5. KINGDOM ANIMALIA โดย ครูสกุ ฤตา โสมล 1 ชีววทิ ยา ชน้ั ม.6 โรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จงั หวดั จนั ทบรุ ี
สัตว์เป็นส่ิงมีชีวิตกลุ่มยูคาริโอตท่ีมีหลายเซลล์ โดยเซลล์จะยึดและ 2 เกาะติดกันด้วยโปรตีนคอลลาเจน (collagen) สัตว์จะมีการเรียนรู้ และตอบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ รวมท้ังมีการเคลื่อนไหวโดยการทางานของ เนื้อเยื่อประสาทและกลา้ มเนือ้ ส่งิ มีชวี ติ ในอาณาจักรสตั วม์ เี กณฑ์การจาแนกออกเปน็ กลมุ่ ต่างๆ โดยพิจารณาจากลักษณะของสตั ว์ดงั นี้ 1. เนอ้ื เยอ่ื (tissue) แบง่ เปน็ 2 กลุม่ คือกลมุ่ ที่ไม่มีเน้ือเย่ือ ที่แท้จริง (no true tissue) ได้แก่ ฟองน้า และกลุ่มท่ีมี เนื้อเยื่อแท้จริง (true tissue) ซ่ึงเป็นลักษณะของสัตว์ ใหญ่ ทาให้เกิดช่องว่างภายในลาตวั ได้ 3 แบบ จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล
2. ลกั ษณะสมมาตร (symmetry) แบง่ เปน็ สมมาตรแบบรัศมี (radial 3 symmetry) และสมมาตรแบบด้านขา้ ง (bilateral symmetry) 3. การเปล่ียนแปลงของบลาสโทพอร์ (blastopore) พบ เฉพาะสัตว์ที่มีสมมาตรแบบด้านข้าง มี 2 แบบคือ แบบ โพรโทสโทเมีย (Protostomia) คือพวกท่ีบลาสโทพอร์ เป ล่ีย น เป็ น ช่อ ง ปา ก แ ละ แบบ ดิ วเทอ โ รส โ ทเมี ย (Deuterostomia) คือพวกที่บลาสโทพอร์เปล่ียนเป็น ทวารหนัก 4. การเจริญในระยะตัวอ่อน พบในสัตว์กลุ่มที่มี ช่องปากแบบโพรโทสโทเมีย คือ กลุ่มที่มี ระยะตัวอ่อนแบบ โทรโคฟอร์ (Trocophore) และเอคไดโซซัว (Ecdysozoa) เป็นกลุ่มที่มี การลอกคราบขณะเจรญิ เติบโต จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
จากการพิจารณาลักษณะทแ่ี ตกต่างกันของสตั ว์ ทาให้สามารถจัดจาแนกส่งิ มีชวี ิตในอาณาจกั รสตั วอ์ อกเปน็ ไฟลัมต่างๆ ไดด้ ังน้ี 1. ไฟลมั พอรเิ ฟอรา (Phylum Porifera) - สัตว์ทอ่ี ยใู่ นไฟลัมนี้ ไดแ้ ก่ ฟองนา้ (sponges) ชนิดต่างๆ เช่น ฟองนา้ แกว้ ฟองน้าหินปนู ฟองนา้ ถูตวั - พบประมาณ 8,000 – 9,000 species อาศัยอยูใ่ นน้า 4 ทั้งหมด สว่ นใหญอ่ ยใู่ นนา้ เค็ม ฟองน้าตัวเตม็ วยั เกาะอยกู่ บั ท่ี (sessile animal) แต่ตวั ออ่ นสามารถว่ายน้าได้ - ไม่มีเนือ้ เย่อื แท้จรงิ (parazoa) โดยมีชน้ั วุ้นบางๆ แทรกอยใู่ นโครงร่าง - มรี ะบบนา้ ในการผ่านเขา้ ออกของร่างกาย ลาตัวมีชอ่ งขนาดเลก็ เรยี กวา่ ออสเทยี (ostia) อยูข่ า้ งลาตัว ให้น้าเข้ามาภายในโพรงลาตวั ของฟองน้า (spongocoel) และชอ่ งน้าออกขนาดใหญอ่ ยทู่ างด้านบน เรยี กว่า ออสคลู ัม (osculum) - โครงสรา้ งทท่ี าหน้าท่ีในการจับอาหาร เรยี กวา่ โคแอโนไซต์ (choanocyte) หรอื เซลล์ปลอกคอ (collar cell) เรยี งอยู่ภายในตวั ของฟองน้า ทาหนา้ ทโี่ บกพัดและดกั จบั อาหาร เพื่อย่อยตอ่ ไปในเซลล์ amoebocyte - โครงรา่ งแข็งภายใน (endoskeleton) ของฟองนา้ เรยี กว่า สปคิ ูล (spicule) โดยอาจเปน็ สารพวก หินปนู (CaCO3) , silica หรือเส้นใยโปรตีน sponging ซ่ึงนักอนกุ รมวิธานใชจ้ าแนกคลาสของฟองน้า ดังน้ี จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
1) Class Calcarea : ฟองน้าท่ีสปิคูลเป็นสารพวกหินปูน (CaCO3) เชน่ ฟองน้าหนิ ปูน 2) Class Hexactinellida : ฟองน้าที่สปิคูลเป็น silica 6 แฉก เชน่ ฟองนา้ แกว้ 3) Class Demospongiae : เป็นฟองน้ากลุ่มท่ีพบมาก ที่สุด สปิคูลเป็น silica ที่ไม่ใช่ 6 แฉก และ/หรือเส้นใยโปรตีน เชน่ ฟองน้านา้ จดื สาหรับถูตวั (Spongia sp.) Phylum Porifera 5จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล
2. ไฟลัมไนดาเรยี (Phylum Cnidaria) - สตั ว์ในไฟลมั น้ี ได้แก่ ไฮดรา (hydra) ปะการงั (coral) กลั ปังหา (sea fan) แมงกะพรุน (jellyfish) โอบีเลีย (obelia) ดอกไม้ทะเล (sea anemone) ปากกาทะเล (sea pen) hydra coral sea fan jellyfish obelia sea anemone - พบประมาณมากกวา่ 9,000 species โดยอาศัยอยใู่ นนา้ ท้งั หมด สว่ นใหญ่อยใู่ นทะเล sea pen - มีเนอ้ื เยือ่ แทจ้ ริงและมี germ layer 2 ชนั้ คอื ectoderm และ endoderm และมชี ั้น mesoglea แทรกอยู่ 6 - มสี มมาตรแบบรัศมีตั้งแต่ตอนเปน็ ตวั ออ่ นจนถึงตัวเตม็ วัย (primary radial symmetry) - มีเข็มพิษ (nematocyst) อยู่ในเซลลท์ ี่เรียกว่า ไนโดไซต์ (cnidocyte) บริเวณหนวด จึงเป็นที่มาของช่อื ไฟลมั - มวี ฏั จกั รชีวิตแบบสลบั (metagenesis) คือ ในชว่ งชวี ติ มีทง้ั รูปรา่ งแบ polyp และแบบ medusa สลับกนั ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามที ง้ั การสบื พันธแ์ุ บบอาศัยเพศและแบบไม่อาศยั เพศสลับกัน จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
Phylum Cnidaria - มรี ูปร่าง 2 แบบ คอื แบบโพลปิ (polyp form) มรี ูปรา่ งคลา้ ยต้นไม้ เป็นทรงกระบอก เชน่ ไฮดรา ปะการัง และแบบเมดูซา (medusa form) มลี กั ษณะคลา้ ยรม่ หรอื ระฆังควา่ เช่น แมงกะพรุน - มีทอ่ ทางเดินอาหารไม่สมบรู ณ์ เรยี กทอ่ นวี้ ่า gastrovascular cavity นอกจากน้ที ่อนีย้ งั 7 ทาหน้าท่ีแทนระบบหมนุ เวียนสาร การแลกเปลี่ยนแก๊ส และระบบขับถ่าย จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล - ระบบประสาทเปน็ แบบร่างแห (nerve net) ไมม่ ีการรวมกล่มุ กนั ของเซลลป์ ระสาท (cephalization) - สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศด้วยการแตกหน่อ (budding) ถ้าสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศจะเป็น ส่งิ มีชวี ิตท่ีมี 2 เพศในตัวเดียว(hermaphrodite) ยกเวน้ แมงกะพรุนบางชนิดอาจมีการแยกเพศ (dioecious) และมกี ารปฏิสนธิภายนอกรา่ งกาย (external fertilization)
Phylum Cnidaria สัตวใ์ นไฟลมั น้ี จาแนกไดเ้ ป็น 4 class คอื 1) Class Hydrozoa : ไฮดรา แมงกะพรนุ ไฟบางชนดิ 2) Class Scyphozoa : แมงกะพรุนทพี่ บทัว่ ไป 3) Class Cubozoa : แมงกะพรนุ กล่อง 4) Class Anthozoa : ปะการัง ดอกไมท้ ะเล ปากกาทะเล กัลปงั หา จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล 8
Phylum Cnidaria วฏั จักรชีวติ แบบสลบั (metagenesis) ของแมงกะพรนุ และโอบเี ลยี จัดทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล 9
3. ไฟลมั แพลทเี ฮลมนิ ทิส (Phylum Platyheminthes) - สตั ว์ในไฟลมั นี้คอื พวกหนอนตัวแบน(flatworm):พลานาเรยี (planaria) พยาธิใบไม้ (fluke) พยาธติ วั ตืด (tapeworm) - พบประมาณมากกวา่ 20,000 species พบได้ทง้ั บนบก ในน้าจืดและน้าทะเล หนอนตวั แบนจาแนกได้ 3 class คอื 10 1) Class Tubellaria : เป็นพวกท่ีดารงชีวิตแบบอิสระ (free-living) เช่น พลานาเรีย หนอนตัวแบน ในทะเล 2) Class Trematoda : กลุ่มของพยาธใิ บไม้ (fluke) รปู รา่ งคลา้ ยใบไม้ ดารงชีวิตแบบปรสิตภายใน ประกอบด้วยโฮสต์ 2 ชนิด คือ principal host (โฮสต์ที่ปรสิตอยู่และมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ) และ intermediate host (โฮสต์ทป่ี รสติ อย่แู ละมกี ารสืบพนั ธ์ุแบบไมอ่ าศยั เพศ) 3) Class Cestoda : กลุ่มของพยาธติ ัวตืด (tapeworm) รูปร่างคล้ายเทป ลาตัวเป็นปล้อง ดารงชีวิต เป็นปรสิต ไม่มีระบบทางเดินอาหาร ส่วนหัว (scolex) มี hook และ sucker สาหรับใช้ยึดเกาะโฮสต์ เช่น พยาธิตืดหมู (Taenia solium) พยาธิตืดวัว (Taenia saginata) จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล
- มเี นื้อเยื่อ 3 ช้ัน (triploblastic animals) และไมม่ ชี อ่ งว่างลาตวั - เปน็ สัตว์กลุม่ แรกทม่ี สี มมาตรแบบดา้ นข้างหรอื แบบคร่งึ ซีก (bilateral symmetry) มลี าตวั แบนบาง - ทอ่ ทางเดนิ อาหารแบบไมส่ มบรู ณ์ (incomplete digestive tract) โดยในพยาธติ ัวตดื จะไม่มที างเดนิ อาหาร - แลกเปล่ยี นแกส๊ ผ่านผิวลาตวั โดยตรงด้วยวิธีการแพร่ (simple diffusion) - ระบบขับถ่ายใชเ้ ฟลมเซลล์ (flame cell) เรยี กระบบขบั ถ่ายแบบนวี้ า่ โปรโตเนฟริเดยี ม (protonephridium) - มรี ะบบประสาทแบบขนั้ บันได (ladder-type system) และมกี ารรวมกลุม่ ของเซลล์ประสาทท่ีบรเิ วณหวั (cephalization) ในพวกทดี่ ารงชีวติ แบบอิสระบางชนิดอาจมี eyespot ชว่ ยในการตรวจจับความเข้มแสงได้ - สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เชน่ การงอกใหม่ (regeneration) ถ้าสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศจะเปน็ แบบปฏสิ นธภิ ายใน และเปน็ สัตวก์ ะเทย (hermaphrodite) ทม่ี ี 2 เพศในตัวเดียว สว่ นใหญจ่ ะปฏิสนธขิ า้ มตัว (cross fertilization) ยกเวน้ พยาธิตัวตืดทีจ่ ะมีการปฏสิ นธิภายในตวั เดยี วกัน (self-fertilization) จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล 11
4. ไฟลัมนมี าโทดา (Phylum Nematoda) สตั ว์กลมุ่ น้ีเรียกรวมว่า หนอนตัวกลม (roundworm) เช่น ไส้เดือนฝอย พยาธิ ไส้เดือน พยาธิปากขอ พยาธิเส้นด้าย พยาธิตัวจี๊ด พยาธิแส้ม้า พยาธิเข็มหมุด พยาธทิ ่ที าใหเ้ กดิ โรคเทา้ ชา้ ง - พบประมาณมากกว่า 25,000 species ตวั เมียขนาดจะใหญก่ วา่ ตวั ผู้ 12 - มเี นอื้ เยอ่ื 3 ชั้น (triploblastic animals) และมชี อ่ งว่างลาตัวแบบเทยี ม (pseudocoelomate) - มสี มมาตรแบบด้านขา้ งหรอื แบบครงึ่ ซีก (bilateral symmetry)ไมม่ ีปลอ้ งบรเิ วณลาตัว - เปน็ สัตวใ์ นกลุ่ม ecdysozoa สามารถลอกคราบได้ (ecdysis) 4 ครัง้ ในชว่ งชีวิต - ส่วนใหญด่ ารงชวี ติ แบบปรสิต บางชนิดดารงชวี ิตแบบอสิ ระ - มที อ่ ทางเดินอาหารสมบูรณ์ (complete digestive tract) - แลกเปลี่ยนแก๊สโดยการแพรแ่ บบธรรมดาผา่ นผิวลาตวั (simple diffusion) - โครงสรา้ งภายในร่างกายใชข้ องเหลวในการค้าจนุ เรียกว่า hydrostatic skeleton - ระบบสบื พันธ์ุแยกเพศ (dioecious) และมีการปฏิสนธภิ ายใน (internal fertilization) จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
5. ไฟลัมมอลลสั คา (Phylum Mollusca) หอยงวงชา้ ง : nautilus หอยทาก: ล่นิ ทะเล หมึกยักษ์ : หอยงาช้าง snail : chiton octopus : tusk shell สตั ว์กล่มุ นี้เรยี กรวมว่า มอลลสั ก์ (mollusks) ทากเปลอื ย : เช่น หอยกล่มุ ต่างๆ หมกึ ยกั ษ์ หมกึ กระดอง slug ล่ินทะเล - พบมากกวา่ 50,000 species พบในน้าเป็น สว่ นใหญท่ ง้ั ในน้าจดื และน้าเค็ม บางชนดิ อยู่ บนบก - มีสมมาตรแบบด้านขา้ งหรอื แบบคร่ึงซกี (bilateral symmetry) มีเน้อื เย่ือ 3 ชั้น (triploblastic animals) - มชี ่องลาตัวแทจ้ ริง (eucoelomate) และเป็นสตั วก์ ลุ่มโปรโตสโตม (protostomia) - ลาตัวอ่อนนุม่ บางชนิดจงึ สร้างเปลือกแขง็ ทม่ี สี ารประกอบ CaCO3 หมุ้ ลาตัว บางชนิดสร้างมกุ (pearl) ได้ - รา่ งกายแบง่ ออกเปน็ 3 สว่ น คือ สว่ นแมนเทลิ (mantle) ลกั ษณะเปน็ เยอ่ื หุ้ม ทาหนา้ ทสี่ รา้ งเปลอื กหอย บางชนิดเกยี่ วขอ้ งกับการแลกเปลี่ยนแก๊สโดยใช้เหงือก , ส่วนของอวยั วะภายใน (visceral mass) และสว่ นเทา้ (foot) 13 จัดทาโดยครูสุกฤตา โสมล
- มอลลสั กเ์ กอื บทุกชนดิ ยกเวน้ หอยสองฝา จะมโี ครงสรา้ งทม่ี ีลักษณะคล้ายกับฟนั เลอ่ื ยสาหรับขูดอาหาร และเป็นประเภทไคทนิ เรียกวา่ แรดลู า (radula) radula - มีท่อทางเดนิ อาหารสมบรู ณ์ - มีระบบหมุนเวยี นเลอื ดแบบเปิด (open circulatory system) ยกเวน้ หมกึ ทเ่ี ป็นแบบปดิ - กลุม่ ท่ีอาศัยในน้ามีการแลกเปล่ียนแกส๊ โดยใชเ้ หงอื กและแมนเทลิ แตก่ ลุม่ ท่ีอยู่บนบกจะใชป้ อด - ขบั ถา่ ยใช้ metanephridia (บางตารากลา่ วว่าขบั ถา่ ยโดยใช้ไต) - ระบบประสาทมีเสน้ ประสาทอยู่ทางดา้ นทอ้ ง เร่ิมมีการรวมกลมุ่ เป็นปมประสาทบริเวณหวั (cerebral ganglion) /ในสตั วท์ ่ดี ารงชีวติ เป็นผลู้ ่าเช่นหมกึ ระบบประสาทและอวัยวะรับสัมผัสจะเจรญิ ดี หอยมกุ - สืบพันธแ์ุ บบอาศยั เพศโดยส่วนใหญจ่ ะมรี ะบบสบื พนั ธุแ์ ยกเพศ (dioecious) ยกเว้นหอยทากทเี่ ป็นกะเทย - ตัวออ่ นของมอลลัสกบ์ างชนดิ เปน็ แบบโทรโคฟอร์ (trochophore larva) จึงจัดอยูใ่ นกลุม่ lophotrochozoa จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล 14
สามารถจาแนกมอลลสั กไ์ ด้เปน็ 5 class คือ 1) Class Polyplacophora : กลมุ่ ของลิ่นทะเลหรอื หอยแปดเกล็ด (chiton) 2) Class Gastropoda : เป็นกลุ่มหอยที่พบมากที่สุด มีการบิดของอวัยวะภายในและการบิดของเปลือก (torsion and coiling) หอยกลุ่มนี้เรียกว่าหอยฝาเดียว เช่น หอยเป๋าฮ้ือ หอยเต้าปูน หอยสังข์หนาม หอยทาก บก หอยทากจิ๋ว ทากเปลอื ยในทะเล 3) Class Bivalvia : กลุ่มหอยที่มี 2 ฝา มีการดารงชีวิตแบบกินอาหารโดยการกรอง (suspension feeder) บางชนิดสามารถสร้างมุก (pearl) ท่ีสวยงามได้ เช่น หอยแมลงภู่ หอยลาย หอยแครง หอยมือเสือ หอยกาบนา้ จืด หอยนางรม 4) Class Scaphopoda : กลุม่ ของหอยงาช้าง 5) Class Cephalopoda : กลุ่มท่ีเช่ือกันว่ามีการพัฒนาส่วนของระบบประสาทได้ดีที่สุด ส่วนเท้ามีการ เปล่ยี นรปู ร่างเป็นหนวด ไดแ้ ก่ หอยงวงช้าง หมกึ กล้วย หมกึ กระดอง หมึกยกั ษ์ จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล 15
จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล 16
6. ไฟลัมแอนเนลิดา (Phylum Annelida) สตั ว์กล่มุ นี้ไดแ้ ก่ ไสเ้ ดอื นดนิ แมเ่ พรยี ง ตวั ร้อยขาหรือตัวสงกรานต์ (Sand Worm) ปลงิ น้าจดื ทากดดู เลือด - พบประมาณ 12,000 species พบทั้งกลุ่มที่อยู่ใน แอนเนลิดแบง่ เป็น 3 class คือ น้าจดื น้าเค็ม และอย่บู นบก 1) Class Polychaeta : เป็นกลุ่มท่มี ีความหลากหลาย มากที่สุด อาศัยอยู่ในน้าทง้ั หมด มโี ครงสรา้ งคล้ายใบพาย ยนื ออกมาขา้ งลาตัว เรียกว่า พาราโพเดีย (parapodia) ซึง่ ใชแ้ ลกเปล่ียนแก๊ส และมีโครงสร้างทีล่ กั ษณะคลา้ ยขน หรอื เดือย (setae) จานวนมากยื่นออกมา เชน่ แม่เพรยี ง ตัวรอ้ ยขาหรอื ตวั สงกรานต์ 2) Class Oligochaeta : กล่มุ สัตวท์ ี่เหน็ ขอ้ ปลอ้ ง ชดั เจน มีขนหรอื เดอื ยเลก็ นอ้ ย ระบบสืบพันธุเ์ ป็นแบบ กะเทย (monoecious) เช่น ไสเ้ ดอื นดิน 3) Class Hirudinea : กลุ่มสัตวท์ ีม่ ีการดารงชีวติ แบบ ปรสติ ภายนอก มี sucker สาหรบั ใช้ยึดเกาะ ไมม่ ีขนหรอื เดอื ย สามารถสรา้ งสารพวกฮิรดู ิน (hirudin) ซงึ่ เป็นสาร ยบั ยง้ั การแขง็ ตัวของเลอื ดได้ เช่น ปลิงดูดเลอื ด (Hirudo medicinalis) ปลงิ น้าจดื ปลิงควาย ปลงิ เขม็ จัดทาโดยครูสุกฤตา โสมล 17
ไสเ้ ดอื นดิน ตวั ร้อยขา ปลงิ ดดู เลือด หนอนทอ่ : marine worm - มีสมมาตรแบบคร่งึ ซีก (bilateral symmetry) มีเนือ้ เยื่อ 3 ชัน้ (triploblastic animals) - มีช่องลาตวั แท้จริง (eucoelomate) และเปน็ สตั ว์กลุม่ โปรโตสโตม (protostomia) - ลาตวั แบ่งออกเป็นปล้องเหน็ ไดช้ ดั เจน ภายในมเี ยอื่ กน้ั เรียกว่ามีการแบง่ ปล้องแบบแท้จรงิ (metameric segmentation) บ้งุ ทะเล : fire worm - มรี ะบบหมนุ เวยี นเลือดแบบปิด (close circulatory system) มีหวั ใจเทียม (pseudoheart) จัดทาโดยครูสุกฤตา โสมล - กลุ่มที่อยู่ในน้าแลกเปล่ียนแก๊สโดยใช้เหงือกบริเวณพาราโพเดีย (parapodia) ส่วนพวกที่อยู่บน บกใช้ผวิ หนัง - ระบบประสาทมปี มประสาทบริเวณหัว (cerebral ganglion) ขนาดใหญ่ และมีเส้นประสาทเป็นท่อ ตันอยูท่ างดา้ นท้อง - มที างเดนิ อาหารสมบรู ณ์ - ระบบขับถา่ ยใช้ metanephridia อยู่เปน็ คู่ๆ โดยแต่ละปลอ้ งจะมี 1 คู่ - สืบพนั ธแุ์ บบอาศัยเพศ อาจมกี ารแยกเพศ (dioecious) หรอื เปน็ กะเทย (hermaphrodite) ก็ได้ - ตัวอ่อนเป็นแบบโทรโคฟอร์ (trochophore larva) จึงจัดอย่ใู นกล่มุ lophotrochozoa 18
7.ไฟลัมอารโ์ ทรโพดา(Phylum Arthropoda) เป็นสัตว์กลุม่ ท่มี ีความหลากหลายสูงทส่ี ดุ ทงั้ ในแงข่ องชนดิ และจานวน มีมากกวา่ 1 ลา้ นชนิด พบได้ทั้งใน น้าจืด น้าเค็ม ในอากาศ หรือบนบก ตัวอย่างอาร์โทรพอดเช่น แมงดาทะเล แมงมุม แมงป่อง ไร ไรน้า เห็บ เพรยี งหิน ก้งุ กั้ง ปู ตะขาบ ก้ิงกือ แมลงต่างๆ - มีสมมาตรแบบคร่งึ ซีก (bilateral symmetry) มีเนื้อเยื่อ 3 ชัน้ (triploblastic animals) 19 - มีชอ่ งลาตัวแทจ้ ริง (eucoelomate) และเป็นสัตวก์ ลมุ่ โปรโตสโตม (protostomia) - มโี ครงรา่ งแขง็ ภายนอก (exoskeleton) เปน็ เปลือกแข็งจากสารพวกไคทนิ (chitin) ที่ใหค้ วามแข็งแรง - สามารถลอกคราบได้ (ecdysis) จึงจดั อยู่ในกลุ่ม ecdysozoa จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล
- มกี ารแบง่ ปล้องเปน็ แบบแทจ้ ริง (metameric segmentation) และมกี ารแบ่งสว่ นของร่างกาย (tagmosis) ออกเปน็ หลายแบบ เชน่ แมลงมีการแบ่งสว่ นรา่ งกายเปน็ หัว (head) อก (thorax) ท้อง (abdomen) - รยางคม์ ีลกั ษณะเปน็ คแู่ ละเปน็ ข้อๆ เรียงตอ่ กัน (jointed-paired appendages) - มรี ะบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิด มี haemocoel ลาเลยี งโดยมีรงควตั ถพุ วก hemocyanin หรือ hemoglobin - การแลกเปลย่ี นแก๊สใชร้ ะบบท่อลม (tracheal system) เหงือก (gill) book lung หรอื book gill - ทางเดนิ อาหารสมบรู ณ์ - การขับถ่ายใช้ malpighian tubules หรอื green/coxal gland - ระบบสบื พันธุ์แบบแยกเพศ (dioecious) - บางชนิดมีการเปลีย่ นแปลงรูปรา่ งขณะมกี ารเจริญเตบิ โต (metamorphosis) 20 จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
อาร์โทรพอดสามารถจาแนกไดเ้ ป็น 6 class คอื 1) Class Merostomata : แมงดาทะเล มขี าเดิน 5 คู่ ไมม่ ีหนวด ลาตัวแบ่งเปน็ ส่วนหวั และอกเชื่อมรวมกัน (cephalothorax) กบั ท้อง , ใช้ book gill แลกเปล่ยี นแก๊ส , ขบั ถา่ ยใช้ coxal gland , ไมม่ รี ะยะ larva 2) Class Arachnida : แมงปอ่ ง แมงมุม เหบ็ ไร มขี าเดิน 4 คู่ ไมม่ หี นวด ลาตวั แบ่งเป็นส่วนหวั และอกเช่อื มรวมกนั (cephalothorax) กบั ทอ้ ง , ใช้ book lung แลกเปลย่ี นแกส๊ , ขับถา่ ยใช้ทอ่ มัลพเิ กยี น (malpighian tubules), ไมม่ รี ะยะ larva 3) Class Diplopoda : กง้ิ กอื มีขา 2 คูต่ อ่ ปล้อง มหี นวด 1 คู่ ลาตัวแบ่งเปน็ สว่ นหัวกบั ลาตัว , ใช้ระบบท่อลมแลกเปลยี่ น แกส๊ , ขับถ่ายใช้ท่อมลั พิเกียน (malpighian tubules), ไม่มรี ะยะ larva 4) Class Chilopoda : ตะขาบ ตะเขบ็ มขี า 1 คตู่ อ่ ปลอ้ ง นอกน้ันเหมอื นพวกคลาสไดโพลโพดา 5) Class Insecta : แมลงชนดิ ตา่ งๆ มขี าเดนิ 3 คู่ มีหนวด 1 คู่ ลาตัวแบง่ เป็น3 ส่วน คอื หวั อก และทอ้ ง , ใชร้ ะบบท่อลม แลกเปลี่ยนแก๊ส , ขบั ถ่ายใช้ท่อมลั พเิ กียน (malpighian tubules), ไมม่ ีระยะ larva 6) Class Crustacea : กงุ้ กงั้ ปู มีขาเดิน 5-6 คู่ มหี นวด 2 คู่ ลาตัวเปน็ แบบ cephalothorax, ใช้เหงือกแลกเปลย่ี นแกส๊ , ขับถ่ายใช้ green gland , มีระยะ larva จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล 21
8. ไฟลัมเอคไคโนเดอมาตา (Phylum Echinodermata) สัตวก์ ลมุ่ น้ไี ด้แก่ ดาวทะเล (sea star) ดาวเปราะ (basket star) เมน่ ทะเล (sea urchin) เหรียญทะเลหรือ อีแปะทะเล (sand dollar) ปลิงทะเล (sea cucumber) พลบั พลงึ ทะเลหรอื ขนนกทะเล (sea lilies) - พบประมาณ 13,000 species โดยพบในทะเลเกือบทัง้ หมด อาจมีพบในนา้ กร่อยบางชนิด sea star basket star เอไคโนเดริ ม์ แบง่ เป็น 5 class คือ 1) Class Asteroidea : ดาวทะเล ดาวมงกุฎหนาม ดาวหมอนปกั เข็ม 2) Class Ophiuroidea : ดาวเปราะ ดาวงู 3) Class Echinoidea : เมน่ ทะเล อแี ปะทะเล เหรียญทะเล 4) Class Holothuroidea : ปลิงทะเล 5) Class Crinoidea : พลับพลงึ ทะเล ขนนกทะเล sand dollar sea cucumber sea lilies crown of thorn 22จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล
- มีสมมาตรแบบครึ่งซีก (bilateral symmetry) ในระยะตัวอ่อน แต่ ตัวเต็มวัยมีสมมาตรแบบรัศมี (radial symmetry) นักอนุกรมวิธาน ถือวา่ เป็นสตั ว์กล่มุ bilateria เพราะยดึ ระยะตวั ออ่ นเปน็ หลกั - มีเนอื้ เยื่อ 3 ชน้ั (triploblastic animals) - มชี ่องลาตัวแทจ้ รงิ (eucoelomate) และเปน็ สัตว์กล่มุ ดิวเทอโรสโตม (deuterostomia) - ในดาวทะเลมีระบบท่อลาเลียงนา้ ทีป่ รบั เปล่ียนมาจากชอ่ งตัวแยกไปตามแฉก และแตกแขนงออกเป็นtube feet เรยี กวา่ ระบบทอ่ น้า (water vascular system) - มีผิวหนังบางๆ หุม้ โครงร่างแขง็ โครงร่างแขง็ ภายในเปน็ แผ่นหินปูน เรยี ก ossicles เรียงอยรู่ อบตัว ผวิ ลาตวั มีหนามยนื่ ออกมา - แลกเปล่ยี นแกส๊ อาจใช้ระบบการลาเลยี งนา้ ส่วนในปลงิ ทะเลมีโครงสร้าง respiratory tree - เคล่อื นที่ใชห้ ลกั การบบี นา้ ออกจาก ampulla ทาใหท้ ่อ tube feet ยืดยาวออก - มีทางเดนิ อาหารสมบรู ณ์ มรี ะบบหมนุ เวียนเลือดแบบเปิด มที วารหนกั - ระบบสบื พันธเุ์ ป็นแบบแยกเพศ มีการปฏสิ นธภิ ายนอกรา่ งกาย 23 จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล
9. ไฟลัมคอร์ดาตา (Phylum Chordata) ลกั ษณะเฉพาะของคอรเ์ ดต (unique characteristics) ซ่ึงพบในเอม็ บรโิ อระยะใดระยะหนง่ึ ของวฏั จกั รชวี ติ มีดงั น้ี 1) การมีโนโทคอร์ด (notochord) เป็นแกนค้าจุนในช่วงใด ช่วงหนึ่งของชีวิต มีลักษณะเป็นแท่งยาวตลอดลาตัว อยู่ระหว่างท่อ ทางเดนิ อาหารและทอ่ ประสาท 2) การมีเส้นประสาทเป็นท่อกลวงที่ด้านหลัง (dorsal hollow nerve cord) พบบริเวณด้านหลังเหนือโนโทคอร์ด ซึ่งจะพัฒนาต่อไป เปน็ สมองและไขสันหลงั ในระยะตัวเต็มวยั 3) การมีช่องเหงือก (gill slit) ช่วงระยะตัวอ่อน อยู่บริเวณคอ หอย เป็นคู่ๆ ทาหน้าที่กรองอาหารในน้าท่ีไหลผ่านเข้ามา ในตัวเต็ม วัยอาจมหี รือไม่มอี ยูก่ ไ็ ด้ 4) การมีหางท่ีมีลักษณะเป็นกล้ามเน้ืออยู่ทางด้านท้ายของลาตัว (muscular postanal tail) เป็นส่วนท่ีอยู่ถัดจากทวารหนัก บริเวณ ทา้ ยลาตัว จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล 24
- มสี มมาตรแบบครึ่งซีก (bilateral symmetry) มีเนอื้ เย่อื 3 ชั้น (triploblastic animals) - มีช่องลาตวั แทจ้ รงิ (eucoelomate) และเปน็ สัตว์กล่มุ ดิวเทอโรสโตม (deuterostomia) - รา่ งกายแบ่งเปน็ ปล้องแบบแทจ้ รงิ (metameric segmentation) - มีท่อทางเดินอาหารสมบูรณ์ มีทวารหนกั (complete digestive tract) - มรี ะบบหมุนเวยี นเลือดแบบปดิ (closed circulatory system) - มอี วัยวะรับสัมผสั แบบพเิ ศษอยู่เปน็ คู่ (paired special sense organs) - ระบบสืบพนั ธเ์ุ ปน็ แบบแยกเพศ สัตว์ในไฟลัมนแี้ บ่งออกเป็น 2 กลมุ่ ดังน้ี 9.1 สตั วไ์ ม่มกี ระดกู สันหลงั (Protochordata) 9.2 กล่มุ สตั ว์มกี ระดูกสันหลัง (Vertebrata) จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล 25
9.1 สตั ว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง (Protochordata) ตวั อย่างเช่น 1) กลุม่ ยูโรคอร์ดาตา (Urochordata) - ยโู รคอรเ์ ดต (Urochordate) เชน่ เพรยี งหัวหอม (Tunicate) เพรยี งลอย เพรยี งสาย 26 - ตวั เตม็ วัยจะเกาะอยูก่ บั ที่ (sessile animal) แต่ตัวอ่อนสามารถเคลอื่ นทีไ่ ด้ - เพรยี งหัวหอมมเี ยื่อห้มุ เหนยี ว ประกอบด้วยสารคลา้ ยเซลลูโลสเรียกวา่ ทูนิค (tunic) - ตวั ออ่ นมีลกั ษณะสาคญั ของคอร์เดตครบท้ัง 4 อย่าง แต่เม่อื โตเตม็ วยั จะเหลือแค่ชอ่ งเหงือก (gill slit) เทา่ นั้นที่เหน็ ชดั เจน ไมม่ โี นโทคอร์ด ไมม่ ีเสน้ ประสาทขนาดใหญบ่ ริเวณหลังเพราะสว่ น ของ dorsal hollow nerve cord ลดรปู เหลอื แคป่ มประสาท และหางจะหายไป - มรี ะบบ water vascular system มรี ูนา้ เข้า (incurrent siphon) และรนู ้าออก (excurrent siphon) จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
2) กลุม่ เซฟาโลคอร์ดาตา (Cephalochordata) - เซฟาโลคอร์เดต (Cephalochordate) เชน่ แอมฟอิ อกซัสหรอื แหลนทะเล (Amphioxus หรอื lancelet) - ระยะตวั เตม็ วยั มีท่อประสาทขนาดใหญท่ ่บี ริเวณหลงั มีโนโทคอรด์ ยาวตลอดลาตวั และมีตลอดชีวิต มีช่อง เหงือกทค่ี อหอยและมีหาง เป็นสตั ว์กลุ่มเดยี วทีม่ ลี กั ษณะสาคญั ของคอร์เดตครบท้ัง 4 ประการตลอดช่วงชวี ติ - รูปร่างเรยี วยาว แบนทางด้านหลัง ลาตัวใส อยใู่ นทะเล ดารงชีวิตโดยการขุดฝังตัวเองอย่ใู นทราย - มีระบบหมุนเวยี นเลอื ดแบบปดิ (closed circulatory system) Amphioxus 27 จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล
9.2 กลุ่มสัตวม์ กี ระดกู สนั หลงั (Vertebrata) 28 - สตั วใ์ นกลมุ่ นไ้ี ด้แก่ สตั ว์มีกระดกู สนั หลัง (Vertebrates) ทุกชนดิ - มีลักษณะสาคญั ของคอร์เดต 4 ประการในช่วงตวั ออ่ นเทา่ นั้น ตอนโตขึ้นอาจลดรปู ลงไป - มีกะโหลกศีรษะ (skull/cranium) ยกเวน้ ในกลุ่มปลาปากกลม - ส่วนของ notochord ลดรูปไป (ยกเว้นในกลุ่มปลาไม่มีขากรรไกร) เริ่มมีกระดูกสันหลัง (vertebral column) ข้นึ มาแทนท่ี โดยอาจเปน็ กระดูกอ่อน (cartilage) หรอื กระดูก (bone) เปน็ แกนคา้ จนุ หลกั - มีระบบปกคลุมผวิ (integumentary system) ประกอบด้วยช้ัน epidermis และ dermis - มีระบบหมนุ เวียนเลือดแบบปดิ (closed circulatory system) - มีไตเป็นคู่ (paired kidney) ทาหนา้ ท่ใี นการขับถา่ ย - สมองแบ่งออกเปน็ 3 ส่วน มเี สน้ ประสาทสมอง (cranial nerve) 10-12 คู่ จาแนกออกเป็น 2 กลุม่ ใหญ่ ไดแ้ ก่ 1. Superclass Agnatha : กลุม่ ปลาไมม่ ขี ากรรไกร - เป็นสัตว์น้า ได้แก่ ปลาท่ีไม่มีขากรรไกร (jawless fish) ปัจจุบันท่ีพบคือ ปลาปากกลม เช่น แฮกฟชิ (hagfish) แลมเพรย์ (lamprey) - รปู รา่ งเรียวยาวคล้ายปลาไหล ไม่มีเกลด็ มแี ตค่ รบี หลัง ไมม่ คี รบี อกและครีบท้อง - แกนคา้ จุนของร่างกายเป็นกระดูกออ่ น (cartilage) มี notochord ตลอดชีวิต จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
ฉลาม กระเบน 2. Superclass Gnathostomata : กลุ่มสตั ว์ที่มีขากรรไกร แบง่ เปน็ 2.1 กลุ่มปลา (fishes หรอื pisces) แบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 class หลกั คือ 1) Class Chondrichthyes : กลมุ่ ของปลากระดกู ออ่ น เชน่ ฉลาม กระเบน ฉนาก ฉนาก - โครงรา่ งคา้ จุนรา่ งกายเปน็ กระดูกอ่อน (cartilage) ทัง้ หมด - เหงอื กสัมผัสกับส่ิงแวดลอ้ มโดยตรง ไม่มแี ผ่นปิดเหงือก (operculum) - ปากอย่ทู างด้านลา่ ง (ventral mouth) หางส่วนบนใหญก่ ว่าสว่ นล่าง - ผิวหนงั ปกคลุมด้วยเกล็ดละเอียด เรียกว่า เกล็ดแบบพลาคอยด์ (placoid scale) - มีการปฏิสนธิภายใน (internal fertilization) ส่วนใหญ่ออกลูกเป็นตัว (viviparous animal) ยกเว้น ฉลาม จะเปน็ ovoviviparous animal 2) Class Osteicthyes : กลมุ่ ของปลากระดูกแข็ง เชน่ ปลาทู ปลาตะเพียน ปลาชอ่ น และม้าน้า ปลาตะเพยี น - โครงร่างคา้ จุนรา่ งกายเปน็ กระดูกแข็ง (bone) ผิวหนังปกคลุมดว้ ยเกลด็ (scale) - เหงอื กอยู่ภายใน มีแผ่นปิดเหงอื ก (operculum) 29 - มกี ระเพาะลม (swim bladder) ช่วยในการลอยตัว - หัวใจมี 2 ห้อง เลอื ดทม่ี ีออกซิเจนต่าเท่านั้นท่ไี หลผ่านหัวใจ จดั เป็นสัตวก์ ลมุ่ ectotherm - ส่วนใหญ่การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย (external fertilization) จัดทาโดยครูสุกฤตา โสมล มา้ นา้
จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล 30
ซาลามานเดอร์ 2.2 กลมุ่ สัตว์เททราพอด (tetrapod) แบ่งออกไดเ้ ปน็ 4 class หลกั คอื 1) Class Amphibia : กลมุ่ สัตวส์ ะเทินน้าสะเทินบก เช่น กบ อ่งึ อา่ ง คางคก ซาลามานเดอร์ - ผิวหนังเรียบชื้น ไมม่ ีเกลด็ เพอื่ ใหเ้ กิดการแลกเปลีย่ นแก๊สผา่ นทางผิวหนงั ได้ - ตอนเป็นตัวอ่อนหายใจด้วยเหงือกเพราะอยู่ในน้า แต่เม่ือเป็นตัวเต็มวัยจะหายใจ ดว้ ยปอดและผิวหนงั - หวั ใจมี 3 หอ้ ง จัดเป็นสัตวก์ ล่มุ ectotherm - ระบบสืบพนั ธ์ุเปน็ แบบแยกเพศ ปฏสิ นธิภายนอก ไขจ่ ะมีวนุ้ ห้มุ ชว่ ยในการลอยตวั - บางชนิดในช่วงการเจริญเตบิ โตสามารถเกิด metamorphosis ได้ กบ อง่ึ อ่าง คางคก ปาด เขยี ด จงโคร่ง 31 จดั ทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
จระเข้ 2) Class Reptilia : กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน (reptile) เชน่ งู กง้ิ ก่า เต่า จิง้ จก จิง้ เหลน จระเข้ - ผวิ หนงั แหง้ มีเกล็ด (dermal scale) ปกคลุมร่างกาย - หัวใจมี 4 หอ้ งไม่สมบูรณ์ ยกเวน้ จระเข้ท่ีมีหัวใจ 4 ห้องสมบูรณ์ เป็นสัตว์กลุ่ม ectotherm - ขับถา่ ยของเสียในรปู กรดยูริก - เป็นสัตว์กลุ่มแรกท่ีตัวอ่อนมีถุงน้าคร่า (amnion) ห่อหุ้ม จึงจัดอยู่ในสัตว์กลุ่ม แอมนิโอต (amniotes) ตัวแย้ เตา่ บก จิง้ เหลน งู ก้งิ กา่ เต่าทะเล จ้งิ จก ตกุ๊ แก 32 จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล ตวั เงินตวั ทอง
3) Class Aves : กลมุ่ สตั ว์ปีกชนิดตา่ งๆ เช่น นก เปด็ ไก่ ห่าน - ผวิ หนงั ปกคลมุ ดว้ ยขนท่ีมีลักษณะเป็นแผง เรียกว่า feather - ขาเดินคู่หน้าเปล่ียนเป็นปีกสาหรับบิน หายใจด้วยปอด มีถุงลมช่วยเก็บสารองอากาศขณะบิน แต่ไม่ได้เก่ียวข้องกับ การแลกเปลยี่ นแกส๊ - ปากมลี ักษณะเป็นจะงอย ฟนั ไมค่ ่อยเจริญ มหี างที่สั้นเพ่ือช่วยในการทรงตวั ขณะบนิ มีนกบางชนดิ บนิ ไม่ได้ - หวั ใจ 4 หอ้ งสมบูรณ์ เป็นสตั ว์กลุม่ ectotherm - มกี ารปฏิสนธิภายในและออกลูกเป็นไข่ เป็นกลมุ่ amniotes 33 จัดทาโดยครูสกุ ฤตา โสมล
4) Class Mammalia : กลมุ่ สตั ว์เล้ียงลกู ด้วยนา้ นม (mammal) เชน่ ต่นุ ปากเป็ด จงิ โจ้ โคอาลา คา้ งคาว ไพรเมต - โครงสรา้ งเฉพาะของสัตวก์ ล่มุ นี้ คอื มตี อ่ มนา้ นม (mammary gland) แมว เลียงผา - ผวิ หนังปกคลมุ ด้วยขนเปน็ เสน้ (hair) และมตี อ่ มเหงือ่ (sweat gland) - มใี บหู (pinna) ช่วยในการรวมเสียงเข้าสใู่ นรหู ู - ภายในหูช้ันกลางมีกระดกู หู 3 ช้ิน คอื กระดกู คอ้ น กระดูกทง่ั และกระดกู โกลน - หัวใจ 4 ห้องสมบรู ณ์ เป็นสัตว์กลุ่ม ectotherm - มกี ารปฏสิ นธภิ ายใน เป็นกลุ่ม amniotes วัลลาบี บา่ ง ตนุ่ ปากเป็ด โคอาล่า พะยูน 34 จัดทาโดยครูสุกฤตา โสมล
สามารถจาแนกสัตวเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยน้านมเป็น 3 subclass คอื 4.1 Subclass Prototheria : กลมุ่ สัตว์ท่อี อกลูกเป็นไข่ (Monotremata) : ตนุ่ ปากเป็ด ตัวกนิ มดมหี นาม 4.2 Subclass Metatheria : กลุ่มสัตว์ที่มีถุงหน้าท้อง (marsupillia) เพราะว่ามดลูกยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่สร้างรก ลูกจึงอยู่ใน ทอ้ งได้ไมน่ าน แลว้ ออกมาเจรญิ ต่อในถุงหน้าท้อง : จิงโจ้ หมีโคอาลาในออสเตรเลีย หมาป่าทสั มาเนีย วลั ลาบี โอพอสซมั 4.3 Subclass Eutheria : กล่มุ สัตวท์ ่อี อกลกู เป็นตัว (Eutheria) มรี กเพื่อใช้การเล้ียงตัวอ่อน (placental mammal) โดยรกจะ แขง็ แรง มดลูกเจรญิ ดี เลยี้ งลูกในมดลกู จนคลอดออกมาเป็นตัว แบ่งเป็น 1) Order Chiroptera : คอื พวกท่ีมีปกี บินได้ เช่น ค้างคาว บา่ ง 2) Order Primate : คือพวกท่ีมี 5 นิ้ว เป็นสัตว์ท่ีอาศัยอยู่บนต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ มีมือและเท้าสาหรับยึดเกาะ มีสมองขนาด ใหญ่ ขากรรไกรส้นั ทาใหใ้ บหน้าแบน มตี าทใี่ ชม้ องไปข้างหน้า มเี ลบ็ แบนทง้ั นวิ้ มอื และนว้ิ เท้า แบ่งออกเปน็ 2 กลุ่ม ได้แก่ 2.1) โพรซเิ มียน (Prosimian) ไดแ้ ก่ ลิงลมหรอื นางอาย และลิงทารซ์ เิ ออร์ (ลิงทารเ์ ซีย) 2.2)แอนโทรพอยด์ (Anthropoid) ได้แก่ ลิงมีหาง เช่น ลิงโลกเก่า (ลิงบาบูน ลิงแสม ค่าง) ลิงโลกใหม่ (ลิงสไปเดอร์ ลงิ ทาร์มาริน ลิงมารม์ อเสท) ลงิ ไม่มีหาง เชน่ ชะนี อุรงั อตุ ัง กอรลิ ลา ชิมแพนซี มนุษย์ ลิงสไปเดอร์ นอกจากนี้ยงั มอี กี หลาย order เชน่ ลิงทาร์เซยี - อาศัยในน้า เช่น วาฬ โลมา พะยูนหรือหมูน้า ฮปิ โปหรือช้างนา้ แมวนา้ ลงิ ลม - อาศัยบนบก เชน่ หนู กระรอก จดั ทาโดยครูสุกฤตา โสมล 35
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: