ก
ก คำนำ รายงานการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา ปีการศึกษา 2565 เรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ฉบับนี้เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นและพัฒนาจัดทำขึ้น เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิด้านการเขียนของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจัดทำรายงาน นวัตกรรมการศึกษาฉบับนี้ รายงานตามรูปแบบของคู่มือการจัดมหกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นวัตกรรมการศึกษา ปกี ารศกึ ษา 2565 สำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาเชียงใหม่ เขต 1 รายงานฉบับนี้สำเร็จได้ เพราะความร่วมแรงร่วมใจจากผู้บริหาร คณะครูและบุคลากร ทางการศึกษาโรงเรียนวัดสวนดอก ที่ได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาจนประสบผลสำเร็จ สามารถนำผลงานนวัตกรรมทางการศึกษา เผยแพร่แก่โรงเรียนประถมศึกษาอื่นและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง อีกทั้งสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับของผู้ปกครองนักเรียน ตลอดจนหน่วยต้นสังกัดใน การนำไปประยกุ ต์ใช้เพ่ือแก้ ปญั หาทกั ษะการเขียนภาษาอังกฤษใหด้ ยี ่งิ ขึน้ พทุ ธนิ นั ท์ วัฒนาพนิ จิ สาคร ตำแหนง่ ครู โรงเรียนวดั สวนดอก อำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่
ข สารบญั หน้า ก คำนำ ข สารบัญ 1 ช่อื นวตั กรรม 1 ความเปน็ มาและความสำคัญของการพฒั นานวัตกรรม 3 วตั ถปุ ระสงค์การพฒั นานวัตกรรม 3 สมมตฐิ าน 3 ขอบเขตของการใชน้ วตั กรรม 4 กรอบแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรม 6 วธิ ีการสร้างนวตั กรรม/กระบวนการหาคณุ ภาพ 12 การนำนวตั กรรมไปใชใ้ นการพฒั นา/แกป้ ัญหา 14 ผลการใชน้ วตั กรรม 18 การอภิปรายผล 20 ผลกระทบของการนำนวัตกรรมไปใช้ 20 ข้อเสนอแนะ 21 ข้อเสนอแนะเพื่อการนำไปใช้ 21 ขอ้ เสนอแนะในการทำนวัตกรรมการศึกษาครัง้ ต่อไป 22 การเผยแพร่นวตั กรรม 23 ภาพรวมของนวัตกรรม 26 รายการอ้างอิง 27 ภาคผนวก 28 30 ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเคร่ืองมือ 34 ภาคผนวก ข หนังสือเชญิ ผ้เู ชย่ี วชาญตรวจสอบเครื่องมือ 41 ภาคผนวก ค ผลการวเิ คราะห์เครื่องมือท่ใี ช้ในการศึกษานวตั กรรมการศกึ ษา 45 ภาคผนวก ง หนังสือขอความอนุเคราะห์เผยแพรผ่ ลงาน 50 ภาคผนวก จ ตัวอย่างแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ประวตั ผิ ้เู ขียน
1 ช่อื นวัตกรรม : การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิด้านการเขยี นโดยใช้แบบฝึกทกั ษะภาษาองั กฤษเพอื่ การสื่อสาร ของนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม่ ผ้เู ขียน : นายพทุ ธนิ ันท์ วฒั นาพินิจสาคร ความเป็นมาและความสำคญั ของการพัฒนานวัตกรรม ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งใน ชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชพี การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวฒั นธรรมและวสิ ยั ทศั น์ของชมุ ชนโลก และตระหนัก ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองของสังคมโลก นำมาซึ่งมิตรไมตรีและความร่วมมือกับ ประเทศตา่ ง ๆ ชว่ ยพฒั นาผู้เรยี นให้มคี วามเข้าใจตนเองและผู้อ่ืนดีขนึ้ เรียนรแู้ ละเข้าใจความแตกต่าง ของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคตทิ ีด่ ีต่อการใชภ้ าษาต่างประเทศ และใชภ้ าษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมท้ังเข้าถึงองค์ ความรตู้ า่ ง ๆ ได้งา่ ย และกว้างขนึ้ และมีวิสัยทัศน์ในการดำเนนิ ชวี ติ ซ่งึ สอดคลอ้ งกับการพัฒนาตนเอง ให้ทันโลกในยุคศตวรรษท่ี 21 (The twenty-first Century Era) และเมื่อศึกษาแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) พบว่า มีจุดเน้นและประเด็นพัฒนายี่สิบด้าน ด้วยกัน ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์ข้อที่ 3 ของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) โดยมีส่วนที่ เก่ยี วขอ้ งกับภาษาองั กฤษ คอื การมีทกั ษะท่ีจำเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะส่อื สารภาษาอังกฤษและ ภาษาท่ี 3 มีนิสัยรักการเรยี นรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการเตรียม ความพร้อมด้านกำลังคนและเสริมสร้างศักยภาพของประชากรในทุกช่วงวัย คือการพัฒนาทักษะ ความรู้ความสามารถของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่สอดคล้องและจำเป็นในศตวรรษที่ 21 (สำนกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2559) การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในปัจจุบันนี้เน้นการเรียนการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Language Teaching : CLT) ซึ่งเป็นการเรียนการสอนที่เน้นการใช้ภาษาของ ผู้เรียน มากกว่าเน้นโครงสร้างทางไวยากรณ์ อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้ละเลยโครงสร้างทางไวยากรณ์ เพียงแต่เน้นการนำหลกั ไวยากรณ์เหล่านี้ไปใช้เพือ่ การส่ือความหมายหรือการส่ือสารทีใ่ หค้ วามสำคัญ กับความคล่องแคล่วในการใช้ภาษา (fluency) และความถกู ต้อง (accuracy) ดว้ ย Freeman, (2002) ได้กล่าวถึงการเรียนการสอนแนวนี้ว่า จะต้องเน้นการทำกิจกรรมเพื่อการฝึกฝน การใช้ภาษาให้ ใกล้เคียงสถานการณ์จริงมาก ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) พทุ ธศกั ราช 2551 ทเี่ น้นใหค้ รูจัดการเรียนการสอนครบท้ัง 4 ทกั ษะ คอื ฟัง พูด อ่าน และเขยี น
2 การวางพื้นฐานทักษะการเขียนท่ีดใี นระดบั ประถมศึกษาจะเป็นผลต่อเนื่องใหผ้ ู้เรียนมีทักษะ การเขียนที่ดีในระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษาต่อไปด้วย ดังที่ มยุรี ธานี (2551 : 2) ได้กล่าว ไวว้ ่า การสอนเขยี นมีความสำคัญ ผ้เู ก่ยี วขอ้ งจะต้องดำเนินการสอนอยา่ งถูกวิธตี ั้งแต่เร่ิมเรียน เพื่อให้ ผู้เรียนสามารถนำเอาความรู้และทักษะการเขียนที่ได้รับจากการสอนของผู้เกี่ยวข้องไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ในการเรียนระดับที่สูงขึ้นหรือการทำงานต่อไป สอดคล้องกับ พันทิวา ลาคำ (2555: 4) ได้ กล่าวถึงการจัดการเรียนรู้ทกั ษะการเขียนว่า ผเู้ รยี นจะต้องมีความสามารถอยา่ งแทจ้ ริงที่จะเขียนหรือ ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก จนทำให้ผู้อ่านนั้นเข้าใจทั้งนี้เพราะเหตุผลที่ว่า ทักษะการฟังและ การอ่านนัน้ ผูเ้ รยี นจะเปน็ ฝ่ายรับสาร จึงเปน็ การแสดงพฤติกรรมการเรียนร้ใู หเ้ ห็นเพียงแค่การตีความ หรือการวิเคราะห์ว่าผู้เรียนกำลังได้ยินหรืออ่านเรื่องอะไร ส่วนทักษะการพูดผู้เรียนจะสามารถแสดง ความคิดเห็นและความรู้สึกโดยอาศัยท่าทางแต่สำหรับทักษะการเขียนผู้เรียนจะต้องอาศัย ความสามารถอย่างแทจ้ ริงในทุก ๆ เรื่องจึงจะสามารถเขยี นหรือถ่ายทอดความคดิ ตลอดจนความร้สู ึก ให้ผู้อ่านเข้าใจได้จากข้อความดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า ทักษะการเขียนเป็นทักษะที่มีความสำคัญ และมีความจำเป็นอยา่ งยงิ่ ต่อการใช้ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสารในชวี ิตประจำวัน หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กำหนดให้โรงเรียนจัดทำหลักสูตร สถานศึกษาของตนเองให้สอดคล้องกับสภาพโรงเรียน ความต้องการของท้องถิ่นและทันต่อยุค การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว วิชาภาษาอังกฤษเป็นสาระหนึ่งที่โรงเรียนต้องจัดให้กับผู้เรียนในทุก ระดับชั้น เนื่องจากเป็นภาษาสากลที่ใช้ในการสื่อสารและการเรียนรู้ ในกลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ 4 สาระ คือ สาระการเรียนรู้ที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร สาระการเรียนรู้ที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม สาระการเรียนรู้ที่ 3 ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระ การเรียนรู้อื่น และสาระการเรียนรู้ที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์ชุมชนโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551: 19) ซึ่งในสาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.3 ได้กำหนดให้ผู้เรียนเข้าใจ กระบวนการพูด การเขียน และการสื่อสารความคิดเห็นและความคิดรวบยอดในเรื่องต่าง ๆ ได้อย่าง สรา้ งสรรค์ มปี ระสิทธภิ าพและมีสุนทรียภาพ จากปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมา ผู้เขียนในฐานะครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่ได้จัดการเรยี น การสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในรูปแบบออนไลน์และ ออนไซต์ ได้ศึกษาปัญหาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งสาเหตุเกิดจากนักเรียนสวนใหญ่มีปญหา ด้านทักษะการเขียน ได้แก การถามตอบบทสนทนา การเขียนคำศัพท์ การเขียนสะกดคำศัพท์ การใชค้ ำหรือข้อความตามหนา้ ที่ในประโยค การเขียนประโยคบรรยายภาพสั้น ๆ สง่ ผลให้ผลสัมฤทธ์ิ ในรายวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ค่าเฉลี่ยร้อยละ 71.79 ซึ่งต่ำกว่า คา่ เปา้ หมายทไ่ี ด้ตั้งไวใ้ นการประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษา
3 จากความสำคัญและปญหาดังกลาวข้างต้น ผู้เขียนในฐานะครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ของ โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการจัดการเรยี นการสอน วิชาภาษาอังกฤษ ในปีการศึกษา 2565 ในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นการต่อยอดการเรียนรู้ อีกทั้งสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ในหัวข้อประเด็นท้าทายของครู ที่จะสร้างและออกแบบ นวัตกรรมเป็นแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในปีการศึกษานี้ โดยสร้างตามหลักการเรียงลำดับความรู้จากง่ายไปยาก คำนึงถึงความรู้พื้นฐานของ ผู้เรียน เพื่อเป็นแนวทางในการฝึกด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ซ่ึง เป็นทักษะพื้นฐานทางภาษาที่สำคัญในการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารดังกล่าว ยังช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาษาองั กฤษดยี ิ่งข้นึ วัตถุประสงค์การพัฒนานวตั กรรม 1. เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่ ให้มีประสิทธภิ าพ 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียน ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่ สมมุตฐิ าน 1. แบบฝึกทักษะภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร ในชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมอื ง จังหวัดเชียงใหม่ ท่ีพฒั นาข้นึ มีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้คือ 80/80 2. ผลสัมฤทธิด์ ้านการเขยี น หลังเรียนโดยใชแ้ บบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพือ่ การสื่อสาร ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สูงกว่าคะแนน ก่อนเรียน ขอบเขตของการใช้นวัตกรรม ประชากรและกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้นวัตกรรม 1. ประชากรทีใ่ ช้นวัตกรรม ได้แก่ นกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่ ปกี ารศกึ ษา 2565 รวมทั้งหมดจำนวน 42 คน
4 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้นวัตกรรม ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2565 ได้มาโดยการสุ่มอยา่ งง่าย โดยการจับฉลากขึ้นมา 1 ห้องเรียน ได้จำนวน กลมุ่ ตัวอย่าง 20 คน กรอบแนวคดิ ในการพฒั นานวัตกรรม ในการจดั ทำนวตั กรรม การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใชแ้ บบฝกึ ทักษะภาษาอังกฤษ เพอ่ื การสอื่ สาร ของนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนวดั สวนดอก อำเภอเมอื ง จงั หวดั เชียงใหม่ ผู้เขียนได้สังเคราะห์งานวิจัยเป็นกรอบการดำเนินการในการพัฒนานวัตกรรมโดยใช้กระบวนการวิจยั และพัฒนา(Research and Development) มีขั้นตอนการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้ แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน (Research : R1) 2) การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (Development : D1) 3) ศึกษาผลการใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก (Research : R2) และ4) ประเมินผลและปรบั ปรงุ (Development : D2) โดยมีการดำเนนิ การ ดังนี้ 1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน (Research: R1) ผู้เขียนได้ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน เกี่ยวกับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยอิง จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของปีการศึกษาที่ผ่านมา นโยบายการศึกษาเกี่ยวกับ การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษจากแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดสวนดอก ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพอ่ื การสอ่ื สาร 2. การพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร(Development: D1) ผู้เขียน ได้ศึกษาและวิเคราะห์ผลจากการสำรวจสภาพปัญหาและความต้องการในขั้นที่ 1 เพื่อนำมาเป็น แนวทางในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดย ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) พุทธศักราช 2551 ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดสวนดอก ศึกษาหนังสือ ตำราและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสอนเขียนภาษาอังกฤษ ศึกษาแนวทางการสร้างกิจกรรมการฝึก ทักษะการเขียน เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือ การสื่อสาร ศึกษามาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระ การเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเขียนเพื่อการสื่อสาร วิเคราะห์ตัวชี้วัด
5 และสาระการเรยี นรู้ เน้อื หาทกั ษะการเขยี นทจี่ ะนำมาสร้างแบบฝึกทกั ษะ ประกอบด้วยแบบฝึกทักษะ ภาษาอังกฤษเพอื่ การสื่อสาร จำนวน 3 แบบฝกึ ดังนี้ 2.1 แบบฝกึ ทกั ษะภาษาองั กฤษเพอื่ การสือ่ สาร เลม่ ที่ 1 เรอื่ ง Greetings 2.2 แบบฝึกทกั ษะภาษาอังกฤษเพือ่ การสอื่ สาร เล่มที่ 2 เร่ือง Food & drinks 2.3 แบบฝึกทักษะภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร เลม่ ที่ 3 เรอ่ื ง Daily routine 3) ขั้นศึกษาผลการใช้แบบฝึก (Research: R2) ในขั้นนี้ ผู้เขียนได้ดำเนินการทดลองใช้ แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ที่สร้างขึ้นนำไปใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 20 คน โดยศึกษารายละเอียดการใช้แบบฝึกทักษะ การทดสอบก่อนและหลังเรียน ตลอดจนการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการจัดการเรียนการสอนแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ให้ ครบถว้ น เพ่อื ให้การเรียนการสอนมีความสมบรู ณ์ตรงตามวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้ 4) ประเมินผลและปรับปรุง (Development: D2) ในขั้นนี้เป็นขั้นประเมินผลด้าน การเขยี นหลังเรยี นโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร จากขั้นตอนการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อ การสอื่ สาร ผู้เขยี นได้กำหนดเป็นกรอบแนวคดิ ในการพัฒนานวัตกรรม รปู ภาพที่ 1
6 วิธีการสรา้ งนวัตกรรม/กระบวนการหาคณุ ภาพ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นพัฒนานวตั กรรมครง้ั น้ีประกอบดว้ ย 1. แบบฝกึ ทกั ษะภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร โดยมวี ิธดี ำเนนิ การดงั นี้ 1.1 ศกึ ษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 1.2 ศกึ ษาตวั ชวี้ ัดและสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 1.3 ศกึ ษาหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดสวนดอก กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 1.4 ศึกษาทฤษฎี หลักการ งานวจิ ัยและแนวคิดท่ีเกีย่ วข้องกบั การสร้างแบบฝึก ตามทฤษฎี การสรา้ งแบบฝึกของรีเวอร์ส (Rivers.1968) กลา่ วถงึ ลกั ษณะของแบบฝึกไวด้ งั น้ี 1.4.1 บทเรียนทกุ เรอ่ื งควรให้ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกมากพอก่อนจะเรยี นเรื่องต่อไป 1.4.2 แตล่ ะบทควรฝกึ โดยใช้เพียงแบบฝกึ เดียว 1.4.3 ฝึกโครงสรา้ งใหม่กบั สิ่งทเ่ี รยี นรู้แล้ว 1.4.4 สิ่งทฝี่ กึ แต่ละครัง้ ควรเปน็ บทฝึกส้ันๆ 1.4.5 ประโยคและคำศพั ทค์ วรเปน็ แบบทใ่ี ชพ้ ูดกันในชวี ิตประจำวนั 1.4.6 แบบฝึกควรใหผ้ ู้เรียนไดใ้ ช้ความคิดไปดว้ ย 1.4.7 แบบฝกึ ควรมหี ลาย ๆ แบบเพ่ือไมใ่ หผ้ ูเ้ รียนเกิดความเบอ่ื หนา่ ย การฝกึ ควร ฝึกใหผ้ ้เู รยี นนำสง่ิ ท่เี รยี นแล้วสามารถใชใ้ นชีวิตประจำวัน 1.5 วเิ คราะห์ตวั ชวี้ ดั และผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรยี นในปีการศึกษาท่ีผา่ นมา 1.6 วิเคราะห์ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ท่ีวิเคราะห์มา มากำหนดโครงสร้างแบบฝกึ ทักษะ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร จำนวน 3 แบบฝึก โดยกำหนดเนื้อหาที่ใช้สอน (Table of Contest Specification) จุดประสงค์การเรียนรู้ (Objective of Lesson) และการประเมินผล (Evaluation) ดังตารางที่ 1
7 ตารางที่ 1 โครงสรา้ งแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร โดยการกำหนดเน้ือหาในแต่ละแผน การจัดการเรียนรู้ ช่วั โมง หน่วย เน้ือหา จดุ ประสงคก์ ารเรียน การประเมินผล ที่ การเรยี นรู้ 1 Greetings - Informal greeting มฐ. ต.2.1 เข้าใจในการทักทาย - Worksheet 1 โดยใชค้ ำศัพท์เปน็ ภาษาอังกฤษ ไดถ้ ูกตอ้ งตามกาลเทศะ 2 Greetings - Formal greeting มฐ. ต.2.2 เขา้ ใจความเหมอื น - Worksheet 2 และความแตกต่างระหวา่ ง ภาษาและวฒั นธรรมของ เจ้าของภาษาและนำมาใช้อย่าง ถกู ต้องและเหมาะสม 3 Greetings - Introducing มฐ. ต.1.2 มีทกั ษะการสอ่ื สาร - Worksheet 3 ทางภาษาในการแลกเปลีย่ น ขอ้ มลู ข่าวสาร 4 Greetings - Conversation มฐ. ต.1.2 มีทกั ษะการสอ่ื สาร - Worksheet 4 ทางภาษาในการแลกเปลี่ยน ข้อมูลขา่ วสาร 5 Greetings - Review มฐ. ต.2.2 เขา้ ใจความเหมอื น - Worksheet 5 และความแตกตา่ งระหว่าง ภาษาและวฒั นธรรมของ เจ้าของภาษาและนำมาใช้อย่าง ถูกต้องและเหมาะสม 6 Food & drinks - Name the food มฐ. ต.1.2 มีทกั ษะการสอ่ื สาร - Worksheet 1 and drinks ทางภาษาในการแลกเปลี่ยน ข้อมลู ข่าวสาร 7 Food & drinks - My favorite food มฐ. ต.1.3 นำเสนอขอ้ มลู - Worksheet 2 and drinks ขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และ ความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดย การพดู และการเขียน
8 ตารางที่ 1 โครงสร้างแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร โดยการกำหนดเนื้อหาในแต่ละแผน การจัดการเรียนรู้ (ตอ่ ) ชวั่ โมง หนว่ ย เนื้อหา จุดประสงคก์ ารเรยี น การประเมนิ ผล ที่ การเรยี นรู้ 8 Food & drinks - Using some & any มฐ. ต.2.2 เข้าใจความเหมอื น - Worksheet 3 และความแตกตา่ งระหวา่ ง ภาษาและวฒั นธรรมของ เจ้าของภาษาและนำมาใช้อย่าง ถกู ต้องและเหมาะสม 9 Food & drinks - Telling what you มฐ. ต.1.2 มีทกั ษะการสอ่ื สาร - Worksheet 4 want ทางภาษาในการแลกเปลีย่ น ขอ้ มลู ข่าวสาร 10 Food & drinks - Conversation มฐ. ต.1.2 มีทักษะการสอื่ สาร - Worksheet 5 ทางภาษาในการแลกเปลยี่ น ข้อมูลขา่ วสาร 11 Daily routine - Daily routine มฐ. ต.1.2 มีทักษะการส่อื สาร - Worksheet 1 vocabulary ทางภาษาในการแลกเปลี่ยน ขอ้ มลู ขา่ วสาร 12 Daily routine - Adverb of มฐ. ต.1.3 นำเสนอขอ้ มูล - Worksheet 2 frequency ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และ ความคดิ เห็นในเรื่องตา่ ง ๆ โดย การพูดและการเขยี น 13 Daily routine - English structure มฐ. ต.2.2 เข้าใจความเหมอื น - Worksheet 3 และความแตกตา่ งระหวา่ ง ภาษาและวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษาและนำมาใช้อย่าง ถูกต้องและเหมาะสม 14 Daily routine - Daily storyboard มฐ. ต.1.3 นำเสนอขอ้ มูล - Worksheet 4 ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และ ความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดย การพดู และการเขียน
9 ตารางที่ 1 โครงสร้างแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร โดยการกำหนดเนื้อหาในแต่ละแผน การจดั การเรียนรู้ (ตอ่ ) ชวั่ โมง หนว่ ย เนอื้ หา จุดประสงคก์ ารเรียน การประเมินผล ที่ การเรียนรู้ 15 Daily routine - Conversation มฐ. ต.1.2 มีทักษะการส่อื สาร - Worksheet 5 ทางภาษาในการแลกเปลี่ยน ขอ้ มูลข่าวสาร 1.7 สร้างแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและสาระ การเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 จำนวน 3 แบบฝกึ ใชเ้ วลาในการจดั การเรยี นการสอน จำนวน 15 คาบ คาบเรยี นละ 1 ชั่วโมงซ่ึงในแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการส่อื สารประกอบด้วยจำนวน 3 แบบฝึก ดงั น้ี 1.7.1 แบบฝึกทกั ษะภาษาองั กฤษเพ่อื การสือ่ สาร เรื่อง Greetings มจี ำนวน 1 เล่ม ใช้เวลาในการจดั การเรยี นการสอน จำนวน 5 คาบ 1.7.2 แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Food & drinks มีจำนวน 1 เล่ม ใชเ้ วลาในการจัดการเรียนการสอน จำนวน 5 คาบ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง จำนวน 5 คาบ 1.7.3 แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Daily routine มีจำนวน 1 เลม่ ใช้เวลาในการจัดการเรียนการสอน จำนวน 5 คาบ 1.8 นำแบบฝกึ ทกั ษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทส่ี ร้างข้นึ นำเสนอให้ผู้เช่ยี วชาญ จำนวน 3 ท่าน เพื่อขอความอนุเคราะห์ในการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยหาค่า ดัชนีความสอดคล้องระหว่างแบบฝึกทักษะการเขียนและวัตถุประสงค์ (Index of Item -objective Congruence: IOC) ซ่งึ ไดค้ ่าดัชนีความสอดคลอ้ งเทา่ กบั 0.67-1.00 1.9 นำผลที่ได้มาพิจารณา ปรับปรุง และจัดทำแบบแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อ การสื่อสารฉบับสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่างที่กำหนด เพื่อนำผลมาวิเคราะห์ตาม วตั ถปุ ระสงคแ์ ละสมมุตฐิ านของนวตั กรรมตอ่ ไป
10 2. แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการเขียนภาษาอังกฤษ ก่อนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบการเขียนแบบเลือกตอบ จำนวน 3 ชุด ชุดละ 10 ข้อ โดยมี วธิ ีดำเนินการดงั น้ี 2.1 ศกึ ษาตำรา เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การสร้างแบบทดสอบ 2.2 วเิ คราะห์จดุ ประสงค์ เนือ้ หา แผนการสอนเพ่ือนำมาสร้างแบบทดสอบวดั ความสามารถ ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ก่อนและหลังเรียน จำนวน 3 ชุด ชดุ ละ 10 ข้อ 2.3 นำแบบทดสอบที่ได้สร้างเสร็จแล้ว เสนอที่ปรึกษา เพื่อพิจารณา ประเมินคุณภาพของ เครื่องมือ ตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหา ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ เพื่อตรวจสอบ แบบทดสอบในแต่ละข้อสร้างได้ตรงตามตารางวิเคราะห์หลักสูตรหรือไม่ ปรับปรุงแก้ไขให้ตรงและ ครอบคลุมเน้อื หาย่ิงขน้ึ 2.4 จากนั้นนำแบบทดสอบ เสนอผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน เพื่อขอความอนุเคราะห์ ในการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง แบบทดสอบและวัตถุประสงค์ (Index of Item -objective Congruence: IOC) ซึ่งได้ค่าดัชนีความ สอดคล้องระหวา่ ง 0.67-1.00 2.5 นำผลที่ได้มาพิจารณา ปรับปรุง และจัดทำแบบทดสอบฉบับสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้จริง กบั กลุม่ ตวั อยา่ งที่กำหนด เพ่อื นำผลมาวิเคราะหต์ ามวตั ถปุ ระสงค์และสมมตุ ฐิ านการวจิ ัยต่อไป 3. แผนการสอนสำหรับการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร จำนวน 3 แผน โดยมีวธิ ดี ำเนนิ การดงั นี้ 3.1 ศึกษาหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 3.2 ศกึ ษาตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 3.3 ศึกษาหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวดั สวนดอก กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 3.4 ดำเนินการสร้างแผนการสอนสำหรับการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพ่ือ การสื่อสาร จำนวน 3 แผน ใช้เวลาในการจัดการเรียนการสอน จำนวน 15 คาบ คาบเรียนละ 1 ชัว่ โมง เป็น 3 หน่วยการเรยี นรู้ตามแบบฝกึ ทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือการสือ่ สาร ทงั้ 3 เรอ่ื งไดแ้ ก่ 3.4.1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง Greetings จำนวน 5 คาบ 3.4.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง Food & drinks จำนวน 5 คาบ 3.4.3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรื่อง Daily routine จำนวน 5 คาบ
11 3.5. รูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนเพื่อการสื่อสารใน ชีวติ ประจำวนั สำหรบั นกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 มีองค์ประกอบและรายละเอียด ดังน้ี 3.5.1. Warm up ขั้นตอนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักเรียนเกิดความพร้อมและอยากรู้ อยากเรียนในบทเรยี น เนอ้ื หาจะเช่ือมโยงไปสู่สาระสำคัญของบทน้ัน ๆ เมอ่ื ครผู ู้สอนเห็นว่านักเรียนมี ความพร้อม เกดิ ความสนกุ และสนใจอยากเรียนแลว้ กเ็ รมิ่ เรยี นเนือ้ หาตามกจิ กรรมทก่ี ำหนดไว้ 3.5.2 Presentation นำเสนอเนื้อหาที่จะสอน เช่น คำศัพท์ ไวยากรณ์ โครงสร้าง ประโยคเปน็ ต้น 3.5.3 Practice ในขั้นนี้นักเรียนจะได้ฝึกใช้ภาษาที่เรียนมาแล้วในขั้นนำเสนอ โดยมี วัตถุประสงค์ให้นักเรียนใช้ภาษาได้ถูกต้อง ขณะเดียวกันก็เน้นเรื่องการใช้ภาษาให้คล่องแคล่ว (fluency) การฝึกอาจจะฝึกทั้งชั้น เป็นกลุ่ม เป็นคู่ หรือรายบุคคล ขั้นนี้เป็นโอกาสที่ครูจะแก้ไข ข้อผิดพลาดของ นักเรียนในการใช้ภาษาในการเขียน ซึ่งการแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นควรทำหลังการฝึก หากทำระหว่างที่นักเรียนกำลังลองผิดลองถูกอยู่ ความมั่นใจที่จะใช้ภาษาให้คล่องแคล่วอาจลดลงได้ กิจกรรมท่ีกำหนดไว้ในคมู่ อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ มีทั้งในลักษณะทีก่ ล่าวมาน้ี 3.5.4. Production มีจดุ ม่งุ หมายเพ่ือให้นักเรยี นนำคำหรือประโยคท่ฝี กึ มาแล้ว มาใช้ ในสถานการณต์ ่าง ๆ ในรปู แบบกิจกรรมหลากหลาย เพื่อใหเ้ กิดความคล่องแคลว่ (fluency) และเกิด ความสนกุ สนาน ในขน้ั นีเ้ ป็นข้นั ท่เี นน้ นักเรียนเป็นผู้ทำกิจกรรม ครูคอยใหค้ วามช่วยเหลือ ถ้านักเรียน ผิดพลาด อย่าขัดจังหวะให้ปล่อยไปก่อน เพื่อให้นักเรียนรู้สึกสบายใจ กิจกรรมที่กำหนดไว้มี หลากหลาย เชน่ การเลน่ เกม การทำชน้ิ งาน การทำแบบฝกึ การนำเสนอผลงาน 3.5.5 Wrap up ครูและนักเรยี นสรปุ องค์ความรรู้ ว่ มกัน 3.5 แผนการสอนทีไ่ ด้สรา้ งเสร็จแลว้ เสนอที่ปรกึ ษา เพอ่ื พิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรง ของเน้อื หา ความเหมาะสมในการใชภ้ าษา ปรบั ปรุงแก้ไขใหต้ รงและครอบคลุมเน้ือหายงิ่ ขน้ึ 3.6 จากนั้นนำแผนการสอน เสนอผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน เพื่อขอความอนุเคราะห์ใน การตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างแผน จัดการเรียนรูแ้ ละวัตถุประสงค์ (Index of Item -objective Congruence: IOC) ซึ่งได้ค่าดัชนีความ สอดคล้องระหว่าง 0.67-1.00 3.7 นำผลที่ได้มาพิจารณา ปรับปรุง และจัดทำแผนการสอนฉบับสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้จริง กับกลุ่มท่กี ำหนด เพอ่ื นำผลมาวเิ คราะหต์ ามวัตถปุ ระสงคแ์ ละสมมตุ ิฐานการวิจยั ต่อไป
12 การนำนวัตกรรมไปใช้ในการพฒั นา/แก้ปญั หา ผู้เขียนได้ดำเนนิ การ ตามขน้ั ตอนดงั น้ี 1. อธิบายถึงความสำคัญของการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพือ่ การสือ่ สารให้แก่นกั เรยี นได้รับรู้ว่ามีความสำคัญอยา่ งไร 2. ช้ีแจงถึงตวั ชว้ี ดั วชิ าภาษาองั กฤษ 3. อธิบายถึงวิธีการเรียนรู้ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ใหแ้ กน่ ักเรียนเพอื่ ท่จี ะพฒั นาความสามารถในการเรยี นรู้ทักษะดา้ นการเขยี นให้สูงขน้ึ 4. อธบิ ายถึงความมุ่งหมายของการศกึ ษาในคร้ังน้ีใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ 5. ทดสอบวัดความสามารถทางการเรียนรู้ ด้วยแบบทดสอบก่อนเรียนในแบบฝึกทักษะ ภาษาองั กฤษเพอื่ การส่อื สาร จากนัน้ นำผลท่ีได้บันทกึ ไว้สำหรับวิเคราะห์ขอ้ มลู 6. จัดการเรียนการสอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ 7. เมื่อสอนครบในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ให้นักเรียนได้ทดสอบวัดความสามารถทาง การเรียนรู้ ด้วยแบบทดสอบหลังเรยี นในแบบฝกึ ทักษะภาษาอังกฤษเพอ่ื การสื่อสาร จากนน้ั นำผลที่ได้ บนั ทกึ ไวส้ ำหรับวิเคราะห์ขอ้ มูล 8. กำหนดการที่ใช้ในการจดั การเรยี นการสอน ปรากฎดังตารางที่ 2 ดงั นี้ ตารางที่ 2 กำหนดการท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ เพอ่ื การสอ่ื สาร ชว่ั โมงท่ี วนั ทสี่ อน หน่วยการเรียนรู้ เนือ้ หา จำนวน (ชวั่ โมง) 1 23 พ.ค. 65 Greetings - Pretest 1 ชว่ั โมง - Informal greeting - Worksheet 1 2 24 พ.ค. 65 Greetings - Formal greeting 1 ช่ัวโมง - Worksheet 2 3 30 พ.ค. 65 Greetings - Introducing 1 ช่วั โมง - Worksheet 3 4 31 พ.ค. 65 Greetings - Conversation 1 ชว่ั โมง - Worksheet 4
13 ตารางที่ 2 กำหนดการท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ เพอื่ การสื่อสาร (ตอ่ ) ชั่วโมงท่ี วันทส่ี อน หน่วยการเรยี นรู้ เนือ้ หา จำนวน (ช่วั โมง) 5 6 มิ.ย. 65 Greetings - Review 1 ชว่ั โมง - Worksheet 5 - Posttest 6 7 มิ.ย. 65 Food & drinks - Pretest 1 ชว่ั โมง - Name the food and drinks - Worksheet 1 7 13 ม.ิ ย. 65 Food & drinks - My favorite food and drinks 1 ชว่ั โมง - Worksheet 2 8 14 ม.ิ ย. 65 Food & drinks - Using some & any 1 ชั่วโมง - Worksheet 3 9 20 มิ.ย. 65 Food & drinks - Telling what you want 1 ชว่ั โมง - Worksheet 4 10 21 มิ.ย. 65 Food & drinks - Conversation 1 ชั่วโมง - Worksheet 5 - Posttest 11 27 ม.ิ ย. 65 Daily routine - Pretest 1 ชั่วโมง - Daily routine vocabulary - Worksheet 1 12 28 ม.ิ ย. 65 Daily routine - Adverb of frequency 1 ช่วั โมง - Worksheet 2 13 4 ก.ค. 65 Daily routine - English structure 1 ช่วั โมง - Worksheet 3 14 5 ก.ค. 65 Daily routine - Daily storyboard 1 ชั่วโมง - Worksheet 4 15 11 ก.ค. 65 Daily routine - Conversation 1 ช่วั โมง - Worksheet 5 - Posttest
14 9. เม่อื ทำการจัดการเรยี นการสอนครบในแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร เล่มที่ 1 ให้ดำเนนิ การจดั การเรียนการสอนในเลม่ ถดั ไปจนครบตามขน้ั ตอน และครบทุกเลม่ 10. นำผลที่ได้ในแต่ละเล่มมาวิเคราะห์ โดยใช้สูตรการหาค่า E1 / E2 เพื่อทดสอบหา ประสิทธภิ าพของแบบฝกึ ทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร ตามเกณฑ์ 80/80 11. นำผลที่ได้จากการทดสอบวัดความสามารถทางด้านการเขียน โดยใช้วิธีการทางสถิติ t-test เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังการใช้ แบบฝกึ ทกั ษะภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ผลการใชน้ วัตกรรม ผลจากการใช้นวัตกรรม เรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่ ผู้เขียนขอเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ตามลำดบั ดังน้ี ตอนที่ 1 นำเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู เพ่ือหาประสิทธภิ าพของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพ่อื การสอ่ื สาร ของนักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรยี นวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 โดยทดลองกบั กล่มุ ตวั อยา่ งจำนวน 20 คน ตอนที่ 2 นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียน ก่อนและ หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวดั สวนดอก อำเภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่ ตอนที่ 1 นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาประสิทธิภาพของของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพือ่ การส่ือสาร เพื่อตอบตามสมมติฐานข้อที่ 1 คือ เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อ การสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทีพ่ ัฒนาขน้ึ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ท่กี ำหนดไวค้ ือ 80/80 ซ่งึ ผู้เขยี นได้ดำเนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี
15 ตารางที่ 3 แสดงค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (กลุ่มตัวอย่าง) จำนวน 20 คน คนท่ี แบบฝกึ ทักษะภาษาอังกฤษเพือ่ การส่ือสาร รวมคะแนน คะแนน เล่ม 1 เลม่ 2 เลม่ 3 ระหวา่ งเรยี น แบบทดสอบ หลังเรยี น 80 70 60 210 30 1 63 53 48 164 24 2 61 54 49 164 22 3 67 58 51 176 26 4 64 60 52 176 24 5 61 57 50 168 22 6 64 55 49 168 23 7 72 63 52 187 28 8 69 59 50 178 26 9 63 57 49 169 23 10 70 61 51 182 28 11 67 57 49 173 24 12 60 58 50 168 22 13 66 57 48 171 24 14 70 62 52 184 27 15 69 62 50 181 24 16 67 61 50 178 23 17 63 57 47 167 23 18 69 61 49 179 26 19 69 60 49 178 24 20 64 55 50 169 23 รวม 1318 1167 995 3480 486 ���̅��� 65.90 58.35 49.75 174.00 24.30 ร้อยละ 82.38 83.36 82.92 82.86 81.00 E1 = 82.86 E2 = 81.00
16 จากตารางที่ 3 พบวา่ กลมุ่ ตวั อย่างทำคะแนนรวมจากการใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือ การสื่อสาร จำนวน 3 บท โดยรวมได้คะแนน 3,480 จากคะแนนเต็ม 4,200 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 82.86 และทำคะแนนจากการทดสอบหลังเรียนได้ 486 คะแนน จากคะแนนเต็ม 600 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.00 ซึ่งนำมาวิเคราะห์ประสทิ ธิภาพของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร สรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในขั้นทดลอง E1/E2 เท่ากับ 82.86/81.00 ซึ่งตรงกับเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ แสดงว่าแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มีประสทิ ธิภาพดี ซึง่ เปน็ ไปตามสมมติฐานท่ี 1 ตอนท่ี 2 นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิด้านการเขยี น ก่อนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝกึ ทักษะภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร เพื่อตอบตามสมมติฐานข้อที่ 2 คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียน หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพอ่ื การส่อื สาร สงู กว่าคะแนนกอ่ นเรียน ตารางที่ 4 แสดงผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียน ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อ การส่ือสาร (กลุ่มตัวอยา่ ง) จำนวน 20 คน คนที่ คะแนนกอ่ นเรียน (30) คะแนนหลงั เรียน (30) คะแนนผลต่าง D 1 13 24 11 2 15 22 7 3 17 26 9 4 15 24 9 5 14 22 8 6 13 23 10 7 17 28 11 8 14 26 12 9 15 23 8 10 18 28 10 11 15 24 9 12 12 22 10 13 13 24 11 14 15 27 12
17 ตารางที่ 4 แสดงผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียน ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ ภาษาอังกฤษเพื่อการสอื่ สาร (กล่มุ ตวั อยา่ ง) จำนวน 20 คน (ตอ่ ) คนที่ คะแนนกอ่ นเรียน (30) คะแนนหลงั เรียน (30) คะแนนผลต่าง D 15 13 24 11 16 13 23 10 17 14 23 9 18 16 26 10 19 15 24 9 20 14 23 9 รวม 291 486 195 ���̅��� 14.55 24.30 9.75 จากตารางที่ 4 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือ การสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 14.55 คะแนน และ 24.30 คะแนนตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลัง เรียนของนักเรยี นสงู กว่าก่อนเรยี นอย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 ซง่ึ เปน็ ไปตามสมมตฐิ านท่ี 2 ตารางท่ี 5 แสดงคา่ เฉลีย่ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดสอบที และระดับนัยสำคัญทางสถติ ิของ การทดสอบเปรยี บเทียบคะแนนกอ่ นและหลังเรยี นของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 42 คน การทดสอบ ���̅��� S.D. ���̅��� S.D.D t Sig.(1-tailed) ก่อนเรียน 14.55 1.57 9.75 1.33 32.72 * 0.0000 หลงั เรยี น 24.30 1.89 จากตารางที่ 5 พบว่า การทดสอบความสามารถด้านการเขียน ก่อนและหลังเรียนโดยใช้ แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพือ่ การสือ่ สาร ของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 14.55 คะแนน และ 24.30 คะแนนตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลัง เรียน พบวา่ คะแนนสอบหลังเรยี นของนกั เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ซงึ่ เปน็ ไปตามสมมตฐิ านที่ 2
18 การอภิปรายผล จากผลการศึกษาการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อการส่ือสาร ของนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรยี นวดั สวนดอก อำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่ มี 4 ประเด็นท่สี ำคญั ที่สมควรนำมาอภิปราย ดังนี้ 1. ประสทิ ธภิ าพของแบบฝึกทกั ษะภาษาองั กฤษเพอื่ การสอ่ื สาร ของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษา ปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.86/81.00 ซึ่งมี ประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 80/80 จึงถือว่าเป็นแบบฝึกภาษาอังกฤษเพื่อ การสือ่ สารในชวี ติ ประจำวนั ทผ่ี ู้เขียนพัฒนาขนึ้ มปี ระสทิ ธภิ าพดีอาจเนอื่ งจากเหตผุ ลดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ผู้เขียนพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัย ของอารีย์ วาศน์อำนวย (2545: 19) กล่าวว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อการสื่อสารจะให้ ความสำคัญกับสถานการณ์ในการใช้มากกว่าเน้นไวยากรณ์ เป็นการเรียนที่เน้นกระบวนการ ปฏิสัมพันธ์ตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างมีเป้าหมาย ด้านการสื่อสารสามารถนำความรู้มาปรับใช้ ใน ชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นการพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้ ข้อมูลท้องถิ่นชะอำ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จึงเป็นการแก้ปัญหาในการเรียน ภาษาอังกฤษใน 4 ทักษะโดยเฉพาะทักษะการเขียนของนักเรียนให้ดีขึ้นได้ อีกทั้งยังกล่าวไว้อีกว่า แบบฝกึ เปน็ สือ่ ท่ีตอบสนองความสนใจของผเู้ รียน สรา้ งขึน้ ตามระดบั ความสามารถและความแตกต่าง ของผู้เรียน เป็นสื่อที่ช่วยในการแบ่งเบาภาระครู ซึ่งทำให้ครูมองเห็นข้อบกพร่องและปัญหา และ จุดอ่อนของนักเรียน เป็นเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจบบทเรียน และช่วยเสริมทักษะ ทางภาษาของนกั เรยี นใหด้ ขี ้นึ และแบบฝึกยงั เปน็ อุปกรณก์ ารสอนที่ประกอบดว้ ยกิจกรรมหลากหลาย ที่น่าสนใจ นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงมากขึ้นจนเกิดความคล่องแคล่ว การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ แบบฝึกให้บรรลุประสงค์ที่ตั้งไว้ ต้องอาศัยกิจกรรมการสอนที่น่าสนใจ เกิดความสนุกสนานใน การเรียน และนำสถานการณ์จริงมาใช้ในการเรียนเพื่อนักเรียนจะได้เกิดการเรียนรู้อยา่ งแท้จริง และ นำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้อยา่ งถกู ต้อง 1.2 ภาระงานและแบบทดสอบวดั ความสามารถดา้ นการเขยี น มคี วามสอดคล้องกับเน้ือหา ของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน วดั สวนดอก อำเภอเมอื ง จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนีผ้ ู้เขียนไดน้ ำเนื้อหาของแบบฝึกและแบบทดสอบ วัดความสามารถด้านการเขยี น ไปใหผ้ เู้ ชยี่ วชาญท่มี ีประสบการณด์ า้ นการสอนภาษาองั กฤษตรวจสอบ คุณภาพและความเที่ยงตรงเชิงเนือ้ หาและปรับปรุงแกไ้ ข จึงทำให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด ไว้ คอื 80/80
19 2. ความสามารถด้านการเขียนหลังการใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สูงกว่า ความสามารถทางการเขียนก่อนเรียนซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ โดยก่อนเรียนโดยใช้ แบบฝึก ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 14.55 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.57 ส่วนหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 24.30 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.89 น่าจะเป็นเพราะในการจัดการเรียนการสอนมี จุดประสงค์ตรงกบั เรือ่ งที่ต้องการฝึก องค์ประกอบของแบบฝึกมีความสอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ มีส่ือ การเรียนรูใ้ นแบบฝกึ ทักษะ ชว่ ยใหน้ กั เรยี นเกดิ การเรียนรู้ต่าง ๆ ท่นี กั เรยี นสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการทำกิจกรรมและทำแบบฝึกหัด ซึ่งสอดคล้องกับพรรณี ชื่นอุไทย (2546: 46) ที่กล่าวไว้ว่า ลักษณะของแบบฝึกที่ดีควรสร้างให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการฝึก มีหลายแบบหลายชนิด สอดคล้องกับเนื้อหาของผู้เรียน เลือกให้เหมาะสมกับวัยของนักเรียน มีคำอธิบายชัดเจน มีตัวอย่าง สั้น ๆ มีรูปแบบที่น่าสนใจ และใช้เวลาฝึกเหมาะสม นอกจากนี้ควรคำนึงถึงจิตวิทยาการเรียนรู้ ความพร้อม ความเหมาะสมกบั ระดบั ช้ัน วัยและความสามารถของนกั เรยี นด้วย 3. จากผลการทดลองใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร พบว่า แบบฝึกเป็นสื่อท่ี พัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับระดับชั้น ความสามารถของนักเรียนและสภาพบริบทของโรงเรียน ซึ่งเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียงลำดับจาก ง่ายไปหายาก จากการจัดการเรียนรู้ นักเรียนสามารถเขียนประโยคภาษาอังกฤษได้ดีกว่าเดิม ตอบคำถามได้ถูกต้อง นกั เรียนทอี่ ย่ใู นระดับปานกลางและอ่อนอาจจะใชเ้ วลาในการทำแบบฝึกทักษะ การเขียนช้า แต่ก็เข้าใจเรื่องที่เรียนได้มากขึ้น โดยครูอธิบายและแนะนำให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติทั้ง เดี่ยวและจับคู่ นักเรียนสามารถเขียนได้ถูกต้อง นักเรียนรู้จักช่วยเหลือกันมากขึ้น นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรม ตั้งใจเรียนรู้ ทำแบบฝึกตามใบงานทำให้นักเรียนเกิดความสนุกสนาน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า เมื่อนักเรียนได้รับการฝึกซ้ำ ๆ จะทำให้นักเรียนเกิดทักษะและเกิดความมั่นใจ ในตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของรีเวอร์ส (River,1968: 97-100) ที่กล่าวว่าลักษณะของแบบฝึก ควรมีประโยคสั้น ๆ พร้อมฝึกโครงสร้างใหม่ที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันที่นักเรียนรู้จัก นอกจากนี้ใน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนควรจัดให้ผู้เรียนเรียนอย่างมีความสุข สร้างบรรยากาศการเรียนให้ สนกุ ยึดนกั เรียนเป็นศูนย์กลาง มกี ารฝกึ ปฏบิ ัติเป็นคู่หรือกลุ่ม เพอื่ ใหน้ กั เรียนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกทั้งสอดคล้องกับเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแหน่งครู ในด้านการจัด การเรียนรู้ โดยพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน ให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ส่วนในด้านการพัฒนา ตนเองและวิชาชีพ ผู้เขียนได้มีการพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ โดยมีสร้างชุมชนการเรียนรู้ทาง วิชาชีพ (PLC) ในการแกป้ ญั หา เพื่อพัฒนาดา้ นการเขยี นภาษาอังกฤษของนักเรยี น ดว้ ยแบบฝกึ ทักษะ
20 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร อีกทั้งนำความรู้ความสามารถทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเอง เผยแพร่ แกค่ รกู ลุม่ สาระภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ในสถานศึกษาอ่นื ๆ 4. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ประกอบแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ผู้เขียนได้ จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้อย่างละเอียด ที่มุ่งเน้นกิจกรรมการเรียนการสอนที่ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน และใช้เวลาในการสอนที่เหมาะสมที่สุด โดยยึดหลักการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยให้นักเรียนได้ฝึก ด้านการเขียนไปพร้อม ๆ กันตามกระบวนการสอนภาษาอังกฤษด้วยการจัดกิจกรรมการสอน 5 ข้ัน คือขั้นนำ (Warm up) เพื่อเป็นการทบทวนความรู้เดิมหรือเร้าความสนใจของผู้เรียน ขั้นนำเสนอ (Presentation) เป็นการสอนความรู้ใหม่ เช่น คำศัพท์ ไวยากรณ์ โครงสร้างประโยค โดยให้นักเรียน ได้สังเกตและสรุปความเข้าใจ ขั้นฝึก (Practice) เป็นขั้นที่นักเรียนได้ฝึกทักษะในลักษณะต่าง ๆ กัน เชน่ การจับค่หู รอื ทีละคน ขน้ั นำไปใช้ (Production) เป็นขนั้ ทีน่ ักเรียนจะนำความร้แู ละประสบการณ์ ในขั้นฝึกมาใช้และเป็นการแสดงความรู้ความสามารถและทักษะต่าง ๆ ให้เกิดความชำนาญ โดยจะ นำไปใช้ในชวี ติ จรงิ ได้ต่อไป ขั้นสรุป (Wrap up) เปน็ ขนั้ ท่นี กั เรียนสรปุ ความรู้และกฎเกณฑ์ทางภาษา ตามความเข้าใจของตนเอง ผลกระทบของการนำนวัตกรรมไปใช้ ผู้เขียนพบปญั หาบางประการที่เกิดข้ึน สรปุ ได้ดังน้ี 1. ในการสอนด้านการเขียน ได้ให้นักเรียนศึกษาจากบทเรียนต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนมีข้อมูล สะสมเกี่ยวกับบทเรียนที่ต้องใช้ในการเขียนในหัวข้อนั้น ๆ ก่อนที่จะเริ่มเขียน จึงพบข้อจำกัดของ การใช้แบบฝึกคือ งานที่นักเรียนเขียนบางส่วนยึดตามตัวอย่างเป็นหลัก อาจทำให้นักเรียนขาด ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ Huang (2014) ที่ว่าในช่วงต้นผู้เรียนอาศัย การเขียนตามตัวอย่างเป็นหลัก ขอ้ เสนอแนะ จากการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม่ ผู้เขียนได้สรปุ แนวคิดกิจกรรมและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประเด็นต่อไปนี้ คือ 1) ข้อเสนอแนะเพื่อการนำไปใช้ 2) ขอ้ เสนอแนะเพือ่ การจดั ทำนวัตกรรมการศึกษาคร้ังต่อไป โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี
21 ขอ้ เสนอแนะเพอื่ การนำไปใช้ 1. ข้อเสนอแนะเพื่อการนำแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ไปพัฒนาให้มี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ 1.1 จากการศึกษาพบว่า แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นักเรียนมีทักษะการเขียนสูง กว่าก่อนเรียน ดังนั้นครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ควรนำ แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ไปใช้กับนักเรียนในระดับชั้นอื่น ๆ เพื่อพัฒนาด้าน การเขียนของนักเรียนให้ดีขึ้น และยังนำไปบูรณาการกับสาระวิชาอื่น ๆ และนำไปใช้ในระดับชั้นที่ สูงข้ึนได้ 1.2 จากการศึกษาพบว่า การที่นักเรียนเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือ การสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ทักษะด้านการเขียนของนักเรียนดีขึ้น นักเรียนมีความมั่นใจในการใช้โครงสร้างภาษา มีความ กล้าแสดงออกและความมั่นใจในตนเองในการใช้ภาษาอังกฤษเพือ่ การสื่อสาร นักเรียนมีความคิดเหน็ ที่ดีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรม ตั้งใจเรียนมากขึ้น ดังนั้น ครูผู้สอนควรใช้วิธีสอนที่ฝึกกระบวนการจับคู่ การทำงานเป็นกลุ่ม เพื่อพัฒนาความคิดและปรับ กิจกรรมการสอนที่หลากหลาย มีการฝึกปฏิบัติกิจกรรมซ้ำ ๆ ครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ควรพัฒนาสอื่ การเรยี นการสอนประเภทแบบฝึก เพ่อื พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและพัฒนาทักษะ ดา้ นการเขียนของนักเรียนใหส้ ูงขึ้น ข้อเสนอแนะในการทำนวตั กรรมการศึกษาครง้ั ต่อไป การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแนวทางใน การสนับสนุนการจัดการเรยี นรู้ที่สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ดังนั้น การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสอื่ สาร ควรมีการทำนวตั กรรมการศึกษาในประเดน็ ต่อไปนี้ 1. ควรมีการทำนวตั กรรมการศกึ ษาเกย่ี วกับแบบฝกึ ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือที่มีเนื้อหา ทเ่ี หมาะสมและสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกับนักเรียนในระดับช้ันอืน่ ๆ ได้ 2. ควรมีการทำนวัตกรรมการศึกษาที่พัฒนาผลสัมฤทธิ์ในทกั ษะด้านอื่น ๆ เพื่อเป็นการสร้าง พื้นฐานทักษะด้านภาษาอังกฤษให้ครบด้าน เพราะการเรียนรู้ทุกสาระ นักเรียนต้องอาศัยทักษะ การฟงั การพดู การอ่าน และการเขยี นไปพร้อม ๆ กันเป็นพ้นื ฐาน จงึ ทำให้นักเรียนเกิดประสิทธิภาพ ในการเรียนรู้
22 การเผยแพรน่ วตั กรรม การเผยแพร่นวัตกรรมการศึกษา เรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึก ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอ เมือง จงั หวดั เชยี งใหม่ ผู้เขยี นได้เผยแพร่นวตั กรรมดว้ ยวธิ ีการที่หลากหลาย อาทิเชน่ เผยแพรน่ วัตกรรมการศึกษาแก่นอกสถานศึกษา (ผ่านหนังสือราชการ) - โรงเรยี นบา้ นสนั ศรี อำเภอสันทราย จงั หวดั เชียงใหม่ - โรงเรยี นบ้านลาน อำเภอฝาง จงั หวัดเชยี งใหม่ - โรงเรยี นบ้านสันตคิ ีรี อำเภอแมฟ่ า้ หลวง จงั หวัดเชยี งราย เผยแพร่นวัตกรรมการศึกษาผา่ นสือ่ อิเล็คทรอนิค - Google site : https://sites.google.com/view/classroomonlinebykruo/Home - E-book : https://pubhtml5.com/homepage/swhu - Page Facebook : โรงเรยี นวดั สวนดอก สพป.เชียงใหม่ เขต 1 - YouTube : Puttinun Wattanapinichsakorn เผยแพร่นวตั กรรมการศึกษาในสถานศกึ ษา - สรา้ งชุมชนการเรยี นรูท้ างวิชาชพี (PLC) ในการแก้ปัญหาเพื่อพฒั นาด้าน การเขยี นภาษาอังกฤษของนกั เรียน ด้วยแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพอ่ื การสอื่ สาร
23 ภาพรวมของนวัตกรรม จากภาพรวมนวัตกรรมการศึกษา เรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนโดยใช้แบบฝึก ทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวนดอก อำเภอ เมือง จังหวัดเชยี งใหม่ ผู้เขยี นสรปุ ภาพรวมไดด้ งั น้ี ผลทเ่ี กดิ ตอ่ ผบู้ รหิ าร และสถานศึกษา - สถานศึกษามีการจัดทำสารสนเทศด้านการจัดการเรียนรู้และผลการวิเคราะห์ข้อมูล ทางการศึกษาในระดับสถานศึกษาและระดับห้องเรียน โดยจัดทำข้อมูลและสารสนเทศด้านการ จัดการเรยี นรูพ้ ื้นฐานไดค้ รบถว้ นครอบคลมุ การใชง้ าน และมีการจดั เกบ็ ขอ้ มูลสารสนเทศทถี่ ูกต้องเป็น ระบบ สถานศึกษามีการนำข้อมูลสารสนเทศด้านการจัดการเรียนรู้ไปปรับใช้ในการบริหารจัดการ เรียนการสอนของสถานศกึ ษา พัฒนาใหเ้ กิดประโยชน์ ตรงตามความต้องการของนักเรียน ชมุ ชน และ มกี ารเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสนเทศดา้ นการจัดการเรยี นรขู้ องสถานศกึ ษาโดยใชว้ ธิ ีทห่ี ลากหลาย - สถานศึกษามีแผนงานโครงการกิจกรรมที่สอดคล้องกับนวัตกรรมการพัฒนา กำหนด ผู้รับผิดชอบการดำเนินงานที่ชัดเจน ตรงตามความสามารถของผู้รับผิดชอบงาน และกำหนด ระยะเวลาในการดำเนนิ งานตามปฏทิ นิ ของสถานศกึ ษา - สถานศึกษามีการดำเนินงานตามแผน และมีการนิเทศติดตามผลการดำเนินงาน นวัตกรรมการศึกษาเป็นระบบ ต่อเนื่อง แบบเป็นกัลยาณมิตร โดยยึดหลักตามแผนการพัฒนา สถานศึกษาที่มงุ่ เนน้ พฒั นาผเู้ รียน - บุคลากรในสถานศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ มีส่วนร่วมในการวางแผนการดำเนินงาน นวัตกรรมการศึกษา มีการพัฒนางานและตรวจสอบผลการดำเนินงานนวัตกรรมการศึกษาอย่าง ต่อเนือ่ ง - ผู้บริหารสถานศึกษา ส่งเสริม สนับสนุน ให้ครูนำกระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทาง วิชาชีพ (PLC) มาใชใ้ นการแก้ปญั หานักเรยี น โดยให้มีวทิ ยากรทีมีความเชย่ี วชาญมาให้ความรู้แนะนำ อยา่ งสมำ่ เสมอในการพฒั นานวตั กรรมการศกึ ษา - ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษามีการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ สะทอ้ นผลการพฒั นานวัตกรรมการศึกษา ให้ผู้เขียนไดท้ ราบขอ้ มลู และนำไปปรบั ใช้ - ผู้บริหารสถานศึกษาได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนกั เรียน ชุมชน หน่วยงานต้นสังกดั ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนโดยได้ เข้ามาศึกษาเยี่ยมชมการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนของคณะครูในสถานศึกษาในการนำนวัตกรรม การศึกษาไปใชแ้ กน่ ักเรียน - มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่าง เหมาะสม
24 ผลที่เกดิ ขึ้นกบั ครู (ผเู้ ขียน) - ครูมีการนำผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของปกี ารศึกษา 2564 ทผี่ า่ นมา ในแต่ละมาตรฐาน ตวั ชีว้ ัดมาวเิ คราะหป์ ระกอบการออกแบบนวตั กรรมการศึกษา - ครูมกี ารศกึ ษา วิเคราะห์ หลักการมาตรฐานตวั ช้ีวดั เพ่ือนำมาออกแบบการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน ออกแบบแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ให้สอดคล้องศักยภาพของ ผูเ้ รียน อกี ท้งั มีการเขียนแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ท่คี รบถ้วนสมบูรณ์และเปน็ ปัจจุบนั - ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่กำหนด ใช้ เทคโนโลยี และสารสนเทศในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีกระบวนการนิเทศติดตามเพื่อพัฒนา คุณภาพการจัดการเรียนรู้ในการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา เพื่อนำผลมานิเทศติดตามกระบวนการ จดั การเรียนรู้ - ครูออกแบบ และพัฒนานวัตกรรมการศึกษาโดยมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิด์ ้านการเขียนโดย ใช้แบบฝกึ ทกั ษะภาษาองั กฤษเพื่อการสือ่ สาร ท่มี ีคณุ ภาพสะดวกต่อการใชง้ าน - ครูให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ออกแบบฝึกทักษะ ภาษาอังกฤษเพ่ือการสอื่ สาร และพฒั นาแบบฝกึ ให้มีคุณภาพเสมอ - ครูตระหนักถึงการใช้แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้สอดคล้องกับ แผนการจัดการเรียนรู้ มีการประเมินผลการใช้แบบฝกึ โดยให้นกั เรียนมีสว่ นรว่ มในการประเมิน และ นำผลการประเมนิ มาพัฒนาใหม้ ีคุณภาพ - ครูเลือกเครื่องมือ และวิธีวัดผลประเมินผลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของนวัตกรรม การศึกษา พัฒนาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ได้เหมาะสม ถูกต้อง ตามหลักวิชาการ และตามเกณฑ์ที่กำหนด - ครูนำผลการวัดและประเมินผลเพื่อมาพัฒนา วางแผน ดำเนินการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาอยา่ งต่อเนือ่ ง - ครูนำผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากนวัตกรรมการศึกษาที่ได้จากการวัดและประเมินผล นำเสนอต่อนกั เรียน ผปู้ กครองเพือ่ รับทราบผลการพัฒนา
25 ผลทเ่ี กิดข้นึ กบั ผู้เรียน - มีจำนวนนกั เรียนทีม่ ีผลการสอบหลังเรยี นเพิ่มข้นึ รอ้ ยละ 50 ขึ้นไป - ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) - ผู้เรียนมีส่วนรว่ มในการจดั การเรยี นการสอนตามนวตั กรรมการศึกษา - ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเป็นสื่อที่พัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม - ผู้เรียนได้เรียนรู้เนือ้ หาทีม่ ีความสอดคล้องกับระดับชั้น ความสามารถของนักเรียนและ สภาพบรบิ ทของโรงเรียน - ผ้เู รยี นท่อี ยู่ในระดับปานกลางและอ่อนอาจจะใช้เวลาในการทำแบบฝึกทักษะการเขียน ชา้ แตก่ เ็ ข้าใจเรือ่ งทเ่ี รยี นไดม้ ากข้ึน - ผเู้ รียนไดฝ้ กึ ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรยี นรู้ท้ังแบบเดีย่ วและจับคู่ เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้ ใน การทำกิจกรรม - ผู้เรียนสามารถเขียนคำศัพท์ ประโยคได้ถูกต้อง ตั้งใจเรียนรู้และให้ความร่วมมือใน การปฏิบตั กิ ิจกรรม - ผูเ้ รยี นเกิดทักษะในด้านการคิดและเกดิ ความมัน่ ใจในตนเองในการใชภ้ าษา
26 รายการอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐานพุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพมหานคร : กระทรงศึกษาธิการ. พรรณี ชืน่ อุไทย. (2546). การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะในการเขียน สำหรบั นักเรยี น ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2. วทิ ยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากร. พันทิวา ลาคำ. (2555). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาองั กฤษตามแนวการสอน ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ สำหรับนกั เรียน ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานพิ นธ์ปริญญาครุศาสตรบณั ฑติ (สาขาการพัฒนาหลักสตู ร และการเรยี นการสอน). บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อบุ ลราชธาน.ี มยรุ ี ธาน.ี (2551). การพฒั นาชุดฝกึ ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ สำหรบั นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6. วทิ ยานพิ นธ์ ครศุ าสตรมหาบณั ฑติ มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุบลราชธาน.ี สำนักงานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ. (2559). สรุปสาระสำคญั แผนพัฒนา เศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ฉบับท่ีสิบสอง พ.ศ. 2560-2564. กรงุ เทพฯ : สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนา เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ สำนกั นายกรฐั มนตรี. อารยี ์ วาศน์อำนวย. (2545). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านเพอ่ื จับใจความ ตามแนวการสอน ภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญา การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, บัณฑติ วทิ ยาลัย, มหาวทิ ยาลยั , มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร Larsen - Freeman, Diane. (2002). Techniques and Principles in Language Teaching. Cambridge: Cambridge University Press Rivers , W.M. (1968) Teaching foreign language skills. Chicago: The University of Chicago Press
27 ภาคผนวก
28 ภาคผนวก ก รายนามผ้เู ชย่ี วชาญตรวจสอบเครอื่ งมือ
29 รายนามผู้เชยี่ วชาญตรวจสอบเคร่อื งมือ 1. รองศาสตรจารย์ ดร.เสรมิ ศรี ไชยศร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ 2. นางดษุ ฎี สังข์ขวัญ ครภู าษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ตำแหนง่ ชำนาญการพเิ ศษ โรงเรยี นเทศบาล ๕ เทศบาลเมืองปตั ตานี 3. นางนฤมล วฒุ ปิ รชี า ข้าราชการบำนาญ กลมุ่ สาระภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ตำแหน่ง ชำนาญการพิเศษ โรงเรยี นวัดสวนดอก จงั หวัดเชยี งใหม่
30 ภาคผนวก ข หนังสอื เชิญผเู้ ช่ียวชาญตรวจสอบเครอื่ งมือ
31
32
33
34 ภาคผนวก ค ผลการวเิ คราะห์เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการศึกษานวตั กรรมการศึกษา
35 ตารางท่ี 6 คา่ ดัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) ของแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของ นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 คะแนนความคิดเห็น รายการประเมนิ ของผ้เู ช่ียวชาญ IOC ความหมาย 123 1. จุดประสงคส์ อดคล้องกับเนอ้ื หา +1 +1 +1 1.00 มคี วาม สอดคล้อง 2. กิจกรรมการเรียนการสอนสอดคล้องกับ +1 +1 +1 1.00 มีความ เนอ้ื หา สอดคลอ้ ง 3. การวัดผลประเมินผลสอดคลอ้ งกับเน้ือหา 0 +1 +1 0.67 มีความ สอดคล้อง 4. ลำดับขั้นการเรยี นรู้จากง่ายไปยาก +1 +1 +1 1.00 มีความ สอดคลอ้ ง 5. แบบฝกึ มคี วามเหมาะสมกับวยั ของผเู้ รียน +1 +1 +1 1.00 มคี วาม สอดคล้อง 6. แบบฝกึ มีความต่อเน่ืองและสัมพนั ธก์ นั +1 +1 +1 1.00 มคี วาม สอดคล้อง
36 ตารางท่ี 7 ค่าดชั นคี วามสอดคล้อง (IOC) ที่ไดจ้ ากการประเมินแผนการจัดการเรียนรูข้ องแบบฝกึ ทกั ษะภาษาอังกฤษเพื่อการสอ่ื สาร ของนักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 คะแนนความคิดเห็น รายการประเมิน ของผูเ้ ชย่ี วชาญ IOC ความหมาย 123 1. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง Greetings ได้แก่ สอดคล้อง มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอ้ื หา สาระ การวดั ผลและประเมนิ ผล กิจกรรม การเรียนรู้ สือ่ การเรยี นการสอน 2. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง Greetings ไดแ้ ก่ สอดคล้อง มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั จุดประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หา สาระ การวดั ผลและประเมนิ ผล กจิ กรรม การเรียนรู้ สื่อการเรยี นการสอน 3. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 0 +1 0.67 มีความ การจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง Greetings ไดแ้ ก่ สอดคลอ้ ง มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ เน้ือหา สาระ การวัดผลและประเมินผล กิจกรรม การเรยี นรู้ สื่อการเรียนการสอน 4. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจัดการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง Greetings ได้แก่ สอดคล้อง มาตรฐาน/ตัวชี้วดั จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้อื หา สาระ การวดั ผลและประเมนิ ผล กจิ กรรม การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นการสอน 5. ความสอดคล้องของส่วนประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มคี วาม การจดั การเรียนรทู้ ่ี 5 เรื่อง Greetings ไดแ้ ก่ สอดคล้อง มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เน้อื หา สาระ การวดั ผลและประเมนิ ผล กจิ กรรม การเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน
37 ตารางที่ 7 คา่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ที่ไดจ้ ากการประเมนิ แผนการจัดการเรียนร้ขู องแบบฝึก ทักษะภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 (ต่อ) คะแนนความคดิ เหน็ รายการประเมนิ ของผ้เู ชี่ยวชาญ IOC ความหมาย 123 6. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจัดการเรียนรูท้ ่ี 6 เร่อื ง Food and drinks สอดคลอ้ ง ได้แก่ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เน้อื หาสาระ การวัดผลและประเมินผล กิจกรรม การเรยี นรู้ สอื่ การเรียนการสอน 7. ความสอดคล้องของส่วนประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มคี วาม การจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เรื่อง Food and drinks สอดคล้อง ไดแ้ ก่ มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เน้อื หาสาระ การวัดผลและประเมนิ ผล กิจกรรม การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นการสอน 8. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 เรื่อง Food and drinks สอดคลอ้ ง ไดแ้ ก่ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนื้อหาสาระ การวัดผลและประเมนิ ผล กจิ กรรม การเรยี นรู้ สือ่ การเรียนการสอน 9. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน 0 +1 +1 0.67 มคี วาม การจัดการเรียนรู้ท่ี 9 เรื่อง Food and drinks สอดคล้อง ไดแ้ ก่ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนือ้ หาสาระ การวัดผลและประเมินผล กจิ กรรม การเรียนรู้ สื่อการเรยี นการสอน 10. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจดั การเรียนรทู้ ี่ 10 เรื่อง Food and drinks สอดคล้อง ได้แก่ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ เนือ้ หาสาระ การวดั ผลและประเมนิ ผล กิจกรรม การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นการสอน
38 ตารางที่ 7 ค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง (IOC) ที่ไดจ้ ากการประเมินแผนการจดั การเรียนรู้ของแบบฝึก ทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร ของนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 (ต่อ) คะแนนความคดิ เหน็ รายการประเมิน ของผู้เชยี่ วชาญ IOC ความหมาย 123 11. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11 เรอ่ื ง Daily routine สอดคลอ้ ง ได้แก่ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หาสาระ การวดั ผลและประเมินผล กิจกรรม การเรียนรู้ สอื่ การเรียนการสอน 12. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน 0 +1 +1 0.67 มีความ การจัดการเรยี นร้ทู ี่ 12 เรือ่ ง Daily routine สอดคล้อง ได้แก่ มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหาสาระ การวัดผลและประเมนิ ผล กจิ กรรม การเรยี นรู้ ส่ือการเรียนการสอน 13. ความสอดคล้องของส่วนประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มคี วาม การจดั การเรยี นรทู้ ี่ 13 เรื่อง Daily routine สอดคล้อง ไดแ้ ก่ มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เน้อื หาสาระ การวดั ผลและประเมินผล กจิ กรรม การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นการสอน 14. ความสอดคล้องของส่วนประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มคี วาม การจดั การเรียนรทู้ ่ี 14 เร่อื ง Daily routine สอดคล้อง ไดแ้ ก่ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เนื้อหาสาระ การวัดผลและประเมินผล กจิ กรรม การเรียนรู้ สื่อการเรยี นการสอน 15. ความสอดคล้องของสว่ นประกอบในแผน +1 +1 +1 1.00 มีความ การจดั การเรยี นรูท้ ี่ 15 เรอ่ื ง Daily routine สอดคลอ้ ง ได้แก่ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนือ้ หาสาระ การวดั ผลและประเมนิ ผล กจิ กรรม การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นการสอน
39 ตารางท่ี 8 ค่าดัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) ที่ไดจ้ ากการประเมนิ วัดความสามารถด้านการเขยี น ภาษาองั กฤษ ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ข้อที่ คะแนนความคดิ เหน็ ของผเู้ ชี่ยวชาญ IOC ความหมาย 123 1 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 2 +1 +1 0 0.67 มีความสอดคล้อง 3 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคล้อง 4 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคล้อง 5 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคล้อง 6 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 7 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 8 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคลอ้ ง 9 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 10 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 11 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 12 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคลอ้ ง 13 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคลอ้ ง 14 0 +1 +1 0.67 มีความสอดคลอ้ ง 15 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคลอ้ ง 16 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคลอ้ ง 17 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคล้อง 18 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคล้อง 19 0 +1 +1 0.67 มคี วามสอดคล้อง 20 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคล้อง 21 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคล้อง 22 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 23 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคล้อง 24 0 +1 +1 0.67 มคี วามสอดคลอ้ ง 25 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคลอ้ ง 26 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคล้อง
40 ตารางที่ 8 คา่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ท่ีไดจ้ ากการประเมนิ วัดความสามารถด้านการเขียน ภาษาองั กฤษ ของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 (ต่อ) ขอ้ ท่ี คะแนนความคิดเห็นของผ้เู ช่ียวชาญ IOC ความหมาย 123 27 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคล้อง 28 +1 +1 0 0.67 มีความสอดคล้อง 29 +1 +1 +1 1.00 มีความสอดคลอ้ ง 30 +1 +1 +1 1.00 มคี วามสอดคล้อง
41 ภาคผนวก ง หนงั สือขอความอนเุ คราะห์เผยแพรผ่ ลงาน
42
43
44
45 ภาคผนวก จ ตัวอย่างแบบฝึกทกั ษะภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ของนกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4
46
47
Search