Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นาฏยศัพท์

นาฏยศัพท์

Published by petcharat charitsue, 2020-01-20 04:05:30

Description: นาฏยศัพท์

Search

Read the Text Version

ห น้ า | ๑ นาฏยศัพท์ การแสดงนาฏศิลป์ ไทย ท้งั การแสดง โขน ละคร ระบา รา ฟ้ อน ส่ิงท่ีสาคญั ในการแสดงอยู่ ที่การร่ายรา ซ่ึงในการเรียนการร่ายราทางนาฏศิลป์ ไทยผูเ้ รียนตอ้ งเรียนรู้เร่ืองนาฏยศพั ทเ์ พราะว่า เป็นสิ่งสาคญั ท่ีใชส้ ื่อสารระหวา่ งผเู้ รียนและผสู้ อนใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั ในเร่ืองการเรียกทา่ ร่ายรา ความหมาย คาวา่ “นาฏยศพั ท”์ มีผใู้ หค้ วามหมายไวว้ า่ ประทิน พวงสาลี (๒๕๑๔: ๑๖๓) กล่าววา่ “นาฏยศพั ท”์ หมายถึง ศพั ทท์ ่ีใชเ้ กี่ยวกบั ทา่ รา รานี ชยั สงคราม (๒๕๔๔: ๖๙) กล่าวว่า “นาฏยศพั ท์” หมายถึง ศพั ท์ท่ีบญั ญตั ิข้ึนไวใ้ น การฟ้ อนรา แสดงลกั ษณะและการเคลื่อนไหวร่างกายท่ีสมั พนั ธ์กนั อยา่ งต่อเน่ือง เรณู โกศินานนท์ (๒๕๓๑: ๑) กล่าวว่า “นาฏยศพั ท์” หมายถึง ศพั ท์เฉพาะในทาง นาฏศิลป์ เป็นชื่อลกั ษณะท่าราของไทย สรุ ป “นาฏยศัพท์”จึงหมายความว่า เป็ นศัพท์เฉพาะที่ใช้ในทางนาฏศิลป์ เป็ นการ เคล่ือนไหวร่างกายท่ีสมั พนั ธ์กนั อยา่ งต่อเน่ืองในเรื่องการร่ายรา ประเภทของนาฏยศัพท์ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ ๑. นามศพั ท์ หมายถึง ศพั ท์ท่ีเรียกชื่อท่าราหรือชื่อท่าที่บอกอาการการกระทาของผูร้ าเช่น วง จีบ สลดั มือ มว้ นมือ คลายมือกรายมือ ฉายมือ ปาดมือ กระทบ กระดก ยกเทา้ กา้ วเทา้ ประเทา้ ตบเทา้ กระทุง้ จรดเทา้ แตะเทา้ ซอยเทา้ ขยน่ั เทา้ ฉายเทา้ สะดุดเทา้ รวมเทา้ โยต้ วั ยกั ตวั ตีไหล่ กล่อมไหล่ ๒. กิริยาศพั ท์ หมายถึง ศพั ทท์ ่ีใชเ้ รียกในการปฏิบตั ิบอกอาการกิริยา แบ่งออกเป็น ๒.๑ ศพั ทเ์ สริม หมายถึง ศพั ทท์ ี่ใชเ้ รียกเพื่อปรับปรุงท่าทีใหถ้ ูกตอ้ งสวยงาม เช่น กนั วง ลดวง ส่งมือ ดึงมือหกั ขอ้ หลบศอก เปิ ดคาง กดคาง ทรงตวั ตึงไหล่ ดึงเอว กดไหล่ กดเกลียวขา้ งทบั ตวั หลบเขา่ ถีบเขา่ แขง็ เข่า เปิ ดส้น ๒.๒ ศพั ทเ์ สื่อม หมายถึง ศพั ทท์ ่ีใชเ้ รียกช่ือท่าราหรือทว่ งทีของผรู้ าท่ีไมถ่ ูกตอ้ ง ตามมาตรฐานเพ่ือใหผ้ รู้ ารู้ตวั และแกไ้ ขทา่ ทีของตนใหด้ ี เช่น วงลา้ วงคว่า วงเหยยี ด วงหกั วงลน้

ห น้ า | ๒ คอดื่ม คางไก่ ฟาดคอ เกร็งคอ หอบไหล่ ทรุดตวั ขยม่ ตวั เหลี่ยมลา้ ราแอ้ ราลนราเล้ือย ราล้าจงั หวะ ราหน่วงจงั หวะ ๓. นาฏยศพั ทเ์ บด็ เตลด็ หมายถึง ศพั ทต์ า่ งๆ ที่ใชเ้ รียกในภาษานาฏศิลป์ นอกเหนือจากนาม ศพั ท์ และกิริยาศพั ท์ เช่น จีบยาว จีบส้นั ลกั คอ เดินมือ เอียงทางวง คืนตวั ยนื เข่า คืนตวั ทลายท่า เป็นตน้ นาฏยศัพท์เบอื้ งต้นทใ่ี ช้ฝึ กหดั รา นาฏยศัพท์ทใ่ี ช้มือประกอบท่ารา จีบ คือ การใช้นิ้วหัวแม่มือ มาจรดขอ้ แรกของปลายนิ้วช้ี โดยนบั จากปลายนิ้วช้ีลงมานิ้วท่ี เหลือท้งั ๓ นิ้วเหยยี ดตึงแลว้ กรีดออกใหส้ วยงามคลา้ ยพดั ขอ้ มือที่จีบตอ้ งหกั เขา้ หาลาแขน ไดแ้ ก่ จีบ หงาย จีบคว่า จีบปรกหนา้ จีบปรกขา้ ง จีบหลงั จีบนิ้วกลางหรือจีบล่อแกว้ จีบหงาย คือ การหงายมือจีบ หักขอ้ มือเขา้ หาลาตวั ให้ปลายนิ้วช้ีข้ึนขา้ งบน (ถา้ อยรู่ ะดบั ชายพกเรียกจีบหงายชายพก) ภาพที่ ๑ จีบหงาย ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๓ จีบควา่ คือ การคว่ามือจีบ และหกั ขอ้ มือลงให้ปลายนิ้วช้ีลงขา้ งล่าง แลว้ หกั ขอ้ มือ เขา้ หาลาตวั ภาพที่ ๒ จีบควา่ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั จีบปรกหน้า คือ การจีบหงาย ระดบั ใบหนา้ หนั จีบให้ปลายนิ้วที่จีบช้ีเขา้ หาใบหนา้ ระดบั หนา้ ผาก แลว้ หกั ขอ้ มือเขา้ หาใบหนา้ งอศอก ภาพท่ี ๓ จีบปรกหน้า ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๔ จีบปรกข้าง คือ การจีบหงาย ระดบั ศีรษะ หนั จีบใหป้ ลายนิ้วที่จีบช้ีเขา้ หาแง่ศีรษะ ดา้ นขา้ ง หกั ขอ้ มือเขา้ หาแง่ศีรษะงอศอก ภาพที่ ๔ จีบปรกข้าง ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั จีบส่งหลัง คือ การจีบคลา้ ยการจีบคว่า แขนตึง ส่งแขนไปดา้ นหลงั ของลาตวั หัก ขอ้ มือใหป้ ลายนิ้วท่ีจีบช้ีข้ึน ภาพที่ ๕ จีบส่งหลงั ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๕ จีบล่อแก้ว คือ มีลกั ษณะคลา้ ยมือจีบ แตกต่างกนั ตรงท่ีท่าล่อแกว้ ใชป้ ลายนิ้วกลาง มาจรดกบั ขอ้ แรกของนิ้วหวั แม่มือ (ลกั ษณะคลา้ ยวงกลม) ส่วนนิ้วท่ีเหลือกรีดนิ้วตึง อาจจะหกั ขอ้ มือ เขา้ หาลาแขนหรือหกั ขอ้ มือออก การจีบล่อแกว้ จะจีบมือเดียวหรือสองมือกไ็ ด้ ภาพท่ี ๖ จีบล่อแก้ว ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั วง คือ การยกแขนขา้ งใดขา้ งหน่ึง ต้งั ลาแขนใหม้ ีส่วนโคง้ ต้งั มือแบข้ึนเหยยี ดนิ้วมือท้งั ส่ีให้ ชิดติดกนั หกั ขอ้ นิ้วหวั แม่มือเขา้ หาฝ่ ามือ หกั ขอ้ มือเขา้ หาลาแขน วงแบง่ ออกเป็น วงบน วงกลาง วงล่าง และ วงหนา้ (วงพเิ ศษ) วงบน ตัวพระ : ต้งั วงใหป้ ลายนิ้วมืออยรู่ ะดบั แง่ศีรษะ หนั ฝ่ ามือออก งอแขน ตัวนาง : ต้งั วงปลายนิ้วอยรู่ ะดบั หางคิ้วหนั ฝ่ ามือออก งอแขน

ห น้ า | ๖ ภาพท่ี ๗ วงบน ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั วงกลาง ตวั พระ : ต้งั วงใหป้ ลายนิ้วมืออยรู่ ะดบั ไหล่หนั ฝ่ ามือออก งอศอก ตัวนาง : ต้งั วงใหป้ ลายนิ้วอยรู่ ะดบั ไหล่ หนั ฝ่ ามือออก งอศอก ภาพท่ี ๘ วงกลาง ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๗ วงล่าง ตัวพระ : ต้งั วงให้ปลายนิ้วมืออยดู่ า้ นหน้า ในระดบั หวั เข็มขดั กนั ศอกออกดา้ นขา้ ง หกั ขอ้ มือข้ึนเขา้ หาลาแขน หนั ฝ่ ามือออก ตัวนาง : ต้งั วงให้ปลายนิ้วมืออยู่ดา้ นหนา้ ในระดบั หวั เข็มขดั หักขอ้ มือข้ึนเขา้ หาลาแขน หนั ฝ่ ามือออก ภาพที่ ๙ วงล่าง ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั วงหน้า(วงพเิ ศษ) ตัวพระ : ต้งั วงใหป้ ลายนิ้วมืออยดู่ า้ นหนา้ ระดบั สายตากนั ศอกออกดา้ นขา้ ง หกั ขอ้ มือข้ึน เขา้ หาลาแขน หนั ฝ่ ามือออก ตัวนาง : ต้งั วงใหป้ ลายนิ้วมืออยดู่ า้ นหนา้ ระดบั สายตาหกั ขอ้ มือข้ึนเขา้ หาลาแขน หนั ฝ่ ามือ ออก

ห น้ า | ๘ ภาพท่ี ๑๐ วงหน้า ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั วงบัวบาน (ท่าพรหมสี่หน้า) ตวั พระ : ยกแขนข้ึนขา้ งลาตวั ต้งั ฉากใหศ้ อกสูงระดบั ไหล่งอศอก มือต้ังวงหงายข้อมือ ใหป้ ลายนิ้วช้ีไปดา้ นขา้ งตวั หกั ขอ้ มือลงวงกวา้ งกวา่ ตวั นาง ตัวนาง : ยกแขนข้ึนขา้ งลาตวั ต้งั ฉากใหศ้ อกสูงระดบั ไหล่ งอศอก มือต้ังวงหงายข้อมือ ใหป้ ลายนิ้วช้ีไปดา้ นขา้ งตวั หกั ขอ้ มือลง วงแคบกวา่ ตวั พระ ภาพท่ี ๑๑ วงบัวบาน (ท่าพรหมส่ีหน้า) ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๙ ม้วนมือ จะมว้ นทีละมือหรือมว้ นสองมือก็ได้ โดยจีบหงายหรือจีบวงหนา้ แลว้ ค่อยๆมว้ น ขอ้ มือใหจ้ ีบควา่ ลงแลว้ ปล่อยจีบออกเป็นมือต้งั วง ท่าท่ี ๑ เร่ิมจากจีบหงาย ภาพท่ี ๑๒ ม้วนมอื ท่าที่ ๑ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ท่าท่ี ๒ มว้ นขอ้ มือใหจ้ ีบควา่ ลงแลว้ ปล่อยจีบออกเป็นมือต้งั วง ภาพที่ ๑๓ ม้วนมือท่าท่ี ๒ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๑๐ นาฏยศัพท์ทใ่ี ช้เท้าประกอบท่ารา เหลอ่ื มเท้า คือ การวางเทา้ ท้งั สองราบกบั พ้นื โดยใหส้ ้นเทา้ ขา้ งใดขา้ งหน่ึง วางประมาณก่ึง เทา้ ของอีกขา้ งหน่ึง เปิ ดปลายนิ้วเทา้ ข้ึน ตัวพระ : ตวั พระกนั เข่าออกไปดา้ นขา้ งท่ีเทา้ เหล่ือมเปิ ดปลายนิ้วเทา้ ข้ึน ตัวนาง : ตวั นางหนีบเข่าชิดกบั ขาอีกขา้ งหน่ึงเปิ ดปลายเทา้ นิ้วท่ีเหลื่อมข้ึน ภาพที่ ๑๔ เหลอื่ มเท้า ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ประเท้า คือ การยนื เหล่ือมเทา้ โดยใหเ้ ทา้ ท่ีจะประ เหลื่อมอยขู่ า้ งหนา้ ยอ่ เข่าลง แลว้ ตบ จมกู เทา้ ลงโดยส้นเทา้ วางอยกู่ บั พ้ืน ตวั พระ : ตวั พระกนั เขา่ ออกไปดา้ นขา้ งที่เทา้ เหล่ือมเปิ ดปลายนิ้วเทา้ ข้ึน ตวั นาง : ตวั นางหนีบเข่าชิดกบั ขาอีกขา้ งหน่ึงเปิ ดปลายนิ้วเทา้ ข้ึน

ห น้ า | ๑๑ ภาพท่ี ๑๕ ประเท้า ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ยกเท้า คือ เป็นกิริยาที่ทาตอ่ จากประเทา้ การยกเทา้ ข้ึนมาขา้ งหนา้ หกั ขอ้ เทา้ เขา้ หาลาขา ชกั ส้นเทา้ และเปิ ดปลายเทา้ ข้ึน ตัวพระ : ยกเทา้ แลว้ กนั เขา่ ออกไปดา้ นขา้ ง ยกสูงระดบั คร่ึงน่องของขาอีกขา้ งหน่ึงท่ียืนเปิ ด ปลายเทา้ ข้ึน หนั ออกขา้ งของขาที่ยก ตัวนาง : ยกเทา้ เปิ ดปลายเทา้ หนั มาดา้ นหนา้ หนีบเขา่ ไมก่ นั เขา่ ยกสูงระดบั คร่ึงน่องของขา อีกขา้ งหน่ึงที่ยนื เปิ ดปลายเทา้ ข้ึน ภาพท่ี ๑๖ ยกเท้า ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๑๒ ก้าวหน้า คือ เป็นกิริยาที่ทาต่อจากการยกเทา้ โดยวางส้นเทา้ ลงก่อนจึงเหยียบฝ่ าเทา้ ท้งั หมด ลงกบั พ้ืนมาดา้ นหนา้ ใหต้ รงกบั ปลายเทา้ ที่วางเปิ ดส้นเทา้ หลงั ใหน้ ้าหนกั มาอยเู่ ทา้ หนา้ ยอ่ เขา่ ตัวพระ : กนั เข่าออกเล็กนอ้ ย ตัวนาง : ไมต่ อ้ งกนั เข่า ภาพท่ี ๑๗ ก้าวหน้า ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ก้าวข้าง คือ เป็ นกิริยาท่ีทาต่อจากการยกเทา้ โดยวางส้นเทา้ ลงก่อนจึงเหยียบฝ่ าเทา้ ท้งั หมด ลงกบั พ้ืนมาดา้ นขา้ งใหต้ รงกบั ปลายเทา้ ท่ียนื ใหน้ ้าหนกั มาอยเู่ ทา้ หนา้ ยอ่ เขา่ ลง ตวั พระ : กนั เขา่ ออกใหไ้ ดเ้ หลี่ยมเทา้ หลงั วางเตม็ เทา้ ไมเ่ ปิ ดส้นเทา้ ตัวนาง : เทา้ หลงั หลบเขา่ เปิ ดส้นเทา้

ห น้ า | ๑๓ ภาพท่ี ๑๘ ก้าวข้าง ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั กระทุ้งเท้า คือ การกา้ วเทา้ ขา้ งใดขา้ งหน่ึงไปขา้ งหนา้ ให้น้าหนกั ตวั อยทู่ ่ีเทา้ ขา้ งท่ีกา้ วแลว้ ใชจ้ มูกเทา้ ท่ีวางอยดู่ า้ นหลงั ยกข้ึนแลว้ แตะท่ีพ้นื ตัวพระ : กนั เขา่ ออกใหไ้ ดเ้ หลี่ยม ตัวนาง : ไมก่ นั เขา่ ภาพท่ี ๑๙ กระท้งุ เท้า ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๑๔ กระดกหลงั คือ การกา้ วเทา้ ขา้ งใดขา้ งหน่ึงไปขา้ งหนา้ ใหน้ ้าหนกั ตวั อยทู่ ่ีเทา้ ขา้ งท่ีกา้ ว แลว้ ยกเทา้ อีกขา้ งข้ึนดา้ นหลงั หักขอ้ เทา้ ปลายเทา้ ช้ีลง หนีบน่องเขา้ หาโคนขา และถีบเข่าที่กระดกไป ขา้ งหลงั ใหส้ ้นเทา้ เกือบติดกน้ ต่อจากกระทุง้ เทา้ หรือไมก่ ระทุง้ เทา้ ก็ได้ ตัวพระ : กนั เข่าออกใหไ้ ดเ้ หลี่ยม ตัวนาง : ไม่กนั เขา่ ภาพที่ ๒๐ กระดกหลงั (ภาพด้านข้าง) ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ภาพที่ ๒๑ กระดกหลงั (ภาพด้านหน้า) ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๑๕ กระดกเสี้ยว คือยกเทา้ คลา้ ยกบั กระดกหลงั แตกต่างกนั ตรงท่ีการยกเทา้ กระดก ตอ้ งเฉียงไป ทางดา้ นขา้ งของลาตวั เอียงศีรษะ กดไหล่ ภาพท่ี ๒๒ กระดกเสี้ยว ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ซอยเท้า คือการรวมเทา้ ท้งั สองขา้ ง ย่อตวั พอสวยงาม ใชจ้ มูกเทา้ ย่าถ่ีๆ ให้น้าหนกั ตวั อยทู่ ่ี จมกู เทา้ เปิ ดส้นเทา้ พ้นื เล็กนอ้ ยจะอยกู่ บั ท่ีหรือเคล่ือนท่ีกไ็ ด้ ตัวพระ : กนั เขา่ ออกใหไ้ ดเ้ หล่ียม ตัวนาง : หนีบเขา่ ขาชิดกนั ภาพที่ ๒๓ ซอยเท้า ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๑๖ ขยน่ั เท้า คือ ปฏิบตั ิคลา้ ยซอยเทา้ ต่างกนั ที่เทา้ ขยนั่ ตอ้ งไขวเ้ ทา้ แลว้ ทากิริยาเหมือนซอยเทา้ ถา้ ขยน่ั เคล่ือนที่ไปทางขวาก็ใหเ้ ทา้ ซา้ ยอยหู่ นา้ ถา้ ขยนั่ เคลื่อนที่ไปทางซา้ ยก็ใหเ้ ทา้ ขวาอยหู่ นา้ ตัวพระ : กนั เข่าออกใหไ้ ดเ้ หล่ียม ตวั นาง : หนีบเข่าขาชิดกนั ภาพที่ ๒๔ ขย่นั เท้า ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๑๗ ภาษานาฏศิลป์ ในชีวติ ประจาวนั มนุษยจ์ ะใชท้ ่าทางประกอบคาพดู หรือในบางคร้ังจะมีการแสดงสีหนา้ ความรู้สึก เพ่อื สื่อและเนน้ ความหมาย ทาใหเ้ กิดอารมณ์ร่วมประกอบคาพดู ในการแสดงนาฏศิลป์ กไ็ ดน้ าเอาท่าทางธรรมชาติของมนุษยเ์ หล่าน้ีมาประดิษฐใ์ หส้ วยงาม เป็นภาษานาฏศิลป์ ที่ใชท้ ่าทางโดยไม่ตอ้ งเปล่งเสียงออกมาเป็นคาพดู แต่ใชอ้ วยั วะส่วนต่างๆของ ร่างกายแสดงแทน โดยประดิษฐใ์ หง้ ดงามเพือ่ สื่อความหมาย ความหมาย อมรา กล่าเจริญ (๒๕๓๕: ๑๐๘) กล่าววา่ ภาษาท่า หมายถึง ภาษาทางนาฏศิลป์ เสมือนเป็ น ภาษาพูดโดยไม่ตอ้ งเปล่งเสียงออกมาแต่อาศยั ส่วนประกอบอวยั วะของร่างกาย แสดงออกมาเป็ น ท่าทางเป็นสื่อใหผ้ ชู้ มเขา้ ใจได้ สุดใจ ทศพร,โชดก เก่งเขตรกิจ (๒๕๓๓: ๗๘)กล่าววา่ การราทาบท หมายถึง การแสดง ท่าทางแทนคาพดู ถวลั ย์ มาศจรัส, วรรณี สมานสารกิจ (๒๕๔๗: ๗๖) กล่าววา่ การราตีบท หมายถึง การ แสดงกิริยาท่าทาง ทางนาฏศิลป์ เสมือนเป็ นภาษาพูด โดยไม่ตอ้ งเปล่งเสียงออกมา และอาศยั ส่วน ตา่ งๆของร่างกายแสดงเป็นท่าทางส่ือใหผ้ ชู้ มเขา้ ใจ สรุป ภาษาท่านาฏศิลป์ หมายถึง การแสดงกิริยาท่าทางโดยใช้การร่ายรา ส่ือความหมาย แทนคาพดู โดยไมเ่ ปล่งเสียงออกมา ส่ือใหผ้ ชู้ มเขา้ ใจโดยใชป้ ระกอบบทร้อง บทพากยห์ รือบทเจรจา กไ็ ด้ บา้ งก็เรียกวา่ การราทาบท การราตีบท ภาษาท่ารา หรือภาษานาฏศิลป์ ประเภทของภาษานาฏศิลป์ การแสดงออกเป็นภาษานาฏศิลป์ อาจจาแนกได้ ดงั น้ี ๑. ท่าราที่ใชแ้ ทนคาพดู เช่น ฉนั เรา เธอ ทา่ น เรียก ไป มา รับ ปฏิเสธ ท่ีน่ี ที่โน่น ฯลฯ ๒. ทา่ ราแสดงกิริยาอาการหรืออิริยาบถ เช่น ยนื เดิน นง่ั นอน ฯลฯ ๓. ท่าราแสดงอารมณ์ภายใน เช่น ดีใจ เศร้าโศก โกรธ รัก ร้องไห้ ฯลฯ ๔. ท่าราท่ีประดิษฐ์ข้ึนเพ่ือแสดงความหมายโดยเฉพาะ เช่น สวยงาม ยงิ่ ใหญ่ เจริญรุ่งเรือง เป็นสุขสาราญหรือร่าเริงเบิกบาน ฯลฯ

ห น้ า | ๑๘ ๑. ท่าทใ่ี ช้แทนคาพูด เช่น ฉนั เรา ทา่ น เรียก ไป มา รับ ปฏิเสธ ท่ีนี่ ท่ีโน่น ท่า ตัวเรา ข้าพเจ้า ตวั ฉัน พระ-นาง : ใชม้ ือซา้ ยจีบหงายเขา้ หาอก หรือใชฝ้ ่ ามือซา้ ยแตะท่ีอก ภาพที่ ๒๕ ท่า ตวั เรา ข้าพเจ้า ฉัน ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ท่า ท่าน ใชเ้ รียกสรรพนามบุรุษที่ ๒ใชแ้ ทนตวั ผทู้ ่ีมีเกียรติ หรือศกั ด์ิท่ีสูงกวา่ ผพู้ ูด (ไม่ควร ใชก้ ารช้ี) พระ-นาง : ต้งั มือขา้ งใดขา้ งหน่ึงในลกั ษณะตะแคงมือ อยรู่ ะดบั สายตา แลว้ สับสัน มือลงเล็กนอ้ ย ภาพที่ ๒๖ ท่า ท่าน ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๑๙ ท่า เธอ ใช้เรียกสรรพนามบุรุษท่ี ๒ ใช้แทนตวั ผูท้ ี่เสมอหรือต่ากว่าผูพ้ ูดใช้มือช้ีตะแคง ระดบั เอว ส่วนการใชน้ ิ้วช้ี ช้ีตรงหรือควา่ มือ จะบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธ ไม่พอใจ ภาพท่ี ๒๗ ท่า เธอ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ท่า ไป มือขา้ งใดขา้ งหน่ึงจีบเขา้ หาตวั งอศอกเล็กน้อยระดบั หนา้ อกแลว้ มว้ นออกเป็ นแบ มือต้งั วงหกั ขอ้ มือ ภาพที่ ๒๘ ท่าไป ๑ ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๒๐ ภาพท่ี ๒๙ ท่าไป ๒ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ท่า มา มือขา้ งใดขา้ งหน่ึงต้งั วง กดปลายนิ้วมือลงกรีดนิ้วจีบเขา้ หาลาตวั ระดบั หนา้ หรือใช้ ท้งั สองมือโดยมือหน่ึงต้งั วงบน อีกมือหน่ึงต้งั วงระดบั หน้าแลว้ กดปลายนิ้วมือลงกรีดนิ้วจีบเขา้ หา ลาตวั ภาพที่ ๓๐ ท่ามา ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๒๑ ท่า ปฏิเสธ มือขา้ งใดขา้ งหน่ึง ต้งั วงแลว้ สัน่ ปลายนิ้วมือพร้อมท้งั ส่ายหนา้ เลก็ นอ้ ย ภาพที่ ๓๑ ท่าปฏิเสธ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ท่า ทีโ่ น่น มือขา้ งใดขา้ งหน่ึงช้ีสูงระดบั สายตาแลว้ มองไปทางนิ้วที่ช้ี ภาพที่ ๓๒ ท่าทโี่ น่น ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๒๒ ๒. ท่าราแสดงอารมณ์ภายใน อาย ดีใจ เศร้าโศก โกรธ รัก ร้องไห้ ท่าอาย พระ : มือซา้ ยแบมือแนบแกม้ ตึงปลายนิ้วท้งั ส่ีชิดกนั หนั ปลายนิ้วไปดา้ นหลงั มือขวาเทา้ สะเอว เอียงศีรษะซา้ ย นาง : มือซ้ายแบมือแนบแกม้ ตึงปลายนิ้วท้งั สี่ชิดติดกนั หนั ปลายนิ้วไปดา้ นหลงั มือขวา จีบหลงั เอียงศีรษะซา้ ย ภาพที่ ๓๓ ท่าอาย ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ท่า ดีใจหรือ ยมิ้ ใชม้ ือซา้ ยจีบคว่าแลว้ ดึงมือมาที่ระดบั ปากมือ อมยมิ้ เลก็ นอ้ ย ภาพที่ ๓๔ ท่าดใี จ หรือ ยมิ้ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๒๓ ท่า เศร้าโศก มือท้งั ๒ ขา้ ง แบมือประสานไขวก้ นั วางมือที่หนา้ ขา มือขวาทบั มือซา้ ย ท่าโกรทธ่ีมา : ภาพท่ี ๓๕ ท่าเศร้าโศก นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ท่า โกรธ ใชฝ้ ่ ามือถูท่ีกา้ นคอตอนใตใ้ บหูข้ึนลงไปมา แลว้ กระชากมือลงหรือใชฝ้ ่ ามือถูท่ีอก แลว้ กระชากลงพร้อมท้งั กระทืบเทา้ ภาพท่ี ๓๖ ท่าโกรธ ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๒๔ ท่า รัก มือท้งั ๒ ขา้ ง แบมือประสานไขวก้ นั ระดบั อก ปลายนิ้วอยรู่ ะดบั ฐานไหล่ มือขวาทบั มือซา้ ย ภาพท่ี ๓๗ ท่ารัก ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั ๓. ท่าราที่ประดิษฐ์ขึน้ เพ่ือแสดงความหมายโดยเฉพาะ เช่น สวยงาม ยง่ิ ใหญ่ เจริญรุ่งเรือง เป็ นสุข สาราญ หรือร่าเริงเบิกบาน ท่า สวยงาม ใช้มือขา้ งใดขา้ งหน่ึงต้งั วงหงายมือ หกั ขอ้ มือ งอศอกระดบั ศีรษะ ส่วนอีกมือ หน่ึงต้งั วงหนา้ ระดบั ปาก เอียงขา้ งมือสูง ภาพที่ ๓๘ ท่าสวยงาม ท่ีมา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั

ห น้ า | ๒๕ ท่า ยิ่งใหญ่ ใชม้ ือขา้ งใดขา้ งหน่ึง ต้งั วงหงายมือ หกั ขอ้ มือ งอศอกระดบั ศีรษะ ส่วนอีกมือ หน่ึงจะต้งั วงกลางแขนเหยยี ดตึง ระดบั ไหล่ ภาพที่ ๓๙ ท่ายงิ่ ใหญ่ ที่มา : นางสาวสุวมิ ล ชา้ งแจง้ โรงเรียนสนั ติราษฎร์วทิ ยาลยั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook