วัดสุวรรณคีรีวิหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดหน้าเมือง เดิมชื่อ วัดสุวรรณคีรีทาราม เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๘ ถนนชาติเฉลิม ตาบลเขานิเวศน์ อาเภอเมือง จังหวัดระนอง เป็นวัดแห่งแรกในจังหวัดระนอง เดิมวัดตั้งอยู่บริเวณ ริมคลองหาดส้มแป้นตาบลบางริ้นอาเภอเมืองระนอง แต่เนื่องจากเป็นท่ีลุ่มต่าริมคลองในฤดูฝนจึงเกิดน้า ท่วม ทาให้พระ-เณร ต้องย้ายวัดเมื่อน้าลดจึงกลับมาแต่ต้องเจอสภาพน้าขุ่นไม่สามารถใช้ได้ ด้วยมีการ ทาเหมืองแร่เหนือคลองทาให้วัดมีสภาพเหมือนวัดร้าง ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสเมืองระนอง เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๓ ทรงทราบเหตุการณ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระ ยารัตนเศรษฐีหรือคอซิมก๊อง เจ้าเมืองระนอง ในสมัยนั้น ดาเนินการหาที่ดินสร้างวัดขึ้นใหม่แทนวัดเก่า ที่ชารุดทรุดโทรมแล้วพระราชทานที่เขตพระอุโบสถยาว ๑๔ วา ๒ ศอก กว้าง ๘ วา ๒ ศอก ให้เป็นที่ วิสุงคามสีมา ยกเป็นแผนกหนึ่งต่างจากราชอาณาจักรเป็นที่วิเศษสาหรับพระสงฆ์ได้อาศัยทาสังฆกรรม และโปรดเกล้าฯให้อาราธนาพระสงฆ์จากวัดสุวรรณคีรีทารามมาสวดถอนและผูกพัทธสีมาและ พระราชทานนามว่า“วัดสุวรรณคีรีวิหาร”ปรากฏตามประกาศพระบรมราชโองการ ฉบับลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๓๗
“พระธรรมธาตุเจดีย์ศรีระนอง” เน่ืองด้วย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสนิ ทร์ ได้ทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ แก่วัฒนธรรมจังหวดั ทกุ จังหวัด เมื่อวันท่ี ๕ มิถุนายน ๒๕๔๙ ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณในมหามงคลวโรกาสในคร้ังน้ัน พระระณังคมุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณคีรีวิหาร พระอารามหลวง พร้อมทั้งคณะกรรมการวัด อุบาสก อุบาสิกา จึงปรึกษาร่วมกันแล้วมีความเห็นตรงกันว่าควรสร้าง อนสุ รณไ์ ว้เพอ่ื ประดษิ ฐานพระบรมสารรี ิกธาตุ ให้เปน็ อนุสตแิ กช่ าวพุทธในกาลสบื ไป วัดสุวรรณคีรีวิหาร พระอารามหลวง จึงได้ดาเนินการได้จัดสร้างองค์พระเจดีย์ นามว่า “พระธรรมธาตุเจดีย์ศรี ระนอง” เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖ เวลา ๑๑.๔๗ น. การก่อสร้างเจดีย์น้ันมีขนาดองค์เจดีย์ มีความสูง ๒๙ เมตร รอบองค์เจดีย์ มีขนาด ๙.๙๙ × ๙.๙๙ เมตร ส่วนรอบฐาน มีขนาด ๑๓.๐๕ × ๑๓.๐๕ เมตร ใชง้ บประมาณในการกอ่ สรา้ ง จนแลว้ เสร็จเป็นจานวนเงิน ๑๕ ลา้ นบาท
“พระธรรมธาตุเจดีย์ศรีระนอง” เนื่องด้วย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงประทานพระบรมสารรี ิกธาตุ แก่ว จังหวัด เมื่อวันท่ี ๕ มิถุนายน ๒๕๔๙ ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เน่ืองในโอกาสฉลองสิรริ า ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ใ ด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณในมหามงคลวโรกาสในคร้ังนั้น พระระณังคมุนีวงศ์ เจ้าอาวาส พระอารามหลวง พร้อมท้ังคณะกรรมการวัด อุบาสก อุบาสิกา จึงปรึกษาร่วมกันแล้วมีความเห็น อนุสรณ์ไว้เพ่ือประดษิ ฐานพระบรมสารรี กิ ธาตุ ใหเ้ ป็นอนสุ ติแก่ชาวพทุ ธในกาลสบื ไป วัดสุวรรณคีรีวิหาร พระอารามหลวง จึงได้ดาเนินการได้จัดสร้างองค์พระเจดีย์ นามว่า “พ ระนอง” เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕ การก่อสร้างเจดีย์นั้นมีขนาดองค์เจดีย์ มีความสูง ๒๙ เมตร รอบองค์เจดีย์ มีขนาด ๙.๙๙ × ๙.๙๙ มขี นาด ๑๓.๐๕ × ๑๓.๐๕ เมตร ใช้งบประมาณในการกอ่ สรา้ ง จนแล้วเสร็จเปน็ จานวนเงิน ๑๕ ล้านบา พระธรรมธาตุเจดีย์ศรีระนอง เป็นเจดีย์ท่ีพุทธศาสนิกชนชาวระนองร่วมกันสร้างขึ้น เพ่ือไว้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ท่ีได้รับประทานสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ เน่ืองในโอกาส ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลท่ี ๙ และด้วยสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในมหามงคลวโรกาสในครั้งนั้น พระระณังคมุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณคีรีวิหาร พระอารามหลวง พร้อมทั้ง คณะกรรมการวัด อุบาสก อุบาสิกา จึงปรึกษาร่วมกัน แล้วมีความเห็นตรงกันว่า ควรสร้างอนุสรณ์ไว้เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นแนวความคิดร่วมกัน ของพุทธศาสนิกชนชาวระนองที่จะให้มีการสร้างขึ้น เพื่อประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุและให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน สืบต่อไป
ประวัติพระบรมสารีรกิ ธาตุ เม่ือวนั ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๙ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมไดจ้ ดั ประชุมสัมมนาเชงิ วิชาการ สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ พระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี โดยนายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนาและเจ้าหน้าท่ี สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วมการประชุมคร้ังน้ี ณ หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล อาเภอพทุ ธมณฑล จังหวดั นครปฐม ในการนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้เสด็จไปยัง หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล เม่ือเวลา ๑๖.๓๐ น. เพื่อประทานพระบรมสารีริกธาตุ แก่วัฒนธรรม จังหวดั ทุกจังหวดั เพอื่ เป็นสริ ิมงคลและเปน็ มิ่งขวัญของจังหวัด จากน้นั ได้เสด็จไปสกั การะองค์พระ ศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์และได้ทรงเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนา ร่วมกับคณะสงฆ์ภาค ๑๔ จากจังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และสมุทรสาคร จานวนกวา่ ๒,๐๐๐ รูป ท่ีมาพร้อมกัน ณ รอบบริเวณลานองค์พระประธาน พุทธมณฑลเพ่ือถวายเป็น พระราชกุศลและถวายพระพรชัยแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร เน่ืองในวโรกาสทรงครองสิรริ าชสมบัติครบ ๖๐ ปี พระระณงั คมุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวดั สวุ รรณคีรวี ิหาร พระอารามหลวง พรอ้ มท้ัง คณะกรรมการ วัด อุบาสก อุบาสิกา จึงปรึกษาร่วมกัน แล้วมีความเห็นตรงกันว่าควรสร้างที่ประดิษฐานอนุสรณ์ไว้ เพ่ือประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพุทธศาสนิกชนชาวระนอง มีความเห็นร่วมกัน ให้สร้างที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขึ้นให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนสืบต่อไปโดย จะนาไปประดิษฐานไวภ้ ายในองค์ \"พระธรรมธาตุเจดีย์ศรีระนอง”
พระเจดีย์ดาธุ เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบพม่ารูปทรงกลมยกฐานสูงจากพื้น ป ร ะ ม า ณ ๘ ๐ เ ซ น ติเ ม ต ร ตั้ง อ ยู่บ น ฐ า น แ ป ด เ ห ลี่ย ม จ า ก ฐ า น ถึง ย อ ด ฉัต ร สูง ป ร ะ ม า ณ ๑๓ เมตร มีกาแพงโ ดยรอบทั้งสี่ด้านสูงประมาณ ๑ เมตร แต่ละด้านของกาแพงมีประตู ทางเข้ากว้างประมาณ ๒ เมตร ตัวเจดีย์และกาแพงฉาบด้วยปูนทาสีขาว ส่วนยอดฉัตรของ เจดีย์ทาด้วยทองเหลืองและประดับเพชรที่ฉัตรเป็นสถาปัตยกรรมแบบพม่า เจดีย์นี้มีอายุประมาณ ๑๐๐ ปีเศษ ผู้สร้างคือ นางพั่วไซ่ข่าย มีสามี ชื่ออูอาวเม ซึ่งเป็นโหรในราชสานักพม่า ต่อมาได้อพยพมาอยู่ในจังหวัดระนอง และด้วยเป็นผู้ที่มีฐานะดีมี ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงได้สร้างเจดีย์นี้ ถวายโดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว เพราะมี ความเชื่อว่า หากผู้ใดได้สร้างเจดีย์ถวายในพระพุทธศาสนาแล้วจะเป็นการสร้างบุญบารมี ให้กับผู้สร้างในทุกภพทุกชาติ ปัจจุบันทายาทของท่าน รวมทั้งพุทธศาสนิกชนชาวพม่าที่ได้ อ พ ย พ จ า ก พ ม่ า ม า อ ยู่ ที่ จั ง ห วั ด ร ะ น อ ง ร ว ม ถึ ง ช า ว พ ม่ า ไ ด้ ม า ทา ง า น ใ น จั ง ห วั ด ร ะ น อ ง จ ะ ช่ ว ย กั น ทาความสะอาดและบูรณะองค์พระเจดีย์โดยตลอด ทาให้พระเจดีย์มีความสวยงาม เป็นที่เชิด หน้าชูตาของชาวระนองและนับเป็นโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระนอง โดยปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว
จวนเจ้าเมืองระนอง เป็นสถานท่ีอีกแห่งหนึ่งท่ีน่าสนใจสาหรับผู้ท่ีต้องการทราบเรื่องราวของ เมืองระนองและตระกูล ณ ระนอง จวนเจา้ เมืองแห่งนสี้ ร้างข้นึ เมื่อปี ๒๔๒๐ ในสมัยพระยาดารงสุจริตมหิศรภักดี (คอชู้เจียง) เจ้าเมืองระนองคนแรกและเป็นต้นตระกูล ณ ระนอง ผู้สร้างคือ ลูกชายของท่านมีราชทินนาม เหมือนท่าน คือ พระยาดารงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง) เป็นบุตรคนที่ ๒ ของท่านเจ้าเมือง มีเน้ือที่ประมาณ ๓๓ ไร่เศษ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองระนองเดิมชาวระนองรู้จักในช่ือ“บ้านค่ายเจ้าเมืองระนอง” จวนเจ้าเมือง ระนองกรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเปน็ โบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ภายในบา้ น มีกาแพงกอ่ ด้วยอิฐ ถือปูนล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน มีป้อมเชิงเทิน มีบ้านขนาดใหญ่ ๓ หลัง ติดกันทาเป็นเรือนรับรองสาหรับ เจ้าเมืองระนอง มีโรงเกบ็ สินคา้ โรงช้าง โรงมา้ โรงตม้ กลัน่ สรุ า โรงตม้ ฝิน่ และฉางขา้ ว ประวัติพระบรมสารรี กิ ธาตุ เมือ่ วันที่ ๕ มิถนุ ายน ๒๕๔๙ กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรมได้จัดประชมุ สมั มนาเชิงวิชาการ ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ พระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี โดยนายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนาและเจ้าหน้าที่ สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วมการประชุมครั้งน้ี ณ หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล อาเภอพทุ ธมณฑล จงั หวดั นครปฐม ในการนี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้เสด็จไปยัง หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล เมื่อเวลา ๑๖.๓๐ น. เพ่ือประทานพระบรมสารีริกธาตุ แก่วัฒนธรรม จงั หวัด ทุกจงั หวดั เพื่อเป็นสิรมิ งคลและเป็นมิ่งขวญั ของจังหวัด จากน้นั ได้เสด็จไปสกั การะองค์พระ ศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์และได้ทรงเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนา
วัดวารีบรรพต (Wat Wareebanphot) หรือ วัดบางนอน (Wat Bang Non) เป็นวัดที่มีช่ือเสียงแห่ง หน่ึงของจังหวัดระนอง ตั้งอยู่บนเนินเขา ล้อมรอบไปด้วยภูเขา วัดแห่งนี้สร้างโดยหลวงพ่อด่วน ถามวโร ท่านเป็นพระธุดงค์ที่มาจากจังหวัดสงขลา ชาวบ้านเลื่อมใสและศรัทธาในตัวท่าน จึงได้พากันนิมนต์ ท่านให้ จาพรรษา ณ ที่วัดแห่งน้ี หลวงพ่อด่วน ถามวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต พระสงฆ์ผู้มีปาฏิหาริย์ คือใน วนั พระราชทานเพลงิ ศพเผาสังขารไมไ่ หม้ จนเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ {\"A?\":\"B\",\"a\":5,\"d\":\"B\",\"h\":\"www.canva.com\",\"c\":\"DAEv2YB0t98\",\"i\":\"il21oRmlbeavdTsazfUOYA\",\"b \":1638154473983,\"A\":[{\"A?\":\"K\",\"A\":152.48206437869544,\"B\":54.70699274459406,\"D\":671.197848 4253029,\"C\":234.63334915527344,\"a\":{\"A\":[{\"A?\":\"A\",\"A\":\" \\n วดั วารบี รรพต (Wat Wareebanphot) หรอื วดั บางนอน (Wat Bang Non) เป็นวดั ท่ีมีช่ือเสยี งแหง่ หนง่ึ ของจงั หวดั ระนอง ตงั้ อยบู่ นเนินเขา ลอ้ มรอบไปดว้ ยภเู ขา วดั แหง่ นสี้ รา้ งโดยหลวงพอ่ ดว่ น ถามวโร ทา่ นเป็นพระธดุ งคท์ ม่ี าจากจงั หวดั สงขลา ชาวบา้ น เลอื่ มใสและศรทั ธาในตวั ทา่ นจึงไดพ้ ากนั นมิ นตท์ า่ นให้ จาพรรษา ณ ทีว่ ดั แหง่ นี้ หลวงพอ่ ดว่ น ถามวโร อดตี เจา้ อาวาสวดั วารบี รรพต พระสงฆผ์ สู้ รา้ งปาฏหิ ารยิ ์ คอื เผาสงั ขารไมไ่ หมว้ นั พระราชทานเพลงิ ศพ จนเป็นขา่ วดงั ไปท่วั ประเทศ\\n\"}],\"B\":[{\"A?\":\"A\",\"A\":{\"text- transform\":{\"B\":\"none\"},\"spacing\":{\"B\":\"0.0\"},\"color\":{\"B\":\"#000000\"},\"font- weight\":{\"B\":\"bold\"},\"leading\":{\"B\":\"1400.0\"},\"font-size\":{\"B\":\"21.3333\"},\"font- family\":{\"B\":\"YADv3lub1hY,0\"},\"font-
“หลวงพ่อด่วน” ถามวโร หรือพระครปู ระภัสรวริ ิยคณุ หลวงปู่ทวด “หลวงพ่อด่วน” ถามวโร หรือพระครูประภัสรวิริยคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) ตาบลบางนอน อาเภอเมือง จงั หวัดระนอง พระเกจิทีว่ ดั บางนอน และสร้างพระพทุ ธไสยาสน์ใหญส่ ดุ ในภาคใต้ วัตถุมงคล ที่มีชื่อเสียง คือ เหรียญหลวงพ่อด่วน รุ่นแรกปี พ.ศ.๒๕๐๖ ลักษณะเหรียญรูปไข่ หูเช่ือมพร้อมห่วง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปเหมือนเขียนข้อความว่า “หลวงพ่อด่วน ถามวโร วัดวารีบรรพต” ด้านหลังเหรียญ เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ เขียนข้อความว่า “(บางนอน)จังหวัดระนอง” เหรียญรุ่นนห้ี ายากและราคาข้ึนสูง อย่างรวดเรว็ “พระพุทธไสยาสน์” หรือพระนอน “พระพุทธไสยาสน์” หรือพระนอน เป็นพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ยาว ๒๒ เมตร สร้าง ขึ้นเมื่อ ๒๕๐๗ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของบ้านบางนอน ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระพุทธไสยาสน์ บนเนินเขาบางนอน โดยมีนายช่างจากกรมศิลปากรเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างเมื่อการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ กรมศิลปากรแนะนาให้พระครูประภัสรวิริยะคุณทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานดวงพระเนตรพระพุทธรูป ปางไสยาสน์ผ่านทางสานักพระราชวัง เมื่อทางสานักพระราชวังนาความกราบบังคมทูลพระบาทส มเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานดวงพระเนตรพระพุทธ ไสยาสน์ท้ังสองดวง
บ้านเทียนสือ หรือบ้านร้อยปีเทียนสือ ตั้งอยู่บนถนนดับคดี ตรงข้ามศาลจังหวัด ใกล้ชุมชนตลาดใหม่ อาเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง บา้ นหลงั ดังกลา่ วสรา้ งข้นึ ในสมัยรชั กาลท่ี ๕ มปี ระวัตคิ วามเป็นมายาวนานกว่าหน่ึง ร้อยปนี ับถงึ ปัจจุบัน แต่เดมิ เรอ่ื งราวต่าง ๆ เป็นท่รี ับรูแ้ ละภูมิใจเพยี งในครอบครวั หากแตป่ ัจจุบนั เรือ่ งราวต่าง ๆ พร้อม ที่จะเผยแพร่สู่ผู้มาเยี่ยมเยือน ทุกท่านไดร้ ่วมนกึ ถึงภาพความหลังและหวังเพียงเพ่ือเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจให้ ผู้มาเย่ียมเยือนทกุ ทา่ นได้กลับไปร่วมค้นหาและบนั ทึกเร่อื งราว ความเป็นมาของบรรพบรุ ุษของตนเอง “เทียนสือ” เป็นชายชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เกิดในยุคปลายราชวงศ์ ชิง (หรือ ราชวงศ์ แมนจู ปกครอง ประเทศจีนในช่วงปี ค.ศ. ๑๖๖๔-๑๙๑๒) ตามหลักฐานที่ปรากฏของป้ายวิญญาณและสุสานรวมไปถึงคาบอกเลา่ จากญาติผูใ้ หญ่ นายเทียนสอื ไดเ้ ดนิ ทางอพยพมายังสยามเม่ือราวร้อยกวา่ ปีก่อน และมโี อกาสได้รับตาแหน่ง เป็น ผู้ช่วยของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ข้าราชการชาวสยาม บุตรคนสุดท้องของ พระยาดารงสุจรติ มหศิ รภักดี (คอ ซเู จยี ง) ต้นตระกูล ณ ระนอง
“พระติปุกะพุทธมหาศากยมุนีศรีระณังค์” สักการระ“หลวงพ่อดีบุก”หรือ“พระประธานในอุโบสถ” เป็นพระพุทธรูปที่สร้างข้ึนใหม่ในอุโบสถ ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ใช้แร่ดีบุกซึ่งเป็นโลหะธาตุหล่อ องค์พระพุทธรูป อันมีนัยแห่งความดี หมายถึง “ความ “ดี” ที่ “บุก” เอาชนะความช่ัว” หรือ “ดี บุก ชั่ว” แร่ดีบุก มีอยู่มากมายในจังหวัดระนอง จนได้ชื่อว่า “เมืองแร่นอง” และต่อมาเพี้ยนกร่อนคามาเป็น “ระนอง” ประกอบกับ ตาบลหงาวก็เป็นแหล่งแร่ดีบุก อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง การสร้างพระประธานในอุโบสถด้วยดีบุกทาให้คนรุ่นใหม่รู้จักแร่ดีบุก องค์พระประธานท่ีหล่อด้วยแร่ดีบุกข้ึนนี้ มีชื่อสามัญว่า “หลวงพ่อดีบุก” ส่วนช่ือที่เป็นทางการคือ “พระติปุกะพุทธ มหาศากยมนุ ีศรรี ะณังค์” อนั มคี วามหมายว่า “พระพทุ ธรปู ดบี กุ องค์ใหญ่เป็นสิริมงคลและศกั ดิศ์ รขี องเมืองระนอง” พระประธานในอุโบสถวัดบ้านหงาว สร้างเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๑ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่า เดือน ๙ มหาฤกษ์ ๑๓.๓๙ น. ขนาดพระประธานหลวงพอ่ ดีบุก เป็นตัวเลขล้วนมีความหมายลึกซ้ึงในแง่ของธรรมะและประวัติศาสตร์ คือ หน้าตกั กว้าง ๙ ฟุต หมายถึง สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๙ หรือมงคล ๙ สูงสุดแห่งมงคล ส่วนสูงจากฐานถึงเกตุมาลา ๔ เมตร หรือ อริยสัจ ๔ ที่พระพุทธองค์แสดงปฐมเทศนา หรืออีกความหมายหนึ่งในอดีตพระมหากษัตริย์ ได้เคยเสด็จเมืองระนองถึง ๔ พระองค์ คือ รัชกาลท่ี ๕ รัชกาลที่ ๖ รัชกาลท่ี ๗ และรัชกาลที่ ๙ นับว่าเป็น พระประธานที่หล่อด้วยแร่ดีบุกองคแ์ รก ท่ีใหญ่ที่สุดในโลก ใช้แร่ดีบุกถึง ๓ ตัน รวมถึงพระสารีบุตรและ พระโมคคัลลานะ รวมค่าใช้จ่ายประมาณ ๔ ล้านบาท หลวงพ่อดีบุกวัดบ้านหงาว แม้จะไม่ได้เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ แต่เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ิ แร่ดีบุกที่ใช้ในการสร้างองค์ พระประธานเป็นแร่ที่มีนัยแห่งความดี คือ ดีบุก หมายถึง “ความดีท่ีบุกเอาชนะความช่ัว” พุทธศาสนิกชนท้ังในจังหวัด ระนอง และต่างจังหวัด รวมท้ังนักท่องเท่ียว จะเข้ามาสักการะของพรส่ิงศักดิ์สิทธ์ิ และถ่ายภาพเป็นท่ีระลึก เนื่องด้วย องคพ์ ระประธานทง่ี ดงามมาก
แหลง่ เรียนรู้การทาผา้ มัดย้อมจากไม้โกงกางชมุ ชนคุณธรรมวดั บ้านหงาว การเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ๑. มัดด้วยยางให้แน่น ตามลวดลายท่ีต้องการ แล้วนาไปล้างน้าสะอาด ให้ท่ัวก่อนนาไปใส่หม้อย้อม ๒. การย้อมด้วยน้าจากไม้โกงกาง ต้มนา้ ให้ร้อน ใช้ไฟปานกลาง ใช้เวลา ๑๕ นาที ๓. นาออกจากหม้อย้อม แช่น้าปูนใส ใช้เวลา ๕ นาที ๔. นามาซักล้าง แกะไม้ ยาง ที่มัดออก และนาไปซัก ล้าง ๕. การตาก เวลาตากให้ตากลมหรือแดดอ่อน ๆ หรือในท่ีแดดส่องไม่ถึง เพื่อไม่สีซีดเร็วเกินไป
{\"A?\":\"B\",\"a\":5,\"d\":\"B\",\"h\":\"www.canva.com\",\"c\":\"DAEv2YB0t98\",\"i\":\"il21oRmlbeavdTsazfUOYA\",\"b \":1638373043990,\"A\":[{\"A?\":\"K\",\"A\":984.5079455362732,\"B\":83.38147584965694,\"D\":643.0184557 527498,\"C\":58.64166076293949,\"N\":\"paragraph1\",\"a\":{\"A\":[{\"A?\":\"A\",\"A\":\" ชมุ ชนคณุ ธรรมบา้ น บางรนิ้ กลมุ่ หตั ถศิลป์ ดิน้ โบราณ นายปิยณฏั ฐ์ อสิ สระสงคราม\\n ๑๕/๓๘ หมู่ ๑ ตาบลบางรนิ้ อาเภอเมอื งระนอง ๘๕๐๐๐\\n ๐๖๖-๑๖๒๖๖๓๙ เพจ : เครอื่ งประดบั เปอรานากนั - บาบา๋ ยา่ หยา\\n\"}],\"B\":[{\"A?\":\"A\",\"A\":{\"color\":{\"B\":\"#162022\"},\"font-size\":{\"B\":\"14.6667\"},\"font- family\":{\"B\":\"YACkoEjZc4s,0\"}}},{\"A?\":\"B\",\"A\":82},{\"A?\":\"A\",\"A\":{\"tracking\":{\"B\":\"50.0\"}}},{\"A?\":\"B\",\" A\":1},{\"A?\":\"A\",\"A\":{\"tracking\":{\"A\":\"50.0\"}}},{\"A?\":\"B\",\"A\":55},{\"A?\":\"A\",\"A\":{\"tracking\":{\"B\":\"50.0\"} }},{\"A?\":\"B\",\"A\":68},{\"A?\":\"A\",\"A\":{\"color\":{\"A\":\"#162022\"},\"font-size\":{\"A\":\"14.6667\"},\"font- family\":{\"A\":\"YACkoEjZc4s,0\"},\"tracking\":{\"A\":\"50.0\"}}}]},\"b\":{},\"d\":\"B\",\"e\":643.0184557527493,\"f\":5 8.64166076293945,\"g\":false,\"h\":\"A\"}],\"B\":793.7007874015748,\"C\":1122.51968503937} แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ จากแจกันดอกไม้ดิ้นโบราณอายุกว่าร้อยปี ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากตระกูล ณ ระนอง ที่จวนเจ้าเมืองระนองเก่า เมื่อครั้งสมัยที่จังหวัดระนองได้รับวัฒนธรรมเปอรานากัน จากปีนัง ประเทศมาเลเซีย เนื่องจากมีการ ติดต่อทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านการศึกษา โดยเป็นศิลปะ ที่หาชมได้ยาก และเลือนหายไปจากระนองไปแล้ว ในอดีตผลิตภัณฑ์ดิ้นโบราณได้นามาประดิษฐ์ เป็นมงกุฏประดับศีรษะ เจ้าสาวในพิธีแต่งงาน ดอกไม้ติดเสื้อสาหรับเจ้าบ่าว และได้พัฒนารูปแบบ ผลิตภัณฑ์ให้มีเอกลักษณ์ของจังหวัดระนองและสอดคล้องกับสมัยนิยม เช่น นามาตกแต่งทรงผม เป็นเข็มกลัด ตกแต่งเคร่ืองแต่งกาย เคร่ืองประดับต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์เข็มกลัดหงส์ แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ มีแนวคิดมาจากความเช่ือของกลุ่มชาติพันธ์ชาวบ่าบ๋าหรือจีนฮกเก้ียนท่ีอาศัยอยู่ในจังหวัด ระนอง ซ่ึงเข้ามาต้ังถิ่นฐานในสมัยรัชกาลที่ ๓ ชาวจีนฮกเกี้ยนได้นารูปหงส์มาเป็นส่วนประกอบ ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน
ศาลหลักเมืองระนอง ต้ังอยู่หน้าเทศบาลเมืองระนอง มีลักษณะเป็นศาลาจัตุรมุข ทรงไทย มียอดศาลาตามลักษณะภูมิสถาปัตย์แบบพระธาตุไชยา จานวนห้ายอดมีความสูง ถึงยอด ๑๓.๖๐ เมตร ตัวศาลมีขนาดกว้างยาวด้านละ ๖ เมตร เป็นศาลหลักเมืองท่ีมี ความสวยงามและเป็นท่ีเคารพสกั การะของชาวระนอง เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เทศบาลเมอื งระนอง จงึ ไดร้ ิเร่ิมโครงการสร้างศาลหลกั เมืองขึ้น ณ บริเวณที่เคยเปน็ บ้านพกั เกา่ ของพระยารัตนเศรษฐี เจ้าเมืองระนอง ริมคลองหาดสม้ แป้น เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จแทนพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประกอบพิธียกเสาหลักเมือง และทรงเปดิ ศาลหลกั เมือง
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: