By Chawinwut
คืนนั้นมืดมาก มืดขนาดที่ฉันหลับตาหรือลืมตา ก็ ค่าเท่ากัน ฉันนอนอยู่กลางป่าภาคเหนือ คนเดียว อย่าง น้อยก็ในรัศมีหลายร้อยเมตร ไม่มีใครสักคนอยู่ ตรงนี้ คืนนั้นพระจันทร์เหมือนถูกดูดกลืนหายไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะต้องวิ่งผ่านป่าในความมืด ไปให้ถึง base camp หรือจุดที่จะมีคนช่วยเหลือ รออยู่
เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฉันพาตัวเองไปอยู่ป่าที่ชุมชนบ้านห้วยหินลาดใน จังหวัดเชียงราย ในทริปกิจกรรม Vision Quest หรือนิเวศภาวนา ฟังชื่อ แล้วหลายคนคงไม่คุ้นเคย แต่ถ้าต้องอธิบายง่ายๆ มันคือการพาตัวเรากลับไป เชื่อมโยงกับธรรมชาติ รับการเยียวยาจากต้นไม้ ใบหญ้า พระอาทิตย์ พระจันทร์ และตกตะกอนคำตอบของคำถามที่มีอยู่ในชีวิต ฟังดูสวยงามและน่าสนใจสำหรับคนสายเดินป่า แต่สำหรับฉัน ผู้ไม่เคยกาง เต็นท์ ผู้ไม่เคยก่อไฟ ผู้ไม่นิยมชีวิตที่ไม่มีห้องน้ำและชักโครกนั่งสบาย ผู้ไม่คุ้น วิถีป่า ผู้นอนไม่หลับเวลาแปลกที่ ผู้ไม่ชอบแมลง ผู้มีความกลัวเป็นสรณะ ผู้ จินตนาการล้ำเลิศว่าตอนอยู่คนเดียวจะเจอเสือ หมี งู และช็อกสติหลุด … คำถามคือ กลัวขนาดนี้ จะไปทำไม?
ก็เพราะว่ากลัวที่สุดล่ะมั้ง ก็เลยต้องไป นี่แหละ คำตอบในวันที่ตัดสินใจ ขยายความเพิ่มเติมอีกสักหน่อย ชีวิตช่วงนั้นก็ เหนื่อยจริงนั่นแหละ รู้สึกว่ามีบางมุมในชีวิตที่ ทำให้กุมขมับจนรู้สึกอยากหนีไปพักในป่าเงียบๆ แรงกายแรงใจมันห่อเหี่ยวลงทุกวัน พอสืบสาว ค้นดูต้นตอความเหนื่อยในชีวิต ก็พบว่าความ เหนื่อยก้อนใหญ่เกิดจากความกลัว (เหมือนที่ ฉันเคยเล่าไว้ในตอนที่ว่าด้วยความวิตกกังวล) กลัวนั่นกลัวนี่ กลัวพูดไม่เข้าหูคน กลัวการ ตัดสินใจ พอเห็นแบบนี้ก็คิดขึ้นมาว่า ถ้ามันกลัว มากนัก ก็ไปอยู่กับความกลัวที่เป็นรูปธรรมที่ ชัดเจนที่สุดสักรอบไหมล่ะ ถ้ารอดมาได้ก็คือเธอ รอด ในชีวิตต่อจากนี้ฉันก็จะจดจำว่า ฉันคือผู้ รอดจากความกลัว ฉันอยู่กับความกลัวได้ (โว้ย)
แล้วทริปพิสูจน์การเอาตัวรอดของตัวเอง โดยไม่มี อินเทอร์เน็ต ไม่มีผ้านวมนุ่ม ไม่มีเทียนหอมไว้จุดคลายใจ แต่มี พลั่วหนึ่งอันไว้ขุดทำห้องน้ำส่วนตัว ก็เริ่มต้นขึ้นแบบนั้น ในทริปนิเวศภาวนา เราไม่ได้อยู่คนเดียวตลอด เรามีเพื่อนร่วม ทริปที่ออกเดินทางด้วยกัน รวมทั้งมีผู้นำกระบวนการที่ช่วยให้ อุ่นใจว่าหากเกิดอะไรขึ้นเราจะยังมีทีมซัพพอร์ต สมาชิกผู้ร่วม ทริปแต่ละคนมีเหตุผลที่มาเข้าร่วมแตกต่างกันไป ในเหตุผล ของหลายคนก็มีความสั่นไหวเป็นส่วนประกอบ บางคนมา เพราะชีวิตเพิ่งผ่านการสูญเสีย บางคนมาเพื่อหาคำตอบให้กับ ปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก ในจุดร่วมของเราบางคน เราอยากตามหาผืนดินที่หนักแน่น มั่นคงให้จิตใจ เพื่อที่เราจะกลับไปเผชิญหน้าต่อเรื่องราว ท้าทายต่างๆ อย่างมีพลังมากขึ้น ในวงพูดคุย เราแบ่งปันเรื่อง ราวหลากหลายนั้นด้วยกัน ก่อนจะสรุปโจทย์ที่สำคัญในใจที่สุด แล้วแยกย้ายออกไปใช้เวลาอยู่คนเดียวทั้งหมด 2 วัน 2 คืน แล้วเราจะกลับมาพบและแบ่งปันเรื่องราวกันอีกครั้ง ว่าเราได้ เรียนรู้หรือเจออะไรบ้างตอนอยู่ลำพัง
แต่ละคนจะได้เลือกจุดกางเต็นท์ของตัวเอง จุดที่อยู่แล้วรู้สึกว่าใช่ และต้อง เป็นจุดที่อยู่ห่างกันมากพอจะรู้สึกว่าได้อยู่คนเดียวจริงๆ จุดที่ฉันเลือกอยู่เป็นกุฏิร้าง (ที่หลายคนลงความเห็นว่าน่ากลัวเหมือนฉาก ในละครผี และจะไม่มีวันเลือกอยู่ตรงนั้นเด็ดขาด) ฉันไม่ได้เลือกอยู่เพราะ ว่าที่นั่นเป็นกุฏิหรอก แค่รู้สึกสะกิดใจกับต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตายหลังกุฏิก็ เท่านั้น แต่วินาทีที่ขนของมาและเริ่มกางเต็นท์ ก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวข้างใน ฉัน จะผ่านช่วงเวลาตรงนี้ไปได้อย่างไร จะผ่านไปแบบไหน บรรยากาศรอบตัว ไม่ได้มีอะไรชวนให้สบายใจหรืออบอุ่นใจขนาดนั้น ผืนดินแห้งเป็นทราย มีรู รังมดอยู่หลายจุดที่ฉันไม่ทันสังเกตในทีแรก และมีใยแมงมุมอยู่รอบตัว ก่อนเดินทางมา ฉันกลัวการมาอยู่ป่าล่วงหน้าเป็นเดือน ต้องใช้เวลาแต่ละ คืนกับการดีลในความกลัวแต่ละเรื่อง บางคืนก็กลัวจนร้องไห้ พูดกับเพื่อน ว่า ‘คนขี้กลัว’ อย่างฉันเนี่ย ดีไม่ดีพอไปแล้วอาจเจอตัวเองไปกรีดร้องอยู่ กลางป่าว่าเอาตัวเองมาที่นี่ทำไม เพื่อนซึ่งเคยผ่านกระบวนการเหล่านี้จึง บอกว่า ณ เวลานั้นจริงๆ ฉันอาจพบว่าตัวเองสงบนิ่งกว่าที่คิดก็ได้
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: