Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Kingdom Fungi สื่อการเรียนการสอน โดยครูสุกฤตา โสมล

Kingdom Fungi สื่อการเรียนการสอน โดยครูสุกฤตา โสมล

Published by suklittha24, 2020-12-31 16:36:01

Description: สื่อการเรียนการสอนออนไลน์เรื่อง อาณาจักรฟังไจ : Kingdom Fungi โดยครูสุกฤตา โสมล วิชาชีววิทยา ระดับชั้น ม.6

Search

Read the Text Version

3. อาณาจักร FUNGI จัดทาโดย ครูสุกฤตา โสมล รายวิชาชวี วทิ ยา ชั้น ม.6 โรงเรยี นเบญจมราชทู ศิ จังหวดั จันทบรุ ี

2 เรื่องทว่ั ไปเกย่ี วกบั ฟงั ไจ (Fungi)  ฟังไจ (fungi) เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีทั้งเซลล์เดียวและหลายเซลล์ ที่ยังไม่พัฒนาเป็นเน้ือเย่ือ กลุ่มฟังไจมีลักษณะร่วมกันคือ ผนังเซลล์มีสารไคทินเป็นองค์ประกอบ มีการดารงชีวิตแบบ ภาวะย่อยสลาย บางชนิดเป็นปรสิตของสิ่งมีชีวิตอื่น สืบพันธ์ุ แบบอาศยั เพศและไม่อาศยั เพศโดยการสร้างสปอร์ โดย ครูสุกฤตา โสมล

 ฟังไจส่วนใหญ่มีเส้นใยขนาดเล็กเรียกว่า 3 ไฮฟา (hypha) ซง่ึ อาจมหี รอื ไมม่ เี ยอ่ื ก้ัน 2 Types of  กลุ่มของไฮฟาเรียกว่าไมซีเลียม (mycelium) Hyphae ทาหน้าท่ียึดเกาะอาหารและส่งเอนไซม์ไป ส ล า ย อ า ห า ร ภ า ย น อ ก เ ซ ล ล์ แ ล ะ ดู ด ซั บ สารอาหารทย่ี ่อยแลว้ เขา้ สู่เซลล์  ไ ม ซี เ ลี ย ม ใ น ฟั ง ไ จ บ า ง ช นิ ด พั ฒ น า เ ป็ น โครงสร้างท่ีโผล่พ้นดินเรียกว่า ฟรุตติง บอดี (fruiting body) ทาหน้าท่ีสร้างสปอร์ท่ีได้จาก การสืบพันธแ์ุ บบอาศยั เพศ โดย ครูสุกฤตา โสมล

 นักชีววิทยามีความเช่ือว่า ฟังไจมีความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการ 4 ใกล้ชิดกับสัตว์มากกว่าพืช สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตาม ลักษณะการสืบพนั ธ์ุ ดังนี้ 1. กลมุ่ ทีม่ ีการสบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศและไม่อาศยั เพศ : ไฟลัมไคทริดิโอไมโคตา (Phylum Chytridiomycota) มีการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุและสปอร์ท่ีมีแฟลเจลลาท่ีใช้ใน การเคลือ่ นที่ ฟงั ไจในกลุม่ น้ี เรียกว่า ไคทริด (chytrids) โดย ครูสุกฤตา โสมล

Chytrids (Chytridiomycota) 5 - Aquatic fungi with flagellated zoospores ; also parasites on amphibian skins (responsible for worldwide amphibian decline?) - diploid / haploid (sporophyte) life cycle โดย ครูสุกฤตา โสมล

2. กลุ่มทม่ี กี ารสบื พนั ธแุ์ บบอาศยั เพศ มี 5 ไฟลัม ไดแ้ ก่ 6 2.1 ไฟลัมโอโอไมโคตา (Phylum Oomycota)  สืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศโดยการสร้างโอโอสปอร์ (Oospore) เช่น Phytophthora inferstans หรือราที่ทาให้เกิดโรคไหม้ และโรคราน้าค้างในพืช บางชนิดอยู่ในน้า (ราน้า) บางชนิด เปน็ ปรสติ ของปลา แต่ส่วนใหญ่อาศัยอยบู่ นซากเน่าเป่อื ย  ลักษณะสาคัญ มีลักษะคล้ายสาหร่าย มีหลายขนาดตั้งแต่เซลล์เดียว จนกระทง่ั เปน็ พวกหลายเซลล์ ไฮฟาไม่มีเยอ่ื กั้น (nonseptate mycelium) ผนังเซลล์ประกอบด้วยเซลลโู ลส มสี ารไคทนิ เพียงเลก็ น้อย โดย ครูสุกฤตา โสมล  การสืบพนั ธุ์ - แบบอาศัยเพศ สร้างไข่และสเปิร์มที่ไม่มีแฟลเจลลัม เคลื่อนท่ีไม่ได้ ในโครงสร้างที่ เรยี กว่า gametangium - แบบไม่อาศัยเพศ สร้างสปอร์เรียกว่า โอโอสปอร์ (oospores) และซูโอสปอร์ (zoospores) ทีม่ ีแฟลเจลลมั 2 เส้น สาหรับวา่ ยนา้

2.2 ไฟลัมไซโกไมโคตา (Phylum Zygomycota) 7 เชน่ Rhizopus nigricans ราดาทข่ี ึ้นบนขนมปัง (Black bread mold) ผลไม้ และอาหารเนา่ เสยี ส่วนใหญ่เป็นราทีอ่ าศยั บนบก  ลกั ษณะสาคญั ไฮฟาไม่มีเยื่อกั้น (nonseptate mycelium) ดังน้ัน ไฮฟาจึงมีนิวเคลียสจานวนมาก ผนังเซลล์เป็นสารไคทิน ไม่มี เซลล์ใดมีแฟลเจลลัม โดย ครูสุกฤตา โสมล

Phylum Zygomycota 8  การสบื พนั ธุ์ สร้างสปอร์ 2 ชนิดคือ - สืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศโดยการสร้าง ไซโกสปอร์ (zygospores) เปน็ สปอรท์ ี่ เจริญมาจากไซโกต (เกิดจากการ ร ว ม ตั ว กั น ข อ ง gametagium) มี ลกั ษณะผนงั หนา ทนทาน - แบบไม่อาศัยเพศสร้างสปอร์ช่ือ สปอแรงจิโอฟอร์ (sporangiophore) โดย ครูสุกฤตา โสมล

2.3 ไฟลัมแอสโคไมโคตา (Phylum Ascomycota) 9 ราในไฟลมั นี้มีจานวนชนดิ มากทส่ี ดุ เชน่ Saccharomyces cerevisiae หรอื ยีสตห์ มกั เบยี ร์ (Brewer’s yeast) , ราสีแดง(Monascus sp.)ท่ีใชผ้ ลติ ข้าวแดงและเต้าหู้ย้ี , รานา้ ค้าง และมีบางชนดิ สร้างดอกเห็ดซึ่งใชเ้ ป็นอาหารได้ Saccharomyces cerevisiae Monascus purpureus เห็ดแชมเปญ โดย ครูสุกฤตา โสมล

Phylum Ascomycota 10  ลักษณะสาคัญ ไฮฟามีเย่ือก้ัน แต่เยื่อก้ันมีรูทะลุ (perforated septum) ทาให้ไซโทพลาซึม และนวิ เคลยี สไหลถึงกันได้ (ยกเว้นยสี ต์ซ่ึงเป็นเซลลเ์ ดยี ว)  การสืบพันธุ์ สร้างสปอร์ 2 ชนดิ คอื - อ า ศั ย เ พ ศ โ ด ย ก า ร ส ร้ า ง แ อ ส โ ค ส ป อ ร์ (ascospores) ลักษณะผนังหนา (เป็นเซลล์อิสระท่ี แต่ละสปอร์มีผนังและไซโทพลาซึมหุ้มนิวเคลียส) ถูกสรา้ งภายในถุง (sac) เรียก แอสคัส (ascus) ซึ่ง เป็นลักษณะเฉพาะของราในไฟลัมน้ี จานวนสปอร์ ในถุงแอสคัสอาจมี 1,4,8 หรือจานวนมาก แล้วแต่ ชนิดของรา ดังนั้นเรียกอีกชื่อหน่ึงว่า แซคฟังไจ (sac fungi) โดย ครูสุกฤตา โสมล - แบบไมอ่ าศยั เพศ อาจสรา้ งสปอร์เดีย่ วหรือต่อกนั เป็นลกู โซ่ตรงปลายเสน้ ใยทเ่ี รยี กว่า โคนิเดยี ม (conidium)

Phylum Ascomycota 11 โดย ครูสุกฤตา โสมล

Phylum Ascomycota 12  ยีสต์ (Yeast) เปน็ ราเซลล์เดี่ยว มีการสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศยั เพศโดยการแตกหน่อ หรือบางชนิด โดยการแบ่งตัว (fission) หรือสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยสร้างแอสโคสปอร์ จานวน 4 หรือ 8 สปอร์ในแอสคสั เดย่ี วทไ่ี ม่มีสิง่ หอ่ หมุ้  พวกที่สร้างดอกเห็ดที่กินได้ ได้แก่ เห็ดโมเรล (morel) และทรัฟเฟิล (truffle) ซึ่งแอสโคคารป์ มีไมซีเลียมมาหอ่ ห้มุ เปน็ ดอกเหด็ Yeast โดย ครูสุกฤตา โสมล ข้อควรทราบ : โมเรล (morel) และทรัฟเฟิล (truffle : เห็ดถอบ/เห็ดเผาะ) เป็นเห็ดที่รับประทานมากใน ประเทศเขตหนาว พบได้บ้างทางภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย

2.4 ไฟลมั เบสดิ ิโอไมโคตา (Phylum Basidiomycota) มหี ลายชนิด ได้แก่ 13 - เห็ดท่ีกินเป็นอาหารได้และมีความสาคัญทางเศรษฐกิจ เช่น เห็ดฟาง (Volvariclla volvacea) เหด็ หอม (Lentinula edodes) รวมทง้ั เหด็ หหู นู เห็ดนางรม เหด็ เปา๋ ฮื้อ เห็ดแชมปิญอง - หลายชนิดเป็นเห็ดมพี ษิ มกั จะมลี กั ษณะสีสวยงาม - บางชนิดทาให้เกิดโรค เช่น โรคราสนิมในข้าวสาลี (Puccinia graministritici) โรคราสมัทส์ (ราเขม่าดา) ในข้าวโพด (Ustilago maidis) เห็ดฝาง เห็ดหอม เห็ดหูหนู เหด็ พษิ เหด็ แชมปญิ อง ราเขมา่ ดา เหด็ เป๋าฮื้อ โดย ครูสุกฤตา โสมล

Phylum Basidiomycota  ลกั ษณะสาคัญ 14 - ไฮฟามเี ยื่อก้นั แบบมรี พู รุน - ไมซีเลียมมี 3 ระยะ ระยะแรก เพิ่งเจริญข้ึนจากสปอร์มี นิวเคลียสเดียว ระยะสอง แต่ละเซลล์มี 2 นิวเคลียส ระยะสาม เกิดจากไมซีเลียมระยะสองรวมตัวกันคล้าย เนื้อเยอื่ ประกอบขึ้นเปน็ กา้ นและดอกเหด็ - เหด็ ทนี่ ามาปรงุ อาหารคอื สว่ นของฟรตุ ตงิ บอดี โดย ครูสุกฤตา โสมล

15 Structure of Mushroom โดย ครูสุกฤตา โสมล

16 โดย ครูสุกฤตา โสมล

17 โดย ครูสุกฤตา โสมล

18 * สงั เกตใหด้ ี เพราะมคี วามตา่ ง โดย ครูสุกฤตา โสมล

 การสบื พนั ธุ์ สร้างสปอร์ 2 ชนดิ คอื 19 - สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยการสร้างเบสิดิโอสปอร์ (basidiospores) ถูกสร้างที่ภายนอก โครงสร้างเรียกว่า เบสิเดียม แบ่งออกเป็น 2 พวก คือ พวกที่เบสิเดียมี 4 เบสิดิโอสปอร์ และ พวกทีเ่ บสิเดียมี 1 เบสิดิโอสปอร์ * พ ว ก ท่ี มี วิ วั ฒ น า ก า ร สูงสดุ เบสเิ ดียมเกดิ อยบู่ น fruiting body ที่เรียกว่า basidiocarp (ดอกเห็ด) โดย ครูสุกฤตา โสมล

2.5 ไฟลมั ดวิ เทอโรไมโคตา (Phylum Deuteromycota) 20 ราในไฟลัมน้ี ได้แก่ ราท่ีนามาใช้ผลิตเพนนิซิลิน (Penicillium sp.) ราที่ใช้ผลิตกรดซิตริก (Aspergilus sp.) ราทใี่ ช้ผลติ เนยแขง็ ราทท่ี าให้เกดิ โรคกลากเกลือ้ น เท้าเปอ่ื ย  ลกั ษณะสาคญั - ไมซีเลียมมีผนังกั้นเช่นเดียวกับไฟลัมแอสโคไมโคตา และเบสิดิโอไมโคตา - วัฏจกั รชวี ิตไมพ่ บวา่ มกี ารสืบพันธ์แุ บบอาศยั เพศ พบแต่ระยะโคนิเดีย (conidia) Penicillium sp. Aspergilus sp. โดย ครูสุกฤตา โสมล

Phylum Deuteromycota 21  เรียกอีกช่ือหน่ึงว่า Fungi imperfecti หมายถึง กลุ่มของราหลายชนิดที่ไม่พบว่ามีการสืบพันธุ์แบบ อาศัยเพศ และถูกจัดไว้ในไฟลัมนี้เพ่ือความสะดวก ในขณะท่ีราไฟลัมอ่ืนๆ จัดแบ่งตามชนิดของ สปอรท์ ี่เกิดจากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ - ไมคอรไ์ รซา (Mycorrhiza)เปน็ ฟังไจทอี่ ยรู่ ่วมกนั กบั รากพืชโดย สร้างโครงสร้างที่ประกอบด้วยเซลล์ของรากพืชและไฮฟาของ ฟังไจท่ีบริเวณรากพืช ซึ่งไมคอร์ไรซาช่วยเพ่ิมความสามารถใน การดูดซึมแรธ่ าตขุ องรากพืชจากดนิ ทาให้พชื เจรญิ เติบโตได้เรว็ โดย ครูสุกฤตา โสมล

 ประโยชนข์ องเหด็ รา 22 1. ดา้ นอาหาร - หลายชนิดใช้เป็นอาหารได้ และสามารถเพาะเลย้ี งเป็นการคา้ ได้ เชน่ เหด็ ฟาง เห็ดหหู นู เหด็ หอม เห็ดนางฟา้ เห็ดเปา๋ ฮื้อ - บางชนิดใช้เปน็ อาหารได้แต่ไมส่ ามารถเพาะเลี้ยงได้ เชน่ เห็ดโคน เหด็ เผาะ เหด็ ตับเต่า 2. ดา้ นอตุ สาหกรรม - การผลิตกรดอินทรีย์ เชน่ ใช้ Rhizopus nigricans ในการผลิตกรดฟูมาริก - ใช้ผลิตสารเคมตี า่ งๆ เอนไซม์เซลลเู ลส - ยีสต์ทาให้เกิดกระบวนการหมัก ดังน้ัน ถูกนามาใช้ในอุตสาหกรรมผลิต แอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ และไวน์ ใช้ทาให้ขนมปังฟู ใช้ในการผลิตเต้าเจ้ียว เต้าหู้ย้ี กรดอินทรยี ์ และอาหารเสริมเพ่อื เพิ่มวิตามิน B12 บางชนดิ ใช้ในการผลิตเนยแขง็ 3. ดา้ นการแพทย์ - รา Penicillium sp.หรือราเขยี ว ใชใ้ นการผลติ ยาปฏชิ วี นะประเภทเพนซิ ิลนิ 4. ดา้ นระบบนิเวศ - เป็นผู้ย่อยสลายสารอนิ ทรยี ์ ทาใหเ้ กิดการหมุนเวยี นของสารคาร์บอน ไนโตรเจน และสารอ่นื ๆ ในระบบนเิ วศ โดย ครูสุกฤตา โสมล

 โทษของเหด็ รา 23 - เห็ดบางชนิดมพี ษิ ที่กินแล้วเกดิ อาการเมาและถงึ ตายได้ - รา Apergillus flavus ที่มักพบในอาหารที่เปียกชื้น เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง หอม กระเทียม เน้ือมะพร้าว จะผลิตสารพิษ อะฟลาทอกซิน (aflatoxin) ทีเ่ ป็นพิษต่อตับและเป็นสาเหตสุ าคัญของโรคมะเร็งตบั Apergillus flavus - ราหลายชนิดเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดโรคในคน เช่น โรคผิวหนังกลากเกล้ือน โรคเป่ือยตามง่ามน้ิวมือนิ้วเท้า โรคราในปอด โรคทางเดนิ หายใจ - โรคท่ีเกิดจากราเกิดขึ้นไม่มากนักในคนปกติที่รักษาความสะอาดตามร่างกายตามสมควร แต่ในคนที่ระบบภูมิ ต้านทานโรคอ่อนแอ เช่น คนที่เป็นโรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome : AIDs) คนท่ีได้รับ ยาหรือฉายรังสีต่อต้านโรคมะเร็ง ผู้ป่วยท่ีได้รับการรักษาโดยใช้ยาสเตียรอยด์ คนเป็นโรคเบาหวาน หรือคนท่ี ได้รับยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน มักเป็นโรคเกิดจากเชื้อรา ซ่ึงอาจเป็นชนิดที่ไม่ติดโรคในคนปกติ และเกิดโรค ซา้ ซากเปน็ เวลานาน โดย ครูสุกฤตา โสมล

- ราหลายชนิดเป็นของโรคพืช เช่น โรคราสนิมในกะหล่า โรคราน้าค้างในองุ่น โรคเขม่าดา 24 โรคใบจดุ และโรครากเน่าโคนเนา่ ของไมผ้ ลบางชนดิ - ทาให้อาหารและผลไม้เน่าเสีย โดย ครูสุกฤตา โสมล

25 ผงั สรปุ Kingdom Fungi โดย ครูสุกฤตา โสมล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook