ก คำนำ เอกสารเผยแพร่ เรื่องการจัดทาบทความวิจัยเพ่ือย่ืนขอตาแหน่งทางวิชาการนี้เกิดจากความร่วมมือ ของอาจารยค์ ณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ทชี่ ่วยระดมสมอง แลกเปล่ียนความรูแ้ ละประสบการณใ์ นเร่ืองการ เขียนบทความวิจัย รวมถึงได้รับความอนุเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญภายนอกมาชว่ ยแลกเปลี่ยนให้ความรูเ้ พิ่มเติม ทาให้ได้แนวคิดและเทคนิคที่เป็นประโยชน์ สาหรับนามารวบรวมและเผยแพร่ให้ความรู้แก่อาจารย์ นักวิจัย คณะกรรมการจัดการความรู้ ประจาปี 2559 จึงขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.สินีนาถ เลิศไพรวัน จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่ได้ร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้และให้คาแนะนาที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดทา เอกสารเผยแพร่ โดยทางคณะกรรมการการจัดการความรู้ด้านวิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารน้ีจะเป็น ประโยชน์ต่อผู้ที่กาลังเขียนบทความวิจัยเพื่อย่ืนขอตาแหน่งทางวิชาการ หากผู้อ่านพบข้อบกพร่องหรืมี คาแนะนาเพ่ือนามาปรับปรุง คณะผู้จัดทายินดีรับข้อเสนอแนะนั้นมาแก้ไขปรับปรุงให้เอกสารน้ีสมบูรณ์ย่ิงข้ึน ตอ่ ไป และขอขอบคุณมา ณ โอกาสน้ี คณะกรรมการจดั การความรู้ด้านวจิ ัย ประจาปี 2559
สำรบัญ ข หวั ขอ้ หน้ำ ความหมายบทความวจิ ยั 1 ขอ้ กาหนดในการใช้บทความวจิ ัยในการย่ืนขอตาแหน่งทางวชิ าการ 1 การเผยแพรบ่ ทความวิจยั 1 ระดบั การประเมนิ คณุ ภาพงานวิจัย 2 กระบวนการเผยแพร่ผลงานวจิ ยั 3 ลกั ษณะของบทความวิจัยท่ดี ี 6 องค์ประกอบของบทความวจิ ัย 6 เทคนคิ การเขียนบทความวจิ ัย 7 เทคนคิ การตีพมิ พ์ 8 กระบวนการขอตาแหน่งทางวิชาการ 9
1 ความหมายบทความวจิ ยั คือบทความที่เขียนขึ้นจากงานวิจัยของตนเองซึ่งสกัด และสรุปออกมาเป็นองค์ความรู้ มีการกาหนด ปัญหา วัตถุประสงค์ท่ีชัดเจน มีการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ อภิปราย และสรุปผลการวิจัยอันนาไปสู่ ความก้าวหน้าทางวิชาการ และได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในการประชุมวิชาการหรือวารสารวิชาการที่มี คณะกรรมการกล่ันกรอง ขอ้ กาหนดในการใชบ้ ทความวจิ ัยในการยนื่ ขอตาแหนง่ ทางวชิ าการ ในการยื่นขอตาแหน่งทางวิชาการผลงานอย่างหนึ่งที่ต้องยื่นขอประเมินคือบทความวิจัย และผู้ย่ืนขอ ประเมินต้องเปน็ ผู้วจิ ัยหลัก หมายถึงบุคคลทม่ี บี ทบาทและความรบั ผิดชอบสาคัญในการออกแบบงานวิจัย การ วิเคราะหข์ ้อมลู และการสรปุ ผลการวิจยั และใหข้ ้อเสนอแนะ หรอื เปน็ corresponding author ซง่ึ เปอร์เซ็นต์ การมีสว่ นร่วมตอ้ งเป็นไปตามเกณฑด์ งั น้ี - งานวจิ ัยเดย่ี ว ต้อมสี ว่ นร่วมอย่างนอ้ ยรอ้ ยละ 50 ของผลงานหนงึ่ เรอื่ ง - งานท่ีเป็นชุด มีความเก่ียวเนื่องกัน (ต้องสามารถอธิบายความเชื่อมโยงได้) การมีส่วนร่วมในเร่ือง ต่างๆรวมแลว้ ไม่นอ้ ยรอ้ ยละ 50 แตต่ ้องมอี ยา่ งนอ้ ย 1 เรอื่ งท่ีผู้ขอเปน็ นักวิจยั หลกั การเผยแพรบ่ ทความวิจยั การเผยแพรใ่ นลกั ษณะใดลกั ษณะหน่ึง ดงั น้ี 1. เผยแพร่ในรูปของบทความวิจัยในวารสารทางวิชาการ ทั้งนี้วารสารทางวิชาการน้ัน อาจ เผยแพร่เป็นรูปเล่มส่ิงพิมพ์หรือเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ท่ีมีกาหนดการเผยแพร่อย่างแน่นอนชัดเจน 2. เผยแพร่ในหนังสือรวมบทความวิจัยในรูปแบบอ่ืนที่มีการบรรณาธิการประเ มินและ ตรวจสอบคณุ ภาพ 3. นาเสนอเปน็ บทความวจิ ัยตอ่ ที่ประชมุ ทางวชิ าการ ซง่ึ ภายหลังจากการประชุมทางวิชาการ ได้มีการบรรณาธิการและนาไปรวมเล่มเผยแพร่ในหนังสือประมวลผลการประชุมทางวิชาการ (Proceedings) ของการประชมุ ทางวชิ าการระดับชาตหิ รือนานาชาติ 4. การเผยแพร่รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ท่ีมีรายละเอียดและความยาว ต้องแสดง หลักฐานว่าได้ผ่านการประเมินคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิและแสดงหลักฐานว่าได้เผยแพร่ไปยังวงวิชาการและ วิชาชีพในสาขาวิชานั้น และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องในประเทศและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง (เม่ือได้เผยแพร่ ตามลักษณะข้างต้นและได้มกี ารพจิ ารณาประเมินคุณภาพของ “งานวิจัย” น้ันแลว้ การนา “งานวจิ ัย” น้ัน มา แก้ไขปรับปรุงหรือเพิ่มเติมส่วนใด ส่วนหนึ่ง เพ่ือนามาเสนอขอกาหนดตาแหน่งทางวิชาการ และให้มีการ ประเมนิ คุณภาพ “งานวจิ ยั ” นน้ั อกี ครง้ั หนง่ึ จะกระทาไมไ่ ด)้
2 ระดบั การประเมนิ คณุ ภาพงานวจิ ยั คณุ ภาพ มีกระบวนการวิจัยทุกขั้นตอนถูกต้องเหมาะสม แสดงความก้าวหน้าทางวิชาการหรือ ระดบั ดี ประยุกตไ์ ด้ ระดับดมี าก เกณฑร์ ะดบั ดี+ ระดบั ดีเด่น - แสดงถึงการวิเคราะห์และนาเสนอผลท่ีเป็นความรู้ใหม่ที่ลึกซ้ึงกว่าที่เคยมีผู้ ศกึ ษาไว้ - เปน็ ประโยชน์ทางวิชาการกวา้ งขวาง หรอื นาไปประยุกตใ์ ช้ได้แพร่หลาย เกณฑร์ ะดีบดีมาก+ - เป็นงานบุกเบิกที่มีคุณค่าย่ิง มีการสังเคราะห์อย่างลึกซ้ึงจนทาให้เกิดองค์ ความร้ใู หมใ่ นเรอ่ื งใดเรอื่ งหน่ึง ทาใหเ้ กิดความก้าวหนา้ ทางวชิ าการชัดเจน - เป็นท่ียอมรบั และได้รับการอา้ งองิ กว้างขวางในระดับชาติ/นานาชาติ
3 กระบวนการเผยแพร่ผลงานวจิ ยั
4
5
6 ลักษณะของบทความวิจัยทด่ี ี - มปี ระเด็นหรือแนวคดิ ท่ีชดั เจน มเี น้ือหาสาระทางวิชาการท่ถี กู ต้อง สมบูรณแ์ ละทันสมยั - มีการวิเคราะห์ประเด็นตามหลักวิชาการ มีการสังเคราะห์ความรู้จากแหล่งต่างๆและเสนอ ความรู้ท่เี ปน็ ประโยชน์ - สอดแทรกความคิดริเร่ิม หรือความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์ หรือแสดงทัศนะทางวิชาการของ ผเู้ ขยี นอย่างชัดเจนและเทย่ี งตรง - มกี ารค้นคว้าอ้างอิงจากแหลง่ อ้างอิงท่ีเชื่อถอื ได้ ทนั สมยั ครอบคลมุ และมีการอ้างอิงอย่าเป็น ระบบ - มีการนาเสนอขอ้ มูลท่ีเข้าใจง่าย และเปน็ ระบบ ใช้ศัพท์และภาษาทางวิชาการอย่างเหมาะสม มตี าราง แผนภูมิ ประกอบตามความจาเป็น เพ่อื ใหเ้ ข้าใจงา่ ย องค์ประกอบของบทความวจิ ัย องคป์ ระกอบของบทความวจิ ยั ประกอบด้วย - ชอื่ เรอื่ ง (Title) - ชื่อผปู้ ระพนั ธ์ (Authors) - บทคัดย่อ (Abstract) - คาสาคญั (Keyword) - คานา (Introduction) - วิธีการวิจยั (Methodology) - ผลการทดลอง (Result) - การอภปิ รายผล (Discussion) - สรปุ ผล (Conclusion) - คาขอบคุณ (Acknowledgement) - เอกสารอา้ งอิง (Reference)
7 เทคนิคการเขียนบทความวจิ ัย องคป์ ระกอบ • กระชบั ส้นั ได้ใจความเปน็ วลี เปน็ ภาษาที่เป็นทางการ ไมม่ ีหัวขอ้ ยอ่ ย มีคาสาตัญ Title ปรากฏในชอ่ื เรอื่ ง สื่อถึงเนอ้ื หาของเรือ่ ง มคี วามสอดคลอ้ งกับนโยบายของวารสาร • ระบชุ ่อื ผูป้ ระพันธ์ และคณะผปู้ ระพนั ธ์บทความ ยดึ ตามรูปแบบของวารสารหรอื งานประชมุ วชิ าการน้ันๆ ระบผุ ู้ประพันธใ์ ห้การติดตอ่ ระบุสงั กดั สถานท่ีทางานตาม Authors รูปแบบท่ขี องวารสารหรืองานประชมุ วิชาการนั้นๆกาหนด • มจี านวนคาประมาณ 150 - 250 คา ควรเขยี นให้สนั้ กระชับ ประกอบดว้ ยสว่ นย่อ ของวัตถปุ ระสงค์ วธิ ีการ ผลการทดลอง สรปุ ซึ่งอ่านแล้วตองเห็นภาพรวมทั้งหมด Abstract ของงาน ควรมีคาสาคญั ในบทคดั ยอ่ ควรเขียนเป็นส่งิ สดุ ท้าย • คา หรือวลสี ้ันๆ ที่เก่ียวขอ้ งกับชอ่ื เรื่องและสาระสาคญั ของบทความเพ่ือใหผ้ ู้อ่าน สามารถคน้ หาบทความของเราพบ Keywords • เปน็ สว่ นจูงใจให้ผอู้ ืน่ สนใจ หลกั การและเหตุผล งานทที่ ามาก่อน ปัญหา ขอบเขต Introduction ของปญั หา การศกึ ษาอน่ื ๆที่เกยี่ วข้อง ทฤษฏีเกีย่ วขอ้ ง และวัตถุประสงค์ • เปน็ สว่ นทง่ี า่ ยทส่ี ดุ ระบกุ ารศึกษาใหก้ ระชบั ชดั เจน เป็นขั้นตอน โดยระบเุ ครื่องมือ Methodology อปุ กรณ์ ระเบียบวิธี สถติ ิ กลุ่มตวั อยา่ ง
8 • เป็นสว่ นของขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการวจิ ัย เขยี นเรียงตาม Methodology และ วตั ถุประสงค์ แสดงผลข้อมลู โดยใช้รปู ภาพ ตาราง กราฟ คา่ ทางสถติ ิ อยา่ งชัดเจน Result • เปน็ ส่วนของการแสดงการวเิ คราะหผ์ ลข้อมลู ทีไ่ ด้จากการวจิ ยั อธบิ ายการคน้ พบว่า เหมอื นหรือตา่ งจากท่นี ักวจิ ัยอิ่นหรอื ไม่ อย่างไร ดาเนินการแกไ้ ขปญั หาอยา่ งไร Discussion เกดิ องคค์ วามร้ใู หมอ่ ย่างไร นาไปใชป้ ระโยชน์ได้อย่างไร • เป็นสว่ นที่แสดงการสรปุ รวมความโดยสรุปประเด็นหลกั ของการวจิ ัย มีรายละเอยี ด ไดท้ ้งั เชงิ ปริมาณและเชิงคุณภาพ Conclusion • เป็นส่วนทแี่ สดงความขอบคณุ ตอ่ บุคคล หน่วยงานต่างๆท่ใี หก้ ารสนับสนุน ท้งั การ ใหค้ าปรึกษา เครือ่ งมอื อุปกรณ์ หรอื แหลง่ เงนิ ทนุ หัวขอ้ นอี้ าจมหี รือไมม่ กี ไ็ ด้ขึน้ อยู่ Acknowledge กบั รปู แบบของแหลง่ ตพี ิมพ์ ment • เปน็ ส่วนทแี่ สดงรายการเอกสารอ้างอิงท่ปี รากฏในทุกหัวข้อซ่ึงต้องนามาแสดง ทัง้ หมดในบทนี้ รูปแบบเอกสารอ้างอิงจะขน้ึ อยกู่ ับการกาหนดของแหล่งตีพมิ พ์ Reference อาจแสดงในรูปของระบบหมายเลข หรือระบบนาม-ปี กไ็ ด้ เทคนิคการตพี มิ พ์ - เลือกแหล่งเผยแพร่ใหถ้ ูกต้อง ผู้วิจัยต้องรศู้ ักยภาพของงานตนเองก่อนว่ามีคุณค่าเชิงวชิ าการ และ นาเสนอคณุ ค่านั้นไดด้ เี พยี งใด เป็นงานวิจัยประเภทใด - ควรมีการเผื่อเวลาในการตีพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นในวารสาร หรือในงานประชุมวิชาการ เน่ืองจาก ถ้าเป็นวารสารจะต้องเผ่ือเวลาในการอ่านของผู้ตรวจ (Reviewer) และกระบวนการในการ ตรวจแกไ้ ข สว่ นงานประชุมวชิ าการในปจั จุบนั จะยงั ไม่ได้ Proceeding ในวนั ที่จัดการประชุม เลย โดยจะจัดส่งหลังจากการจัดงานประชุมวิชาการแล้ว 1-2 เดือน จึงต้องมีการเผ่ือเวลาถ้า จะนาไปใชใ้ นขอตาแหนง่ ทางวิชาการ - การแก้ไขเป็นเรื่องธรรมดา หากถูกกองบรรณาธิการให้มีการแก้ไขบทความ ควรแก้ไขตาม คาแนะนา หรือถ้าเราไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆควรทาหนังสือช้ีแจงถึงเหตุผลไปยังกอง บรรณาธิการ
9 กระบวนการขอตาแหนง่ ทางวชิ าการ เมอื่ ได้บทความวิจัยแล้วจงึ นาไปยน่ื ประกอบการขอผลงานทางวชิ าการร่วมกบั ผลงานอืน่ ๆตามท่ี กพอ. กาหนด โดยมกี ระบวนการดังน้ี หมายเหตุ - รวมระยะเวลาทง้ั ส้ิน 187 วัน ซงึ่ ระยะเวลาดงั กล่าวเป็นกรณที ี่ไม่มเี หตขุ ดั ขอ้ งใดๆ - เจา้ หนา้ ทที่ ี่ดาเนนิ การเฉพาะงานกาหนดตาแหนง่ ทางวชิ าการ มจี านวน 2 คน
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: