สขุ ศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1
โครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องระบบประสาท ระบบประสาทควบคมุ การทำงานของอวยั วะส่วนต่างๆ ทกุ ระบบในรา่ งกายให้ สมั พันธก์ ัน แบ่งออกเป็น ๒ สว่ น •ระบบประสาทสว่ นกลาง •ระบบประสาทส่วนปลาย ระบบประสาทสว่ นกลาง ประกอบด้วยสมองและไขสันหลงั เปน็ ศนู ย์กลางในการประสานการทำงานการทำงาน ของอวยั วะต่างๆ ในร่างกาย
1.สมอง (Brain) เป็นอวัยวะทสี่ ำคญั และซบั ซ้อนมาก ประกอบด้วยกลุ่มเนอ้ื เย่ือบรรจอุ ยู่ ใน กะโหลกศีรษะ แบง่ ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ - สมองสว่ นหนา้ - สมองสว่ นกลาง - สมองสว่ นทา้ ย 2.ไขสนั หลงั (Spinal Cord) อยู่ภายในช่องกระดกู สนั หลงั เช่ือมต่อกัน ตลอดความยาวของลำตัวเป็นศนู ย์กลางการ เคลอื่ นไหวสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เป็น ตวั เช่ือมระหวา่ ง อวยั วะรบั ความรสู้ ึกไปยัง สว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย
สว่ นประกอบและหนา้ ที่ของสมอง สมองส่วนหนา้ เซรบี รมั เปน็ สว่ นที่ใหญ่ทส่ี ุดของสมองทำหนา้ ทค่ี วบคุมการทำงาน และกจิ กรรมตา่ งๆ ของร่างกาย เช่นการพดู การมองเหน็ การเรยี นรู้ด้านสติปัญญา ความคดิ ความจำ การได้ยนิ ทาลามสั อยู่ดา้ นล่างของสมอง ทำหน้าทใ่ี นการถ่ายทอดสญั ญาณไป ยังสมองสว่ นตา่ งๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับกระแสประสาท ไฮโพทาลามสั ทำหน้าทคี่ วบคมุ กระบวนการและพฤตกิ รรมบางอยา่ ง อารมณ์และความรสู้ กึ ตา่ งๆ ของรา่ งกาย เช่น ความดันโลหติ ความหวิ ความอมิ่ การนอนหลับ การเต้นของหัวใจ ควบคมุ อณุ หภูมิของร่างกาย
สมองส่วนกลาง อยู่ถัดจากสมองสว่ นหนา้ มขี นาดเล็ก ทำหนา้ ที่เกย่ี วกับ การมองเหน็ การได้ยิน และการสัมผสั สมองส่วนทา้ ย เซรเี บลลมั ทำหนา้ ทคี่ วบคมุ การเคลอ่ื นไหวของกล้ามเนอื้ ใหท้ ำงาน ประสานกนั เมดลั ลา ออบลองกาตา ทำหนา้ ทค่ี วบคุมการทำงานของอวยั วะภายใน เชน่ การ ไอ การจาม การไหลเวยี นโลหิต การลำเลียงอาหารของ ลำไส้ การหายใจ การอาเจยี น พอนส์ ทำหน้าทคี่ วบคุมการทำงานของกล้ามเนอ้ื บริเวณ ใบหนา้ เกยี่ วกบั การหลบั ตา การยมิ้ การยกั ค้วิ การเคย้ี ว และการหล่ังน้าํ ลาย ระบบประสาทสว่ นปลาย เชือ่ มตอ่ จากส่วนตา่ งๆ ของสมองและไขสนั หลัง ประกอบดว้ ย 2 สว่ น 1.ระบบประสาทสมองและไขสันหลงั ประกอบด้วย เสน้ ประสาท สมอง มี 12 คู่ ทอดออกจากพืน้ ล่างของสมอง ผ่านไปยังรตู ่างๆ
ทีพ่ ้ืนของกะโหลกศรี ษะ โดยเสน้ ประสาทสมองในบางคจู่ ะทำหนา้ ทีร่ บั ความรูส้ กึ บางคู่ ทำหนา้ ท่ีเกี่ยวกบั การ เคล่อื นไหว และบางคทู่ ำหนา้ ทรี่ วม คอื ท้งั รับความรูส้ กึ และทำ การเคลอื่ นไหว เสน้ ประสาท ไขสนั หลัง มี 31 คู่ เปน็ เสน้ ประสาทท่ีออกจากสันหลังทกุ คจู่ ะ ทำหนา้ ที่รวม คอื ทง้ั รับความรสู้ ึก และทำการเคลอ่ื นไหว 2.ระบบประสาทอัตโนมัติ เป็นระบบประสาทท่ีทำงานอย่นู อกเหนอื อำนาจการบังคบั และควบคมุ ของจติ ใจ ซ่ึงทำหน้าทค่ี วบคมุ การทำงาน ของอวยั วะในรา่ งกายให้เปน็ ปกติ •ควบคมุ การไหลเวยี นของโลหิต •การยอ่ ยอาหาร •การหายใจ •การกำจัดของเสยี ออกจากร่างกาย ระบบประสาทอตั โนมตั ิ แบง่ เป็น 2 สว่ น ระบบประสาท ซิมพาเทติก เป็นระบบประสาทที่มกี ารทำงานแบบเกิดข้นึ ทันทีทันใด เช่น ในขณะตน่ื เตน้ ประสบภาวะฉกุ เฉนิ หรอื ในระยะเจบ็ ปว่ ย เปน็ ต้น ระบบประสาท พาราซมิ พาเทติก ควบคมุ การทำงานของอวยั วะภายในหลอดเลอื ดและ ต่อมต่างๆ ให้อยู่ในสภาพทีพ่ รอ้ ม จะทำงานได้ เช่น ทำใหห้ วั ใจเต้นช้าลง หลอดเลอื ด คลายตัว เป็นตน้
แผนผังโครงสรา้ งของระบบประสาท ความสำคัญของระบบประสาททีม่ ีผลตอ่ สขุ ภาพ การเจริญเตบิ โต และ พัฒนาการของวยั ร่นุ ระบบประสาททมี่ ีผลตอ่ สุขภาพ : ระบบประสาทมคี วามสำคญั และส่งผลต่อ สุขภาพของวยั รุ่น •ควบคมุ การทำงานของอวัยวะภายในรา่ งกาย •ควบคมุ สภาวะแวดลอ้ มภายในรา่ งกายใหอ้ ยู่ในสภาวะสมดลุ •ช่วยใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงทางสรีระรา่ งกายท่เี หมาะสม ระบบประสาททีม่ ผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย •มกี ารเจรญิ เตบิ โตที่สมวัย •สุขภาพรา่ งกายสมบูรณแ์ ข็งแรง ระบบประสาททมี่ ีผลตอ่ พัฒนาการ:ระบบประสาทมคี วามสำคญั และสง่ ผลตอ่ สขุ ภาพของวยั รุ่น •พัฒนาการทเี่ หมาะสมกบั วัย •พัฒนาการดา้ นความคดิ สติปัญญา และจรยิ ธรรมทเ่ี หมาะสม
•การควบคุมพฤติกรรม การดแู ลรกั ษาระบบประสาทให้ทำงานตามปกติ - หมัน่ สำรวจและดแู ลสขุ ภาพของตนเองอยสู่ มำ่ เสมอ โดยตรวจสมรรถภาพท่ี เก่ยี วขอ้ งกบั ระบบประสาท เชน่ การมองเหน็ การไดย้ ิน การได้กลิ่น - หลีกเล่ยี งการรับประทานอาหารประเภทท่ีมีไขมันสูงๆ หรอื อาหารทอด ตลอดจน อาหารจานดว่ นตา่ งๆ เนือ่ งจากอดุ มไปดว้ ยคอเลสเตอรอล ไขมันอ่มิ ตัว - หลกี เลยี่ งเครอื่ งดื่มแอลกอฮอลต์ า่ งๆ เนอ่ื งจากจะทำใหค้ วามสามารถในการทำงาน ของระบบประสาท ลดลง ก่อใหเ้ กดิ อุบตั ิเหตุไดง้ า่ ย - เลอื กรบั ประทานอาหารท่ีมี ประโยชน์ตอ่ ร่างกาย เช่น ผกั ผลไม้และธญั พชื ที่มีวติ ามินและเกลอื แร่ ทจี่ ำเปน็ ตอ่ การทำงานของสารสอ่ื ประสาทเพอื่ จะทำให้ระบบประสาททำงานได้อยา่ ง เต็มท่ี - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ - ถนอมและบำรงุ รกั ษาอวยั วะต่างๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เชน่ ควรใชส้ ายตาในที่ท่ีมีแสงสวา่ ง เพยี งพอ หรอื เลยี่ งการใช้สายตากบั เครอื่ งคอมพิวเตอรเ์ ป็นเวลานานๆ - พกั ผอ่ นอยา่ งเพยี งพอ และควรหากจิ กรรมนันทนาการทีเ่ หมาะสมกับตนเองเพือ่ ผ่อนคลายความเครยี ด จากกิจวัตรประจำวัน เช่น การทำงานอดิเรก การเลน่ กีฬา - ควรระมัดระวังและป้องกันการบาดเจ็บของสมองและไขสันหลงั - ควรรบี ไปพบแพทยเ์ พอ่ื ทำการรักษาทันที หากมีการบาดเจ็บหรอื ได้รบั การ กระทบกระเทอื นต่ออวยั วะ ท่ีมีความเกยี่ วขอ้ งสมั พนั ธก์ บั ระบบประสาท
โครงสรา้ งและ ทำหนา้ ที่ในการผลติ ฮอรโ์ มนตา่ งๆ หนา้ ทข่ี องระบบ ต่อมไร้ทอ่
โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) •ฮอร์โมนท่ี ควบคุมการ เจริญเตบิ โตของ รา่ งกายให้เป็น ปกติ ซ่งึ หากมี การผลติ ฮอรโ์ มน นีม้ ากเกนิ ไป จะ ทำใหร้ า่ งกาย สงู ใหญ่ผดิ ปกติ แต่ ถา้ หากมีการผลติ ฮอร์โมนนี้น้อย เกนิ ไป จะทำให้ ร่างกายเตย้ี แคระแกรน็ การ เจริญเตบิ โตของ อวยั วะตา่ งๆ หยดุ ชะงกั ลงได้ ทรอฟิกฮอรโ์ มน (Trophic Hormone) •ฮอร์โมนที่ ควบคมุ ปฏิกริ ยิ า ของตอ่ มอนื่ ๆ ซ่ึง จะหลง่ั ออกมาก็ ตอ่ เมอ่ื ได้รับการ กระตุน้ จาก
ฮอรโ์ มนทผ่ี ลิต จากไฮโพทา ลามสั ต่อมใต้สมอง ทำงานตรงกนั ข้ามกับตอ่ มใตส้ มองส่วนหน้า คอื จะไมผ่ ลิตฮอรโ์ มน สว่ น ออกมาเอง แต่จะมกี ารเกบ็ ฮอร์โมนทไ่ี ฮโพทาลามสั ผลิตขึ้น ได้แก่ หลัง (Posterior Pituitary) ออกซิโทซิน (Oxytocin) •เปน็ ฮอร์โมนทีม่ ี ผลตอ่ การไป กระตนุ้ ให้ กล้ามเนอ้ื เรียบ ของมดลกู บีบตวั เมอื่ ครบกำหนด คลอด และช่วย กระตนุ้ การหลง่ั ของน้ำนมใน ขณะท่ีเดก็ ดูด นม
วาโซเพรสซิน (Vasopressin) •เปน็ ฮอรโ์ มนท่มี ี ผลตอ่ การทำงาน ของไต โดย ทำ หนา้ ท่ีในการ ควบคุมปรมิ าณ นำ้ ในรา่ งกาย ระบบขบั ถา่ ย ปสั สาวะ และ ชว่ ยเพิม่ ความดนั โลหติ ตอ่ มไทรอยด์ (Thyroid Gland) •เปน็ ตอ่ มไร้ทอ่ ทม่ี ี ขนาดใหญ่ท่สี ดุ ของ รา่ งกายมีจำนวน 2 ตอ่ ม อย่ดู า้ นขา้ ง สว่ นบนของ หลอดลมตรงลำคอ บรเิ วณลูกกระเดอื ก ขา้ งละ 1 ต่อม โดย ทำหนา้ ท่ใี นการผลติ ฮอรโ์ มนแคลซิโทนิน (Calcitonin) ซ่ึงทำ หนา้ ท่ีควบคมุ ปรมิ าณแคลเซยี มใน
เลือด และฮอร์โมน ไทร-อกซนิ (Thyroxin) มา ควบคมุ กระบวนการ เผาผลาญสารอาหาร ในรา่ งกาย การ เจริญเติบโตของ อวัยวะตา่ งๆ การ แลกเปลย่ี นนำ้ และ เกลือแร่ การควบคมุ กรดไขมนั และ เปลยี่ นกรดอะมโิ น (Amino acid) เป็น กลูโคส (Glucose) ต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid Gland) •เป็นตอ่ มไร้ทอ่ ท่เี ลก็ ท่สี ดุ มจี ำนวน๒ คู่ อยู่ดา้ นหลังของต่อม ไทรอยด์ ทำหนา้ ท่ี ผลิตพาราฮอรโ์ มน (Para Hormone) เพือ่ ไปควบคุมระดับ แคลเซยี ม (Calcium) และ ฟอสเฟต (Phosphate) ใน กระแสเลือด หาก ต่อมพาราไทรอยดม์ ี
การผลติ ฮอร์โมน มากเกินไป จะทำให้ ระดับแคลเซยี มใน เลือดสงู มากข้ึน ซึง่ อาจทำใหเ้ กดิ นิว่ ใน ไต กระดูกพรนุ ปวด กระดกู และขอ้ ได้ แต่ ถ้าหากผลติ ฮอร์โมน นอ้ ยเกนิ ไป จะทำให้ ระดับแคลเซยี มใน เลอื ดตำ่ ซ่ึงมผี ลตอ่ ระบบกล้ามเนอื้ และ ระบบประสาทได้ ตอ่ มหมวกไต (Adrenal Gland) มี 2 ตอ่ ม อยขู่ า้ งบน และขา้ งหนา้ ที่ปลาย ดา้ นบนของไตทัง้ 2 ขา้ ง : ด้านขวาจะมี รปู รา่ งคล้ายพรี ะมดิ : ด้านซา้ ยมี ขนาดใหญ่และอยสู่ ูง กวา่ มรี ูปร่างคล้าย พระจันทรเ์ สยี้ ว ตอ่ มหมวกไตส่วน นอก ทำหนา้ ทผ่ี ลิต ฮอร์โมน 2 ชนดิ คือ ฮอร์โมนกลโู คคอรต์ ิ
คอยด์ (Glucocorticoid) มาควบคมุ เมแทบอลิ ซมึ และการเผา ผลาญในร่างกาย สว่ นอกี ฮอร์โมนหน่งึ คอื ฮอรโ์ มนมเิ นอ ราโลคอรต์ ิคอยด์ (Mineralocorticoi d) เปน็ ฮอรโ์ มนท่ี ช่วยควบคมุ ความ สมดุลของน้าํ และ ระดบั เกลือแร่ใน รา่ งกาย หากมกี าร ผลิตฮอร์โมนนอ้ ยจะ ทำใหร้ ่างกายมี อาการออ่ นเพลยี เหน่อื ยง่าย คล่ืนไส้ และเวยี นศรี ษะ แต่ ถ้าหากผลิตฮอรโ์ มน มากเกนิ ไป รา่ งกาย จะขาดความสมดุล ของนํ้าและเกลอื แร่ ต่อมหมวกไตสว่ น ใน ทำหน้าทผ่ี ลติ ฮอร์โมนอะดรีนาลนิ (Adrenalin) หรอื เอพเิ นฟริน (Epinephrin) ซึ่ง
เป็นฮอร์โมนฉุกเฉิน ที่มีผลมาจากการถูก กระตุน้ เชน่ ตกใจ ต่ืนเต้น เป็นต้น นอกจากน้ียังผลิต ฮอร์โมนนอร์ อะดรีนาลิน (Noradrenalin) หรือนอรเ์ อพิเนฟรนิ (Norepinephrin) ที่ มี ผลทำให้เสน้ เลือด แดงที่ไปเลยี้ งอวยั วะ ตา่ งๆ หดและบบี ตัว ตอ่ มไพเนยี ล (Pineal Gland) •ต่อมเลก็ ๆ ทช่ี ่วย สร้างฮอร์โมนเมลา โทนนิ (Melatonin) ทำหนา้ ทยี่ บั ยัง้ การ เจริญเติบโตของตอ่ ม เพศในชว่ งระยะกอ่ น วยั หนุ่มสาว •เม่อื เข้าสชู่ ่วงวยั รุ่น อาจมีผลต่อการตก ไข่ และประจำเดอื น ในเพศหญิง •หากตอ่ มไพเนยี ล มี
การผลิตฮอรโ์ มน ออกมามากเกนิ ไป จะสง่ ผลทำให้เป็น หนมุ่ เปน็ สาวชา้ กวา่ ปกติ •หากตอ่ มไพเนยี ล ถกู ทำลาย เช่น เกิด เนอื้ งอกในสมองก็จะ ทำใหเ้ ป็นหนมุ่ เปน็ สาวเรว็ กวา่ ปกติ ต่อมไทมสั (Thymus Gland) •อยบู่ รเิ วณด้านหน้า ทรวงอก ซ่งึ มีขนาด เปลี่ยนแปลงไปตาม อายุ •ในระยะท่ีทารกอยู่ ในครรภ์มารดาต่อม น้ีจะมขี นาดใหญม่ าก และจะมขี นาดใหญ่ ที่สุดเมอ่ื อายุ 6 ปี จากนั้นจะ เจรญิ เตบิ โตอยา่ ง ช้าๆ และคอ่ ยๆ หายไป ตับออ่ น (Pancreas) ต่อมขนาดใหญ่ ซงึ่ สามารถเปน็ ไดท้ ง้ั ตอ่ มมที อ่ และตอ่ ม
ไร้ทอ่ ตอ่ มมีทอ่ ทำหนา้ ทส่ี ร้าง น้ำยอ่ ยขึ้นมาเพอ่ื ใช้ ยอ่ ยอาหาร ตอ่ มไรท้ อ่ ต่อมทีส่ รา้ งฮอรโ์ มน ของตับออ่ น ไดแ้ ก่ ฮอร์โมนอนิ ซลู ิน (Insulin) และกลคู า กอน (Glucagon) ออกมา ตอ่ มเพศ (Gonad) เพศชาย : อัณฑะ (Testic) ทำหน้าทสี่ รา้ งตวั และผลิตฮอรโ์ มน ของเพศชายออกมา คือ เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ทำ ให้เกิดการ เปลีย่ นแปลงของ เพศชายในช่วงวยั รนุ่ ข้ึน เช่น มีเสียงห้าว มหี นวดเครา กลา้ มเน้ือเป็นมดั มี ขนขนึ้ ตามแขน ขา รกั แร้ อวยั วะเพศ และมคี วามรสู้ กึ ทาง เพศ
เพศหญิง : รงั ไข่ (Ovary) ทำหนา้ ทส่ี ร้างไข่ และผลิตฮอรโ์ มน ของเพศหญิง คอื เอสโตรเจน (Estrogen) และโพ รเจสเทอโรน (Progesterone)ทำ ใหเ้ กิดการ เปล่ยี นแปลงของ เพศหญงิ เมื่อเขา้ สู่ วยั รนุ่ เช่น เสยี ง แหลม เต้านม เจรญิ เติบโต สะโพก ผาย ผิวพรรณเปลง่ ปลั่ง มีขนบรเิ วณ รักแร้และอวยั วะ เพศ มีประจำเดอื น และมคี วามรสู้ กึ ทาง เพศ
ระบบตอ่ มไร้ทอ่ ทมี่ ีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของร่างกาย กระตนุ้ การใช้สารอาหารและผลติ พลังงานภายในรา่ งกายเพือ่ การเจริญเตบิ โต •ทำใหอ้ วัยวะต่างๆ ภายในร่างกายน้นั ได้รบั สารอาหารอยา่ งเพียงพอ และกอ่ ให้เกดิ พลังงานในการดำเนนิ ชวี ิต ซง่ึ จะชว่ ยใหก้ ารเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายเปน็ ไปตามวยั กระต้นุ การเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย •ระบบต่อมไรท้ อ่ จะมีหนา้ ทีใ่ นการผลิตฮอรโ์ มนทเี่ รียกว่า โกรทฮอรโ์ มน ซง่ึ มีหน้าทช่ี ่วย ในการเจริญเติบโตของรา่ งกาย กระตนุ้ การเจรญิ เติบโตทางเพศ •ตอ่ มเพศมหี น้าท่สี ำคญั ในการกระตุน้ การเจริญเตบิ โตของอวยั วะทม่ี ีความเกี่ยวขอ้ งกบั การสบื พนั ธุ์ให้มกี ารเจรญิ เติบโต
การดแู ลรกั ษาระบบตอ่ มไร้ท่อใหท้ ำงานตามปกติ - หม่นั สำรวจและดแู ลสขุ ภาพตนเองอยา่ งสมำ่ เสมอในการวดั อตั ราการเจริญเติบโตของ ร่างกายใหเ้ ป็นไปตามเกณฑม์ าตรฐาน - ออกกำลังกายอยา่ งสม่ำเสมอ เพ่อื ช่วยทำใหร้ า่ งกายแขง็ แรง - เลือกรับประทานอาหารทีม่ ีประโยชน์ต่อรา่ งกาย และไดส้ ดั สว่ นทเ่ี หมาะสม - ควรด่มื นำ้ สะอาด วนั ละ 6-8แก้ว และนำ้ ผลไม้ แทนเคร่ืองดืม่ ประเภทน้ำอดั ลม - พกั ผอ่ นอย่างเพยี งพอดว้ ยการนอนหลับ - ในกรณีท่ีเกดิ ความผดิ ปกตขิ องร่างกาย ควรรบี ไปพบแพทยแ์ ละปรกึ ษาแพทยท์ ันที ความสมั พนั ธ์ของระบบประสาทและระบบตอ่ มไรท้ อ่ : ระบบประสาทสามารถทำงานในลักษณะของการประสานงาน กับต่อมไร้ท่อไดใ้ น 2 ทาง ทางตรง พบได้ในกลมุ่ ของต่อมไร้ทอ่ ทเ่ี จริญมาจากกลุ่มเน้อื เยอ่ื ประสาทจงึ มรี ะบบประสาทมา ควบคมุ โดยตรง เม่อื ถกู กระต้นุ โดยระบบประสาทก็จะมกี ารหลั่งฮอร์โมนทันที ได้แก่ ส่วนหลังของตอ่ มใต้สมองและสว่ นในของตอ่ มหมวกไต ทางออ้ ม พบวา่ มกี ารสร้างสารจากเซลล์ประสาทในสมองบางส่วนสง่ มาเก็บไวต้ ามเสน้ ใยประสาท แลว้ ปลอ่ ยเข้าสกู่ ระแสโลหิต เมื่อมีการกระตนุ้ กระแสประสาทจากสว่ นของสมองท่ี
เกย่ี วขอ้ งไปควบคมุ การ หล่ังฮอรโ์ มนของตอ่ มไรท้ ่อ ได้แก่ การควบคมุ การหล่งั ฮอรโ์ มน จากสว่ นหน้าของต่อมใตส้ มอง
ภาวะการเจริญเตบิ โตและปจั จยั ท่ีเกี่ยวข้อง ภาวะการเจรญิ เติบโตของวยั รุน่ •มีการเปล่ียนแปลงทางร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ นำ้ หนักและสว่ นสงู ทเ่ี พม่ิ ขนึ้ •เร่มิ เข้าสูว่ ัยเจรญิ พนั ธ์ุ หรอื การมวี ฒุ ิภาวะทางเพศ คอื ใน วัยรนุ่ ชายจะมกี ารเคล่อื นตัวของอสุจิ ทีเ่ รยี กวา่ ฝันเปียก สว่ นในวัยรนุ่ หญิงนนั้ จะมีประจำเดอื น •เรม่ิ มีการคน้ หาตวั เองชอบเกบ็ ตัวอย่ตู ามลำพงั เมือ่ อยบู่ ้าน แต่ชอบรวมกลุ่มเม่อื อยกู่ บั เพือ่ น •เริม่ มีวิจารณญาณในการคิด และตดั สนิ ใจมากขน้ึ สามารถ แยกแยะไดว้ า่ อะไรดี หรอื อะไรไมด่ ี •ยดึ ถือตวั เองเป็นสำคญั มีความคิด ความเขา้ ใจท่เี ปน็ ตัว ของตัวเองมากข้ึน จนทำใหใ้ นบางคร้งั เปน็ ผลทำให้เกิด ชอ่ งว่างระหวา่ งวยั กับผใู้ หญข่ น้ึ ได้ ปจั จยั ทเ่ี ก่ียวข้องกบั การเจริญเตบิ โตของวัยร่นุ ขึ้นอยูก่ บั ปัจจัย 2 กล่มุ 1….ปจั จัยภายใน พนั ธกุ รรม≫ เป็นการถ่ายทอดลกั ษณะเฉพาะตา่ งๆ จากบรรพบุรษุ ไปส่ลู กู หลาน มี 2 ลักษณะ 1. ลกั ษณะทางกาย : สดั สว่ นร่างกาย, กลุ่มเลอื ด, ความผดิ ปกตขิ องโรคทาง พันธุกรรม 2. ลกั ษณะทางสตปิ ญั ญา : ระดบั สตปิ ัญญา, พฒั นาการทางสตปิ ญั ญา พนื้ ฐานทางอารมณ์ จิตใจ≫ บุคคลท่ีมพี ืน้ ฐานทางอารมณ์ จติ ใจท่มี นั่ คง จะทำให้มี พฒั นาการดา้ นตา่ งๆ ดขี ึน้ ไม่วา่ จะเป็นดา้ นรา่ งกาย สังคม บคุ ลิกภาพ หรอื สตปิ ญั ญา 2….ปจั จัยภายนอก •การอบรมเลี้ยงดแู ละสัมพันธภาพภายในครอบครวั •สภาพแวดลอ้ มทางสังคม •อาหารทีบ่ ริโภค •การออกกำลังกายทเ่ี หมาะสมกบั วัย
•การเจบ็ ป่วยหรอื อบุ ตั ิเหตุ เกณฑ์มาตรฐานการเจรญิ เติบโตของเด็กไทย ความหมายและคำจำกดั ความของนาํ้ หนักและส่วนสูง นำ้ หนกั : น้ำหนกั รวมทป่ี ระกอบไปดว้ ยส่วนต่างๆ ได้แก่ ไขมัน กลา้ มเนอ้ื อวยั วะ ตา่ งๆ โครงกระดูก และของเหลวภายในร่างกาย •นำ้ หนักปกติ นำ้ หนักของบุคคลทสี่ ัมพนั ธก์ บั อายุ ส่วนสูง และโครงสรา้ ง ของร่างกาย ซ่งึ ผู้ทม่ี ีสุขภาพดียอ่ มมีนำ้ หนักตวั ใกลเ้ คยี ง กบั นำ้ หนักปกติตามเกณฑม์ าตรฐาน •นำ้ หนกั ผดิ ปกติ นำ้ หนกั ของบุคคลทไ่ี มส่ ัมพนั ธก์ บั อายุ ส่วนสูง และโครงสรา้ งของรา่ งกายตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ มี ผลทำให้ ร่างกายผิดปกติ คอื อ้วนหรอื ผอมเกินไปและสง่ ผลกระทบต่อสขุ ภาพของบคุ คลได้ สว่ นสูง :ความยาวของรา่ งกายตง้ั แตส่ ่วนบนสุดของศีรษะลงมาจนถงึ ฝา่ เท้า ส่วนสงู ของรา่ งกายเปน็ เครอื่ งชวี้ ดั กาเจรญิ เตบิ โต และ พัฒนาการทางด้านร่างกาย ส่วนสงู นัน้ จะเพม่ิ ขนึ้ เร่อื ยๆ และหยุดการเจรญิ เตบิ โตเมอ่ื อยู่ ในช่วงวยั ร่นุ ตอนปลาย นำ้ หนกั และส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ มอี ยู่ 2 รปู แบบ •เกณฑ์มาตรฐานทเี่ ป็นขอ้ มลู ตัวเลข เป็นการแสดงขอ้ มลู เป็นตวั เลขวา่ ในกลุม่ อายตุ า่ งๆ นนั้ ควรมนี ำ้ หนักและสว่ นสูงอยู่ใน ระดับใดจึงจะเหมาะสม โดยใชข้ ้อมลู เกณฑ์มาตรฐานการเจรญิ เตบิ โต ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2543 ซ่ึงไดก้ ล่าวถึงนำ้ หนักและสว่ นสูงของเดก็ วัยเรยี น และ วยั รุ่น โดยนบั ตั้งแต่อายุ 7-19 ปี เป็นสำคัญ เนอ่ื งจากช่วงอายดุ ังกลา่ วถือเป็นวัยทมี่ กี าร เจรญิ เติบโตและพฒั นาการทางดา้ นต่างๆ ทีต่ ่อเนือ่ งกนั มา •เกณฑม์ าตรฐานทีเ่ ปน็ กราฟแสดงเกณฑ์อา้ งองิ การเจรญิ เตบิ โต เป็นการนำขอ้ มลู ตัวเลขมาแสดงด้วยกราฟ โดยจุดขอ้ มลู ตา่ งๆ ลงบนกราฟ แลว้ เช่อื มโยง ข้อมลู แตล่ ะจุดเพอื่ แสดงถงึ ระดับ การเจริญเตบิ โตและแนวโนม้ ท่เี ปลยี่ นแปลงไป
การประเมินการเจรญิ เติบโตและพฒั นาการทางรา่ งกาย มีวิธกี าร 3 วิธี 1.การประเมนิ นำ้ หนกั ตามเกณฑอ์ ายุ เป็นการเปรยี บเทยี บน้ำหนักที่ควรจะเป็นตาม ชว่ งอายุต่างๆ หากนกั เรยี นมีนำ้ หนกั ตำ่ กว่าเกณฑ์อายุ กจ็ ะบ่งชี้ถงึ ปญั หาการขาด สารอาหารประเภทโปรตนี และพลังงาน ซึง่ มีผลกระทบต่อการเจรญิ เตบิ โตโดยรวม 2.การประเมินสว่ นสงู ตามเกณฑอ์ ายุ เป็นการเปรียบเทยี บสว่ นสงู ทคี่ วรจะเป็นตาม ช่วงอายุตา่ งๆ หากนกั เรยี นมสี ว่ นสูงตำ่ กวา่ เกณฑ์อายุ กจ็ ะบ่งชีว้ ่านักเรยี นมกี ารขาด สารอาหารอยา่ งยาวนานซ่งึ ส่วนใหญ่การขาดสารอาหารมกั จะมคี วามสัมพนั ธ์กับฐานะ ทางเศรษฐกจิ ของครอบครวั 3.การประเมนิ น้ำหนกั ตามเกณฑ์ส่วนสูงในวงการแพทย์ โดยส่วนใหญ่จะนิยมใชค้ า่ ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) ในการประเมิน ซ่งึ ใช้ประเมนิ ภาวะอ้วนและ ผอมในผ้ใู หญ่ตัง้ แตอ่ ายุ 20 ปขี ึ้นไป โดยมสี ตู ร การคำนวณดังน้ี การดแู ลและควบคุมนำ้ หนกั ตนเองใหอ้ ย่ใู นเกณฑ์มาตรฐาน
1.การลดนำ้ หนัก การมนี ้ำหนักตัวที่มาก เกินไปเป็นปัจจยั เส่ยี งต่อการ เกดิ โรคตา่ งๆ ได้การลด นำ้ หนักเพือ่ ให้นำ้ หนักอยู่ใน เกณฑ์มาตรฐานจงึ เปน็ สิง่ สำคญั ทค่ี วรปฏิบตั ใิ หถ้ กู ตอ้ ง การควบคมุ อาหาร เป็นการควบคุมอาหารที่ รับประทานในแตล่ ะมอ้ื ให้มี ปรมิ าณเพยี งพอแกค่ วาม ต้องการของรา่ งกาย เพอื่ ให้ ได้รบั สารอาหารครบถ้วนไม่ เกนิ ตอ่ ความตอ้ งการของ รา่ งกาย •รบั ประทานอาหารท่มี ี ไขมันตำ่ หลกี เลยี่ งการ รับประทานเนอื้ สตั วท์ ่ตี ิดมนั •รับประทานอาหารทใี่ ห้ พลังงานต่ำ เชน่ ผกั และ ผลไมท้ ไ่ี มห่ วานจัด นมพรอ่ ง มันเนย เป็นตน้ •ลดอาหารประเภทแป้งขัด สี น้ำตาล ไขมัน และไขมัน คณุ ภาพตำ่ เชน่ เนย ไขมนั ปาลม์ ไขมนั สตั ว์ เป็นตน้ •หลกี เลยี่ งการอดอาหาร เพราะการอดอาหารอาจทำให้ เกิดการสญู เสยี ระบบสมดุลใน ร่างกายได้
•หลีกเลยี่ งการดม่ื เครอื่ งด่ืม แอลกอฮอล์ เพราะ แอลกอฮอลล์ ดประสทิ ธภิ าพ ในการเผาผลาญไขมนั 2.การใช้ยาลดน้ำหนกั หรอื ทเ่ี รยี กกันว่า ยาลดความ อ้วน พบวา่ มีผลข้างเคียงและ สง่ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพหลาย อย่าง ซึง่ ในการใช้ยาลดความ อว้ นมีหลักทคี่ วรทราบ ดังน้ี •ยาทีช่ ่วยในการควบคมุ น้ำหนกั แตไ่ ม่ไดห้ มายความ วา่ จะรกั ษาโรคอ้วนใหห้ ายไป โดยเมอ่ื มีการหยุดยากจ็ ะทำ ให้เกดิ ผลขา้ งเคยี งท่เี รยี กวา่ โยโยเอฟเฟกต์ (Yoyo Effect) ตามมา คอื จะทำให้มนี ำ้ หนัก ท่ีเพม่ิ ข้นึ เหมือนเดมิ ซงึ่ ก่อให้เกดิ ผลเสยี ตอ่ สุขภาพ กายและสุขภาพจิตได้
•ยาลดความอ้วนจะใชไ้ ดผ้ ลดี กต็ อ่ เมื่อมีการใช้รว่ มกบั การ ปรับเปล่ียนพฤติกรรมสขุ ภาพ ด้านการบริโภค และมีการ ออกกำลังกายร่วมด้วยอย่าง สม่ำเสมอ •ไม่ควรซอื้ ยาลดความอว้ น หรอื ตัดสนิ ใจนำมา รับประทานเอง ควรอยใู่ น ความดแู ลของแพทย์ เพราะ อาจทำให้เกดิ อนั ตรายจนถงึ ขน้ั เสยี ชวี ติ ได้ •ยาบางชนิดไมใ่ ช่ยาลดความ อ้วน เช่น ยาขับปัสสาวะ ยา ระบาย เป็นต้น เปน็ ยาที่ทำให้ นำ้ หนักตัวลดลงช่วั ขณะ การ ใชย้ าประเภทน้ี หาก รเู้ ทา่ ไมถ่ ึงการณอ์ าจเปน็ อันตรายแก่ร่างกายได้ •ไม่ควรใชย้ าลดน้ำหนักในเด็ก 3.การออกกำลังกาย เปน็ วิธีทช่ี ว่ ยใหร้ ่างกายได้เผา ผลาญพลังงานทไี่ ด้รับจาก อาหารออกไปจากรา่ งกาย โดยหลักการออกกำลังกาย ดังน้ี •ออกกำลังกายอยา่ ง สม่ำเสมอ สำหรับผทู้ ม่ี ี นำ้ หนกั อยู่ในเกณฑป์ กติ ออก กำลังกาอยา่ งน้อยสัปดาหล์ ะ
3-5 คร้ัง ครงั้ ละไมต่ ่ำกวา่ 30 นาที สำหรบั ผทู้ ่ตี ้องการลด นำ้ หนกั ควรออกกำลังกาย แบบแอโรบิก สปั ดาหล์ ะ 5-6 ครง้ั คร้ังละ 60 นาที รว่ มกบั การควบคมุ อาหาร •ออกกำลังกายใหเ้ หมาะสม กับเพศและวัยของตนเอง •หากไมม่ ีเวลาออกกำลงั กาย อาจทำกจิ กรรมทดแทน เช่น เดินแทนการน่งั รถ การขึ้น บนั ไดแทนการใช้ลฟิ ต์ •ไมค่ วรทีจ่ ะหักโหมตอ่ การ ออกกำลงั กายมากจนเกนิ ไป 4.การปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรม การลดน้ำหนักให้ไดผ้ ลดี นอกเหนือไปจากการควบคมุ อาหารและการออกกำลังกาย แลว้ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมก็ นับวา่ เปน็ ส่ิงท่สี ำคญั ท่จี ะช่วย ทำใหก้ ารลดนำ้ หนักเกิด ประสิทธผิ ล มากยิ่งข้นึ การเพ่มิ นำ้ หนกั แม้วา่ ความผอมจะไมท่ ำให้เกิดความวิตกกังวลไดเ้ ทา่ กับความอ้วน แตค่ วามผอมกท็ ำ ใหเ้ กิดปัญหาด้านสขุ ภาพไดเ้ ช่นกัน ดงั นั้นหากบุคคลใดทผ่ี อมจงึ จำเปน็ ตอ้ งมกี ารเพิม่ น้ำหนัก ดงั นี้ 1.ปรับค่านยิ มและความเชือ่ ผดิ ๆ
ที่วา่ คนท่ีมรี ูปรา่ งปกตคิ อื คนทม่ี ีรูปร่างผอมเพราะแทท้ ่ีจรงิ การมนี ำ้ หนกั นอ้ ยเกินไปนัน้ เป็นสาเหตขุ องการทำใหร้ ่างกายออ่ นแอ เกดิ โรคไดง้ า่ ย 2.ปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมการรับประทาน ท่วี า่ คนที่มรี ปู รา่ งปกติคือคนทมี่ รี ปู ร่างผอมเพราะแทท้ ีจ่ ริงการมีนำ้ หนกั น้อยเกินไปน้นั เป็นสาเหตขุ องการทำให้รา่ งกายออ่ นแอ เกิดโรคได้ง่าย 3.การออกกำลังกาย ควรออกกำลงั กายทกุ วนั หรืออย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ 3 คร้งั อยา่ งนอ้ ยคร้ังละ 30 นาที 4.สรา้ งสขุ ภาพจติ ทดี่ ี โดยการทำจิตใจให้รา่ เรงิ แจ่มใสอยเู่ สมอ รวมถงึ นอนหลับพกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ไม่หมกม่นุ หรือวิตกกงั วลเรอ่ื งใดมากเกนิ ไป การควบคุมนำ้ หนัก เป็นวิธกี ารรักษาน้ำหนักให้อยใู่ นเกณฑ์มาตรฐานท่ีคงท่ี อย่ใู นระดบั ที่เหมาะสม 1.ด้านโภชนาการและพฤติกรรมการบรโิ ภค •รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและครบทั้ง 3 มอื้ •รบั ประทานใหพ้ ออ่มิ และเคีย้ วช้าๆ •รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผกั และผลไม้ท่ีมใี ยอาหารและแป้งไม่ขดั ขาวใน มื้ออาหาร •หลกี เล่ยี งอาหารจำพวกแปง้ นำ้ ตาล และไขมนั รวมถงึ อาหารสำเรจ็ รปู •ควรด่ืมนำ้ เปล่าแทนเคร่ืองดืม่ ชนิดอ่ืนๆ เช่น นำ้ อดั ลม ชา กาแฟ เป็นตน้ •ควรมกี ารคำนวณพลงั งานในการรับประทานอาหาร 2.ด้านการออกกำลงั กาย •ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสปั ดาหล์ ะ 3 คร้ัง อย่างนอ้ ยครั้งละ 30 นาที โดยเลอื กให้ เหมาะสมกบั เพศและวยั •หากไม่มเี วลาในการออกกำลังกาย ควรทำกิจกรรมอ่ืนทดแทน •กำหนดตารางเวลาในการออกกำลงั กายอยา่ งเคร่งครดั การสง่ เสรมิ และพัฒนาตนเองใหเ้ จรญิ เตบิ โตสมวัย การรู้จกั พฤตกิ รรมของมนษุ ยก์ ารเรยี นรู้ คา่ นิยม เจตคติแรงจูงใจ ฯลฯ ต่อพัฒนาการ ของคน จะช่วยทำใหเ้ ราเข้าใจถึงธรรมชาติและพฤตกิ รรมที่แสดงตอ่ กัน ท้งั ในพฤตกิ รรม
ทดี่ แี ละพฤตกิ รรมทไ่ี มเ่ หมาะสมได้ดียง่ิ ขนึ้ การรจู้ กั ตนเองและผูอ้ น่ื การเขา้ ใจตนเอง การร้จู กั ปรับปรุงแกไ้ ขตนเอง การพัฒนา บคุ ลกิ ภาพ การอยูร่ ่วมกันกับผู้อนื่ ฯลฯ เปน็ สงิ่ ท่ีจะชว่ ยทำใหเ้ ราสามารถเขา้ ใจตนเอง และผูอ้ ่นื ตลอดจนยอมรับผอู้ น่ื ได้ การทำงานรว่ มกนั นอกจากจะเปน็ การส่งเสรมิ การพัฒนาตนเองใหอ้ ยรู่ ว่ มกันกับผู้อื่นได้ แล้ว ยงั เปน็ การช่วยพฒั นาบุคคลในสังคมให้เกดิ การแลกเปล่ียนการเรยี นรู้ซ่งึ กันและกัน การพัฒนากายและจิตตอ้ งพฒั นากายและจิตควบคกู่ ัน ด้วยวิธกี ารต่างๆ เช่น การตรวจ สุขภาพร่างกายประจำปี การออกกำลังกาย การหลกี เลยี่ งสารเสพติด เปน็ ตน้ สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาตเิ พอ่ื การเจรญิ เติบโตทสี่ มวยั แนวทางการปฏิบัตติ นตามหลักสุขบัญญตั แิ หง่ ชาติ หลักสขุ บญั ญัตแิ หง่ ชาติมีทงั้ หมด 10 ประการดว้ ยกัน ซึ่งในแตล่ ะประการก็มแี นว ทางการปฏบิ ตั ติ นตามหลกั สุขบญั ญตั แิ หง่ ชาตกิ ำหนดไว้ 1.ดูแลรักษาร่างกายและของใชใ้ หส้ ะอาด •อาบน้ำใหส้ ะอาดทกุ วนั อยา่ งนอ้ ยวันละ 1 คร้ัง และสระผมอยา่ งน้อยสัปดาหล์ ะ 2 คร้ัง •ตัดเลบ็ มือ เลบ็ เท้าใหส้ น้ั อย่เู สมอ •ถา่ ยอจุ จาระใหเ้ ป็นเวลาทกุ วนั •ใส่เสือ้ ผา้ ทสี่ ะอาด ไม่อบั ชืน้ และเหมาะสมกับสภาพอากาศ •จัดเกบ็ ของใชใ้ ห้เป็นระเบียบ 2.รกั ษาฟันให้แข็งแรง และแปรงฟนั ทุกวันอยา่ งถูกต้อง •แปรงฟนั และล้นิ ใหส้ ะอาดอย่างทว่ั ถึง อยา่ งนอ้ ยวนั ละ 2 คร้ังหลังตืน่ นอน และกอ่ นเข้า นอน •บ้วนปากใหส้ ะอาดทุกคร้งั หลังกนิ อาหาร •ล้างแปรงสฟี นั ให้สะอาดทุกคร้ังหลงั การแปรงฟัน และต้ังหรือแขวนไวใ้ นที่อากาศถา่ ยเท •กนิ ผัก ผลไมเ้ ป็นประจำ เพอื่ เสรมิ สรา้ งฟันให้แข็งแรง •ตรวจสขุ ภาพในชอ่ งปากดว้ ยตนเองอยา่ งสม่ำเสมอ และไปพบทนั ตแพทย์ อยา่ งนอ้ ยปี ละ 1 ครงั้ •หลีกเล่ียงการกนิ ลกู อม ทอฟฟ่ี หรอื ขนมหวานท่เี หนยี ว •ไมใ่ ช้ฟันกัด ขบของแขง็ ๆ หรือใชฟ้ นั ผิดหนา้ ที่ 3.ล้างมอื ใหส้ ะอาดกอ่ นกนิ อาหารและหลงั ขบั ถ่าย
•ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดอยา่ งถกู วิธี ด้วยน้ำและสบูท่ กุ คร้ังจนเป็นสขุ นสิ ยั ทั้งกอ่ น-หลงั เตรียม/ ปรงุ กินอาหาร และการสัมผสั ผปู้ ่วย •ลา้ งมอื ทกุ ครัง้ หลังการใชห้ อ้ งนำ้ หอ้ งส้วม หลงั หยิบจับสิง่ สกปรก จับต้องสัตวท์ ุกชนดิ และหลงั กลับจากโรงเรยี น ทำงาน หรอื กลับจากนอกบา้ น •ห้ามใช้มอื ท่ียงั ไมไ่ ดล้ ้าง จับต้องบริเวณใบหน้าเพราะจะทำใหเ้ ชอ้ื โรคเขา้ สรู่ ่างกายทาง เยื่อบจุ มกู และตา รวมทงั้ ทำใหใ้ บหนา้ สกปรก มีโอกาสเกดิ สิวได้ 4.กินอาหารสกุ สะอาด ปราศจากสารอนั ตรายและหลีกเลีย่ งอาหารรสจัด สี ฉูดฉาด •เลอื กซอ้ื อาหารทีส่ ะอาดปลอดภยั •กินอาหารทสี่ ุก สะอาด โดยหลกี เลยี่ งการรับประทานอาหารทส่ี กุ ๆ ดบิ ๆ •กนิ อาหารใหค้ รบ 5 หมู่ แต่ละหมูใ่ หห้ ลากหลาย เพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกาย •กนิ ผกั และผลไม้เปน็ ประจำ •ดื่มนมใหเ้ หมาะสมกบั วัย สำหรบั ผทู้ ่แี พ้นมววั สามารถดม่ื นมธญั พชื นมงา หรือนำ้ เตา้ หู้ แทนได้ โดยเดก็ ควร ดื่มนมวนั ละ 2-3 แก้ว ผใู้ หญ่ควรดม่ื นมพร่องมนั เนย วันละ 1-2 แก้ว •ด่มื น้ำสะอาดอย่างนอ้ ยวนั ละ 8 แกว้ •หลกี เลยี่ งการกนิ อาหารรสจดั อาหารหมักดอง และอาหารท่ีมสี ารเคมี แต่งสี แต่งรส แตง่ กล่นิ 5.หลีกเลีย่ งบุหรี่ สรุ า สารเสพตดิ การพนัน และการสำส่อนทางเพศ •หลกี เลี่ยงการสบู บหุ รี่ ด่ืมสรุ า และเสพสารเสพตดิ •ไม่เล่นการพนนั •สรา้ งเสรมิ คา่ นยิ ม รกั เดยี วใจเดียว รักนวลสงวนตวั ไมช่ งิ สุกกอ่ นห่าม (มคี คู่ รองเม่อื ถึงเวลาอนั ควร) 6.สร้างความสมั พนั ธ์ในครอบครวั ใหอ้ บอ่นุ •พยายามหาโอกาสทำกจิ กรรมร่วมกนั โดยสร้างบรรยากาศในการอยู่รว่ มกนั ให้ สนกุ สนาน และมคี วามสุขเสมอ •สมาชกิ ในครอบครัวช่วยกนั ทำงานบ้าน เพือ่ สานสมั พันธภ์ ายในครอบครวั ใหอ้ บอุ่น •มเี วลาให้กันอยู่เสมอ โดยอาจจัดใหม้ วี นั พเิ ศษสำหรบั ครอบครวั •มนี ำ้ ใจ เปน็ หว่ งเปน็ ใย ถนอมน้ำใจ และให้เกยี รติซงึ่ กันและกนั •เมอ่ื มปี ัญหาเกดิ ขนึ้ ควรพูดคยุ ปรกึ ษาหารอื และช่วยกนั แกไ้ ขปญั หา 7.ปอ้ งกันอบุ ัติภยั ดว้ ยการไมป่ ระมาท
•จัดวางของเล่น ของใช้ อุปกรณ์ตา่ งๆ ใหเ้ ป็นระเบียบ •จัดให้มีแสงสวา่ งเพยี งพอภายในบริเวณบา้ น •ระมัดระวังเมอื่ อยู่ในบรเิ วณทเ่ี สย่ี งต่อการเกิดอบุ ัติเหตุ เช่น บันได ระเบียง พน้ื กระเบอ้ื ง ท่เี ปียกนำ้ เป็นต้น •เก็บของมีคม ยา วตั ถไุ วไฟ หรอื สารมพี ิษ ให้เป็นทแี่ ละพน้ มือเดก็ •ปิดสวิตช์ ถอดปลัก๊ เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ และปดิ วาลว์ แกส๊ หงุ ตม้ ทุกคร้ังหลงั ใช้งาน •ระมดั ระวังตนเองในการเดนิ ทาง การทำกจิ กรรมในสถานทตี่ า่ งๆ และพยายาม หลกี เลี่ยงการอยู่ในบริเวณท่ีเสี่ยงอนั ตราย เชน่ บริเวณที่มีการกอ่ สรา้ ง บริเวณทสี่ งู เป็น ตน้ •ฝกึ ทกั ษะเบ้อื งตน้ ในการดูแลตนเอง หลกี เล่ียงการกระทำทเี่ สยี่ งต่อการเกดิ อันตราย และอุบัติเหตุ 8.ออกกำลังกายสมำ่ เสมอ และตรวจสุขภาพประจำปี •ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวยั และสภาพรา่ งกายอย่างนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 3-5 วนั อยา่ ง น้อยวันละ 30 นาที •เคลอ่ื นไหวออกแรงในชีวิตประจำวัน เชน่ การเดนิ ขน้ึ ลงบนั ไดอยา่ งนอ้ ยวันละ 30 นาที การทำงานบ้าน เป็นตน้ •ตรวจสุขภาพประจำปที ุกปี 9.ทำจติ ใจใหร้ ่าเริงแจม่ ใสอยู่เสมอ •มองโลกในแง่ดี คดิ ในแง่บวก ร้จู ักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักการให้อภยั •แบง่ เวลาในแตล่ ะวนั ใหเ้ หมาะสม จัดเวลาสำหรับคลายเครยี ดและพกั ผอ่ นนอนหลบั ให้ เพยี งพอในแต่ละวัน •ร้เู ทา่ ทนั อารมณต์ นเอง และฝกึ การจดั การหรือควบคมุ อารมณ์ตนเอง •จดั สง่ิ แวดล้อมภายในบ้าน หอ้ งนอน หรอื ท่ีต้องอยเู่ ปน็ ประจำใหน้ ่าอยู่ •เม่อื เกิดความเครียด หรอื มีปัญหา ตอ้ งหาทางผอ่ นคลาย อย่าเก็บไวค้ นเดยี ว ควร ปรึกษาพอ่ แม่ ครู ญาตผิ ใู้ หญ่ เพอ่ื น หรือคนสนทิ ทไ่ี วใ้ จได้ •หมั่นหากจิ กรรมท่ีแปลกใหม่ เพอ่ื สรา้ งเสรมิ ความร่าเรงิ สดใสใหต้ นเอง •ศึกษาธรรมะ และนำหลักธรรมมาใชใ้ นการดำเนินชวี ิต 10.มสี ำนึกต่อสว่ นรวม รว่ มสรา้ งสรรคส์ งั คม •ช่วยกันดูแลรักษาส่ิงแวดล้อมภายในโรงเรยี น บ้าน ท่ีทำงานชมุ ชน และท่ีสาธารณะ ต่างๆ
•อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม โดยใช้อย่างประหยัดและคุ้มคา่ หลีกเล่ียง การใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์กอ่ ใหเ้ กดิ มลภาวะตอ่ สง่ิ แวดล้อม เชน่ โฟม พลาสตกิ สเปรย์ เปน็ ตน้ •แยกขยะ เพอ่ื ลดปรมิ าณขยะ และนำวสั ดบุ างอย่างหมนุ เวียนกลบั มาใชใ้ หม่ •มสี ำนกึ ในการป้องกนั การแพรก่ ระจายของเชอื้ โรค เชน่ สวมหนา้ กากอนามยั เมอื่ เป็น หวัด ใชส้ ้วมอย่างถกู สุขลกั ษณะ ทง้ิ ขยะในภาชนะท่รี องรับ กำจดั น้ำทิ้ง และกำจัดขยะ อยา่ งถูกตอ้ ง •ให้ความรว่ มมอื ในการทำกิจกรรมตา่ งๆ ยินดสี ละทรัพยส์ นิ ความคิด แรงกาย เวลา และ ความสุขสบายสว่ นตัว เพือ่ ประโยชน์ต่อส่วนรวมตามกำลงั และความสามารถ ประโยชน์และคณุ ค่าของสุขบญั ญตั แิ หง่ ชาตติ อ่ สุขภาพ •สามารถปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมเสยี่ งให้เป็นพฤตกิ รรมทพ่ี ึงประสงค์ตอ่ สขุ ภาพทค่ี วร ปฏิบัตไิ ด้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม •สามารถนำมาใช้ปฏบิ ตั ิในชีวิตประจำวัน ซึ่งกอ่ ให้เกิดผลดตี อ่ สุขภาพของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ •เป็นการสรา้ งความตระหนัก และการมีจติ สำนกึ ในการรู้จกั พ่ึงตนเองทางสขุ ภาพ •เปน็ การปลูกฝังการเรยี นรู้ทางสขุ ภาพอยา่ งต่อเนื่องในทกุ เพศทกุ วัย •เปน็ การเสริมสรา้ งและปลกู ฝังพฤติกรรมสุขภาพทถ่ี กู ตอ้ ง นำไปสกู่ ารมสี ุขภาพที่ดีท้งั ทาง รา่ งกาย จิตใจ ปญั ญา และสงั คม
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: