การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา มแี นวทางการประเมินโดยดำเนนิ การประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นของผู้เรยี นดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานท่ีจัดทำขึ้นโดยเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาทง้ั ๔ เขตพืน้ ที่ และสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน และอาจมกี ารตรวจสอบข้อมลู จากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพ้ืนท่ีการศึกษาด้วยกไ็ ด้ แนวทางการวดั และประเมินผล การวดั และประเมินผลการเรียนรูส้ าระการเรียนรู้ทอ้ งถน่ิ (จงั หวดั บงึ กาฬ) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มแี นวทางการดำเนนิ งานดังน้ี ๑. กำหนดมาตรฐานการศกึ ษาระดบั เขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษา เพิ่มเติมจากมาตรฐานการศึกษาระดับชาติท่มี อี ยู่ แลว้ ๑๘ มาตรฐาน หากมีมาตรฐานเพม่ิ อกี กก็ ำหนดเพ่มิ เติมใหค้ รบ ๒. กำหนดมาตรฐานและตัวชีว้ ัด/เป้าหมาย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท่สี อดคลอ้ งกบั กรอบสาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ ทแ่ี ทรกอยใู่ นสาระการเรยี นรแู้ กนกลางทง้ั ๘ สาระ โดยทำการ วเิ คราะหม์ าตรฐานและตัวชวี้ ดั /เป้าหมาย เป็น ๕ ดา้ น ประกอบดว้ ย ๒.๑ ตวั ชว้ี ดั /เปา้ หมายดา้ นความรู้/ความเข้าใจ (Knowledge and Understanding Targets) เปน็ เป้าหมายทเ่ี ก่ยี วกับความรู้ ความเขา้ ใจในเนื้อหา ได้แก่ ขอ้ เท็จจริง เหตุการณก์ รอบความคิด กฎเกณฑ์ หลกั การตลอดความรู้ว่า กระบวนการ วิธีการ ข้ันตอน กลา่ วไว้วา่ อยา่ งไร คำสำคญั ท่บี ่งบอกเปา้ หมายด้านนี้ ไดแ้ ก่ อธิบายเข้าใจ พรรณนา ระบุ บอก บอกช่อื บอกรายการ นิยาม จับคู่ เลือก จำ ระลึกได้ เป็นตน้ ๒.๒ ตวั ช้ีวัด/เป้าหมายด้านการคิดอยา่ งเปน็ เหตเุ ป็นผล (Reasoning Targets) เปน็ เป้าหมายที่ เกย่ี วกบั ความสามารถในความคดิ โดยกำหนดให้ต้องใช้ความรูม้ าแกป้ ญั หาความรู้นจี้ ะได้มาจากการคิดอย่างลกึ ซ้งึ คดิ ด้วยรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การวิเคราะห์ เปรียบเทียบความเหมอื นความแตกต่าง สังเคราะห์ จัดประเภท อปุ นัย นิรนยั ตดั สิน ประเมนิ คา่ เม่ือคิดแล้วต้องแสดงออกมาใหเ้ หน็ ว่ารู้โดยผลผลิตที่เปน็ ได้ทั้งช้นิ งานหรือการกระทำ
11 ผลผลติ ทเ่ี ปน็ ช้นิ งาน เช่น ประเดน็ คำถามปลายเปิดทีผ่ ู้เรยี นสร้างขึ้นเพอื่ สอบถามความคิดเห็น หรือการทำหรอื สาธติ ให้ดู ฉะนน้ั เคร่ืองมอื ประเมินประเภทเลือกตอบ เช่น ขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ ไม่เพยี งพอทจี่ ะบอกได้ถงึ กระบวนการคิดรปู แบบต่าง ๆ ข้างต้น ๒.๓ ตวั ช้ีวดั /เป้าหมายด้านทักษะปฏบิ ัติ เปน็ เปูาหมายท่ีเกีย่ วกบั ความสามารถในการปฏบิ ัตหิ รือใช้ วิธีการตา่ ง ๆได้ดี เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ย่ังยืน การประเมนิ การปฏบิ ตั ิ มกั ประเมนิ ผ่านการเหน็ หรือได้ยิน คำสำคญั ท่บี ง่ บอกเปา้ หมายด้านน้ี ได้แก่ สังเกต ทดลอง แสดง ทำ ตงั้ คำถาม ประพฤตทิ ำงาน ฟงั อ่าน พดู ประกอบ ปฏิบตั ิ ใช้ สาธิต วดั สำรวจ เป็นแบบอย่าง รวบรวม การจะมีทักษะการปฏบิ ตั ิได้ จะตอ้ งผ่านเป้าหมายด้านความรู้มากสอน เสมอ และในหลายกรณี ต้องผ่านเป้าหมายด้านการใช้เหตุผลดว้ ย ๒.๔ ตวั ชี้วดั /เป้าหมายดา้ นผลผลิต เป็นเป้าหมายทเี่ กย่ี วกบั ความสามารถในการใช้ความรู้ การคิด ทักษะเพอื่ การสร้างผลผลติ สุดท้ายทม่ี ีคุณภาพและเปน็ รปู ธรรม เช่น งานเขยี น ช้นิ งานศลิ ปะ รายงาน แผน แบบจำลอง เปน็ ต้น คำสำคญั ทีบ่ ง่ บอกเปา้ หมายด้านน้ี ได้แก่ ออกแบบ ทำ สร้าง ผลติ พฒั นา เขียน วาด จัดแสดง จดั นทิ รรศการ ทำแบบจำลอง เป็นต้น ๒.๕ ตวั ช้ีวดั /เป้าหมายดา้ นจิตพสิ ยั (Disposition Targets) เป็นเป้าหมายทม่ี ิใช้ผลสมั ฤทธท์ิ าง วชิ าการ แต่เป็นสถานะทางอารมณ์ ความรู้สึก เช่น ทัศนคตติ ่อสิง่ ต่าง ๆ ความมัน่ ใจในตนเอง แรงจงู ใจ เปน็ ต้น
12 กรอบสาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่นที่สำคัญสำหรับผูเ้ รยี นควรได้เรยี นรู้ ******************* สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาบึงกาฬ เขต ๑ ได้พิจารณาตรวจสอบเนอ้ื หาสาระท้องถ่ินท่ี ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั ทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้และทกุ ระดบั ช้ัน พบวา่ มเี น้อื หาสาระทเี่ ปน็ ท้องถิ่นบางส่วน ซึ่งมีความสำคญั และจำเป็นท่ีผู้เรียนควรได้เรยี นรู้ แตไ่ ม่ได้ถูกบรรจุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชวี้ ัดตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ึ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดงั น้นั สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบึงกาฬ เขต ๑ จงึ ได้เสนอตัวอย่างสาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถิ่นเพมิ่ เติม สำหรบั โรงเรยี นใช้เปน็ แนวทางในการจดั ทำรายวชิ าสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่นเพิม่ เตมิ ตัวอย่างเรอ่ื ง อาชพี ในชุมชน สามารถจัดทำเปน็ รายวชิ า เช่น - การจกั รสานจากไมไ้ ผ่ ซง่ึ ในการจดั ทำรายวิชาสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่ เพม่ิ เติม โรงเรียนควรพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ของการนำมาสู่การเรยี นรู้ของนกั เรยี น รายวชิ าสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ินเพ่ิมเตมิ ควรมีองค์ประกอบ ดงั น้ี • คำอธิบายรายวชิ า • โครงสรา้ งรายวิชา • เน้อื หา • การจดั กระบวนการเรยี นรู้ หมายเหตุ - ผลการเรียนรู้ ใชส้ ำหรับการจัดท สาระการเรียนรู้เพิม่ เติม - กรอบสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ ในเอกสารฉบบั น้ี ใช้เป็นแนวทางให้โรงเรียนนำไปจดั กิจกรรมการเรียนการ สอน ซ่งึ โรงเรียนสามารถพจิ ารณาเพ่ิมเตมิ สาระเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน นอกจากทีป่ รากฏในเอกสารได้ตามความเหมาะสม
13 ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ************************************** โครงสร้างรายวิชา ท่ี เรอ่ื ง จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา การจัดกระบวนการ จำนวน/ เรยี นรู้ ช่วั โมง ความร้เู บื้องต้นใน ๑ ศกึ ษาข้อมูลจากเอกสาร การทำผลติ ภัณฑจ์ าก ใบ ๑ เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถบอก จักสานจากไม้ไผ่ ความรเู้ พอ่ื น าขอ้ มูลการคิด ความรทู้ ั่วไป ความหมายวธิ กี าร และ 1 ความหมายของ วเิ คราะหแ์ ละใชใ้ นการ เกี่ยวกบั การจัก ประโยชน์ของการทำ การทำผลิตภณั ฑ์จาก ประกอบอาชีพ สาน ผลติ ภณั ฑ์จากจักสานได้ จกั สานจากไมไ้ ผ่ ๒ แลกเปล่ยี นเรียนรรู้ ่วมกนั ๓ 2 วธิ กี ารทำ เรอ่ื งการทำผลติ ภณั ฑจ์ ากจกั ผลติ ภัณฑ์ สานจากไมไ้ ผ่ จากจกั สาน ๓ ครู ผเู้ รียน และผ้รู ู้ รว่ มกนั 3 ประโยชนข์ อการ อภิปรายเก่ียวกับความเปน็ มา ทำผลติ ภัณฑ์จาก ของทำผลติ ภัณฑจ์ ากจักสาน จักสาน จากไม้ไผ่
14 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ************************************** โครงสร้างรายวชิ า ท่ี เรือ่ ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เน้อื หา การจดั กระบวนการ จำนวน/ เรยี นรู้ ชั่วโมง ๑. การทำผลิตภณั ฑ์ นักเรยี นลงพื้นทจี่ รงิ ท่มี ีอยู่ใน จากไมไ้ ผ่ เปน็ ชะลอม ชุมชน ๓ ๒. การทำผลิตภัณฑ์$ ๑ วิทยากรบรรยายและสาธิต - ความสำคญั ใน การ ๓. จากไม้ไผ่ เปน็ การท าชะลอมและตะกรา้ ตะกร้า แนวโน้ม ๒. ผู้เรียนเรียนรูแ้ ละฝกึ ทำ ๑ ทักษะการ ประกอบอาชีพ ประกอบ - เพ่อื ให้ผู้เรียนฝกึ ความ เป็นไปได้ใน ชะลอมและตะกร้า อาชพี ปฏิบตั ิ ได้ การ ประกอบอาชพี จกั ร สาน ๔. แหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกบั การ ประกอบอาชีพจกั สาน
15 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ************************************** โครงสร้างรายวิชา ท่ี เรือ่ ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา การจัดกระบวนการ จำนวน/ เรียนรู้ ชว่ั โมง ๑. การบริหารจดั การ ๑. วิทยากรบรรยายให้ความรู้ กลุม่ ในเรื่องการบริหารจัดการ ๓ ๒. การบริหารจัดการ กลุ่ม เพื่อใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรู้ในการ ด้าน ๒. ผ้เู ขา้ รว่ มจดั การวางแผน ดา้ นการตลาด การทำบญั ชี ๑ การบรหิ าร บริหารจดั การดา้ น การตลาด จดั การอาชพี การตลาด ชอ่ งทางการ ๓. การบรหิ ารจัดการ จำหน่ายสินค้า ด้านบัญชี กำไร คุ้ม ทุน
16 แหลง่ อ้างอิงขอ้ มูล ๑. แนวทางการจัดทำสาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่ ๒๕๔๙ ปแี ห่งการปฏิรปู การเรยี นการสอน : สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ๒. แนวทางในการจัดทำกรอบหลกั สูตรระดับท้องถิน่ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้น พน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ : สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ๓. กรอบสาระการเรยี นรรู้ ะดับท้องถิ่น : ส านกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบึงกาฬ เขต ๑ ๔. http://www.buengkan.go.th ๕.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B 8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%B6%E0% B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AC
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: