Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานน้ำยาเช็ดกระจกจากอัญชันและมะกรูด

โครงงานน้ำยาเช็ดกระจกจากอัญชันและมะกรูด

Published by Pathita, 2022-12-27 04:21:50

Description: โครงงานน้ำยาเช็ดกระจกจากอัญชันและมะกรูด

Search

Read the Text Version

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง น้ายาเช็ดกระจกจากดอกอัญชันและมะกรดู จัดทา้ โดย นางสาวปทติ ตา ตาลตา เลขท่ี 3 นายกอ้ งภพ ขนั คา้ เลขที่ 14 นางสาวนภัสรวี หาญยุทธ เลขที่ 19 นางสาวภัทรศยา พลวงั เลขท่ี 22 ชนั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/3 เสนอ นายดา้ รงค์ คันธะเรศย์ รหสั วชิ า I30201 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นปัว สา้ นักงานเขตพนื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษานา่ น เขต 37

ก เกยี่ วกบั โครงงาน โครงงานวทิ ยาศาตร์ เรือ่ ง น้ายาเช็ดกระจกจากอญั ชันและมะกรดู กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ผู้จดั ท้า นางสาวปทติ ตา ตาลตา เลขที่ 3 นายกอ้ งภพ ขันคา เลขที่ 14 นางสาวนภสั รวี หาญยทุ ธ เลขที่ 19 นางสาวภทั รศยา พลวงั เลขที่ 22 ครูทปี่ รึกษา นายดารงค์ คันธะเรศย์ ตา้ แหน่ง ครู สถานศกึ ษา โรงเรียนปัว อาเภอปัว จังหวัดนา่ น สานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาน่าน เขต 37 ปกี ารศึกษา 2564

ข กิตตกิ รรมประกาศ โครงงานนี้สาเร็จข้ึนได้ด้วยความกรุณาจากคุณครูดารงค์ คันธะเรศย์ ที่ให้คาปรึกษา และ ขอขอบคุณ คุณครูทีใ่ ห้คาปรึกษาระหว่างการทดลอง การแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ จนโครงงานประสบผลสาเร็จสมบรู ณแ์ ละ ขอบใจเพอ่ื นๆท่ชี ่วยแนะนาดๆี และให้กาลงั ใจในการทาโครงงานชิน้ นล้ี ลุ ่วงไปด้วยดี ท้ายสุดนี้ผู้คณะจัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงงานเล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เร่ือง น้ายาเช็ดกระจกจากดอกอัญชันและมะกรูด หากผู้ใดท่ีเข้ามาศึกษาโครงงานเล่มนี้ จะได้รับความรู้กลับไป ไมม่ ากกน็ ้อย หากผิดพลาดประการใด ขออภยั มา ณ ที่นดี้ ้วย คณะผู้จดั ทา

ค หัวขอ้ โครงงาน : นา้ ยาเชด็ กระจกจากอัญชันและมะกรดู ประเภทของโครงงาน : โครงงานประเภททดลอง ผ้เู สนอโครงงาน : นางสาวปทิตตา ตาลตา เลขที่ 3 นายกอ้ งภพ ขันคา เลขที่ 14 นางสาวนภสั รวี หาญยทุ ธ เลขท่ี 19 นางสาวภัทรศยา พลวงั เลขท่ี 22 ครูที่ปรึกษาโครงาน : นายดารงค์ คันธะเรศย์ ปกี ารศกึ ษา : 2564 บทคดั ย่อ การใชน้ า้ ยาเชด็ กระจกซึง่ เปน็ สารเคมีหากสมั ผัสโดยตรงทาใหเ้ กิดสารตกคา้ งกบั รา่ งกายของตนเอง น้ายาเชด็ กระจกท่ีได้ใชก้ ันท่ัวไปมสี ่วนผสมของบวิ ทิล เซลโซโซลล์ และแอมโมเนียมไฮดรอกไซดซ์ ง่ึ เปน็ วัตถุ อนั ตรายชนิดท่ี 1 และชนดิ ที่ 2 ซึ่งสารเคมีนม้ี ีอนั ตรายต่อมนษุ ย์และส่งิ มชี ีวติ อ่ืนเพื่อมีสขุ ภาพทีด่ จี ึงได้คดิ คน้ หา สมนุ ไพรทสี่ ามารถทาความสะอาดได้เช่นมะกรดู มะกรดู เป็นพชื ที่สามารถหาได้งา่ ย และหาไดจ้ ากทอ้ งถน่ิ มี สรรพคุณมาก และไม่มสี ารทีเ่ กิดอนั ตรายกับร่างกายเราจงึ ได้นามาทานา้ ยาเชด็ กระจกจากมะกรดู เพื่อใหเ้ กดิ การไม่ สัมผัสกบั สารเคมีในร่างกายมากเกินไปหากยง่ิ สัมผัสมากจะเกดิ สารตกคา้ งในรา่ งกายส่งผลเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และโรคอน่ื ๆได้ เม่ือได้ทาการดาเนนิ งานพบว่านา้ ยาเช็ดกระจกจากมะกรดู ได้ใชง้ านไดจ้ รงิ และทาให้กระจก สะอาดเงาไม่มวั และไม่ส่งผลเสยี กบั สขุ ภาพไมว่ า่ จะเปน็ การดมหรือสมั ผสั เนอ่ื งจากเปน็ วัตถดุ บิ สมนุ ไพร และไมเ่ ป็นอันตราย

สารบัญ ง เรือ่ ง หนา้ เกย่ี วกบั โครงงาน ก กิตตกิ รรมประกาศ ข บทคัดย่อ ค สารบญั ง-จ บทท่ี 1 บทนา 1 ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา 1 วตั ถปุ ระสงค์ 1 สมมุติฐาน 1 จดุ มงุ่ หมายของการศึกษา 1 ตวั แปร 2 ขอบเขตของการศกึ ษา 2 ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ บั 2 3 บทท่ี 2 การศกึ ษาเอกสารอา้ งองิ 3-4 เอกสารที่เกี่ยวข้องกบั นา้ ยาเช็ดกระจก 4 ผลของแอมโมเนียต่อสขุ ภาพมีอะไรบา้ ง 5 การปฐมพยาบาลเม่อื ได้รบั แอมโมเนยี 5-7 เอกสารทีเ่ กีย่ วข้อง 8 8 บทท่ี 3 วธิ กี ารจดั ทาโครงงาน 8 ตารางปฏิบตั โิ ครงงาน 9 วัสดุและอุปกรณ์ วธิ ีดาเนนิ การทดลอง

บทท่ี 4 ผลการศึกษา จ บทท่ี 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ 10 - สรปุ ผลการศกึ ษา 11 - ประโยชน์ทไี่ ดจ้ ากโครงงาน - ขอ้ เสนอแนะ 11 11 บรรณานกุ รม 12 ภาคผนวก 13 14-15

1 บทที่ 1 บทนา้ ความเปน็ มาและความสา้ คญั ของปัญหา ในปัจจบุ ันมีการใช้สารเคมใี นชวี ิตประจาวนั กันอย่างแพรห่ ลายและมีสารเคมีที่มพี ิษรวมอยู่ด้วยจาเป็นอย่าง ยิ่งท่ีจะต้องอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและแก้ไขปัญหามลพิษโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขสารพิษตกค้างทั้งในน้า ในอากาศ ในดนิ รวมทง้ั ในอาหารลว้ นมีสารเคมีตกค้างทั้งสน้ิ น้ายาเชด็ กระจกท่ใี ช้กนั ทวั่ ไปมสี ่วนผสมของบิวทิว เซลโลโซลล์ และแอมโมเนยี มไฮดรอกไซด์ซ่ึงเปน็ วัตถุดิบ อันตรายชนิดที่ 1 และชนดิ ท่ี 2 ซ่ึงสารเคมีนีม้ ีอันตรายตอ่ มนุษย์และสิ่งมชี ีวติ อ่ืน ดอกอัญชันสีม่วงท่ีขึ้นอยู่ทั่วไปบริเวณใกล้บ้าน ในสวน ริมถนน คนในชุมชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุมักนาดอก อัญชนั มาใชป้ ระโยชน์หลายอย่าง เช่น ทาผม ทาค้ิว เพือ่ ให้ดกดา ใชแ้ ทนสผี สมอาหารเป็นน้าชาลดอาการเบาหวาน เป็นตน้ นอกจากน้ีมะกรูด และดอกอัญชันยังช่วยลดคราบสกปรกและยังไม่มีสารเคมีท่อน้ายาเช็ดกระจกที่ซ้ือมา อาจจะมีสารเคมี และอาจทาอันตรายต่อรา่ งกายเราด้วย ดังน้ันผู้ศึกษาจึงมุ่งศึกษาเร่ืองเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์เพ่ือจะสามารถนามาใช้กับ ชีวิตประจาวันโดยผู้จัดทาได้ออกศึกษาค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ต และจากคนในชุมชนผู้จัดทาได้ความรู้เร่ืองการทา น้ายาเช็ดกระจกจากดอกอัญชัน และมะกรูดแล้วก็มีแนวคิดจัดทาขึ้นเป็นโครงงานเพ่ือให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา มีความรแู้ ละเม่อื ได้ความรู้กส็ ามารถทจ่ี ะนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ศึกษาผลการทาน้าหมักชวี ภาพจากดอกอัญชันและมะกรูดไปใชข้ จดั คราบสกปรกบนกระจก 2. เพื่อนาพืชที่มอี ยู่ในท้องถ่ินมาใชป้ ระโยชน์ 3. เพอื่ อนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม สมมตุ ฐิ าน น้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชันและมะกรูดสามารถนาไปใช้ขจัดคราบสกปรกบนกระจกแทนน้ายาเช็ด กระจกทว่ั ไปได้ จดุ มุ่งหมายของการศึกษา 1. เพื่อศึกษาผลการทาน้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชันและมะกรูดไปใช้ขจัดคราบสกปรกบนกระจก 2. เพอื่ นาพืชท่ีมีอยูใ่ นทอ้ งถ่ินมาใชป้ ระโยชน์

2 ตวั แปร ตวั แปรต้น : น้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชันและมะกรูด ตวั แปรตาม : การลดลงหรอื หายไปของคราบสกปรกบนกระจก ตัวแปรควบคุม : อุณหภูมขิ องอากาศ ขอบเขตของการศึกษา 1. น้าหมักชีวภาพจากอัญชันและมะกรูด จะใช้อัญชันสีม่วงพันธ์กลีบชั้นเดียว และพันธ์กลีบซ้อน 2. กระจกที่ใชท้ าการทดลอง ใช้กระจกเงาและกระจกใส ทค่ี วามสกปรกตามปกติ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. สามารถนาไปใช้ขจัดคราบสกปรกบนกระจกแทนน้ายาเช็ดกระจกท่ัวไปได้และช่วยลดสารพิษ ทีต่ กคา้ ง 2. ชว่ ยลดค่าใชจ้ า่ ย 3. ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สงู สุด

3 บทท่ี 2 การศึกษาเอกสารอา้ งองิ การทาโครงงานเรื่องน้ายาเช็ดกระจกจากดอกอัญชันและมะกรูดกลุ่มผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและ งานวิจัยที่ เกี่ยวข้องโดยแบ่งเน้ือหาของเอกสารและงานวิจยั ทเี่ กีย่ วข้องออกเปน็ หัวข้อต่างๆดังนี้ 1.เอกสารทเี่ ก่ยี วข้องกับนา้ ยาเช็ดกระจก น้ายาเช็ดกระจกก็จัดอยู่ในผลิตภัณฑ์ซักล้างจึงมีสารลดแรงตึงผิวเป็นองค์ประกอบหลักผสมกับสารเคมี ท่ีใช้เป็นตัวทาละลายซึ่งน้ายาเช็ดกระจกท่ีพบอยู่หลายยี่ห้อแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมหลักคล้ายคลึงกันโดยทุกชนิด จะใช้ไอโซโพรพลิ แอลกอฮอล์ (isopropyl alcohol) 1.0 ถงึ 4.0 เปอรเ์ ซ็นต์ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอลเ์ ป็นของเหลว ใส ไม่มีสี ไวไฟ และมีกลิ่นฉุนมากใช้ในการทาความสะอาดถ้าจะใช้ฆ่าเช้ือต้องใช้ที่ความเข้มข้นสูงถึง 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ การหายใจเข้าไปในปริมาณเล็กน้อยจะระคายเคืองจมูก ลาคอ และระบบทางเดินหายใจทาให้ปวดหัว คล่ืนไส้ วิงเวียน อาเจียน ถ้าได้รับปริมาณสูงขึ้นอาจทาให้หมดสติ หรือตายได้การสัมผัสงานทาให้ผิวหนังแห้ง และแตก การกลืนกินมีอาการคล้ายการหายใจ อาเจียน และอาจทาอันตรายแก่ปอด และระคายเคืองต่อตา ห้ามทิ้งสแู่ หลง่ น้า นา้ เสียหรือดินสามารถยอ่ ยสลายทางชวี ภาพได้ สารเคมีที่นิยมใช้เป็นตัวทาละลายในน้ายาเช็ดกระจกอีกชนิดหน่ึงคือ บิลทิล เซลโลโซลล์ (butyl cellosolve) เป็นตัวทาละลายสารเคมีที่ใช้ละลายน้าได้ (water- soluble solvent) มักใช้กับคราบมัน หรือทาให้มันมีช่ือทางเคมีว่า 2 - บิวทอกซีเอทานอล (2-butoxyethanol) หรือเอทาลีนไกลคอลโมโนบิวทิล อีเทอร์ (ethylene glycol monobutyl ether) มีค่า LD50 (หนู) 470 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เป็นพิษหากถูกดูดซึม ผ่านผิวหนังเข้าไปทาให้มึนเมาได้ ตัวละลายท้ังสองมีผลกระทบคล้ายกันคือระคายเคืองต่อตา ผิวหนัง จมูกเกิด อาการคล่ืนไส้ วิงเวียน ปวดหัว ตาแดง เจ็บตา เห็นไม่ชัด ปวดท้องน้อย ท้องเสีย อาเจียน กดระบบประสาท ส่วนกลางทาให้เม็ดเลือดแดงแตก แต่ไม่ต้องกังวลมากเพราะตัวทาละลายน้ายาเช็ดกระจกมีความเข้มข้นน้อยมาก คอื เพยี ง 0.5 ถึง 2.5 เปอร์เซ็นตเ์ ท่านัน้ สาหรบั สารลดแรงตงึ ผิวทีใ่ ช้ในน้ายาเชด็ กระจกคอื sodium lauryl ether sulfate (SLES) หรือ sodium laureth sulfate ใช้ในปริมาณ 0.1 ถึง 0.2 เปอร์เซ็นต์ โดยน้าหมัก LPS มีค่า LD (หนู)50 1600 มิลลิกรัมต่อ กิโลกรัม มีพิษปานกลางเป็นสารทาให้เกิดฟองมักใช้ในผลิตภัณฑ์ทาความสะอาด และแชมพูอาจทาให้เกิดการ ระคายเคืองตา และผิวหนังหากเกิดอาการหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ควรหยุดใช้ทันทีในกระบวนการผลิต (SLES) อาจ ปนเป้ือนด้วย 14-dioxane ซึ่งอาจเป็นสารก่อมะเร็งในต่างประเทศมีการห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหาร และยาแต่อยา่ งไรกต็ ามไมม่ ีหลักฐานทบ่ี ่งชี้ว่าสารชนดิ นีเ้ ป็นสารกอ่ มะเรง็

4 น้ายาเช็ดกระจกบางชนดิ ท่ไี ม่ใช้ sodium lauryl sulfate เปน็ สารลดแรงตงึ ผิว จะใช้ cocamidopropyl betaine แทนซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวที่จับกับทั้ง anion และ cation ในเวลาเดียวกันสาร cocamidopropyl betaine เป็นสารลดแรงตงึ ผิวแบบอ่อนท่ีไมท่ าให้เกิดการระคายเคืองต่อผวิ หนงั และเนอ้ื เยอื่ ในจมูกนอกจากน้ียังมี สมบตั ิฆา่ เช้ือโรคดว้ ยและเข้าได้กับสารเคมีลดแรงตงึ ผิวชนิดอ่ืนๆ cocamidopropyl betaine ในน้ายาเชด็ กระจก มีความเข้มข้นต่ากว่า 1% จะไม่ทาให้เกิดการระคายคืนอย่างไรก็ตามสาหรับที่ความเข้มข้นสูงข้ึนไปอาจทาให้เกิด การระคายเคอื งได้ควรหลีกเลีย่ งการเทผลติ ภณั ฑใ์ ส่มือโดยตรง น้ายาเช็ดกระจกบางยี่ห้อมีการนา แอมโมเนียไฮดรอกไซด์มาใช้ประมาณ 0.1 เปอร์เซ็นต์ แอมโมเนียม ไฮดรอกไซด์ท่ีความเข้มข้นสูงกว่า 25% มีค่า LD50 (หนู) 350 มิลลิกรัม/กิโลกรัมมีความเป็นพิษมากมีฤทธิ์ทาให้ เกิดแผลไหม้ และเป็นอันตรายต่อส่ิงมีชีวิตในน้าสารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนเป็นอันตรายต่อเย่ือระบบทางเดินหายใจ ส่วนบนดวงตาผิวหนังการสูดดมทาให้เกิดการระคายเคืองต่อตา และจมูกซ่ึงต้องระวังอันตรายมาก มีการหดเกร็ง ของกล้ามเน้อื อักเสบการบวมน้าของถุงลมและปอดถ้าเข้าตาสามารถทาใหต้ าบอดได้ น้ายาทาความสะอาดสารพัดประโยชน์และ น้ายาเช็ดกระจกหลายยี่ห้อมีแอมโมเนียมเป็นส่วนผสม แอมโมเนียมีฤทธิ์เป็นด่าง และสามารถกัดกร่อนสูตรเคมีคือ NH3 ซึ่งปกติจะอยู่ในสถานะก๊าซไม่มีสีท่ีมีกลิ่นฉุน เฉพาะตัวแต่เมื่อละลายน้าจะอยู่ในรูปของสารละลายของแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ NH4OH อย่างไรก็ตาม แอมโมเนียมสามารถระเหยออกมาเป็นก๊าซและอาจเป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจและดวงตาได้ โดยทั่วไปความ เข้มข้นของแอมโมเนียในผลติ ภณั ฑ์ที่ใชใ้ นครวั เรือนอยู่ระหว่าง 5 ถงึ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์นา้ หนกั /ปริมาตร ผลของแอมโมเนียตอ่ สขุ ภาพมีอะไรบา้ ง ผลจากการสูดดม : หากได้รับในปริมาณไม่มากอาจทาให้เกิดการระคายเคือง แสบจมูก และลาคอ ไอ หรือจาม แต่ถ้าได้รับในปริมาณท่ีสูงอาจถึงขั้นหายใจผิดปกติ น้าคั่งในปอด และอาจนาไปสู่การอุดตันของทางเดินหายใจได้ เด็กท่ีสัมผัสก๊าซแอมโมเนียในปริมาณเท่ากับผู้ใหญ่อาจจะได้รับผลกระทบจากแอมโมเนียมากกว่าผู้ใหญ่ และอาจ ทาใหม้ ีอาการท่รี ุนแรงเนือ่ งจากเดก็ มีพืน้ ทผ่ี ิวของปอดท่จี ะสัมผัสกับแอมโมเนียมากกว่าผใู้ หญ่ ผลเม่ือเข้าตา : แอมโมเนียสามารถซึมซาบเข้าสู่ดวงตา และเป็นอันตรายได้มากกว่าด่างชนิดอื่นๆดังนั้นเมื่อ ผลิตภัณฑ์ท่ีมีแอมโมเนียเข้าตาโดยตรง หรืออาจเป็นไอของแอมโมเนียในปริมาณต่า (100 ส่วนในลา้ นส่วน) จะทา ให้เกิดการระคายเคืองเปลือกตาปิด และเป็นอันตรายต่อกระจกตาได้หากได้รับแอมโมเนียในปริมาณมากๆอาจถึง ขน้ั ตาบอดชว่ั คราวหรือถาวรได้ ผลจากการสมั ผัสทางผวิ หนงั : ทาให้เกิดการระคายเคือง และผิวหนังอกั เสบ ซึ่งความรุนแรงขึน้ อยกู่ ับความแรงของ แอมโมเนีย และระยะเวลาท่สี ัมผัส ผลเมื่อรับประทานเข้าไป : ทาให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และในบางรายมีอาการไหม้ของปาก คอหอยหลอด อาหาร และกระเพาะอาหาร

5 การปฐมพยาบาลเม่ือไดร้ ับแอมโมเนีย  การได้รับแอมโมเนียจากผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมักเกิดจากการสัมผัสทางผิวหนังน้ายากระเด็นเข้าตาหรือ การรับประทานเขา้ ไป  หากสัมผสั แอมโมเนยี ทางผิวหนังใหล้ ้างออกด้วยน้าปริมาณมาก  หากเข้าตาใหใ้ ช้ลา้ งดวงตาดว้ ยน้าสะอาดปรมิ าณมากๆ ถอดคอนแทคเลนส์ออกแลว้ นาตวั สง่ โรงพยาบาล  หากรบั ประทานเข้าไปใหด้ มื่ นา้ หรือนม 1-2 แก้วทันทีอยา่ พยายามทาให้อาเจียนอย่าให้ด่มื สารละลายของ กรดเขา้ ไปเพ่อื ทาใหแ้ อมโมเนยี เปน็ กลางรวมทั้งอย่าใหร้ บั ประทานผงถ่านแลว้ จงึ นาตวั ผ้ปู ่วยส่งแพทย์ เอกสารท่ีเกีย่ วข้อง อัญชัน อัญชันจัดเป็นพืชมีดอกชนิดใบเลี้ยงคู่ เปน็ พืชเถาเลื้อย ตระกูลเดียวกับถ่วั มีอายุประมาณ 1 ปี จึงจดั เป็น พืชอายุสน้ั ลาต้นเล้ือย และพันรอบหลกั อาจยาวได้ถึง 6-7 เมตร มีดอกที่สวยงาม โดยปกติมสี ีน้าเงิน มีถ่นิ กาเนิด ในแอฟริกา ช่อื พนื้ เมอื ง : อญั ชนั (กรุงเทพฯ ภาคกลาง) แดงชนั (เชยี งใหม)่ เอื้องชนั (ภาคเหนือ) ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Clitoria ternatea ช่อื วงศ์ : Leguminosae ช่อื สามญั : Butterfly-pea ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ อัญชัน เป็นพืชอายุหลายปี ต้นเป็นกอพุม่ ขนาดเล็ก ปลายยอดเป็นเถาเลื้อยพัน (Twining) อัญชันท่ีเก็บ รวบรวมสายพันธ์ุจาแนกได้ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์กลีบดอกช้ันเดียว หรือดอกรา ดอกเป็นรูปดอกถ่ัวมี 3 ชนิด คอื ชนิดสีน้าเงิน ม่วง และสีขาว และสายกลบี ดอกซ้อน มี 5 กลีบดอก (standard ) ขนาดใหญ่ ซ่ึงมสี ีเช่นเดยี วกัน ท้ัง 2 สายพันธุ์ มีอับเรณุสีเหลืองอ่อน ใบประกอบเรียงตัวแบบขนขนปลายค่ี ใบย่อยรูปไข่ สีใบเขียวเข็ม ผิวอ่อน คอนขา้ งหยาบเลก็ นอ้ ยออกดอกตลอดปี ชนดิ ดอกเดียว ฝักรปู ดาบแบบโคง้ เลก็ นอ้ ย เมล็ดแบนรูปไต

6 สรรพคุณทางยา ราก ใช้บารงุ รักษาดวงตา ทาให้ตาสว่าง แกต้ าฟาง ตาแฉะ ฝนกบั รากสะอึกและซาวข้าวกนิ หรอื ทา แก้ งสู วัด เป็นยาขบั ปัสสาวะ ใช้ถูแก้ปวดฟัน ทาให้ฟนั ทน รสเบ่อื เมาปรุงเปน็ ยา ดอก ใช้รักษาอาการผมร่วง ใช้ขยี้ทาศีรษะช่วยปลูกผม ใช้ทาค้ิว ทาให้ผมและค้ิวดกดา เนื่องจาก ดอกอัญชันมีสารแอนโธ่ไซยานิน มีคุณสมบัติเพ่ิมการไหลเวียนของเลือดในหลอดเล็กๆ ทาให้เลือดไปเล้ียงรากผม มากขึ้น แก้ฟกชา้ บวม เมลด็ เป็นยาระบาย การน้ามาใชป้ ระโยชน์ ภูมิปัญญาชาวบ้านของไทย ได้นาเอาสีจากดอกอัญชันมาใช้ แต่งสีขนมไทย เช่น ขนมช่อม่วง ขนมเรไร ขนมช้ัน เป็นต้น ทาให้สีคราม โดยเอาดอกอัญชันไปแช่ในน้าร้อนจะไดส้ ีน้าเงิน ถ้าเติมน้ามะนาวหรือหยดน้าพร้าว ลงไปเล็กน้อยจะได้สีม่วง นอกจากนี้ในสมัยโบราณยังนิยมใช้ย้อมผมจะทาให้ผมดาตามธรรมชาติ ไม่หงอกก่อนวัย แก้ปัญญาผมแตกปลายและผมเสีย กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมให้นุ่มสลวยเป็นเงางาม ปัจจุบันมีการเอา สารสกดั จากดอกอัญชันไปใชผ้ สมกบั แชมพแู ละครีมนวดผม เพอื่ ทาให้ผมดกดา ที่มา : http//www.doctor.or.th/node/2359 และ http:/www.rspg.or.th/plants_data/index.htm มะกรูด มะกรูด เป็นพืชในตระกูลส้ม (Citrus) มีถ่ินกาเนิดในประเทศลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ นยิ มใชใ้ บมะกรูดและผวิ มะกรูดเปน็ ส่วนหน่ึงของเครือ่ งปรงุ อาหารหลายชนดิ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Citrus hystrix DC. ช่ือสามัญ : Leech lime, Mauritus papeda วงศ์ : Rutaceae ชอ่ื อืน่ : มะขุน มะกรูด (ภาคเหนอื ) มะขู (กระเหรี่ยง-แมฮ่ อ่ งสอน) สม้ กรูดสม้ มว่ั ผี (ภาคใต้)

7 ลกั ษณะทางพฤกษาศาสตร์ เป็นไมย้ ืนต้นขนาดเล็ก สูง 2-8 เมตรเป็นไมเ้ น้อื แขง็ เปลือกต้นเรียบ สีน้าตาล มหี นามยาวเล็กน้อยแหลม อยู่ตามกิ่งก้าน ใบ เป็นใบประกอบชนิดลดรูป ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ ผล เป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ โคนผลเรียวเป็นจุก ผิวขรุขระ พันธุ์ท่ีมีผลเล็ก ผลอ่อนสีเขียวแก่ สุกเป็นสีเหลืองมีรสเปรี้ยว ภายในมีเมล็ด จานวนมาก เมลด็ กลมรี สขี าว สรรพคุณทางยา รากกระทุ้งพิษ แกฝ้ ีภายในและแก้เสมหะเปน็ พษิ ใบมีน้ามนั หอมระเหย ผลและน้า ค้ันจากผลใช้แตง่ กลิ่น สระผมรกั ษาชันนะตุ รังแค ทาให้ผมสะอาด ผิวจากผลปรุงเป็นยาขับลม ในลาไส้ แกแ้ น่น เปน็ ยาบารุงหัวใจ การนา้ มาใชป้ ระโยชน์ คนไทยนิยมปลกู มะกรูด ไวต้ ามบ้านและในสวนมะกรูดเป็นไม้พุ่มยนื ขนาดเล็ก ใบมีกล่ินหอม ผลค่อนข้าง กลม ผวิ ขรขุ ระมีปุ่มนนู และมจี กุ ท่ีหัวของผล ส่วนทใี่ ช้ คือ ใบและผล  ใช้เป็นยาหรือส่วนผสมต่างๆ คือ น้าในผลแก้อาการท้องอืด ช่วยให้เจริญอาหารน้ามะกรูดใช้ดองยา และ บารงุ โลหติ  ใชเ้ ปน็ เคร่อื งเทศ โดยใช้ผิวของผล เปน็ สว่ นผสมในเครอ่ื งแกงหลายชนิด  ใชแ้ ตง่ กลน่ิ ในอาหารคาวหลายชนดิ เช่น ต้มยา แกงเผ็ด  นา้ มะกรูดใชป้ รงุ อาหารเพือ่ ให้มีรสเปรีย้ วและดับกลิน่ คาวปลา  คนโบราณนยิ มสระผมด้วยมะกรดู เพราะทาให้ผมดาเปน็ มนั ไมแ่ หง้ กรอบ

8 บทที่ 3 วิธกี ารจดั ทา้ โครงงาน ในการทาโครงงานคอมพวิ เตอรเ์ ร่ืองนา้ ยาเชด็ กระจกจากดอกอัญชนั และมะกรดู กลุม่ ผูศ้ กึ ษามีวธิ ีการดาเนิน โครงงานดังน้ี 1. ตารางปฏบิ ัตโิ ครงงาน ระยะเวลา กจิ กรรม ผรู้ ับผิดชอบ สปั ดาหท์ ่ี 1 ศกึ ษาถึงสรรพคุณของดอกอัญชันและมะกรดู โดยศกึ ษาการนาอัญชนั สมาชกิ ในกลมุ่ และมะกรดู มาพัฒนาเป็นน้ายาเชด็ กระจกจากดอกอญั ชันและมะกรดู สปั ดาหท์ ่ี 2 ซ่ึงสอบถามจากผมู้ ีความรูแ้ ละเรยี นร้ผู ่านทางอนิ เทอร์เนต็ สมาชิกในกลุม่ จัดเตรียมจดั หาวสั ดอุ ุปกรณ์สถานทใ่ี นการทาน้ายาเช็ดกระจกจากดอกอญั ชนั และมะกรดู สปั ดาห์ท่ี ดาเนนิ การทาน้ายาเชด็ กระจกจากดอกอัญชันและมะกรูดโดยการหมักทงิ้ ไวเ้ ป็น สมาชกิ ในกลมุ่ 3-5 เวลา 15 วนั เมือ่ ครบกาหนดนาไปใสใ่ นบรรจุภัณฑ์ วสั ดอุ ุปกรณ์ 1. ดอกอญั ชันสีม่วง 300 กรัม 2. น้าตาลทรายหรือกากน้าตาล 300 กรัม 3. มะกรูด 2 ผล 4. นา้ สะอาด 1 ลิตร 5. หมอ้ สแตนเลส/หม้อเคลือบ 1 ใบ 6. มีด 1 เล่ม 7. เตา 1 ใบ 8. โหลสาหรบั หมกั 1 ใบ

9 2. วิธดี ้าเนินการทดลอง ตอนที่ 1 1. การทาน้าหมักชวี ภาพจากดอกอัญชนั 2. ฝานมะกรูด เอาเฉพาะผิว ใสล่ งในหมอ้ ตม้ ดอกอัญชนั ตม้ ต่อประมาณ 10 นาที ดบั ไฟ 3. ปลอ่ ยให้น้าดอกอญั ชันเยน็ ลง จนมีอุณหภูมิ 60 องศเซลเซียส ใส่นา้ ตาลทรายหรือกากน้าตาลลงไปคน 4. เทใสโ่ หลสาหรบั หมกั ปดิ ฝา พอใหแ้ ก๊สทเ่ี กดิ ข้ึนระบายออกมาได้ ท้ิงไว้ประมาณ 30 วัน 5. กรองน้าหมกั ชีวภาพที่ได้ เอากากออก (นาไปเปน็ ป๋ยุ ตน้ ไม้ได้) 6. นาน้าหมกั ชวี ภาพจากดอกอญั ชันใส่ลงในขวดสเปรย์ ตอนที่ 2 หาประสทิ ธภิ าพในการทาความสะอาดของนา้ หมกั ชวี ภาพจากดอกอัญชนั กบั น้ายาเชด็ กระจก 1. วันที่1 นากระจกเงาที่มีความสกปรกตามปกติ 1 แผ่นมาทาความสะอาดด้วยน้ายาเช็ดกระจกจาก ดอกอญั ชันและมะกรูด เปน็ เวลา 5 นาที และ10 นาท่ี สังเกตและบันทึกผล 2. วันท่ี2 นากระจกเงาที่มีความสกปรกตามปกติ 1 แผ่นมาทาความสะอาดด้วยน้ายาเช็ดกระจกจาก ดอกอัญชนั และมะกรูด เป็นเวลา 5 นาที่ และ 10 นาที สังเกตและบันทึกผล

10 บทที่ 4 ผลการศกึ ษา ในการทาโครงงานคอมพิวเตอรเ์ รอื่ งน้ายาเช็ดกระจกจากดอกอัญชันและมะกรดู ไดผ้ ลของการดาเนินดงั ต่อไปนี้ ตอนท่ี 1 การทาน้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชัน ผลเป็นดังนี้เมื่อยังไม่กรอง ได้น้าหมักที่มีสีม่วงเข้มมีแก๊สเล็กน้อย มีกลนิ่ ออกเปรย้ี ว มีดอกอญั ชันทลี่ อยอยู่ ตอนท2่ี หาประสทิ ธิภาพในการทาความสะอาดของน้าหมักกับนา้ ยาเช็ดกระจกผลการดาเนินงาน เปน็ ดงั นี้ ตารางการทาความสะอาดของน้ายาเชด็ กระจกโดยทดลองกับกระจกเงา วัสดทุ ดลอง จานวนคร้ัง กอ่ นเช็ดกระจก หลงั เช็ดกระจก ทดลอง กระจกเงา ครั้งที่ 1 มฝี ุ่นเกาะ มคี ราบขุน่ กระจกใสสะอาดเงา ครงั้ ท่ี 2 มฝี ุ่นเกาะ มีคราบขนุ่ และ ใส สะอาด ไม่มีคราบ กระจกไม่เงามคี วามมัว มคี วามเงาวาวมาก

11 บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ ลายผลและขอ้ เสนอแนะ สรปุ ผลการดา้ เนินโครงงาน ผลทดลองตอนท่ี 1 เม่ือยังไม่กรอง น้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชันสีม่วงเข็ม มีแก๊สเล็กน้อย มีกลิ่นออกเปรี้ยวเล็กน้อย มีดอกอัญชันสีซีดลอยอยู่ด้านบนและมีฝ้าสีขาวลอยอยู่บนผิวด้านบน การท่ีน้าหมักชีวภาพมีกลิ่นเปร้ียวเล็กน้อย และฝ้าสีขาวลอยอยู่บนผวิ ด้านบน แสดงว่ามีจุลินทรีย์เกิดขึ้น สามารถนาน้าหมักชวี ภาพไปใช้งานได้ ถา้ ไม่ฝ้าสขี าว ลอยอยู่ด้านบนและมีกล่ินเห็นแสดงว่าน้าหมักชีวภาพเสียใช้ไม่ได้ สรุปได้ว่า น้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชัน ทค่ี ณะผ้จู ดั ทาข้ึนนน้ั มาใชไ้ ด้ ผลการทดลองตอนที่ 2 เม่อื นา้ หมักชีวภาพจากดอกอัญชันไปใช้ทาความสะอาดกระจกเงา ผลปรากฏว่า กระจกเงา มคี วามเงาวาว ไม่มีคราบสกปรกเหลืออยู่นอกจากนั้นน้ามันหอมจากผิวมะกรูดยังมีสรรพคุณในการไล่แมลงตา่ งๆรวมทั้งยุงอีกด้วย เมื่อหาประสิทธิภาพ การทาความสะอาดขิงน้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชันกับน้ายาเช็ดกระจกเงาสรุปได้ว่าไม่ แตกต่างกนั ประโยชน์ทีไ่ ด้รบั จากโครงงาน 1. ไดก้ ระจกที่มคี วามเงาไมม่ คี วามสกปรกเหลอื อยนู่ อกจากน้ันยังมีนา้ มนั หอมจากผวิ มะกรดู 2. นอกจากกระจกทีป่ ราศจากคราบสกปรกแลว้ ยังมีสรรพคณุ ในการไลแ่ มลงต่างๆรวมท้งั ยงุ ได้อีกดว้ ย ปญั หาและอปุ สรรค เปน็ ผลติ ภัณฑท์ ี่เก็บรักษาได้ไมน่ านดังนนั้ ต้องเกบ็ ในอุณหภูมิทีเ่ หมาะสมหรือไวใ้ นที่ท่ไี มเ่ กิดเชอื้ ราง่ายเชน่ พนื้ ที่ที่ไม่ มีความชนื้

12 ข้อเสนอแนะ 1. นาน้าหมักชีวภาพจากดอกอัญชันไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ เช่น ทาปุ๋ย บาบัดน้าเสีย แก้ไขท่อตัน กาจัด กล่ิน ล้างหอ้ งน้า เปน็ ตน้ 2. นอกจากสมุนไพรมะกรดู แลว้ ยงั สามารถนาสมนุ ไพรชนดิ อนื่ ๆมาเปน็ ส่วนผสมได้อีกดว้ ย 3. 3 ควรรณรงค์ให้ผู้คนหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทามาจากสมุนไพรธรรมชาติแทนผลิตภัณฑ์ที่ทามาจากสารเคมี เนื่องจากสมุนไพรธรรมชาติไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อผวิ หนงั

13 บรรณานกุ รม มะกรูด ไมป่ รากฏชือ่ ผแู้ ต่ง. (2557).มะกรูด. สืบค้นจาก https://health.kapook.com/view97811.html อัญชนั ไมป่ รากฏช่ือผ้แู ตง่ . (2563).อัญชนั . สืบค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B 8%B1%E0%B8%99 น้ายาเชด็ กระจก อาจารย์โชติมา วไิ ลวัลย.์ (2549). น้ายาเชด็ กระจก. สืบค้นจาก http://www.chemtrack.org/News-Detail.asp?TID=4&ID=2

14 ภาคผนวก ภาพท1่ี ฝานมะกรดู เอาเฉพาะเปลือก ภาพท่2ี ตม้ ดอกอญั ชนั และใส่เปลือกมะกรดู ท่ฝี านลงไป ภาพท3่ี เทน้าตาลใสใ่ นนา้ อัญชนั และมะกรูด ภาพที่4 เทน้ายาเชด็ กระจกใส่โหลหมัก

15 ภาพท่5ี น้านา้ ยาเชด็ กระจกท่ีหมักเสรจ็ แลว้ ใสบ่ รรจุภัณฑ์ ภาพที่6 กอ่ นเชด็ กระจก ภาพที่7 หลังเชด็ กระจก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook