Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทพากย์เอราวัณ

บทพากย์เอราวัณ

Published by Guset User, 2022-09-03 05:16:35

Description: บทพากย์เอราวัณ

Search

Read the Text Version

ความเป็นมา ของเรื่อง

ความเป็นมาของเรื่อง ในสมัยอยุธยามักนำเนื้อเรื่องรามเกียรติ์ บางตอนมาแต่งสำหรับแสดงหนังใหญ่ และโขน บทประพันธ์นั้นเรียกว่า \"บทพากย์หรือคำพากย์\" คำพากย์ยาว คือ บทพากย์หนังใหญ่ ที่มีเรื่องติดต่อกันเป็นเรื่องขนาดยาว ส่วนคำพากย์สั้น คือ บทพากย์โขน ที่มีการดำเนินเรื่องไม่ติดต่อกัน เช่น ตอนนางลอย ตอนนาคบาศ

ความเป็นมาของเรื่อง ในสมัยอยุธยารัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์บางตอน คือ บทพากย์นางลอย บทพากย์นาคบาศ และบทพากย์เอราวัณ บทพากย์เอราวัณบรรยายเรื่องตั้งแต่ อินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ จนถึงอินทรชิตแผลงศรไปต้องพระลักษณ์

ผู้แต่ง และประวัติผู้แต่ง

ผู้แต่ง บทพากย์เอราวัณเป็นพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2 ) เป็นตอนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ คือ ตอนศึกอินทรชิต รบกับพระราม

ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นยอดกวีด้านการแต่งบทละครทั้งละครใน และละครนอก ทรงพระราชนิพนธ์บทละครรำ ยอดเยี่ยมทั้งเนื้อความ ทำนองกลอน และกระบวนการเล่นทั้งร้องและรำ องค์การ UNESCO ได้ยกย่องพระองค์ ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก เนื่องด้วยพระองค์เป็นศิลปินที่ทรงพระปรีชา สามารถหลายแขนง

ผลงานที่โดดเด่น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีผลงานที่โดดเด่นหลายเรื่อง เช่น บทละคร เรื่องอิเหนา บทละครเรื่องสังข์ทอง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เสภาเรื่องขุน ช้างขุนแผน บทละครเรื่องไกรทอง บทละครเรื่องไชยเชษฐ์ เป็นต้น

คำประพันธ์

กาพย์ฉบัง 16 ๑. บท บทหนึ่งมี ๓ วรรค คือ -วรรคแรก (วรรคสดับ) มี ๖ คำ ฉันทลักษณ์ -วรรคที่สอง (วรรครับ) มี ๔ คำ -วรรคที่ ๓ (วรรคส่ง) มี ๖ คำ รวมทั้งหมด ๑๖ คำ จึงเรียกฉบัง ๑๖ ๒.สัมผัส 1.คำสุดท ้ายของวรรคแรก (วรรคสดับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรค สอง (วรรครับ) ๒. คำสุดท้ายของวรรคสาม (วรรคส่ง) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคหนึ่ง (วรรคสดับ) ของบทต่อไป

เนื้อเรื่องย่อ บทพากย์เอราวัญ

กล่าวถึงอิทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ เพื่อออกสู้รบกับพระราม พระลักษณ์ จากนั้นพรรณาถึงความงดงาม ของช้างเอราวัณ

ซึ่งเป็นช้างทรงของพระอินทร์ ว่ามีสีขาวเผือก มี 33 เศียร แต่ละเศียรมี 7 งาน แต่ละงามีสระบัว 7 สระ สระบัวแต่ละสระมีกอบัว 7 กอ กอบัวแต่ละกอมีดอกบัว 7 ดอก

ดอกบัวแต่ละบัวมี 7 กลีบ แต่ละกลีบ มีเทพธิดา 7 องค์ แต่ละองค์มีบริวาร 7 นาง ล้วนเนรมิตกายร่ายรำคล้ายนางฟ้า ที่เศียรช้างมีวิมานแก้วงามราวกับวิมาน เวไชยันต์ของพระอินทร์

ตัวช้างประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ด้วยทองและแก้วนพรัตน์ ควาญช้างชื่อโลทันสารถีของพระอินทร์ แปลงกายเป็นเทพบุตร

จากนั้นกล่าวพรรณนากองทับ ของอินทรชิตที่แสดงถึงความมีอำนาจ และยิ่งใหญ่ ทัพหน้า คือ เทพารักษ์ ทัพหลัง คือ ครุฑ กินนร นาค ปีกขวา คือ คนธรรพ์ ปีกซ้าย คือ วิทยาการ ทหารแปลงกายทุกนายล้วนมีอาวุธยิ่งใหญ่ คือ โตมร ศร พระขรรค์ และคทา

กล่าวถึงพระรามตื่นบรรทม มีการพรรณนา ธรรมชาติยามเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ลมพัดกลิ่นดอกไม้หอมตลบอบอวล มีฝูงผึ้ง ฝูงนก ฝูงหงศ์ นกดุเหว่า ไก่ขัน ต่อมาพรรณนาความยิ่งใหญ่ของกองทัพ พระราม พระลักษณ์

ความยิ่งใหญ่เมื่อเคลื่อนขบวน แผ่นดินสะเทือนลั่น สัตว์ต่าง ๆ ตกใจและวิ่งหนี แม้แต่นกหัสดีลิงค์ ที่คาบช้างมาก็ปล่อยให้ช้างหลุดปาก

พระลักษณ์ทอดพระเนตรเห็น ทัพพระอินทร์แปลงจึงตรัสถามสุครีพ สุครีพจึงเตือนให้ระวังตน อิทรชิตสั่งให้ยักษ์ จัดระบำถวาย พระลักษณ์ ทรงเคลิบเคลิ้มพระวรกายอินทรชิต จึงแผลงศรพรหมาสตร์ต้องพระลักษณ์ ทำให้กองทัพของพระรามพ่ายแพ้ไป ในศึกครั้งนี้

บทพวรารกคย์ทเออรงาวัณ เหมือนองค์อมรินทร์ เผือกผ่องผิวพรรณ อินทรชิตบิดเบือนกายิน เศียรหนึ่งเจ็ดงา ทรงคชเอราวัณ สระหนึ่งย่อมมี ดอกหนึ่งแบ่งบาน ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน สีสังข์สะอาดโอฬาร์ สามสิบสามเศียรโสภา ดั่งเพชรรัตน์รูจี งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี เจ็ดกออุบลบันดาล กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา

บทพวรารกคย์ทเออรงาวัณ เจ็ดองค์โสภา อีกเจ็ดเยาวมาลย์ กลีบหนึ่งมีเทพธิดา ชำเลืองหางตา แน่งน้อยลำเพานงพาล ทุกเกศกุญชร นางหนึ่งย่อมมีบริวาร ล้วนรูปนิรมิตมายา จับระบำรำร่ายส่ายหา ทำทีดังเทพอัปสร มีวิมานแก้วงามบวร ดังเวไชยันต์อมรินทร์

วบิเทคพราาะกหย์์เเนือ้อรเารวื่ัอณง

อินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ โครงเรื่อง เพื่อออกสู้รบกับพระราม พระลักษณ์ มีการพรรณาความงดงามของช้างเอราวัณ พรรณาถึงกองทัพของอินทรชิต กล่าวถึงพระรามตื่นบรรทม พรรณาธรรมชาติ บริเวรที่ประทับและความยิ่งใหญ่ของกองทัพ พระราม จบด้วยที่พระลักษณ์ ทอดพระเนตร เห็นทัพพระอินทร์แปลง ตลอดจนอินทรชิต แผลงศรพรหมาสตร์ต้องพระลักษณ์

ตัวละครสำคัญ พระราม พระลักษณ์ อินทรชิต ช้างเอราวัณ

ตัวละคร \"พระราม\" พระราม ทรงมีพระวรกายเป็นสีเขียว ทรงธนูเป็นอาวุธ มีศรวิเศษสามเล่ม คือ ศรพรหมาสตร์ ศรอัคนิวาต และศรพลายวาด

ตัวละคร เดิมชื่อว่ารณพักตร์ มีฤทธิ์เก่งกล้ามาก เมื่อบำเพ็ญ จนเก่งกล้าแล้วจึงทำพิธีขออาวุธวิเศษต่อมหาเทพ ทั้ง 3 มหาเทพประทานอาวุธให้ 3 สิ่ง คือ ศรพรหมาสตร์ ศรนาคบาศ และศรวิษณุปาณัม เมื่อรบชนะพระอิทร์จึงเปลี่ยนชื่อเป็น อินทรชิต แปลว่า ชนะพระอินทร์

ตัวละคร \"อินทรชิต\" พระลักษณ์ มีพระวรกายสีเหลืองดั่งทอง มีความจงรักภักดีต่อพระราม เสด็จออกรบ กับกองทัพของกรุงลงกาอย่างกล้าหาญ ทรงร่วมผจญกับเหล่าหมู่มารและร่วมรบเคียงคู่ พระรามเสมอ

ตัวละคร \"ช้างเอราวัณ\" เป็นช้างทรงของพระอินทร์ เป็นช้างที่มีพละกำลัง และเป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในศาสนาฮินดู เชื่อว่าช้างเผือกเป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการเสด็จไปไหนเอราวัณ เทพบุตรก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก

ฉาก ฉากที่ปรากฏในตอนนี้คือฉากกองทัพ ของฝ่ายอินทรชิต ฝ่ายพระรามพรรณนา ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของกองทัพ ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งพรรณนาถึงธรรมชาติ บริเวณที่ประทับของพระราม

ลักษณะการเดินเรื่อง บทพากย์เอราวัณมีลักษณะการเดินเรื่อง เริ่มตั้งแต่อินทรชิตแปลงกายมาเป็น พระอินทร์ การหลอกล่อให้พระลักษณ์ หลงไหลเคลิบเคลิ้มกับขบวนนางรำ ตลอดจนพระลักษณ์ต้องศรพรหมาสตร์ ของอินทรชิตจนได้รับบาดเจ็บ

วิธีการแต่ง บทพากย์เอราวัณแต่งโดยใช้รูปแบบ กาพย์ฉบัง 16 เนื่องจากเป็นคำประพันธ์ ที่เหมาะสำหรับการพรรณาเกี่ยวกับการรบ การเคลื่อนทัพ บรรยายฉากสงคราม ซึ่งทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพได้อย่างชัดเจน

การใช้ถ้อยคำ บทพากย์เอราวัณมีการใช้ถ้อยคำสั้น ๆ แต่ให้ความหมายดี เช่น สามสิบสามเศียรโสภา เศียรหนึ่งเจ็ดงา ดังเพชรรัตน์รูจี บทประพันธ์ข้างต้น กล่าวถึงการชมช้างเอราวัณที่ทำให้เกิดจินตภาพ ช้างเอราวัณที่ยิ่งใหญ่ และงดงามเหมือนแก้วล้อมรอบด้วยเพชร

การใช้ถ้อยคำ บทพากย์เอราวัณมีการใช้ภาษาที่ก่อให้เกิดจินตนาการในหลาย ๆ ตอน เช่น ผึ้งภู่หมุ่คณ่เหมหงส์ ร่อนราถาลง แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี ดุเหล่าเร้าเร่งพระสุริย์ศรี ไก่ขันปีกตี กู่ก้องในท้องดนดาน บทประพันธ์ข้างต้น กล่าวถึงภาพการเคลื่อนไหวของสัตย์ต่าง ๆ ในธรรมชาติยามเช้า เช่น เสียงไก่ขันในตอนพระอาทิตย์ขึ้น หมู่ผึ้งที่บิน ลงมากินน้ำหวานในเกสรดอกไม้

จุดแมุน่งวหคิมดาย บทพากย์เอราวัณมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียน พิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างมีสติ ไม่หลงเชื่อ อะไรง่าย ๆ เพราะความงดงามชวนหลงไหล นั้นมักจะแฝงมากับพิษภัย

ทางควุณรรคณ่าคดี

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ \"การใช้โวหาร\" บทพากย์เอราวัณมีการใช้พรรณนาโวหาร กล่าวถึงความสวยงามและความยิ่งใหญ่ ของช้างเอราวัณ ความยิ่งใหญ่ของกองทัพ อินทรชิต อภินิหารและความยิ่งใหญ่ ของกองทัพพระราม นอกจากนี้ยังมีบท พรรณนาที่บรรยายความงามของธรรมชาติ

ตัวอย่างการใช้โวหาร เศียรหนึ่งเจ็ดงา สระหนึ่งย่อมมี สามสิบสามเศียรโสภา ดอกหนึ่งแบ่งบาน ดั่งเพชรรัตน์รูจี ดอกหนึ่งแบ่งบาน เจ็ดองค์โสภา งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี เจ็ดกออุบลบันดาล กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์ มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา กลีบหนึ่งมีเทพธิดา แน่งน้อยลำเพานงพาล

ตัวอย่างการใช้โวหาร นางหนึ่งย่อมมีบริวาร อีกเจ็ดเยาวมาลย์ ล้วนรูปนิรมิตมารยา ชำเลืองหางตา ทุกเกศกุญชร จับระบำรำร่ายส่ายหา ทำทีดังเทพอัปสร มีวิมานแก้วงามบวร ดังเวไชยันต์อมรินทร์ บทประพันธ์ข้างต้น พรรณนาถึงความสวยงามและความยิ่งใหญ่ ของช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นช้างทรงของพระอินทร์ ที่อินทรชิตได้แปลงมา เพื่อออกสู้รบกับพระรามและพระลักษณ์

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การใช้โวหารภาพพจน์ \"อุปมา\" อุปมา คือ การเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับ สิ่งหนึ่ง โดยใช้คำเชื่อมที่มีความหมายเช่นเดียว กับคำว่า \" เหมือน\" เช่น ดุจ ดั่ง ราว ราวกับ เปรียบ ประดุจ เฉก เล่ห์ ปาน ประหนึ่ง เพียง เพี้ยง พ่าง

ตัวอย่างการใช้อุปมา จับระบำรำร่ายส่ายหา ชำเลืองหางตา ทำทีดังเทพอัปสร มีวิมานแก้วงามบวร ทุกเกศกุญชร ดังเวไชยันต์อมรินทร์ บทประพันธ์ข้างต้น ใช้อุปมากล่าวชมบริวาร เหมือนนางฟ้า มีวิมานแก้วงดงามเหมือนวิมาน ของพระอินทร์

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ \"อติพจน์\" อติพจน์ คือ โวหารที่กล่าวเกินความจริง เพื่อเน้นความรู้สึกและอารมณ์ทำให้ผู้ฟัง เกิดความรู้สึกที่ลึกซึ้งภาพพจน์ชนิดนี้ นิยมใช้กันมากแม้ในภาษาพูด เพราะเป็นการกล่าวที่ทำให้เห็นภาพ ได้ง่ายและแสดงความรู้สึกของกวีได้อย่างชัดเจน

ตัวอย่างการใช้อติพจน์ เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลื่อนลั่นสนั่นใน พิภพเพียงทำลาย ไม้ไหล้ยูงยางกลางดง แหลกลู่ล้มลง ละเอียดด้วยฤทธิ์โยธี บทประพันธ์ข้างต้น ใช้อติพจน์เปรียบ ถึงเสียงโห่ร้องของทหารราวกับจะทำให้โลก ถูกทำลาย บรรดาพรรณไม้ล้มลงแหลกละเอียด ด้วยฤทธิ์ของกองทัพ

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ \"บุคคลวัต\" บุคคลวัต คือ การกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด ไม่มีวิญญาณ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ อิฐ ปูน หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ เช่น ต้นไม้ สัตว์ โดยให้สิ่งต่างๆเหล่านี้แสดงกิริยาอาการ และความรู้สึกได้เหมือนมนุษย์ ให้มีคุณลักษณะต่างๆ เหมือนสิ่งมีชีวิต

ตัวอย่างการใช้บุคคลวัต สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย ประนอบประนมชมชัย บทประพันธ์ข้างต้น ใช้บุคคลวัตกล่าวถึงภูเขา สัตภัณฑ์ ต่่างโน้มเอียงลงมา เพื่อเคารพกองทัพ ของพระราม

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ \"การเล่นเสียง\" คือ การเล่นเสียงสัมผัส ซึ่งหมายถึง พยางค์ที่คล้องจองกันมีทั้ง สัมผัสสระและสัมผัสอักษร

ตัวอย่างการเล่นเสียง ร่อนราถาลง สร่างแสงอโณทัย ผึ้งภู่หมู่คณาเหมหงส์ แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี เดือนดาวดับเศร้าแสงใส ก็ผ่านพยับเรืองรอง สัมผัสสระ เช่น ภู่-หมู่, รา-ถา, ไซ้-ใน สัมผัสอักษร เช่น เดือน-ดาว-ดับ, เหม-หงส์, แสง-ใส, เรือง-รอง

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ รสทางวรรณคดี \"เสาวรจนี\" บทพากย์เอราวัณ ปรากฏรสทางวรรณคดี ที่โดดเด่น คือ เสาวรจนี เป็นการชมความงามของสถานที่ ธรรมชาติ หรือความงามของตัวละคร

ตัวอย่างรสทางวรรณคดี เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน ซองหางกระวิน สร้อยสายชนักถักทอง ผ้าทิพย์ปกตะบอง ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง ห้อยภู่ทุกหูคชสาร บทประพันธ์ข้างต้น กล่าวพรรณาชมความงามวิมาน ของพระอินทร์

คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่าด้านเนื้อหาที่เด่นชัดในเรื่องบทพากย์เอราวัณ คือ มุ่งสอนให้รู้จักพิจารณา สิ่งต่าง ๆ อย่างมีสติ อย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ เช่น สุครีพทูลทัดเฉลยไข ทุกทีสหัสนัยน์ เสด็จด้วยหมู่เทวา พระผู้เรืองฤทธิแข็งขัน คอยดูสำคัญ อย่าไว้พระทัยไพรี บทประพันธ์ข้างต้น กล่าวถึงสุครีพรีบกล่าวเตือนพระลักษณ์เมื่อเห็นทับ ของพระอินทร์ที่แปลกไปจากเดิม ให้พระลักษณ์อย่าวางใจจนกว่าจะพ้นภัย

คุณค่าด้านสังคม สะท้อนให้เห็นถึงสังคมในสมัยอยุธยา ว่ามีการแสดงมหรสพประเภทหนังใหญ่และโขน ตลอดจนในสมัยปัจจุบันยังมีการเล่นโขนอยู่ เช่น บทพากย์นางลอย บทพากย์เอราวัณ เป็นต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook