แบดมินตัน
คำนำ แบดมินตัน (อังกฤษ: badminton) เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ที่ใช้ไม้ตีลูก ลูกสำหรับใช้ตีนั้น เรียกกันมาช้านานว่า \"ลูก ขนไก่\" เพราะสมัยก่อนกีฬานี้ใช้ขนของไก่มาติดกับลูกบอล ทรงกลมขนาดเล็ก ปัจจุบันลูกขนไก่ผลิตจากขนเป็ดที่คัด แล้ว ลูกบอลทรงกลมขนาดเล็กที่ทำเป็นหัวลูกขนไก่ทำด้วย ไม้คอร์ก
สารบัญ หน้า 4 ประวัติ 7 วิธีการเล่น 8 วิธีการนับคะเเนน 9 การเสิร์ฟ 10 การดิวส์
ประวัติ กีฬาแบดมินตันมีความเป็นมาที่ชัดเจนมาก ซึ่งจากหลักฐาน ต่าง ๆ จะสามารถบ่งบอกที่มาของกีฬาประเภทนี้ไว้ที่หลายยุค เช่น ในจีนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีภาพวาดเก่า ๆ ซึ่งบ่งบอก ว่ามีการใช้ขนไก่มาทำเป็นลูกขนไก่ใช้ในการเล่น ซึ่งตอนนั้นจะ ใช้เท้าเตะกัน 2 คนหรือจะตั้งวงกัน 3-4 คน คริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวอินเดียแดงในอเมริกาตอนใต้ ใช้ขน นกหรือขนไก่ผูกติดกับลูกกลม โดยลูกบอลกลมนั้นใช้หญ้า ฟางพันขมวดเข้าด้วยกัน และให้ขนไก่ชี้ไปทางเดียวกันและ เวลาเล่นใช้มือจับลูกขนไก่นั้นปาใส่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ให้ช่วยกันจับ ตลอดช่วงเวลาที่กล่าวมานี้ ยังไม่มีการใช้แร็กเกต หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ตีปะทะลูกขนไก่ แต่ใช้มือ หรืออวัยวะอื่น ๆ แทน
คริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาวญี่ปุ่นได้มีการใช้ขนไก่ หรือขนนก เสียบผูกติดกับหัวไม้ และใช้ไม้ตีลูกขนไก่นั้น โดยไม้ที่ใช้ตี ทำมาจากไม้กระดาน ตีลูกขนไก่ไปมานับว่าเป็นวิวัฒนาการ ในรูปลักษณ์ของการเล่นแบดมินตันที่ใกล้เคียงกับยุค ปัจจุบันมากที่สุด โดยมีการใช้แร็กเกตตีลูกขนไก่แทนการ ใช้อวัยวะของร่างกาย ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในแถบยุโรปมีการเขียนภาพสี น้ำมันถึงการเล่นกีฬาแบดมินตันในราชสำนักต่าง ๆ พระราชินีคริสตินาแห่งสวีเดนทรงจำลองไม้แบดมินตันมา จากแร็กเกตในกีฬาเทนนิส และใช้ขนไก่หรือขนนกเสียบ ติดกับหัวไม้ก๊อก เจ้าฟ้าชายเฟรดเดอริค มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรง แบดมินตันในลักษณะเดียวกัน แต่ในตอนนั้นเรียก แบดมินตันว่า \"แบตเทิลดอร์กับลูกขนไก่\"
คริสต์ศตวรรษที่ 18 ในเยอรมนีกษัตริย์ของรัสเซียเฟรดเด อริคมหาราช และพระเจ้าหลานเธอเฟรดเดอริค วิลเลียมที่ สอง ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกัน และในประเทศ อังกฤษมีเรื่องเล่าว่าในปี ค.ศ. 1870 นายทหารคนหนึ่งที่ไป ประจำการอยู่ในเมืองปูนา ประเทศอินเดียได้เห็นกีฬาตีลูกขน ไก่จึงนำกลับไปเล่นในอังกฤษ และในอังกฤษ ณ คฤหาสน์ “แบดมินตัน” ของยุคแห่งบิวฟอร์ด ที่ตำบลกล๊อสเตอร์เชอ ร์ ในปี ค.ศ. 1873 เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกว่า “แบดมินตัน” ตามชื่อของสถานที่นับตั้งแต่นั้นมา
วิธีการเล่น กีฬาแบดมินตันจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย และแบ่งการเล่นออกเป็น 2 ประเภท คือ \"ประเภท เดี่ยว\" แบ่งผู้เล่นออกเป็น ฝ่ายละ 1 คน \"ประเภททีม\" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 2 คน
วิธีการนับคะเเนน 1. แมทช์หนึ่งต้องชนะให้ได้มากที่สุดใน 3 เกม 2. ฝ่ายที่ได้ 21 คะแนนก่อนเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้น ยกเว้น เมื่อได้ 20 คะแนนเท่ากัน ต้องนับต่อให้ คะแนนห่างกัน 2 คะแนน แต่ไม่เกิน 30 คะแนน หมายความว่าหากการเล่น ดำเนินมาจนถึง 29 คะแนนเท่ากัน ฝ่ายใดได้ 30 คะแนนก่อน เป็นผู้ชนะ 3. ฝ่ายชนะการเสี่ยงสิทธิ์เป็นฝ่ายส่งลูกได้ก่อน หาก ฝส่่งายลูตกกร่งอขน้าจมะทไดำ้คลูกะแ“นเนสีนยำ”1ห-ร0ื อแลูลกะไไมด่้ไสด่้งอลยููก่ ใตน่อการเล่น ผู้เลือก แต่หากผู้ส่งลูกทำลูก “เสีย” หรือลูกไม่อยู่ในการเล่น ฝ่ายตรงข้ามจะได้คะแนนตามมาทันทีเป็น 1-1 และ ฝ่ายตรงข้ามจะได้สิทธิ์ส่งลูกแทน ดำเนินเช่นนี้ต่อไปจนจบ เกม 4. ประเภทคู่ให้ส่งลูกฝ่ายละ 1 ครั้ง ตามคะแนนที่ได้ ขณะที่ เปลี่ยนฝ่ายส่งลูก หากคะแนนเป็นจำนวนคี่ ผู้อยู่คอร์ดด้าน ซ้ายเป็นผู้ส่งลูก หากคะแนนเป็นจำนวนคู่ผู้อยู่คอร์ดด้านขวา เป็นฝ่ายส่งลูก
การเสิร์ฟ ยืนในพื้นที่การเสิร์ฟ โดยที่เท้าทั้งสองต้องติดพื้น และไม่ เหยียบเส้นเขตแดนใดๆ เสิร์ฟในแนวทแยงมุม โดยที่ ผู้รับจะต้องอยู่ในแนวทแยงมุมกับผู้เสิร์ฟเช่นกัน ผู้ส่ง จะต้องส่งจากด้านขวามือของตัวเอง เมื่อคะแนนเป็น เลขคู่หรือยังไม่มีคะแนน หากคะแนนของผู้ส่งเป็นเลขคี่ จะต้องส่งจากด้านซ้ายมือ ก่อนส่ง ลูกแบดมินตันจะต้อง อยู่ต่ำกว่าเอว
การดิวส์ หากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนน ที่ 20 จะมีการเล่นต่อ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่า ฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไม่สามารถทำ คะแนนห่างกัน 2 แต้มได้ จะเล่นต่อไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อแต้มได้ 29 เท่ากัน ใครที่ทำได้แต้ม 30 ก่อน ก็จะเป็นฝ่ายชนะทันที
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: