Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรท้องถิ่นการจักสาน 068 ปิยะนุช

หลักสูตรท้องถิ่นการจักสาน 068 ปิยะนุช

Published by Nnja N, 2021-02-21 14:05:38

Description: หลักสูตรท้องถิ่นการจักสาน 068 ปิยะนุช

Search

Read the Text Version

หลักสูตรทอ้ งถ่นิ การจักสาน ผลติ ภณั ฑจ์ ากไมไ้ ผ่ จดั ทำโดย นางสาวปยิ ะนชุ โพธิสัย รหัสนิสิต 61105010068 นิสิตเอกการประถมศกึ ษาชนั้ ปีท่ี 3 คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ

2 คำนำ สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบงึ กาฬ เขต ๑ มนี โยบายให้นกั เรยี นทกุ คนที่จบ การศึกษาภาคบังคับในเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา ได้เรียนรู้ภูมหิ ลัง วถิ กี ารดำรงชีวิต เศรษฐกจิ สังคม ศิลปวฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณีและทรัพยากรของจงั หวัดอุดรธานเี พื่อปลูกฝังให้เยาวชน มี ความรกั ความภาคภมู ใิ จในฐานะพลเมอื งจังหวัดบงึ กาฬ เขต ๑ และเปน็ กำลังสำคัญในการ บำรุงรกั ษาให้ยงั่ ยืนต่อไป จงึ ไดก้ ำหนดกรอบสาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ ซ่ึงครอบคลมุ เนื้อหาสาระท่ี นกั เรยี นโรงเรียนในสงั กัด ควรตระหนักรู้ ภาคภมู ิใจ หวงแหน และร่วมอนุรักษ์ใหค้ งอยู่ในวิถี ชวี ิต สืบทอดเปน็ มรดกตลอดไปกรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถิ่นฉบับนี้ ไดป้ รบั ปรุงขึ้นจากกรอบหลักสตู ร ระดบั ท้องถ่นิ สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาบงึ กาฬ เขต ๑ เพือ่ ให้ สถานศกึ ษาระดับการศึกษาภาค บงั คับในส านกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษา นำเนื้อหาสาระไปจดั การเรียนการสอนต้ังแต่ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย เพื่อให้เหมาะสมกบั การเปลีย่ นแปลงของหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ สำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ เขต ๑ จงึ ไดป้ รบั ปรงุ ขอขอบคุณ ผจู้ ัดทำ ตลอดทั้งผู้มสี ว่ นเก่ียวข้องทไี่ ดใ้ หข้ ้อมูลอันเปน็ ประโยชน์ในการจดั ทำ เอกสารฉบับนี้ใหส้ ำเรจ็ ลลุ ว่ งด้วยดี ผู้จัดทำ นางสาวปยิ ะนุช โพธสิ ยั

3 สารบัญ เรือ่ ง หน้า ๑. บทนำ………………………………………………………………………………………….4 ๒. องคป์ ระกอบสำคัญของกรอบสาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่ ………………………6 - เป้าหมาย / จุดเน้น - ตัวช้ีวดั สำคัญ ๓. สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่ ………………………………………………………………...8 - ประวัติความเป็นมาของจงั หวัดบงึ กาฬ - สภาพภมู ิศาสตร์ ๔. แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น……..10 - หลักการ - แนวทางการวัดและประเมินผล ๕. กรอบสาระการเรยี นรูท้ ้องถ่ินทสี่ ำคัญสำหรบั ผู้เรียนควรไดเ้ รียนรู้…………12 ๖. โครงสรา้ งรายวชิ า ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4……………………………………..….13 ๗. โครงสรา้ งรายวชิ า ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5…………………………………….…..14 ๘. โครงสรา้ งรายวิชา ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6…………………………………….…..15 ๙. แหลง่ อา้ งองิ ขอ้ มลู …………………………………………………………………………………………..17

4 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบงึ กาฬ เขต ๑ บทนำ เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามบี ทบาทสำคญั ในการพฒั นาหลักสตู รในส่วนที่สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการของ ทอ้ งถ่นิ ดังนน้ั สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาจะต้องเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมอื กับโรงเรยี น ชุมชน ท้องถน่ิ ในการร่วมกันคดิ และจัดทำกรอบสาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ เพือ่ ใหส้ ถานศกึ ษาภายในเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาใช้ เป็นแนวทางในการจัดการเรยี นการสอนในเรอ่ื งเกย่ี วกบั ท้องถน่ิ ในแงม่ ุมตา่ ง ๆ ท้งั ในด้านเศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม อ่ืน ๆเพ่ือให้ผ้เู รียนไดม้ ีโอกาสเรียนรูเ้ รอื่ งราวของชมุ ชน ทอ้ งถ่ิน ซ่งึ เปน็ สภาพแวดลอ้ มในชีวิตจริงของ ตนเอง ทำใหเ้ กิดความรกั ความผูกพันกับทอ้ งถนิ่ มีความภาคภูมิใจในบ้านเกดิ เมอื งนอน เป็นสมาชิกที่ดขี องชมุ ชน ตลอดจนสามารถแกป้ ัญหา พฒั นาชีวิตตนเอง พฒั นาอาชีพและสงั คมของตนเองได้ สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบึงกาฬ เขต ๑ ไดจ้ ดั ทำกรอบสาระการเรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ ดังกล่าว โดยมกี ารวางแผนในการจัดทำเพื่อให้เหน็ ภาพตลอดแนวด้วยกระบวนการทำงานแบบมีส่วนรว่ ม เรม่ิ ตั้งแตแ่ ตง่ ตงั้ คณะทำงาน ซง่ึ ไดร้ วบรวมข้อมูลเอกสารในการจัดทำกรอบสาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่ และไดเ้ ชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ร่วมแสดงความคิดเหน็ เพ่ือนำไปปรับปรงุ กรอบสาระการเรยี นรู้ท้องถ่ินให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยงิ่ ขน้ึ การพฒั นาผเู้ รยี นใหบ้ รรลุเปาหมายดา้ น ดงั กลา่ วได้นั้น ตอ้ งอาศัยคุณภาพในการจัดการศึกษา ตั้งแตร่ ะดับพ้นื นฐานคือระดบั ประถมศกึ ษา โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การปลูกฝงั กระบวนการคดิ เจตคติทีด่ มี ี ทักษะในการแสวงหาความรู้และทักษะการแกป้ ญั หาด้วยตนเอง สามารถปรับตัวใหย้ ืดหยุ่นเหมาะสม กับสถานการณ์ตลอดจนสามารถรบั มอื กบั การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดข้ึนไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรกต็ ามจากการดาํ เนินงานทผี่ า่ นมาพบว่า การจดั การเรยี นการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษาไดม้ ุ่งเนน้ การถ่ายทอดเนือ้ หาวิชา ไมเ่ น้นทกั ษะ กระบวนการคิด การพจิ ารณาไตรต่ รอง การแสวงหาความรดู้ ้วย ตนเองและขาดการบูรณาการเชอ่ื มโยงระหว่างภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ กบั เทคโนโลยีท่ที นั สมยั อย่างไรกต็ าม ครูกาํ ลงั เผชญิ ความทา้ ทายและมักกล่าวโทษว่ามสี ังคมศึกษามีเนือ้ หาที่ตอ้ งเรยี นมากเกินไป การเรยี นรู้ จงึ ใช้เวลาสว่ นใหญก่ บั การถ่ายทอดความรูแ้ บบอธิบายและทาํ ใบงาน ไมม่ กี ารใช้ทักษะการใช้เหตุผลเชงิ วพิ ากษ์หรือแกป้ ัญหา นักเรยี นขาดโอกาสเรยี นรเู้ ชงิ ลกึ และเชือ่ มโยงหัวข้อกบั ระดบั ช้ันอ่นื นอกจากน้ี สังคมศึกษายังนาํ วธิ กี ารศึกษาแบบตะวันตกมาใช้เพ่อื ให้เกิดการบรู ณาการโดยนาํ วิชากลุม่ สงั คมศาสตร์ ทั้งประวตั ิศาสตร์ภูมศิ าสตร์เศรษฐศาสตร์ศาสนาและหนา้ ที่พลเมืองรวมเป็นวชิ าเดียวคือสังคมศกึ ษา ครูสงั คมศกึ ษาจงึ ขาดความรู้ท่ลี ึกในวิชาเฉพาะ พร้อมไมเ่ ขา้ ใจลักษณะการบูรณาการแบบสหวทิ ยาการ ของสังคมศึกษา ทําให้ขาดวธิ ีคิด แนวทางของวิชา และความลกึ ซงึ้ มากเพียงใด ส่งิ นีน้ าํ ไปสู่การเรียนรู้ แบบท่องจําในท่สี ดุ (ทวีศิลป์สบื วฒั นะ. 2554 : คาํ นําผู้เขยี น)

5 เพ่อื แก้ปัญหาดังกลา่ วจงึ ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการเรยี นรเู้ พื่อใหน้ ักเรียนเกิดการเรยี นรู้ อย่างแทจ้ ริง โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ทหี่ ลากหลายใหสอดคล้องกบั รปู แบบการเรียนของนกั เรยี นตาม หลกั พหุปญั ญาหรอื ความหลากหลายทางปัญญา การสอนท่เี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาํ คญั เป็นรูปแบบท่ีสง่ เสรมิ ให้นกั เรยี นไดพ้ ัฒนาทุกด้านตามความสามารถ ความต้องการ ความถนดั ความสนใจ และศักยภาพของ แต่ละคนที่สรา้ งความรู้ความเข้าใจดว้ ยตนเอง โดยการมสี ว่ นรว่ มด้านกระบวนการคิด และลงมอื ปฏิบตั ิ ตามประสบการณ์จรงิ วธิ ีการเรียนรไู้ มแ่ ยกออกจากวิถชี ีวติ มคี วามสุขการเรียนรู้มปี ฏิสัมพนั ธร์ ะหว่าง ผู้เรียนดว้ ยกนั การใช้ส่อื และการค้นคว้าจากแหล่งเรียนรทู้ ี่หลากหลาย ได้ทกุ สถานการณท์ ัง้ น้ีเพอื่ การเรยี นรู้ตลอดชีวิต ทง้ั นีส้ อดคลอ้ งกบั การประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาตพิ ทุ ธศกั ราช 2542 ทีส่ ่งผลให้เกิดการเปลยี่ นแปลงหลาย ๆ ด้านไมว่ ่าจะเป็นเน้อื หา กระบวนการเรยี นรกู้ ารจัดการ ศึกษาท่เี น้นความสําคัญท้งั ด้านความรู้ความคดิ ความสามารถ คุณธรรมและกระบวนการเรยี นรูเ้ พื่อให้ ผู้เรยี นเรียนรจู้ ากประสบการณ์จริง ทําได้คิดเปน็ ทาํ เป็น สามารถจัดการเรียนรู้ให้เกดิ ขึ้นไดท้ ุกสถานที่ ทกุ เวลา การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นกระบวนการ และเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ (กรมวชิ าการ. 2545 : 3) ครู ผูส้ อนต้องต่นื ตวั เปดิ ใจใหก้ วา้ ง พฒั นาตนเองให้รเู้ ท่าทันเหตุการณ์การเปลีย่ นแปลงท่ีอาจเกดิ ขึน้ การ จดั บทเรยี นตอ้ งคํานึงถึงผเู้ รยี นเป็นสําคัญ การที่ผ้เู รยี นเป็นศูนย์กลางจะทําให้เกิดการเรยี นรู้ท่สี มบูรณ์ โดยครเู ป็นผจู้ ัดการใหเ้ กดิ การเรยี นร้มู ีการทํากิจกรรมกลมุ่ การแสดงออกตามความสนใจของผู้เรียน ผู้เรยี นสามารถเชอื่ มโยงการเรียนรภู้ ายใตส้ งั คมแห่งการเรยี นร้เู ปิดโอกาสให้เรียนรแู้ ละพฒั นาศักยภาพ ไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี จากความสําคัญดงั กล่าว สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน และกรมสง่ เสริมการปกครอง ท้องถ่นิ เป็นหน่วยงานหลกั ทม่ี ีหน้าท่ีในการจดการศกึ ษาภาคบังคับและมโี รงเรยี นในสังกดั ตั้งอยูใ่ นทุกภมู ภิ าคของประเทศ แตล่ ะพนื้ ที่มีความหลากหลายจงึ ได้สนบั สนุนใหม้ กี ารเรียนรู้เกี่ยวกับ ท้องถน่ิ โดยจดั ทํานโยบายและจดั ทาํ หลักสตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน ไดม้ กี ารกาหนดจดุ มุง่ ดหมาย หลกั สูตรการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2544 ให้ผูเ้ รียนเรยี นรู้เกีย่ วกบั ทอ้ งถิน่ กาํ หนดคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ใหร้ กั ประเทศชาตริ กั ท้องถิน่ มุ่งทําประโยชนแ์ ละสร้างสิ่งดงี ามใหแ้ ก่สังคม มีจิตสํานึก ในการอนรุ ักษ์ภาษาไทย ศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณีกีฬา ภูมปิ ญั ญาไทย ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (สานํ ักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน. 2549 : 4) อย่างไรก็ตาม เกดิ ความสับสน ของผปู้ ฏบิ ัติระดบั สถานศกึ ษาในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา รวมท้ังปัญหาคุณภาพของผู้เรียน ทํา ให้เกิดการปรับปรุงเป็นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ทมี่ คี วามเหมาะสม ชัดเจน ทงั้ ดา้ นเปา้ หมายของหลกั สูตรในการพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รยี น และกระบวนการนําหลักสตู รไปสู่ การปฏิบตั ขิ องสถานศึกษา (กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2553 : 1-2) ทงั้ นย้ี งั คงบทบาทของท้องถิ่นในการ พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของท้องถิ่นดงั เดมิ

6 องค์ประกอบสำคัญของกรอบสาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ ๑. เป้าหมาย/จุดเน้น ๑.๑ พฒั นาผู้เรยี นให้มีความร้คู วามเข้าใจเกีย่ วกับท้องถน่ิ ของตนในทกุ ๆ ด้าน ๑.๒ พฒั นาผ้เู รยี นให้มคี วามสำนกึ ท่ีดี มคี วามรักและหวงแหนท้องถน่ิ ๑.๓ ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนสามารถนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวันได้ ๑.๔ พฒั นาผู้เรยี นใหม้ ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ๑.๕ มีทกั ษะการดำรงชวี ติ อย่ใู นสงั คมอย่างมีความสขุ ตวั ช้ีวัดสำคญั ๑.๑ พฒั นาผู้เรียนให้มีความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ทอ้ งถ่ินของตนในทกุ ๆ ด้าน • มีความรู้ ความเข้าใจในทอ้ งถ่ินของตนทงั้ ในระดับหมบู่ ้าน ตำบล อำเภอ จงั หวดั • ดูแลสภาพแวดลอ้ มท้องถิน่ ของตนให้สะอาด ปลอดภยั นา่ อยู่ • มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติทด่ี ีต่อการทำงานอาชีพในท้องถน่ิ • มที ักษะพ้นื ฐานในการทำงาน และการประกอบอาชีพในทอ้ งถิน่ • มสี ว่ นรว่ มในการป้องกนั แกไ้ ขปญั หาของท้องถิน่ ๑.๒ พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีความสำนกึ ทด่ี ี มีความรักและหวงแหนท้องถ่ิน • มคี วามเขา้ ใจในการสอื่ สารภาษาถนิ่ • มีสว่ นร่วมในการทะนุบำรงุ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวตั ถุของท้องถนิ่ • มีส่วนรว่ มในการอนรุ ักษ์ และสบื ทอดศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรีนาฏศิลป์ของทอ้ งถน่ิ • มจี ิตสาธารณะทมี่ ุ่งทำประโยชนแ์ ละสร้างส่ิงทดี่ ีงามในสงั คมและทอ้ งถ่นิ • นำผลิตภัณฑใ์ นอดตี ของท้องถิ่น มาประยุกตใ์ ช้ประโยชน์ใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ และสงั คมปัจจุบัน ๑.๓ ส่งเสริมให้ผเู้ รียนสามารถนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ มาประยุกต์ใชใ้ น ชีวิตประจำวันได้ • มกี ารสง่ เสริมให้ผู้เรยี นเห็นความสำคัญในการศึกษา ค้นคว้า และสบื ค้นความรู้จากปรัชญาต่าง ๆ • มกี ารสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเหน็ ความสำคัญในการศกึ ษา คน้ คว้า และสบื คน้ ความร้จู ากแหลง่ เรียนรู้ • ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น

7 • มีการนำภูมิปญั ญาของทอ้ งถิ่นมาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจำวนั • นำผลิตภัณฑ์ในอดตี ของท้องถน่ิ มาประยกุ ตใ์ ช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับวถิ ชี วี ติ และสงั คมปจั จุบัน ๑.๔ พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี ุณธรรม จรยิ ธรรม • เปน็ คนใจบุญ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา มีจติ ใจเอื้อเฟื้อเผอ่ื แผ่ มเี มตตากรุณา ชว่ ยเหลอื ผูอ้ ่นื ตามความ เหมาะสม • นำหลกั ธรรมทางศาสนามาใช้ในการดำรงชีวติ • มีสัมมาคารวะ ออ่ นน้อมถอ่ มตน • มีความเสยี สละเพ่อื ส่วนรวม • มวี ินยั มจี ติ สาธารณะ ๑.๕ มที กั ษะการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอยา่ งมีความสขุ • ดำรงชีวิตภายใต้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง • มีวิจารณญาณในการดำรงชวี ติ • มที ักษะในการแกป้ ัญหา • มที กั ษะในการปฏเิ สธ • ปรบั ตัวเขา้ กบั สภาพแวดลอ้ ม • มที ักษะในการใชเ้ ทคโนโลยี • มที กั ษะในการรวมกลมุ่ สร้างเครอื ขา่ ยสัมพนั ธก์ บั บคุ คลอื่น • ดูแลสุขภาพของตนเองอย่างสมำ่ เสมอ รกั การออกกำลงั กาย • รับประทานผกั พน้ื บา้ น อาหารทอ้ งถิน่ ที่เปน็ ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย • ร่าเรงิ ยิ้มแยม้ แจม่ ใส มองโลกในแงด่ ี มคี วามม่ันคงในอารมณ์

8 ๒. สาระการเรยี นรู้ท้องถ่ิน สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาบงึ กาฬ เขต ๑ กำหนดขอบเขต ประเดน็ สำคัญเพอ่ื ให้ครูผสู้ อน ใช้เปน็ แนวทางในการจดั การเรียนรูใ้ หผ้ ู้เรยี นได้เรียนรูเ้ กีย่ วกับท้องถนิ่ ดังน้ี ๒.๑ ประวตั คิ วามเปน็ มาของจังหวัดบึงกาฬ ประวัตคิ วามเป็นมาของจงั หวดั บึงกาฬ จังหวัดบงึ กาฬเดิมเป็น อำเภอบึงกาฬ และเป็นตำบลหนง่ึ ในเขตการปกครองของอำเภอชัยบุรี จงั หวดั นครพนม ซง่ึ มีท่วี า่ การอำเภอ ต้งั อยทู่ ่ีบรเิ วณปากนำ้ สงคราม ต่อมาไมท่ ราบชัดว่าปใี ด ทางราชการได้ยา้ ย ท่วี า่ การอำเภอมาต้งั ท่ีบึงกาญจน์รมิ ฝั่ง ตรงข้ามเมอื งปากซนั แขวงบลคิ ำไซ สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว ปี พ.ศ.2459 ทางราชการ ก่อสรา้ ง ท่วี ่าการอำเภอข้นึ ใหม่ และโอนการปกครองอำเภอชัยบรุ มี าขึ้นกบั จงั หวัด หนองคาย ส่วนบริเวณท่ีตง้ั ที่ว่าการอำเภอชยั บุรีเดิมน้ัน ทางราชการยบุ มาเปน็ ตำบลอยู่ในเขตการปกครอง ของ อำเภอทา่ อเุ ทน จงั หวัดนครพนมปี พ.ศ.2475 ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทา่ นหนงึ่ เดินทางมาตรวจราชการที่ อำเภอชยั บุรี พบว่า หมูบ่ ้านบงึ กาญจน์ มีหนองนำ้ ใหญแ่ หง่ หน่ึง กว้างประมาณ 160 เมตร ยาวประมาณ 3,000 เมตร ชาวบ้าน เรยี ก “บึงกาญจน”์ เป็นที่รจู้ ักโดยทัว่ ไป ทางการจึงเปลย่ี นชื่ออำเภอชัยบรุ เี ป็น “อำเภอบึงกาญจน์” ตัง้ แต่ นนั้ มา ต่อมาปี พ.ศ.2477 ทางการไดเ้ ปลย่ี นชือ่ อำเภอบงึ กาญจน์ เป็น”อำเภอบึงกาฬ” เพื่อความสะดวกและ เขา้ ใจงา่ ย ต่อมาได้แยกอำเภอเซกา อำเภอพรเจริญ อำเภอศรีวิไล และ อำเภอบุ่งคล้า ออกจากอำเภอบงึ กาฬ ตามลำดบั จงั หวดั บึงกาฬ จัดตงั้ ขน้ึ ตาม พระราชบัญญัตติ ั้งจงั หวดั บงึ กาฬ พ.ศ. 2554 อันมีผลใช้บงั คับตัง้ แต่วันท่ี 23 มนี าคม 2554 เปน็ ตน้ ไป โดยแยกอำเภอจำนวน 8 อำเภอ ไดแ้ กอ่ ำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซพ่ ิสยั อำเภอ บ่งุ คลา้ อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล ออกจากการปกครองของจงั หวัด หนองคาย จงั หวดั บึงกาฬ เปน็ จงั หวัดทม่ี กี ารรอ้ งขอให้จดั ต้งั ขน้ึ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2537แต่ไม่ผ่านกระบวนการพจิ ารณาใน ขณะนนั้ และได้มกี ารนำสกู่ ระบวนการพิจารณาอีกครั้ง โดยผา่ นมติเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี ในวันท่ี 3 สงิ หาคม พ.ศ. 2553 โดยปจั จุบันอยูร่ ะหว่างการพจิ ารณาของสภาผ้แู ทนราษฎร วุฒสิ ภา และคณะกรรมการกฤษฎกี า เพื่อนำ ทลู เกล้าฯ เพ่อื ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาตอ่ ไป โดยจะตอ้ งออกเปน็ พระราชบญั ญตั ิ การจัดตง้ั จงึ จะมีผลโดยสมบูรณก์ ารรอ้ งขอจดั ตง้ั ถกู ขอตามข้อเสนอของนายสเุ มธ พรมพนั หา่ ว สมาชิกสภาผ้แู ทน ราษฎรพรรคเสรธี รรม จงั หวัดหนองคาย โดยแยกพ้นื ท่อี ำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พสิ ยั อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวไิ ล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจงั หวดั หนองคาย

9 ๒.๒ สภาพภมู ศิ าสตร์ ลักษณะภูมิประเทศ จงั หวดั บึงกาฬท่ีเสนอใหจ้ ดั ตั้งมพี นื้ ทท่ี งั้ หมด 4,305.746 ตารางกโิ ลเมตร ประกอบด้วย 8 อำเภอคอื อำเภอ บงึ กาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจรญิ อำเภอเซกา อำเภอบงึ โขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่ง คลา้ ท่ีต้ังและอาณาเขตจังหวัดบึงกาฬ • ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว) • ทิศตะวันออก ติดตอ่ กบั แขวงบอลิคำไซ (สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว) • ทิศใต้ ติดตอ่ กบั อำเภอนาทม (จงั หวดั นครพนม) อำเภออากาศอำนวย และอำเภอคำตากลา้ (จังหวดั สกลนคร) อำเภอเฝา้ ไร่ จังหวดั หนองคาย • ทิศตะวันตก ติดตอ่ กบั อำเภอรัตนวาปี และแขวงบอลคิ ำไซ (สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว)

10 แนวทางการวดั และประเมินผลการเรยี นรสู้ าระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ (จงั หวดั บงึ กาฬ) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ******************* หลกั การ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ (จังหวดั บงึ กาฬ) เป็นการประเมนิ คุณภาพผ้เู รียน ตามมาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ เพ่อื ใชเ้ ป็นขอ้ มลู พืน้ ฐาน ใน การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาของเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา มแี นวทางการประเมินโดยดำเนนิ การประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นของผู้เรยี นดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานท่จี ัดทำขึ้นโดยเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาท้ัง ๔ เขตพืน้ ที่ และสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน และอาจมกี ารตรวจสอบข้อมูลจากการประเมิน ระดบั สถานศึกษาในเขตพ้ืนท่ีการศึกษาด้วยกไ็ ด้ แนวทางการวดั และประเมินผล การวดั และประเมินผลการเรียนรูส้ าระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน (จังหวดั บงึ กาฬ) ตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีแนวทางการดำเนนิ งานดงั นี้ ๑. กำหนดมาตรฐานการศกึ ษาระดบั เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา เพิ่มเติมจากมาตรฐานการศกึ ษาระดบั ชาติท่มี อี ยู่ แลว้ ๑๘ มาตรฐาน หากมีมาตรฐานเพม่ิ อกี ก็กำหนดเพ่มิ เติมใหค้ รบ ๒. กำหนดมาตรฐานและตัวชีว้ ัด/เป้าหมาย ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ท่สี อดคลอ้ งกับกรอบสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ ท่ีแทรกอยใู่ นสาระการเรียนรู้แกนกลางทง้ั ๘ สาระ โดยทำการ วเิ คราะหม์ าตรฐานและตัวชวี้ ดั /เปา้ หมาย เป็น ๕ ด้าน ประกอบดว้ ย ๒.๑ ตวั ชว้ี ดั /เปา้ หมายดา้ นความรู/้ ความเข้าใจ (Knowledge and Understanding Targets) เปน็ เป้าหมายทเ่ี ก่ยี วกับความรู้ ความเขา้ ใจในเนื้อหา ไดแ้ ก่ ขอ้ เท็จจริง เหตุการณ์กรอบความคิด กฎเกณฑ์ หลกั การตลอดความรู้ว่า กระบวนการ วิธีการ ข้ันตอน กลา่ วไว้วา่ อย่างไร คำสำคญั ท่ีบ่งบอกเปา้ หมายดา้ นน้ี ไดแ้ ก่ อธิบายเข้าใจ พรรณนา ระบุ บอก บอกช่อื บอกรายการ นิยาม จับคู่ เลอื ก จำ ระลึกได้ เป็นตน้ ๒.๒ ตวั ช้ีวัด/เป้าหมายด้านการคิดอยา่ งเป็นเหตุเปน็ ผล (Reasoning Targets) เป็นเป้าหมายท่ี เกย่ี วกบั ความสามารถในความคดิ โดยกำหนดให้ต้องใช้ความรูม้ าแกป้ ัญหาความรู้นจ้ี ะไดม้ าจากการคิดอย่างลึกซึ้ง คดิ ด้วยรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบความเหมอื นความแตกต่าง สังเคราะห์ จดั ประเภท อุปนัย นิรนยั ตดั สิน ประเมนิ คา่ เม่ือคิดแล้วต้องแสดงออกมาใหเ้ ห็นวา่ รู้โดยผลผลิตที่เปน็ ไดท้ ง้ั ชิ้นงานหรือการกระทำ

11 ผลผลติ ทเ่ี ปน็ ช้นิ งาน เช่น ประเดน็ คำถามปลายเปิดทีผ่ ู้เรยี นสร้างขึ้นเพอื่ สอบถามความคิดเห็น หรือการทำหรือ สาธติ ให้ดู ฉะนน้ั เคร่ืองมอื ประเมินประเภทเลือกตอบ เช่น ขอ้ สอบแบบเลอื กตอบ ไม่เพยี งพอทจี่ ะบอกได้ถงึ กระบวนการคิดรปู แบบต่าง ๆ ข้างต้น ๒.๓ ตวั ช้ีวดั /เป้าหมายด้านทักษะปฏบิ ัติ เปน็ เปูาหมายท่ีเกีย่ วกบั ความสามารถในการปฏบิ ัตหิ รือใช้ วิธีการตา่ ง ๆได้ดี เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ย่ังยืน การประเมนิ การปฏบิ ตั ิ มกั ประเมนิ ผ่านการเหน็ หรือได้ยิน คำสำคญั ทบี่ ง่ บอกเปา้ หมายด้านน้ี ได้แก่ สังเกต ทดลอง แสดง ทำ ตงั้ คำถาม ประพฤตทิ ำงาน ฟงั อ่าน พดู ประกอบ ปฏิบตั ิ ใช้ สาธิต วดั สำรวจ เป็นแบบอย่าง รวบรวม การจะมีทักษะการปฏบิ ตั ิได้ จะตอ้ งผ่านเป้าหมายด้านความรู้มากสอน เสมอ และในหลายกรณี ต้องผ่านเป้าหมายด้านการใช้เหตุผลดว้ ย ๒.๔ ตวั ชี้วดั /เป้าหมายดา้ นผลผลิต เป็นเป้าหมายทเี่ กย่ี วกบั ความสามารถในการใช้ความรู้ การคิด ทักษะเพอื่ การสร้างผลผลติ สุดท้ายทม่ี ีคุณภาพและเปน็ รปู ธรรม เช่น งานเขยี น ช้นิ งานศลิ ปะ รายงาน แผน แบบจำลอง เปน็ ต้น คำสำคญั ทีบ่ ง่ บอกเปา้ หมายด้านน้ี ได้แก่ ออกแบบ ทำ สร้าง ผลติ พฒั นา เขียน วาด จัดแสดง จดั นทิ รรศการ ทำแบบจำลอง เป็นต้น ๒.๕ ตวั ช้ีวดั /เป้าหมายดา้ นจิตพสิ ยั (Disposition Targets) เป็นเป้าหมายทม่ี ิใช้ผลสมั ฤทธท์ิ าง วชิ าการ แต่เป็นสถานะทางอารมณ์ ความรู้สึก เช่น ทัศนคตติ ่อสิง่ ต่าง ๆ ความมัน่ ใจในตนเอง แรงจงู ใจ เปน็ ต้น

12 กรอบสาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่นที่สำคัญสำหรับผูเ้ รยี นควรไดเ้ รยี นรู้ ******************* สำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาบึงกาฬ เขต ๑ ได้พิจารณาตรวจสอบเน้อื หาสาระท้องถ่ินท่ี ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั ทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้และทกุ ระดบั ช้ัน พบวา่ มเี น้อื หาสาระทเี่ ปน็ ท้องถิ่นบางส่วน ซึ่งมีความสำคญั และจำเป็นท่ีผู้เรียนควรได้เรยี นรู้ แตไ่ ม่ได้ถูกบรรจุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชวี้ ัดตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ึ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดงั น้นั สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบึงกาฬ เขต ๑ จงึ ได้เสนอตัวอย่างสาระการเรยี นรู้ ทอ้ งถิ่นเพมิ่ เติม สำหรบั โรงเรยี นใช้เปน็ แนวทางในการจดั ทำรายวชิ าสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่นเพิม่ เตมิ ตัวอย่างเร่ือง อาชพี ในชมุ ชน สามารถจัดทำเปน็ รายวชิ า เช่น - การจกั รสานจากไมไ้ ผ่ ซง่ึ ในการจดั ทำรายวิชาสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่ เพม่ิ เติม โรงเรียนควรพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ของการนำมาสู่การเรยี นรู้ของนกั เรยี น รายวชิ าสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ินเพ่ิมเตมิ ควรมีองคป์ ระกอบ ดงั น้ี • คำอธิบายรายวชิ า • โครงสรา้ งรายวิชา • เน้อื หา • การจดั กระบวนการเรยี นรู้ หมายเหตุ - ผลการเรียนรู้ ใชส้ ำหรับการจัดท สาระการเรียนรู้เพิม่ เติม - กรอบสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ ในเอกสารฉบบั น้ี ใช้เป็นแนวทางให้โรงเรียนนำไปจดั กิจกรรมการเรียนการ สอน ซ่งึ โรงเรียนสามารถพจิ ารณาเพ่ิมเตมิ สาระเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน นอกจากทีป่ รากฏในเอกสารได้ตามความเหมาะสม

13 คำอธิบายรายวชิ าเพม่ิ เตมิ หลกั สูตรท้องถนิ่ “การจกั สาน” ง14102 การงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 20 ชั่วโมงต่อปี ศกึ ษา วเิ คราะห์ อธบิ ายเหตุผล รวมถึงความรเู้ บ้ืองตน้ ในการทำผลิตภณั ฑจ์ ากจกั สานจากไมไ้ ผ่ การจัดเครื่องมอื เคร่ืองใช้ ในการจบั ปลา การประกอบอาชีพ การซอ่ มแซมอปุ กรณ์ เคร่อื งมอื และ เครอ่ื งใช้ การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากไมไ้ ผ่ เครื่องประดับจากไมไ่ ผ่ ผลิตภัณฑ์ และ อธบิ าย ความหมายและความสำคญั ของอาชีพ ซอ่ มแซมอุปกรณ์ เครือ่ งมอื และเคร่ืองใช้ ประดิษฐข์ องใช้ ของตกแต่งจากไม้ไผ่ โดยใชท้ ักษะกระบวนการทำงานอยา่ งเป็นขน้ั ตอน การจดั การกระบวนการ แกป้ ัญหา การทำงานรว่ มกัน และการแสวงหาความรู้ มีความรู้ความเข้าใจในการทางาน และรจู้ ัก สรา้ งองค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง เพอื่ ใหผ้ ้เู รยี นเกิดเจตคติทีด่ ีต่อการทำงาน มมี ารยาท ขยนั อดทน รบั ผิดชอบ และซื่อสตั ยใ์ นการทำงาน ร้จู กั ใช้พลงั งานและทรพั ยากรในการทางานอย่างประหยดั และคุ้มค่า ตลอดจนนำความร้ไู ปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ โครงสรา้ งรายวชิ า ท่ี เร่ือง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หา การจดั กระบวนการ จำนวน/ เรียนรู้ ชว่ั โมง ความรู้เบ้ืองต้นใน ๑ ศึกษาขอ้ มลู จากเอกสาร การทำผลิตภัณฑ์จาก ใบ ๑ เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนสามารถบอก จักสานจากไมไ้ ผ่ ความรู้เพ่ือน าข้อมลู การคิด ความรู้ทั่วไป ความหมายวธิ ีการ และ 1 ความหมายของ วเิ คราะหแ์ ละใชใ้ นการ เกยี่ วกับการจัก ประโยชนข์ องการทำ การทำผลิตภัณฑจ์ าก ประกอบอาชพี สาน ผลติ ภัณฑ์จากจักสานได้ จกั สานจากไม้ไผ่ ๒ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้รว่ มกนั ๓ 2 วธิ ีการทำ เรอ่ื งการทำผลติ ภณั ฑ์จากจัก ผลติ ภณั ฑ์ สานจากไมไ้ ผ่ จากจกั สาน ๓ ครู ผเู้ รยี น และผรู้ ู้ ร่วมกนั 3 ประโยชนข์ อการ อภปิ รายเก่ยี วกบั ความเป็นมา ทำผลติ ภณั ฑ์จาก ของทำผลิตภัณฑ์จากจักสาน จักสาน จากไมไ้ ผ่

14 คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม หลักสูตรท้องถน่ิ “การจักสาน” ง15102 การงานอาชพี กลุ่มสาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 5 เวลา 20 ชั่วโมงตอ่ ปี ศึกษา วเิ คราะห์ อธบิ ายเหตุผล รวมถงึ ความรู้เบอ้ื งตน้ ในการทำผลติ ภัณฑ์จากจักสานจากไม้ไผ่ การจัดเครอื่ งมือเคร่อื งใช้ ในการจับปลา การประกอบอาชพี การทำผลติ ภัณฑ์จากไม้ไผ่ เปน็ ชะลอม การซ่อมแซมอปุ กรณ์ เคร่อื งมือและเครื่องใช้ การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแตง่ จากไม้ไผ่ เคร่อื งประดบั จากไม่ไผ่ ผลติ ภณั ฑ์ และ อธบิ ายความหมายและความสำคัญของอาชีพ ซอ่ มแซม อุปกรณ์ เครื่องมือและเครือ่ งใช้ ประดิษฐข์ องใช้ ของตกแตง่ จากไม้ไผ่ โดยใช้ทักษะกระบวนการ ทำงานอยา่ งเป็นขั้นตอน การจัดการกระบวนการแก้ปัญหา การทำงานร่วมกนั และการแสวงหา ความรู้ มคี วามรู้ความเข้าใจในการทางาน และรจู้ ักสร้างองค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง เพอื่ ให้ผเู้ รียนเกิดเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ การทำงาน มีมารยาท ขยนั อดทน รับผิดชอบ และซอื่ สตั ยใ์ นการทำงาน รู้จกั ใชพ้ ลังงานและทรพั ยากรในการทางานอย่างประหยดั และคุ้มคา่ ตลอดจนนำความรไู้ ปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ โครงสรา้ งรายวิชา ท่ี เรอ่ื ง จุดประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หา การจัดกระบวนการ จำนวน/ เรียนรู้ ช่ัวโมง ๑. การทำผลติ ภณั ฑ์ นักเรยี นลงพ้ืนทจ่ี ริง ที่มีอยใู่ น จากไมไ้ ผ่ เปน็ ชะลอม ชุมชน ๓ ๒. การทำผลิตภณั ฑ์$ ๑ วทิ ยากรบรรยายและสาธิต - ความสำคญั ใน การ ๓. จากไมไ้ ผ่ เป็น การท าชะลอมและตะกรา้ ตะกร้า แนวโนม้ ๒. ผู้เรียนเรียนรแู้ ละฝกึ ทำ ๑ ทกั ษะการ ประกอบอาชพี ประกอบ - เพอื่ ใหผ้ ูเ้ รียนฝึก ความ เป็นไปไดใ้ น ชะลอมและตะกรา้ อาชพี ปฏบิ ัติ ได้ การ ประกอบอาชีพ จกั ร สาน ๔. แหลง่ เรียนรู้ เก่ียวกับการ ประกอบอาชีพจัก สาน

15 คำอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม หลักสตู รทอ้ งถ่ิน “การจักสาน” ง16102 การงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 20 ช่ัวโมงต่อปี ศกึ ษา วเิ คราะห์ อธบิ ายเหตุผล รวมถงึ ความร้เู บือ้ งต้นในการทำผลิตภณั ฑจ์ ากจกั สานจากไม้ไผ่ การจัดเครอื่ งมอื เครอื่ งใช้ ในการจับปลา การประกอบอาชีพ การซอ่ มแซมอปุ กรณ์ เคร่ืองมอื และ เครอ่ื งใช้ การประดษิ ฐข์ องใช้ ของตกแต่งจากไม้ไผ่ เคร่ืองประดบั จากไมไ่ ผ่ ผลิตภณั ฑ์ และ อธิบาย ความหมายและความสำคญั ของอาชีพ ซ่อมแซมอุปกรณ์ เคร่ืองมือและเครือ่ งใช้ ประดิษฐ์ของใช้ ของตกแตง่ จากไมไ้ ผ่ โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทำงานอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอน การจดั การกระบวนการ แก้ปญั หา การทำงานร่วมกนั และการแสวงหาความรู้ มีความรู้ความเข้าใจในการทำงาน การ บรหิ ารจดั การ ด้านบญั ชี กำไร คุ้มทนุ และรู้จักสร้างองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนเกิดเจตคตทิ ดี่ ีต่อการทำงาน มมี ารยาท ขยนั อดทน รบั ผิดชอบ และซอ่ื สัตย์ในการทำงาน รู้จกั ใช้พลงั งานและทรพั ยากรในการทางานอย่างประหยัดและคมุ้ คา่ ตลอดจนนำความรู้ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ โครงสรา้ งรายวิชา ท่ี เร่ือง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เน้อื หา การจดั กระบวนการ จำนวน/ เรียนรู้ ช่วั โมง ๑. การบริหารจดั การ ๑. วทิ ยากรบรรยายให้ความรู้ กลุ่ม ในเรือ่ งการบรหิ ารจดั การ ๓ ๒. การบรหิ ารจดั การ กลุม่ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนรใู้ นการ ดา้ น ๒. ผู้เข้าร่วมจดั การวางแผน ดา้ นการตลาด การทำบญั ชี ๑ การบรหิ าร บรหิ ารจัดการด้าน การตลาด จัดการอาชพี การตลาด ช่องทางการ ๓. การบรหิ ารจัดการ จำหนา่ ยสินค้า ด้านบญั ชี กำไร ค้มุ ทนุ

16 ฃ

17 แหลง่ อ้างอิงขอ้ มูล ๑. แนวทางการจัดทำสาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิน่ ๒๕๔๙ ปแี ห่งการปฏิรปู การเรยี นการสอน : สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ๒. แนวทางในการจัดทำกรอบหลกั สูตรระดับท้องถิน่ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้น พน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ : สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ๓. กรอบสาระการเรยี นรรู้ ะดับท้องถิ่น : ส านกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบึงกาฬ เขต ๑ ๔. http://www.buengkan.go.th ๕.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B 8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%B6%E0% B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AC


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook