นาฏ ศิ ล ป์ เสนอ คุณครูสุธิษา ราชสงค์ คณะผู้จัดทำ ( มัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑ ) นายนฤสรณ์ นุ่นชูผล เลขที่ ๒ เลขที่ ๙ นางสาวปริยากร แก้วประชุม เลขที่ ๑๐ เลขที่ ๑๑ นางสาวพวงชมพู เรืองคริ้ง เลขที่ ๑๒ เลขที่ ๑๖ นางสาวพิชญ์สินี คงปลอด นางสาวพิมพ์ระพี แร่ทอง นางสาวเปมิกา เอี่ยนเหล็ง ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรัง นางสาวพวงชมพู เรืองคริ้ง เลขที่ ๑๐ ม.๔/๑
ก คำนำ รายงานเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการศึกษาวิชา ศ๓๓๑๐๑ ศิลปะพื้นฐาน(นาฏศิลป์) ประจำภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับคุณค่าของนาฏศิลป์ กระบวนการสืบทอดนาฏศิลป์ การแสดงนาฏศิลป์ในโอกาส ต่าง ๆ ระบำ รำ ฟ้อน และการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองของ ไทย การแสดงนาฏศิลป์ไทย รำกลองยาวหรือเถิดเทิง และ บุคคลสำคัญในวงกานาฏศิลป์ไทย ขอขอบคุณเจ้าของงานเขียนทุกท่านที่ผู้จัดทำได้นำ ข้อมูลมาใช้อ้างอิงประกอบการศึกษาและขอขอบคุณครูสุธิษา ราชสงค์ ที่ช่วยให้คำแนะนำการจัดทำรายงานจนเป็นผลสำเร็จ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ สนใจต่อไป คณะผู้จัดทำ นางสาวพิมพ์ระพี แร่ทอง เลขที่ ๑๒ ม.๔/๑
ข สารบัญ ก คำนำ ข สารบัญ ๑-๒ คุณค่าและประโยชน์ของนาฏศิลป์ ๓ กระบวนการสืบทอดนาฏศิลป์ไทย ๔-๕ ระบำ รำ ฟ้อน และการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองของไทย ๖ การแสดงนาฏศิลป์ในโอกาสต่าง ๆ ๗ การแสดงนาฏศิลป์ไทย รำกลองยาวหรือเถิดเทิง ๘-๙ บุลคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทย ๑๐ ขันกำนล ๑๑ บรรณานุกรม นางสาวพิชญ์สินี คงปลอด เลขที่ ๑๑ ม.๔/๑
๑ คุณค่านาฏศิลป์ 1. ประติมากรรม 2.วรรณกรรม ปรากฏในงานนาฏศิลป์ในรูปแบบของ ที่ปรากฏในงานนาฏศิลป์ ได้แก่ อุปกรณ์ในการแสดง อุปกรณ์ประกอบฉาก บทประพันธ์ทั้งที่เป็นร้อยแก้วและ การสร้างเครื่องแต่งกาย ร้อยกรองที่เป็นบทละครบทเพลง 3. สถาปัตยกรรม 4. จิตรกรรม เป็นศิลปะในการออกแบบสร้างฉากต่าง ๆ การเขียนภาพในการแสดงนาฏศิลป์ต้อง เช่น บ้านเรือน อาคารสถานที่ต่างๆ โบสถ์ มีฉาก การแต่งหน้า การเครื่องเเต่งกาย วิหาร ฉากธรรมชาติต่างๆ เป็นองคป์ระกอบสำคัญดังนั้นศิลปะ สาขาจิตรกรรมจึงมีความใกล้ชิด กับผลงานการแสดงทางนาฏศิลป์ 5. ดุริยางคศิลป์ ศิลปะทางด้านดนตรี ขับร้อง นับว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับนาฏศิลป์ไทย เพราะการแสดงลีลาท่ารำต้องมีดนตรีประกอบการแสดง ดุริยางคศิลป์ นางสาวเปมิกา เอี่ยนเหล็ง เลขที่๑๖ ม.๔/๑
๒ ประโยชน์ของนาฏศิลป์ 1.สถาบันพระมหากษัตริย์ จำเป็นต้องมีพระราชพิธีต่างๆตามพระราชประเพณี โขน มหรสพสมโภชพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2. เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทย บทบาทในงานสำคัญต่างๆ สร้างความบันเทิง ให้กับผู้คนในสังคม เช่นการแสดงลิเก ละครโขน เพลงพื้นเมือง ต่างๆ มโนราห์ ลิเก 3. สำหรับผู้ศึกษานาฏศิลป์ คือ สอนให้เป็นผู้รู้จักตนเอง เพราะ เป็นวิชาที่ต้อง อาศัยความมีมานะ อดทน ฝึกฝน เป็นระยะเวลานาน นางสาวเปมิกา เอี่ยนเหล็ง เลขที่๑๖ ม.๔/๑
๓ กระบวนการสืบทอด นาฏศิลป์ไทย ๑. สมัยโบราณ สืบทอดแบบตัวต่อตัว ๒. สมัยปัจจุบัน ผ่านการศึกษา หาความาด้วยตนเอง ๓. การจัดกิจกรรม - พิธีไหว้ครู ครอบครู และรับมอบ ให้ศิษย์ใหม่ได้รู้จักพระนามครูเพื่อความเป็นสิริมงคล - คติความเชื่อ ในเรื่องผิดครู (ผู้ปฏิบัติข้อห้ามต้องได้รับการลงโทษ) แรงครูหรือครูเข้า (จะมีอันเป็นไปต่าง ๆ เป็นการบั่นทอนชีวิต) ๔. แนวทางการอนุรักษ์ ค้นคว้าวิจัย ศึกษาด้วยตนเอง ปลูกจิตสำนึก ตระหนักความสำคัญของมรดก ฟื้นฟูสิ่งนาฏศิลป์เก่า โดยเฉพาะสิ่วสูญหายไป ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย โดยอนุรักษ์ความงดงามเดิม ถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่น ผ่านช่องทางต่าง ๆ ส่งเสริมกิจกรรม พัฒนาภูมิปัญญา การเผยแพร่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การเสริมสร้างปราชญ์ท้องถิ่น นายนฤสรณ์ นุ่นชูผล เลขที่ ๒ ม.๔/๑
๔ ระบำ รำ ฟ้อน และการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองของไทย ระบำ ระบำดั้งเดิ มหรื อระบำมาตรฐาน ระบำปรับปรุ งหรื อระบำเบ็ ดเตล็ ด รำ รำเดี่ ยว รำคู่ รำหมู่ ฟ้อน ฟ้อน หมายถึง การแสดงกริยาเดียวกับระบำหรือการรำ เพียงแต่เรียกให้แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น จัดเป็ นการแสดงพื้นเมืองของภาคนั้นๆ แต่ในรูปของการแสดงแล้วก็คือ ลักษณะการร่ายรำและ ผู้แสดงต้องแสดงให้ประณี ตงดงาม ฟ้อนที่สืบเนื่ องมาจากการนับถือผี เกี่ยวข้องกับ ฟ้อนแบบเมือง ศิลปะการฟ้อนที่มีลีลาแสดงลักษณะเป็ นแบบ ความเชื่อและพิธีกรรม ได้แก่ ฟ้อนผีมด-ผีเม็ง ฉบับของ \"คนเมือง\" หรือ \"ชาวไทยยวน\" ฟ้อนผีบ้านผีเมือง ฟ้อนผีนางด้ง ได้แก่ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนเจิง ตบมะผาบ ฟ้อนดาบ ตีกลองสะบัดไชย ฟ้อนสาวไหม นางสาวพิชญ์สินี คงปลอด เลขที่ ๑๑ ม.๔/๑
๕ ฟ้อนแบบม่าน เป็ นการผสมผสานกันระหว่างศิลปะ ฟ้อนแบบเงี้ยวหรือแบบไทยใหญ่ การฟ้อนตลอดจนการ การฟ้อนของพม่ ากับของไทยลานนา แสดงที่รับอิทธิพล หรือมีต้นเค้ามาจากศิลปะการแสดงของ ได้แก่ ฟ้อนม่านมุ่ยเชียงตา ชาวไทยใหญ่ ได้แก่ เล่นโต กิ่งกะหร่า(กินนรา) หรือฟ้อน นางนก กำเบ้อคง มองเซิง ฟ้อนไต(ไทยใหญ่) ฟ้อนเงี้ยว ฟ้อนที่ปรากฏในบทละคร เป็ นการฟ้อนที่มีผู้ คิดสร้างสรรค์ขึ้นในการแสดง ได้แก่ ฟ้อนน้อยใจยา ฟ้อนลา การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมือง การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมืองภาคเหนื อ การแสดงนาฏศิ ลป์ไทยพื้นเมื องภาคอี สาน เช่น ฟ้อนครัวทาน ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนผีมด ฟ้อนผีเม็ง เช่น เซิ้งกระติบข้าว เซิ้งโปงลาง เซิ้งกระหยัง เซิ้งสวิง ฟ้อนกิงกะหลา ฟ้อนผีนางดัง ฟ้อนสาวไหม ฟ้อนเก็บใบชา เซิ้งดึงครกดึงสาก การแสดงนาฏศิ ลป์ไทยพื้นเมื องภาคกลาง การแสดงนาฏศิ ลป์ไทยพื้นเมื องภาคใต้ เช่น รำวง รำเหย่ย เต้นกำรำเคียว เพลงเกี่ยวข้าว รำชาวนา เช่น รองเง็ง ระบำร่อนแร่ รำบำตารีกีปัส ระบำปาเต๊ะ เพลงเรือ เถิดเทิง เพลงฉ่ อย รำต้นวรเชษฐ์ เพลงพวงมาลัย ระบำกรีดยาง ระบำปั้นหม้อ รำโนราแม่บท รำมโนห์รา เพลงอีแซว เพลงปรบไก่ รำแม่ศรี บูชายัญ ระบำชวา รำซัดชาตรี ซัมเป็ ง สิละ นางสาวพิชญ์สินี คงปลอด เลขที่ ๑๑ ม.๔/๑
หลักในการเลือกชุด ๖ การแสดงให้เหมาะสม การแสดงนาฏศิลป์ ในโอกาสต่างๆ เลือกชุดแสดงให้เหมาะสมกับโอกาสที่แสดง การเลือกชุดตามที่ผู้จัดต้องการ เช่น รูปแบบ ของการเเสดง ผู้เเสดง งบประมาณเพื่อให้ เหมาะสมกับงานนั้นๆ ก า ร เ ลื อ ก รู ป แ บ บ ที่ ข อ ง ก า ร แ ส ด ง ต้ อ ง การแสดงนาฏศิลป์ ในงานพระราชพิธี เป็นระบบ มีกฎเกณฑ์ ถูกต้องตาม แบบแผน นาฏศิลป์เป็นศิลปะคู่บ้านคู่เมืองที่นำมาแสดงได้ทุกโอกาส ทั้งงานพระราชพิธี รัฐพิธี และงานทั่วๆไปของเอกชน เป็นงานในหน้าที่ของกรมศิลปากรที่ต้องจัดการแสดง 1. การแต่งบทร้องให้ได้ใจความเหมาะสม ในโอกาสสำคัญๆ เช่น งานพระราชพิธีเฉลิม 2. ตีท่ารำให้ตรงตามความหมายของบทร้อง พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 3. คัดเลืออกผู้เเสดงที่มีความสามารถมีฝีมือในการรำ 4. ใส่ทานองเพลงให้ถูกต้องและเหมาะสมกับ การเเสดงนาฏศิลป์ การเเสดงนาฏศิลป์ ในงานมงคลทั่วไป ในงานอวมงคล เ น้ื อ เ พ ล ง 5. ปี่พาทย์ทาเพลงรัวผู้เเสดงใช้ลีลาท่าราและตีบท การเเสดงนาฏศิบป์ในงาน มงคลทั่วไป เช่น งานบวช ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ 6. ช่วงจบปี่พาทย์ทาเพลงรำ แนวคิดในการจดัชุดการแสดงใน วันสำคัญของโรงเรียน 1 กำหนดการแสดงให้เหมาะสมกับวันสำคัญ ของโรงเรียน 2. การนำเสนอรูปแบบของการอนุรักษ์ 3. เวลาที่ในการแสดงแต่ละชุด 4. การกำหนดองค์ประกอบร่วมของการแสดง ให้ชัดเจน แนวในการจัดชุดการ การแสดงนาฏศิลป์ ในงาน เทศกาลต่างๆ แสดงประจำโรงเรียน นางสาวปริยากร เเก้วประชุม เลขที่ ๙ ม.๔/๑ 1. แนวคิดเกี่ยวกับสัญลั กษณ์ประจำโรงเรียน 2. แนวความคิดเกี่ยวกับชุมชนที่โรงเรียนตั้งอยู่ 3. แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจ 4. แนวคิดเก่ียวกับอรชีพวิถีชีวิตในชมุชนที่โรงเรียน ตั้งอยู่ 5. แนวคิดเกี่ยวกบัส่ิงท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นท่ี่ โรงเรียนตั้งอยู่
๗ ก า ร แ ส ด ง น า ฏ ศิ ล ป์ ไ ท ย รำ ก ล อ ง ย า ว ห รื อ เ ถิ ด เ ทิ ง ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า การเล่นเถิดเทิง มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นของพม่านิยมเล่นกันมา อีกความหนึ่งเล่าว่า การเล่นเทิงบ้องกลองยาว ก่อน เมื่อครั้งพม่ามาทำสงครามกับไทยในสมัยกรุงธนบุรีหรือสมัย เพิ่งมีเข้ามาในไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพม่าพวกหนึ่ง ต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เวลาพักรบพวกทหารพม่าก็เล่นกลอง นำเข้ามา มีบทร้องกราวรำ ยกทัพพม่า ในการแสดงละคร ยาว พวกไทยเราได้เห็นก็จำมาเล่นกันบ้าง มีเพลงดนตรีซึ่งไทยนำ เรื่องพระอภัยมณี ตอนศึกเก้าทัพ ซึ่งนิยมเล่นกันมาแต่ มาใช้บรรเลงมีทำนองเป็นเพลงพม่า เดิมเรียกว่า เพลงพม่ากลอง ก่อน เมื่อชาวไทยเห็นว่าเป็นการละเล่นที่สนุกและเล่นได้ง่าย ยาว ต่อมาได้ปรับเป็นเพลงระบำ ผู้รำแต่งตัวใส่เสื้อนุ่งโสร่งตา ก็เลยนิยมเล่นกันแพร่หลายไปแทบทุกหัวบ้านหัวเมือง ศีรษะโพกผ้าสีชมพู มือถือขวานออกมาร่ายรำเข้ากับจังหวะเพลง สืบมาจนตราบทุกวันนี้ จึงเรียกเพลงนี้ว่า เพลงพม่ารำขวาน ก า ร แ ต่ ง ก า ย กรมศิลปากรได้ปรับปรุงการเล่นเทิงบ้องกลองยาว มีผู้รำทั้งชายและหญิง ชาย นุ่งกางเกงขายาวครึ่งแข้ง สวมเสื้อคอกลม แขนสั้น เหนือศอก มีผ้าโพกศีรษะและผ้าคาดเอว หญิง นุ่งผ้าซิ่นมีเชิงยาวกรอมเท้า สวมเสื้อทรงกระบอก คอปิด ผ่าอกหน้า ห่มสไบทับเสื้อ คาดเข็มขัดทับเสื้อ ใส่สร้อยคอและต่างหู ปล่อยผมทัดดอกไม้ การที่เรียกการละเล่นชนิดนี้ว่า เทิงบ้อง มาจากเสียง แ บ บ แ ผ น ก า ร เ ล่ น ที่ตีกลองยาว เสียงเมื่อเริ่มตีเป็นจังหวะได้ยินเป็นเสียงว่า เถิด-เทิง-บ้อง หรือ บ้อง-เทิง-บ้อง เลยเรียกกันว่า “เถิดเทิง” การเล่นรำเถิดเทิงที่กรมศิลปากรปรับปรุงใหม่ ได้กำหนดให้มี หรือ “เทิงบ้องกลองยาว” ตามกันไป แบบแผนลีลาท่ารำ กลองยาวที่เล่นกันในวงหนึ่ง ๆ มีเล่นกันหลายลูก มีสาย กลองรำ ผู้ที่แสดงที่สะพายกลองและมีลวดลายลีลาในการร่ายรำด้วย สะพายเฉวียงบ่าของผู้ตี ลักษณะรูปร่างของกลองยาวขึงหนัง กลองยืน ผู้สะพายกลอง มีหน้าที่ตียืนให้จังหวะในการรำ ด้านเดียว อีกข้างหนึ่งเป็นหางยาวบานปลาย เหมือนกับกลอง ยาวของชาวเชียงใหม่ยาวถึงประมาณ ๒ วา กลองยาวภาค ผู้เล่นทั้งหมดต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อน คนดูจะได้เห็นความงามและ กลางยาวเพียงประมาณ ๓ ศอก ทางภาคอีสานเรียกกลองยาว ความสนุกสนาน จำนวนผู้แสดงจะมีเป็นชุด คือ พวกตีเครื่องประกอบ ชนิดนี้ว่า กลองหาง จังหวะ คนตีกลองยืนและกลองรำ ผู้หญิงที่รำล่อ พวกตีประกอบจังหวะ จะร้องเพลงประกอบ เพื่อเร่งเร้าอารมณ์ให้สนุกสนานในขณะที่ตีด้วย ส่วนกลองยาวของพม่าเรียกว่า โอสิ มีลักษณะคล้าย คลึงกับกลองของชาวไทยอาหมในแคว้นอัสสัม ทั้งของพม่าและ “มาแล้วโหวย มาแล้ววา มาแต่ของเขา ของเราไม่มา ตะละล้า” ของชาวไทยอาหม มีวิธีการเล่นเป็นแบบเดียวกัน “ต้อนเข้าไว้ ต้อนเขาไว้ เอาไปบ้านเรา พ่อก็แก่แม่ก็เฒ่าเอาไปหุงข้าวให้ อาจเลียนแบบการเล่นไปจากกันก็ได้ พวกเรากินตะละล้า” โ อ ก า ส ที่ เ ล่ น “ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว ใครมีลูกสาว มาแลกลูกเขย มักนิยมเล่นกันในงานตรุษ งานสงกรานต์ หรืองาน เอาวะ เอาเหวย ลูกเขยกลองยาว ตะละล้า” แห่แหน ซึ่งต้องเดินเคลื่อนขบวน เช่นงานแห่นาค แห่พระ หรือแห่กฐิน คนดูคนใดรู้สึกสนุกก็จะเข้าไปรำด้วยได้ เพราะ นางสาวพวงชมพู เรืองคริ้ง เลขที่ ๑๐ ม.๔/๑ เป็นการเล่นอย่างชาวบ้าน พอถึงที่ตรงไหนและเห็นว่ามีลาน กว้างหรือเป็นที่เหมาะ ก็หยุดตั้งวงเล่นและรำกันก่อนพัก หนึ่งแล้วเคลื่อนไปต่อ
๘ ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ประวัติ ผลงาน มีนามเดิมว่า แผ้ว สุทธิบูรณ์ 1.เป็นผู้คัดเลือกการแสดง จัดทำบท เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๔๔๖ 2. วางตัวศิลปินผู้แสดงต่างประเทศเพื่อ เมื่ออายุ ๘ ขวบ ได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรม วงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวง เชื่อมสัมพันธไมตรี นครราชสีมา และได้รับการฝึกหัดนาฏศิลป์ กับ 3. เป็นผู้ฝึกสอนและอำนวยการฝึกซ้อม ครูอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในราชสำนักเจ้าจอม มารดาวาด และเจ้าจอมมารดาเขียนใน ในการแสดงโขน ละคร การละเล่น พื้นเมือง ระบำรำฟ้อนต่างๆ รัชกาลที่ ๔ 4.ประดิษฐ์ท่ารำต่างๆ เช่น ท่ารำหอกซัด ท่ารำสุโขทัย ระบำกวาง เป็นต้น ในวงบกุลารคนลาสฏำศคิัลญป์ไทย ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ประวัติ ผลงาน เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2442 1. เป็นผู้มีความสามารถในการรำเพลงหน้า ที่จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรของจางวางจอน พาทย์องค์พระพิราพ ซึ่งเป็นนาฎศิลป์ และนางพริ้ง เริ่มฝึกหัดโขน (ยักษ์) กับ สูงสุดได้ พระยานัฏกานุรักษ์และคุณหญิงนัฏกานุรักษ์ เมื่ออายุ 13 ปีที่กรมมหรสพ สมัยรัชกาลที่ 6 2.ได้ประกอบพิธีครอบองค์พระ เมื่อวันที่ 24 ต่อมาเข้ารับราชการเป็นศิลปินในกรมมหรสพ มกราคม พ.ศ. 2506 ณ บริเวณโรงละคร สมัยรัชกาลที่ 7 รับราชการเป็นตำรวจหลวง พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และเป็นครูสอนนาฏศิลป์โขน 3.เป็นผู้สืบทอด เพลงหน้าพาทย์สูงสุดของ วิชานาฏศิลป์ไว้เป็นมรดกของแผ่นดิน นางสาวพิมพ์ระพี แร่ทอง เลขที่ ๑๒ ม.๔/๑
๙ ครูอาคม สายาคม ประวัติ ผลงาน เดิมชื่อ บุญสม เกิดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 1.มีผลงานด้านการแสดงเป็นตัวเอก เช่น อิเหนา 2406 จังหวัดพระนคร ได้รับการฝึกหัดโขน พระร่วง ขุนแผน พระอภัยมณี เป็นต้น พร้อมเรียนหนังสือจนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 จากนั้น เข้ารับตำแหน่ง \"พระ\" แผนกโขนหลวง กรมพิณ 2.ผลงานด้านวิชาการ เช่น เขียนงานนิพนธ์ พาทย์และโขนหลวง กระทรวงวัง ต่อมา พ.ศ. บทความ คำอธิบายนาฎยศัพท์ เพลงพื้นเมือง 2478 โอนมาประจำโรงเรียนศิลปากร แผนก เพลงหน้าพาทย์ เป็นต้น ดุริยางค์ เมื่อเกษียณอายุ กรมศิลปากรได้เชิญ ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญนาฎศิลป์ สอนนักศึกษา 3.ผลงานด้านประดิษฐ์ท่ารำ เช่น เพลงหน้าพาทย์ ตระนาฎราช เพลงเชิดจีน เป็นต้น ปริญญาตรี 4.แสดงเป็นพระเอกภาพยนตร์เรื่อง อมตาเทวี และเป็นผู้กำกับการแสดง ในวงบกุลารคนลาสฏำศคิัลญป์ไทย ครูลมุล ยมะคุปต์ ครูเฉลย ศุขะวณิช 1.เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2448 เป็นชาว 1.เป็นผู้เชี่ยวชาญการสอน และออกแบบนาฎศิลป์ จังหวัดน่าน เริ่มฝึกหัดนาฏศิลป์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ แห่งวิทยาลัยนาฎศิลป์ กรมศิลปากร ซึ่งมีความรู้ ความสามารถสูงในกระบวนท่ารำทุกประเภท 2.แสดงเป็นตัวเอกเกือบทุกเรื่อง เพราะมีฝีมือเป็น เยี่ยม เช่น พระสังข์ พระวิษณุกรรม พระอภัยมณี 2. เป็นผู้วางรากฐานจัดสร้างหลักสูตรการเรียนการ สุดสาคร เป็นต้น สอนวิชานาฎศิลป์ 3. ประคิษฐ์ท่ารำให้กรมศิลปากรในฐานะผู้เชี่ยวชาญ 3. ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ เช่น รำเม่บทใหญ่ ระบำกลอง ระบำนกยูง ระบำ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปีพ.ศ.๒๕๓๐ ชุมนุมเผ่าไทย เป็นต้น 4.เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำ เช่น ระบำกินนร ระบำ 4. เป็นครูนาฏศิลป์คนแรกในการวางหลักสูตรการ โบราณคดี ๔ ชุด คือ ระบำทวารวดี ระบำศรีวิชัย เรียนการสอนนาฏศิลป์ไทย ระบำลพบุรี และเชียงแสน เป็นต้น นางสาวพิมพ์ระพี แร่ทอง เลขที่ ๑๒ ม.๔/๑
๑๐ ขันกำนลบูชาครู ดอกไม้มงคล เป็นขันที่ใช้ใส่สิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้เป็น ใช้บูชาครู แสดงถึงความอ่อนน้อม เครื่องบูชาครู เปรียบเหมือนว่าถ้าครู ยอมตัวเป็นศิษย์ นิยมใช้หญ้าแพรก ใช้ขันล้างหน้า ศิษย์ก็ได้รับการชำระ ดอกมะเขือ ซึ่งมีความหมายให้มีสติ สิ่งสกปรกต่าง ๆของตนออกไป ปัญญาแตกฉาน เรียนรู้ได้ดี ธูป 1 แหนบ ขั น กำ น ล เทียนขี้ผึ้งขาว 3 เล่ม ผ้าขาว ๑ ผืน หมากพลู 3 คำ บุหรี่ หมายถึง ศีลที่บริสุทธิ์ ไม้ขีดไฟ เป็นความบริสุทธิ์ใจ เงินกำนลบูชาครู ของศิษย์ที่ประสงค์จะ ขอเรียนรู้วิชาการจากครู หมายถึง ความกตัญญู อาจแตกต่างกันไป มีตั้งแต่ ๖ บาท ๑๒ บาท ๒๔ บาท หรือ ๓๖ บาท นางสาวพวงชมพู เรืองคริ้ง เลขที่ ๑๐ ม.๔/๑
๑๑ บรรณานุกรม นางสาวสุธิษา ราชสงค์. (๒๕๖๔). คุณค่าของนาฏศิลป์. สืบค้นเมื่อ ๑ กันยายน ๒๕๖๕, จาก drive.google.com/file/d/1jXnykiHrLI9ntKALOXwcQv K58r3w1V8k/view?usp=drivesdk นางสาวสุธิษา ราชสงค์. (๒๕๖๔). กระบวนการสืบทอดนาฏศิลป์. สืบค้นเมื่อ ๓ กันยายน ๒๕๖๕, จาก drive.google.com/file/d/1akzX1Zz0nb VaOEUehfU_lsqMItGBqzpC/view?usp=drivesdk นางสาวสุธิษา ราชสงค์. (๒๕๖๔). การแสดงนาฏศิลป์ไทยในโอกาสต่างๆ. สืบค้นเมื่อ ๗ กันยายน ๒๕๖๕, จาก drive.google.com/file/d/1uMG6n_cibbd1 R0Yp1e6ypwx47P4uYM6i/view?usp=drivesdk นางสาวสุธิษา ราชสงค์. (๒๕๖๔). ระบำ รำ ฟ้อน และการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองของ ไทย. สืบค้นเมื่อ ๘ กันยายน ๒๕๖๕, จาก drive.google.com/file/d/14k- AELPBjwsaKINRmq0A_HNlf7W1lyCY/view?usp=drivesdk นางสาวสุธิษา ราชสงค์. (๒๕๖๔). การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมือง เพลงเถิดเทิงกลอง ยาว. สืบค้นเมื่อ ๙ กันยาย ๒๕๖๕, จาก drive.google.com/file/d/1pe7118h uptAQ-PqC9HhdhRf9N9RNuEZt/view?usp=drivesdk นางสาวสุธิษา ราชสงค์. (๒๕๖๔). บุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทย. สืบค้นเมื่อ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๕, จาก drive.google.com/file/d/14hsvWNg WFKotM82OSsVyVWXZneT4bvkR/view?usp=drivesdk นายนฤสรณ์ นุ่นชูผล เลขที่ ๒ ม.๔/๑
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: