51 1 . 1ระบายสีเรียบขอบคม )Hard age( เป็นกำรระบำยสีทใี่ ชก้ นั มำในงำนจิตรกรรมและกำรออกแบบ ที่ ตอ้ งกำรใชส้ ีแบนเรียบ ให้สีแสดงรูปทรงของตวั มนั เอง มกี ำรจดั จงั หวะช่องไฟ ทสี่ มั พนั ธก์ บั พ้นื กำรระบำยสีแบบน้ี พวกสญั ลกั ษณน์ ิยมชอบใช้ โดยเฉพำะงำนทีต่ อ้ งกำรแสดงถงึ ควำมประณีตเรียบร้อย เป็นเทคนิคเบ้ืองตน้ ท่ีนกั ศึกษำ ศิลปะทกุ คนควรทำได้ เพรำะเป็นกำรฝึกกำรบงั คบั มอื ให้เทีย่ งตรงมสี มำธิ ปัจจุบนั นกั ศึกษำมวี ิธีกำรทง่ี ำ่ และไดผ้ ลดี คือกำรใชก้ ระดำษกำวหรือเทปกำวมำคำดเป็นขอบ แลว้ ระบำยสีใหเ้ รียนเอำกระดำษออก จะไดร้ ูปทรงท่ีมีขอบคม ชดั เจน 1 .การระบายสีให้เรยี บและตดั เส้น 2 ในกรณีที่ขอบของรูปร่ำงรูปทรงไมเ่ รียบร้อย กำรตดั เสน้ ขอบจะช่วย ใหด้ สู วยงำมข้นึ เรียบร้อย นอกจำกน้ีเทคนิคน้ียงั เป็นลกั ษณะเฉพำะของแต่ละทอ้ งถิ่น เช่น จิตรกรรมญ่ปี ่ นุ อนิ เดีย จิตรกรรมไทยแสดงควำมงำมของกำรตดั เสน้ และลลี ำของเส้น โดยทว่ั ไปแลว้ จะระบำยสีแบนเรียบ แลว้ ตดั เสน้ ดว้ ยสี หนกั หรือสีมอ ศลิ ปิ นพวกเอก็ ซเพรสชนั่ นิสซ่ึม ใชส้ ีสดๆ ตดั เส้น เดก็ สมยั ใหม่ใช้สีดำหรือสีหนกั ๆ ตดั เส้นแตท่ ำเป็น หลำยเส้น 1 .การระบายสีให้เรียบ 3 และน้ำหนกั ออ่ นแก่ เป็นกำรระบำยสีเรียบเหมอื นขอ้ แตใ่ นรูปร่ำงรูปทรงจะมี 2 กำรระบำยให้สีมีน้ำนกั อ่อนแกเ่ พอื่ ให้เกิดกำรเคล่อื นไหวมชี ีวิตชีวำในพ้ืนท่นี ้นั โดยกำรใชส้ ีหน่ึงเป็นสีหลกั แลว้ ใช้ สีขำวหรือสีดำผสมลงไปเพื่อสร้ำงให้มีน้ำหนกั อ่อนแกข่ ้นึ 2 . การระบายสีให้กลนื กนั )Harmony Coloring( ในกำรใชส้ ีส่วนใหญม่ กั จะมกี ำรใชส้ ีหลำยสี หรือหลำย น้ำหนกั และมกั จะทำใหก้ ลนื กนั ไดโ้ ดยไมม่ ขี อบ เพ่ือควำมนุ่มนวลของภำพ หรือกลืนไปกบั ส่วนพ้นื ซ่ึงส่วนใหญ่จะ เกลี่ยสีในขณะท่สี ียงั ไมแ่ หง้ สีแต่ละประเภทจะมีวธิ ีกำรยำกงำ่ ยในกำรเกล่ียสีใหก้ ลมกลนื ต่ำงกนั ดงั จะกลำ่ วตอ่ ไปน้ี 2 .สีน้า 1 สำมำรถทำใหส้ ีกลมกลนื กนั ไดโ้ ดยระบำยบนพ้ืนทีเ่ ปี ยกช้ืน หรือใชเ้ ทคนิคเปี ยกบนเปี ยก จะ ช่วยให้แตล่ ะสีซึมเขำ้ หำกนั ไดอ้ ยำ่ สวยงำม หรือถำ้ ตอ้ งกำรใหด้ ูเรียบร้อยอำจใชพ้ ู่กนั สะอำด เกล่ียใหเ้ รียบอกี คร้ังหน่ึง แต่ตอ้ งระวงั เพรำะอำจเกิดรอยด่ำงของสีเดิมได้ 2 .สีโปสเตอร์ 2 และสีฝ่นุ เป็นสีทบึ แสงท่ีขน้ มกั จะระบำยหนำ สำมำรถทำใหก้ ลนื กนั ไดโ้ ดยระบำยเป็น เส้นประสำนเขำ้ หำกนั หรือใชพ้ ู่กนั สะอำดหรือฟองน้ำมำเกลย่ี ใหก้ ลืนเขำ้ หำกนั ได้ แตค่ วรควบคมุ น้ำและสีที่ปลำย พูก่ นั ให้พอดี มิน้นั อำจไปดึงสีเดิมให้ด่ำงหรือหลดุ ออกมำผสมกนั ได้ 2 .สีหมกึ 3 เป็นสีน้ำทีม่ คี วำมละเอียด และสดใสมำก กำรทำใหก้ ลืนกนั ดว้ ยพู่กนั เป็นเร่ืองยำก เพรำะแห้ง เร็ว จึงมีผคู้ น้ คิดเคร่ืองมอื เรียกวำ่ พู่กนั ลม ใชพ้ ่นเป็นละอองกลนื เขำ้ หำกนั ไดอ้ ยำ่ งสวยงำม และปัจจบุ นั ท่ีนิยมกนั ใน วงกำรนิเทศศิลป์ พำนิชยศิลป์ มำกเพรำะจะไดส้ ีทเ่ี รียบ เนียน กลมกลืนกนั อยำ่ งเหมำะสมสวยงำมสอดคลอ้ งกบั รสนิยมของคนไทย 2 .สีน้ามัน 4 ทำให้กลนื กนั ดว้ ยกำรเปลย่ี นสีใหเ้ รียบ หรือระบำยเป็นรอยแปรงทบั กนั ไปมำ จนเป็นสีเน้ือ เดียวกนั 2 .สีพาสเทล 5 หรือสีชอล์ ทำใหก้ ลนื เขำ้ หำกนั ดว้ ยกำรเกลี่ยเรียบมอื หรือผำ้ สะอำดนุ่ม ๆ 2 .สีเทยี น 6 ทำให้เรียบกลมกลนื กนั ดว้ ยควำมร้อน 3 . การระบายสีแดงพ้นื ผิว พ้นื ทีแ่ ตกต่ำงกนั เป็นองคป์ ระกอบอยำ่ งหน่ึงทท่ี ำใหเ้ กิดควำมงำมในงำน จิตรกรรม และเป็นเทคนิคกำรระบำยสีทีท่ ำให้ดูแลว้ รู้สึกสนุกสนำน ไปตำมลกั ษณะของอปุ กรณท์ ีใ่ ชร้ ะบำย ภำพท่ี ปรำกฏจะไมร่ ำบเรียบเหมือนกำรระบำยสีในขอ้ แต่จะระบำยให้ดูมนี ้ำหนกั ออ่ นแก่ มชี ีวติ ชีวำ มีควำม 2 และ 1
52 สวยงำมไปอีกแบบหน่ึงทำใหศ้ ลิ ปิ นพยำยำมคน้ หำเครื่องมือตำ่ งๆ มำสร้ำงสรรคใ์ ห้เกิดควำมงำมของพ้ืนผิวในงำน จิตรกรรม เทคนิคกำรระบำยสีแบบเรียบ บำงคร้ังดจู ืดไมต้ นื่ เตน้ เร้ำใจ น่ำเบ่อื ท้งั ผูส้ ร้ำงและผดู้ จู ิตรกรจึงระบำยสีให้ เกิดเป็นพ้ืนผิวที่ดูแปลกตำ ตน่ื เตน้ เช่น พ้ืนผวิ จำกกำรระบำยสีหนำๆ พ้นื ที่ผวิ จำกรอยแปรง เป็นตน้ ทำให้ผูด้ บู ำงกลมุ่ ทีช่ อบควำมงำมแบบสีเรียบ ควำมเรียบร้อยไมเ่ ห็นดว้ ย และวิจำรณ์วำ่ เป็นภำพท่ียงั ไม่เสร็จ แต่ถำ้ พจิ ำรณำกนั ใหด้ ีแลว้ จะเห็นว่ำเป็นกำรระบำยสีทแี่ สดงถึงควำมแม่นยำ ไดจ้ งั หวะ ลงตวั สนุกสนำน ดมู ีชีวิตชีวำ จดั ไดเ้ ป็นกลมุ่ ไดด้ งั น้ี 3 .) พืน้ ผวิ ทีเ่ กิดจากรอยแปรงหรือพ่กู นั 1Brush strok( แปรงหรือพู่กนั เป็นอปุ กรณพ์ ้ืนฐำนทใ่ี ชใ้ นกำรเขียน ภำพมำต้งั แต่อดีต ซ่ึงสำมำรถจะใชร้ ะบำยสีโดยเกลีย่ ให้เรียบ หรือเปล่ียนไประบำยเพอื่ แสดงควำมงำมของฝีแปรงก็ ได้ ศิลปิ นผมู้ ชี ่ือเสียงดำ้ นน้ี เช่น วินเซนต์ แวนโก๊ะ วิลเลยี่ ม เดอร์น่ิง )Willem De Kooning( ฟรำน ไคล จำรสั เกียรติ กอ้ ง อำรีย์ สุทธิ และวริ ุณ ต้งั เจริญ เป็นตน้ ภำพทส่ี ำเร็จจะดูคลำ้ ยเส้นทรี่ ่ำงคร่ำวๆ บนพ้ืนระนำบ )Abbozzo( แสดง กำรเขยี นอยำ่ งฉบั พลนั โดยมิไดไ้ ตร่ตรองไวก้ ่อน จำกกำรศึกษำประวตั ิศำสตร์ศลิ ป์ พบวำ่ มกี ำรเขยี นแสดงควำมงำมของฝีแปรง มำต้งั แตย่ คุ บำโรก โดยเฟ รนส์ ฮอล )Frans Hals( วเิ ซ็น แวนกอ๊ ก ไดเ้ ขียนภำพแสดงรอยแปลงอยำ่ งชำนำญ เป็นผลใหเ้ กิดควำมงำมท้งั ดำ้ น เน้ือหำเรื่องรำว กำรใชส้ ี พ้นื ผิว ควำมเคลื่อนไหวและลีลำของรอยแปรงดว้ ย ในเร่ืองของฝีแปรงน้ี ประยูร อลุ ชุ ำฏะ กลำ่ วไวว้ ่ำ (อำ้ งแลว้ )“ จิตรกรจีนโบรำณท่ำนฝึกฝนกำรป้ำยพ่กู นั ... เป็นกิ่งกำ้ นและใบไผ่ หรือป้ำยทีเดียวเป็นตวั ปลำ เกลด็ ปลำ ทำบอ่ ยๆจนชำนำญ สำมำรถเปลีย่ นอริ ิยำบถ ท่ำทำง 3 .2 พืน้ ผิวจากการระบายสีโดยวธิ ีจดุ พ้นื ทเ่ี ป็นจุดนบั ว่ำเป็นควำมงำมอยำ่ งหน่ึง เกิดจำกพูก่ นั หรืออปุ กรณ์ อนื่ ๆ กไ็ ดป้ ัจจบุ นั มเี ครื่องพ่น ซ่ึงทำใหไ้ ดจ้ ดุ ท่ีมีขนำดเลก็ และแตล่ ะจดุ มีขนำดเท่ำกนั จิตรกรรม นีโออมิ เพรสชน่ั นิสซ่ึมระบำยสีเป็นจุดเลก็ ๆ และปลอ่ ยใหส้ ีผสมกนั ใน-สำยตำของผมู้ อง 3 .การระบายสีด้วยการหยดสี เทสี ราดสี สลดั สี 3 แสดงรอยแปลงที่รวดเร็วรุนแรง เดด็ ขำด )Action paintingวธิ ีน้ีนบั ไดว้ ่ำเป็น กำรระบำยสีท่ีอิสระ และสนุกสนำนมำกทส่ี ุด ภำพที่ปรำกฏออกมำจึงมีขนำดใหญ่ ที่ ( แสดงถงึ พลงั ควำมรู้สึกของศลิ ปิ นในขณะน้นั อยำ่ งฉับพลนั ผูน้ ำวิธีน้ีมำใชเ้ ป็นคนแรงคือ แจค็ สนั พอลลอค )Jacso Paullock 1912-1956 เป็นศิลปิ นในกลุ่มแอบสแตรกเอก็ สเพรสชน่ั นิสต์ นอกจำกน้ีควำมงำมของสี พ้ืนผวิ น้ำหนกั ( ) จงั หวะและลีลำทแี่ ปลกออกไปอีกเช่น ผลงำนของมำร์ค รอธโกMard Rothko 1903-1970ใชก้ ู (พ้นื จุ่มสี ระบำยลง บนผำ้ ใบ ผลงงำนของอีฟ แคลง )Yves Klein 1928-1962ใชห้ ญิงสำวเปลอื ยกำยลงไปจุ่มในถงั สีแลว้ มำเกลอื กลง้ิ ( บนผนื ผำ้ ใบเป็นตน้ 4 . เทคนคิ ผสม )Mixed Technique( เป็นกำรนำเอำวธิ ีกำรระบำยสีหลำยวิธีมำร่วมกนั สร้ำงงำนจิตรกรรม ทำให้ภำพมที ้งั วิธีกำรสีเรียบขอบคม รอยแปรง ฯลฯ เพอื่ มิให้สับสนกบั คำวำ่ สื่อผสมจึงขอกลำ่ วโดยสรุปดงั น้ี ส่ือผสม )Mixed media( หมำยถงึ กำรนำวสั ดุ หรือกรรมวิธี หลำยๆ อยำ่ งมำใช้ในกำรสร้ำงสรรคง์ ำน ใน ลกั ษณะของกำรนำมำรวมกนั หรือนำมำผสมผสำนกนั ในงำนชิ้นเดียวกนั เน้ือหำเดียวกนั นบั เป็นกำรเปิ ดโอกำสให้ ศิลปิ นไดพ้ ฒั นำกำรรูปแบบเทคนิค กำรนำเสนอแนวคิด กำรแสดงออก ดว้ ยกำรนำส่ือตำ่ งๆ มำประสำนกนั ส่งผลให้ งำนมคี วำมสมบูรณ์ตำมเจตนำของตนเองมำกข้ึน ในเรื่องน้ี ชลูด น่ิมเสมอ )2537 : 105กลำ่ วว่ำ งำนศิลปะท่ีใชห้ ลำก ( สื่อ เช่ือกนั วำ่ สมั ฤทธ์ิผลจะสูงกวำ่ งำนทใี่ ชเ้ พียงส่ือเดียว
53 หรือสื่อผสม เป็นกำรนำเทคนิค วิธีกำรกำรเขียนภำพ วธิ ีกำรสร้ำงภำพตำ่ งๆ มำผสมกนั นบั เป็นเทคนิค ใหม่ ซ่ึงเริ่มนำมำสร้ำงภำพ และปรำกฏในงำนแสดงศิลปกรรมแห่งชำติคร้ังท่ี 27/โดยใชช้ ื่อว่ำเทคนิคสื่อ 2524 ประสม จดั อยใู่ นเทคนิคหน่ึงอยมู่ นจิตรกรรมเรียกวำ่ เทคนิคผสม และต้งั แตค่ ร้ังที่ 37/ จนถึงปัจจบุ นั ไดจ้ ดั เป็น 2534 งำนเฉพำะอกี ประเภทหน่ึงโดยใชช้ ่ือวำ่ ศลิ ปะประเภทส่ือผสม เทคนิคสื่อประสมน้ีเป็นวธิ ีกำรของศลิ ปะสมยั ใหม่ ท่ศี ลิ ปิ น “…ต่ำงกพ็ ยำยำมจะสร้ำงให้ดสู ะดุดตำและเร่ง เร้ำอำรมณร์ ับรู้อยำ่ งแรงทนั ทีทนั ใด เพือ่ เรียกร้องใหเ้ กิดควำมสนใจอยำ่ งรวดเร็วจำกผชู้ ม ดุจดงั่ เสียระฆงั หรือเสียง แตรที่ปลกุ เร้ำควำมรู้สึกของคนไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพ ศลิ ปิ นต่ำงเสำะหำสิ่งสะดุดตำสะดดุ ใจแบบใหมๆ่ แปลกๆ นำมำ เป็นแหลง่ กอ่ ควำมดลใจสร้ำงงำน เพอ่ื ให้งำนน้นั มผี ลทำงอำรมณ์ใหค้ วำมรู้สึกท้งั ตำและใจในเวลำ... กำจร สุนพงษศ์ รี) น่ีเป็นลกั ษณะทวั่ ไปของศลิ ปะสมยั ใหม่...อนั รวดเร็ว มติ อ้ งใชเ้ วลำพินิจพิจำรณำคอ่ ยดคู ่อยคิด 2523:466) เทคนิควิธีกำรระบำยสียงั มอี ีกมำกสุดแลว้ แต่ศิลปิ นแต่ละคนจะคน้ คดิ ข้ึน ซ่ึงถอื ว่ำเป็นควำมคดิ สร้ำงสรรค์ ท่มี คี ณุ คำ่ ยิ่ง และผลงำนหน่ึงจะมีเทคนิคกำรระบำยสีแบบเดียวหรือหลำยแบบผสมกนั ไปเพอ่ื ให้ผลงำนปรำกฏ ออกมำสวยงำมตำมทีศ่ ลิ ปิ นต้งั จดุ มุ่งหมำยไว้ เทคนิควิธีกำร เป็นเร่ืองทเ่ี ก่ียวกบั กรรมวิธีกำรสร้ำงงำนจิตรกรรม เป็นกำรใช้วตั ถตุ ำ่ งๆ ทีน่ ำมำเป็นสื่อใน กำรถำ่ ยทอด ตำมท่ีศิลปินตอ้ งกำรแสดงออกเทคนิคและวิธีกำรจึงมีควำมแตกตำ่ งกนั ตำมประเภท ชนิด หรือ คณุ สมบตั ิของวสั ดุ และวธิ ีกำรใช้ เมื่อศลิ ปิ นฝึกฝนจนเกิดทกั ษะควำมชำนำญ ก็จะเกิดเป็นวธิ ีกำรเฉพำะตวั หรือ เฉพำะเรื่อง นอกจำกน้ีศิลปิ นบำงคนยงั พยำยำมสร้ำงงำนใหม้ ีหลำยเทคนิคหลำยวิธีรวมกนั ในภำพ เพ่ือท่ีจะไดง้ ำนท่ี แปลกตำ สนองควำมคิดสร้ำงสรรคข์ องตนเอง รสนิยมของผดู้ ู นอกจำกน้ีเทคนิคบำงอยำ่ งยงั มคี วำมงำมในตวั มนั เอง โดยไมต่ อ้ งพ่งึ เน้ือหำเรื่องรำวก็ได้ บำงคร้ังเรำวดั คณุ คำ่ ของงำนจิตรกรรมทม่ี คี วำมหมำยยำกง่ำย เช่น ดรู ู้เร่ืองงำ่ ยจะเป็นธรรมดำ ถำ้ ซบั ซอ้ ง ตอ้ งคิดหลำยช้นั หลำยเชิง จะดีกว่ำในทำนองเดียวกนั ถำ้ งำนแสดงเทคนิคแปลกๆ ทำยำกจะไดร้ ับควำมสนใจมำกกวำ่ งำนทีส่ ร้ำงข้นึ ดว้ ยเทคนิคธรรมดำ ในเร่ืองน้ี กลำ่ วว (พิทยำ เวียงแกว้ )์่ำ บทบำทหนำ้ ท่ขี องวสั ดุและเทคนิค วิธีกำรนบั วำ่ มีควำมสำคญั ใน กำรเริ่มสร้ำงคณุ ค่ำของงำนศลิ ปะต่ำงๆ กำรถ่ำยทอดแนวควำมคดิ จำเป็นตอ้ งอำศยั เทคนิคและวธิ ี )Techniqun methods ในกำรสร้ำงสรรคง์ ำนตำมแนวทำงตำมควำมถนดั ของตวั เองอยำ่ งอสิ ระ ทำใหศ้ ิลปิ นมกี ำรศกึ ษำ คน้ ควำ้ ( ทดลองเทคนิคและวธิ ีกำรใหม่ๆ หรือดดั แปลงจำกวิธีกำรเกำ่ ๆ หรือผสมผสำนหลำยเทคนิคเขำ้ ไปดว้ ยกนั ก็ได้ ถึงแมว้ ำ่ เทคนิค เป็นส่ิงจำเป็นในกำรทำใหศ้ ิลปะเกิดกำรพฒั นำ แต่ถำ้ มำกเกินไปหรือฉำบฉวย ผทู้ ำขำด กำรหยงั่ รู้และควำมลึกซ่ึง งำนจะไมไ่ ดร้ บั กำรยอมรับ ไพโรจน์ วงั บอน ไดก้ ล่ำวถงึ ควำมสำคญั ของเทคนิคกำรเขยี นภำพว่ำ “…ศิลปิ นบำงคนจะเปลย่ี นเฉพำะ คอนเซ็ป แตว่ ำ่ เทคนิคจะเหมือนเดิม 2540 สิงหำคม 24 วนั อำทติ ยท์ ี่ 3682 ฉบบั ท่ี 16 ปี ท่ี 12 วฏั จกั ร หน้ำ)) เทคนิคจากวัสดุ สุชำติ เถำทอง )2536 : 99-115 ไดก้ ล่ำวถงึ เทคนิคจำกวสั ดวุ ่ำ (“…วสั ดุแต่ละอยำ่ งมธี รรมชำตเิ ป็นของตวั มนั เอง เป็นคณุ ลกั ษณะเฉพำะ และมวี ิธีกำรใชแ้ ตกต่ำงกนั ดงั น้นั เทคนิคท่เี ป็นคร้ันตอนหรือกระบวนกำรสร้ำงภำพให้ ปรำกฏ จึงตอ้ งเกี่ยวขอ้ งกบั วสั ดอุ ยำ่ งหลีกเล่ยี งไม่ไดว้ สั ดุมผี ลต่ออำยแุ ละรูป...แบบควำมงำม กำรเลอื กวสั ดทุ ไ่ี ม่
54 เหมำะสม จะทำใหผ้ ลงำนขำดควำมคงทนปัญหำท่ีมองเห็นไดอ้ ยำ่ งชดั เจน เช่น ถำ้ เลอื กกระดำษ สี ทม่ี เี วลำผ่ำนไป... เพยี งไมถ่ ึงปี สีกระดำษกเ็ ปลย่ี น ทำให้โครงสีของงำนที่เป็นเน้ือหำของภำพสูญเสียไป” เรำตอ้ งยอมรบั วำ่ ควำมงำมจำกเทคนิคกำรเขยี นภำพน้นั ศิลปิ นสร้ำงข้นึ ไดจ้ ริง เช่น เทคนิคสีน้ำ สีน้ำมนั สี อะคริลกิ เทคนิคงำนภำพพมิ พด์ ว้ ยวิธีกำรตำ่ งๆ เทคนิคประสม ตัวอย่างเทคนิคทเ่ี กิดจากวสั ดุ ได้แก่ 1 . 1เทคนิคจากดนิ สอ ปากกา )Drawing( เป็นเทคนิคพ้นื ฐำน เกิดจำกกำรใชด้ ินสอ ปำกกำ ฯลฯ มำเขียนภำพ นบั เป็นกำรสร้ำงภำพง่ำยๆ ไม่ซบั ซ้อน แสดงลกั ษณะใชเ้ ส้นเป็นส่วนใหญ่ มีสีเดียว แสดงควำมงำมของรูปร่ำงรูปทรง น้ำหนกั อ่อนแก่ ลกั ษณะผิว บำงคร้งั แสดงควำมงำมของเส้นลว้ นๆ ลีลำของเส้นควำมนุ่มนวล ออ่ นหวำน ควำมพลว้ิ เคลื่อนไหว ควำมรุนแรง กลำ้ หำญ และจงั หวะของเสน้ อยำ่ งอิสระ วสั ดุทใ่ี ชเ้ ทคนิคน้ี เช่น ดินสอ ปำกกำลูกลืน่ ท้งั สีเดียวและรวมกนั หลำยสี หมึกซึม เกรยอง แท่งถำ่ ย 2536 โกสุม สำยใจ):79-92 ( 1 .) เทคนิคสีฝ่ ุน 2Fresco( สีฝ่นุ เป็นผงฝ่นุ คลำ้ ยแป้ง เป็นผงสีสดใส แต่เม่ือเขียนเป็นภำพแลว้ ควำมสดใจของสีจะลดลงเลก็ นอ้ ย และมคี วำมเรียบ ดำ้ น เวลำเขยี นตอ้ งผสมกำว ท้งั กำวจำกยำงไม้ กำวจำกหนงั สตั ว์ หรือไข่ขำว ในอดีตจะเขียนบนพ้นื ไม้ บนผนงั ปนู เขยี นไดท้ ้งั ในลกั ษณะของสีปูนเปี ยก และปูนแห้ง ปัจจุบนั มีกำรเขยี นบนพ้ืนผำ้ ใบ สีฝ่ ุนเป็นสีหลกั ใน กลวิธีวำดภำพแบบปูนแหง้ )Secco2530 รำชบณั ฑิตยสถำน) (:175) ในเร่ืองของกำรเขยี นภำพดว้ ยเทคนิคสีฝุ่นน้ี อำรีย์ สุทธิพนั ธ์ )2528:94-95) กล่ำวว่ำ “บำงครำวถำ้ ศิลปิ น... ตอ้ งกำรให้มคี วำมรู้สึกคลำ้ ยสีน้ำมนั กจ็ ะใชน้ ้ำมนั ลินซีด )Linseed oil (เป็นตวั ผสม ปัจจุบนั กำรผลติ สีกำ้ วหนำ้ มำก มีสีผงซ่ึงไม่ผสมกำวกบั น้ำมนั ...เพรำะในสีผงน้นั บริษทั ที่ทำไดผ้ สมกำวผงและสำรเคมีอนื่ ๆ ไวแ้ ลว้ ง...” ในงำน แสดงศิลปกรรมแห่งชำติในช่วงเวลำทีผ่ เู้ ขียนศึกษำวจิ ยั พบวำ่ ศิลปิ นไดน้ ำเทคนิคน้ีมำใชร้ ่วมกบั กำรปิ ดทองเรียกว่ำ เทคนิคสีฝ่นุ และทองคำเปลว )Gold leaf( ที่ใชใ้ นงำนจิตรกรรมเกิดจำกกำรนำเอำทองคำแผ่นมำตีเป็นแผน่ บำงๆ นิยมทำเป็นแผน่ ขนำด 1- กะรัต มคี วำมหนำ 23 ทองคำเปลวที่มเี น้ือทองมำตรฐำนเป็นทองเน้ือดี...ตำรำงนิ้ว 3 1/300,000 นิ้วทองคำเปลวมีใชต้ ้งั แต่สมยั โบรำณ ในลกั ษณะและวธิ ีกำรตำ่ งๆ กนั เช่น ใชก้ ำรเขียนภำพจิตรกรรมฝำ.. ...ผนงั และกำรเขียนภำพประกอบหนงั สือ“กำรทำลำยรดน้ำ งำนปิ ดทอง ไมส้ กั ลำยปูนป้ัน...” รำชบณั ฑิตยสถำน) 2530: 82) ศลิ ปิ นปัจจุบนั ใชส้ ีอะคริลิกแทนสีฝ่นุ จึงเรียกวำ่ เทคนิคสีอะคริลิกและทองคำเปลว 1 .) เทคนคิ สีขผี้ งึ้ 3Encaustic painting ( เป็นเทคนิคกำรเขยี นภำพท่ีมีมำต้งั แต่สมยั โบรำณ พฒั นำมำจำกเทคนิคสีฝ่นุ โดยกำรใชท้ ำบนสีฝ่นุ เพื่อรักษำผิวหนำ้ ของสีฝ่นุ ใชข้ ้ผี ้ึงอยำ่ งดีผสมสี โดยนำมำผสมกบั สีโดยตรงทำให้ร้อนเสียกอ่ น สีจึงมีควำมขน้ จึงลงมอื เขยี นเวลำ... เขียนจะตอ้ งนำกระดำษรองเขยี นองั ไฟให้อนุ่ อยเู่ สมอเพื่อข้ีผ้ึงจะไดล้ ะลำย ทำให้ตอ้ งรีบเขียนในขณะที่กำลงั ร้อน 1 .) เทคนคิ สีน้า 4Water color( สีน้ำเป็นสีประเภทโปร่งแสง เขยี นบนกระดำษ โดยเฉพำะกระดำษขำว กำรเลือกชนิดของกระดำษมคี วำมสำคญั ต่อ กำรเขียนสีน้ำมำก ศลิ ปิ นบำงคนใชก้ ระดำษที่มีควำมหนำมพี ้นื ผิวเรียบ ผวิ หยำบ ขรุขระ ซ่ึงมีผลต่อกำรระบำยสีน้ำ กระดำษชนิดหยำบ จะรองรบั สีน้ำไดด้ ี และใหผ้ ิวที่สวยงำมดว้ ย
55 มำณพ ถนอมศรี )2527 :29 -36) ไดก้ ลำ่ วถึงตน้ กำรเขียนสีน้ำว่ำ “…ภำพเขียนจีนเกิดข้ึนมำเป็นเวลำชำ้ นำน 4,แต่ถำ้ จะถำมวำ่ ก่อนทีภ่ ำพเขียนลกั ษณะน้ีจะเกิดข้ึนในประเทศ...ปี มำแลว้ ดเู หมือนเริ่มแต่จีนมอี ำรยธรรม 000 ในสมยั รำชวงศซ์ ้องของอำรย...จีนน้นั พวกเขำเอำควำมคดิ และวธิ ีกำรมำจำกไหน ผมกส็ นั นิฐำนว่ำเอำมำจำกอนิ เดีย ธรรมจีน ซ่ึงถอื วำ่ เขียนแบบน้ีเจริญสูงสุด ขนำดพระเจำ้ แผ่นดินทรงเป็นจิตรกรเลยทีเดียวกลำ่ วในแง่วิชำกำรถอื ... ไดว้ ำ่ จีนเป็นชำติแลกของโลกที่เป็นผนู้ ำในกำรเขยี นภำพดว้ ยสีน้ำ และกำรเขียนสีน้ำของจีนกม็ ีลกั ษณะเฉพำะตวั นอกจำกน้ียงั ปรำกฏวำ่ มีกำรเขยี นสีน้ำบนผำ้ ไหม บนกระดำษ มว้ นปำไปรสั )Papylus( ของชำวอยี ปิ ต์ ดว้ ย “) เวลำบำยมกั จะระบำยแบบสีชุ่มน้ำ...Mother wash( โดยใชส้ ีน้ำผสมน้ำจนเจือจำง ระบำยลงบนกระดำษท่ีตงึ แน่นไมย่ ดื หด เมื่อระบำยสีลงไปแลว้ จะตอ้ งทง้ิ ไวจ้ นกระดำษแห่งสนิท จึงลงสีทบั ไปไดอ้ ีก ทำซ้ำๆ กนั เช่นน้ีจนเกิดสี อ่อนแกก่ ็ตำมตอ้ งกำร...” 2530 รำชบณั ฑิตยสถำน):119) เทคนิคสีน้ำมหี ลำยวธิ ีกำร ทน่ี ิยมกนั โดยทว่ั ไปไดแ้ ก่ 1 .4.) ระบำยสีเปี ยกบนพ้นื เปี ยก 1Wet on wet ( เป็นกำรระบำยสีน้ำชุ่มบนพ้นื เปี ยก ภำพท่ปี รำกฏ จะดู สดชื่น ชุ่มฉ่ำ โปร่งใส มกั จะระบำยในพ้นื ท่ีกวำ้ งๆ เช่น ทอ้ งฟ้ำ แผ่นน้ำ เป็นตน้ นอกจำกมีควำมชุม่ ฉ่ำ พร่ำมวั เหมำะ สำหรบั ภำพระยะหลงั หรือพ้นื หลงั 1 .4.) ระบำยสีเปี ยกบนพ้ืนแหง้ 2Wet on dry( เป็นกำรระบำยสีน้ำบนพ้นื แห้ง ใชร้ ะบำยในส่วนที่ ตอ้ งกำรแสดงรำยละเอยี ด 1 .4.) ระบำยสีขน้ บนพ้ืนเปี ยก 3Dry on wet (เป็นกำรระบำยสีน้ำขน้ ๆบนพ้นื เปี ยก ทำให้ไดส้ ่ิงทมี่ ีพลงั เขม้ ขน้ เหมำะทจ่ี ะเขียนในระยะหนำ้ 1 .4.) ระบำยสีขน้ บนพ้นื แห้ง 4Dry on dry (เป็นกำรระบำยสีน้ำขน้ ๆ หรือสีหมำดๆ บนพ้นื แหง้ สีจะ ติดบำ้ งไมต่ ดิ บำ้ ง เป็นพ้ืนผิวทีส่ วยงำม แปลกตำไปอกี แบบหน่ึง บำงคร้งั ใชส้ ีขน้ เนน้ ใหเ้ กิดระยะต่ำงๆข้นึ ในภำพ 1 .) เทคนิคสีนา้ มนั 5Oil color ( เป็นเทคนิคมำตรฐำนท่ีนิยมใชเ้ ขยี นกนั มำนำนกวำ่ ปี เวลำจะเขียนให้ผสมกบั น้ำมนั ลนิ ซีด เร่ิมเขียนกนั ต้งั แตย่ คุ 400 โรมนั ยคุ กลำง ปัจจุบนั ก็ยงั เป็นที่นิยมกนั อยู่ ผลงำนสำเร็จเป็นภำพท่สี วยงำม ส่วนใหญ่จะเขียนโดยระบำยสีหนำ )Impasto ระบำยสีใหส้ ดใส หรือสีมืดหม่นก็ได้ ภำพทีส่ ำเร็จจะมคี วำมคงทน อยไู่ ดน้ ำนร้อยปี ( สุชำติ เถำทอง )2536 :100 ไดก้ ลำ่ วถงึ เทคนิคสีน้ำมนั ว่ำ (“…สีน้ำมนั เป็นสีเขม้ ขน้ มีคณุ สมบตั ิทบึ แสง นิยมใชเ้ ขียนแบบพ้นื ไม้ หรือผำ้ ใบขึงกบั กรอบเรียกว่ำ แคนวำส สำหรบั ไมแ้ ละแผ่นผำ้ ใบมกั จะมกี ำรลงพ้นื ดว้ ยสีขำว ก่อน ซ่ึงเป็นสีสำหรับพ้ืนโดยเฉพำะ” ทำงดำ้ นวิธีกำรเขียน เม่ือเขียนแลว้ ทิ้งคำ้ งไว้ แลว้ กลบั มำเขยี นใหม่อกี กไ็ ด้ “…สีน้ำมนั วำดสะดวก มีกลวิธี ตำ่ งๆ มำกมำย ตำมแตค่ วำมถนดั และกำรคอดคน้ พลกิ แพลงหำแนวทำงของตนเอง สีน้ำมนั มีลกั ษณะเหนียว ตดิ พ้นื ง่ำย แหง้ เร็ว เขยี นทบั ซอ้ นกนั ไดห้ ลำยช้นั ไมม่ ที ส่ี ิ้นสุด นิยมใช้วำดบนพ้นื ผำ้ ใบ” 2530 รำชบณั ฑติ ยสถำน):129)จึง เรียกกนั วำ่ เทคนิคสีน้ำมนั บนผำ้ ใบ อำรีย์ สุทธิพนั ธ์ )2538:95) ไดก้ ลำ่ วถงึ เทคนิคสีน้ำมนั ว่ำ “...น้ำมนั ลินซีด ซ่ึงเป็นตวั ช่วยละลำยสีไมใ่ ห้ขน้ ข้นึ จนเกินไป เมอื่ เขยี นเป็นภำพแลว้ ผวิ จะดเู ป็นมนั บำงส่วน เมอ่ื เขียนภำพเสร็จแลว้ มกั จะเคลือบดว้ ยน้ำยำผสม
56 )Glazingส่วน คนให้เขำ้ กนั แล 3 ส่วน และน้ำมนั ลนิ ซีด 2 คอื ใชน้ ้ำมนั วำนิช (์้วใชแ้ ปรงสะอำดป้ำงลงตรงบริเวณที่ ตอ้ งกำรเคลือบน้นั ซ่ึงจะทำใหภ้ ำพบริเวณที่เคลือบมสี ีสนั สดใส และมผี ิวข้ึนคลำ้ ยกบั แจกนั เคลอื บผิว” 1 .) การเขยี นด้วยเกรียง 6Painting knife( เกรียง เป็นเครื่องมอื สำหรบั กำรใช้เขียนภำพ ทำดว้ ยเหล็กกลำ้ ชนิดเหนียวและอ่อนตวั ได้ มีลกั ษณะคลำ้ ยกบั เกรียงของ ช่ำงปูน แต่มขี นำดเล็กกว่ำมำกมหี ลำยขนำดหลำยรูปทรงผลงำนท่ใี ชเ้ กรียงเขียนภำพ จะมลี กั ษณะแขง็ กร้ำว เห็น... 25 ผวิ สมั ผสั เด่นชดั เรียกวำ่ จิตรกรรมฝีเกรียงเร่ิมกนั ในตน้ พุทธศตวรรษที่(รำชบณั ฑติ ยสถำน 2530:134) 1 .เทคนิ 7คสีอะคริลิก )Acrylic painting( เป็นสีสมยั ใหม่ มคุ ณุ สมบตั พิ เิ ศษท้งั ทบึ แสงและโปร่งแสง มีสีสดใสเดน่ ชดั มำกเวลำตอ้ งผสมตวั กลำงโดย สำมำรถใช้ เขียนแบบสีน้ำ หรือเขยี นทบั ซอ้ นกนั แบบสีน้ำมนั กไ็ ด้ เมือ่ แห้งแลว้ จะมีควำมคงทน และไมล่ ะลำยน้ำ (สีจะแหง้ เร็ว) เหมอื นสีพลำสติก ป์ัจจบุ นั มีกำรคดิ ตวั ผสมเพอ่ื ช่วยใหก้ ำรใชส้ ีอะคริลิกสะดวกข้ึน เช่น สำรช่วยละลำยเน้ือสี เช่น กรอส )Gloss medium (แต่จะทบึ แสง ถำ้ ผสม เกล )Gei medium( จะทำให้โปร่งแสง เป็นสีทีม่ รี ำคำแพงแตก่ ็ไดรับ ควำมนิยมจำกศลิ ปิ นและนกั ออกแบบมำกในปัจจบุ นั “…เป็นสีทร่ี ะบำยไดบ้ นพ้นื วสั ดทุ กุ ชนิด เช่น พ้ืนไม้ พลำสติก ผำ้ มคี ุณสมบตั คิ ลำ้ ยพลำสตกิ เมือ่ แห้งแลว้ ซกั น้ำไมอ่ อก เวลำเขียนใชไ้ ดท้ ้งั พ่กู นั แข็งและพกู่ นั ออ่ นนุ่มโดยเฉพำะกำร เขยี นแบบสีน้ำ ถำ้ สียงั ไมแ่ หง้ สนิทสำมำรถลบออกไดโ้ ดยกำรเชด็ หรือขดู ออกกไ็ ด”้ 1 .เทคนคิ ระบายสีร่วมก 8ัั นกับวสั ดอุ น่ื ในส่วนของกำรใชว้ สั ดุ ชนิดของวสั ดุไมม่ ขี อ้ กำหนดท่ตี ำยตวั วสั ดุทศ่ี ลิ ปิ นนำมำใชผ้ สมผสำนกนั ในงำน อำจจะ เป็นไดท้ ้งั วสั ดทุ ี่มีอยแู่ ลว้ ในธรรมชำติ หรือวสั ดุทมี่ นุษยส์ ังเครำะหข์ ้นึ กไ็ ด้ ศิลปะในปัจจบุ นั มเี น้ือหำเร่ืองรำวกวำ้ งขวำงข้ึน จำเป็นทจ่ี ิตรกรจะตอ้ งหำรูปแบบกำรแสดงออกให้ สอดคลอ้ งกบั เน้ือหำเหลำ่ น้นั และสนองควำมตอ้ งกำรทแ่ี สดงออกทำงควำมคิดสร้ำงสรรคข์ องศลิ ปิ น ดงั ทีผ่ ูร้ ู้หลำย ทำ่ นกล่ำวในทำนองท่ีว่ำ สภำพสังคมและส่ิงแวดลอ้ มเปล่ียนในทำงลบ มผี ลกระทบตอ่ แนวคิดของคนทว่ั ไปอยำ่ ง รุนแรง ศิลปิ นกไ็ ดร้ ับผลกระทบดงั กลำ่ วดว้ ย จึงมีกำรสร้ำงงำนศิลปะเกี่ยวกบั สภำพแวดลอ้ มและสังคม โดยช้ีใหเ้ ห็น ถึงควำมสำคญั ของปัญหำตำ่ งๆ สู่สังคม มีรูปแบบและกลวธิ ีกำรสร้ำงสรรคข์ องงำนจึงมมี ำกข้นึ จิตรกรรมทใ่ี ชส้ ่ือวสั ดปุ ระกอบในกำรสร้ำงผลงำนนอกเหนือจำกสีน้นั ทำกนั มำนำนแลว้ เช่น พชิ ัย นิ รันด์ ใชท้ รำยและกระจกมำประติดลงในผลงำน และประวตั ิ เลำ้ เจริญสร้ำงงำนจิตรกรรมโดยกำรใชผ้ ำ้ กระสอบปะตดิ แลว้ ระบำยสีทบั 2540 มหำวทิ ยำลยั ศิลปำกร):205) ปัจจุบนั เช่นงำนของ ถำวร โกอดุ มมวทิ ย์ วโิ ชค มุขดำมณี ใชว้ สั ดุ แบนรำบร่วมกบั กำรระบำยสีอะคริลกิ เป็นตน้ ในงำนแสงศิลปกรรมแห่งชำติคร้งั ท่ี 27/ไดเ้ พ่มิ เทคนิคสื่อผสมน้ีเขำ้ มำเป็นส่วนหน่ึงในประเภท 2524 29 จิตรกรรม คร้ันพอจะถึงงำนแสดงศิลปกรรมแห่งชำตคิ ร้งั ที่/เทคนิคส่ือผสมกถ็ กู ตดั ทงิ้ ไป ปัจจุบนั ไดก้ ลบั มำ 2526 อกี ในกำรแสดงศิลปกรรมแห่งชำติคร้ังที่ 37/และกำรไดร้ ับกำรยกยอ่ งใหเ้ ป็นงำนอกี ประเภทหน่ึงเทียบเท่ำกบั 2534 งำนประเภทจิตรกรรม ประตมิ ำกรรม ภำพพมิ พ์ เปิ ดโอกำสใหศ้ ิลปิ นสร้ำงงำนไดอ้ ยำ่ งกวำ้ งขวำงข้นึ ศลิ ปิ นจึงตอ้ งมีประสบกำรณ์ มคี วำมชำนำญ เขำ้ ใจถงึ คณุ ลกั ษณะเฉพำะของเทคนิค จนสำมำรถใช้ รูปแบบ เน้ือหำ และเทคนิคไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม ผลงำนวิจยั ของ โกสุม สำยใจ )2540พบว่ำ ผลงำนจิตรกรรมทีไ่ ดร้ บั ดำรพิจำรณำรับรำงวลั ในกำรแสดง ( 34 ศลิ ปกรรมแห่งชำติ คร้งั ที่/43 ถึง 2531/เทคน 11 ศลิ ปิ นใชเ้ ทคนิคในกำรสร้ำงงำนท้งั สิ้น 2540์ิค เทคนิคทรี่ บั
57 กำรพิจำรณำรบั รำงวลั เกียรตินิยม อนั ดบั ที่ เทคนิค ไดแ้ ก่ เทคนิคสีฝ่ นุ เทคนิคผสม เทคนิคสี 4 เหรียญทอง มี 1 อะคริลิก ร่วมกบั ทองคำเปลว และเทคนิคสีน้ำมนั เมอื่ พิจำรณำในรำยละเอยี ดพบวำ่ เทคนิคที่ไดร้ บั พจิ ำรณำรบั รำงวนั 1 มำกที่สุดเป็นอนั ดบั (26.09%คื (อเทคนิคผสมหรือส่ือผสม และเทคนิคสีน้ำมนั รองลงมำ )15.22%เป็นเทคนิคสี ( ) อะคริลิก และสีอะคริลิกร่วมกบั ทองคำเปลว ส่วนเทคนิคที่ไดร้ บั กำรพจิ ำรณำรับรำงวลั นอ้ ยทีส่ ุด2.17% ไดแ้ ก่ ( เทคนิคสีฝุ่นและสีน้ำ เทคนิคสีอะคริลกิ และดนิ สอดำ เทคนิคซีโรกรำฟ และเทคนิคพู่กนั ลม ความสัมพนั ธ์ระหว่างรูปแบบกบั เทคนคิ เทคนิคจำกวสั ดเุ ป็นตวั แปรอนั สำคญั ท่ีศลิ ปิ นจะเป็นผพู้ จิ ำรณำเลือกใช้ ถงึ แมจ้ ะเป็นเทคนิคจำกวสั ดุ เดียวกนั แตถ่ ำ้ กำรถ่ำยทอดเป็นรูปแบบต่ำงกนั เทคนิควธิ ีกำรเขยี นกจ็ ะแตกตำ่ งกนั ดว้ ย เช่น สีน้ำ ถำ้ เขียนในลกั ษณะ เหมือนจริง จะแตกต่ำงจำกกำรเขียนสีน้ำแบบก่ึงนำมธรรม และแบบนำมธรรม นอกจำกน้ีแนวคดิ หรือจดุ ม่งุ หมำยในกำรแสดงออกที่ตอ้ งกำรสื่อให้ผดู้ ู ทรำบวำ่ ศลิ ปิ นตอ้ งกำร แสดงออกเกี่ยวกบั อะไร จะเป็นสิ่งสำคญั กำรกำรกำหนดรูปแบบในกำรแสดงออก (เน้ือหำกำหนดรูปแบบ) ดงั ทส่ี ุชำติ เถำทอง )2536:98) กล่ำวว่ำ...จุดมงุ่ หมำยหรือแนวควำมคิดของศลิ ปิ นเป็นตวั กำหนดรูปลกั ษณว์ ่ำเป็นแบใด... กำรทำงำน...แนวควำมคิดในกำรถ่ำยทอดทำให้เรำมุง่ หมำยอะไร ตอ้ งกำรแสดงออกเกี่ยวกบั อะไร เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลอะไร โดยปรำศจำกเป้ำหมำย เป็นกำรทำงำนท่ีไร้ทิศทำง และกำ้ วเขำ้ ไปสู้ควำมสำเร็จไดย้ ำกศลิ ปิ นที่มชี ื่อเสียงของไทยและ ของต่ำงประเทศจะอำศยั กำรทำงำนท่มี ีระบบ มคี วำมคดิ ทแ่ี น่นอนผลงำนทช่ี ดั เจน และกำรกำเนิดกิจกรรมไปตำม ข้นั ตอนทีว่ ำงไว้ ทำใหค้ วำมบกพร่อง หรือกำรผดิ พลำดจะไมเ่ กิดข้นึ
58 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 รหสั วิชำ 2301-2126 ช่ือวิชา จิตรกรรมสร้ำงสรรค์ ( หน่วยกิต ) ชว่ั โมง (3)6 ชื่อหน่วย อิทธิพลต่อกำรสร้ำงงำนจิตรกรรมสร้ำงสรรค์ จำนวนชวั่ โมง 6 ชว่ั โมง ช่ือเรื่อง อทิ ธิพลต่อกำรสร้ำงงำนจิตรกรรมสร้ำงสรรค์ จำนวนชวั่ โมง 6 ชวั่ โมง ................................................................................................................................................................................. สาระสาคญั ลำพงั สมองของมนุษยผ์ สู้ ร้ำงสรรค์ กส็ ำมำรถสร้ำงจิตรกรรมท่ีมคี วำมงำมไดห้ ลำยรูปแบบแลว้ ยงั มีอทิ ธิพล บำงประกำรซ่ึงจะกล่ำวดงั ตอ่ ไปน้ี เป็นตวั กำหนดแนวทำงใหน้ กั ออกแบบปรับแตใ่ หเ้ ป็นอิทธิพลน้นั ๆ ทำใหศ้ ิลปิ น สร้ำงงำนจิตรกรรมใหม้ ีควำมงำมยง่ิ ข้นึ และสอดคลอ้ งกบั ควำมตอ้ งกำรของสังคม จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ผูเ้ รียนมคี วำมรู้ควำมเขำ้ ใจ งอิทธิพลต่อกำรสร้ำงำนจิตรกรรมสร้ำงสรรค์ 2. ผูเ้ รียนสำมำรถสร้ำงงำนจิตรกรรมสร้ำงสรรคใ์ นรูปแบบต่ำงๆได้ เนื้อหาสาระ ควำมเชื่อในสมยั ปัจจบุ นั ปัจจุบนั เป็นผลรวมของสิ่งในอดีต ทำใหป้ ัจจบุ นั มีควำมเช่ือหลำกหลำยอยำ่ งรวมกนั อยู่ แต่ ทเ่ี ด่นชดั เป็นควำมเช่ือทใ่ี ห้ควำมสำคญั ต่อสิทธิและเสรีภำพของมนุษยช์ ำติ โดยเช่ือว่ำส่ิงที่เป็นควำมจำอนั ดบั หน่ึงของ มนุษยช์ ำตคิ อื สิทธิของแตล่ ะคนทพ่ี งึ มีพึงได้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน อธิบำย บรรยำย นำเขำ้ สู่บทเรียน ซกั ถำมรำยบุคคล ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ - เอกสำรประกอบกำรสอน ใบควำมรู้ ใบงำน - ตวั อยำ่ งภำพสำเร็จ การวดั ผลและประเมนิ ผล - พฤติกรรมกำรเรียน , ควำมสนใจ ซกั ถำม ขณะปฏบิ ตั งิ ำนทมี่ อบหมำย - พฤติกรรมหลงั เลกิ เรียน ในคำบเรียน ควำมสะอำดบริเวณโต๊ะเรียนและในช้นั เรียน บนั ทกึ หลังการสอน นกั เรียนสำมำรถรู้เขำ้ ใจรูปแบบในงำนจิตรกรรมสร้ำงสรรค์ เนื้อหาสาระ
59 อทิ ธพิ ลที่มตี ่อการสร้างงานจิตรกรรม ควำมเช่ือ วสั ดุ ลกั ษณะเฉพำะของศิลปิ นแต่ละคน ลำพงั สมองของมนุษยผ์ สู้ ร้ำงสรรค์ ก็สำมำรถสร้ำงจิตรกรรมท่ีมคี วำมงำมไดห้ ลำยรูปแบบแลว้ ยงั มีอทิ ธิพล บำงประกำรซ่ึงจะกล่ำวดงั ตอ่ ไปน้ี เป็นตวั กำหนดแนวทำงใหน้ กั ออกแบบปรบั แตใ่ ห้เป็นอิทธิพลน้นั ๆ ทำให้ศลิ ปิ น สร้ำงงำนจิตรกรรมใหม้ ีควำมงำมยิ่งข้ึน และสอดคลอ้ งกบั ควำมตอ้ งกำรของสงั คม 1 . ความเช่ือ )Belive( ควำมเชื่อมอี ิทธิพลตอ่ พฤติกรรมมนุษย์ ท้งั ควำมคิกกำรแสดงออก และดำเนินชีวิต โดยเฉพำะในงำนศลิ ปกรรม มีรูปแบบควำมงำมหลำยแบบท่เี กิดจำกพลงั แห่งควำมศรัทธำในควำมเชื่อถอื ในเรื่อง ตำ่ งๆ เช่น ในสมยั ก่อนประวตั ศิ ำสตร์เชื่อว่ำมเี ทพเจำ้ ต่ำงๆ สิงสถิตอยใู่ นธรรมชำติและมีพลงั ท่ีจะสำมำรถจะดล บนั ดำลใหเ้ กิดประโยชนแ์ ละโทษได้ ทำใหม้ นุษยส์ มยั น้นั สร้ำงรูปแบบเคำรพของเทพเจำ้ ข้ึนเพื่อกรำบไหวบ้ ชู ำออ้ น วอนเอำใจเทพเจำ้ เหลำ่ น้นั เพือ่ จะไดส้ ่ิงท่ีมปี ระโยชน์ สิ่งท่ดี ีแก่ชีวติ เช่น ภำพเขียนทีผ่ นงั ถ้ำ แระติมำกรรมวีนสั แห่ง เรนดอฟ เทพเจำ้ แห่งควำมอุดมสมบรูณ์ เทพเจำ้ แห่งกำรชลประทำน เป็นตน้ รูปแบบควำมงำมอนั เนื่องมำจำกควำมเช่ือถือ จะปรำกฏเป็นควำมงำมตำมควำมคิดของช่ำงในยคุ น้นั ผสม กบั ฝีมอื และเคร่ืองมอื ท่ียงั ไมค่ อ่ ยมีคุณภำพมำกนกั ทำให้งำนจิตรกรรมในอดีตดูไม่คอ่ ยงำมมำกนกั ในสำยตำของคน ปัจจุบนั ตวั อยำ่ งควำมเชื่อท่มี ผี ลตอ่ งำนจิตรกรรม เช่น ความเชื่อของชาวอียิปต์ มผี ลโดยตรงตอ่ รูปแบบควำมงำมของศิลปกรรมอยี ปิ ตม์ ำก โดยมคี วำมเช่ือเกี่ยวกบั ชีวติ ในโลกหนำ้ วำ่ เม่ือกษตั ริยส์ วรรคตวญิ ญำณจะไมส่ ูญหำยไปไหนจะลอ่ งลอยท่องเที่ยวไปตำมท่ีตำ่ งๆ แลว้ กลบั เขำ้ มำร่ำงเดิมอีก จึงทำให้มกี ำรรกั ษำร่ำงเอดำไวซ้ ่ึงเรียกว่ำ มมั ม่ี จำกน้นั จึงนำไปใส่โลง ฝำโลกกจ็ ะมกี ำรแกะสลกั เป็น ภำพเหมือนประดบั ตกแตง่ ดว้ ยอญั มณีตำ่ งๆ สวยงำมมำก แลว้ นำไปเก็บไวใ้ นพีระมดิ โดยสร้ำงเป็นหอ้ งต่ำงๆ ทฝ่ี ำ ผนงั หอ้ งมีกำรเขียนเป็นอกั ษรภำพ )Hieroglyh( เล่ำเร่ืองของฟำโรห์ตอนท่ีมีชีวติ อยู่ ซ่ึงจะเขียนภำพฟำโรห์ มขี นำด ใหญก่ วำ่ ภำพอื่นๆ ภำพเทพเจำ้ เป็นกำรผสมระหว่ำภำพคนกบั สตั วต์ ำมควำมเช่ือของชำวอียิปต์ ความเชื่อของชาวกรีก เป็นควำมเชื่อเกี่ยวกบั เทพเจำ้ ต่ำงๆ ทีม่ พี ลงั อำนำจและมอี ทิ ธิพลต่อควำมเป็นอยู่ ของมนุษยว์ ่ำ มเี ทพเจำ้ อยใู่ นสิ่งต่ำงๆ เช่น เทพเจำ้ แห่งควำมรัก ซำตำนเพทแห่งทะเล เทพแหล่งเหลำ้ องุ่น และยงั เชื่อ ไปอีกว่ำสดั ส่วนเรือนร่ำงของมนุษยเ์ ป็นรูปทรงที่สวยงำมทส่ี ุด จึงแสดงควำมเป็นเทพเจำ้ เทพธิดำในเรือนร่ำงมนุษย์ ประติมำกรรมทแี่ สดงออกจะมที ่ำยืนเป็นตวั เอส และมรี อยยิม้ นอ้ ยๆ ทม่ี ุมปำกงำนจิตรกรรม ยงั ไมค่ ่อยไดร้ ับควำม สนใจมำกนกั เป็นเพียงภำพเขยี นประดบั แจกนั เป็นภำพแบๆ คลำ้ ยกำร์ตูน แต่ดูเคร่งขรึม จริงจงั มำกกว่ำ ความเช่ือในสมัยกลาง ซ่ึงเป็นช่วงเวลำทศี่ ำสนำคริสตเ์ จริญถึงขีดสุด มอี ทิ ธิพลต่อกำรดำเนินชีวิตและกำร สร้ำงสรรคศ์ ลิ ปกรรมของชำวตะวนั ตก โดยมคี วำมเชื่อว่ำ ควำมงำมเป็นส่ิงทเ่ี ทพเจำ้ สร้ำงข้นึ มำโดยผ่ำนศิลปิ นเพ่ือ เป็นกำรแสดงถึงควำมศรทั ธำอยำ่ งย่ิงในพระเจำ้ ศิลปิ นตอ้ งสร้ำงผลงำนศลิ ปะเก่ียวกบั เรื่องรำวของพระคริสต์ พระ สำวก ควำมเชื่ออนั น้ีมผี ลให้จิตรกรรมแสดงเน้ือหำของคริสตศ์ ำสนำท้งั สิ้น รวมไปถึงทศั นศิลป์ แขนงอ่ืนๆ ดว้ ย เช่น โบสถส์ มยั กอธิก จะเป็นสถำปัตยกรรมมลี กั ษณะสูงชะลูดและส่วนทีส่ ูงทส่ี ุดของโบสถจ์ ะเป็นที่ต้งั ของกำงเขนอนั ศกั ด์ิสิทธ์ิ เพ่อื จะเป็นทตี่ ิดตอ่ ของพระเจำ้ บนสรวงสวรรค์ ประติมำกรรม กจ็ ะแกะสลกั ป็นภำพนกั บญุ ตำ่ งๆ ยืนอยดู่ ว้ ย อำกำรสงบ เป็นตน้ ความเชื่อในสมยั ใหม่ เมือ่ สิ้นสุดยคุ กลำงก็กำ้ วเขำ้ สู่ยคุ แห่งควำมจริงและวิทยำศำสตร์ ซ่ึงถอื วำ่ เป็นยคุ เตบิ โต ทำงควำมคดิ เป็นยคุ ท่ีมีอิสระทำงสติปัญญำ เพรำะช่วงเวลำสมยั กลำงของยโุ รป ถูกครอบงำโดยอทิ ธิพลแห่งศำสนำ
60 กำรดำเนินชีวิตตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ขอ้ บญั ญตั ใิ นพระคมั ภีร์ ผใู้ ดมคี วำมคิดเห็นขดั แยง้ ตอ้ งถกู ลงโทษ ต้งั แตถ่ ูกจำคกุ ถกู ทรมำน ถูกกรอกยำพษิ จนถกู ไฟเผำท้งั เป็น ควำมเช่ือในสมยั ใหม่น้ี ทำใหศ้ ิลปิ นมีเสรีภำพในกำรสร้ำงสรรค์ จิตรกรรมมำกข้นึ สำมำรถแสดงทศั นะ มุมมองไดก้ วำ้ งขวำงข้ึนท้งั เน้ือหำเร่ืองรำวและรูปแบบ เทคนิควิธีกำร เป็น ผลงำนจิตรกรรมทมี่ ีหลำยแบบหลำยลกั ษณะสนองควำมตอ้ งกำรของคนในสงั คมที่มเี สรีภำพมำกข้นึ ความเช่ือในสมัยปัจจุบัน ปัจจบุ นั เป็นผลรวมของส่ิงในอดีต ทำใหป้ ัจจบุ นั มคี วำมเช่ือหลำกหลำยอยำ่ ง รวมกนั อยู่ แต่ที่เดน่ ชดั เป็นควำมเช่ือทใ่ี ห้ควำมสำคญั ตอ่ สิทธิและเสรีภำพของมนุษยช์ ำติ โดยเชื่อว่ำส่ิงท่ีเป็นควำมจำ อนั ดบั หน่ึงของมนุษยช์ ำตคิ อื สิทธิของแต่ละคนทพ่ี งึ มีพึงได้ และเป็นหนำ้ ทท่ี ร่ี ัฐบำลของแต่ละประเทศจะตอ้ งมอบ สิทธิอนั น้ีใหแ้ ก่ประชำชนของตน จึงทำให้กำรสร้ำงสรรค์จิตรกรรมหลำกหลำยตำมควำมเชื่อของศิลปิ นแตล่ ะคน ประกอบกบั ในยคุ ปัจจบุ นั โลกมีกำรตดิ ตอ่ กนั ง่ำยข้ึน สะดวกและรวดเร็วข้นึ ทำให้มกี ำรแลกเปล่ยี นทำงวฒั นธรรมซ่ึง กนั และกนั แต่ละกลุม่ จะรู้จกั กำรคดั เลือก เอำเฉพำะสิ่งทด่ี ีมำประยกุ ตใ์ ชก้ บั ศิลปวฒั นธรรมของตน เร่ืองสิทธิเสรีภำพ ส่วนบุคคลน้ี ถำ้ เหลือบำ่ กวำ่ แรงจริงๆ ประเทศท่ีเจริญแลว้ ก็มกั จะยืน่ มอื เขำ้ มำให้กำรช่วยเหลอื เช่น กำรช่วยเหลือ ประชำชนในทวปี อฟั ริกำทีม่ ีควำมเป็นอยแู่ บบด้งั เดิม ให้มีควำมเป็นอยทู่ ด่ี ีข้ึนมกี ำรรักษำสิทธิภำพเสรีภำพของแตล่ ะ ประเทศที่ถกู รุกรำน เช่น องคก์ ำรคป์ ระชำชำติย่ืนมอื เขำ้ ไกลเ่ กลยี่ กรณีกำรยดึ ดินแดนหรือกำรแบง่ แยกดินแดนของ กมั พชู ำ เวยี ดนำ (เขมร)ม และแมแ้ ต่ประเทศอิรกั ที่เขำ้ ยดึ ประเทศคเู วต กลำยเป็นสงครำมซ่ึงยงั มปี ัญหำขดั แยง้ และมี ผลกระทบเป็นปัญหำตอ่ เน่ืองมำจนถงึ ปัจจุบนั กำรใหค้ วำมสำคญั ในเรื่องของสิทธิ เสรีภำพส่วนบุคคล ทำใหป้ ระชำชนมสี ิทธิเลือกชมงำนศลิ ปะไดต้ ำม รสนิยมของแตล่ ะคน เป็นผลให้ศลิ ปิ นตอ้ งคน้ หำรูป เทคนิควิธีกำรสร้ำงงำนใหมๆ่ มำนำเสนอในสังคม ทำใหม้ งี ำน จิตรกรรมท่หี ลำกหลำยให้เห็นอยใู่ นปัจจบุ นั แต่ถึงจะมำกมำยอยำ่ งไรกย็ งั ไมเ่ พียงพอต่อรสนิยมของคนในสงั คม เพรำะประชำกรโลกมพี นั ลำ้ นคน แต่ละคนมรี สนิยมต่ำงกนั มีควำมชอบตำ่ งกนั เป็นแรงผลกั ดนั ให้ศลิ ปิ นที่ตอ้ งกำร ศกึ ษำคน้ ควำ้ และสร้ำงสรรคผ์ ลงำนอยำ่ งตอ่ เนื่อง 2 . การค้นพบวัสดุ และเทคนิควธิ ีการใหม่ๆ กำรคน้ พบวสั ดใุ หม่ๆ เป็นมำจำกควำมคดิ สร้ำงสรรคข์ องมนุษย์ ในสำขำวิชำต่ำงๆ ซ่ึงเรำเองไมอ่ ำจปฏเิ สธควำมกำ้ วหนำ้ ทำงวชิ ำกำรเหลำ่ น้นั ได้ ปัญหำอยทู่ วี่ ่ำเรำจะรับมนั เขำ้ มำใช้ อยำ่ งไร ซ่ึงส่วนใหญ่ก็ประยกุ ตใ์ ห้กลมกลืนกบั กำรดำลงชีวิตและเป็นอยใู่ นบำ้ นเรำ โดยเฉพำะอยำ่ งย่ิงในกำร สร้ำงสรรคง์ ำนศิลปกรรม เรำตอ้ งยอมรบั ควำมคิด และรูปแบบของวฒั นธรรมเดิมมีหลำยส่ิงหลำยอยำ่ งทไ่ี มส่ ำมำรถ นำมำใชไ้ ดใ้ ห้สอดคลอ้ งกบั กำรดำเนินชีวิต วิถีชีวิต และสอดคลอ้ งกบั สภำพสงั คมในปัจจบุ นั ได้ นอกจำกจะศึกษำเอำ แก่นแทห้ รือทศั นคตบิ ำงอยำ่ งมำสร้ำงในรูปแบบใหม่ ดว้ ยเทคนิควิธีกำรใหม่ โดยใชส้ ่ิงทีม่ ีอยเู่ ดิมมำใชเ้ ป็นแรง บนั ดำลใจ ประสำนเขำ้ กบั แนวคิดปัจจบุ นั ติดคน้ หำวสั ดุ เทคนิค เขำ้ มำใช้ ปรับเปลย่ี นและพฒั นำ อยำ่ งไม่หยดุ นิ่งจน เกิดเป็นรูปทรงใหม่ รูปแบบใหมข่ ้นึ มำ ดงั ทีใ่ ห้กนั ในปัจจบุ นั เช่น งำนจิตรกรรมของ ปรีชำ เถำทอง ปริญญำ ตนั ติสุข เฉลิมชยั โฆษติ พิพฒั น์ และปัญญำ วจิ ินทนสำร เป็นตน้ นำควำมรู้สึก นำรูปแบบ นำแนวคิดศลิ ปะไทย มำสร้ำงดว้ ย) (เทคนิคและวิธีกำรใหม่ ในอดีตมกี ำรเขยี นภำพบนฝำผนงั จำกธรรมชำติ เช่น สีแดงชำดจำกดินแดง สีขำวจำกปูนขำว จำกดินสี พอง สีจำกดินเหลือง จำรงค์ สีดำจำกเขม่ำไฟ โดยนำสีเหล่ำน้ีมำบดแลว้ ผสมกบั ยำงไม้ กำว ไขข่ ำว และใชเ้ คร่ืองมือ ซ่ึงมีเพยี ง พูก่ นั จำกเปลือกไมภ้ ำพท่ีออกมำจึงมรี ูปแบบหยำบ เรียบง่ำย ในสมยั โรมนั ไดม้ กี ำรคน้ พบวิธีกำรเขยี นภำพ ที่จะทำใหต้ ดิ แน่นและอยไู่ ดน้ ำนบนผนงั อำคำรท่ฉี ำบดว้ ย ปนู เรียกวำ่ ภำพเฟรสโก
61 ในสมยั ฟ้ืนฟูศลิ ปะวทิ ยำ ไดม้ ีกำรพฒั นำกำรเขียนแบบ เฟรสโก ไปอีกมำ ประกอบกบั สมนั น้ีมศี ลิ ปิ นที่มคี วำมชำนำญ มำกข้ึน มฝี ีมือมำกข้ึน และมีศรทั ธำในเน้ือหำทจี่ ะเขียน หรือกำรสร้ำงสรรคง์ ำนศลิ ปะมแี รงจูงใจ และไดร้ ับกำร สนบั สนุนดีจำกกษตั ริย์ จำทำให้ศิลปิ นสร้ำงงำนไดอ้ ยำ่ เตม็ ที่ เช่น กำรเขยี นจิตรกรรมฝำผนงั บนเพดำ ขนำดใหญ่ ใน สมยั ปัจจุบนั มกี ำรคน้ คิดวสั ดใุ นกำรสร้ำงสรรคง์ ำนใหม่ๆ ข้นึ อกี เช่น มีกำรใชส้ ำรเคมีบำงอยำ่ งลงในธรรมชำตทิ ำให้ สีสดใสข้ึน บำงชนิดมีประกำย เป็นมนั วำว และมกี ำรผลติ สีในหลำยลกั ษณะ เช่น สีน้ำ สีน้ำมนั สีไม้ สีกระดำษ สี ชอร์ก และสีอะคริลกิ ทำใหม้ ีกำรเขียนรูปบนเฟรม แคนวำส บนกระดำษ สีแต่ละชนิดก็จะเหมำะสมกบั งำนแต่ละ อยำ่ งกจ็ ึงให้เกิดเทคนิคเฉพำะของแตล่ ะสี หรือเป็นรูปแบบควำมงำมเฉพำะข้นึ เช่น ควำมงำมจำกสีน้ำ จะแตกต่ำงไป จำกสีชอร์ก แมว้ ำ่ จะเขยี นรูปเดียวกนั ก็ตำม อิทธพิ ลของศิลปกรรมในอดีต รูปแบบของศิลปกรรมในอดีตมีผลโดยตรงกบั สร้ำงงำนจิตรกรรมของศิลปิ นรุ่นใหม่ ที่มกั จะศกึ ษำ เพอ่ื ให้ เพอ่ื พนู ประสบกำรณ์ และกำรเลียนแบบ ดงั ที่ ประยรู อลุ ุชำฏะ )2540:7) กล่ำวำ่ “..กำรแสดงศลิ ปกรรมแห่งชำตคิ ร้ัง. คกึ ฤทธ์ิ ปรำโมทย์ เขียนวจิ ำรณ์ในหนำ้ หนงั สือพิมพไ์ ทยรฐั วำ่ ภำยในห้องแสดงเห็นแต่รูปแบบอยำ่ ง.ว.ร.ที่หน่ึง ม ...แนวแวนก๊อก โกแกง เต็มไปหมด วิจำรณ์ไปทำนองว่ำ เอำอยำ่ งรูปเขียนฝร่งั ท้งั น้นั ” กำรต้งั มหำวยิ ำลยั ศิลปำกรทำให้นกั ศึกษำศลิ ปะในประเทศไทยไดร้ บั อิทธิพลจำกศลิ ปะตะวนั ตกไปโดย ปริยำย แมจ้ ะมศี ิลปิ นบำงคนพยำยำมนำรูปแบบของศิลปะไทยประเพณีมำสร้ำงสรรคใ์ นรูปแบบใหม่ เช่น เขยี น ยิม้ ศริ ิ แตก่ ำรเกิดศิลปะสมยั ใหม่ )Modern Artในยโุ รป กลมั มีอทิ ธิพลต่อกำรสร้ำงสรรคง์ ำนของศลิ ปิ นไทยมำกกว่ำ ( กำรนำศิลปะดงั่ เดิมมำสร้ำงสรรคใ์ หม่ 3 . ลกั ษณะเฉพาะตัวของศิลปิ นแต่ละคน ลกั ษณะเฉพำะหรือควำมเป็นตวั ของตวั เองของศลิ ปิ นแต่ละคนทำให้ มีรูปแบบควำมงำมในจิตรกรรมต่ำงกนั แมว้ ่ำจะไดร้ ับกำรศกึ ษำพ้ืนฐำนมำในระดบั เดียวกนั จำกครูคนเดียวกนั แต่ ควำมคิดและควำมรู้สึกทำงควำมงำมจะแตกตำ่ งกนั เช่น จิตรกรบำงคนนิยมเขียนภำพในลกั ษณะเกลีย่ เรียบ ในขณะท่ี บำงคนนิยมแสดงควำมงำมของรอยแปรง ดีไซเนอร์ หรือนกั ออกแบบเคร่ืองแตง่ กำยบำงคนนิยมออกแบบชุดโดยใชส้ ี ผำ้ พ้ืนๆ ตกแตง่ ดว้ ยลูกไม้ ซ่ึงทำใหเ้ กิดลกั ษณะเฉพำะตวั ของนกั ออกแบบแต่ละคนอนั มีผลทำให้เกิดรูปแบบของสิ่ง สวยงำมข้ึนอีกมำก กล่ำวไดว้ ่ำ ศลิ ปินร้อยคนก็รอ้ ยแบบ แต่ผูด้ จู ะจดจำลกั ษณะของงำนศลิ ปิ นท่ีช่ืนชอบได้ รูปแบบ และเทคนิคทำงศลิ ปะ เป็นส่วนทที่ ำให้ผลงำนจิตรกรรมของศลิ ปิ นแตล่ ะคนแตกต่ำงกนั เป็นควำมคิด สร้ำงสรรค์ เป็นลกั ษณะเฉพำะของตวั เอง นอกจำกน้ียงั เป็นส่วนหน่ึงทีส่ ำมำรถสืบทอดได้ โดยเฉพำะรูปแบบและ เทคนิคของศลิ ปิ นผมู้ ชี ื่อเสียง
62 บรรณานุกรม กำจร สุนพงษศ์ รี .ศิลปะสมยั ใหม่. เจริญวทิ ยก์ ำรพมิ พ์ กรุงเทพฯ .:2522 กรมกำรฝึกหดั ครู กรม, หน่วยนิเทศ “ศิลปะเพื่อใคร” เอกสำรนิเทศกำรศึกษำ โรงพิมพต์ ำรวจ กรุงเทพฯ กรมวิชำกำรพจนำนุกรมศพั ทแ์ ล .ะเทคนิคศิลปะแปลโดยมะลิฉตั ร เอ้ืออำนนั ท์ กรมวิชำกำร . กระทรวงศกึ ษำธิกำร,2540 . กิตติมำ อมรทตั .ประวตั จิ ติ รกรรม. แปลจำก The Story of Painting. กระทรวงศกึ ษำธิกำร, 2533. โกศล พณิ กลุ .ศิลปะร่วมสมยั ในประเทศไทย. เจริญกำรพิมพ์ กรงเทพฯ : 2520. โกสุม สำยใจ .สีและการใช้สี2 พิมพค์ ร้งั ท)่ี .) สำยใจพริ้นติง้ : 2542. ชะลดู น่ิมเสมอ กรุงเทพฯ .องคป์ ระกอบของศิลปะ .: ไทยวฒั นำพำณิชย,์ 2531. ทีปกร .ศิลปะเพือ่ ชีวิต ศิลปะเพอื่ ประชาชน. รุ่งโรจนก์ ำรพมิ พ,์ 2519 ประยรู อุรุชำฏะ .ครบรอบ .ปี คณะจิตรกรรม 55 มหำวิทยำลยั ศลิ ปำกร อมรินทร์พริ้นตง้ิ , 2540. ไพโรจน์ ชมนุ ี) เอกสำรประกอบกำรอบรมสัมมนำ ศลิ ปะร่วมสมยั .21-22 พ .ค.2541( กรุงเทพฯ : มหำวิทยำลยั ศิลปำกร. มำนพ ถนอมศรี .“กำรเขยี นภำพจีน” ฟิ ลล่ิง14 ฉบบั ท่ี) ) หนำ้ 29- กรุงเทพฯ 36: 2527 วิโชค มุกดำมณีเอกสำ .รประกอบกำรอบรมสมั มนำ ศลิ ปะร่วมสมยั )21-22 พ .ค.2541( กรุงเทพฯ : มหำวทิ ยำลยั ศลิ ปำกร. วิรุณ ต้งั เจริญ .ออกแบบ. กรุงเทพฯ : วญิ วลอำร์ต, 2526 ..........ศิลปะร่วมสมยั . กรุงเทพฯ : วิญวลอำร์ต,2527 รำชบณั ฑิตยสถำน .พจนานุกรมศัพท์องั กฤษอังกฤษ .ไทย-กรุงเทพฯ : เพ่ือนพิมพจ์ ำกดั ,2530 . ศลิ ป์ พีระศรี .“ศลิ ปะและวิวฒั นำกำรของศิลปะสมยั ใหม่” ศิลปานุสรณ์ เขยี น ยมิ้ ศิริ. กรงเทพฯ : ม.ป.ป. ศรณั ย์ โรจนพรัส .“วถิ ีแห่งควำมเป็นไทยในงำนประตมิ ำกรรมร่วมสมยั หลงั ปี พ .ศ.2505 ถงึ ปัจจุบนั ” นิทรรศการศิลปกรรมคณาจารย์วทิ ยาลยั ช่างศิลป์ คร้ังท่ี 4 กรุงเทพฯ : 2540. สุชำติ เถำทอง .หลกั การทัศนศิลป์ . กรุงเทพฯ : นำอกั ษรกำรพิมพ,์ 2536. อำรี สุทธิพนั ธ์ .หลกั จิตรกรรมสมัยใหม่. ไทยวฒั นำพำณิชย์ กรุงเทพฯ : 2518. ………… ศิลปะนิยม. กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพก์ ระดำษสำ, 2528. อำนำจ เยน็ สบำย .สอบสวนศิลปะ. เจริญวทิ ยก์ ำรพิมพ์ กรุงเทพ : 2518. อศั นีย์ ชูอรุณ .ประวตั ิศิลปะตะวนั ตก. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2532. Albert Curie. The Foundation of Art Education. London, Tavistock Puflishing, 1963. Barr, A.H., Jr. What is Modern Painting. The Museum of Modern Art, 1974
63 Haftmann Werner. Painting in the twentieth Century. Vol. 1 : An Analysis of the Artist and their Work , New York : Frenderick A. Praeger, 1966. Pual Zucker. Stule in painting. New York งานวิจยั โกสุม สำยใจ .รูปแบบและเทคนคิ ในงานจติ รกรรม : ศึกษำเฉพำะกรณีผลงำนจิตรกรรม ไดร้ ับรำงวลั ที่ 1- .ศ.ในกำรแสดงงำนศิลปกรรมแห่งชำติ ระหวำ่ งปี พ 32531-2540 กรงเทพฯ : สำนกั พมิ พว์ ิจยั สถำบนั รำชภฏั สวนดุสิต,2540 .
64 Summary Artist: Vincent Van Gogh Medium: Oil Painting Reproduction on Canvas
65 Mona Lisa Detail by Leonardo Da Vinci
66 The Water Lily Pond Aka Japanese Bridge by Claude Oscar Monet
67 La Vague (The Wave) by William-Adolphe Bouguereau
68 The Kiss by Gustav Klimt
69 The Artist's Son Titus c. 1657 by Rembrandt Van Rijn
70 Summary Artist: Pierre Auguste Renoir Location: Musée d'Orsay, Paris, France Medium: Oil Painting Reproduction on Canvas
71 n/ s n/s Summary Artist: John William Godward Medium: Oil Painting Reproduction on Canvas
72 n/ s n/s Summary Artist: Peter Paul Rubens Medium: Oil Painting Reproduction on Canvas
73 Frame by Frida Kahlo
74 Creation of Adam 1510 by Michelangelo Buonarroti
75 At The Shrine by John William Waterhouse
76 Girl with a Pearl Earring c. 1665 by Jan Vermeer Van Delft
77 Nude on a Sofa (or Reclining Girl) by François Boucher
78 Boy and girl gazing al the moon (puppy love)
79 Poor People by Andre Collin
80 Alice Upsets the Jury-Box, illustration from Alice in Wonder... by John Tenniel
81 คณุ ธรรม จริยธรรม ค่ำนิยมอนั พึงประสงคใ์ นกำรเรียนกำรสอนแบบบรู ณำกำร คณุ ธรรม จริยธรรม ค่ำนิยมอนั พึงประสงค์ พฤตกิ รรมบ่งช้ี 1. ควำมรบั ผดิ ชอบ :คะแนน 5 เขำ้ เรียนตรงตำมเวลำท่กี ำหนด- 2. ควำมมีวินยั :คะแนน 5 มีกำรเตรียมควำมพร้อมทกุ คร้งั ท่จี ะเรียน- เตรียมวสั ดอุ ปุ กรณใ์ นกำรเรียนใหพ้ ร้อมทีจ่ ะ- 3. ควำมสนใจใฝ่รู้ :คะแนน 5 ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิงำนภำระงำนท่มี อบหมำยสำเร็จ ตำม- กำหนด ผลงำนประณีต มีควำมต้งั ใจขณะเรียนรำยคำบท้งั ภำคทฤษฎี- และปฏิบตั ิ ร่วมมอื ในกำรทำกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน- ในช้นั เรียน ไม่หลบหนีจำกช้นั เรียน ปฏบิ ตั ติ ำมกฎกตกิ ำ- กำรใชช้ ้นั เรียน ไมท่ จุ ริตในกำรส่งงำน- ศกึ ษำคน้ ควำ้ ดว้ ยตนเอง- กระตอื รือร้นขณะเรียน- ซกั ถำมปัญหำขอ้ สงสัยอยเู่ สมอ- 4. มีควำมคดิ ริเริ่มสร้ำงสรรค์ :คะแนน 5 มีควำมคดิ ในกำรสร้ำงสรรคผ์ ลงำนทีไ่ ดร้ บั - รวม มอบหมำยดว้ ยควำมต้งั ใจและประณีต มกี ำรพฒั นำผลงำนภำระงำนทมี่ อบหมำยอย-ู่ ตลอดเวลำ มีแนวควำมคิดเสนอผลงำนกำรสร้ำงสรรค์- ของตนเอง คะแนน 20
82 เอกสำรตอ่ ทำ้ ยแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน - ใบงำน - ใบควำมรู้ - แบบทดสอบหลงั เรียน - เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน - เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน - แบบประเมินต่ำง ๆ - ฯลฯ -
83
Search