Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3

หน่วยที่ 3

Published by pinnarat.stvc, 2020-01-07 01:57:13

Description: หน่วยที่ 3

Search

Read the Text Version

0 เอกสารประกอบการเรยี นการสอน วชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การจัดการอาชีพ (3001-2001) ตรงตามหลักสตู ร ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพชั้นสูง (ปวส.) พทุ ธศักราช 2557 ประเภทวชิ าบรหิ ารธรุ กิจ สาขาวชิ าการบญั ชี เรียบเรียงโดย พนิ รฎั สีตลวรางค์ บธ.บ. การบญั ชี บธ.บ. การจดั การท่วั ไป แผนกวิชาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาสุโขทัย สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา

1 หน่วยท่ี 3 เทคโนโลยีโทรคมนาคม หัวข้อเรื่อง 1. ความหมายของโทรคมนาคม 2. องค์ประกอบของเทคโนโลยโี ทรคมนาคม 3. ชองทางการสอ่ื สารขอมูล 4. เทคโนโลยโี ทรคมนาคมสมัยใหม่ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 1. สามารถบอกความหมายของโทรคมนาคมได้ 2. สามารถบอกองค์ประกอบของเทคโนโลยีโทรคมนาคมได้ 3. สามารถอธิบายชองทางการสื่อสารขอมลู ได้ 4. สามารถอธิบายลักษณะของเทคโนโลยีโทรคมนาคมสมัยใหม่ได้  ความหมายของโทรคมนาคม สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunications Union: ITU) ไดใหคํา จํากัดความวา โทรคมนาคม (Telecommunications) หมายถึง การสงขาวสารทุกรูปแบบไม่ว่าจะเปนเสียง พูด ตัวอักษร สัญลักษณ ภาพถาย graphics ภาพเคล่ือนไหว (Video) ฯลฯ ไป ยังปลายทาง โดยอาศัย สญั ญาณไฟฟา หรือสัญญาณแมเหล็กไฟฟา ไมวารูปแบบใด และไมจํากัดวาจะใชสื่อชนิดใด (เชนระบบวิทยุ คู สายทองแดง หรือ optical fiber เทคโนโลยีโทรคมนาคม ใชเพื่อติดตอสอสารรับ/สงขอมูลจากที่ที่ไกลออกไป เปนการสงของขอมูลระหวางคอมพิวเตอรหรืออุปกรณตางๆ ที่อยูหางไกลกัน ซึ่งจะชวยใหการเผยแพรขอมูล หรอื สารสนเทศไปยังผู้ใชในแหลงตางๆ เปนไปอยางสะดวก รวดเร็ว ถูกตอง ครบถ้วน และทันเหตุการณ (Up- to-Date) ซึง่ รูปแบบของขอมลู ทรี่ บั /สง อาจเปนตัวเลข (Numeric Data) ตัวอักษร (Text) ภาพ (Image) และ เสียง (Voice) ตัวอยางเชน การสงขอมูลตางๆ ของยานอวกาศที่อยูนอกโลกมายังเคร่ืองคอมพิวเตอรบนโลก เพื่อทาํ การคํานวณ และประมวลผล ทําใหทราบปรากฏการณตางๆ ไดอยางรวดเรว็  องค์ประกอบของเทคโนโลยโี ทรคมนาคม องคประกอบทส่ี าํ คญั ของเทคโนโลยีโทรคมนาคม ประกอบดวย 5 องคประกอบ ดงั นี้ 1. ตนกาเนิดขาวสาร (Source of Information) เปนสวนแรกในระบบการสื่อสารโทรคมนาคม เปนแหลงท่ีมาของขาวสารตางๆ ที่ผูสงตองการท่ีจะส่งไปยังผูรับที่ปลายทาง ตัวอยางในระบบโทรศัพท หรือ ระบบวิทยกุ ระจายเสียง สวนนี้ก็คือเสียงพูดของผูพูดท่ีตนทาง ซ่ึงจะถูกไมโครโฟนเปล่ียนใหเปนสัญญาณไฟฟ้า ที่เหมาะสม และสงเข้าไปในระบบ หรือในกรณีระบบการสื่อสารขอมูล (Data Communication) สวนน้ี อาจจะเปนเครื่องคอมพิวเตอร หรือ Data Terminal ประเภทตาง ๆ

2 ภาพท่ี 3-1 อปุ กรณ์ที่ใชเ้ ป็นตน้ กําเนิดขา่ วสาร 2. เครื่องสงสัญญาณ (Transmitter) ทําหนาท่ีในการแปลงหรือเปลี่ยนสัญญาณไฟฟาท่ีใชแทน ข่าวสารจากตนกําเนิดข่าวสาร ใหเปนสัญญาณหรือคลื่นแมเหล็กไฟฟาท่ีเหมาะสมในการสงตอไปยังปลายทาง เชน ระบบโทรศัพท ตัวเคร่ืองโทรศัพทจะแปลงสัญญาณไฟฟาที่ใชแทนเสียงพูด ใหเปนสัญญาณแมเหล็กไฟฟ้า ทเ่ี หมาะสมและสงตอไปยังปลายทาง สาํ หรับในระบบการส่ือสารข้อมูลสวนนี้จะเปน MODEM หรืออุปกรณอ่ืน ท่ีเหมาะสมใน การเปล่ียนสัญญาณไฟฟาทมี่ าจากคอมพวิ เตอรเพอื่ ใหเปนสัญญาณแมเหล็กไฟฟาท่ีเหมาะสม ใน การผานระบบส่อื สัญญาณไปยงั ปลายทาง ภาพที่ 3-2 อปุ กรณ์ที่ใช้เพ่ือสง่ สัญญาณ 2.3 ระบบการส่งผานสัญญาณ (Transmission System) เคร่ืองสงไดเปลี่ยน หรือแปลงสัญญาณ ไฟฟาที่ใชแทนขาวสารตาง ๆ ใหเปนสัญญาณ หรือคล่ืนแมเหล็กไฟฟาที่เหมาะสม สัญญาณก็จะถูกสงผาน ระบบระบบการสงผานสัญญาณ เพื่อสงตอไปยังเครื่องรับ และผูรับที่ปลายทาง ดังน้ันระบบการสงผาน สญั ญาณจงึ ถอื ไดวาเปนสวนทสี่ ําคญั และจําเปนมากในระบบการสอื่ สารโทรคมนาคม

3 ภาพท่ี 3-3 ระบบการสง่ ผา่ นสัญญาณ 2.4 เคร่ืองรับสัญญาณ (Receiver) เปนสวนที่ทําการเปลี่ยนสัญญาณ หรือคล่ืนแมเหล็กไฟฟา ท่ีถูก สงผานระบบการสงผานสัญญาณจากตนทาง เพ่ือใหกลับมาเปนสัญญาณไฟฟาท่ีใชแทนขาวสาร ที่ถูกสงมา จากตนทาง ทง้ั น้เี พอื่ สงใหอุปกรณปลายทางทําการแปลง หรือเปล่ียนสัญญาณไฟฟาน้ัน ใหกลับมาเปนข่าวสาร ท่ีผูรับสามารถเขาใจความหมายได สําหรับระบบการส่ือสารขอมูลสวนน้ีจะเปน MODEM หรืออุปกรณที่ เหมาะสมในการเปลี่ยนสัญญาณแมเหล็กไฟฟา ใหเปนสัญญาณไฟฟาท่ีใชขอมูลในรูปแบบท่ีถูกตอง และ เหมาะสมสาํ หรบั การสงตอใหเครื่องคอมพิวเตอร ดังน้ันอุปกรณบางชนิด เชน MODEM อาจเปนไดท้ังอุปกรณ ในการสง และรบั สญั ญาณ ในอปุ กรณชนิดเดยี วกัน ภาพท่ี 3-4 อุปกรณท์ ใ่ี ชเ้ พื่อรับสญั ญาณ 2.5 ผูรับสัญญาณ (Destination) เปนสวนสุดทายในระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งทําหนาที่ รบั ขอมลู ขาวสารทีส่ งมาจากตนกําเนิดขาวสาร ดังน้ันอุปกรณรับสัญญาณ และอุปกรณสงสัญญาณ อาจเปน อุปกรณชนิดเดยี วกันกไ็ ด เชน คอมพิวเตอร โทรศพั ท์ เปนตน

4 ภาพท่ี 3-5 อุปกรณท์ ี่ทําหน้าท่เี ป็นผรู้ บั สัญญาณ  ชองทางการสอ่ื สารขอมลู (Data Transmission Channels) ระบบโทรคมนาคมมีชองทาง หรือส่ือกลาง (Media) ในการส่ือสารขอมูลอยู 2 ชองทาง ได้แก่ 1. ชองทางการส่ือสารแบบมีสาย (Physical Wire) การส่ือสารผานสายสัญญาณ จะใชสายสญั ญาณ ในการสงผานขอมลู จากจุดหนึ่ง ไปยงั อีกจดุ หน่ึง ตัวอยางของสายสัญญาณ ไดแก 1.1 สายคูเกลียวบิด (Twisted Pairs) ภาพที่ 3-6 ตัวอยางสายคูเกลียวบิด 1.2 สายโคแอ็กเชียล (Coaxial Cable) ภาพที่ 3-7 ตวั อยางสายโคแอ็กเชียล

5 1.3 สายใยแกวนาํ แสง (Fiber Optics) ภาพที่ 3-8 ตวั อยางสายใยแก้วนาํ แสง 2. ชองทางการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless) การส่ือสารแบบไรสายจะใชอุปกรณในการสง สญั ญาณ (Signal) โดยมลี ักษณะการสงสัญญาณทีแ่ ตกตางกนั ออกไป ตัวอยางของสัญญาณ ไดแก 2.1 สัญญาณไมโครเวฟ (Microwave Signal) เปนการสงขอมูลผานที่วางเปล่า สัญญาณ ไมโครเวฟจะถกู สงจากสายอากาศ (Antenna) กระจายผานอากาศ ไมโครเวฟเปนคล่ืนวิทยุที่มีความถ่ีระหวาง 1 กิกะเฮิรทซ และ 10 กิกะเฮิรทซ สัญญาณไมโครเวฟจะถูกสงผานท่อนําคลื่น (Waveguide) ไปยังอากาศ ท่อ นําคล่ืนเปนตัวนําพิเศษมีลักษณะเปนทอกลวง สัญญาณไมโครเวฟจะแพรกระจาย ผานทอนําคลื่นดวยความ สูญเสียกําลงั ตาํ่ มาก การสงสญั ญาณไมโครเวฟ จะวิ่งเปนลักษณะลําคล่ืนแคบ (Narrow Beams) และมีทิศทาง เปนแนวตรง ในระบบโทรศัพท์ท่ัวไปจะติดตั้งสายอากาศ หรือจานไมโครเวฟ (Microwave Antenna) หางกัน ประมาณ 30 ไมล ขอดีของระบบสงสัญญาณไมโครเวฟ คือใชแบนวิธทร่ี องรับขอมูลสูงกวาสาย และลดงานการ เดินสายสัญญาณ ดังน้ันนิยมใชระบบสงสัญญาณไมโครเวฟในพื้นที่ที่ไมสะดวกสําหรับการเดินสาย ระบบ ไมโครเวฟเหมาะกับการสงสัญญาณระยะใกล และไกล ระบบสื่อสารท่ีใช้ส่งสัญญาณไมโครเวฟ เชน ระบบ โทรศัพท์วิทยุเคล่ือนท่ี ระบบเพจเจอร ข้อเสียของระบบไมโครเวฟ คือคุณภาพสัญญาณอาจถูกกระทบโดย สภาพภาวะอากาศ และไมสามารถสง หรือเสนทางการแพรคลื่นออกนอกขอบเขตแนวสายตา ดังนั้นจําเปนต้อง ติดตั้งจานไมโครเวฟ เปนระยะๆ เมือ่ สงสญั ญาณระยะไกล ภาพท่ี 3-9 สถานีทวนสัญญาณไมโครเวฟ

6 2.2 สัญญาณดาวเทียม (Satellite) การส่ือสารดาวเทียม เปนวงจรทวนสัญญาณไมโครเวฟที่มีชอง ทวนสญั ญาณทย่ี าวมาก เนอ่ื งจากดาวเทยี มจะอยูสงู จากระดับพืน้ จากหลายรอยกิโลเมตรจนถึงวงโคจร 23,500 กโิ ลเมตร ดาวเทียมจะเขาสูวงโคจรด้วยการใชจรวดสงดาวเทียม ดังน้ันดาวเทียมจะถูกออกแบบใหมีขนาดเบา และเลก็ ท่ีสุดเทาท่ีจะทําได ดาวเทียมส่ือสารท่ีท้ังแบบเคลื่อนที่และแบบอยูกับท่ีบนดาวเทียม จะบรรจุอุปกรณ ทวนสัญญาณเรียกวา ทรานสปอนเดอร (Transponder) บนภาคพ้ืนดิน จะยิงสัญญาณไมโครเวฟผานจาน สัญญาณดาวเทียมมายังดาวเทียม ทรานสปอนเดอรทําหนาที่รับสัญญาณดาวเทียมบนพื้นโลก (Downlink) สัญญาณที่กระจายสง และรับจากดาวเทียม จะครอบคลุมพ้ืนที่กวาง ตัวอยางเชน การกระจายสัญญาณโทร ทัศนที่ผ่านดาวเทียมลงมา ผูที่อยูในแนวฟุตพรินทนั้น สามารถรับสัญญาณ และหันอุปกรณไปในทิศทางของ สัญญาณ ระบบสัญญาณดาวเทยี มใหแบนวิธในการสงสัญญาณสูงเทากับระบบไมโครเวฟภาคพื้นดิน อยูในชวง ระหว่าง 4 GHz ใชสงสัญญาณดิจิตอล และสามารถใชเทคนิคมัลติเพลกซ สัญญาณจากหลายแหลงส่งผานบน ชวงสญั ญาณดาวเทยี มชองเดียวได ขอเสยี ของระบบดาวเทียม คลายกับไมโครเวฟ คืออาจถูกกระทบโดยสภาพ อากาศ เน่ืองจากระยะทางของดาวเทยี มไกลจากพน้ื โลกมาก การสงสัญญาณจากจุดสงไปถึงดาวเทียม และสง ตอมายงั จุดรับ ใชเวลาประมาณ 0.5 วินาที ภาพที่ 3-10 การสงสญั ญาณผานระบบดาวเทียม และสถานรี บั สัญญาณดาวเทยี ม 2.3 อินฟราเรด (Infrared) คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่อยูในชวง 1011 – 1014 เฮิรตซ หรือความ ยาวคล่ืน 10-3 – 10-6 เมตร เรียกวา รังสีอินฟราเรด ซ่ึงจะมียานความถี่คาบเก่ียวกับยานความถี่ของคลื่น ไมโครเวฟอยู่บ้าง วัตถุรอนจะแผรังสีอินฟราเรดท่ีมีความยาวคล่ืนสั้นกวา 10-4 เมตรออกมา รังสีอินฟราเรด สามารถทะลุผานเมฆหมอก ที่หนาเกินกว่าแสงธรรมดาจะผานได รังสีอินฟราเรดยังใชในระบบควบคุมท่ี เรียกว่า รีโมทคอนโทรล (Remote Control) หรือการควบคุมระยะไกล ซ่ึงเปนระบบสําหรับควบคุมการ ทํางานของอุปกรณตางๆ จาก ระยะไกล โดยรงั สีอินฟราเรดจะเปนตวั นาํ คําสงั่ จากเคร่ืองควบคุมไปยังเคร่ืองรับ ภาพท่ี 3-11 เครือ่ งมือทส่ี ามารถสง ขอมลู โดยใชระบบอนิ ฟราเรด

7 2 4. สัญญาณวิทยุ (Radio Frequency) คลื่นวิทยุมีความถี่อยูในชวง 104 – 109 เฮิรตซ คลื่น ชวงน้ีใช้ในการสงขาวสารและ สาระบันเทิงไปยังผูรับ โดยการสงคล่ืนวิทยุระบบเอเอ็ม (AM) จะใชคลื่นที่มี ความถ่ีขนาด 530 – 1600 กิโลเฮิรตซ และยังมีคล่ืนท่ีอยู่ในชวงความถ่ีต่ําลงไปอีกเรียกวา คล่ืนยาว และคล่ืน ท่อี ยูในช่วงความถีส่ งู ขนึ้ ไปเรยี กวา คลืน่ สน้ั ดวย สวนการสงคลนื่ ในระบบเอฟเอ็มจะอยูในชวงความถ่ี 88 – 108 เมกะเฮริ ตซ ซึ่งระบบการสงคลน่ื แบบเอเอ็ม (AM) กบั เอฟเอม็ (FM) จะตางกันที่วิธีการผสมคลื่น ดังน้ันจึงทําให เครื่องรับวทิ ยุแตละแบบไมสามารถรับคลื่นวิทยุของอีกแบบหนึ่งได คลื่นวิทยุมีสมบัติท่ีนาสนใจอีกประการหน่ึง คือสามารถหักเห และสะทอนไดที่บรรยากาศช้ันไอโอโนสเฟยร บรรยากาศในช้ันน้ีประกอบดวยอนุภาคที่มี ประจไุ ฟฟาอยูเปนจํานวนมาก เมือ่ คลืน่ วิทยุเคลื่อนท่ีมาถึงจะสะทอนกลับสูผิวโลกอีก สมบัติข้อน้ีทําใหสามารถ ใช คลืน่ วิทยใุ นการสอ่ื สารเปนระยะทางไกล ๆ ได แตถาเปนคลื่นวทิ ยุทม่ี ีความถ่ีสูงขึ้น การสะทอนดังกลาวจะมี ไดนอยลงตามลําดับ การสงกระจายเสียงดวยคลื่นวิทยุระบบเอเอ็มสามารถเคลื่อนที่ไปได้ 2 ทางคือ ในระดับ สายตาเรียกว่า คลื่นดิน และการสะทอนกลับลงมาจากบรรยากาศช้ันไอโอโนสเฟยร เรียกวา คลื่นฟา สวน คลื่นวิทยุระบบเอฟเอ็มซ่ึงมีความถี่สูงกวาจะมีการสะทอนในชั้นไอโอโนสเฟยรได้นอย ดังน้ันถ้าต้องการสงกระ จายเสียงดวยระบบเอฟเอ็มให้ครอบคลุมพ้ืนท่ีไกลๆ จึงตองมีสถานีถายทอดเปนระยะ และผูรับตองต้ัง สายอากาศสูง ๆ ในขณะท่ีคลื่นวิทยุเคล่ือนที่ผานส่ิงกีดขวางที่มีขนาดใกลเคียงกับความยาวคล่ืน จะเกิดการ เล้ียวเบน ทําใหคล่ืนวิทยุออมผานไปได แตถาสิ่งกีดขวางมีขนาดโตมากๆ เช่น ภูเขา คลื่นวิทยุท่ีมีความยาว คล่ืนส้ันจะไมสามารถออมผานไปได ทําใหดานตรงขามของภูเขาเปนจุดอับของคลื่น โลหะมีสมบัติในการ สะทอน และดูดกลืนคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดดี ดังนั้นคล่ืนวิทยุจะทะลุผ่านเขาไปถึงตําแหนงภายในโครงสรางท่ี ประกอบดวยโลหะไดยาก เชน เม่ือฟงวิทยุในรถยนตขณะแล่นผานเขาไปในสะพานท่ีมีโครงสรางเปนเหล็ก เสียงวิทยจุ ะเบาลง หรอื เงียบหาย ภาพท่ี 3-12 เคร่ืองรบั สัญญาณวิทยุ ภาพที่ 3-13 ภาพรวมของการสงสญั ญาณในรูปความถี่ตาง ๆ

8  เทคโนโลยโี ทรคมนาคมสมัยใหม่ เทคโนโลยีที่ใชในการส่ือสารหรือเผยแพรสารสนเทศ ไดแก เทคโนโลยีท่ีใช้ ในระบบโทรคมนาคมทั้ง ชนดิ มสี ายและไรสาย เชน ระบบโทรศัพท โมเด็ม แฟกซ โทรเลข วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน เคเบิ้ล ใยแกวนําแสง คลื่นไมโครเวฟ และดาวเทียม เปนตน 1. การสอ่ื สารผานดาวเทยี ม เน่อื งจากความแตกตางทางดานภูมิศาสตร เชน ภูเขา เกาะ ทะเล ทําให การสื่อสารอาจไมทั่วถึง ดังนั้นจึงไดมีการคิดคนใหมีการส่ือสารผานดาวเทียม โดยท่ีการสื่อสารผานดาวเทียม จะทําโดยการสงสัญญาณสื่อสารจากสถานีภาคพ้ืนดินแหงหน่ึงขึ้นไปยังดาวเทียม เม่ือดาวเทียมรับก็จะสงกลับ มายงั สถานภาคพื้นดินอีกแหงหน่ึง หรือหลายแหง ดังนั้นจึงใชดาวเทียมเพื่อแพรภาพสัญญาณโทรทัศนได การ รับจะครอบคลุมพื้นที่ที่ดาวเทียมลอยอยู ซ่ึงจะมีบริเวณกว้างมาก และทําไดโดยไมมีอุปสรรคจากภูเขาบัง ดาวเทยี มจงึ เปนสถานกี ลางทีถ่ ายทอดสัญญาณจากที่หนงึ่ ไปยงั อกี ทหี่ นง่ึ ได้ ภาพที่ 3-14 การส่อื สารผานดาวเทยี ม ปจจุบนั ประเทศไทยมีดาวเทียมไทยคมลอยอยูเหนือประเทศ ดาวเทียมไทยคมน้ีใช ประโยชนทางดาน การสื่อสารของประเทศไดมาก เพราะเปนการใหบริการส่ือสารของประเทศ ในรูปแบบตางๆ ต้ังแตการรับสง สัญญาณโทรทัศน สญั ญาณจากวิทยุ สัญญาณขอมูลขาวสารตาง ๆ 2. การส่ือสารดวยเสนใยนาแสง เสนใยนําแสง มีลักษณะเป็นทอแกวที่ออนตัวอยูในสายท่ีหุมดวย พลาสติก ลักษณะของทอแกวหุมดวยสารพิเศษท่ีทําใหเกิดการหักเหของแสงกลับเขาไปในทอแกว ดังน้ันจึง สามารถสงแสงจากปลายดานหนึ่งใหไปปรากฏทป่ี ลายอีกขางหน่ึงได แมวาเสนใยนําแสงน้ันจะคดงอไปอยางไร ก็ตามก็จะสงแสงเข้าไปในทอแกวได เมื่อมีการนําเอาขอมูลเขาไปผสมกับแสงเพื่อให้แสงกระพริบ ตามการ เปลี่ยนแปลงของข้อมูล ทําใหรับสงสัญญาณข้อมูลไปกับแสงได การรับสงขอมูลเขาไปในแสงทําไดมาก และ รวดเร็ว ปจจบุ ันในประเทศไทยมีการวางเครอื ขายเสนใยนําแสงไปตามถนนหนทางตางๆ ท้ังใต้ดิน และที่แขวน ไปตามเสาไฟฟา มกี ารวางเช่ือมโยงกนั ระหวางจังหวัด เพ่ือใหระบบส่ือสารเปนเสมือนเสนทางดวนที่รองรับการ ส่ือสารของประเทศ

9 ภาพท่ี 3-15 เสนใยแกวนําแสง 3. โครงขายบริการสื่อสารรวมระบบดิจิตัล (Integrated Service Digital Network: ISDN) ลักษณะเครือขายน้ีเปนการขยายการบริการจากระบบโทรศัพทเดิม ใหเปนระบบดิจิทัล คือสงสัญญาณท่ีเปน ขอมูลตัวเลข แทนเสียง แทนภาพ แทนขอมูล การสื่อสารโครงขายบริการส่ือสารรวมระบบดิจิทัลจึงเนนการ ประยกุ ตใชงานหลายอยางบนเครอื ขายเดยี วกนั โดยวางฐานขยายจากโทรศัพท เชน ในสายโทรศัพทเสนเดียวที่ เช่ือมต่อไปยังบานเรือน ผูใชสามารถประยุกต์ใหเป็นระบบโทรศัพท์เห็นภาพ ใชสงโทรสาร ใชเปนระบบการ ประชุมทางวีดีทัศน ใชในการสงขอมูลทางคอมพิวเตอรเพ่ือเช่ือมโยงกับระบบคอมพิวเตอรอน่ื ๆ การดําเนินการ เหลานี้สามารถทํางานไดพรอมกันบนสายสื่อสารเดียวกัน โครงขายบริการส่ือสารรวมระบบดิจิทัล ควรไดรับ การพัฒนาโดยวางโครงสรางพื้นฐาน การเชอื่ มโยงตาง ๆ ไวให้พรอม เพ่ือรองรับความเร็วของการรับสงขอมูลได สงู ขน้ึ 4. ระบบสอ่ื สารเคล่ือนที่ หรือทเี่ รียกวา ระบบเซลลูลารโฟน (Cellular Phone System) ท่ี ใชกับ โทรศัพท ทําใหมีโทรศัพทติดรถยนต โทรศัพทมือถือ ปจจุบันการสื่อสาร ระบบนี้เปนที่แพรหลาย และนิยมใช กันมาก ลักษณะการทํางานของระบบสื่อสารแบบนี้คือ มีการกําหนดพ้ืนที่ เปนเซลเหมือนรวงผ้ึง แตละเซลจะ ครอบคลุมพ้ืนที่จํานวนหนึ่ง มีระบบส่ือสารเชื่อมโยงระหวางเซลเขาดวยกัน ครอบคลุมพ้ืนที่บริการไวท้ังหมด ดังน้ัน เม่ืออยูท่ีบริเวณพ้ืนที่บริการใด และมีการใชโทรศัพทมือถือ สัญญาณจากโทรศัพทมือถือจะเชื่อมโยงกับ สถานีรับสงประจําเซลขึ้น ทําใหติดตอไปยังขายส่ือสารท่ีใดก็ได คร้ันเมื่อเคลื่อนที่ออกนอกพื้นท่ีก็จะโอนการ รบั สง ไปยงั เซลที่อยูขางเคยี ง โดยท่ีสญั ญาณการส่อื สารไมขาดหาย ภาพท่ี 3-16 ระบบส่ือสารเคลอื่ นที่

10 เทคโนโลยีสารสนเทศไดสร้างสิ่งใหมใหกับสังคมปจจุบันที่เรียกวา เป็นสังคมไรพรมแดน หรือสังคม โลกาภิวัตน (Globalization) ไวมากมาย เชน อินเทอรเน็ต (Internet) ทางดวนขอมูล (Information Superhighway) ระบบทีวีตรงกับความต้องการ (Video On Demand) การประชุมผานทางจอภาพ (Video Conference) พาณิชยอิเล็กทรอนิกส (E-commerce) ระบบการเรียนทางไกล (Tele-Education) โทรเวช (Tele-Medicine) ไปรษณียอิเล็กทรอนิกส (E-mail) ไปรษณียภาพ (Video Mail) โทรทัศนแบบมีการโตตอบ (Interactive TV) หองสมดุ อเิ ลก็ ทรอนิกส (E-library) และ หองสมดุ เสมือน (Virtual Library) เปนตน ภาพท่ี 3-17 Video Conference ภาพที่ 3-18 E-Commerce

11 ภาพที่ 3-19 E-Mail ภาพท่ี 3-20 Tele-Medicine

12 กจิ กรรมหนว่ ยท่ี 3 ตอนท่ี 1 จงตอบคาํ ถาม ต่อไปน้ีมาให้เข้าใจ 1. จงบอกความหมายของโทรคมนาคมมาให้เข้าใจ 2. จงบอกองค์ประกอบของเทคโนโลยีโทรคมนาคม มาใหเ้ ขา้ ใจ 3. ระบบโทรคมนาคมมชี องทาง หรือสอ่ื กลาง (Media) ในการส่ือสารขอมูลกี่ช่องทาง อะไรบา้ ง 4. การสงขอมูลด้วยสญั ญาณไมโครเวฟ มขี ้อดี ข้อเสยี อยา่ งไรบ้าง 5. จงยกตัวอยา่ งเทคโนโลยีโทรคมนาคมสมัยใหม่ที่ใชในการสอ่ื สารหรือเผยแพรสารสนเทศ มา 3 อย่าง พร้อมทง้ั อธิบายลักษณะของเทคโนโลยีแต่ละอย่าง  เกณฑ์การใหค้ ะแนน ตอนท่ี 1 1. ตอบคาํ ถามได้ถูกต้อง ครบถ้วน (ขอ้ ละ 1 คะแนน) 2. ผลงานสะอาดเรียบร้อย (2 คะแนน) 3. ต้ังใจทํางานดว้ ยตนเอง (2 คะแนน) 4. ส่งงานตรงเวลา (2 คะแนน) ตอนท่ี 2 ในฐานะท่ีนกั ศึกษา เรียนในสาขาวชิ าการบัญชี ใหน้ กั ศกึ ษาวิเคราะหว์ ่าเทคโนโลยีโทรคมนาคม มีความเกย่ี วข้องกบั อาชพี ทางการบญั ชีอย่างไรบ้าง ( 9 คะแนน) ข้อกาหนดในการจัดทา 1. เขยี นใส่กระดาษ A4 ความยาวไม่น้อยกว่า 1 หนา้ 2. นําเสนอหน้าชนั้ เรียน  เกณฑก์ ารให้คะแนน ตอนที่ 2 (3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ควรปรบั ปรุง) 1. นักศกึ ษาสามารถนาํ ความรทู้ ี่ศกึ ษามาวเิ คราะหไ์ ดอ้ ย่างถกู ต้อง เหมาะสม และมีเหตุมีผล (3 คะแนน) 2. ผลงานถกู ต้อง เรยี บร้อย ส่งงานตรงเวลา (3 คะแนน) 3. การนาํ เสนอหน้าชั้นเรยี น (3 คะแนน)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook