งานนนนนนน (1)

การพฒั นาหนงั สืออเิ ล็กทรอนกิ สด์ ว้ ยเทคโนโลยีความจรงิ เสรมิ แบบปฏสิ มั พนั ธแ์ ละแอบพลิเคชน่ั เพอื่ ส่งเสรมิ การรโู้ ทษของยาเสพตดิ สาหรบั นักเรียนระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4

คานา • พระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พุธศักราช 2522 ซงึ่ เปน็ กฎหมายทคี่ วบคุมยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ของประเทศไทย ได้ให้นิยามของยาเสพตดิ ให้โทษไว้ว่า หมายถงึ สารเคมหี รอื วตั ถุใด ๆ ซง่ึ เม่อื เสพ เข้าสูร่ า่ งกายไมว่ ่าจะโดยวธิ ีใดตาม เช่น รับประทาน สูบ ดมหรอื ฉี • นอกจากนีย้ าเสพติดใหโ้ ทษเปน็ ปญั หาใหญท่ ท่ี ่ัวโลกให้ความสาคัญในการปอ้ งกนั และปราบปราม เพ่อื ขจัดใหห้ มดสน้ิ ไปปจั จบุ นั รัฐบาลไดด้ าเนนิ การแก้ไขปญั หายาเสพติดอย่างจรงิ จังโดยการเร่งจับ ผ้ผู ลิตผนู้ าเข้าและผ้จู าหนา่ ยยาเสพตดิ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง • ท้งั นหี้ วงั ว่าการพัฒนาหนังสอื อเิ ล็กทรอนกิ สด์ ว้ ยเทคโนโลยีความจริงเสริมแบบปฏสิ ัมพันธ์และ แอปพลิเคชั่นเร่อื งโทษของยาเสพตดิ เพอื่ สง่ เรมิ การรู้โทษของยาเสพติดสาหรบั นกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เล่มนค้ี งใหป้ ระโยชน์แกน่ กั เรียนและเยาวชนไมม่ ากกน็ ้อยและสามารถสร้าง ความรว่ มมือรว่ มใจของประชาชนให้ประเทศไทยมอี นาคตทีด่ สี บื ต่อไป

คานาผพู้ ฒั นาหนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ • การพัฒนาหนงั สืออเิ ล็กทรอนิกสด์ ว้ ยเทคโนโลยีความจริงเสรมิ แบบปฏสิ ัมพันธพ์ หุภาษาเพ่ือส่งเสรมิ หลักการเรยี นการสอนและเป็นแนวทางให้แกค่ ุณครูผสู้ อน ณ โรงเรียนวดั บางบัวทองเพอ่ื ใชใ้ นการเรียน การสอนของนักเรยี นระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 จดั ทาขน้ึ เพอื่ ใชเ้ ปน็ ผลงานระหว่างศกึ ษาในระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชพี ปีที่3 สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ วทิ ยาลยั เทคโนโลยสี ยามบรหิ ารธรุ กิจ นนทบุรี เพือ่ พัฒนาในดา้ นความร้แู ละมคี วามเขา้ ใจในเนอ้ื หาเกย่ี วกบั เรือ่ งโทษของยาเสพติดโดยจะประกอบไป ดว้ ย ความเปน็ มา สาเหตุ และการแก้ไขเปน็ ต้น ดังนจ้ี ะสามารถนามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์แก่คณุ ครแู ละ นักเรยี นได้ และพรอ้ มนาไปใช้ในด้านการศึกษาครั้งต่อไป

เรือ่ ง หนา้ คมู่ ือกสรใช้ AR 1-2 3-5 ประวตั ดิ ความเป็นมา 6-14 ประเภทของยาเสพติด 15-18 โทษของยาเสพติด 19-22 สาเหตขุ องการตดิ ยาเสพตดิ 23-30 วธิ กี ารหลกี เล่ียงดูแลบาบดั รักษา

1

2

3

4 ประวตั คิ วามเปน็ มาของยาเสพตดิ ประเทศไทยมปี ระวัติการเสพฝ่นิ มาต้ังแต่ สมัยสมเด็จพระรามาธบิ ดที ี่ ๑ แหง่ กรุงศรีอยุธยา ในสมัยนนั้ กม็ หี ลักฐานวา่ พระมหากษตั ริยท์ รง เล็งเหน็ โทษของการเสพฝิ่น และทรงลงโทษผเู้ สพ ตดิ เช่นกนั ระหว่างสงครามกลางเมอื งของ สหรฐั อเมรกิ า เริม่ มกี ารนาเขม็ ฉดี ยาเขา้ ใต้ผวิ หนงั มาใช้ ทาใหม้ ผี ูน้ ามอรฟ์ ีนมาใช้ในลกั ษณะยาเสพ ตดิ ตอ่ มาเม่อื คนรจู้ ักการฉดี ยาเขา้ หลอดเลอื ดดา เฮโรอนี ซง่ึ เปน็ ของมอร์ฟนี กถ็ กู นามาใชแ้ ทน มอร์ฟีน และไดร้ ับความนิยมใช้อยา่ งแพร่หลาย เช่นกนั โดยผใู้ ช้ไม่ทราบถึงฤทธิ์ในการเสพติดของ ยาเหลา่ นี้

6

5 องค์การอนามยั โลก (WHO) แบ่งยาหรอื สารเสพตดิ ออกเปน็ 5 - ประเภทฝิ่น หรอื มอรฟ์ นี รวมทั้งยาทมี่ ีฤทธิ์คลา้ ยมอร์ฟนี เช่น ฝน่ิ มอร์ฟีน เฮโรอนี เพทธีดีน - ประเภทบารบ์ ิตูเรต รวมทง้ั ยาทีฤ่ ทธ์ิทานองเดยี วกนั เชน่ เซโค บารบ์ ติ าล อะโมบารบ์ ติ าล พาราลดีโฮด์ - ประเภทโคเคน เช่น โคเคน ใบโคคา - ประเภทกญั ชา เช่น ยอดชอ่ ดอกกัญชาตวั เมยี - ประเภทคดั (KHAT) เช่น ใบคัด ใบกระท่อม - ประเภทหลอนประสาท เชน่ แอลเอสดี ดเี อ็มที เมสคาลีน เมลด็ มอร์นิง่ โกลล่ี ลาโพง เห็นเมาบางชนดิ - ประเภทอื่นๆ เป็นพวกทไี่ ม่สามารถจดั เขา้ ประเภทได้ เชน่ ทนิ เนอร์ เบนซนี นา้ ยาล้างเล็บ ยาแกป้ วด บุหร่ี

7 ประเภทของยาเสพตดิ 7 1.ตามพระราชบัญญัตยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ แบง่ ยาเสพ ตดิ ใหโ้ ทษออกเป็น ๕ ประเภทดงั น้ี - ประเภทที่ ๑ ได้แก่ เฮโรอนี อที อร์ฟนี อะซีทอร์ฟนี - ประเภทท่ี ๒ ไดแ้ ก่ ฝิน่ มอรฟ์ ีน โคเดอีน ไดฟนี อ๊ ซีเลท เอธลิ มอรฟ์ ีน - ประเภทที่ ๓ ได้แก่ ยาแก้ไอ แอแกท้ อ้ งเสีย ท่มี ีฝิ่น โคเดอีน หรือไดฟีน๊อคซเี ลทเปน็ สว่ นผสม - ประเภทท่ี ๔ ได้แก่ อะเซตคิ แอนไฮไดรด์ อะเซติล คลอไรด์ - ประเภทท่ี ๕ ไดแ้ ก่ พชื กัญชา พืชกระท่อม เห็ด

8 มอรฟ์ นี (MORPHINE) ลกั ษณะทวั่ ไป เป็นสารอัลคาลอยด์ทสี่ กัดได้จากฝนิ่ มีลักษณะเป็นผงสีขาวนวล สคี รีม สีเทา ไม่มกี ล่ิน รสขม ละลายนา้ มีฤทธ์ใิ นการกดประสาทและ สมองรุนแรงกว่าฝน่ิ ประมาณ ๘-๑๐ เท่า เสพตดิ ไดง้ า่ ย มลี ักษณะ แตกตา่ งกนั เชน่ อดั เปน็ เม็ด เป็นผง เป็นแทง่ สเี่ หลย่ี มมีเคร่ืองหมาย 999 หรือ OK เป็นสญั ลกั ษณ์ และชนดิ น้าบรรจหุ ลอด อาการผเู้ สพติดมอร์ฟีน ผูท้ เ่ี สพมอร์ฟีน ระยะแรกฤทธิข์ องมอรฟ์ นี จะช่วยลดความวติ ก กงั วล คลายความเจบ็ ปวดตา่ ง ๆ ตามร่างกาย ทาใหม้ อี าการง่วงนอน และหลับงา่ ย

9 โฮโรอีน หรือ ผงขาว (HEROIN) 9 ลักษณะทว่ั ไป เฮโรอนี เป็นยาเสพตดใหโ้ ทษชนิดรา้ ยแรง ประเภท ๑ (ตามพระราชบัญญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) เฮโรอนี ได้จากการสงั เคราะห์ตามกรรมวธิ ที างเคมี ฤทธข์ิ องเฮโรอนี มี ความรนุ แรงกว่ามอรฟ์ ีน ประมาณ ๔-๘ เท่าและรุนแรงกว่า ฝนิ่ ประมาณ ๓๐-๘๐ เทา่ เฮโรอนี เป็นยาเสพตดิ ท่รี า้ ยแรง เสพตดิ ได้งา่ ยเมอื่ ใชเ้ พยี ง ๑ หรอื ๒ ครงั้ อาจทาให้เกดิ อาการมึนงงเซือ่ งซึม งว่ ง บางรายเกดิ อาการคล่ืนไส้ อาเจยี น ตาลาย สาหรบั ผู้ทีเ่ สพจนตดิ เสพเปน็ ประจารา่ งกายจะทรุด โทรม ผอมตัวซดี เหลือง ขอบตาคลา้

10 โคเคน (COCAINE) ลกั ษณะทว่ั ไป โคเคนหรอื โคคาอนี เป็นสารเสพติดธรรมชาตทิ ี่ไดจ้ ากการ สงั เคราะหส์ ่วนใบของตน้ โค นยิ มปลกู กนั มากในประเทศแถบ อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง เช่น ประเทศโบลเิ วีย เปรู โคลมั เบีย เอกวาดอร์ เปน็ ต้น อาการผ้เู สพติดโคเคน ผ้เู สพติดโคเคนเขา้ ส่รู ่างกาย ในระยะแรกฤทธ์ขิ องโคเคนจะ กระต้นุ ประสาททาให้เกดิ อาการไร้ความรูส้ กึ ดูเหมอื นคล้ายมีกาลงั มากขึ้น มคี วาม แตเ่ ม่ือหมดฤทธ์ยิ ารา่ งกายและความร้สู ึกจะ ออ่ นเพลยี เมื่อยลา้ ขน้ึ มา

11 กญั ชา (CANNABIS) 1 ลักษณะทวั่ ไป กญั ชาเปน็ พืช ล้มลกุ จาพวกหญา้ ชนดิ หนงึ่ มชี อื่ เรียกต่าง ๆ กัน เชน่ หรือท่นี ยิ มเรียกกนั ในกล่มุ ผเู้ สพวา่ เนื้อ ลักษณะใบ กัญชา จะเรียวยาวแตกเปน็ แฉกคล้ายใบละหงุ่ หรอื มันสาปะหลัง สว่ นทน่ี ามาใชเ้ สพก็คือ ใบและยอดชอ่ ดอกตัวเมยี โดยการนามา ตากหรืออบแหง้ แล้วบดหรอื หั่นเป็นผงหยาบ ๆ นามามวนบหุ รี่ สูบ หรอื อาจสบู ด้วยกล้องหรอื บอ้ ง อาการของผเู้ สพติดกัญชา ผทู้ ี่เสพกญั ชาในระยะแรกของการเสพ ฤทธข์ิ องกญั ชาจะ กระตนุ้ ประสาททาให้ผู้เสพมีอาการร่างเริง ช่างพูด หวั เราะง่าย หัวใจเต้นเรว็ ต่นื เตน้ งา่ ย ตอ่ มาจะมีอาการคลา้ ยคนเมาเหลา้

12 กระทอ่ ม (KRATOM) ลกั ษณะทว่ั ไป กระท่อมเป็นพชื ยนื ตน้ ขนาดกลางชนิดหนงึ่ พบมากในแถบ ทวีปเอเชีย เชน่ ประเทศอนิ เดยี ไทย ฯลฯ ลักษณะใบคลา้ ยใบ กระดงั งาหรือใบฝร่ัง มีดอกกลมโตเท่าผลพุทรา มชี อื่ เรยี กตา่ ง ๆ กนั เช่น กระทุ่มโคก กระท่มุ พาย พืชกระท่อมมอี ยู่ ๒ ชนิด คอื 1. ชนดิ ก้านแดง มลี ักษณะของกา้ นและเสน้ ของใบเปน็ สีแดงเร่ือ ๆ 2. ชนดิ ก้านเขียว มีลกั ษณะของก้านและเสน้ ของใบเปน็ สเี ขยี วตลอด อาการผู้เสพติดกระท่อม ผเู้ สพใบกระทอ่ ม จะพบว่าร่างกายทรดุ โทรมมาก เน่ืองจาก สุขภาพร่างกายทางานเกินกาลังลกั ษณะท่ีเห็นชัด คอื ผวิ หนงั ตาม รา่ งกายแหง้ เกรยี มดา ปากแหง้ แก้มเป็นจดุ ดา ๆ และมีอาการนอน ไม่หลับ

13 เห็ดขค้ี วาย (PSILOCYBE CUBENSIS MUSHROOM) 13 ลักษณะทว่ั ไป ลกั ษณะของเหด็ ข้คี วายมสี ีเหลืองซีดคล้ายสฟี างแหง้ บริเวณ ส่วนบนของหวั เหด็ ท่มี ีรูปร่างคล้ายร่ม จะมสี ีน้าตาลเข้มจนถึงดา บริเวณกา้ นตอนบนใกลต้ ัวรม่ มแี ผน่ เนอ้ื เยอื่ บาง ๆ สีขาวคล้ายวง แหวนแผ่อยรู่ อบกา้ น เหด็ ขค้ี วายพบไดท้ ้งั ในสภาพท่ีเป็นเหด็ สดและ เห็ดตากแหง้ อาการผเู้ สพตดิ เห็ดขคี้ วาย ผู้ทเ่ี สพหรอื บริโภคเห็ดพษิ จะรู้สกึ ร้อนวูบวาบ ตามเนื้อตัว แนน่ หน้าอก ตาพร่า อึดอดั รู้สึกไมส่ บาย คลืน่ ไส้อาเจียน อาการ ดังกล่าวจะมมี ากน้อยเพียงใดขึ้นอยูก่ บั ปรมิ าณของการเสพ และ สภาพร่างกายของผู้เสพเป็นสาคญั

14 แอมเฟตามนี (AMPHETAMINE) ยามา้ ยาขยนั ยาแก้งว่ ง ยาโด๊ป ยาเพิม่ พลัง ฯลฯผงแอม เฟตามีน (ยามา้ ) เม่ือนามาผลิตอัดเปน็ เมด็ ยาแล้วจะมลี กั ษณะ เมด็ ยาหายลักษณะ เชน่ เมด็ กลมแบบ รปู เหลย่ี ม รปู หัวใจ หรอื อาจเปน็ แคบซูล อาการของผู้เสพติดแอมเฟตามนี (ยามา้ ) อาการทางกาย ผู้เสพแอมเฟตามีน (ยามา้ ) ประมาณ ๒๐ - ๓๐ กรัมตอ่ วนั จะมีอาการเบื่ออาหาร พูดมาก ตนื่ เตน้ งา่ ย มือ ส่นั คลน่ื ไส้ ความดันโลหติ สงู หัวใจเตน้ เรว็ และแรง ไม่รู้สกึ ง่วง เหง่ือออกมาก ทางานไดน้ านเกินกวา่ ปกติ รูมา่ นตาเบกิ กว้าง มี อารมณห์ งุดหงิด



ยาเสพติดให้โทษเป็นปญั หาใหญท่ ีท่ ่ัว 16 โลกใหค้ วามสาคญั ในการป้องกันและปราบปราม เพ่อื ขจดั ใหห้ มดส้ินไป ปจั จบุ นั รฐั บาลได้ดาเนนิ ผลตอ่ รา่ งกายและจติ ใจทส่ี าคญั 4 ประการ คือ การแกไ้ ขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจงั โดยการ 1.มีความต้องการเสพสารน้นั อย่างรุนแรงท้งั ร่างกายและ เร่งปราบปรามผู้ผลติ ผู้นาเข้า และผู้จาหน่ายยา เสพติดอยา่ งต่อเน่ือง เพิ่มมาตรการในการควบ จิตใจ คุมตัวสารสาคัญและสารประกอบที่ใชใ้ นการ 2.ตอ้ งเพิ่มขนาดหรือปรมิ าณการเสพสารนนั้ มากขึ้นเปน็ ผลิตยาเสพติดรวมท้ังเพิ่มบทลงโทษผู้กระทาผดิ นอกจากนหี้ น่วยงานภาครัฐหลายแห่งได้ร่วมกัน ลาดบั รณรงคต์ ่อต้านยาเสพตดิ ซึ่งสามารถบรรเทา 3. เมือ่ หยุดเสพสารนั้นจะเกดิ อาการอยากยา ปญั หายาเสพตดิ ในประเทศไปไดใ้ นระดับหน่งึ 4. สขุ ภาพของผู้เสพสารน้นั เป็นเวลานานจะทรดุ โทรมลง

17 17 โทษทางรา่ งกาย และจติ ใจ 1. สารเสพติดจะใหโ้ ทษโดยทาใหก้ ารปฏบิ ัติหนา้ ที่ของอวยั วะสว่ นต่างๆ ของ รา่ งกายเสื่อมโทรม 2. ด้านบคุ ลิกภาพจะเสียหมด ขาดความสนใจในตนเองทั้งความประพฤตคิ วาม สะอาดและสติสัมปชญั ญะ มีอากปั กริ ยิ าแปลกๆ 3. สภาพรา่ งกายของผ้เู สพจะออ่ นเพลีย ซบู ซดี หมดเรี่ยวแรง ขาดความ กระปรี้กระเปร่าและเกียจครา้ นเฉ่อื ยชา 4. ทาลายสขุ ภาพของผู้ติดสารเสพติดใหท้ รดุ โทรมทกุ ขณะ เพราะระบบอวยั วะ ต่าง ๆของรา่ งกายถกู พษิ ยาทาให้เสอ่ื มลง 5. เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย เพราะความต้านทานโรคนอ้ ยกวา่ ปกติทาให้เกิดโรค หรือเจ็บไขไ้ ดง้ า่ ย และเม่ือเกดิ แล้วจะมคี วามรุนแรงมากรักษายาก

18 โทษพษิ ภยั ตอ่ ครอบครวั 1. ความรับผิดชอบต่อครอบครัว และญาติพี่ นอ้ งจะหมดส้นิ ไป ไม่สนใจท่จี ะดแู ลครอบครวั 2. ทาให้สญู เสียทรพั ยส์ นิ เงนิ ทอง ทีจ่ ะตอ้ ง หามาซื้อสารเสพตดิ จนจะไม่มีใช้จา่ ยอย่าง อืน่ และต้องเสยี เงินรักษาตวั เอง 3. ทางานไม่ได้ขาดหลักประกันของครอบครวั และนายจา้ งหมดความไวว้ างใจ 4. สญู เสียสมรรถภาพในการหาเล้ียง ครอบครวั นาความหายนะมาสู่ครอบครัวและ ญาตพิ น่ี อ้ ง



20 จาแนกตามการออกฤทธต์ิ ่อระบบประสาท แบง่ เปน็ 3 ประเภท 1. อยากทดลอง เกดิ จากความอยากรู้อยากเห็นซึง่ เปน็ นสิ ยั ของคนโดยท่วั ไป และโดยทีไ่ มค่ ิดว่าตนจะตดิ สง่ิ เสพตดิ นีไ้ ด้ จึงไป ทาการทดลองใชส้ ิ่งเสพติดน้ัน 2. ความคกึ คะนอง คนบางคนมีความคกึ คะนอง ชอบพดู อวด เก่งเป็นนสิ ัย โดยเฉพาะวยั รุ่นมกั คนพวกน้ีอาจแสดงความเกง่ กล้า ของตนในกลมุ่ เพ่อื น 3. การชักชวนของคนอน่ื อาจเกดิ จากการเชอื่ ตามคาชกั ชวน โฆษณา ของผูข้ ายสนิ ค้าที่ เปน็ สิง่ เสพตดิ บางชนดิ ทาให้มจี ิตใจ แจ่มใส ทาให้มีสขุ ภาพดี ทาใหม้ สี ตปิ ญั ญาดี สามารถรกั ษาโรคได้ บางชนิด

21 2 สาเหตทุ เ่ี กดิ จากการถกู หลอกลวง ปัจจุบันน้มี ผี ูข้ ายสินค้าประเภทอาหาร ขนม หรอื เคร่ืองด่ืม บางรายใชส้ ง่ิ เสพติดผสมลงในสินค้าทข่ี าย เพื่อใหผ้ ู้ซ้อื สนิ คา้ นั้นไป รบั ประทานเกิดการตดิ อยากมาซ้อื ไปรับประทาน 3. สาเหตทุ เี่ กดิ จากความเจบ็ ป่วย 1. คนที่มีอาการเจ็บป่วยทางกายเกดิ ขึน้ เพราะสาเหตุตา่ ง ๆ เชน่ ไดร้ ับบาดเจ็บรุนแรง เปน็ แผลเรอื้ รงั มีความเจ็บปวดอยู่เป็นประจา 2. ผู้ที่มจี ติ ใจไม่เป็นปกติ เชน่ มีความวติ กกงั วล เครยี ด มีความ ผดิ หวงั ในชวี ติ มคี วามเศรา้ สลดเสยี ใจ เปน็ ตน้ ทาใหส้ ภาวะจิตใจไม่ เปน็ ปกติจนเกดิ การป่วยทางจติ ข้ึน จงึ พยายามหายาหรือส่ิงเสพติดท่ี มฤี ทธิส์ ามารถคลายความเครยี ดจากทางจติ ไดช้ วั่ ขณะหนงึ่ มา รับประทาน

22 3. สาเหตสุ าคญั ทท่ี าใหต้ ดิ ยาเสพติด 1. จากการถูกชกั ชวน การถกู ชักชวนนีอ้ าจจะเกดิ จากเพอ่ื นสนทิ ทกี่ าลงั ตดิ ยาอยู่และอยากจะใหเ้ พ่อื นลองบา้ ง ปญั หานม้ี ักจะเกดิ กบั เดก็ ที่มปี ัญหาทางครอบครัวขาดความอบอุ่น 2. จากการอยากทดลอง อยากรู้อยากเหน็ อยากจะรรู้ สชาติ อยากสมั ผัส โดยคิดวา่ คงจะไม่ติดงา่ ย ๆ 3. จากการถูกหลอกลวง ยาเสพตดิ มีรูปแบบต่างๆมากมายผู้ ถูกหลอกลวงไม่ทราบว่าส่งิ ทตี่ นได้กินเข้าไปนน้ั เป็นยาเสพตดิ ให้ โทษรา้ ยแรง คิดวา่ เป็นยาธรรมดาไม่มพี ิษรา้ ยแรง อะไรตามทีผ่ ู้ หลอกลวงแนะนาผลสดุ ท้าย กลายเปน็ ผู้ตดิ ยาเสพติดไป



24 การหลกี เลย่ี งและดแู ลรกั ษา การหลกี เลย่ี งจากสงิ่ เสพติดทกุ ชนดิ การจะให้ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนสามารถ หลีกเลย่ี งจากสิ่งเสพตดิ ชนิดตา่ ง ๆ ไดน้ ้ัน จาเป็นที่ทุกฝา่ ย ตอ้ งมบี ทบาทที่จะช่วยกันปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาสิง่ เสพติด ดงั น้ี 1.บทบาทของครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันท่สี าคญั ทสี่ ดุ สาหรบั ทกุ คน ครอบครวั ทอี่ บอุน่ และมีระเบียบวนิ ัย จะชว่ ยให้สมาชกิ ใน ครอบครวั มีความเปน็ อยอุ่ ย่างปกตสิ ขุ พอ่ แมห่ รือผู้ปกครอง เป็นบคุ คลสาคัญ ที่จะทาให้ครอบครวั มลี กั ษณะดังกลา่ ว ดงั นัน้ พ่อแม่หรอื ผูป้ กครองของแตล่ ะครอบครวั จึงควรเอา ใจใส่ดูแลบตุ รหลานให้ความรักความอบอุ่น

25 บทบาทของโรงเรยี น โรงเรียนเปน็ สถาบนั สาคัญรองลงมาจาก ครอบครัวบทบาทสาคัญท่จี ะทาให้เยาวชน ปลอดภัยจากสิง่ เสพตดิ โดย 1. ให้ความรู้ในเร่ืองส่งิ เสพตดิ แก่นักเรียน 2. คณุ ครอู าจารยใ์ หค้ วามเอาใจใสด่ แู ล นกั เรียน และเปน็ ที่ปรึกษาที่ดใี หแ้ กน่ กั เรียน 3. เม่อื ทราบวา่ มีนักเรยี นติดสง่ิ เสพตดิ โรงเรยี นตอ้ งรบแจ้งใหพ้ ่อแมห่ รอื ผ้ปู กครอง นกั เรยี นทราบ แลว้ รว่ มมอื กันแก้ปัญหาให้กับ เยาวชนตอ่ ไป 4. โรงเรียนควรจัดกจิ กรรมต่าง ๆ และ แหลง่ นันทนาการใหแ้ กน่ กั เรียนอยา่ งเพยี งพอ

26 บทบาทของตนเองทจี่ ะปฏบิ ตั ใิ หพ้ ้นจากสงิ่ เสพตดิ 1.เช่ือฟังคาส่ังสอนของพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครอู าจารย์ และผูใ้ หญ่ทีห่ วงั ดี 2.เม่อื มปี ญั หาควรปรกึ ษาพอ่ แม่ ผปู้ กครองหรอื ครู อาจารย์ ไมเ่ ก็บปญั หาเอาไว้ และไม่ควรคิดว่าการเสพสงิ่ เสพติดจะชว่ ยใหล้ มื ปัญหาเหลา่ นั้น 3.ศกึ ษาทาความเข้าใจเก่ียวกบั พษิ ภยั ของสิง่ เสพตดิ ชนิดตา่ ง ๆ 4.ไม่มัว่ สุมกบั เด็กทีต่ ดิ สิ่งเสพตดิ 5.ไมช่ ักชวนเพอ่ื นฝงู ทดลองเสพส่ิงเสพติด

27 แนวทางบาบดั รกั ษาผตู้ ดิ ยาเสพตดิ ในทางการแพทย์ 1.การบาบดั ผู้ตดิ ยาแบบผู้ป่วยใน การเลือกวิธีรกั ษาประเภทนี้ ผ้ปู ว่ ยจะตอ้ งเขา้ ไปอย่ใู น สถานที่ที่ทางโรงพยาบาลจัดไวใ้ ห้ หรือที่เรียกว่าศูนยก์ าร รักษาตลอด 24 ชว่ั โมง ซึง่ จะมแี พทยค์ อยดแู ลอยา่ งใกล้ชิด เร่ิมตัง้ แต่การซกั ประวัติ การรกั ษาในกรณีถอนพษิ ยา หรอื ผ้ปู ่วยมีอาการอยากยาข้ึน เมื่อมีอาการดขี ้ึนแลว้ กจ็ ะมีการ รักษาทางจิตวทิ ยาต่อไป เพื่อเปน็ การฟ้ืนฟสู ภาพจติ ใจของ ผู้ป่วยให้สามารถกลบั ไปใชช้ ีวติ ในสงั คมไดต้ ามปกติ

28 2.การบาบดั ผ้ตู ดิ ยาแบบผู้ป่วยนอก ในสว่ นน้ีจะมวี ิธีรกั ษาทเ่ี ป็นขน้ั ตอนดว้ ยกนั ท้งั หมด 4 ขัน้ ตอน อาจจะแตกตา่ งกนั บา้ งในเรอื่ งของระยะเวลา และยาที่ นามาใช้ในการรักษา แตล่ กั ษณะโดยทัว่ ไปจะเหมือนกันหมด คอื ข้ันตอนท่ี 1 เตรียมการ ขนั้ ตอนท่ี 2 ถอนพิษของยาเสพตดิ ขั้นตอนท่ี 3 ฟื้นฟูสภาพจติ ใจและสมรรถภาพ ขน้ั ตอนที่ 4 ตดิ ตามดแู ล

29 การบาบดั รกั ษาการตดิ ยาเสพตดิ ดว้ ยตวั เอง โดยวธิ ที ว่ั ไปที่ผู้ป่วยมกั จะใช้กนั ในการรกั ษา ตัวเอง คอื • การขังตวั เองอยู่ภายในห้องนา้ เมอ่ื มีอาการอยากยา • หางานอดิเรกทา หรือทาในส่ิงทช่ี อบ เพอื่ เป็นการ เบ่ียงเบนความสนใจของตวั เองที่มีต่อยาเสพตดิ • สวดมนต์ นง่ั สมาธิ เพือ่ ควบคุมสตใิ ห้อยกู่ บั ตัว • ขอความร่วมมอื จากคนในครอบครัว ใหช้ ่วยเหลือ เชน่ ดูแลอาหารการกนิ และทีอ่ ยู่อาศัย พร้อมทง้ั จัดส่งิ อานวยความสะดวกให้ ในช่วงระยะเวลาทจ่ี ะเลิกยา

30 สถานบาบดั ยาเสพตดิ ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ ม สิ่งสาคญั ท่สี ดุ คือกาลงั ใจล้วน ๆ แตท่ งั้ น้ี ทั้งผูป้ ว่ ยและ ครอบครัวอาจจะต้องทาใจไวเ้ ร่ืองหนึ่ง คือ หากใชย้ าที่มคี วาม รุนแรงมาก หรือใช้มาเป็นระยะเวลานาน สมองบางสว่ นอาจจะ ถกู ทาลาย จนทาให้ผปู้ ว่ ยไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดมิ ได้ และน่ีคือรายชอื่ สถานบาบัดยาเสพตดิ ท่ีมีผนู้ ิยมมากท่สี ุด • สถาบันธญั ญารกั ษ์ สายดว่ น 1165 • บ้านพิชิตใจ เขตประเวศ เบอรโ์ ทรศัพท์ 02-329-1353 • ภฟู า้ เรสทโ์ ฮม บา้ นพักฟืน้ สาหรับผู้ป่วยยาเสพติด เบอร์ โทรศัพท์ 063-908-2999 • สานักสงฆว์ ัดถา้ กระบอก เบอรโ์ ทรศพั ท์ 036-266-292