“กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม วรี บรุ ุษชาตแิ หง่ อดุ รธานี” พรสุดา วงษาชัย ในรชั สมยั รชั กาลท่ี 5 สยามประเทศตกเป็ นเป้าหมายของ เหล่ามหาอานาจผูล้ ่าอาณานิคม หากไม่มีพระปรีชาสามารถของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว และขา้ ราชการผู้ จงรกั ภกั ดีต่อพระเจา้ อยู่หวั และประเทศชาติ สยามประเทศคงไม่ อาจธารงความเป็ นชาติโดยไม่ตกเป็ นเมืองข้ ึนไดถ้ ึงปัจจุบนั หนึ่ง ในบุคคลท่ีช่วยใหร้ อดพน้ เง้ ือมือมหาอานาจมาไดม้ ีบุรุษนามว่า กรมหลวงประจกั ษ์ศิลปาคม พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และเป็ นผูก้ ่อต้งั จงั หวดั อุดรธานีท่ีชาวเมือง อุดรรกั และศรทั ธาอยา่ งยงิ่ จนไดร้ ่วมก่อสรา้ งอนุสาวรียก์ รมหลวง ประจกั ษ์เป็ นอนุสรณท์ ่ีผูค้ นต่างมาสกั การะ กรมหลวงประจกั ษ์ศิลปาคมหรือพลตรีพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมหลวงประจกั ษ์ศิลปาคม เป็ นพระ ราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัว และเจา้ จอมมารดาสังวาลย์ ประสูติเมื่อ ปี พุทธศกั ราช 2399 ในปี พ.ศ. 2428 ท่านทรงศึกษาภาษาต่างประเทศกบั แหม่มแอนนา เลียวโนเว็น จนเชยี่ วชาญเขียน และตรสั ภาษาองั กฤษไดด้ ีเยยี่ ม ทรงศึกษาวิชาการด้านกฎหมาย และยังทรงดารงตาแหน่ งข้าหลวงต่างพระองค์ ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สาเร็จราชการมณฑลฝ่ ายเหนือ (เรียกวา่ มณฑลอุดรในสมยั ต่อมา) ณ ขณะน้ันพวกฮ่อไดร้ วมตวั ก่อการรา้ ยกาเริบข้ ึนอีกในมณฑลลาวพวนฝั่งซา้ ยแม่น้าโขง และมี ท่าทีจะรุนแรง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หัวโปรดให้ พระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมหมื่ น ประจกั ษ์ศิลปาคม (พระยศในขณะน้ัน) เป็ นแม่ทพั ใหญ่ฝ่ ายใต้ และเจา้ หม่ืนไวยวรนาถเป็ นแม่ทพั ใหญ่ ฝ่ ายเหนือ ไปทาการปราบปรามพวกฮ่อที่ยกกาลงั เขา้ ปลน้ สะดมราษฎรไทยตามแนวชายแดนไทย-ลาว จนประสบความสาเร็จ และสรา้ งอนุสาวรียป์ ราบฮ่อ ณ เมืองหนองคาย เมื่อปี พ.ศ. 2429 เพ่ือบรรจุอฐั ิ ทหารไทยที่เสียชีวิตเพ่ือชาติในคร้งั น้ัน ซึ่งนัน่ เป็ นเหตุใหฝ้ รงั่ เศสฉวยโอกาสเข้ายึดแควน้ สิบสองจุไทย โดยอา้ งวา่ จะนากาลงั เขา้ ปราบจีนฮ่อ ทาใหเ้ กิดกรณีพิพาทเร่ืองอาณาเขตระหว่างไทยกับฝรงั่ เศส ทหาร ฝรงั่ เศสใชก้ าลงั ท่ีเหนือกว่าบงั คบั ใหไ้ ทยตอ้ งลงนามสนธิสญั ญายอมรบั สิทธิของฝรั่งเศสเหนือดินแดน ฝั่งซา้ ยแม่น้าโขง และใหไ้ ทยถอยกองกาลงั ทหารใหห้ ่างชายแดนแม่น้าโขง 25 กิโลเมตร กรมหลวง ประจกั ษ์ศิลปาคมจงึ ยา้ ยกองบญั ชาการไปต้งั ที่บา้ นเด่ือหมากแขง้
พระองคท์ รงริเร่ิมก่อสรา้ งหม่บู า้ นใหเ้ กิดความเจริญ จากหม่บู า้ นชนบทจนเป็ นเมืองอุดร และต่อมาไดย้ กฐานะ เป็ นจังหวดั และเป็ นมณฑลอุดรธานี ทรงจัดวางระเบียบ ราชการปกครองบา้ นเมืองและรบั ราชการในหน้าที่สาคญั ๆ ที่อานวยประโยชน์แก่ราษฎรหวั เมืองชายแดนอีสานอยู่ 7 ปี จึงเสด็จกลบั กรุงเทพมหานคร ในวนั ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2514 พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยู่หวั และสมเด็จพระนางเจา้ ฯ ในรัชกาลท่ี 9 ได้ เสด็จพระราชดาเนินทรงประกอบพิธีเปิ ดพระอนุสาวรีย์ พลตรี พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ณ ทุ่งศรีเมือง และในปัจจุบันอนุสาวรียพ์ ระเจา้ บรมวงศ์ เธอกรมหลวงประจักษ์ ศิลปาคม ได้ถูกอัญเชิญมา ประดิษฐานอยา่ งสง่างามมาต้งั อยบู่ ริเวณวงเวียน “หา้ แยก น้อย” ่่ กลางเมืองอุดรธานี ซ่ึงไดถ้ ูกขนานนามใหม่ว่า “วงเวียนห้าแยกกรมหลวงฯ” พระอนุ สาวรีย์รูปป้ั น ทองบรอนซ์ในพระอิ ริยาบถทรงประทับยืนอยู่บนแท่ น หินแกรนิตสีเทาดา ท่ีมีความสูงเฉพาะพระแท่นประทับ ประมาณ 3.50 เมตร ทรงฉลองพระองคเ์ ครื่องแบบทหาร เต็มพระยศ พระหตั ถข์ วาทรงถือพระแสงกระบี่ อนุสาวรียพ์ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมหลวงประจกั ษ์ ศิลปาคมไม่เพียงเป็ นอนุสรณ์ที่เป็ นเกียรติ ประวตั ิสูงสุดของชาวจงั หวดั อุดรธานีแต่ยงั เป็ นท่ีเคารพสกั การะของชาวอุดรธานี ในฐานะสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ ประจาเมืองที่สาคญั แห่งหนึ่ง ชาวอุดรธานีที่จะเดินทางไปต่างบา้ น ต่างเมือง หรือมาถึงเมืองอุดรธานี รวมถึงประชาชนที่เดินทางผ่านไปมา จะยกมือไหวเ้ พื่อสกั การะเพื่อความเป็ นสิริมงคล ความกา้ วหน้าใน หน้าที่การงาน เหล่านักเรียนนักศึกษาท่ีจะเขา้ สอบเพื่อศึกษาต่อมักมากราบไหวบ้ นบานท่านเพ่ือเป็ น กาลังใจในความสาเร็จ สิ่งของท่ีนิยมนามาถวายแกบ้ นมกั จะเป็ นมา้ และดาบ รวมท้ังการว่ิงแกบ้ นรอบ พระอนุสาวรียฯ์ ของพระองคท์ ่าน ก็เป็ นกิจกรรมท่ีคุน้ ตาของผูส้ ญั จรไปมา โดยในวนั ท่ี 18 มกราคมของ ทุกปี จะมีการจดั งานบวงสรวงกรมหลสงประจกั ษ์ศิลปาคมท่ีอนุสาวรียพ์ ระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมหลวง ประจกั ษ์ ศิลปาคมแหง่ น้ ีอีกดว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 2
Pages: