ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 1 รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 1.คา่ น้าทบ่ี า้ น 3 เดอื นทผี่ ่านมาสูงกว่าปกติ จากข้อ 6.โครงงานวทิ ยาศาสตร์มีก่ีประเภท ความเกิดจากทักษะข้อใด ก.4 ประเภท ข้อใด ก.สงั เกต ข.5 ประเภท ข.ตัง้ ปัญหา ค.6 ประเภท ค.ตัง้ สมมติฐาน ง.7 ประเภท ง.ออกแบบการทดลอง 7.โครงงานวทิ ยาศาสตรแ์ บบใดทเี่ หมาะสมทีส่ ุดกับ 2.กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้ันตอนใด ทจ่ี ะนา้ ไปสู่ นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น การสรุปผลและการศึกษาต่อไป ก.โครงงานส้ารวจ ก.การตง้ั สมมติฐานและการออกแบบการทดลอง ข.โครงงานทฤษฎี ข.การหาความสมั พันธข์ องข้อเทจ็ จรงิ ค.โครงงานทดลอง ค.การรวบรวมขอ้ มูล ง.โครงงานอธบิ าย ง.การสงั เกต 8.ผลการทดลองทางวทิ ยาศาสตรท์ ่ีนา่ เชือ่ ถือได้ตอ้ ง 3.ในการออกแบบการทดลองจะต้องยึดอะไรเป็นหลัก เป็นอยา่ งไร ก.สมมตฐิ าน ก.สรปุ ผลไดช้ ดั เจนด้วยตนเอง ข.ข้อมูล ข.ทา้ ซ้าหลาย ๆ ครัง้ และผลเหมือนเดิมทุกครง้ั ค.ปญั หา ค.ครทู ปี่ รกึ ษารับประกนั ผลงาน ง.ขอ้ เทจ็ จริง ง.ให้เพ่อื นสรุปให้ 4 .ลักษณะนสิ ัยของนักวทิ ยาศาสตรข์ ้อใดที่ท้าให้งาน 9.นักวทิ ยาศาสตร์ทา่ นใดเรยี กเซลล์เป็นคนแรก ประสบความส้าเร็จ ก.นิวตัน ก.ชอบจดบนั ทกึ ข.อริสโตเตลิ ข.รกั การอา่ น ค.โรเบริ ต์ ฮุค ค.ชอบค้นควา้ ง.กาลเิ ลโอ ง.ความพยายามและอดทน 10.เรา กฬี าใน 10.นักวิทยาศาสตรท์ ี่รว่ มกันก่อตัง้ ทฤษฎเี ซลลค์ ือใคร 5.ข้อใดเป็นลักษณะของสมมติฐานท่ดี ี ก.ชไลเดน และ ชารล์ ดาร์วิน ก.สามารถอธิบายปัญหาได้หลายแง่หลายมุม ข.เมนเดล และ ชารล์ ดาร์วิน ข.สามารถแก้ปญั หาท่สี งสัยได้อย่างชัดเจน ค.ชวนั น์ และ ชไลเดน ค.สามารถอธบิ ายปัญหาต่าง ๆ ได้ชัดเจน ง.ชวนั น์ และ เมนเดล ง.ครอบคลมุ เหตุการณ์และปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ภายในสภาพแวดล้อมเดียวกัน
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 2 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 11.โครงสร้างของเซลล์ใดทา้ หนา้ ท่ีควบคมุ การผา่ นเข้า 16.การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงเป็นกระบวนการที่พชื สร้าง ออกของสาร อะไร ก. แป้ง และ ออกซเิ จน ก.ผนังเซลล์ ข. คารโ์ บไฮเดรต และ ออกชิเจน ข.เยอ่ื หุ้มเซลล์ ค. น้าตาล และ คาร์บอนไดออกไซด์ ค.เซลลค์ มุ ง. แป้ง และ คารบ์ อนไดออกไซด์ ง.ไลโซโซม 12.โครงสรา้ งของเซลลท์ ่ที า้ หนา้ ทีส่ ังเคราะหโ์ ปรตีนคอื 17. พืชในขอ้ ใดต่อไปนี้อาศัยการสืบพันธ์โุ ดยการ ก.กอลจิคอมเพลก็ ซ์ แบ่งตัว ข.ไรโบโซม ค.ไลโซโซม ก. เฟิรน์ ง.แวคิวโอล ข. เหด็ ค. รา 13.โครงสร้างใดของเซลลท์ ี่ทา้ ใหเ้ ซลล์พชื คงรูปร่างอยู่ได้ ง. สาหร่ายเซลล์เดียว แมว้ า่ เซลล์น้ันจะไดร้ บั น้ามากเกนิ ไป 18. การสืบพนั ธ์ุของสัตวแ์ บง่ ออกเป็นก่ปี ระเภท ก.ผนังเซลล์ ก. 2 ประเภท ข.เยอ่ื หุ้มเซลล์ ข. 3 ประเภท ค.นวิ เคลยี ส ค. 4 ประเภท ง.ไซโทรพลาซมึ ง. 5 ประเภท 14.โครงสร้างทีท่ า้ หน้าที่เปรียบได้กับสมองของเซลล์ได้แก่ 19. สิง่ มีชวี ิตกลมุ่ ใดที่สามารถยอ่ ยสลายอินทรีย์สาร ขอ้ ใด ได้ ก.นวิ เคลียส ก. สัตว์กินพชื ข.คลอโรพลาสต์ ข. สตั ว์กนิ เนอื้ ค.เซนทรโิ อล ค. พชื สีเขียว ง.ไรโบโซม ง. แบคทีเรีย 15.โครงสร้างใดของเซลลม์ ีเฉพาะในเซลล์ของพชื เท่าน้นั 20. การแบง่ ชนดิ ของสง่ิ มีชีวิตจากพฤตกิ รรมการกิน ก.ผนังเซลล์ สามารถแบ่งไดเ้ ป็นกีช่ นดิ ข.เยือ่ หุ้มเซลล์ ค.นวิ เคลียส ก. 3 ชนิด ง.ไซโทรพลาซึม ข. 4 ชนดิ ค. 5 ชนิด ง. 6 ชนดิ
ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 3 รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 21. ขอ้ ใดเรยี งล้าดบั การบรโิ ภคไดถ้ ูกตอ้ งทส่ี ดุ 26. ช้ันบรรยากาศใดทา้ ให้เกิดปรากฏการณ์ ฝนตก ฟา้ แลบ ฟา้ ร้อง ก. นก—ผีเสือ้ —พชื —เหยี่ยว ก. โทรโพสเฟยี ร์ ข. พชื —ผเี สอื้ —นก—เหยีย่ ว ข. สตราโตสเฟยี ร์ ค. นก—เหยี่ยว—นก—ผีเสื้อ ค. เมโสสเฟยี ร์ ง. เหยย่ี ว—นก—พืช—ผเี ส้ือ ง. ไอโอโนสเฟียร์ 22. การตกลงมาของน้าในบรรยากาศส่พู ้ืนผวิ โลก 27. ก๊าซ ในขอ้ ใดต่อไปน้ีไม่จัดเปน็ ก๊าซเรือนกระจก กระบวนการเปล่ียนแปลงนเ้ี รียกว่าอะไร ก. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ข. กา๊ ซมีเทน ก. การซมึ ค. ก๊าซไนตรสั ออกไซด์ ข. การระเหยเป็นไอ ง. ก๊าซคารบ์ อนมอนอกไซด์ ค. หยาดนา้ ฟา้ ง. น้าทา่ 23. สารในขอ้ ใดต่อไปน้ี ไมใ่ ช่ สารประกอบอนิ ทรยี ์ 28. เกณฑใ์ นการจ้าแนกสารโดยใชส้ ถานะของสาร ก. น้า เป็นเกณฑส์ ามารถแบง่ ออกได้เปน็ กกี่ ล่มุ ข. โปรตีน ค. ไขมนั ก. 2 กลมุ่ ง. วติ ามนิ ข. 3 กลมุ่ ค. 4 กล่มุ 24 . ส่วนใดทีอ่ ยู่ชัน้ ในสดุ ของโลก ง. 5 กลมุ่ ก. เปลือกโลก ข. แก่นโลก 29. ธาตุในขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมจ่ ัด อยูใ่ นกลุ่มธาตุทมี่ ี ค. แมนเทลิ สถานะเปน็ ของแขง็ ง. ขว้ั โลก ก. สังกะสี 25. แผน่ เปลือกโลกใดมขี นาดใหญท่ ่ีสุด ข. เงิน ก. แผน่ ออสเตรเลยี น ค. ปรอท ข. แผน่ อเมรกิ าเหนือ ง. ดบี กุ ค. แผน่ แอฟรกิ ัน ง. แผน่ แปซิฟิก 30. ตะกั่ว จดั เปน็ สารประเภทใด ก. สารประกอบ ข. สารละลาย ค. สารเนอ้ื ผสม ง. ธาตุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: