Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สังคมศึกษา ม.1

สังคมศึกษา ม.1

Published by Suwanan Lapanikorn, 2021-10-09 17:11:32

Description: สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

Search

Read the Text Version

หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐาน สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำ�เนินชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ และภมู ศิ าสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 1 ตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชีว้ ดั สาระภมู ศิ าสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลมุ สาระการเรยี นรสู ังคม​ศึกษา ศาสนา​และ​วฒั นธรรม ตามหลักสูตรแกน​กลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ผเู้ รยี บเรยี ง รศ.ธวัช ทันโตภาส ศษ.บ., น.บ., สส.ม., M.A. (Political Science) ดร.ขวัญนภา สุขคร บธ.บ., ศ.ม., กจ.ด. ดร.สริ ริ ตั น์ พงศ์พิพัฒนพันธ์ุ ศศ.บ., กศ.ม., วท.ด. ผตู รวจ รศ. ดร.สุบรรณ เอีย่ มวิจารณ์ ศ.บ., ศ.ม., ศษ.ด. นิธิพล วชิ ชปุ ระภาส กศ.บ., อ.ม. ชยั ณรงค์ จะรา ศศ.บ. (เกียรตนิ ิยม), ศศ.ม. บรรณาธกิ าร สรุ ะ ดามาพงษ์ กศ.บ., กศ.ม. สมพร อ่อนน้อม พธ.บ. (เกียรตนิ ิยม), นศ.บ. กสุ ุมาวดี ชยั ชโู ชติ ศ.บ., ศ.ม. พงษศ์ กั ด์ิ แคล้วเครอื ศศ.บ. (เกยี รตนิ ิยม), ร.ม. จุลพงษ์ อุดมพรพบิ ลู วท.บ., วท.ม.

สงั คมศกึ ษาหนังสอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน ศาสนา และวฒั นธรรม หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดำ�เนินชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 1 ตามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชี้วดั สาระภมู ิศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) กลุม สาระการเรียนรสู ังคม​ศึกษา ศาสนา​และ​วฒั นธรรม ตามหลกั สูตรแกนก​ ลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 B สงวนลิขสทิ ธิ์ตามกฎหมาย หามละเมิด ทำ�ซ​ ้ำ� ดัดแปลง เผยแพร สว น​หน่งึ ​สว นใ​ด เวนแตจ​ ะไ​ด​รบั อ​ นุญาต ผ้เู รยี บเรียง รศ.ธวชั ทันโตภาส ดร.ขวัญนภา สุขคร ดร.สิริรัตน์ พงศพ์ พิ ฒั นพนั ธ์ุ ผตู รวจ รศ. ดร.สบุ รรณ เอ่ยี มวจิ ารณ์ นธิ ิพล วชิ ชปุ ระภาส ชัยณรงค์ จะรา บรรณาธกิ าร สุระ ดามาพงษ์ สมพร ออ่ นนอ้ ม กุสมุ าวดี ชยั ชโู ชติ พงษศ์ กั ด์ิ แคล้วเครือ จุลพงษ์ อดุ มพรพบิ ูล ปีทพี่ มิ พ์ พ.ศ. 2561 พิมพค์ ร้งั ท่ี 1 จำ�นวน 30,000 เล่ม ISBN 978-974-18-7428-6 พิมพ์ที่ บรษิ ทั โรงพมิ พ์วฒั นาพานิช จำ�กดั นายเริงชยั จงพิพัฒนสขุ กรรมการผู้จดั การ

ค�ำ น�ำ หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำ�เนินชวี ิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ และภมู ิศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เลม่ น้ี จดั ทำ� ขน้ึ ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระภมู ศิ าสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยมเี ป้าหมายใหน้ ักเรียนและครใู ช้เป็นส่ือในการจัดการ เรียนรู้ เพ่ือพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีหลักสูตรกำ�หนด พฒั นานกั เรยี นใหม้ สี มรรถนะตามทต่ี อ้ งการทงั้ ดา้ นการสอ่ื สาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใชท้ กั ษะ ชวี ติ และการใชเ้ ทคโนโลยี ตลอดจนพฒั นานกั เรยี นใหม้ คี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เพอ่ื ใหส้ ามารถ อยรู่ ่วมกับผู้อนื่ ในสังคมไทยและสังคมโลกไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ในการจัดทำ�หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานเล่มน้ี คณะผู้จัดทำ�ซ่ึงเป็นผู้เช่ียวชาญในสาขาวิชา และการพัฒนาส่ือการเรียนรู้ได้ศึกษาหลักสูตรอย่างลึกซ้ึง ทั้งด้านวิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย สมรรถนะสำ�คัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง แนวทางการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้ง เอกสารหลักสูตรอื่น ๆ แล้วจึงออกแบบหน่วยการเรียนรู้ แต่ละหน่วยการเรียนรู้ประกอบด้วย ตวั ชว้ี ดั ชน้ั ปี ผงั มโนทศั นส์ าระการเรยี นรู้ ประโยชนจ์ ากการเรยี นรู้ คำ�ถามนำ� เนอ้ื หาสาระแตล่ ะเรอ่ื ง แต่ละหัวขอ้ คำ�สำ�คญั เร่ืองนา่ รู้ แหล่งสบื คน้ ความรู้ กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้ บทสรปุ กิจกรรม เสนอแนะ การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน คำ�ถามทบทวน และท้ายเล่มยังมีบรรณานุกรม และอภธิ านศัพท์ ซง่ึ องค์ประกอบของหนังสอื เรียนเหลา่ น้จี ะชว่ ยส่งเสริมใหน้ ักเรยี นเกิดการเรียนรู้ อย่างครบถว้ นตามหลกั สูตร การเสนอเนื้อหา กิจกรรม และองค์ประกอบอ่ืน ๆ ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานเล่มน้ี มงุ่ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำ�คญั โดยคำ�นงึ ถงึ ศกั ยภาพของนกั เรยี น เนน้ การเรยี นรแู้ บบองคร์ วมบนพน้ื ฐาน ของการบูรณาการแนวคิดทางการเรียนรู้อย่างหลากหลาย จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเน้นให้ นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง มุ่งพัฒนาการคิด และพัฒนาการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับ พัฒนาการทางสมองของนักเรียน อันจะช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างสมบูรณ์และสามารถ นำ�ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจำ�วนั ได้ หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนา้ ที่ พลเมอื ง วัฒนธรรม และการดำ�เนินชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษา ปที ี่ 1 เลม่ น้ี จะชว่ ยพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรยี นตามหลักสูตรได้เปน็ อยา่ งดี คณะผูจัดทำ�

ค�ำ ชี้แจง หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนา้ ที่พลเมือง วัฒนธรรม และการ ดำ�เนนิ ชวี ติ ในสงั คม เศรษฐศาสตร์ และภมู ศิ าสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 1 เลม่ นี้ไดอ อกแบบหนว ยการเรียนรู ใหแ ตล ะหนว ยการเรียนรปู ระกอบดวย 1. ตัวชี้วัดชั้นป เปนเปาหมายในการพัฒนานักเรียนแตละช้ันป ซ่ึงสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรู มรี หสั ของมาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชว้ี ดั ชนั้ ปก ำ�กบั ไวห ลงั ชน้ั ป เชน ส 2.1 ม. 1/1 (รหสั แตล ะตวั มคี วามหมาย ดงั น้ี ส คือ กลุมสาระการเรยี นรูสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม 2.1 คอื สาระท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู ขอ ท่ี 1 ม. 1/1 คอื ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 1 ตวั ชว้ี ดั ขอ ท่ี 1) 2. ผงั มโนทศั นส าระการเรยี นรู เปน การจดั ระเบยี บและรวบรวมเนอ้ื หาแตล ะหนว ยการเรยี นรู พรอ มแสดง ความเชอ่ื มโยงของเนอ้ื หาในสาระนน้ั ๆ ไวด ว ย เพอ่ื สอ่ื ใหเ กดิ ความเขา ใจชดั เจนขน้ึ นกั เรยี นเกิดการเรยี นรอู ยางมี ความหมาย เปนผังมโนทัศนที่แสดงขอบขายเนื้อหาในแตละหนวยการเรียนรู โดยมีช่ือหนวยการเรียนรูและ หัวขอหลักของเน้อื หาในหนว ยการเรียนรูน ้ัน ๆ 3. ประโยชนจ ากการเรยี นรู นำ�เสนอไวเพอื่ กระตนุ ใหนกั เรยี นนำ�ความรแู ละทกั ษะจากการเรยี นไปใชใน ชีวติ ประจำ�วนั 4. คำ�ถามนำ�เปน คำ�ถามหรอื สถานการณเ พอ่ื กระตนุ ใหน กั เรยี นเกดิ ความสงสยั และสนใจทจ่ี ะคน หาคำ�ตอบ 5. เนอื้ หา แบง เปน หวั เรอ่ื งหลกั หวั เรอ่ื งรอง และหวั เรอ่ื งยอ ย ตรงตามตวั ชว้ี ดั ชน้ั ป มกี จิ กรรมพฒั นาการ เรยี นรแู ทรกเปนชวง ๆ เน้อื หาบางตอนอาจนำ�เสนอดวยภาพประกอบ ตาราง แผนภมู ิ แผนที่ แผนท่คี วามคิด และประกอบดวยสว นอ่นื ๆ ดังน้ี 5.1 คำ�สำ�คัญ ระบุคำ�สำ�คัญท่ีแทรกอยูในเน้ือหาโดยการเนนสีของคำ�ไวตางจากตัวพื้น คำ�สำ�คัญน้ี จะเนนเฉพาะคำ�ท่ปี รากฏคำ�แรกในเน้อื หา ไมเ นน คำ�ที่เปน หัวขอ 5.2 ภาพประกอบ พรอมคำ�บรรยายสอดคลองกับเนื้อหา 5.3 ตาราง แผนภูมิ แผนท่ี แผนทีค่ วามคิด สอดคลอ งกบั เน้อื หา 5.4 เรอ่ื งนา รู เปน ความรเู พม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทไ่ี ดศ กึ ษาในหนว ยการเรยี นรนู นั้ ๆ โดยคดั สรรเฉพาะ เร่ืองท่ีนกั เรียนควรรู 5.5 แหลงสบื คน ความรู เสนอแหลง ความรตู า ง ๆ รวมท้งั เว็บไซตส ำ�หรับการศกึ ษาคนควาเนื้อหาท่ี สอดคลองกับเรือ่ งท่เี รยี น 5.6 กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู เปนกจิ กรรมทก่ี ำ�หนดใหท ำ�เม่ือจบเนือ้ หาที่แบงใหเหมาะสมสำ�หรับ การเรยี นแตล ะคร้ัง เปนกิจกรรมทห่ี ลากหลาย ใชแ นวคดิ ทฤษฎีตาง ๆ ใหส อดคลองกับเนอ้ื หา เหมาะสมกับวัย สะดวกในการปฏบิ ัติ กระตนุ ใหนักเรยี นไดคิด และสงเสริมการศกึ ษาคน ควาเพิ่มเติม 6. บทสรปุ ไดจ ดั ทำ�บทสรปุ ไวห ลายรปู แบบ เชน สรปุ เปน ผงั มโนทศั น (Concept Map) แผนทค่ี วามคดิ (Mind Mapping) ความเรยี ง หรอื บรรยาย เปน การทบทวนความรู หรอื การเรยี นรกู วา ง ๆ อยา งรวดเรว็ 7. กจิ กรรมเสนอแนะ เปนกิจกรรมบูรณาการทักษะท่รี วมหลกั การและความคดิ รวบยอดในเร่ืองตา ง ๆ ท่ีนกั เรียนไดเ รยี นรไู ปแลวมาประยุกตใ นการปฏิบตั กิ จิ กรรม 8. การประยุกตใชในชีวิตประจำ�วัน เปนกิจกรรมท่ีเสนอแนะใหนักเรียนไดนำ�ความรู ทักษะในการ ประยุกตค วามรูใ นหนว ยการเรียนรูน ้นั ไปใชใ นชวี ติ ประจำ�วัน 9. คำ�ถามทบทวน เปนคำ�ถามแบบอัตนัยทมี่ งุ ถามเพ่อื ทบทวนผลการเรียนรขู องนักเรยี น 10. ทายเลม ประกอบดวยบรรณานุกรมและอภิธานศัพท 10.1 บรรณานกุ รม เปน รายชื่อหนงั สอื เอกสาร หรือเว็บไซตท ใี่ ชค น ควา อางองิ ประกอบการเขยี น 10.2 อภธิ านศพั ท เปน การนำ�คำ�สำ�คญั หรอื คำ�ทค่ี วรรทู แี่ ทรกอยใู นเนอ้ื หามาอธบิ ายและจดั เรยี งตาม ลำ�ดบั ตวั อักษรเพือ่ สะดวกในการคนควา

สารบัญ ตอนท่ี 1 หนาที่พลเมือง วัฒนธรรม กจิ กรรมเสนอแนะ................................65 และการดำ�เนินชวี ิตในสังคม1������������1 การประยกุ ตใ ชใ นชีวติ ประจำ�วัน6�������������65 หนวยการเรียนรทู ี่ 1 พลเมอื งด.ี .....................2. คำ�ถามทบทวน6�������������������������������������65 1. การเปนพลเมอื งด.ี .............................3 2. บทบาทและหนาทีข่ องเยาวชนท่ีมตี อ ตอนที่ 2 เศรษฐศาสตร..............................66 สงั คมและประเทศชาต.ิ ........................5 หนวยการเรยี นรูท ี่ 5 เศรษฐศาสตรเ บื้องตน.....67 บทสรุป...............................................11. 1. เศรษฐศาสตร. ................................68 กจิ กรรมเสนอแนะ................................12. 2. ปจจัยสำ�คญั ในการตัดสินใจ การประยกุ ตใ ชใ นชีวิตประจำ�วนั 1�������������12. ทางเศรษฐศาสตร. ............................69 คำ�ถามทบทวน1�������������������������������������12 3. ปจจัยที่มีอิทธิพลตอการกำ�หนด หนว ยการเรียนรูที่ 2 การเมืองการปกครอง......13 อปุ สงคแ ละอปุ ทาน...........................72 1. อำ�นาจอธิปไตย1�������������������������������14 บทสรุป...............................................76 2. รัฐธรรมนูญ....................................17 กิจกรรมเสนอแนะ................................77 3. การปฏิบตั ิตนตามรฐั ธรรมนญู ..............21 การประยุกตใชในชีวิตประจำ�วนั 7�������������77 บทสรปุ ...............................................30 คำ�ถามทบทวน7�������������������������������������77 กจิ กรรมเสนอแนะ................................31 หนว ยการเรียนรทู ่ี 6 การบริโภค...................78 การประยกุ ตใชใ นชีวิตประจำ�วนั 3�������������31. 1. พฤติกรรมการบรโิ ภค........................79 คำ�ถามทบทวน3�������������������������������������31 2. ทรัพยส นิ ทางปญ ญา..........................84 หนว ยการเรียนรูท่ี 3 กฎหมาย......................32. บทสรปุ ...............................................93 1. กฎหมายคุม ครองเดก็ ........................33. กจิ กรรมเสนอแนะ................................94 2. กฎหมายการศกึ ษา...........................37. การประยุกตใ ชในชวี ิตประจำ�วนั 9�������������94 3. กฎหมายคุมครองผูบรโิ ภค..................41. คำ�ถามทบทวน9�������������������������������������94 4. กฎหมายลขิ สทิ ธิ์..............................46. หนว ยการเรยี นรทู ่ี 7 สถาบันการเงนิ ..............95. บทสรุป...............................................51 1. ความหมายของสถาบนั การเงนิ .............96 กจิ กรรมเสนอแนะ................................52 2. ประเภทของสถาบันการเงิน.................96 การประยุกตใชในชวี ิตประจำ�วัน5�������������52. 3. ธนาคารกลาง................................102 คำ�ถามทบทวน5�������������������������������������52 4. ความสัมพนั ธร ะหวางหนวยเศรษฐกจิ ..104 หนวยการเรียนรูท ี่ 4 วฒั นธรรม...................53 บทสรปุ ............................................ 105 1. วฒั นธรรมไทย................................54 กจิ กรรมเสนอแนะ............................. 106 2. ความคลายคลึงและความแตกตา ง การประยุกตใ ชในชีวิตประจำ�วนั 1���������� 106 ระหวา่ งวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรม คำ�ถามทบทวน1���������������������������������� 106 ของประเทศในภูมภิ าคเอเชีย หนว ยการเรียนรูที่ 8 เศรษฐกจิ พอเพียง .......107 ตะวนั ออกเฉียงใต.้ ...........................59 1. ความหมายของปรชั ญาของ บทสรุป...............................................64 เศรษฐกิจพอเพยี ง..........................108

6 2. ความเปนมาของปรัชญาของ หนว ยการเรียนรทู ่ี 11 ระบบเวลาโลก...........158. เศรษฐกจิ พอเพียง..........................108 1. ลองจิจดู กบั เวลา.............................159 3. หลกั การของเศรษฐกจิ พอเพียง..........110 2. เส้นแบง่ เวลาของโลก......................160. 4. การประยกุ ตใชปรชั ญาของ 3. เปรียบเทยี บวันและเวลาของโลก........164. เศรษฐกจิ พอเพียง..........................117 บทสรปุ ............................................ 165. 5. ความสำ�คญั คุณคา และประโยชน กิจกรรมเสนอแนะ............................. 166 ของปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตอ สังคมไทย................................120 การประยกุ ตใชในชวี ิตประจำ�วัน1���������� 166 บทสรุป............................................ 121 คำ�ถามทบทวน1���������������������������������� 166 กจิ กรรมเสนอแนะ............................. 122 การประยุกตใชในชีวิตประจำ�วัน1���������� 122 หนวยการเรียนรทู ี่ 12 ทวีปเอเชีย................167 คำ�ถามทบทวน1���������������������������������� 122 1. ลกั ษณะทางกายภาพและทางสงั คม ของทวปี เอเชยี ..............................169 หนวยการเรยี นรทู ี่  9 การพง่ึ พาอาศยั กัน 2. ภมู ิภาคตา่ ง ๆ ในทวปี เอเชีย.............199 และการแขงขนั กนั 3. ภัยพิบัติและแนวทางการจัดการ ทางเศรษฐกจิ ............123 ภยั พบิ ตั ใิ นทวีปเอเชยี ......................237 1. การพึ่งพาอาศยั กนั และกนั ................124 4. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ 2. การแขงขันทางเศรษฐกิจในประเทศ....126 และส่งิ แวดลอ้ มในทวปี เอเชยี ............252 3. ปญ หาเศรษฐกจิ ของประเทศไทย........129 บทสรปุ ............................................ 135 บทสรุป............................................ 256. กิจกรรมเสนอแนะ............................. 136 กิจกรรมเสนอแนะ............................. 256 การประยกุ ตใชใ นชวี ิตประจำ�วัน2���������� 256 คำ�ถามทบทวน2���������������������������������� 257 การประยกุ ตใ ชในชีวิตประจำ�วัน1���������� 136 หนว ยการเรยี นรูท่ี 13 ทวีปออสเตรเลยี และโอเชียเนยี ..........258 คำ�ถามทบทวน1���������������������������������� 136 1. ลกั ษณะทางกายภาพและทางสงั คม ตอนที่ 3 ภูมศิ าสตร.................................137 ของทวปี ออสเตรเลยี และโอเชยี เนยี .....261 2. ภัยพิบตั ิและแนวทางการจดั การ หนวยการเรยี นรทู ี่ 10 การใช้เครือ่ งมอื ภัยพิบตัิ ใิ นทวีปออสเตรเลยี ทางภมู ิศาสตร...........138 1. แผนที.่ .......................................139 และโอเชียเนีย..............................311 3. การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและ 2. ลูกโลก........................................147 สิ่งแวดล้อมในทวีปออสเตรเลีย 3. รูปถ่ายทางอากาศและภาพจาก ดาวเทยี ม.....................................149 และโอเชียเนีย..............................319 บทสรุป............................................ 320. 4. ตารางสถิติ กราฟ แผนภูมิ กจิ กรรมเสนอแนะ............................. 322 และแผนภาพ...............................153 การประยุกตใชในชีวติ ประจำ�วนั 3���������� 322 บทสรุป............................................ 156. คำ�ถามทบทวน3���������������������������������� 322 กจิ กรรมเสนอแนะ............................. 157 การประยุกตใชใ นชวี ิตประจำ�วัน1���������� 157 บรรณานกุ รม....................................323 คำ�ถามทบทวน1���������������������������������� 157 อภธิ านศัพท. .....................................325

ตอนที่ 1 หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการด�ำ เนนิ ชวี ติ ในสงั คม • หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 พลเมืองดี • หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การเมืองการปกครอง • หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 กฎหมาย • หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 วฒั นธรรม

พลเมอื งดี หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ตวั ชี้วัดชัน้ ป 1. ระบคุ วามสามารถของตนเองในการทำ ประโยชนต์ อ่ สังคมและประเทศชาต ิ (ส�2.1�ม.�1/2)� 2. แสดงออกถงึ การเคารพในสิทธเิ สรีภาพของตนเองและผู้อื่น (ส�2.1�ม.�1/4) ผังมโนทัศนส าระการเรยี นรู การเป็นพลเมืองดี พลเมอื งดี บทบาทและหน้าที่ ของเยาวชนทม่ี ีต่อสังคม และประเทศชาติ ประโยชน์จากการเร�ยนรู้ คาำ ถามนาำ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมอื งดแี ละทำ ประโยชน์ สังคมที่มีความสงบสุข คนในสังคมจะ ใหแ้ ก่ประเทศชาตไิ ดอ้ ย่างเหมาะสม อยู่ร่วมกนั อยา่ งสันติ มีความสามคั ค ี และ เคารพในสทิ ธซิ ึ่งกันและกัน นกั เรียนคิดวา่ มีวิธีการใดท่ีจะทำ ให้สังคมไทยมีลักษณะ แบบน้ี

หนังสือเ​รยี นรายวชิ าพื้นฐาน สังคมศกึ ษาฯ​ ม.  1 3 พลเมืองเป็นทรัพยากรท่ีมีค่าย่ิงของประเทศ หากประเทศใดมีพลเมืองที่มีความรู้ความ สามารถและมีคุณธรรมจริยธรรม ย่อมท�ำให้ประเทศพัฒนาเจริญก้าวหน้า มีความม่ันคง และ พลเมอื งทุกคนอยรู่ ว่ มกนั ได้อย่างสงบสขุ เยาวชนซง่ึ เปน็ พลเมอื งของประเทศจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งพฒั นาตนเองทงั้ ในดา้ นความรคู้ วามสามารถ และดา้ นคุณธรรมจริยธรรม เพือ่ ที่จะไดเ้ จริญเตบิ โตไปเป็นกำ� ลงั ส�ำคัญในการพฒั นาชาติใหเ้ จรญิ ก้าวหนา้ อยา่ งย่งั ยืนตอ่ ไป 1. การเปน พลเมอื งดี 1.1 ความหมายและความสำ�คญั ของเยาวชน พลเมอื งดี หมายถงึ บคุ คลทมี่ ศี ลี ธรรมและความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม มสี ว่ นรว่ มกบั กจิ กรรม ของชมุ ชน และมีความรูใ้ นเร่อื งการเมอื ง หากเยาวชนปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีจะท�ำให้เป็นคนที่มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปญั ญา ความรู้ มีคุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำ� รงชวี ติ สามารถอย่รู ่วมกับผู้อน่ื ได้อยา่ งมคี วามสขุ เยาวชน คอื ผ้ทู ม่ี ีอายุเกิน 15 ปี แตย่ งั ไม่ถงึ 18 ปบี ริบูรณ์ พระราชดำ� รสั ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ในหนงั สอื ชอื่ รตั นพนิ จิ นิทิศการศึกษา ซึ่งไดส้ รปุ ถงึ คุณลักษณะที่พึงประสงคข์ องเด็กและเยาวชนไทย 3 ประการ ได้แก่ 1. การมีความเพียรบริสุทธ์ิ คือ ความขยนั หมน่ั เพยี รไมท่ อ้ ถอยในกจิ การ ทท่ี ำ� ซงึ่ จะตอ้ งมที ง้ั ความสามารถ คณุ ธรรม และจิตส�ำนึกในการกระท�ำ 2. การมีปัญญาทีเ่ ฉยี บแหลม คือ ความฉลาดรู้และมีสติปัญญา ความคิด ซงึ่ เป็นคุณลักษณะของความรจู้ ริง รู้เหตุ รผู้ ล รคู้ รบถว้ น รเู้ ทา่ ทนั รเู้ ชอ่ื มโยงความ เปน็ ไทยกบั ความรสู้ ากล รจู้ กั ตนเอง รจู้ กั สังคม 3. การมีก�ำลังกายท่ีสมบูรณ์ คือ ผู้ที่มีความขยันหม่นั เพียรจะทำ�ให้การงาน การมีสขุ ภาวะท้งั กายและจติ ท่ีทำ�อยปู่ ระสบผลสำ�เรจ็ เยาวชนมคี วามสำ� คญั ตอ่ ประเทศชาตเิ ปน็ อยา่ งยง่ิ เนอื่ งจากเปน็ กลมุ่ บคุ คลทจี่ ะเจรญิ เตบิ โต ไปเป็นผู้ใหญ่ท่ีมีบทบาทหน้าท่ีในการขับเคล่ือนและพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป จึงอาจกล่าวได้ว่าเยาวชนถือเป็นอนาคตของประเทศ ประเทศชาติในอนาคตจะเป็นอย่างไรย่อม

4 หนังสอื เ​รยี นรายวชิ าพื้นฐาน สงั คมศึกษาฯ​ ม.  1 ขนึ้ อยกู่ บั เยาวชนในปจั จบุ นั วา่ มพี ฤตกิ รรมอยา่ งไร มคี า่ นยิ มแบบใด และคดิ วา่ ตนเองตอ้ งมบี ทบาท ต่อประเทศชาตอิ ยา่ งไรบ้าง หากเยาวชนปฏิบตั ติ นไปในทางท่ีดี มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ประเทศชาติ ก็จะได้พลเมืองท่ีดี มีความรับผิดชอบ ซึ่งจะท�ำให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า พลเมือง อยูร่ ่วมกนั ในสังคมอยา่ งมีความสขุ เยาวชนไทยทุกคนจึงต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง เพ่ือเตรียมตัวให้พร้อมต่อการ เปลย่ี นแปลงในดา้ นตา่ ง ๆ ปรบั ปรงุ สง่ิ บกพรอ่ ง และพฒั นาพฤตกิ รรมของตนเอง สามารถทำ� หนา้ ท่ี ของตนเองไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ และเป็นปัจเจกชนท่มี ีคุณภาพ การพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ ง คอื การทบ่ี คุ คลพยายามพฒั นาศกั ยภาพของตนดว้ ยตนเอง ทง้ั ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ และสงั คมอยา่ งตอ่ เนอื่ งเพอ่ื ใหบ้ รรลผุ ลตามทต่ี นตง้ั เปา้ หมายไว้ เชน่ เรียนรู้อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ปรบั ปรงุ แก้ไขข้อบกพรอ่ งของตนเองอยู่เสมอ พัฒนาตนเองตลอดเวลา เพอื่ ให้เป็นคนท่ีมีความรู้และมีทักษะในการด�ำเนินชีวิต สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปล่ียนแปลง ท่ีเกิดข้ึนอย่างรวดเร็วในสังคมยุคปัจจุบัน และเป็นก�ำลังส�ำคัญในการท�ำประโยชน์ต่อสังคมและ ประเทศชาติ ซึง่ จะท�ำใหป้ ระเทศชาตเิ จริญก้าวหนา้ และมัน่ คง 1.2 ความสำ�นึกตอสว นรวมหรือจิตสาธารณะ สภาพสงั คมปจั จบุ นั มกี ารแขง่ ขนั กนั สงู เพอ่ื ใหต้ นเองมคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ กวา่ คนอน่ื รวมทง้ั ความเจริญทางวัตถุมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระแสการบริโภคนิยมท่ีเพิ่มขึ้นมาก แต่ในทางตรงกันข้ามจิตใจของคนกลับไม่ได้เจริญก้าวหน้าตามไปด้วย สังคมกลับมีแต่ความเห็น แกต่ วั เกิดการแก่งแย่ง เอารัดเอาเปรยี บ คดิ แต่จะหาผลประโยชนใ์ สต่ น ความสำ� นกึ ตอ่ สว่ นรวม จงึ ไดล้ ดนอ้ ยลงไปเรอื่ ย ๆ ความส�ำนึกตอ่ ส่วนรวมหรอื “จิตสาธารณะ” น้ีคอื การแสดงออกถงึ ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม พร้อมท่ีจะเสียสละและอุทิศตนเพ่ือประโยชน์ส่วนรวม มีความ ปรารถนาท่ีจะช่วยแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้อื่นหรือสังคมด้วยความเต็มใจ พฤติกรรมท่ีแสดงออกถึง ลักษณะดงั กลา่ ว ได้แก่ 1. การรบั ผดิ ชอบตอ่ สาธารณสมบตั ิ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม นอกจากเยาวชน จะมีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว จะต้องมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมอีกด้วย โดยเฉพาะสาธารณสมบตั ิ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เช่น การเฝ้าระวังหรือแจ้ง เหตกุ รณที มี่ ผี ลู้ กั ลอบตดั สายไฟฟา้ หรอื ขโมย ฝาทอ่ ระบายนำ้� ซงึ่ จะเปน็ อนั ตรายตอ่ ผอู้ นื่ และ ตอ่ สงั คมเป็นอย่างมาก รวมทงั้ การดูแลรักษา และฟื้นฟูป่าไม้ สัตว์ป่า และอ่ืน ๆ ซ่ึงเป็น ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ินให้คงอยู่และ การรว มกนั ทำ�พิธบี วชปาเปนการแสดงถึงจติ สาธารณะ� ของเยาวชนท่ชี วยใหป าไมของชุมชนคงอยู

หนังสือ​เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน สังคมศึกษาฯ​ ม.  1 5 ปลอดจากการถูกทำ� ลาย นอกจากนีย้ งั ต้องชว่ ยกันดูแลรกั ษาสงิ่ แวดล้อมในท้องถิน่ เช่น พน้ื ดนิ แหลง่ นำ�้ อากาศ ใหค้ งสภาพดีอย่เู สมอ 2. การท�ำกิจกรรมเพ่ือสังคมที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของส่วนรวม เป็นการรู้จักช่วยเหลือ ผอู้ น่ื โดยมจี ติ สำ� นกึ ในการใหแ้ ละการอาสาสมคั ร รวมทงั้ มสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาชมุ ชนและประเทศ ชาติ เชน่ โครงการคาราวานความดอี าชวี ศกึ ษาพฒั นาสังคม เพือ่ แกไ้ ขปญั หาการทะเลาะววิ าทใน เด็กและเยาวชน โดยให้มีภาวะความเป็นผู้น�ำ มีบทบาทและมีส่วนร่วมในกิจกรรมพัฒนาสังคม โครงการมสี ว่ นรว่ มภาคเยาวชนสกู่ ารเลอื กตงั้ เพอื่ กระตนุ้ ใหส้ งั คมทกุ ภาคสว่ นเหน็ ความสำ� คญั ของ การเลือกตั้ง และเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมส่งเสริมสนับสนุนการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วย ความสจุ ริต เทีย่ งธรรม 3. การรับรู้และตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมและมีการแก้ไขร่วมกัน ปัจจุบัน สถานการณ์เกย่ี วกับเด็กและเยาวชนของประเทศไทยมีปัญหาในด้านตา่ ง ๆ มากมาย เชน่ วยั รุ่น หญงิ ไทยท่ตี งั้ ครรภม์ ีจ�ำนวนเพิม่ ขนึ้ มีพฤติกรรมเสย่ี งทางเพศและตดิ เชือ้ HIV ทางเพศสัมพันธ์ สูงขึ้น เยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจการจ�ำหน่ายบุหร่ีและมีแนวโน้มติดสารเสพติดเพ่ิมข้ึน รวมทง้ั วยั รนุ่ หญงิ มคี วามเครยี ด โรคซมึ เศรา้ คดิ ฆา่ ตวั ตายมากทสี่ ดุ เยาวชนควรรบั รแู้ ละตระหนกั ถงึ ปญั หาเหลา่ นเี้ พอ่ื ทจี่ ะไดร้ บั รแู้ ละเขา้ ใจวา่ ปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ สง่ ผลกระทบตอ่ สงั คมอยา่ งไร และเหน็ ถงึ ความจ�ำเปน็ ท่จี ะตอ้ งร่วมกันแก้ไขอยา่ งจรงิ จงั โดยเร่มิ จากการปฏบิ ัติตนมิใหย้ ุ่งเกย่ี วกบั อบายมขุ และส่ิงเสพติดต่าง ๆ และชกั จงู ผูอ้ นื่ มิใหห้ ลงเขา้ ไปตดิ กับดักในสงิ่ ท่ีจะทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาดังกลา่ วได้ กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู เสนอแนวทางการปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมอื งดคี นละ 1 อยา่ ง บนั ทกึ คำ�ตอบลงบนกระดานดำ� แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายวา่ ตนเองเคยปฏบิ ตั ติ ามวธิ กี ารเหลา่ นห้ี รอื ไม่ หากเคย ผลทไ่ี ดร้ บั เปน็ อยา่ งไร จากนน้ั รว่ มกนั สรปุ ผลและบนั ทกึ ลงในสมดุ 2. บทบาทและหนา ที่ของเยาวชนท่มี ีตอสงั คมและประเทศชาติ เยาวชนในฐานะท่ีเปน็ สมาชิกของสงั คมและประเทศชาติมบี ทบาทและหนาทีท่ ่สี �ำคัญ ดังน้ี 2.1 การเคารพกตกิ าสงั คม กตกิ าสังคม คอื ขอ้ ตกลงหรือกฎเกณฑ์ทค่ี นในสังคมรว่ มกนั กำ� หนดขนึ้ เปน็ แนวทางในการ ปฏิบัติเพื่อให้สังคมมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ดังนั้น เยาวชนใน ฐานะทีเ่ ป็นสมาชิกของสงั คมจงึ ตอ้ งมีบทบาทและหนา้ ทใ่ี นการเคารพกตกิ าสังคมดงั น้ี 1. การเคารพและปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย กฎหมาย คือ กฎท่ีผู้มีอ�ำนาจสูงสุดในรัฐก�ำหนดขึ้นหรือเกิดจากจารีตประเพณีที่คนใน สังคมยอมรับร่วมกนั โดยใช้บังคบั ใหค้ นในสังคมประพฤตปิ ฏิบัตติ ามเพื่อใหส้ ามารถดำ� รงชวี ิตอยู่ ร่วมกนั ไดอ้ ยา่ งสงบสุข

6 หนังสือเ​รยี นรายวิชาพืน้ ฐาน สงั คมศึกษาฯ​ ม.  1 ตามปกตแิ ลว้ มนษุ ยม์ กั จะกระทำ� สง่ิ ใด ๆ ตามใจชอบเพราะทกุ คนรกั ความอสิ ระ แตห่ าก ทุกคนท�ำอะไรตามใจชอบจนเกินไปก็อาจเป็นการรบกวนและก่อความเดือดร้อนระหว่างกันได้ ดังน้ันจึงมีการออกกฎหมายมาบังคับใช้เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติ หากผู้ใด ไมเ่ คารพ ไมป่ ฏบิ ตั ติ าม หรอื กระทำ� เกนิ เลยขอบเขตทก่ี ำ� หนดไวจ้ ะตอ้ งไดร้ บั โทษ ดงั นน้ั การดำ� เนนิ ชีวิตภายใต้กฎหมายจึงจ�ำเป็นและเป็นประโยชน์โดยตรงต่อบุคคลในสังคม ขณะเดียวกัน ยงั เปน็ การสรา้ งความเปน็ ระเบยี บ ความสงบเรยี บรอ้ ยขน้ึ ในสงั คม เพราะหากประชาชนขาดความรู้ ความเข้าใจ ไม่เคารพและไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมายก็จะเกิดปัญหาอันเป็นข้อขัดแย้ง ขน้ึ ได้ แตห่ ากเราเคารพและปฏบิ ัตติ ามกฎหมายยอ่ มไมม่ ีความผดิ ไม่ทำ� ใหผ้ ู้อนื่ เดือดร้อน และ สามารถด�ำรงชีวติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ย่างเป็นปกติสขุ เชน่ เวลาใช้รถใช้ถนนต้องปฏิบตั ิตามกฎจราจร อยา่ งเครง่ ครดั หากไมป่ ฏบิ ตั ติ ามแลว้ อาจถกู เจา้ หนา้ ทต่ี ำ� รวจตกั เตอื นหรอื จบั กมุ ฐานฝา่ ฝนื กฎหมาย หรืออาจประสบอุบัติเหตุได้ แต่หากเราปฏิบัติตามกฎจราจรจะท�ำให้ไม่ถูกเจ้าหน้าที่ต�ำรวจจับกุม และช่วยลดอตั ราการเกดิ อุบตั ิเหตลุ งได้ 2. การปฏบิ ัตติ ามขนบธรรมเนียมประเพณี ขนบธรรมเนียมประเพณี คือ ความประพฤติของคนท่ีอยู่ในชุมชน ถือเป็นแบบแผน สืบต่อกันมานาน หากกระท�ำผิดหรือฝ่าฝืนจะถูกต�ำหนิติเตียน หรืออาจถึงขั้นถูกประณามว่าเป็น คนชว่ั คนเลว บางสงั คมอาจขบั ไลจ่ นถงึ ประชาทณั ฑ์ ขนบธรรมเนยี มประเพณสี ำ� คญั ทถี่ อื เปน็ กตกิ า ของสงั คมไทย เชน่ 1) ความกตัญญูรู้คุณต่อพ่อแม่ เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมไทยท่ีมีคุณค่า ดงั ทพี่ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั อปุ มาวา่ ถา้ ลกู จะพงึ วางพอ่ แมไ่ วบ้ นบา่ ทง้ั สองของตน ประคบั ประคอง� ทา่ นอยบู่ นบา่ นนั้ ปอ้ นขา้ วนำ�้ และใหท้ า่ นถา่ ยอจุ จาระบนบา่ นน้ั เสรจ็ และปรนนบิ ตั ทิ า่ นไปจนตลอด ชวี ิต ยงั นบั วา่ ตอบแทนพระคุณท่านไมห่ มด นอกจากนี้ กฎหมายไดก้ �ำหนดให้ลูกจะต้องอุปการะ เล้ียงดูพ่อแม่ แม้ลูกมีข้อขัดแย้งกับพ่อแม่ จะไม่สามารถฟ้องพ่อแม่ของตนเป็นคดีแพ่งหรือ คดีอาญาได้ และหากลูกคนใดไม่แสดงความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ เช่น ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ไมเ่ ชอ่ื ฟงั คำ� สงั่ สอนของพอ่ แม่ จะถกู ตำ� หนิ ว่าเป็นลูกเนรคุณ และหากถึงข้ันท�ำร้าย รา่ งกายหรอื ฆา่ พอ่ แมจ่ ะไดร้ บั คำ� สาปแชง่ วา่ เป็นลูกทรพี แต่ถ้าลูกปฏิบัติตนเป็นคนดี เชื่อฟังพ่อแม่จะได้รับค�ำยกย่องชมเชยว่า เป็นลูกกตญั ญู 2) แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เหมาะสมกบั กาลเทศะ ปจั จบุ นั การแตง่ กาย ของคนในสังคมเป็นไปตามสมัยนิยมมาก ขน้ึ บางคร้ังอาจจะดูไมเ่ หมาะสม ในฐานะ ทเี่ ปน็ เยาวชน เราจะตอ้ งแตง่ กายใหเ้ รยี บรอ้ ย ขณะทำ�บุญตักบาตรต้องแต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อย

หนังสือ​เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน สงั คมศึกษาฯ​ ม.  1 7 เหมาะสมกบั วัย และถูกกาลเทศะ เชน่ เมอ่ื ไปทำ� บญุ ท่วี ัดจะต้องแตง่ กายดว้ ยชดุ ท่ีสุภาพ เมือ่ ตอ้ ง ไปตดิ ตอ่ ราชการในสถานทรี่ าชการควรแตง่ กายใหส้ ภุ าพเรยี บร้อยเพ่ือแสดงถึงการให้เกียรติสถานที่ หากเราปฏบิ ตั ิได้ดังนีแ้ ล้วกจ็ ะทำ� ใหไ้ ม่ถกู ดหู ม่ินหรอื ถูกติเตียนจากผ้อู ่นื 3) มีสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโส ขนบธรรมเนียม ไทยให้ความส�ำคัญต่อการมีสัมมาคารวะต่อผู้อาวุโสมาก โดยพอ่ แมม่ กั สอนลกู ๆ ของตนใหเ้ คารพผอู้ าวโุ ส ไมแ่ สดง อาการดูถูก หยาบคาย หรือแสดงออกถึงการไม่เคารพ ผู้ใหญ่ หากไม่ปฏิบัติตามก็จะท�ำให้ผู้อ่ืนมองว่าเป็นผู้ท่ีมี ความกา้ วรา้ ว นสิ ยั ไมด่ ี แตห่ ากเรามสี มั มาคารวะกจ็ ะทำ� ให้ ผู้อ่นื ชื่นชม รักใคร่ 4) มีมารยาทสังคม เมื่ออยู่ในสังคมไทย เรา ต้องปฏิบัติตามมารยาทของสังคมไทย เช่น ไหว้ทักทาย ผู้ใหญ่ ค้อมตัวเมื่อเดินผ่านผู้ใหญ่ สนทนากับผู้อ่ืนด้วย การไหวเ ปนการแสดงออกถงึ ถอ้ ยคำ� สภุ าพ รจู้ กั กลา่ วขอบคณุ เมอ่ื ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื การมีสมั มาคารวะตอผูอาวโุ ส จากผู้อ่ืน และขอโทษเม่ือท�ำผิด แต่งกายอย่างสุภาพ เรยี บร้อย ถกู กาลเทศะ ไม่แสดงอาการดูถูกหรอื ดหู ม่นิ ผอู้ น่ื 3. การเคารพในสทิ ธแิ ละเสรีภาพของตนเองและผอู้ นื่ ในระบอบประชาธปิ ไตย พลเมือง ทกุ คนต่างมีสิทธแิ ละเสรีภาพอย่างเสมอภาคเทา่ เทยี มกัน แต่หากทกุ คนใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพทต่ี นมี โดยไม่ค�ำนงึ ถึงสิทธแิ ละเสรภี าพของผอู้ นื่ อาจจะไปละเมิดสทิ ธิและเสรภี าพของผูอ้ นื่ จนเกดิ ความ ขัดแย้งระหว่างกนั ได้ ดงั นนั้ ทกุ คนต้องเคารพในสิทธแิ ละเสรภี าพของตนเองและผ้อู ื่นดว้ ยการใช้ สทิ ธแิ ละเสรภี าพอยา่ งมขี อบเขต และไมล่ ะเมดิ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของผอู้ น่ื รวมทงั้ ตอ้ งไมใ่ หผ้ อู้ น่ื มา ละเมดิ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของตนเองดว้ ย 4. การปฏบิ ตั ติ นในพนื้ ทสี่ าธารณะตามมารยาทสากล พนื้ ทส่ี าธารณะเปน็ พน้ื ทที่ ค่ี นจำ� นวน มากใช้ประโยชน์ร่วมกนั เชน่ ถนน ทางเท้า สวนสาธารณะ ดังนน้ั บุคคลทอี่ ย่ใู นพื้นที่สาธารณะ จึงต้องปฏิบตั ติ นอย่างมมี ารยาท เพ่อื ใหก้ ารใช้พ้นื ท่ีสาธารณะนน้ั เปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย เชน่ ไมท่ ้ิง ขยะลงบนพนื้ และชว่ ยรกั ษาความสะอาดของพน้ื ทนี่ น้ั ไมส่ ง่ เสยี งดงั จนเปน็ การรบกวนผอู้ นื่ ไมเ่ ลน่ หยอกลอ้ กนั จนผ้อู ื่นเดอื ดร้อนรำ� คาญ ไมแ่ สดงกิริยาท่ีไมเ่ หมาะสม เช่น ถ่มน�ำ้ ลายลงบนพ้นื กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู รว่ มกนั อภปิ รายวา่ การปฏบิ ตั ติ นตามกฎหมายกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คมและประเทศชาติ อยา่ งไร จากนน้ั บนั ทกึ ความรทู้ ไ่ี ดล้ งในสมดุ

8 หนงั สือ​เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน สงั คมศกึ ษาฯ​ ม.  1 2.2 การมีสว่ นร่วมและรับผิดชอบในกจิ กรรมทางสงั คม ปจั จบุ นั สถานการณเ์ ยาวชนมคี วามรุนแรงมาก ท้งั ปญั หาความรนุ แรงในครอบครัว ปญั หา ยาเสพติด ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน ปัญหาการมีพฤติกรรมเส่ียง และปัญหาการ ประพฤติตัวไม่เหมาะสม ซึ่งในการแกไ้ ขปญั หาดังกล่าวทุกภาคส่วนรวมท้ังเยาวชนควรรว่ มมือกนั มีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการก�ำหนดแนวทางและวิธีการแก้ไข เช่น การร่วมกันจัดต้ังสภาเด็ก และเยาวชนขนึ้ ทวั่ ประเทศ เพอื่ ทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั แทนของเดก็ และเยาวชนในการรวบรวมปญั หาและ เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้นต่อหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ส�ำหรับวิธีการมีส่วนร่วมและ รบั ผดิ ชอบในกิจกรรมทางสงั คมทเี่ ยาวชนสมควรกระท�ำมีดงั นี้ 1. การรับข้อมูล การตดิ ตาม และตรวจสอบข้อมลู เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ เท็จจริง เช่น ตดิ ตามข่าว รณรงคต์ า่ ง ๆ ของหมบู่ า้ น รว่ มชมนทิ รรศการเรอ่ื งอนั ตรายจากยาเสพตดิ และรบั ฟงั การแถลงขา่ ว ของกจิ กรรมทางสังคมตา่ ง ๆ 2. การแสดงความคิดเห็น เยาวชนสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นได้ เช่น แสดงความคิดเห็นในโครงการสำ� รวจปญั หาความรนุ แรงในครอบครวั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การประพฤตติ วั ไมเ่ หมาะสมของเยาวชน 3. การปรึกษาหารือ เช่น ร่วมปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน ร่วมกันอภิปรายเรื่องวิธีการลดความรุนแรงในครอบครัว ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเร่ืองการมี เพศสมั พนั ธใ์ นวยั เรียน 4. การวางแผนร่วมกัน เปน็ การก�ำหนดขน้ั ตอนการดำ� เนนิ งานให้ประสบผลส�ำเร็จ เยาวชน สามารถมีส่วนร่วมและรับผิดชอบร่วมกันในการวางแผนโครงการ เช่น โครงการแก้ปัญหาวัยรุ่น ตีกัน โดยการวางแผนให้มีกลุ่มท่ีปรึกษาเพ่ือแก้ปัญหาข้อขัดแย้งและการเจรจาเพื่อหาทางประนี ประนอมกัน 5. การร่วมปฏิบัติ เป็นการด�ำเนินการตามแผนที่ก�ำหนดไว้ โดยทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนท่ีก�ำหนดไว้ เช่น ร่วมกันต้ังกลุ่มปรึกษาและด�ำเนินการให้ค�ำปรึกษา แกเ่ พ่ือน รวมท้งั ชว่ ยกันด�ำเนินการให้กล่มุ ทีข่ ัดแย้งกนั หันมาประนีประนอมกัน กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู ร่วมกันคิดหาวิธีการเข้าไปมีส่วนร่วมและรับผิดชอบในกิจกรรมทางสังคม จากนั้นเขียน ออกมาเปน็ โครงการ แล้วนำ�เสนอหนา้ ชั้นเรยี น 2.3 การอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาติ คอื สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ เชน่ ทดี่ นิ แรธ่ าตุ ปา่ ไม้ แหลง่ นำ้� ตาม ธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาตเิ หลา่ นถี้ กู มนษุ ยน์ ำ� มาใชป้ ระโยชนใ์ นหลายดา้ น โดยเฉพาะการนำ� มาใช้ ในการผลติ สนิ ค้าและบรกิ ารเพอ่ื ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ จนกระทง่ั ปจั จบุ นั ทรัพยากร

หนังสอื ​เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน สงั คมศกึ ษาฯ​ ม.  1 9 ป่าไม้เปน็ ทรัพยากรธรรมชาติทีพ่ ลเมอื งดตี ้องช่วยกันอนุรกั ษ์ให้คงอยู่ ธรรมชาติเหลา่ นี้ไดล้ ดน้อยลง และบางอย่างก็ไดห้ มดส้นิ ไป ในฐานะท่เี ป็นเยาวชนจงึ ควรมบี ทบาท หน้าทใี่ นการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตไิ ว้มิใหเ้ ส่ือมโทรมลงหรอื หมดส้นิ ไปด้วยวธิ ีการดงั น้ี 1. ใชท้ รัพยากรธรรมชาติอยา่ งประหยัด รคู้ ุณคา่ และเกดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ คือ หากจะ ต้องใชท้ รพั ยากรธรรมชาติต่าง ๆ ท้งั ทรัพยากรนำ้� พลังงาน แร่ธาตุ กต็ ้องใชอ้ ย่างประหยัดและให้ เกดิ คณุ คา่ สงู สดุ เชน่ ใชน้ ำ�้ อยา่ งประหยดั และคมุ้ คา่ ไมเ่ ปดิ นำ�้ ทงิ้ ไว้ ปดิ ไฟเมอื่ ไมใ่ ชง้ าน ใชพ้ ลงั งาน ลมหรือแสงอาทิตย์มาผลิตไฟฟ้าแทนการใช้ถ่านหิน ใช้รถจักรยานแทนการใช้รถยนต์หรือ รถจกั รยานยนต์ ใช้ถุงผา้ แทนถุงพลาสตกิ ไมใ่ ช้กล่องโฟมใสอ่ าหาร 2. ไม่ท�ำลายหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ เราจะต้องไม่กระท�ำการ ใด ๆ ท่ีเป็นการสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ไม่ท้ิงขยะลงในแม่น้�ำ ลำ� คลอง บำ� บดั นำ้� กอ่ นปลอ่ ยลงสแู่ หลง่ นำ�้ ธรรมชาติ ไมต่ ดั ไมท้ ำ� ลายปา่ ไมก่ ำ� จดั ขยะโดยใชว้ ธิ กี ารเผา 3. สอดส่องดูแลมิให้ผู้ใดมาท�ำลายสิ่งแวดล้อม ในฐานะของเยาวชน เราสามารถอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติได้โดยการช่วยกันสอดส่องดูแลมิให้ผู้ใดมาท�ำลายหรือสร้างความเสียหายแก่ ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ หากพบว่ามกี ารลักลอบตดั ไมท้ ำ� ลายปา่ ลกั ลอบปลอ่ ย น้�ำเสยี ลงในแมน่ ำ้� ล�ำคลอง จะตอ้ งแจง้ เจา้ หน้าที่ใหด้ ำ� เนินการทนั ที 4. รว่ มกจิ กรรมอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เราจะตอ้ งเขา้ ร่วมกจิ กรรมตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วกบั การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น กิจกรรมท�ำความสะอาดแม่น�้ำล�ำคลอง กิจกรรมปลูกป่า กิจกรรมลดการใช้พลังงาน 5. เผยแพร่แนวคิดการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เราสามารถเผยแพร่แนวคิดเก่ียวกับ การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติไดห้ ลายลกั ษณะ เชน่ จดั นทิ รรศการอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ ร่วมรณรงค์ในโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีเพื่อ โนม้ นา้ วใหค้ นในชมุ ชนอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

10 หนังสือ​เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน สังคมศึกษาฯ​ ม.  1 กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู ร่วมกันเสนอวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แล้ววิเคราะห์ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ จากการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตดิ ว้ ยวธิ กี ารเหลา่ น้ี จากนน้ั ชว่ ยกนั สรปุ และบนั ทกึ ขอ้ สรปุ ลงในสมดุ 2.4 การรักษาสาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ หมายถงึ ผลดีแก่คนทัว่ ไปหรือสิ่งทมี่ ปี ระโยชนแ์ กค่ นทว่ั ไป เชน่ บริการ สาธารณะ สาธารณสมบัติ บริการสาธารณะ หมายถึง กิจกรรมหรือการด�ำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่คนท่ัวไป การ เดนิ รถประจำ� ทาง การไปรษณยี ์ การประปา การไฟฟา้ ห้องน�ำ้ สาธารณะ ตลาด สาธารณสมบัติ หมายถึง ทรัพยส์ ินทเ่ี ป็นของสว่ นรวม เปน็ ส่งิ ท่ปี ระชาชนสว่ นรวมสามารถ ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ไม่มีบุคคลใดเป็นเจ้าของเฉพาะ เช่น ถนน ทางเท้า โทรศัพท์สาธารณะ สวนสาธารณะ ห้องน�้ำสาธารณะ ตลาด สาธารณประโยชน์เป็นส่ิงที่รัฐต้องน�ำเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนมาดำ� เนินการเพื่อให้บริการ แก่ประชาชน จึงเปรียบเสมือนสาธารณสมบัติหรือสมบัติของประชาชนทุกคน ดังนั้น จึงสมควร เป็นอย่างยิ่งที่เยาวชนจะต้องมีบทบาทหน้าที่ในการรักษาสิ่งเหล่านี้ให้ใช้ประโยชน์ได้นานที่สุด นอกจากนี้จะต้องช่วยกันสอดส่องระวงั มิให้มผี ้ใู ดมาท�ำลายสาธารณประโยชนเ์ หล่านี้ การรกั ษาสาธารณประโยชนส์ ามารถทำ� ไดห้ ลายวธิ ี ได้แก่ 1. ไม่ท�ำลายหรือท�ำให้ส่ิงที่เป็นสาธารณประโยชน์เสียหาย เช่น ไม่ขีดเขียนข้อความใด ๆ ลงในป้ายเคร่ืองหมายจราจร ผนงั ห้องน้ำ� สาธารณะ 2. ไมน่ �ำส่ิงทีเ่ ป็นสาธารณประโยชน์ เชน่ ถังขยะ ฝาท่อระบายนำ�้ มาใชป้ ระโยชนส์ ่วนตัว ปา้ ยเครอ่ื งหมายจราจรและถนนเป็นสาธารณประโยชน์ จึงไมค่ วรทำ�ลายและตอ้ งชว่ ยกนั ดแู ลรักษา 3. มสี ว่ นรว่ มในการรกั ษาความสะอาด ความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยของพนื้ ทสี่ าธารณประโยชน์ ตา่ ง ๆ ใหอ้ ยใู่ นสภาพทพ่ี รอ้ มใชง้ าน หากพบวา่ ชำ� รดุ ตอ้ งรบี แจง้ แกห่ นว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบทันที 4. สอดสอ่ งดูแลมิใหผ้ ู้ใดมาทำ� ลายสาธารณประโยชน์ เช่น เป็นหูเป็นตาในการป้องกนั มิให้ มบี คุ คลใดมาขโมยตดั สายไฟฟ้า

หนงั สือเ​รียนรายวชิ าพื้นฐาน สงั คมศกึ ษาฯ​ ม.  1 11 กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู สำ�รวจสาธารณสมบัติท่มี ีในท้องถ่นิ เพ่อื ตรวจสอบว่า มีส่งิ ใดบ้างท่ตี ้องได้รับการพัฒนา ปรบั ปรงุ ใหด้ ขี น้ึ จากนน้ั รว่ มกนั หาวธิ กี ารในการพฒั นาหรอื ปรบั ปรงุ สาธารณสมบตั นิ น้ั ๆ และ นำ�วธิ กี ารนน้ั ไปปฏบิ ตั หิ รอื ชกั ชวนใหค้ นในทอ้ งถน่ิ รว่ มกนั ปฏบิ ตั ิ แลว้ สรปุ ผลทไ่ี ดร้ บั 2.5 การแสดงออกถึงการเคารพในสทิ ธแิ ละเสรีภาพของตนเองและผู้อ่ืน ทกุ คนลว้ นมสี ทิ ธแิ ละเสรภี าพเปน็ ของตนเอง ผใู้ ดจะมากา้ วกา่ ยหรอื ละเมดิ สทิ ธแิ ละเสรภี าพ ของเราไมไ่ ด้ และในขณะเดยี วกนั เรากต็ อ้ งไมไ่ ปกา้ วกา่ ยหรอื ละเมดิ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คลอนื่ ดว้ ยเช่นกัน คนทว่ั ไปมกั เขา้ ใจวา่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยใหส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพแกป่ ระชาชนอยา่ ง มากมาย จนคดิ วา่ ตนเองมสี ทิ ธแิ ละเสรภี าพทจ่ี ะทำ� อะไรกไ็ ด้ ทำ� ใหบ้ างครงั้ อาจกระทำ� การบางอยา่ ง ท่ีสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เช่น ปิดถนนชุมนุมประท้วง ท�ำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ไม่สะดวกหรือได้รับความเดือดร้อน ถือเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพท่ีไม่ถูกต้อง เป็นการละเมิด สิทธแิ ละเสรภี าพของผู้อื่น ในฐานะพลเมอื งดี เราตอ้ งปฏบิ ตั ติ นทแี่ สดงออกถงึ การเคารพในสทิ ธแิ ละเสรภี าพของตนเอง และผู้อ่ืนโดยการใช้สิทธิและเสรีภาพในทางสร้างสรรค์ เช่น หากจะชุมนุมทางการเมืองก็ไม่ควร กดี ขวางการจราจร ไมท่ ำ� ลายสาธารณสมบตั ิ หรอื สรา้ งความเสยี หายแกส่ ถานทรี่ าชการ ตอ้ งชมุ นมุ กนั อยา่ งสงบและปราศจากอาวธุ ไมส่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นแกผ่ อู้ นื่ ใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพภายใตข้ อบเขต ของกฎหมายและศีลธรรม และใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองอย่างมีคุณค่า เช่น ไปใช้สิทธิ เลือกตั้งคนดีเป็นผู้แทน แสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ และรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แมค้ วามคดิ เหน็ น้ันจะแตกตา่ งจากความคิดเหน็ ของตน หากทุกคนในสังคมปฏิบัติตนท่ีแสดงออกถึงการเคารพในสิทธิและเสรีภาพของตนเองและ ผู้อื่น จะทำ� ให้คนในสงั คมมคี วามเออื้ เฟื้อเผอื่ แผ่ เกิดความสามัคคี และอย่รู ่วมกันอย่างสันตสิ ุข ประเทศชาติพฒั นาก้าวหนา้ และมคี วามม่ันคง กจิ กรรมพัฒนาการเรียนรู บันทึกการปฏิบัติตนที่แสดงออกถึงการเคารพในสิทธิและเสรีภาพของตนเองและผู้อ่ืน ในรอบ 1 สปั ดาห์ แล้วนำ�เสนอผลงานหนา้ ช้นั เรยี น บทสรปุ พลเมืองดี คือ ผู้ที่มีศีลธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของ ชุมชน และมีความรใู้ นเรือ่ งการเมือง มสี �ำนึกต่อส่วนรวมหรือจติ สาธารณะ โดยการรบั ผิดชอบตอ่ สาธารณสมบตั ิ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ทำ� กจิ กรรมเพอื่ สงั คมทเ่ี ปน็ ประโยชนร์ ว่ มกนั ของสว่ นรวม และรบั รแู้ ละตระหนักถึงปัญหาท่ีเกดิ ขนึ้ ในสังคมและมีการแก้ไขรว่ มกัน

12 หนงั สอื ​เรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน สังคมศึกษาฯ​ ม.  1 บทบาทและหนา้ ทข่ี องเยาวชนในฐานะทเ่ี ปน็ สมาชกิ ของสงั คมจะตอ้ งปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหอ้ ยรู่ ว่ มกบั ผูอ้ ่ืนในสังคมได้อย่างสันติสขุ ได้แก่ เคารพกติกาของสังคม มีส่วนร่วมและรับผดิ ชอบในกจิ กรรม ทางสังคม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รักษาสาธารณประโยชน์ และแสดงออกถึงการเคารพใน สทิ ธแิ ละเสรภี าพของตนเองและผู้อ่ืน กจิ กรรมเสนอแนะ 1. แบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3–5 คน แต่ละกลมุ่ สบื ค้นขอ้ มูลเกี่ยวกับพลเมอื งดี จากนน้ั นำ� ข้อมลู ท่ไี ด้ มาจดั ท�ำปา้ ยนเิ ทศเร่อื ง พลเมืองดใี นสังคมไทย 2. ร่วมกันอภิปรายในหัวข้อ จะเกิดอะไรขึ้นหากในสังคมไม่มีพลเมืองดี แล้วให้แต่ละคนสรุป ความรทู้ ีไ่ ดล้ งในสมุด 3. เขียนเรียงความเร่ือง พลเมืองดีในอุดมคติของฉัน แล้วให้แต่ละคนออกมาน�ำเสนอผลงาน หนา้ ชน้ั เรยี น จากน้ันชว่ ยกันคดั เลอื กผลงานที่ดที สี่ ุดติดเปน็ ป้ายนเิ ทศ การประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำ�วนั 1. มานะชวนพมิ ลไปตดั ตน้ ไมใ้ หญใ่ นปา่ สงวนแหง่ ชาติ เพอ่ื นำ� ไปขายใหแ้ กน่ ายทนุ เนอ่ื งจากเหน็ ว่าพ่อของพิมลต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจซึ่งต้องใช้เงินเป็นจ�ำนวนมาก แต่พิมลยัง ไม่มีเงินเตรียมไว้เลย กรณีนหี้ ากนกั เรยี นเป็นพมิ ลจะตดั สินใจอยา่ งไร เพราะอะไร 2. หากเดินอยู่ในโรงเรยี นแลว้ พบว่ามขี ยะตกอยบู่ นพื้น นักเรยี นควรทำ� อย่างไร เพราะอะไร ค�ำ ถามทบทวน 1. พลเมืองดีคืออะไร และนกั เรยี นจะปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมืองดีได้อย่างไร 2. จติ สาธารณะคืออะไร มคี วามสำ� คัญต่อสังคมและประเทศชาติหรือไม่ อยา่ งไร 3. เพราะเหตุใดจงึ ต้องใหเ้ ยาวชนรบั รู้ ตระหนกั และรว่ มมือกันแก้ไขปัญหาทเ่ี กิดขึ้นในสงั คม 4. บทบาทและหนา้ ทีข่ องเยาวชนทม่ี ีตอ่ สังคมและประเทศชาตมิ ีอะไรบ้าง 5. จะเกิดอะไรขนึ้ หากคนในสงั คมไม่ปฏิบัตติ ามกฎหมายและกฎระเบยี บของสังคม 6. หากมีคนท�ำผิดกฎหมายโดยอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย นักเรียนคิดว่าคนนั้นต้องรับโทษหรือไม่ เพราะอะไร 7. นกั เรยี นคิดวา่ ตนเองสามารถมสี ว่ นรว่ มและรบั ผิดชอบในกจิ กรรมทางสงั คมไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง 8. เพราะอะไรจึงต้องอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ และสามารถท�ำได้อยา่ งไรบา้ ง 9. สาธารณประโยชนค์ อื อะไร เหตใุ ดจงึ ต้องร่วมมือกันรักษา 10. หากพบเห็นวา่ มีคนนำ� สิ่งทเ่ี ปน็ สาธารณประโยชนไ์ ปใช้เปน็ ของส่วนตัว เราควรทำ� อยา่ งไร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook