Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือฐานการเรียนรู้ ไข่เค็มละมุนหอมกลิ่นสมุนไพรไทย

คู่มือฐานการเรียนรู้ ไข่เค็มละมุนหอมกลิ่นสมุนไพรไทย

Published by E-book, 2019-06-09 03:47:19

Description: stem+c

Search

Read the Text Version

สแกนเพ่ืออา่ น e-book นางสาวเยาวลกั ษณ์ กล้วยน้อย ศูนย์วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศึกษาสระแก้ว

ฐานการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่อื ง ไขเ่ คม็ ละมุนหอมกล่ินสมุนไพรไทย

กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง ไข่เค็มละมนุ หอมกล่นิ สมนุ ไพรไทย จานวน 3 ชัว่ โมง

กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่อื ง ไข่เคม็ ละมนุ หอมกลน่ิ สมุนไพรไทย จานวน 3 ชั่วโมง แนวคดิ การถนอมอาหารเป็นวิธีหนึ่งที่ทาได้ง่ายและสะดวกในท้องถ่ิน คือการดองไข่เค็ม ซ่ึงเป็นวิถีชีวิต และภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่นของคนไทยต้ังแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน ในการดองไข่เค็มที่ผ่านมาจะใช้เวลา 15 – 20 วนั แต่เม่อื นาการบรู ณาการความรู้ใน 4 วชิ าไดแ้ ก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ทเี่ รยี กว่าสะเตม็ ศกึ ษามาประยกุ ตใ์ ช้ โดยเน้นการนาความรู้ไปใชแ้ กป้ ญั หาหรอื ใช้ประโยชน์ในชวี ิตจริง จะพบว่า มกี ารนาเทคโนโลยีมาใช้ คอื การใชน้ ้าสม้ สายชกู ลัน่ 5% มาแชไ่ ข่ให้เปลือกบางจะทาใหย้ น่ ระยะเวลาในการดอง ไขเ่ คม็ ได้โดยใช้เวลา 4 วัน ในการเพ่ิมกล่ินและสรรพคุณของสมุนไพรไทยท่ีมีในท้องถ่ินให้กับไข่เค็ม ส่วนใหญ่ ใช้วตั ถดุ ิบจากสมนุ ไพรไทย ได้แก่ ใบเตย ตะไคร้ ขา่ ใบมะกรูด พริก หอมแดง พรกิ ไทย วัตถุประสงค์ เม่ือสิน้ สดุ การปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรูน้ แ้ี ลว้ ผ้รู ับบรกิ ารสามารถ 1. อธิบายการดองไขเ่ คม็ โดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในทอ้ งถิน่ 2. ออกแบบและปฏบิ ตั กิ ารดองไขเ่ ค็มโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในทอ้ งถ่ิน 3. เหน็ ความสาคัญของการดองไข่เคม็ โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถน่ิ เนื้อหา 1. การดองไขเ่ ค็มโดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมุนไพรไทยในท้องถ่ิน 1.1 การถนอมอาหารโดยใช้เกลือ 1.1.1 ผลของเกลอื ต่อการเจริญเติบโตของจลุ นิ ทรีย์ 1.1.2 ประสิทธภิ าพในการถนอมรักษาอาหารของเกลือ 1.1.3 ข้ันการแทรกซึมของเกลอื เข้าไปในอาหาร 1.1.4 ปัจจยั ทม่ี ีผลตอการแทรกซึมของเกลอื 1.1.5 เกลือกบั การเปลยี่ นแปลงของอาหาร 1.2 ความรูเ้ บือ้ งตน้ เกยี่ วกบั ไขเ่ คม็ 1.2.1 การเลือกซ้ือไข่ 1.2.2 ลกั ษณะและคุณภาพของไขเคม็ 1.2.3 คณุ คาทางโภชนาการของไขเคม็ 1.3 วิธีการทาไข่เค็ม 1.3.1 การดอง 1.3.2 การพอก 1.4 การแชไ่ ข่ในน้าสม้ สายชู 1.5 สมนุ ไพรไทย 2. การออกแบบและปฏิบัติการดองไขเ่ ค็มโดยการบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถ่นิ 2.1 การออกแบบเชงิ วิศวกรรมการดองไข่เค็มโดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถน่ิ 2.1.1 การระบุปัญหา 2.1.2 การค้นหาแนวคิดทเี่ ก่ียวขอ้ ง

2.1.3 การวางแผนและพฒั นา 2.1.4 การทดสอบและการประเมนิ ผล 2.1.5 การนาเสนอผลลัพธ์ 2.2 การปฏิบตั กิ ารดองไขเ่ คม็ โดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทยในท้องถ่ิน ตามการออกแบบ เชงิ วิศวกรรมการดองไขเ่ คม็ โดยการบูรณาการสะเต็มศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในทอ้ งถ่นิ

ความเช่ือมโยงสะเต็มศกึ ษากบั การบรู ณาการวฒั นธรรมท้องถ S : Science T : Technology E : Engin วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม ความรู้ ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั กระบวนกา 1. การถนอมอาหาร 1. ย่นระยะเวลาการ ออกแบบก 2. กรด – เบส ดองไขเ่ คม็ 1. การระบุป 3. การดองเกลือ 2. กลิ่นและรสชาติ 2. การค้นหา 4. การออสโมซสิ แปลกใหม่ เก่ยี วข้อง 3. เค็มนอ้ ย อร่อย 3. การวางแผ (Osmosis) มาก พฒั นา 4. มีผลดีตอ่ สุขภาพ 4. การทดสอ 5. คงคณุ ภาพตาม ประเมินผล หลักโภชนาการ 5. การนาเสน แผนผังความเชื่อมโยงสะเต็มศกึ ษากับการบรู ณาการวัฒนธร

ถ่ินทสี่ อดคล้องกบั เนอื ้ หา “ไขเ่ คม็ ละมนุ หอมกลน่ิ สมนุ ไพรไทย\" neering M : Mathematics C : Culture มศาสตร์ คณติ ศาสตร์ วฒั นธรรมทอ้ งถิน่ าร ความรู้ ตน้ กาเนดิ การผลิต 1. การช่งั ปริมาณ 1. ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ปัญหา วตั ถุดิบในการทาไข่ ดา้ นการถนอม าแนวคิดท่ี เคม็ เชน่ เกลือ อาหาร สมุนไพร 2. ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ผนและการ 2. การตวงน้า และ ด้านสมุนไพร น้าสม้ สายชู เพอ่ื ใช้ในการ อบและการ 3. การคานวณหา ประกอบอาชีพ ต้นทุน/กาไร นอผลลัพธ์ 4. รปู ทรงเรขาคณติ ของภาชนะทบี่ รรจุ ไขเ่ ค็ม รรมทอ้ งถ่นิ ท่สี อดคลอ้ งกบั เนื้อหา “ไขเ่ คม็ ละมนุ หอมกลน่ิ สมนุ ไพรไทย\"

ขั้นตอนการดาเนินกจิ กรรมการเรยี นรู้ของผู้รับบรกิ าร กิจกรรมการทดสอบก่อนเรยี นเร่ือง ไขเ่ คม็ ละมนุ หอมกลิน่ สมนุ ไพรไทย แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง ไขเ่ ค็มละมนุ หอมกลิ่นสมนุ ไพรไทย คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบจานวน 10 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน 2. ให้เลอื กคาตอบท่ีถกู ทสี่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว 1. ไข่เค็มเปน็ การถนอมอาหารแบบใด ก. การแช่อิม่ ข. การหมัก ค. การดอง ง. การกวน 2. การดองไขเ่ ค็มใช้เวลาในการดองนานกว่ี ัน ก. 15-20 วนั ข. 20-25 วัน ค. 25-30 วัน ง. มากกวา่ 30 วัน 3. ไข่เค็มสามารถทาไดก้ ่วี ธิ ี ข. 2 วิธี ก. 1 วธิ ี ง. 4 วธิ ี ค. 3 วิธี 4. ข้อใดคอื ประโยชนข์ องไขเ่ คม็ ก. เป็นการยดื อายุของไข่เปด็ ข. เป็นการเพ่ิมมลู ค่าของไข่เป็ด ค. สามารถนาผลติ ภณั ฑ์มาแปรรปู ไดห้ ลายอย่าง ง. ถกู ทกุ ขอ้ 5. ไขเ่ ปด็ ท่ีใหมแ่ ละสด ควรมลี ักษณะอยา่ งไร ก. เปลอื กจะมสี ีนวล ข. จะมนี ้าหนักเบากวา่ ค. เปลือกไขม่ ีรอยบบุ หรอื แตก ง. ถกู ทกุ ข้อ 6. วิธตี ม้ ไข่เค็มใหอ้ รอ่ ย ควรต้มกน่ี าที ก. 8 นาที ข. 10 นาที ค. 15 นาที ง. 20 นาที 7. ไขเ่ ค็ม เป็นการถนอมอาหารโดยการดองวธิ ีใด ก. การดองเปรย้ั ว ข. การดองหวาน ค. การดองเคม็ ง. ถูกทกุ ข้อ 8. ลักษณะไขเ่ ค็มท่ีมีคณุ ภาพทด่ี ีต้องมลี ักษณะอย่างไร ก. เปลอื กสีขาวขุ่น เหน็ เป็นเงา ข. เปลือกมผี งคล้ายแปง้ สีขาวนวลเคลือบอยู่ ค. เปลอื กตอ้ งไมแ่ ตกร้าว ง. ถูกทกุ ขอ้

9. ไขท่ ีน่ ยิ มนามาทาไข่เค็ม คอื ขอ้ ใด ข. ไข่เปด็ ก. ไข่ไก่ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. ไขน่ กกระทา 10. สมุนไพรทนี่ ิยมนามาดองไข่เค็ม คือขอ้ ใด ก. ใบเตย ข. ตะไคร้ ค. อญั ชัน ง. ถกู ทกุ ข้อ กจิ กรรมการแลกเปล่ียนเรยี นร้เู รื่อง ไข่เคม็ ละมุนหอมกลิ่นสมุนไพรไทย คาชี้แจง 1.ใหผ้ ้รู บั บริการตอบคาถาม จานวน 3 ประเด็น ดังนี้ ประเดน็ ที่ 1 “ทา่ นคิดว่า การถนอมอาหารคอื อะไร ทาไมจึงต้องมีการถนอมอาหาร และมวี ิธีการ อยา่ งไรบา้ ง ใหย้ กตวั อยา่ ง” ประเด็นที่ 2 ให้ท่านระบปุ ญั หาในชีวติ จรงิ ที่พบเก่ยี วกับเร่ืองไข่ ว่ามปี ัญหาอะไรบ้าง และจะแก้ไข ไดอ้ ยา่ งไร ประเดน็ ที่ 3 “การดองไขเ่ ค็มใชเ้ วลานานหรือไม่ อย่างไร” ประเด็นท่ี 4 “ทา่ นคดิ วา่ มวี ิธีการยน่ ระยะเวลาการดองไขเ่ ค็มได้หรอื ไม่ อยา่ งไร” 2. ผรู้ บั บรกิ ารและผู้จดั กิจกรรมแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นและสรุปผลการเรยี นรู้รว่ มกัน กจิ กรรมความรูเ้ รื่อง ไข่เคม็ ละมนุ หอมกลิน่ สมุนไพรไทย คาช้แี จง 1. ให้ผรู้ บั บรกิ ารศึกษาใบความรสู้ าหรับผู้รบั บริการ เร่อื ง ไข่เคม็ ละมนุ หอมกลิน่ สมนุ ไพรไทย 2. ผู้รบั บรกิ ารและผู้จดั กจิ กรรมแลกเปลยี่ นความคดิ เห็นและสรุปผลการเรยี นรรู้ ว่ มกนั

ใบความรสู้ าหรบั ผู้รบั บรกิ าร เร่อื ง ไขเ่ คม็ ละมนุ หอมกลน่ิ สมนุ ไพรไทย \" ไข่เค็ม \" เป็นอาหารพ้ืนบ้านของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณและเป็นที่นิยมในการบริโภค ของคนไทย ในทุกๆภาค การผลิตไข่เค็มน้ันมีขั้นตอนท่ีไม่ยุ่งยากซับซ้อนในการทา จึงเหมาะที่จะส่งเสริม การทาไข่เค็มให้เป็นท่ีแพร่หลายสาหรับบุคคลและชุมชนต่างๆ ที่มีความสนใจในวิชาการทาไข่เค็มนี้ การผลิตไข่เค็มถือเป็นเทคโนโลยีชาวบ้านวิธีหน่ึงท่ีทากันมานานจนถึงทุกวันน้ี โดยเริ่มแรกจุดประสงค์ ในการทาไข่เค็มน้ัน เพ่ือเป็นการยืดอายุการเก็บของไข่เป็ดสดท่ีเหลือจากการบริโภคสด ต่อมาความนิยม ในการบริโภคไข่เค็มมีมากขึ้น จนพัฒนาจากการผลิตไข่เค็มเพื่อการบริโภคในครัวเรือนมาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อการค้าการจาหน่ายอาจจะเป็นในรูปของผลิตภัณฑ์ไข่เค็มเพ่ือการรับประทานโดยตรงหรือนาไปทา เปน็ ไส้ขนม เชน่ ขนมเปย๊ี ะ ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมบะ๊ จา่ ง ตลอดจนใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารตา่ งๆ 1. ประเภทและชนดิ ของไข่เคม็ ไข่เค็ม แบ่งตามกรรมวธิ กี ารผลิตออกเป็น 2 ประเภท คอื 1.1 ไข่เคม็ ดองน้าเกลือ หมายถึง ไข่เค็มที่ได้จากการดองเปียกโดยแช่ไข่ในน้าเกลือท่ีมีความเข้มข้น ท่ีเหมาะสมโดยให้ไขจ่ มอยภู่ ายใตร้ ะดบั นา้ เกลือในชว่ งระยะเวลาทีเ่ หมาะสม ทง้ั นอ้ี าจเติมไอโอดีนหรือสมุนไพร (herb) อ่ืนๆ ด้วยหรือไมก่ ไ็ ด้ 1.2 ไขเ่ คม็ พอก หมายถึง ไข่เค็มที่ได้จากการดองแห้งโดยพอกไข่ด้วยของผสมที่มีเกลือเป็นองค์ประกอบ หลักและส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ดินหรือดินสอพองน้าข้ีเถ้าแกลบ ในอัตราส่วนท่ีเหมาะสม และในช่วง ระยะเวลาทเี่ หมาะสม ท้งั น้อี าจเตมิ ไอโอดีนดว้ ยหรือไม่กไ็ ด้ 2. ลกั ษณะและคุณภาพของไขเคม็ ลักษณะภายนอก ไข่เค็มจะมีลักษณะภายนอกเหมือนไข่สด คือ เปลือกไข่มีสีขาวขุ่น เห็นเป็น เงากลมสดี าบนเปลือกไข่ ซึ่งเป็นส่วนของไข่แดง แต่ถ้าเป็นไข่เค็มท่ีต้มในน้าที่ใส่สารส้มเล็กน้อย บนเปลือกไข่ จะสาก และมีผงคล้ายแปง้ มีสขี าวนวลเคลอื บอยู่ ลักษณะภายนอกของไข่ เค็มที่ดี เปลือกต้องไม่มีการเน่าเสีย หรือแตกร้าว ลักษณะภายในเม่ือเป็นไข่ดิบ ไข่ขาวจะเหลวและมีสีขาวขุ่น ส่วนไข่แดงจะเป็น ก้อนกลมแข็ง มีสีแดง เมื่อนามาต้ม ไข่ขาวจะมีสีขาวขุ่น มีเนื้อนุ่ม และมีกลิ่นเค็มของเกลือ ส่วนไข่แดง มีสีส้มแดงเข้ม มีเนื้อสัมผัสท่ีคงตัวและมีเนื้อหยาบ มีส่วน ของน้ามันเยิ้มออกมา ไข่เค็มท่ีดีน้ัน ไข่ขาวจะมีเนื้อละเอียด มีรสเค็มปานกลาง สว่ นไข่แดงมีสแี ดงเข้ม เปน็ น้ามนั เย้มิ และมีรสเคม็ 3. คุณคาทางโภชนาการของไขเคม็ ไข่จัดเป็นอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีน ถือว่าเป็นแหล่งของโปรตีนที่มี กรดอะมโิ นชนดิ จาเป็นครบถว้ น เมือ่ นามาแปรรปู เป็นไขเ่ คม็ แล้ว คณุ คา่ ทางโภชนาการของไข่เคม็ ยงั คงอยู่ 4. ประโยชนข์ องไข่เคม็ 4.1 เปน็ การยืดอายุของวัตถุดิบหลัก คือ ไขเ่ ปด็ ใหม้ กี ารเกบ็ รกั ษาอย่ไู ด้นานถึง 1 เดือน (ในอุณหภูมิ ปกต/ิ ในท่ีเย็น) 4.2 เปน็ การเพิ่มมูลค่าของวัตถุดบิ (ไขเ่ ป็ด) 4.3 สามารถนาผลิตภัณฑ์มาแปรรูป (ประกอบอาหาร) ได้หลายอย่าง เช่น ไข่ดาว (แบบไข่เค็ม) ชนิดพอกดิบ 5-7วัน ยาไข่เค็ม ผดั เผด็ ทะเลไขเ่ ค็ม บวั ลอยไขห่ วาน(ไขเ่ ค็ม) 4.4 ไข่เคม็ สามารถนามารับประทานกบั ข้าวร้อนๆ ข้าวต้มในยามเร่งด่วน

4.5 ไข่เค็มสามารถนามาเปน็ อาชพี เสรมิ ในครัวเรือนในชมุ ชนไดเ้ พอื่ ลดปัญหาการไปทางานตา่ งถ่ิน เพิม่ รายได้และลดรายจา่ ยใหก้ ับคนในชุมชน ข้อเสยี ของไขเ่ คม็ มีอยู่ 2 อย่างคอื เกลือ กบั คลอเรสเตอรอล ถา้ รับประทานมากเกนิ ไปอาจจะทาให้เกิดโรคไตได้ 5. การตลาดของไข่เคม็ ปัจจุบนั การผลิตไขเ่ คม็ ยงั คงเปน็ อุตสาหกรรมในครวั เรือนซงึ่ เป็นอตุ สาหกรรมขนาดเล็ก เนอื่ งจาก ไขเ่ ค็มสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าไข่สด จึงมีการผลิตและจาหนา่ ยเปน็ ผลติ ภัณฑ์ทางอตุ สาหกรรมเกษตรท่ีมแี นวโน้ม การขยายตวั เพ่มิ ขน้ึ การจัดจาหน่ายไข่เคม็ จะมีลักษณะเหมอื นสินคา้ ตวั อน่ื ๆ คอื มกี ารจาหน่ายจากผู้ผลิต ไปยังผคู้ ้าส่ง ผู้คา้ ส่งนาไปจาหน่ายต่อยงั ผูค้ ้าปลีกและผคู้ ้าปลีกนาไปจาหนา่ ยแก่ผบู้ รโิ ภคโดยตรง นอกจากนี้ ยังวางจาหนา่ ยตามห้างสรรพสินค้า และร้านคา้ ปลีกย่อยท้ังในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด 6. ปัญหาการผลิตไข่เค็ม การแปรรูปไข่เค็มยังเป็นอาชีพท่ีทากันเฉพาะในครัวเรือน ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน ของรฐั จึงทาใหก้ ารผลิตยงั คงอย่ใู นรปู การทาเองมากกว่าเป็นอุตสาหกรรม และเน่ืองจากในปัจจุบันมีผู้ผลิตไข่เค็ม เพมิ่ ข้ึนเป็นจานวนมาก ทาใหไ้ ข่เค็มที่ผลิตได้นั้นมีคุณภาพไม่สม่าเสมอเพราะการผลิตยังไม่มีการควบคุมคุณภาพ ดังนั้นถ้ามีการสนับสนุนจากหน่วยงานของภาครัฐบาลและภาคเอกชนอนาคตการขยายจากอุตสาหกรรม ในครัวเรอื นไปเป็นอตุ สาหกรรมใหญม่ ีมากขึน้ 7. วัตถดุ บิ ในการผลิตไขเ่ ค็ม วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไข่เค็มเป็นปัจจัยหน่ึงที่มีความสาคัญมาก เพราะถ้ามีการคัดเลือกวัตถุดิบ ท่ีมีคุณภาพมาใช้การผลิตแล้วจะทาให้ได้ไข่เค็มที่มีคุณภาพดีด้วย วัตถุดิบที่สาคัญท่ีใช้ในการผลิตไข่เค็ม ได้แก่ ไข่เป็ดสดและเกลอื 7.1 การเลอื กไข่เปด็ สด 7.1.1 ไข่ใหม่ เปลอื กจะมสี นี วล ไม่เปน็ มนั 7.1.2 ไข่ใหม่ จะมีช่องโพรงอากาศทางบริเวณด้านป้าน แต่ถ้าเป็นไข่เก่าช่องโพรงอากาศจะกว้าง ทั้งนเี้ พราะความช้ืนและก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์จะระเหยออกทางรูพรุนของเปลือกไข่ ทาให้เย่ือไข่หดตัวและ เกิดโพรงอากาศบรเิ วณดา้ นปา้ น 7.1.3 ไข่ใหม่ จะมีน้าหนักมากกว่าไข่เก่า ท้ังนี้เพราะน้าหรือของเหลวในไข่เก่าระเหยออกไปตาม รพู รนุ ของเปลอื กไข่มากกวา่ ไขใ่ หม่ 7.1.4 ไข่ใหม่ เมื่อเคาะให้แตกแล้วใส่จาน ไข่แดงจะนูนและข้น ไข่ขาวติดแน่นและเหนียว ส่วนของไข่ขาว อยู่รอบนอกจะใส การท่ไี ข่ขาวของไขเ่ กา่ เหลวเนอ่ื งจากมเี อนไซมไ์ ปยอ่ ยโปรตีน 7.1.5 เปลือกไข่ จะต้องสะอาดไมม่ ีรอยบุบหรือแตก ถ้าเปลือกไข่แตกเช้ือโรคต่างๆอาจดูดซึมเข้าไป ภายในไข่ทาให้เนา่ เสียเร็ว 7.1.6 สี กลิน่ และรส ของไข่ใหม่ดกี วา่ ไขเ่ กา่ 7.1.7 ไข่ที่ซื้อ ควรเลือกไขท่ มี่ ขี นาดใหญ่แมว้ ่าราคาจะสูงกว่าไข่ท่ีมีขนาดเล็ก แต่ถ้านามาเปรียบเทียบกัน เมือ่ นามาประกอบอาหารแลว้ จะประหยดั กวา่ ไข่ทมี่ ีขนาดเล็ก

7.2 เกลอื (โซเดยี มคลอไรด)์ เกลอื เป็นสารท่ีประกอบด้วยโซเดียม (Na)ร้อยละ 39.39 และคลอไรด์(Cl) ร้อยละ 60.61 มีรูปร่าง เป็นผลึกรูปลูกบาศก์สีขาว ละลายน้าได้ประมาณร้อยละ 26.4 โดยน้าหนัก เมื่อละลายน้าจะมีรสขม เล็กน้อย มปี ฏิกิรยิ าเป็นกลาง ดูดความชืน้ ได้ประมาณร้อยละ 1.5 ที่อุณหภูมิ 30 อาศาเซลเซียส มีจุดหลอมเหลวที่ 77.7 องศาเซลเซียส หน้าที่หลักในการถนอมอาหารของเกลือ คือ เกลือจะทาให้ค่า Water Activity ของอาหาร ลดลง เม่ือเกลือละลายในน้า โมเลกุลของน้าจะมาจับเกาะกับเกลือ เกิดเป็น ion hydration มีผลทาให้ ความเป็นอิสระของน้าเปลี่ยนแปลงไป นอกจากน้ีเกลือยังเป็นสารท่ีมีค่าแรงออสโมติคสูง เม่ือใส่ในอาหาร จะทาให้น้าในอาหารถูกดึง ออกมา และน้าจากเซลของจุลินทรีย์ ทาให้จุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เน่อื งจากเซลของจุลินทรีย์ เกดิ ลกั ษณะเซลเหีย่ ว (plasmolysis) ลักษณะของเกลอื มี 2 ชนิด คือ 1. เกลือเม็ด ผลิตโดยชาวนาเกลอื ทะเลและผู้ผลิตเกลือสนิ เธาว์ดว้ ยวธิ ตี าก 2. เกลอื ปน่ ผลิตโดยโรงงานเกลือป่นที่ซื้อเกลือเมด็ จากชาวนาเกลือมาแปรรูป 8. นา้ สม้ สายชู เป็นของเหลวที่ไดจ้ ากกระบวนการหมัก มีองค์ประกอบหลักคือกรดน้าส้ม (กรดอะซิติก) น้าส้มสายชู ท่ัวไปมีความเข้มข้นของกรดต้ังแต่ 4% ถึง 8% โดยปริมาณ และอาจสูงถึง 18% น้าส้มสายชูหมัก โดยธรรมชาติยังมีกรดชนิดอื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย เช่น tartaric acid และ citric acid มนุษย์รู้จักการผลิต และใช้น้าส้มสายชูมาต้ังแต่สมัยโบราณ น้าส้มสายชูเป็นองค์ประกอบสาคัญของอาหารยุโรป อาหารเอเชีย และตารับอาหารอื่น ๆ เป็นอีกเคร่ืองปรุงรสอาหารที่นิยมติดไว้ในครัว ซ่ึงให้รสเปรี้ยว กล่ินฉุน สีใส อีกทั้ง นิยมใช้ในทางอุตสาหกรรมเป็นจานวนมากใช้ในการผลิตซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และนาไปใช้เกี่ยวกับ การหมกั ดอง ผักผลไม้ด้วย การที่มีรสเปร้ียวน่ันเกิดจากกรดอะซิติกที่เกิดจากหมัก ผักและผลไม้ หรือเป็น ของเหลอื ท่ีไดผ้ ักและผลไม้เช่น เปลือก ก้าน หลักจากหมักไปแล้วสามารถนามากล่ันเพ่ือให้เป็นน้าส้มสายชู บริสุทธ์ิ การหมักจะเป็นกระบวนการเปล่ียนแปลงและน้าตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ เช่นเดียวกับการหมัก เครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล์ชนิดต่างๆ 9. การแชไ่ ข่ในน้าส้มสายชู การแชไ่ ขไ่ กไ่ วใ้ นน้าส้มสายชูเป็นเวลานานจะทาให้เปลือกไขท่ าปฏิกริ ยิ ากับกรดอะซิติกในนา้ สม้ สายชู ซงึ่ เปลอื กไขน่ ัน้ ประกอบไปด้วยแคลเซียมคารบ์ อเนต หรอื หินปูน พอมาเจอกับกรดอะซิติกจงึ เกิดการกดั กรอ่ น ทาให้เปลือกไข่ช้นั นอกบางลง ภาพแสดง ไขแ่ ช่ในน้าส้มสายชู

10. สมนุ ไพรไทย 10.1 ต้นเตยหอม จัดเป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก ข้ึนเป็นกอ มีใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนเป็นเกลียว จนถึงยอดใบ ลักษณะของใบเป็นทางยาว สีเขียวเป็นมัน ใบค่อนข้างแข็ง มีขอบใบเรียบ เราสามารถนาใบเตย มาใช้ได้ทั้งใบสดและใบแห้ง ในใบเตยจะมีกลิ่นหอมของน้ามันหอมระเหย (Fragrant screw pine) โดยกลิ่น หอมของใบเตยนนั้ เป็นกลิน่ เดียวกนั กับท่ไี ด้ใน ขา้ วหอมมะลิ ขนมปังขาว และดอกชมนาด ใบเตยเป็นพืชท่ีคนไทยทุกคนต่างก็รู้จักกันดี เนื่องจากมีการนามาใช้กันอย่างหลากหลายต้ังแต่สมัย โบราณแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนามาปรุงแต่งอาหารอย่างขนมไทยให้มีกล่ินหอม อร่อย และยังให้สีสันน่า รบั ประทานอกี ดว้ ย ประโยชนข์ องใบเตย 1. ช่วยบารงุ หัวใจให้ชุ่มชนื่ และชว่ ยลดอตั ราการเต้นของหวั ใจ (นา้ ใบเตย) 2. การด่ืมน้าใบเตยจะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะใบเตยมีกล่ินหอมเย็น ดื่มแล้ว จงึ รสู้ ึกสดชนื่ ผอ่ นคลาย 3. รสหวานเย็นของใบเตยช่วยชกู าลงั ได้ 4. การดื่มนา้ ใบเตยชว่ ยแก้อาการออ่ นเพลียของรา่ งกายได้ 5. ชว่ ยปรับสมดลุ ในร่างกาย 6. ชว่ ยลดความดนั โลหติ (สารสกดั น้าจากใบเตย) 7. ช่วยปอ้ งกันการแข็งตวั ของหลอดเลือด 8. ช่วยบรรเทาอาการอาการและดับพษิ ไขไ้ ด้ 10.2 ตะไคร้ ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่งที่นิยมนามาประกอบอาหาร โดยตะไคร้แบ่งออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้า ตะไคร้หางนาค และตะไคร้หางสิงห์ ซ่ึงเป็นสมุนไพรไทยท่ีนิยมปลูกทั่วไปใน บ้านเรา โดยมถี ่ินกาเนดิ ในประเทศอนิ เดีย อินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา และไทย ตะไคร้เป็นท้ังยารักษาโรคและ ยงั มีวิตามนิ และแร่ธาตุที่มีประโยชนต์ ่อรา่ งกายอีกด้วย เช่น วิตามนิ เอ ธาตแุ คลเซียม ธาตฟุ อสฟอรสั ธาตุเหล็ก ฯลฯ ประโยชน์ของตะไคร้ 1. นามาใชท้ าเปน็ นา้ ตะไคร้หอม น้าตะไคร้ใบเตย ชว่ ยดบั รอ้ นแก้กระหายไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 2. ช่วยในการบารุงและรักษาสายตา 3. มีส่วนชว่ ยในการบารงุ กระดกู และฟนั ให้แข็งแรง 4. มสี ่วนช่วยในการบารุงสมองและเพมิ่ สมาธิ 5. สามารถนามาใชท้ าเปน็ ยานวดได้ 6. ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ตน้ ) 7. มฤี ทธ์ิเป็นยาช่วยในการนอนหลบั 8. การปลกู ตะไครร้ ว่ มกบั ผักชนิดอ่ืน ๆ จะช่วยปอ้ งกนั แมลงไดเ้ ป็นอยา่ งดี 9. นามาใชเ้ ป็นสว่ นประกอบของสารระงับกลน่ิ ต่าง ๆ 10. ตน้ ตะไครช้ ว่ ยดับกลนิ่ คาวหรือกลน่ิ คาวของปลาไดเ้ ป็นอยา่ งดี 11. กลน่ิ หอมของตะไครส้ ามารถช่วยไล่ยงุ และกาจัดยงุ ได้เปน็ อยา่ งดี 12. เปน็ สว่ นประกอบของผลิตภณั ฑจ์ าพวกยากนั ยุงชนิดตา่ ง ๆ เชน่ ยากนั ยงุ ตะไครห้ อม

กจิ กรรม การทาไข่เค็มละมนุ หอมกล่นิ สมนุ ไพรไทย คาชีแ้ จง 1 . ใ ห้ ผู้ รั บ บริ ก า ร ช ม ค ลิ ป วิ ดี โ อ เ ร่ื อ ง ก า ร ด อ ง ไ ข่ เ ค็ ม ส ะ เ ต็ ม จ า ก อิ น เ ต อ ร์ เ น็ ต https://www.youtube.com/watch?v=cEEFRVj0WYI จานวน 3.33 นาที หลังจากนัน้ ผ้จู ัดกิจกรรมเสนอสถานการณ์ในชีวิตจรงิ ทเ่ี กีย่ วข้อง ดังตวั อย่าง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ไข่เป็นอาหารหลักของคนไทยมานานแล้ว ไข่มีมากมายตามท้องตลาดและ สามารถทาเป็นอาหารได้หลายอย่าง จึงมีวิธีการถนอมอาหาร จากไข่ธรรมดาเป็นไข่เค็มโดยวิธีการดอง และ โดยปกตกิ ารดองไข่เคม็ ใชเ้ วลา 15-20 วนั จนได้ไข่เคม็ พรอ้ มนามาปรุงอาหาร ซง่ึ ใช้เวลานาน ผูจ้ ดั กิจกรรมตงั้ ประเดน็ คาถามใหก้ ับผ้รู ับบริการวา่ “ถ้าสมมุติว่าท่านเป็นผู้ผลิตไข่เค็มส่งขายให้ตลาด แต่ผลิตไม่ทันขาย เน่ืองจากไข่เค็มเป็น ที่ต้องการ ของผบู้ ริโภค ท่านจะมีวธิ ีใดบา้ งที่จะทาให้ย่นระยะเวลาการดองไข่เคม็ ลง เพอื่ ท่ีจะให้ได้ไขเ่ ค็มเร็วขึน้ ” หลังจากนั้นผู้จัดกิจกรรมอธิบายและสาธิตการดองไข่เค็ม ตามใบความรู้สาหรับผู้จัดกิจกรรมเร่ือง การดองไข่เคม็ ละมนุ หอมกลิ่นสมุนไพรไทย พร้อมทั้งให้ผ้รู ับบริการร่วมปฏิบตั ใิ นการสาธิตของผจู้ ดั กิจกรรมด้วย 2. ใหผ้ ู้รับบรกิ ารต้ังประเดน็ ข้อสงสยั หรอื สงิ่ ท่ีอยากรู้ในกระบวนการหรอื หลกั การที่เกย่ี วข้อง จากการ สาธติ ของผจู้ ัดกจิ กรรม รวมไปถึงการนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ 3. ผูร้ บั บรกิ ารและผู้จดั กิจกรรมแลกเปลย่ี นความคดิ เห็นและสรุปผลการเรียนรรู้ ว่ มกนั กิจกรรม ออกแบบและปฏบิ ตั ิการดองไข่เค็มโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถิน่ คาชี้แจง 1. แบ่งผู้รับบริการออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 8 คน ให้ออกแบบและปฏิบัติการ โดยการวางแผนและ ดาเนินการเกี่ยวกับการดองไข่เค็มโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทยในท้องถ่ิน ตามใบกิจกรรม ของผู้รับบริการเร่ือง ออกแบบและปฏิบัติการดองไข่เค็มโดยการบูรณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทย ในท้องถ่นิ ท้ังน้ี ผู้จัดกิจกรรมเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้กับผู้รับบริการในการออกแบบและปฏิบัติการดองไข่เค็มโดย การบรู ณาการสะเต็มศึกษาและสมนุ ไพรไทยในท้องถิ่น (ไขเ่ ปด็ /นา้ เปล่า/เกลือเม็ด/สมุนไพรไทย/น้าส้มสายชูกลั่น 5% /ขวดโหล/ถุงรอ้ น/หมอ้ /เตาแก๊ส/กะละมัง/ตาชงั่ ) 2. ผู้รับบริการนาเสนอผลงานการออกแบบและปฏิบตั ิการทดลอง 3. ให้ผ้รู บั บริการตอบคาถามจากประสบการณ์ท่ีได้เรยี นรู้ผา่ นกิจกรรมครั้งน้ี ประเด็นท่ี 1 ในการทาไขเ่ คม็ ละมนุ หอมกลนิ่ สมนุ ไพรไทยของทา่ น ไขม่ ีการเปล่ยี นแปลงอยา่ งไร ประเดน็ ที่ 2 ไข่เคม็ ท่ที า่ นทามีลักษณะอยา่ งไร ประเด็นที่ 3 ท่านได้ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์ในกิจกรรม ไข่เค็มละมุนหอมกล่ินสมุนไพรไทย บา้ งหรือไม่ อย่างไร ประเด็นท่ี 4 ท่านได้ความรู้ในด้านคณิตศาสตร์ในกิจกรรม ไข่เค็มละมุนหอมกลิ่นสมุนไพรไทย บ้างหรือไม่ อยา่ งไร ประเด็นที่ 5 ท่านใชอ้ ินเตอร์เน็ต สบื คน้ ข้อมูลบา้ งหรือไม่ สบื ค้นในเร่ืองใดบา้ ง ประเดน็ ที่ 6 ทา่ นใชก้ ระบวนการเทคโนโลยีในกิจกรรม ไข่เค็มละมุนหอมกลิ่นสมุนไพรไทย บ้าง หรอื ไม่ อยา่ งไร

ใบกจิ กรรมสาหรบั ผรู้ บั บริการ เรอ่ื ง การออกแบบและปฏบิ ัติการดองไขเ่ ค็มโดยบรู ณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถ่ิน วตั ถปุ ระสงค์ ออกแบบและทดลองดองไข่เคม็ โดยการบูรณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถ่ิน คาชี้แจง ใหท้ ่านออกแบบและทดลองดองไข่เคม็ โดยดาเนนิ การตามขั้นตอนท่กี าหนดให้ ดงั น้ี 1. การวางแผนการทดลองดองไขเ่ คม็ จากอุปกรณ์ทเ่ี ตรียมให้ โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษาและ สมนุ ไพรไทยในท้องถ่นิ 2. ทดลองดองไขเ่ คม็ โดยการบรู ณาการสะเตม็ ศกึ ษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถ่นิ 4. บนั ทกึ ผลการทดลองดองไข่เค็มโดยการบรู ณาการสะเต็มศกึ ษาและสมนุ ไพรไทยในทอ้ งถ่ิน 5. สรปุ ปญั หา/อปุ สรรค ในการดองไขเ่ คม็ โดยการบรู ณาการสะเต็มศึกษาและสมุนไพรไทยในทอ้ งถน่ิ วสั ดแุ ละอุปกรณ์ทเี่ ตรียมให้สาหรับการออกแบบและปฏิบัติการดองไขเ่ คม็ ท่ี รายการ จานวนตอ่ กลมุ่ 1 ไขเ่ ป็ด 10 ฟอง 2 น้าเปลา่ 1 ลติ ร 3 เกลือเม็ด 200 กรมั 4 สมุนไพรไทย เชน่ ใบเตย 100 กรัม 5 นา้ สม้ สายชกู ลน่ั 5% 1 ขวดใหญ่ 6 ขวดโหล (แกว้ หรือพลาสติก) 1 ใบ 7 ถุงรอ้ น 1 ใบ 8 หม้อ 1 ใบ 9 เตาแก๊ส 1 ถงั 10 กะละมัง 1 ใบ 11 ตาชัง่ 1 เคร่อื ง จุดประสงค์ในการทดลอง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ร่างแบบแผนการทดลองดองไขเ่ ค็ม 1. การระบุปญั หา 2. การคน้ หาแนวคดิ ที่เกีย่ วขอ้ ง 3. การวางแผนและพัฒนา

4. การทดสอบและการประเมินผล ผลการปฏิบัตงิ านในวนั ทดี่ าเนินการทดลอง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตารางบันทึกผล ภายหลังการทดลองดองไขเ่ ค็ม สูตร……………………………………………………………………………………………………………………………………………………. จานวนวันทดี่ อง ลักษณะภายนอกท่สี งั เกตได้ ผลการทดลองในดา้ นรสชาติ 1 วัน 2 วัน 3 วัน 4 วนั 5 วนั 5. การนาเสนอผลลพั ธ์ จากการทดลองดองไข่เค็มดว้ ยสตู ร……………………………………………………………………………………………………..….. ในวันทดี่ าเนนิ การทดลองพบว่า…………………………………….……………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. เมื่อเวลาผ่านไป………วันพบว่าไข่เค็มมีลักษณะดีที่สุด เนื่องจาก…………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สรปุ ปัญหา/อุปสรรค ในการดองไข่ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

กจิ กรรม การนาสง่ิ ทีไ่ ด้เรยี นรไู้ ปปฏิบัตแิ ละประยุกตใ์ ช้ คาช้ีแจง 1. ให้ผู้รับบรกิ ารตอบคาถามในประเด็น “ท่านจะนาความรู้ เร่ือง ไข่เค็มละมุนหอมกลิ่นสมุนไพรไทย ไปปฏบิ ัติและประยุกตใ์ ช้ในการแก้ปัญหาหรือ ใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ จรงิ ได้อย่างไร 2. ผรู้ บั บรกิ ารและผ้จู ดั กจิ กรรมแลกเปลย่ี นความคดิ เห็นและสรุปผลการเรยี นรูร้ ่วมกัน กจิ กรรมการทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง ไขเ่ ค็มละมุนหอมกลน่ิ สมุนไพรไทย แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง ไขเ่ คม็ ละมุนหอมกล่ินสมนุ ไพรไทย คาชี้แจง 1. แบบทดสอบจานวน 10 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน 2. ใหเ้ ลือกคาตอบท่ถี ูกท่สี ุดเพยี งขอ้ เดียว 1. ไข่ทนี่ ยิ มนามาทาไขเ่ ค็ม คอื ข้อใด ข. ไขเ่ ป็ด ก. ไขไ่ ก่ ง. ถูกทุกข้อ ค. ไขน่ กกระทา 2. สมุนไพรทีน่ ยิ มนามาดองไข่เคม็ คอื ขอ้ ใด ก. ใบเตย ข. ตะไคร้ ค. อัญชัน ง. ถกู ทุกขอ้ 3. ไข่เคม็ เปน็ การถนอมอาหารโดยการดองวิธีใด ก. การดองเปรย้ั ว ข. การดองหวาน ค. การดองเคม็ ง. ถูกทุกขอ้ 4. ลกั ษณะไข่เคม็ ที่มีคุณภาพที่ดตี ้องมีลักษณะอยา่ งไร ก. เปลือกสขี าวขุน่ เหน็ เป็นเงา ข. เปลือกมีผงคล้ายแปง้ สขี าวนวลเคลอื บอยู่ ค. เปลือกต้องไม่แตกรา้ ว ง. ถูกทุกขอ้ 5. ไขเ่ คม็ เปน็ การถนอมอาหารแบบใด ก. การแช่อ่มิ ข. การหมกั ค. การดอง ง. การกวน 6. การดองไข่เคม็ ใช้เวลาในการดองนานก่ีวัน ก. 15-20 วัน ข. 20-25 วนั ค. 25-30 วัน ง. มากกว่า 30 วัน 7. ไขเ่ ปด็ ท่ีใหม่และสด ควรมีลักษณะอย่างไร ก. เปลอื กจะมีสีนวล ข. จะมีนา้ หนกั เบากว่า ค. เปลือกไข่มรี อยบุบหรอื แตก ง. ถูกทกุ ขอ้

8. วธิ ตี ม้ ไขเ่ คม็ ให้อร่อย ควรต้มกน่ี าที ก. 8 นาที ข. 10 นาที ค. 15 นาที ง. 20 นาที 9. ไขเ่ ค็มสามารถทาได้ก่วี ธิ ี ข. 2 วิธี ก. 1 วิธี ง. 4 วิธี ค. 3 วิธี 10. ข้อใดคอื ประโยชน์ของไขเ่ ค็ม ก. เปน็ การยดื อายขุ องไข่เป็ด ข. เปน็ การเพม่ิ มลู คา่ ของไข่เปด็ ค. สามารถนาผลิตภณั ฑ์มาแปรรูปได้หลายอยา่ ง ง. ถกู ทกุ ขอ้

กจิ กรรม การประเมนิ ความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม คาชแ้ี จง ใหผ้ ูร้ ับบริการทาแบบประเมนิ ความพึงพอใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม เรอื่ ง ไข่เค็มละมนุ หอมกล่นิ สมุนไพรไทย แบบประเมินความพึงพอใจของผู้รับบรกิ าร กิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศยั ดา้ นสะเต็มศึกษา (STEM EDUCATION) ชื่อ-สกลุ ผรู้ ับบรกิ าร......................................................................................... ชอื่ ฐานการเรยี นรู.้ .......................................................ช่ือ – สกลุ ผ้จู ัดกจิ กรรม ......................................................... วนั ที่............เดือน...........................พ.ศ................... เวลา..................น. ความพึงพอใจท่มี ีตอ่ การจัดกิจกรรม ประเด็น ระดบั ความพงึ พอใจ 5 4 3 21 1. กจิ กรรมตรงตามความถนดั และต้องการของผู้รบั บริการ 2. ขนั้ ตอนการทากิจกรรมมคี วามชดั เจน 3. สอ่ื /วัสดุ/อปุ กรณ์ทใ่ี ชท้ ากิจกรรมมีความเหมาะสม 4. ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการทากิจกรรมมคี วามเหมาะสม 5. ความรทู้ ีไ่ ดร้ ับสามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจริงได้ 6. ผู้รบั รกิ ารมคี วามสุข/สนุกในการทากจิ กรรม ความพึงพอใจในภาพรวมต่อการจัดกจิ กรรม ระดับ 5 หมายถงึ ระดบั 4 หมายถึง ระดบั 3 หมายถึง ระดบั 2 หมายถงึ ระดบั 1 หมายถงึ พงึ พอใจมากท่สี ุด พึงพอใจมาก พึงพอใจปานกลาง พึงพอใจนอ้ ย พงึ พอใจนอ้ ยท่สี ุด ความร้ปู ระสบการณ์ทไี่ ดร้ ับ ความคิดเห็นเพ่มิ เติม .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... ......................................................................... .......................................................................... .........................................................................

เฉลยแบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ก 6. ข 7. ค 8. ง 9. ข 10. ง เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 1. ข 2. ง 3. ค 4. ง 5. ค 6. ก 7. ก 8. ข 9. ข 10. ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook