Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาณาจักรพืช 4 ep_3 ตอน พืชมีเนื้อเยื่อลำเลียงแต่ไม่มีเมล็ด สื่อการสอนโดยครูสุกฤตา โสมล

อาณาจักรพืช 4 ep_3 ตอน พืชมีเนื้อเยื่อลำเลียงแต่ไม่มีเมล็ด สื่อการสอนโดยครูสุกฤตา โสมล

Published by suklittha24, 2021-02-02 04:53:13

Description: สื่อการเรียนการสอนออนไลน์ เรื่อง อาณาจักรพืช ตอน พืชมีเนื้อเยื่อลำเลียงแต่ไม่มีเมล็ด โดยครูสุกฤตา โสมล วิชาชีววิทยา ระดับชั้น ม.6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี

Search

Read the Text Version

4. อาณาจกั รพชื : Kingdom Plantae จดั ทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล Ep.3 : ตอน พชื มเี นือ้ เยอื่ ลำเลยี งแต่ ไมม่ เี มล็ด จัดทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล รำยวิชำชวี วทิ ยำ ชน้ั ม.6 โรงเรยี นเบญจมรำชทู ิศ จังหวดั จนั ทบรุ ี

2. กลมุ่ พืชทมี่ เี นอื้ เยอื่ ลำเลยี ง (vascular plant) - มีลักษณะร่วมกันคือมีเน้ือเย่ือลำเลียงท่ีติดต่อถึงกันโดยตลอด คือ ท่อลำเลยี งนำ้ (xylem) และทอ่ ลำเลยี งอำหำร (phloem) - มรี ำกท่พี ฒั นำขน้ึ มำเพอ่ื ใช้ดูดนำ้ และแรธ่ ำตุเขำ้ สู่ภำยพชื รวมทัง้ มี ลำตน้ และใบท่ีแท้จรงิ - ระยะ sporophyte ของพชื กล่มุ น้ีจะเป็นลักษณะเด่น และแยก ออกจำกระยะ gametophyte ท่ีมีแค่ช่วงสั้นๆ (จะไม่เหมือนกับ กลุ่มพชื ที่ไมม่ ีทอ่ ลำเลียง) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

- วัฏจักรชวี ติ แบบสลับโดยมี sporophyte ใหญก่ ว่ำ gametophyte พชื มเี นอื้ เย่ือลำเลยี งมวี วิ ฒั นำกำร สูงขนึ้ จะมี sporophyte ใหญ่ขึ้นและ gametophyte เล็กลงตำมลำดบั จนกระทง่ั ในพืชพวกสนและ พชื มีดอก gametophyte จะเหลอื เพยี งกลมุ่ เซลลไ์ มก่ ่เี ซลลท์ อ่ี ำศยั อยู่บน sporophyte เทำ่ นัน้ - รูปแบบกำรสร้ำงสปอร์ของพชื มเี นอื้ เย่อื ลำเลยี ง สำมำรถเกิดได้ 2 รูปแบบ คอื 1) กล่มุ ท่ีมกี ำรสร้ำงสปอรแ์ บบเดียว (homosporous plant) 2) กลมุ่ ท่มี ีกำรสร้ำงสปอร์ 2 แบบท่มี ีขนำดไมเ่ ทำ่ กัน (heterosporous plant) 2.1สปอรข์ นำดใหญ่ (megaspore) เจริญไปเปน็ ตน้ แกมโี ทไฟต์เพศเมยี (female gametophyte) 2.2สปอรข์ นำดเลก็ (microspore) เจรญิ ไปเป็นต้นแกมโี ทไฟตเ์ พศผู้ (male gametophyte) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

- ใบของพชื กล่มุ ทม่ี ีเนอ้ื เยื่อลำเลยี งจะมี 2 แบบคือ 1) ใบแบบไมโครฟิลล์ (microphyll) ใบขนำดเล็ก มีเสน้ ใบเพียง 1 เส้นแต่ไม่มีกำรแตกแขนง 2) ใบแบบเมกะฟิลล์ (megaphyll) ใบขนำดใหญ่ มกี ำรเช่ือมกันของเสน้ ใบทำใหเ้ หน็ เป็นร่ำงแห จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

2.1 พชื มีเนือ้ เยอื่ ลำเลยี งแต่ไม่มเี มล็ด (seedless vascular plant) มีรำก ลำต้น และใบท่ีแท้จริง มีเนื้อเย่ือลำเลียงน้ำและแร่ธำตุ ต้นแกมีโทไฟต์ และตน้ สปอโรไฟต์เจริญแยกกันหรือรวมกันช่วงส้ันๆ ซ่ึงต้นแกมีโทไฟต์มีช่วงชีวิต สน้ั กว่ำต้นสปอโรไฟต์ มีกำรสืบพันธุโ์ ดยกำรสร้ำงสปอร์ - สรำ้ งสปอร์ (n) โดยกำรแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ ภำยในสโตรบลิ สั (strobilus) หรือโคน (cone) เป็นอบั สปอรท์ เี่ กิดจำกใบทยี่ อดเรยี งซ้อนกันแนน่ (สปอโรฟลิ ล์) - ตน้ แกมีโทไฟตง์ อกจำกสปอรท์ ี่ปลวิ ตกลงสพู่ น้ื ดนิ มีลักษณะเป็นแผ่น เจรญิ อยู่ใต้ดนิ และมีบำงส่วนโผลพ่ น้ ผวิ ดินทำหนำ้ ทสี่ ร้ำงเซลลส์ บื พันธุ์ (n) - กำรปฏิสนธิ สเปริ ม์ วำ่ ยนำ้ ไปผสมกบั ไขเ่ กดิ ไซโกต (2n)งอกเปน็ ตน้ สปอโรไฟตข์ นำด ใหญบ่ นตน้ แกมโี ทไฟตท์ ่ีตำยไป - ประกอบด้วย2 กลุ่ม คือ ไฟลัมไลโคไฟตำ (Lycophyta) และไฟลัมเทอโรไฟตำ (Pterophyta) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

1. ไฟลมั ไลโคไฟตำ (Lycophyta) - เปน็ พชื ที่มีลำต้นและใบแทจ้ รงิ ใบมีขนำดเล็ก มีเสน้ ใบ 1 เส้นทีไ่ มแ่ ตกแขนง (ใบแบบไมโครฟลิ ล)์ - บริเวณปลำยกิ่งมีกลุ่มใบสปอโรฟิลล์ (sporophyll) รวมกันอยู่สำหรับสร้ำงสปอร์ เรียกสตรอบิลัส (strobilus) ยกเว้นในพชื กลมุ่ กระเทียมนำ้ (Isoetes sp.) - ไฟลัมไลโคไฟตำ (Lycophyta) มี 3 จีนัสหรือ 3 กล่มุ ยอ่ ย โดยพบอำศัยอยู่ตำมที่ชุ่มชื้น มีร่มเงำ คือ ไลโคโพเดียม (Lycopodium sp.) ซีแลกจิเนลลำ (Selagenella sp.) และ กระเทยี มน้ำ (Isoetes sp.) - ในประเทศไทยพบอยู่ 2 จนี สั คือ ไลโคโพเดียม (Lycopodium sp.) และซีแลกจเิ นลลำ (Selagenella sp.) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

1. ไฟลมั ไลโคไฟตำ (Lycophyta) ชอ้ งนางคลี่ สนหางสงิ ห์ . 1.1 กลมุ่ ไลโคโพเดยี ม (Lycopodium sp.) ช่ือสำมัญของพืชกลุ่มน้ีคือ club moss หรือ ground pine เช่น สนหำงสิงห์ (หรือสนแผง) สร้อยนำงกรอง ช้องนำงคลี่ สำมร้อยยอด สร้อยสุกรม หำงกระรอก หญ้ำรงั ไก่ สรอ้ ยสดี ำ - ใบเป็นแบบไมโครฟลิ ล์ (microphyll) เรียงเป็นวงรอบลำต้น มี strobilus ทบี่ รเิ วณปลำยก่งิ *เป็นพืชกลุ่มเดียวที่มีกำรสร้ำงสปอร์ แบบเดยี ว (homosporous plant) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

1. ไฟลมั ไลโคไฟตำ (Lycophyta) 1.2 กล่มุ ซแี ลกจเิ นลลำ (Selagenella sp.) ชอื่ สำมญั ของพืชกลมุ่ นค้ี อื spike moss เช่น ตนี ตกุ๊ แก เฟอื ยนกหรือพอ่ คำ้ ตีเมยี หรอื หญำ้ รอ้ งไห้ - ใบเปน็ แบบไมโครฟิลล์ (microphyll) เรียงตัวในลักษณะที่ดูคล้ำยเป็นแถว 4 แถว และ บดิ กลบั ไปกลับมำอยใู่ นระนำบเดยี วกันทงั้ หมด - สร้ำงสปอร์ 2 แบบท่ีมีขนำดไม่เท่ำกัน (heterosporous plant) โ ด ย บ ริ เ ว ณ ส โ ต ร บิ ลั ส ( strobilus) ประกอบดว้ ย  ใบแบบ microsporophyll ซ่ึงภำยใน มี microsporangium สำหรับสร้ำง microspore  ใบแบบ megasporophyll ซง่ึ ภำยใน มี megasporangium สำหรับสร้ำง megaspore จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

1. ไฟลัมไลโคไฟตำ (Lycophyta) 1.3 กล่มุ กระเทยี มนำ้ (Isoetes sp.) ชอื่ สำมญั ของพืชกลุ่มนคี้ อื quillwort ไดแ้ ก่ กระเทยี มนำ้ - ไมม่ โี ครงสร้ำงสโตรบิลัส แต่มีกำรสร้ำงสปอร์ 2 ชนิด (heterosporous plant) ทอ่ี บั สปอรต์ รงโคนใบ เปรียบเทยี บ :ไลโคโพเดียมและซีแลกจิเนลลำ มีกำรสร้ำงอับสปอร์ ท่ปี ลำยก่ิง ส่วนกระเทียมน้ำมกี ำรสรำ้ งอับสปอรท์ ีโ่ คนใบ จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

2. ไฟลมั เทอโรไฟตำ (Pterophyta) แบง่ เป็น 3 กลุ่มยอ่ ย คือ กลมุ่ หวำยทะนอย กลุม่ หญำ้ ถอดปลอ้ ง และกล่มุ เฟริ ์นแท้ 1) กลุ่มหวำยทะนอย (Psilotum sp.)  อยู่ในไฟลัมไซโลไฟตำ (Psilophyta) ส่วนใหญ่สูญพันธ์ุ ไปแลว้  ในประเทศไทยเหลืออยู่เพยี งชนดิ เดยี วคอื หวำยทะนอย (Psilotum sp.) หรอื whisk fern  จำกกำรศึกษำลำดบั เบสบนสำย DNA พบวำ่ หวำยทะนอยมีควำมสมั พันธใ์ กล้ชดิ กับกลุ่มหญ้ำถอดปล้อง จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

1) กลุม่ หวำยทะนอย (Psilotum sp.)  ต้นหวำยทะนอยส่วนใหญท่ ีพ่ บท่ัวไป คือ ตน้ สปอโรไฟต์ ชอบขึ้นในทช่ี ุ่มชื้น มีลักษณะดังน้คี ือ - ลำตน้ เป็นเหลี่ยม ขนำดเล็ก มีสเี ขยี ว สงั เครำะห์ดว้ ยแสงได้ - แตกกิ่งเปน็ คๆู่ ขนำดเท่ำๆ กนั แยกกันไปเรอื่ ยๆ เรยี กวำ่ dichotomous branching - โครงสร้ำงของอับสปอร์ (sporangium) อยู่เช่ือมรวมกัน 3 อัน สีออกเหลืองท่ีปลำยกิ่งสั้นๆ เรียก synangium (fused sporangia) สร้ำงสปอร์ (n) เพียงชนิดเดียว (homosporous plant) โดย กำรแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ - มีใบขนำดเลก็ เป็นใบเกล็ดๆ ตำมข้อ - มลี ำตน้ ใต้ดนิ เรียกว่ำ ไรโซม (rhizome) - ไมม่ รี ำก มไี รซอยด์ (rhizoid) ทำหนำ้ ทแี่ ทนรำกช่วยในกำรดูดน้ำและแร่ธำตุ จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

1) กลมุ่ หวำยทะนอย (Psilotum sp.)  ตน้ แกมโี ทไฟต์ของหวำยทะนอย - งอกจำกสปอร์ ลักษณะเปน็ แผน่ เลก็ ๆ ตดิ ผวิ ดิน อำยุส้ัน ไม่มคี ลอโรฟิลล์ ดำรงชพี แบบย่อยสลำย - ทำหน้ำท่สี ร้ำงเซลล์สืบพันธ์ุ (n) โดยกำรแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส สเปริ ม์ ว่ำยนำ้ ไปปฏสิ นธิกบั ไขเ่ กดิ ไซโกต (2n) เจริญเติบโตเป็น ตน้ สปอโรไฟต์ จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

2) กลุ่มหญำ้ ถอดปลอ้ ง (Equisetum sp.)  อยูใ่ นไฟลมั สฟโี นไฟตำ (Sphenophyta) พบจีนัสเดียว คือ อีควิเซตัม (Equisetum) ได้แก่ หญ้ำถอดปล้อง หรือสนหำงม้ำ (horsetail) หรือหญ้ำหำงม้ำหรือหญ้ำหูหนวก มักพบข้ึนเป็นกอใหญ่ อำศัยอยู่ตำมลุ่มน้ำขัง รมิ น้ำ หรอื ในหนองน้ำ  ลักษณะต้นสปอโรไฟต์ ของหญำ้ ถอดปล้อง - มีรำก ลำตน้ และใบที่แท้จรงิ - ลำต้นมีท้ังส่วนที่อยู่เหนือพ้ืนดินและส่วนท่ีอยู่ใต้ดิน (rhizome) ส่วนท่ีอยู่ เหนอื ดนิ เหน็ ขอ้ ปล้องชัดเจน - มีใบเกล็ดขนำดเล็กเรียงเป็นวงอยู่รอบๆ ข้อเป็นชั้นและไม่มีคลอโรฟิลล์ จัดเป็นใบแบบ microphyll - ลำต้นมีลักษณ ะเป็น ปล้อ ง ท่ีสำมำรถถอดออกจำกกันได้ตรงข้อ เมื่อ เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ภำยในลำต้นกลวง ลำต้นมีสีเขียวทำหน้ำท่ีสังเครำะห์ ด้วยแสงแทนใบ เมื่อจับผิวลำต้นจะมีลักษณะหยำบและสำกเพรำะมีกำรสะสม สำรพวกซิลกิ ำในผนงั เซลล์ - สร้ำงสปอร์ในสโตรบิลัสท่ีอยู่ตรงปลำยยอด โดยสโตรบิลัสเกิดจำกกลุ่มของ อบั สปอร์ (cluster of sporangia) มี elator ช่วยในกำรกระจำยสปอร์ จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

2) กลุ่มหญำ้ ถอดปลอ้ ง (Equisetum sp.) Structure of Equisetum จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

2) กลุ่มหญำ้ ถอดปลอ้ ง (Equisetum sp.) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

3) กลุ่มเฟริ น์ แท้ (true fern)  อยู่ในไฟลัมเทอโรไฟตำ (Pterophyta) ได้แก่ พวกเฟิร์น (fern) ต่ำงๆ จัดเป็นกลุ่มที่มีควำมหลำกหลำยมำกที่สุด รองจำกพชื ดอก  มีลักษณะนิสัย (habit) หลำยแบบ ต้ังแต่ต้นขนำดเล็กที่เป็นไม้ล้มลุกจนถึงเฟิร์นท่ีเป็นไม้ยืนต้น (tree fern) เช่น เฟิร์นก้ำนดำ เฟิร์นก้ำงปลำ เฟิร์นเกล็ดหอย ข้ำหลวงหลังลำย ย่ำนลิเภำ ชำยผ้ำสีดำ บำงชนิดอำจอยู่ในน้ำ เชน่ ผกั แว่น ผักกูดน้ำ ผักกดู เก๊ียะ แหนแดง จอกหูหนู (เฟริ น์ ลอยนำ้ ) ปรงทะเล ขำ้ หลวงหลังลำย ยำ่ นลิเภำ ปรงทะเล แหนแดง จอกหหู นู จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

 ลักษณะต้นสปอโรไฟตข์ องเฟิร์น - มีลำต้น รำกและใบเจรญิ ดี - ใบมีขนำดใหญ่แบบ megaphyll มีช่ือเรียกเฉพำะว่ำ ฟรอนด์ (frond) อำจเปน็ ใบเด่ยี วหรือใบประกอบกไ็ ด้ - เฉพำะใบเท่ำน้ันท่ีอยู่เหนือพื้นดิน ทั้งใบและรำกงอกมำ จำกลำต้นใต้ดิน (rhizome) - ใบอ่อนมีลักษณะม้วนขดเป็นวงกลม (circinate leaves หรอื circinate vernation) - สปอร์ทีส่ รำ้ งอยใู่ นอบั สปอร์ (sporangium) ซ่ึงมกั อยู่ใต้ ใบเรียกว่ำ ซอรัส (sorus) เฟิร์นส่วนใหญ่มีกำรสร้ำง สปอร์ชนิดเดียว (homosporous plant) ยกเว้นเฟิร์นน้ำ ท่ีมีกำรสรำ้ งสปอร์ 2 แบบ (heterosporous plant) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

 ลกั ษณะต้นแกมีโทไฟต์ของเฟิร์น - งอกจำกสปอร์ที่ปลิวตกลงสู่พ้ืนดิน มีลักษณะเป็นแผ่นแบนเล็กสีเขียวรูปร่ำงคล้ำยหัวใจ เรียกว่ำ โปรทัลลัส (prothallus) ทำหน้ำท่สี ร้ำงเซลล์สืบพันธ์ุ (n) ซึ่งมีทั้งส่วนของ antheridium สำหรับสร้ำง sperm และส่วนของ archegonium สำหรับสรำ้ ง egg - สเปิรม์ จะว่ำยนำ้ ไปผสมพนั ธ์กุ ับไข่ เจรญิ ข้นึ ไปเป็นต้นสปอโรไฟตบ์ นตน้ แกมโี ทไฟตซ์ ึ่งจะตำยไป  วัฏจกั รชีวติ ของเฟริ น์ - ต้นเฟิร์นท่ีเรำเห็นคือ สปอโรไฟต์ มีกลุ่มของอับสปอร์ เรียกว่ำ ซอรัส อย่ใู ต้ใบ สปอร์ (n) ซ่งึ เกดิ จำกกำรแบ่งเซลล์ ไมโอซิส จะงอกเป็นต้นแกมีโทไฟต์ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่น คล้ำยหัวใจเรียกว่ำโปรทัลลัส หรือโปรทัลเลียม ทำหน้ำที่ สร้ำงไข่และสเปิร์ม ปฏิสนธิกันเกิดไซโกตเจริญเติบโตเป็น ต้นสปอโรไฟต์ จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล