Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เชียงใหม่ในอดีตPDF

เชียงใหม่ในอดีตPDF

Published by anong jerasothikul, 2021-01-28 11:07:44

Description: เชียงใหม่ในอดีตPDF

Search

Read the Text Version

เชียงใหม่ ในอดตี

ในวันท่ี 9 พฤศจิกายน 2477 เวลา 10.00 น. มพี ธิ บี ุกเบิก สรา้ งทางขน้ึ ดอยสเุ ทพโดยมี เจา้ แกว้ นวรฐั เจา้ ผ้คู รองนครเชียงใหม่ เปน็ ผ้ลู งจอบแรกเป็นปฐมฤกษ์ ครูบาเจ้าศรีวชิ ยั ได้นาภิกษสุ งฆส์ วดชัยมงคลคาถา ตอ่ หน้าชาวบา้ นลา้ นนาและชาวเขาหลายเผ่า ทีม่ ีศรัทธาตอ่ พระธาตุดอยสเุ ทพและครูเจา้ บาเจ้าศรีวชิ ัย

ถนนขึ้นสู่ยอดดอยสเุ ทพท่ีผ่านเสน้ ทางทรุ กันดารยาวถงึ 11 กม. กับอีก 500 ม. สาเร็จไดด้ ้วยพลังศรทั ธา ของผู้คนท่ีมตี อ่ ครบู าเจ้าศรีวิชยั โดยใช้เวลาสรา้ ง 5 เดือนกบั 22 วนั และทาพธิ ีเปดิ ในวันท่ี 30 เมษายน 2478ซง่ึ เปน็ ครั้งแรกท่มี ีรถขบั ขน้ึ ไปถงึ บันไดนาค

คมุ้ เจา้ แกว้ นวรัฐ ถา่ ยประมาณ พ.ศ. 2448 คมุ้ น้ีเป็นท่ปี ระทบั ของพลตรเี จ้าแกว้ นวรฐั อดตี เจ้าหลวงองคส์ ุดท้าย ของเชยี งใหม่ เดิมเป็นบ้านของหมอชคี มิชชันนารชี าวอเมรกิ นั ได้ ออกแบบกอ่ สร้างเอง แลว้ เสรจ็ ในปี พ.ศ. 2433 (ปเี ดียวกบั การ สรา้ งขวั กุลาเสรจ็ ) ตอ่ มาภายหลงั ขายให้กบั พลตรเี จา้ แกว้ นวรฐั มองในภาพเป็นเรือนไมส้ ูงสองช้ัน หนั หน้าไปทางแมน่ ้าปิง สร้างด้วย ไม้สกั ทั้งหลัง ดา้ นล่างกอ่ อิฐ หลังคาทรงสูงคล้ายแบบยุโรป มุงด้วย กระเบื้องดนิ เผา มบี ันไดขนึ้ ลงชน้ั สองท้งั ดา้ นซ้ายและด้านขวา มี ระเบียงลอ้ มรอบทัง้ สองชั้น ไม้ระเบียงฉลลุ วดลายสวยงาม ชั้นลา่ ง เป็นห้องรบั แขกและห้องครวั สว่ นช้ันบนเปน็ พักใหญ่รวม 7 หอ้ ง มีมุข บนหลังคาคล้ายห้องใตห้ ลงั คาแบบบ้านชาวยุโรป ฝาบ้านใช้ไมส้ ักแผ่น ตีเปน็ เกล็ดทบั ซอ้ นกนั ไป หนา้ มขุ มลี านสนามหญา้ กวา้ ง เจ้าแกว้ นวรัฐ ประทับอยู่ท่คี ุ้มแห่งนี้จนถึงพริ าลยั ใน พ.ศ. 2482 เจ้าบัวทิพย์บตุ รไี ด้ ขายค้มุ แหง่ นี้ใหก้ บั นายชู โอสถาพนั ธ์พ่อคา้ ชาวจนี ตอ่ มาได้รื้อคุ้ม แห่งนี้ลงสรา้ งตลาดสดขึ้นแทน สร้างเสรจ็ เม่อื วนั ท่ี 12 สงิ หาคม พ.ศ.2500 ใหช้ ื่อว่า “ตลาดนวรฐั ”

ตลาดนวรฐั (อาคารโอว้ จินเฮง) ที่สรา้ งแทนท่ี คุ้มเจา้ แก้วนวรฐั

การเดินทางและคา้ ขายจากเมอื งเชียงใหม่ลงมายังกรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลท่ี5ตอ้ งล่องผา่ นแม่นา้ ปงิ ลงมาเทา่ นน้ั ซง่ึ ค่อนขา้ งลา้ บากเน่ืองจากแม่นา้ ปงิ มแี กง่ มากถา้ เรือมาเจอแกง่ ต้องระดมคนชว่ ยกนั ลากเรือผา่ นแก่งก่อนเรือจึงสามารถ เดินทางตอ่ ไปได้ ยิง่ ในหน้าแลง้ ล้าบากมากเพราะมแี กง่ มาก แต่ ถา้ ถงึ หน้าน้า น้าทว่ มแกง่ เดนิ ทางสะดวกแตต่ อ้ งเสยี่ งเจอ กับนา้ วนทีแ่ กง่

ภาพถ่ายเดก็ หญิงกมิ ฮ้อ ติดตามหลวงอนสุ ารสุนทรกิจ (ชา่ งภาพคนแรกๆของ เมอื งเชยี งใหม่) ลอ่ งแมน่ า้ ปงิ จากเมอื งเชียงใหมม่ าค้าขายทางเรอื สมัยรชั กาล ที่5

นางกมิ ฮ้อ นมิ มานเหมินท์(คนยืนขวามือ) เปน็ บตุ รสาวของ หลวงอนุสารสุนทรกบั แม่ค้าเที่ยง ชตุ มิ า (น่งั กลาง)พี่น้องแม่ เดยี วกันมี 2 คน คอื นางกิมฮ้อและนายแพทยย์ งค์ ชุติมา นางกมิ ฮอ้ แตง่ งานกบั นายกี นมิ มานเหมนิ ท์ รุน่ ลูกลว้ นเป็น คนดีและสร้างประโยชนต์ อ่ สงั คมเมืองเชยี งใหม่ คือ นาย ไกรศรี นิมมานเหมินท์(ยนื ซา้ ยสุด), นายพสิ ทุ ธิ์ นมิ มานเห มินท,์ นายอนั นมิ มานเหมินท์, นายเรอื ง นมิ มานเหมินท์, นางแจม่ จติ ต์ เลาหวัฒน์ และนางอณุ ณ์ ชุติมา(เด็กหญิงยนื หนา้ สุด)

ขวั กลุ า” หรือ “ขัวเกา่ ” สะพานไมแ้ หง่ แรกของเชียงใหม่ สร้าง พ.ศ. ๒๔๓๓ – พ.ศ. ๒๔๗๕ ค้าวา่ “ขัวกุลา” ในขณะนัน้ คง จะหมายถึงสะพานที่ฝรง่ั สรา้ งข้ึนมาคา้ วา่ “กลุ า” หมายถงึ ฝรง่ั ต่อมาเมือ่ สรา้ งสะพานนวรัฐขา้ มแมน่ ้าปิงแห่งทสี่ อง ขึ้นมาชาวบ้านจงึ เรียก “ขัวกุลา” ว่า “ขัวเก่า” แทน ในภาพฝ่ัง ข้างหนา้ เป็นฝัง่ วดั เกตการาม

วัดเกตการาม สรา้ งในปี พ.ศ. 1971 สมัยพระเจ้าสาม ฝัง่ แกน พระราชบดิ าพระเจ้าติโลกราช เดมิ ชื่อ วดั สระเกษ

ในวิถีชีวติ พืน้ บา้ นชาวล้านนา แหลง่ ท่มี ผี ู้คนอาศัยหนาแนน่ มักจะมี กาด(ตลาด) เกดิ ข้นึ เพ่ือเปน็ แหล่งอ้านวยความสะดวก ให้มีการซือ้ ขายแลกเปลย่ี นสนิ คา้ ในอดีต ชาวบา้ นที่อาศัยอยบู่ รเิ วณรอบนอกมกั จะเข้ามาทีก่ าดใน เมืองโดยมีวตั ถปุ ระสงคห์ ลัก 2 ขอ้ คือการน้าเอาของมาขาย โดยอาจจะน้าของป่า ผกั ผลไม้ เนอ้ื สตั ว์ ฯลฯ ทหี่ ามาได้มาขายหรอื นา้ มาแลกสินค้าอ่นื อีกข้อคือ การเขา้ มาเพื่อมาซอื้ ของกินของใชท้ ใี่ นหมู่บา้ นไม่มี มาเทีย่ วชม ซ้อื สนิ ค้าหรูหรา ตื่นตาต่นื ใจ กาดประจ้าเมอื ง มกั จะมีขนาดใหญจ่ ึงมักจะเรยี กกันว่า “กาด หลวง”

ถนนในตัวเมืองเชียงใหม่ เม่ือ58ปีก่อน ภาพถ่ายเมอื่ ปี พ.ศ.2506 อาคารไม้กลางภาพมปี า้ ยช่ือ โรงแรม กาธร ภาพน้ีโรงแรมอยู่ปากทางเข้าซอย วดั แขก ซง่ึ จะเดนิ ไปทะลกุ าดหลวงดา้ น ตรอกข่วงเมรุ จุดทีถ่ า่ ยภาพคือ ถนน ราชวงศ์ ตรงส่ีแยก เป็นโรงภาพยนตร์ ศรีนครพงิ ค์ จากจุดถ่ายภาพด้าน ขวามอื จะเปน็ รา้ นเกษมสโตร์ โรงแรมกาธรตง้ั อยู่บน ถนนชา้ งมอ่ ย อยตู่ รงขา้ มกับ โรงแรมราชวงศ์ ที่อย่หู วั มุมถนนฝัง่ ตรงข้าม (เปลี่ยนเปน็ รา้ นขายเครื่องนอน)

ถนนเชียงใหม่ ลาพูน เมื่อ60ปกี ่อน ภาพถ่ายในปี พ.ศ 2503 ในยุคถนนดนิ ววั ลอ้ ภาพทงุ่ หนองหอย ดา้ นซา้ ยมอื เปน็ หม่บู า้ น

ทา่ นทตู สหรฐั นั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย ท่ามกลางหญิงบา้ นวัวลาย เมอ่ื 98ปกี อ่ น ท่ีเชยี งใหม่ ซง่ึ พวกเขาเป็นช่างฝีมอื ที่มา อวดผลิตภณั ฑส์ ินค้าเครอื่ งเงิน อันแสนงดงามทง้ั สลงุ ขนั ดอก เชย่ี นหมาก เป็นงานหัตถกรรมทีม่ ีชอื่ เสียงของบ้านววั ลาย

เจ้าชายแห่งราชสา้ นักเชยี งใหม่ คือ เจ้าอินทนนท์ ณ เชยี งใหม่ ราชบุตรพลตรีเจา้ แก้วนวรฐั ได้ เสกสมรส กบั เจา้ นางสุคนั ธา ณ หอค้าเชยี งตงุ โดยมีเจา้ ฟ้าก้อนแกว้ อนิ ทแถลง เจ้าหอค้า เจา้ นางปทมุ มหาเทวีเป็นเจ้าภาพเมอื่ พ.ศ. 2476

นางสาวเชยี งใหมค่ นแรก พ.ศ.2477 87 ปกี ่อน เจา้ ฟองจนั ทร์ อนิ ทรขตั ิย์ เจ้าหญงิ ในราชสกลุ ณ เชียงใหม่ เจา้ ฟองจันทร์ ไดพ้ บกบั พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าอนุสร มงคลการ พระสหายตา่ งวยั ของเจา้ แกว้ นวรฐั เจ้านครเชียงใหม่ องคท์ ี่ 9 ทค่ี ุม้ เจ้าแกว้ นวรัฐ และเสกสมรสตามแบบลา้ นนา กอ่ นย้ายตาม สวามีไปอยู่ท่กี รงุ เทพมหานคร และเปล่ียน ฐานนั ดรศักดิเ์ ปน็ หม่อมฟองจันทร์ ยุคล ณ อยุธยา

แจ่งศรภี มู ิ ก้าแพงเมืองและประตูเมืองเชยี งใหม่ มี ความสา้ คญั ถอื ไดว้ ่าเป็นสัญลกั ษณท์ พ่ี เิ ศษ ในอดตี เมื่อพระมหากษัตรยิ จ์ ะเสดจ็ เขา้ เมอื งจะต้องเขา้ เมืองที่ประตทู างทศิ เหนอื ซึ่งถือเป็นเดชเมือง ใน การสรา้ งก้าแพงเมืองเชยี งใหมข่ ้ึนแต่เดมิ น้นั พงศาวดารโยนกกลา่ วไวว้ า่ “เมือ่ พญามังรายได้ สร้างเมอื งเชยี งใหม่ขนึ้ แลว้ ได้ทรงขดุ คเู มอื งทง้ั ส่ี ด้านนา้ เอาดนิ ขนึ้ มาถมเป็นแนวก้าแพง โดยเรม่ิ ขดุ ท่มี ุมตะวนั ออกเฉยี งเหนือคอื แจง่ ศรภี มู ิอันเปน็ ทิศ มงคลก่อน แล้วกอ่ อิฐขนาบสองข้างกันดินพังทลาย ขา้ งบนกา้ แพงปูอฐิ ตลอดแนวท้าเสมาไว้บนก้าแพง ท้งั สีด่ ้าน

ประตูทา่ แพ

ประตูท่าแพ ได้รบั การบูรณะโดยเทศบาลนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2528 โครงสร้าง ภายในเป็นคอนกรตี เสรมิ เหล็ก

ประตชู ้างเผอื กที่เร่มิ มีการบรู ณะ มองเหน็ แทง่ ศลิ าจารกึ อยู่ดา้ นใน

ขบวนพาเหรดโรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัยในการแข่งขันกฬี านกั เรยี น เดิน ผ่านประตชู ้างเผือก เม่อื พ.ศ.2508

ซ้าย ประตูสวนปรงุ กอ่ นการบรู ณะ ถา่ ยเม่อื ปี พ.ศ. 2510 ขวา ประตูสวนปรงุ ถา่ ยเมือ่ ปี พ.ศ. 2551 ถัดไปดา้ นหลงั เปน็ สวนบวกหาด



ร้วั โรงเรียนยพุ ราช

น้าท่วมหน้าโรงภาพยนตร์ศรนี ครพงิ คเ์ ม่อื พ.ศ.2495

หา้ งสรรพสินคา้ แห่งแรกของเชียงใหม่ บนถนนทา่ แพ

ยา่ นการคา้ ถนนวชิ ยานนท์

สะพานนวรฐั ร่นุ แรกสรา้ งข้นึ ด้วยไม้สกั ล้วน (ประมาณปี พ.ศ.2440 – 2450) เป็น สะพานแบบคานย่ืน วศิ วกรชาวอิตาเลยี นช่อื เคานต์ โรเบอร์ตี้ เปน็ ผู้ออกแบบและ กอ่ สร้าง สรา้ งบนตอมอ่ ไม้สกั 6 ตอม่อ โครงส่วนบนสรา้ งด้วยไม้สักลว้ นท้าเปน็ รูปโคง้ ครงึ่ วงกลมมอี ยู่ 5 ช่วง

สะพานนวรัฐรุ่นท่ี 2 น้ีใชช้ ่ือวา่ “สะพานนวรัฐ” เพื่อเปน็ เกียรตแิ ก่เจ้าแก้วนวรัฐ เจา้ ผู้ครองนครเชยี งใหม่สมัยนั้น สะพานแห่งน้เี ป็น สะพานโครงเหล็ก สร้างบนตอมอ่ คอนกรตี เสรมิ เหลก็ ส่วนบนเป็นโครงเหล็กลว้ นมี 5 ช่วง สร้างโดย มาควิส กมั เบียโซ่ วศิ วกร ชาวอติ าเลียน โดยโครงเหล็กท้งั หมดสง่ มาจากบริษทั คลฟิ แลนด์ ประเทศองั กฤษ สะพานแหง่ นี้รับใช้ชาวเชียงใหมไ่ ดห้ ลายสิบปี เม่อื เชียงใหมม่ ีความเจริญขึ้น ยวดยานพาหนะกม็ ีจา้ นวนมากขึน้ ด้วย สะพานซ่ึงสร้างมานานเริ่มมีความคบั แคบไมเ่ หมาะสมกับ สภาพการจราจรในสมยั นนั้ ทางการจงึ ได้ร้อื “ขวั เหลก็ ” ออกแลว้ สรา้ งสะพานนวรฐั ร่นุ ที่ 3 ข้นึ ซ่งึ เปน็ สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ ใช้กันในปจั จุบัน

เลน่ น้าสงกรานตใ์ นแมน่ ้าแมป่ งิ ใต้สะพานนวรฐ้

สงกรานต์ ท่สี ะพานนวรฐั พ.ศ. 2511

ตระเวนเล่นนา้ สงกรานตด์ ว้ ยรถกระบะ

นางสาวสมุ ติ รา กัญชนะ (พรหมชนะ) นางสาวเชยี งใหม่ ประจาปี พ.ศ. 2492

เบ้ืองหลงั การประกวดนางงาม บรรดาสาวงามท่เี ข้าประกวดนางสาวเชียงใหมบ่ นเวที พอกลับเข้าหลงั เวทตี อ้ งรบี มายนื ผิงไฟหนา้ เตาอ้ังโล่ เพราะอากาศข้างนอกหนาวมาก บางครั้งเวลานางงามเดินโชว์ตัวบนเวทีถึงกบั ขาสนั่ เลยทีเดยี ว

การฝกึ ภาคปฏบิ ตั ขิ องลกู เสอื จราจรครง้ั แรก ณ สแี่ ยกอปุ คตุ ถนนท่าแพ เมือ่ พ.ศ. 2497 ดา้ นหลังของลกู เสอื เปน็ ธนาคาร UOB ในปจั จุบนั

ซา้ ย ลกู เสอื ฝกึ ปฏิบตั ิงานคมุ การจราจรครงั้ แรกทส่ี แี่ ยกอปุ คตุ พ.ศ.2497 ในภาพเห็นรถขับเลี้ยวเข้าถนนท่าแพ ขวา ภาพมมุ เดียวกันในปี พ.ศ. 2551 มีอาคารเกิดขึน้ ใหมใ่ นบริเวณหัวมมุ ถนนทม่ี ีกลมุ่ ลกู เสือยืนอยู่

ไฟไหม้ตลาดวโรรสและตลาดตน้ ลาไย ในปี พ.ศ. 2511

ผ้คู นขนของหนไี ฟมาไวใ้ นแมน่ า้ แมป่ งิ

ซ้าย หอนาฬิกาประตทู ่าแพก่อนถูกรือ้ ทิง้ ในปพี .ศ. 2530 เพ่ือสรา้ งลานอเนกประสงคป๋ ระตทู า่ แพ ขวา เปน็ ภาพถา่ ยในมุมเดียวกัน ปี พ.ศ.2551 ดา้ นหลงั ตน้ ไมเ้ ป็นทางแยกมุง่ ส่ถู นนทา่ แพ

โรงภาพยนตรส์ ุรวิ งศ์ในอดตี ปจั จบุ ันเปน็ โรงแรม Imm Hotel ประตทู า่ แพ

ขอขอบคณุ เจ้าของภาพทน่ี า้ มาใช้ในการทา้ e-Book ทุกทา่ น โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ คุณบญุ เสรมิ สาตราภัย ผเู้ กบ็ ประวัตศิ าสตร์ ล้านนาดว้ ยภาพถ่าย ผ้เู ป็นเจา้ ของคลงั ภาพอดตี ล้านนาทใ่ี หญท่ ่ีสดุ ของเชียงใหม่

“ของกนิ๋ บ่อกิ๋นก่อฮเู้ น่า ของเก่าบ่อเลา่ กอ่ ฮู้ลมื ” “บา่ ดีลืมของเก่า บ่าดเี มาของใหม่”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook