โครงการศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดเพชรบุรี 1. พระราชดาริ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัวได้พระราชทานพระราชดาริ เมือ่ วนั ท่ี 5 เมษายน 2526 ให้พฒั นาพ้นื ทบี่ ริเวณพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ให้เปน็ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาด้านการ เกษตรกรรม โดยการปลูกป่าเพ่ือฟ้ืนฟูสภาพป่าไม้ให้กลับอุดมสมบูรณ์ดังเดิม ทาการปลูกพืช ชนิดต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการปลูกป่า เพ่ือให้ราษฎรได้อาศัยผลผลิตจากป่าและเพาะปลูกพืช ชนิดต่าง ๆ โดยไม่เข้าไปบุกรุกทาลายป่าไม้อีกตอ่ ไป ตลอดจนการจัดหาแหล่งนา้ สนบั สนนุ การ ปลูกป่าและการเพาะปลูกพืช จัดระเบียบให้ราษฎรเข้าอยู่อาศัยทากินในพื้นที่โครงการอย่าง ถูกต้อง ตามหลักวิชาการและสอดคล้องกับธรรมชาติ รวมท้ังให้ประชาชนท่ัวไปได้เข้ามาศกึ ษา ดูงานและรับการถา่ ยทอดเทคโนโลยี เพ่ือนาไปประยุกต์ ใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ทอ้ งถ่นิ ตนเองต่อไป 2. แผนการดาเนินงานสนองพระราชดาริ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ได้กาหนดกรอบ แผนแม่บทในการดาเนนิ งานประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2541 – 2544 ขนึ้ โดยแบง่ แผนงาน ออกไดเ้ ป็น 5 แผนงาน ดังน้ี 2.1 การอนุรักษฟ์ ้ืนฟทู รัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม 2.2 การศึกษาและพฒั นาตามแนวพระราชดาริ 2.3 การขยายผลและถา่ ยทอดเทคโนโลยีตามแนวพระราชดาริ 2.4 การสง่ เสริมและพฒั นาคุณภาพชวี ิต 2.5 การบรหิ ารโครงการ 3. ผลการดาเนนิ งานสนองพระราชดาริ 3.1) การอนุรกั ษฟ์ ้นื ฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม ดาเนนิ การปลูกและบารุงรักษาป่า อนรุ ักษ์ป่าเศรษฐกจิ และปา่ ชายเลน รวมทงั้ เพาะเล้ียงและขยายพันธุ์สตั ว์ป่า ปล่อยสตั ว์ปา่ กลับคืนสธู่ รรมชาติ เพอื่ สรา้ งความสมดุล ของระบบนิเวศน์ ฟื้นฟูและปรับปรุงบารุงดิน รวมทั้งอนุรักษ์ดินและน้า โดยใช้วิธีพืชและวิธีกล ได้แก่ หญ้าแฝก ปุ๋ยหมัก พืชบารุงดินชนิดต่าง ๆ และฝายเก็บกักน้าในร่องน้าตามช่องเขา (Check dam) พัฒนาแหล่งน้าและระบบชลประทาน เพ่อื สนบั สนุนการฟื้นฟรู ะบบนเิ วศน์ โดย
การขุดลอกลาน้าสายสาคัญต่าง ๆ ในพ้ืนที่สร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ ม โดยสง่ เสริมประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนในพ้นื ที่รอบศูนยเ์ ขา้ มามสี ว่ นร่วม 3.2) การศกึ ษาและพัฒนา ดาเนินการศึกษา ทดลอง ด้านความเป็นอยู่พื้นฐานและการประกอบ อาชีพ : เพ่ือให้ได้เทคโนโลยีทางการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกษตรกรจะสามารถนาเอาไป ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ส า ห รั บ พั ฒ น า ก า ร ป ร ะ ก อ บ อ า ชี พ ต่ อ ไ ป ไ ด้ ด า เ นิ น ก า ร ศึ ก ษ า ท ด ล อ ง ด้ า น สภาพแวดล้อม : เพ่ือให้ได้รูปแบบท่ีเหมาะสมในการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ดิน น้า และป่าไม้ ให้ กลบั ฟนื้ คนื สคู่ วามอุดมสมบูรณ์ 3.3) การขยายผลและถา่ ยทอดเทคโนโลยี นาผลการศึกษาทดลองที่ประสบความสาเร็จถ่ายทอดออกไปสู่ราษฎร ในพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ จานวน 17 หมู่บ้าน และประชาชนท่ัวไปเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และพัฒนาอาชีพของราษฎรให้สามารถมีรูปแบบการดาเนินชีวิตในลักษณะท่ีสามารถ พึ่งพา ตนเองได้ โดยมีเป้าหมายในปี 2542 จานวน 43 ราย ดาเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ทาง วิชาการดา้ นตา่ ง ๆ แกเ่ กษตรกร รวมท้ัง ประชาสัมพนั ธ์ เผยแพรข่ า่ วสารไปยังชุมชนต่าง ๆ 3.4) การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ดาเนินการพัฒนาอาชีพและเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมด้าน สังคมและโครงสร้างพนื้ ฐาน เพอื่ ใหร้ าษฎรมีรายได้ท่พี อเพยี งจะสามารถชว่ ยเหลือตนเองได้ 3.5) การบรหิ ารโครงการ ประสานงานจัดวางระเบียบและกาหนดขอบเขตในการดาเนินงานของ หน่วยงานต่าง ๆ ตามกรอบแผนแม่บท (ปี 2541 - 2544) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่าง สูงสุด รวมทั้ง เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ แก่ส่วนราชการภาคเอกชนและ ประชาชนท่สี นใจ 4. แนวทางการดาเนนิ งานในระยะตอ่ ไป ส่งเสริมและเร่งรัดการดาเนินงานขยายผลการศึกษาพัฒนาและถ่ายทอด เทคโนโลยอี อกส่ปู ระชาชนในพน้ื ทหี่ มบู่ ้านรอบศนู ย์ และประชาชนทั่วไป รวบรวมผลการศึกษา ทดลองในศูนย์ฯ ท่ีประสบผลสาเร็จ และได้รับการยอมรับในแวดวงวิชาการเผยแพร่ออกสู่ ประชาชน สาหรับเป็นความรู้และทางเลือกในการประกอบอาชีพ พัฒนาระบบการตลาด เพื่อ พัฒนารายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่โครงการและหมู่บ้านรอบศูนย์ สง่ เสรมิ การรวมกลมุ่ เกษตรกรในรูปแบบต่าง ๆ ตามแนวทฤษฎใี หม่ ข้ันท่ี 2 เพ่ือให้เกิดการรวม แรงรวมพลังทเี่ ขม้ แข็ง และสามารถพ่งึ พาตนเองไดใ้ นระยะยาวเนน้ การประชาสัมพนั ธ์ เผยแพร่ ขอ้ มูล ข่าวสารในเชิงรุกในรูปแบบและวิธีการตา่ ง ๆ มากย่ิงขึน้
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ โครงการแกลง้ ดิน แกล้งดิน เป็นแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอ ดลุ ยเดช เกยี่ วกับการแกป้ ญั หาดนิ เปร้ียว หรอื ดนิ เป็นกรด โดยมกี ารขังน้าไวใ้ นพื้นท่ี จนกระท่งั เกิดปฏิกิริยาเคมีทาให้ดินเปร้ียวจัดจนถึงที่สุด แล้วจึงระบายน้าออกและปรับสภาพฟ้ืนฟูดิน ด้วยปนู ขาว จนกระทัง่ ดินมสี ภาพดพี อที่จะใชใ้ นการเพาะปลกู ได้ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ เย่ียม ราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ทรงพบว่า ดินในพ้ืนท่ีพรุที่มีการชักน้าออก เพ่ือจะนาท่ีดินมาใชท้ าการเกษตรนั้น แปรสภาพเปน็ ดินเปร้ียวจัด ทาใหเ้ พาะปลูกไมไ่ ด้ผล จึงมี พระราชดาริให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่พรุที่มีน้าแช่ขัง ตลอดปีให้เกิดประโยชน์ในทางการเกษตรมากท่ีสุด และให้คานึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ด้วย การแปรสภาพเป็นดินเปร้ียวจัด เนื่องจากดินมีลักษณะเป็นเศษอินทรียวัตถุ หรือซากพืช เน่าเปื่อยอยู่ข้างบน และมีระดับความลึก ๑ - ๒ เมตร เป็นดินเลนสีเทาปนน้าเงิน ซึ่งมี สารประกอบกามะถัน ทเ่ี รียกวา่ สารประกอบไพไรท์ (Pyrite : FeS2) อย่มู าก ดงั นั้นเม่อื ดินแหง้ สารไพไรท์จะทาปฏิกิริยากับอากาศ ปลดปล่อยกรดกามะถัน ออกมา ทาให้ดินแปรสภาพเป็นดินกรดจัดหรือเปร้ียวจัด ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอัน เนอื่ งมาจากพระราชดาริ จงึ ไดด้ าเนนิ การสนองพระราชดารโิ ครงการ \"แกล้งดิน\" เพื่อศึกษาการ เปล่ียนแปลงความเป็นกรดของดิน เร่ิมจากวิธีการ \"แกล้งดินให้เปร้ียว\" คือทาให้ดินแห้งและ เปียกสลับกันไป เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน ซ่ึงจะไปกระตุ้นให้สารไพไรท์ทาปฏิกิริยากับ ออกซเิ จนในอากาศ ปลดปล่อยกรดกามะถนั ออกมา ทาให้ดินเป็นกรดจดั จนถึงขน้ั \"แกลง้ ดินให้ เปร้ยี วสดุ ขดี \" จนกระท่งั ถึงจดุ ทีพ่ ืชไม่สามารถเจรญิ งอกงามได้ จากนน้ั จงึ หาวธิ กี ารปรับปรุงดิน ดงั กล่าวใหส้ ามารถปลูกพชื ได้ วิธีการแก้ไขปัญหาดินเปร้ียวจัดตามแนวพระราชดาริ คอื ควบคมุ ระดับน้าใต้ดิน เพ่ือป้องกันการเกิดกรดกามะถัน จึงต้องควบคุมน้าใต้ดินให้อยู่เหนือชั้นดินเลน ทีม่ สี ารไพไรท์อยู่ เพือ่ มิให้สารไพไรทท์ าปฏิกริ ิยากับออกซเิ จนหรือถูกออกซิไดซ์ จากการทดลอง ทาให้พบว่า วิธีการปรับปรุงดินตามสภาพของดินและความ เหมาะสม มีอยู่ ๓ วธิ กี ารด้วยกนั คอื ใชน้ ้าชะล้างความเป็นกรด เพราะเมื่อดนิ หายเปรี้ยว จะมี ค่า pH เพ่ิมขึ้น หากใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟต ก็จะทาให้พืชให้ผลผลิตได้ ใช้ปูนมาร์ลผสม คลุกเคลา้ กบั หน้าดนิ ใช้ทั้งสองวธิ ขี ้างต้นผสมกนั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จ ฯ ไปทรงเย่ียมราษฎร ในเขตจังหวัดนราธิวาสในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ทรงพบว่าหลังจากมีการชักน้าออกจากพ้ืนที่พรุเพื่อ จะ ได้มีพื้นท่ีใช้ทาการเกษตรและเป็นการบรรเทาอุทกภัยน้ัน ปรากฎว่าดินในพื้นที่พรุแปร สภาพเป็นดินเปร้ียวจัด ทาให้เพาะปลูกไม่ได้ผล จึงมีพระราชดาริ ให้ส่วนราชการต่าง ๆ
พิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพื้นที่พรุที่มีน้าแช่ขังตลอดปีให้เกิดประโยชน์ในทาง การเกษตรมากที่สุด และให้คานึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ด้วย การแปรสภาพ เป็นดิน เปรี้ยวจัด เนื่องจากดินมีลักษณะเป็นเศษอินทรีย์วัตถุหรือซากพืชเน่าเปื่อยอยู่ข้างบน และมี ระดับความลึก ๑ - ๒ เมตร เป็นดินเลนสีเทาปนน้าเงิน ซ่ึงมีสารประกอบกามะถัน ท่ีเรียกว่า สารประกอบไพไรท์ (pyrite : FeS2) อยู่มาก ดังน้ันเมื่อดินแห้ง สารไพไรท์จะทาปฏิกิริยากับ อากาศปลดปล่อยกรดกามะถันออกมา ทาให้ดินแปรสภาพเป็นดินกรดจัดหรือเปรี้ยวจัด ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเน่ืองมาจากพระราชดาริจึงได้ดาเนินการสน องพระราชด าริ โครงการ \"แกล้งดนิ \" เพือ่ ศกึ ษาการเปล่ียนแปลงความเปน็ กรดของดินเร่มิ จากวิธกี าร \"แกลง้ ดิน ให้เปรี้ยว\" ด้วยการทาให้ดินแหง้ และเปียกสลับกันไป เพื่อเร่งปฏิกิริยาทางเคมีของดนิ ซึ่งจะไป กระตุ้นให้สารไพไรท์ทาปฏิกิริยากับออกซเิ จนในอากาศ ปลดปล่อยกรดกามะถันออกมา ทาให้ ดินเป็นกรดจัดจนถึงขั้น \"แกล้งดินให้เปร้ียวสุดขีด\" จนกระทั่งถึงจุดท่ีพืช ไม่สามารถเจริญงอก งามได้จากนั้นจึงหาวิธีการปรับปรุงดินดังกล่าวให้สามารถปลูกพืชได้วิธีการแก้ไขปัญหาดิน เปรยี้ วจัดตามแนวพระราชดารมิ ดี งั นี้ ๑. ควบคุมระดบั น้าใต้ดินเพื่อป้องกันการเกดิ กรดกามะถนั จงึ ตอ้ งควบคุมน้าใต้ ดินให้อยู่เหนือช้ันดินเลนที่มีสารไพไรท์อยู่ เพ่ือมิให้สารไพไรท์ทาปฏิกิริยากับออกซิเจนหรอื ถูก ออกซิไดซ์ ๒. การปรบั ปรุงดนิ มี ๓ วธิ กี าร ตามสภาพของดินและความเหมาะสม คือ • ใชน้ า้ ชะล้างความเป็นกรดเม่ือลา้ งดนิ เปรยี้ วใหค้ ลายลงแล้วดินจะมีค่า pH เพ่ิมขึ้นอีกทั้งสารละลายเหล็กและอลูมินั่มท่ีเป็นพิษเจือจางลงจนทาให้พืชสามารถ เจรญิ เตบิ โตได้ดีโดยเฉพาะถ้าหากใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟตกส็ ามารถให้ผลผลติ ได้ • การใช้ปูนผสมคลุกเคล้ากับหน้าดิน เช่น ปูนมาร์ล ปูนฝุ่นซึ่งปริมาณ ของปูนที่ใชข้ ้ึนอยู่กบั ความรุนแรงของความเปน็ กรดของดนิ • การใช้ปนู ควบคูไ่ ปกับการใชน้ ้าชะล้างและควบคุมระดบั น้าใตด้ ิน เปน็ วิธีการที่สมบูรณ์ที่สุดและใช้ได้ผลมากในพ้ืนท่ีซึ่งดินเป็นกรดจัดรุนแรง และถูกปล่อยทิ้งเป็น เวลานาน ๓. การปรบั สภาพพืน้ ที่มีอยู่ ๒ วิธีคอื • การปรบั ระดับผิวหน้าดิน ด้วยวิธีการ คือ o ปรับระดับผิวหน้าดินให้มีความลาดเอียง เพ่ือให้น้าไหลไปสู่ คลองระบายนา้ o ตกแต่งแปลงนาและคันนาใหม่ เพ่ือให้เก็บกักน้าและระบาย นา้ ออกไปได้ • การยกร่องปลูกพืช สาหรับพืชไร่ พืชผัก ไม้ผล หรือไม้ยืนต้นที่ให้ ผลตอบแทนสูง ถา้ ใหไ้ ดผ้ ลต้องมีแหล่งน้าชลประทานเพ่ือขงั และถ่ายเทน้าได้ เม่อื น้าในร่องเป็น กรดจัด การยกร่องปลูกพืชยืนต้นหรือไม้ผล ต้องคานึงถึงการเกิดน้าท่วมในพ้ืนท่ีน้ัน หากมี
โอกาสเสี่ยงสูงก็ไมค่ วรทา หรอื อาจยกรอ่ งแบบเตี้ย ๆ พืชท่ีปลกู เปล่ียนเปน็ พชื ล้มลุกหรือพืชผัก และควรปลูกเปน็ พืชหมนุ เวียนกบั ขา้ วได้ วิธีการปรบั ปรงุ ดนิ เปรีย้ วจัดเพือ่ การเกษตร ๑. เพ่อื ใชป้ ลูกข้าว • เขตชลประทาน - ดินทม่ี คี า่ pH นอ้ ยกวา่ ๔.๐ ใช้ปนู อัตรา ๑.๕ ตัน/ไร่ - ดนิ ทมี่ ีค่า pH ระหวา่ ง ๔.๐ - ๔.๕ ใช้ในอตั รา ๑ ตัน/ไร่ • เขตเกษตรนา้ ฝน - ดินท่มี คี ่า pH นอ้ ยกวา่ ๔.๐ ใชป้ ูนในอตั รา ๒.๕ ตัน/ไร่ - ดนิ ท่ีมคี า่ pH ระหว่าง ๔.๐ - ๔.๕ ใชป้ ูนอัตรา ๑.๕ ตนั /ไร่ • ขั้นตอนการปรับปรุงดินเปร้ียว หลังจากหว่านปูนให้ทาการไถ แปร และปล่อยน้าให้แช่ขังในนาประมาณ ๑๐ วัน จากนั้นระบายน้าออกเพ่ือชะล้างสารพิษ และขังนา้ ใหมเ่ พือ่ รอปกั ดา ๒. เพ่อื ใชป้ ลูกพชื ล้มลุก • การปลกู พืชผกั มีวิธีการ คอื o ยกร่องกวา้ ง ๖ - ๗ เมตร ครู ะบายนา้ กวา้ ง ๑.๕ เมตร และลึก ๕๐ ซม. o ไถพรวนดนิ และตากดนิ ทงิ้ ไว้ ๓ - ๕ วนั o ทาแปลงยอ่ ยบนสันร่อง ยกแปลงให้สงู ๒๕ - ๓๐ ซม. กว้าง ๑ - ๒ เมตร เพอื่ ระบายน้าบนสันร่องและเพ่ือป้องกันไมใ่ ห้แปลงย่อยแฉะ เมื่อรดนา้ หรือ เ่มอ่ื มฝี นตก o ใส่หินปูนฝุ่นหรอื ดินมาร์ล ๒ - ๓ ตัน/ไร่ คลุกเคล้าให้ เข้ากบั ดิน ทง้ิ ไว้ ๑๕ วัน o ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์ ๕ ตัน/ไร่ ก่อนปลูก ๑ วัน เพ่อื ปรับปรงุ ดนิ • การปลูกพชื ไรบ่ างชนดิ กระทาได้ ๒ วธิ ีคอื o แบบยกร่องสวนและแบบปลูกเป็นพืชครั้งท่ี ๒ หลังจากการทานา • การปลูกพืชไร่แบบยกร่องสวนมีวิธีเตรียมพ้ืนที่ เช่นเดียวกับ การปลกู พชื ผัก • การปลูกพืชไร่หลังฤดูทานา ซึ่งอยู่ในช่วงปลายฤดูฝน การ เตรียมพ้ืนท่ีต้องยกแนวร่องให้สูงกว่าการปลูกบนพื้นทที่ดอน ๑๐ - ๒๐ ซม. เพื่อป้องกันไม่ให้ น้าแช่ขังถ้ามีฝนตกผิดฤดู ถ้าพื้นที่นั้นได้รับการ ปรับปรุงโดยการใช้ปูนมาแล้ว คาดว่าคงไม่ จาเปน็ ตอ้ งใช้ปนู อกี
๓. เพอ่ื ปลกู ไมผ้ ล • สร้างคันดินก้ันน้าล้อมรอบแปลงเพ่ือป้องกันน้าขังและติดตั้ง เครอื่ งสบู น้าเพอื่ ระบายนา้ ออกตามตอ้ งการ • ยกร่องปลูกพืชตามวิธีการปรับปรุงพื้นที่ท่ีมีดินเปรี้ยวจัดเพื่อ ปลกู ไมผ้ ล • น้าในคูระบายน้าจะเป็นน้าเปรี้ยว ต้องระบายออกเมื่อเปรี้ยว จัดและสบู นา้ จดื มาแทน ช่วงเวลาถา่ ยนา้ ๓ - ๔ เดือนต่อคร้ัง • ควบคุมระดับน้าในคูระบายน้า ไม่ให้ต่ากว่าช้ันดินเลนที่มี สารประกอบไพไรท์เพือ่ ป้องกันการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าท่จี ะทาให้ดนิ มีความเป็นกรดเพ่ิมขน้ึ • ใส่ปูน อาจเป็นปูนขาว ปูนมาร์ล หรือหินปูนฝุ่น โดยหว่านท่ัว ท้ังรอ่ งทีป่ ลูกอัตรา ๑ - ๒ ตนั /ไร่ • กาหนดระยะปลกู ตามความเหมาะสมของแตล่ ะพชื • ขุดหลุม กว้าง ยาว และลึก ๕๐ - ๑๐๐ ซม. แยกดินชั้นบน และดินชั้นล่าง ท้ิงไว้ ๑ - ๒ เดือนเพ่ือฆ่าเช้ือโรค เอาส่วนท่ีเป็นหน้าดินผสมปุ๋ยคอก หรือปุ๋ย หมัก หรือบางส่วนของดินช้ันล่างแล้วกลบลงไปในหลุมให้เต็ม ใส่ปุ๋ยหมัก ๑ กก./ต้น โดยผสม คลุกเคล้าใหเ้ ขา้ กับปูนในอตั รา ๑๕ กก./ หลุม • ดูแลปราบวัชพืช โรค แมลง และให้น้าตามปกตสิ าหรับการใช้ ปุย๋ บารงุ ดนิ ขน้ึ กบั ความตอ้ งการและชนดิ ของพืชท่จี ะปลูก
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ อาเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พระราชดาริ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ไดพ้ ระราชทานพระราชดาริให้จัดต้ัง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ข้ึนในบริเวณป่าขุนแม่กวง อาเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เม่ือวันท่ี 11 ธันวาคม 2525 ซึ่งมีขอบเขตพืน้ ที่โครงการ ประมาณ 8,500 ไร่ ท้ังน้ี โดยมีพระราชประสงค์ท่ีจะให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลอง วิจัย เพือ่ หารปู แบบการพฒั นาด้านต่าง ๆ ท่เี หมาะสมกับสภาพพน้ื ทีภ่ าคเหนือ และเผยแพร่แก่ ราษฎรให้สามารถนาไปปฏิบัติได้ด้วยตนเองต่อไป โดยให้ทาการศึกษาพัฒนาป่าไม้ 3 อย่าง 3 วิธี เพ่ือประโยชน์ 4 อย่าง คือ มีไม้ใช้สอย ไม้ผล ไม้เชื้อเพลิง ซ่ึงจะอานวยประโยชน์ในการ อนุรักษ์ดินและน้า ตลอดจนความชุ่มชื้นเอาไว้เป็นประโยชน์อย่างท่ี 4 และอนุรักษ์พื้นท่ีต้นนา้ ลาธาร ให้ไดผ้ ลอย่างสมบูรณเ์ ป็นหลัก ตน้ ทางเป็นการศึกษาสภาพพ้นื ท่ีป่าไม้ต้นน้าลาธาร และ ปลายทางเป็นการศึกษาด้านการประมงตามอ่างเก็บน้าต่าง ๆ ผสมกับการศึกษาด้านการ เกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อให้เป็นศูนย์ท่ีสมบูรณ์ แบบ ก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อราษฎรท่ีจะเข้ามาศึกษากิจกรรมต่าง ๆ ภายในศูนย์ แล้วนาไปใช้ ปฏิบัติอย่างได้ผลต่อไปดังมีพระราชดาริว่า \"ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทาหน้าท่ีเสมือน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติท่ีมีชีวิต\" หรืออีกนัยหนึ่งเป็น \"สรุปผลของการพัฒนา\" ท่ีประชาชนจะเข้า ไปเรียนรู้และนาไปปฏิบัตดิ ้วยตนเองได้ ผลการดาเนินงานปี 2542 1. งานศึกษาและพัฒนาแหลง่ นา ดาเนินงานจัดหาน้าสนับสนุนงานศึกษาและพัฒนาในด้านต่าง ๆ ของศูนย์ ศกึ ษาการพฒั นาหว้ ยฮอ่ งไคร้ฯ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การพัฒนาพืน้ ทีต่ น้ น้าลาธาร โดยพยายามใช้ ประโยชน์จากน้าท่ีไหลมาจากยอดเขาลงสู่พื้นที่ข้างล่างให้ได้ประโยชน์สูงสุด ในปีงบประมาณ 2542 ศูนย์ฯ ไดด้ าเนินการซอ่ มแซมทอ่ ผันน้าจากห้วยแม่ลาย จานวน 1 แหง่ พรอ้ มซ่อมแซม ระบบท่อส่งน้าในแปลงเกษตร ป่าไม้ และปศุสัตว์ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี ในส่วนงานบริหาร กลุ่มผู้ใช้น้าได้มีการจัดสรรน้าจากอ่างเก็บน้าและฝายทดน้าเพ่ือสนับสนุนกิจกรรมการ เพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การประมงในพื้นท่ีศูนย์ฯ รวมท้ังเพื่อการอุปโภค - บริโภค ตลอดจน การเกษตรของราษฎรหมู่บา้ นรอบบริเวณศูนย์ฯ และโครงการสาขา จานวน 22 แหง่ นอกจากนั้นได้ดาเนินการบูรณะซ่อมแซมถนนลาดยางภายในศูนย์ฯ จานวน 8 + 600 กม. ซ่อมแซมถนนลูกรังตามแนวท่อผันน้าห้วยแม่ลาย - ห้วยฮ่องไคร้ (ทางลาเลียง ใหญ่) จานวน 12 + 300 กม. และบูรณะซ่อมแซมถนนลูกรังในเขตโครงการฯ (ทางลาเลียง
ย่อย) จานวน 7 + 050 กม. เพื่อให้สามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าไปดาเนินการดูแลอ่างเก็บน้า ระบบสง่ น้าควบคมุ การส่งนา้ ได้ 2. งานศกึ ษาและพฒั นาป่าไม้ ดาเนินการพัฒนาป่าไม้โดยวิธีบารุงป่าธรรมชาติ ปลูกสร้างสวนป่าใหม่ ปลูก เสริมปา่ ชว่ ยเหลือในการสืบพันธ์ตุ ามธรรมชาตขิ องไม้ การสร้างแนวป้องกันไฟปา่ เปียกในพ้ืนที่ รองรับระบบวนเกษตร ระบบอุทกวิทยา นิเวศวิทยา ตลอดจนการศึกษาการอนุรักษ์ และ เพาะเล้ียงสัตว์ป่า ในพ้ืนที่ต้นน้าลาธาร ในปี 2542 ได้ดาเนินการบารุงรักษาแปลงบารุงป่า ธรรมชาติ 4,000 ไร่ งานสาธติ ระบบวนเกษตรใหม่ 10 ไร่ งานสาธิตจัดการทงุ่ หญ้าป่าไม้ 15 ไร่ งานสาธิตการปลูกไม้ไผ่ 10 ไร่ งานเพาะชากล้าไม้ได้ดาเนินการเพาะกล้าไม้ดอก - ไม้ ประดับ 100,000 กล้า เพาะกล้าไม้โตเร็ว 100,000 กล้า เพาะกล้าไม้ไผ่ - สมุนไพร 50,000 กล้า เพื่อแจกจ่ายหน่วยงานราชการและประชาชนทั่วไป ส่วนงานควบคุมและ ป้องกันไฟป่าได้ดาเนินการประชาสัมพันธ์ป้องกันไฟป่าใน 2 อาเภอ 7 ตาบล 46 หมู่บ้าน ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ผ่านส่ือต่าง ๆ ได้จัดฝึกอบรม หลักสูตรอาสาสมัครป้องกันไฟป่า และหลักสตู รเยาวชนอาสาสไู้ ฟปา่ จานวน 5 รุน่ ในปีทีผ่ ่านมาได้เกิดไฟปา่ ขึน้ จานวน 337 ครั้ง พ้ืนท่ีได้รับความเสียหายจากไฟป่าท้ังสิ้น 1,455 ไร่ ซ่ึงสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการหาของป่า มากที่สุด การดาเนินงานส่งเสริมราษฎรเพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่าได้มีการฝึกอบรมเชิง ปฏิบัติการหลักสูตรการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าสู่ประชาชนรุ่นท่ี 1 ให้แก่ราษฎร 3 ตาบล ได้แก่ ตาบลป่าเม่ียง ตาบลเทพเสด็จ ตาบลลวงเหนือ และการจัดทาฟาร์ม ไก่ป่าตุ้มหูขาว จัดหาพ่อ พันธุ์แม่พันธไุ์ กป่ ่าต้มุ หูขาว การขยายพันธ์สุ ตั ว์ปา่ เช่น กวางป่า เก้ง เน้อื ทราย และนกยงู ไท 3. งานศึกษาและพฒั นาทดี่ นิ ดาเนินการขยายพนั ธ์หุ ญา้ แฝก ปลูกหญา้ แฝกพันธุแ์ ม่แฮจานวน 2 งาน สาหรบั พนั ธ์ุสรุ าษฎร์ธานไี ด้แยกหน่อจากกะบะจานวน 6 กะบะ พนั ธุแ์ มล่ านอ้ ย 4,500 หน่อ ทาการ กาจัดวัชพชื เพื่อไปทาปุย๋ หมัก รวมทัง้ ตดั ใบแฝกเพอ่ื ลดการคายน้าให้มีการแตกกอเพม่ิ ขน้ึ โครงการทดลองคน้ คว้าวิจัยทางวชิ าการทไ่ี ดท้ ดลองไปทั้ง 5 โครงการ ได้แก่ การทดสอบระบบ การปลูกพืชเชิงอนุรักษ์บนพ้ืนท่ีลาดชัน การจัดการพื้นที่ลาดชันเพ่ือการเกษตรแบบย่ังยืน การศึกษาและสาธติ ชนิดของพชื เพือ่ ใช้ทาแนวอนุรักษ์ การศึกษาการสูญเสียดนิ โดยใช้มาตรการ อนุรักษ์ดินและน้าแบบต่าง ๆ ในการปลูกพืชไร่บนพื้นที่ลาดเขา และการทดสอบสาธิตระบบ การปลกู พชื เชงิ อนรุ ักษท์ ลี่ าดชนั ในพ้นื ท่เี กษตร ในปี 2542 ได้เก็บเกีย่ วผลผลิตข้าวโพดสุวรรณ 3 ถว่ั ลสิ งไทนาน 9 ถัว่ มะแฮะ เก็บตวั อยา่ งหา น้าหนักแห้งหลังการเก็บเกี่ยวได้เก็บตัวอย่าง ดินระดับความลึก 0 - 15 , 15 - 30 ซม.
จานวน 48 ตัวอย่าง 12 ตัวอย่าง 10 ตัวอย่าง 16 ตัวอย่าง และ 12 ตัวอย่าง ตามลาดับท้ัง 5 โครงการ ซ่งึ ขณะนี้อยูร่ ะหว่างการวิเคราะหผ์ ลดี 4. งานศกึ ษาและทดสอบการปลกู พืช ได้ดาเนินการศึกษาและทดสอบการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับท้องถิ่น ได้แก่ พืชสวน พืชไร่ ข้าว พืชผัก และเห็ด ในพื้นที่ 294 ไร่ ในปี 2542 มีการดาเนินงานโดย สรุปดังน้ี งานไม้ผล ในพื้นท่ี 254 ไร่ ผลผลิตมะม่วงไม่แตกต่างจากปี 2541 พันธุ์ น้าดอกไม้ให้ผลผลิตมากท่ีสุด 1,700 กิโลกรัม รองลงมาคือพันธุ์ เขียวเสวย และหนังกลางวนั พันธ์ุลาไยได้ปลูกทดสอบ 4 สายพันธ์ุ ได้แก่ พันธ์ุดอ แห้ว เบ้ียวเขียว ชมพู ซึ่งในปีนี้ลาไยติด ผลน้อยประมาณร้อยละ 30 ของพื้นที่เน่ืองจากสภาพอากาศไม่เหมาะสมทาให้ดอกร่วงติดผล น้อย เช่นเดียวกับมะขามหวานและล้ินจ่ี ส่วนขนุนทุกพันธุ์เจริญเติบโตดีให้ผลผลิต มากถึง 6,185 กิโลกรัม พืชตระกูลส้มให้รสชาติดีขยายกิ่งพันธ์ุ 2,350 ก่ิง และเก็บผลผลิตส้มโอได้ 994 ลูก งานพืชอุตสาหกรรม การปลูกมะคาเดเมียเติบโตค่อนข้างดี การติดดอกดี แต่ เมื่อติดผลแล้วจะร่วง ทาให้มีผลผลิตน้อย เพราะอากาศร้อนจัด มะม่วงหิมพานต์ผลผลิตต่ามี โรคแมลงทาลาย งานพืชสมุนไพรและไม้หอม รวบรวมพันธุ์ได้ประมาณ 150 ชนิด อาทิ เช่น หางไหล บอระเพ็ด สลอด ตะไคร้หอม ฟ้าทะลายโจร เตยหอม สะเดา ไพล ฯลฯ และ ขยายพนั ธุ์พืชสมนุ ไพรและไม้หอมรวม 7,345 ต้น งานขยายพันธ์ุพืช ได้ขยายพันธ์ุไม้ผล 4,834 ต้น ไม้ดอกไม้ประดับ 1,243 ต้น ผักชะอม 1,000 ต้น ได้สนับสนุนกล้าพันธุ์ไม้แก่เกษตรกร จานวน 63 ราย รวม 3,397 ต้น งานพืชไร่ ได้ปลูกอ้อยคั้นน้าพันธ์ุสุพรรณบุรีเพ่ิม 2 งาน ทดสอบสารอาหาร หม่อนไหม ปลูกและขยายพนั ธหุ์ มอ่ นไหม 5,000 ทอ่ น ข้าวโพดหวานพันธุ์ เอ - ที - เอส พ้นื ท่ี 1 งาน 245 ตารางเมตร เก็บผลผลิตได้ 925 กิโลกรัมต่อพื้นที่ทดสอบ สาหรับงานศึกษา ทดสอบปลูก ข้าวริมอ่างเก็บน้า ผลผลิตในปีน้ีได้ทดสอบปลูกข้าวนาปรัง 6 สายพันธ์ุ คือ ข้าว เหนียว กข.10 ข้าวเหนียวแพร่ ข้าวจ้าวหอมสุพรรณ ข้าวจ้าวหอมคลองหลวง KKNUR 82003 - SKN - 69 - 1 - 1 , IR 43069 - UNB - 507 - 3 - 1 - 2 - 2 พบว่าข้าวพันธุ์ กข. 10 ได้ผลผลติ สูงสดุ รองลงมาคอื พันธุข์ ้าวเหนียวแพร่ งานปลกู พชื ผกั ได้ปลกู พชื ผกั ชนดิ ต่าง ๆ ตามฤดูกาล ผลผลิตทีไ่ ดเ้ ปน็ ผักปลอด สารพิษ สนบั สนุนโครงการอาหารกลางวันแกศ่ ูนยฯ์ เดก็ เล็กสิรินธร และส่งพระตาหนักภูพิงค์ฯ ผกั ชนิดต่าง ๆ ทีผ่ ลติ ได้ 4,882 กิโลกรมั กบั สลัดหอ่ ต้ังโอ๋ ปวยเลง้ บลอ๊ คโคลี่ ฯลฯ
งานเพาะเห็ด ไดด้ าเนนิ การศึกษาการเพาะเหด็ ชนิดตา่ ง ๆ เช่น เหด็ นางฟ้า เหด็ นางรม เห็ดหอม เห็ดหลินจือ เห็ดลม เห็ดหูหนู ได้ผลิตเช้ือเห็ด ผลิตหัวเช้ือในเมล็ดธัญญพืช ผลิตก้อนเช้ือเห็ด ฝึกอบรมการเพาะเห็ดแก่เกษตรกร ผู้สนใจ ฯลฯ และขยายผลสู่หมู่บ้านรอบ ศูนย์ฯ และโครงการหลว 5. งานศึกษาและพฒั นาเกษตรกรรมแบบประณีต ไดด้ าเนนิ การดูแลรกั ษาแปลงสาธติ รปู แบบการปลูกพชื 5 รูปแบบ คอื 1) รูปแบบการปลูกพชื ในพืน้ ทีห่ ่างไกลการคมนาคม 2) รปู แบบการปลกู พืชในพนื้ ท่ที ่มี กี ารคมนาคมสะดวก 3) รูปแบบการปลูกพชื ในพน้ื ทท่ี ี่ทาการเกษตรอุตสาหกรรม 4) รปู แบบการปลกู พืชในพน้ื ที่รบั นา้ ฝน 5) รปู แบบการปลูกพืชในลกั ษณะหน่วยขยายพนั ธ์พุ ืชประจาหม่บู า้ น เพ่ือให้พร้อมที่จะให้เกษตรกรและผู้สนใจท่ัวไปเข้าชมได้ตลอดเวลา รวมท้ังจัด เจ้าหน้าท่ีประจาแปลงสาธิตในการนาชมและบรรยาย เพ่ือถ่ายทอดแนวความคิดของรูปแบบ การปลกู พืชรูปแบบต่าง ๆ นอกจากน้ีได้รวบรวมพันธุ์พืชท่ีมีศักยภาพในการเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคตรว บรวมมาจากแหล่งต่าง ๆ ท้ังในและนอกประเทศ ได้รวบรวมพันธุ์ผักพ้ืนเมือง การขยายผล ให้กบั เกษตรกรและผู้สนใจ ตลอดจนการรวบรวมพันธแ์ุ ละขยายพนั ธุ์สมุนไพร และไมด้ อกหอม ท่ีหายา 6. งานศึกษาและพัฒนาปศสุ ัตว์และโคนม งานโคนม ได้ผลผลิตน้านม 29,115 กโิ ลกรัม ซง่ึ ได้สง่ องคก์ ารสง่ เสริมกจิ กรรม โคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ใช้เล้ียงลูกโค และส่งเสริมน้านมเพื่อบริโภคในศูนย์พัฒนาเด็ก เลก็ สริ นิ ธรของศูนย์ฯ งานสัตว์ปีก ได้ส่งเสริมการเลี้ยงไก่ลูกผสมสามสายเลือดแก่เกษตรกรหมู่บ้าน รอบศูนย์ฯ เกษตรกรในพื้นทีป่ ่าขุนแม่กวง 220 ราย สนับสนนุ การเลย้ี งเปด็ เทศให้กับโรงเรียน ตชด. ในจังหวดั เชียงใหม่ 2 โรงเรยี น งานสัตว์เล็ก ส่งเสริมการเลี้ยงสุกรให้กับเกษตรกรหมู่บ้านรอบศูนย์ฯ และพ้ืนท่ีป่าขุนแม่กวง 50 ราย งานพืชอาหารสัตว์ ทดสอบการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ เช่น หญ้ารูซ่ี กินนี เนเปียร์ 95 ไร่ ในพ้ืนท่ีป่าธรรมชาติ พื้นท่ีเกษตรกรรมอ่ืน ๆ ในเขตศูนย์ฯ ทดสอบพืชอาหารสัตว์ เกี่ยวกับการใช้วัสดุบารุงดินโดยการกาจัดวัชพชื ใส่ปุ๋ยคอก การให้ผลผลิตโดยเก็บเก่ียวหญ้าสด
ใชเ้ ลีย้ งโค นอกจากน้ันยังส่งเจ้าหนา้ ที่ศูนยต์ รวจเยี่ยมตดิ ตามผลความก้าวหน้าของโครงการ ให้ คาแนะนาแกร่ าษฎรทเี่ ขา้ ร่วมโครงการในพืน้ ที่หมู่บา้ นรอบศูนยฯ์ 7. งานศกึ ษาและพัฒนาการประมง สามารถผลิตพันธ์ุสัตว์น้าได้ 11 ชนิด ได้แก่ ปลานิล ปลาย่ีสกเทศ ปลา นวลจันทร์เทศ ปลาตะเพียนขาว ปลาดุกอุยเทศ ปลาทาดา ปลาสวาย ปลาตะเพียนทอง ปลา นิลแดง ปลาบ้า และกุ้งก้ามกราม 975,130 ตัว บริหารการประมงในอ่างเก็บน้า สาธิตการ เลี้ยงปลาในกระชัง 4 กระชัง การวิจัยศึกษาความอุดมสมบูรณ์ของอาหารธรรมชาติในอ่าง 1, 2 , 3 , 7 และ ฝายห้วยแมล่ าย ศึกษาผลผลติ ปลานลิ ที่เลย้ี งในกระชัง 8. งานศกึ ษาและพัฒนาอาชพี เพาะเลียงกบ ดาเนินการจัดเตรียมพ่อแม่พันธ์ุกบนา 1,230 ตัว กบรุ่น 20 ตัว ลูกอ๊อด 8,500 ตัว พ่อแม่พันธุ์กบบูลฟร๊อค 1,170 ตัว กบรุ่น 660 ตัว ลูกกบ 6,000 ตัว ลูกอ๊อด 17,000 ตวั เพอื่ การขยายผลในปี 2543 งานขยายผลไดส้ นบั สนนุ กล่มุ เกษตรกรและโรงเรียน จานวน 7 กลุ่ม กลุม่ ที่ 1 หมบู่ า้ นรอบศนู ยฯ์ จานวน 11 หมู่บ้าน กลุ่มที่ 2 โครงการพฒั นาพน้ื ท่ปี ่าขนุ แมก่ วง กลุ่มท่ี 3 เกษตรกรพน้ื ทีด่ อยสะเก็ด 20 ราย กลมุ่ ที่ 4 เกษตรกรพ้ืนที่อืน่ ๆ ของจังหวดั เชียงใหม่ 60 ราย กลุ่มที่ 5 กลมุ่ ผู้ตดิ เชื้อ 6 ราย กลมุ่ ที่ 6 โรงเรียน 9 แหง่ กลุ่มที่ 7 จังหวัดอื่น ๆ 27 ราย และได้ดาเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ วิธีการเล้ียงกบอีก 43 รุ่น รวมผู้เข้าฝึกอบรม 1,286 คน งานอนุรักษ์ได้ปล่อยกบคืนสู่ ธรรมชาติในแหล่งนา้ ธรรมชาติของศนู ยฯ์ จานวน 48,520 ตัว 9. งานพัฒนาหม่บู ้านรอบศนู ย์ฯ และถ่ายทอดเทคโนโลยี ไดด้ าเนนิ การพฒั นาในหมู่บ้านรอบศูนย์ฯ จานวน 10 หม่บู ้าน ในเขตตาบลแม่ โป่ง อาเภอดอยสะเก็ด จงั หวดั เชียงใหม่ ดงั น้ี - งานส่งเสริมอาชีพการเกษตร ส่งเสริมการเลี้ยงกบ 118 ราย การเล้ียงปลา 173 ราย การเลี้ยงสุกร 50 ราย การปลูกและขยายพันธุ์ไม้ผล 162 ราย การเล้ียงสัตว์ปีก 220 ราย การเพาะเห็ด 14 ราย และการเลย้ี งโคนมเพศผู้ 1 ราย - งานส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน ส่งเสริมการตัดเย็บเส้ือผ้า 75 ราย การตเี หล็ก 19 ราย การเช่ือมโลหะไฟฟา้ 26 ราย และการทาดนิ ซีเมนต์บล๊อก 15 ราย
- งานฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้ทาการฝึกอบรมได้แก่ ราษฎร จานวน 10 หลักสูตร ประกอบด้วย การอบรมอาสาส่ไู ฟปา่ 250 ราย การอบรมการขยายพันธ์ุ ไม้ผล 423 ราย การอบรมการเพาะเลี้ยงกบ 1,286 ราย การอบรมโครงการเกษตรกรรม ทฤษฎีใหม่ 3 รุ่น 71 ราย การอบรมเยาวชนรักษ์ป่าเทิดพระเกียรติ 72 พรรษา 100 ราย การอบรมการเพาะเลี้ยงและขยายพันธ์ุสัตว์ป่าสู่ประชาชน 16 ราย การอบรมโครงการ บริหารงานร้านค้าสหกรณ์ไฟฟ้า 30 ราย การอบรมการบริหารการจัดทรัพยากรน้าท้ัง 20 ราย การอบรมการทาดนิ ซีเมนต์บลอ๊ ค 10 ราย และการอบรมการเพาะเหด็ 291 ราย - ได้จัดทาแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ในบริเวณหมู่บ้านรอบศูนย์ ซึ่งได้รับ ความสนใจจากราษฎรในหมบู่ า้ นรอบศนู ย์ และราษฎรทว่ั ไปทไ่ี ด้เขา้ มาศึกษาดูงานแปลงเกษตร ทฤษฎีใหม่ โดยศนู ย์ฯ ได้มีการอบรมใหค้ วามรแู้ กร่ าษฎรทีส่ นใจ 10. งานเผยแพรป่ ระชาสมั พันธ์ งานประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เกษตรกร หน่วยงานราชการ เอกชน ผู้สนใจท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศได้เข้ามาศึกษาดูงานศกึ ษา ทดลอง วิจัยในงานกิจกรรม ต่าง ๆ ของศูนย์ จานวน 185 คณะ 7,422 ราย และได้เข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ในวันสาคัญ เพ่ือเผยแพร่การดาเนินงานของศูนย์ นอกจากน้ันในระหว่างวันท่ี 25 - 29 ตุลาคม 2542 คณะเจ้าแขวงจากประเทศสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว จานวน 24 คน ในฐานะอาคนั ตกุ ะสว่ นพระองคข์ องสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ได้ เดินทางมาศึกษาและดูงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ นอกจากนีศ้ ูนยศ์ ึกษาการพัฒนาห้วยฮอ่ งไคร้ฯ ยังไดข้ ยายผลการศึกษา ทดลอง วิจยั ไปยังพื้นท่ี ต่าง ๆ จนกระทงั่ ปจั จบุ นั มีศูนยส์ าขา 5 แหง่ ได้แก่ 1) ศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจาก พระราชดาริ อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 2) โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้าสาขาแม่น้าปิงอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ อาเภอจอมทอง จังหวดั เชยี งใหม่ และอาเภอบ้าน โฮ่ง จังหวดั ลาพนู 3) โครงการพัฒนาพ้นื ที่ห้วยลานอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชยี งใหม่ 4) โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าขุนแม่กวงอันเนื่องมาจากพระราชดาริ อาเภอดอย สะเกด็ จงั หวดั เชยี งใหม่ 5) โครงการพัฒนาดอยตุง (พ้ืนท่ีทรงงาน) อันเน่ืองมาจากพระราดชาริ อาเภอ แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งศูนย์สาขาดังกล่าวได้มีการดาเนินงานอย่างต่อเน่ืองมาจนถึง ปัจจบุ ัน
บทสรปุ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดาริได้ดาเนินการมา นับตั้งแต่ พ.ศ. 2525 จนถึงปัจจุบันศูนย์ฯ ได้ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัยในด้านต่าง ๆ ประสบผลสาเร็จและได้ขยายผลสู่ราษฎร ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรในหมู่บ้านรอบศูนย์ฯ และราษฎรในพ้ืนท่ีบริเวณใกล้เคียง ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันราษฎรบริเวณหมู่บ้านรอบศูนย์ได้ ใหค้ วามสนใจร่วมมือในกจิ กรรมของศูนย์ฯ ไม่วา่ จะเป็นการอนรุ ักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การพฒั นา อาชีพโดยเฉพาะอย่างย่ิงศูนย์ฯ ได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เขา้ ถึงตัวราษฎรโดยตรง ตลอดจน ฝึกอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มุ่งเน้นที่กลุ่มเยาวชน นักเรียน เพ่ือปลูกฝังให้รักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ตลอดระยะเวลา 17 ปีท่ี ผ่านมาจากสภาพป่าเส่ือมโทรม พ้ืนดินแห้งแล้งขาดความอุดมสมบูรณ์ ได้เปลี่ยนสภาพมาเป็น ป่าไม้ท่ีสมบูรณ์ได้รับการฟื้นฟูตามธรรมชาติ พรรณไม้เปลี่ยนจากป่าไม้เต็งรังเป็นป่าไม้เบญจ พรรณ สภาพป่าไม้ ดิน น้า ความชุ่มช้ืนของพื้นดิน และปริมาณฝนที่เพ่ิมมากข้ึน รวมถึงนกป่า นานา พันธ์ุท่ีกลับคืนสู่ธรรมชาติ สมดังที่พระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ใน อนั ทจ่ี ะพัฒนาสภาพแวดลอ้ มใหเ้ ปน็ เสมอื น \"พพิ ธิ ภัณฑท์ ีม่ ีชวี ติ \" ใหก้ บั ราษฎร
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ โครงการศึกษาการทดลองการแก้ไขปัญหาดนิ เปรียว จังหวัดนครนายก ความเป็นมา ที่ดินในโครงการฯ รวม ๓ แปลง มีเน้ือท่ีรวมท้ังสิ้น ๑๓๐ ไร่ ๑ งาน ๕๕.๘ * ตารางวา แปลงที่ ๑ ท่านผู้หญิงยศวดี บูรณสัมฤทธิ์อัมพรไพศาล น้อมเกล้าฯ ถวายท่ีดิน เนอ้ื ท่ี ๕๐-๒-๗๓ ไร่ โอนกรรมสิทธเิ์ มื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๓๙ แปลงท่ี ๒ ซื้อจากนางณิชชญา ดีสูงเนิน เนื้อท่ี ๓๑-๓-๒๐ ไร่ โอนกรรมสิทธิ์ เม่อื วนั ท่ี ๖ สงิ หาคม ๒๕๔๐* แปลงท่ี ๓ ซ้ือจากบริษัท ๘๔ จากัด (ในเครือทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) เน้ือท่ี ๔๗-๓-๖๒.๘ ไร่ โอนกรรมสทิ ธ์เิ มอื่ วันท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๔๐ พระราชดาริ แปลงที่ ๑ ให้ใช้วิธีการทางธรรมชาติในการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว โดยขุดสระ ลงตรงกลางพื้นท่แี ละใช้วิธถี ่ายเทน้าเปรี้ยวจากสระ ๑ ไปยงั สระ ๒ เพ่ือทดสอบว่าความเปร้ียว จะลดลงหรอื ไม่ ต่อมาเมอื่ วันท่ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๔๔ ไดพ้ ระราชทานพระราชดารเิ พมิ่ เตมิ ให้ใช้ปูน มาร์ล ปรับสภาพน้าเพียงเล็กน้อย แล้วใส่ยูเรียเพ่ือให้เกิดสาหร่าย ซึ่งจะสามารถปรับสภาพน้า ใหด้ ีข้ึน แปลงท่ี ๒ ให้จัดทาเป็นรูปแบบทฤษฎีใหม่ จานวน ๓ แปลง เพ่ือเป็นตัวอย่าง แกร่ าษฎร แปลงที่ ๓ ให้ดาเนินการจัดทาเป็นศูนย์ฝึกอาชีพแก่ราษฎร ต่อมาในปี ๒๕๔๒ ได้ พระราชทานพระราชดาริให้มูลนิธิชัยพัฒนาดาเนินการศึกษาผลกระทบของการใช้เถ้าลอย ลกิ ไนท์ เพื่อแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว หนว่ ยงานรับผดิ ชอบ สานักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ผลการดาเนนิ งาน ๑. สระ ๑ และ ๒ เนื่องจากไม่ได้รับพระราชดาริให้เปลี่ยนแปลงวิธีการ ดังน้ัน จึงรักษาไว้ให้เป็นตามสภาพธรรมชาติ ผลการตรวจสอบสภาพน้าพบว่าน้ายังเป็นกรดจัด
เหมือนเดิม ค่า pH ของสระท่ี ๑ และ ๒ มีค่าผันแปรอยู่ในระดับประมาณ ๒.๘ - ๓.๓ และทั้ง ๒ สระ ยงั ไมม่ ีพืชน้าชนิดใดขึ้นยกเวน้ กกทรงกระเทียม ๒. แปลงไม้ผลยกร่องดา้ นทิศตะวันออกของสระที่ ๑ ซึ่งเป็นการทดลองปลูกไม้ ผล โดยไม่ใชว้ ัสดุปูน และมีการยกร่องโดยวิธีพิเศษ(ไม่เอาดินล่างมาทับดินบน) ปัจจุบันปลูกไม้ ผลไปแลว้ จานวน ๔๘๑ ตน้ ๓. ปลกู พืชผักสวนครัวเพอ่ื ทดสอบว่าจะทนความเปรี้ยวได้หรือไม่ โดยไม่ใชว้ ัสดุ ปูน พืชผักต่าง ๆ ท่ีปลูกได้แก่ ผักคะน้า ได้ผลผลิต ๑๒๔ กก. ผักกาดขาวลุ้ย ได้ผลผลิต ๗๙ กก. กวางตุ้ง ได้ผลผลิต ๓๗ กก. สาหรับแปลงแก้วมังกรได้เอาออก เน่ืองจากการเจริญเติบโต ไม่ดี และได้ปรับปรุงให้เป็นแปลงนา สาหรับปลูกข้าวในปี ๒๕๕๔ นอกจากนี้ยังมีการปลูก สบั ปะรดพนั ธ์ปุ ตั ตาเวีย จานวน ๑,๑๕๐ ต้น สับปะรดเพิ่งจะเริม่ ให้ผลผลิต ๔. แปลงทดลองปลกู ขา้ วทนดินเปรยี้ วโดยไมใ่ ชว้ สั ดปุ นู ๕. โครงการจัดทาผลติ ภัณฑ์จากกก เนอ่ื งจากกกเป็นวัสดุท้องถิน่ ทขี่ ึ้นไดด้ ีในดนิ เปร้ียว จึงได้จัดทาแปลงสาหรับปลูกกกและนามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ทอเส่ือกกได้ จานวน ๕๐๐ ผืน ทอเส่ือกกประดิษฐ์ได้จานวน ๓๐๐ ผืน รวมท้ังจัดทาผลิตภัณฑ์แปรรูปจาก เสื่อกกจานวน ๑,๕๐๐ ชิ้น ได้แก่ เสื่อพับ กล่องทิชชู กระเป๋า รองเท้า ที่ใส่ปากกา กล่อง อเนกประสงค์ หมวก ซองจดหมาย ตะกร้า ถงั ผง และกลอ่ งดนิ สอ เป็นตน้ ๖. กิจกรรมอื่นๆ ผู้เข้ามาเย่ียมชม จานวน ๕๐๑ ราย เป็นชาวไทย ๔๙๘ ราย และชาวต่างประเทศ ๓ ราย รวมท้ังมีบริษัทด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์มาถ่ายทา ภาพยนตร์ เพ่อื ออกรายการโทรทศั น์ จานวน ๒ เรื่อง การดาเนินงานที่ผ่านมา พบว่ามีพืชหลายชนิดที่สามารถขึ้นได้ดีในพื้นท่ีดิน เปร้ยี ว โดยไมต่ ้องใชว้ ัสดปุ นู ในการปรับปรุงดนิ ท้ังนอี้ ยรู่ ะหวา่ งการรอดูผลผลติ ท่ีเกิดข้ึนว่าจะมี ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจท่ีคุ้มค่าหรือไม่ ประกอบด้วย ไม้ผล เช่น มะม่วง ขนุน ฝร่ัง และ เสาวรส และไมใ้ ชส้ อย เชน่ ยางนา ตะเคยี น กระถินเทพา และเสมด็ การดาเนินงานในระยะตอ่ ไป ในปี ๒๕๕๔ จะดาเนินการสรุปผลของการศึกษาทดสอบ เพื่อเผยแพร่แก่ เกษตรกร แผนการขยายผลและฝึกอบรม รวมทั้งร่วมกับองค์การบริหารส่วนท้องถ่ิน ส่วน ราชการท่ีเกี่ยวข้อง และชุมชน จัดทาแผนแม่บทของโครงการ โดยจัดให้มีแผนการพัฒนาท้ังใน ด้านพืชไร่ พืชสวน และการประมง เพ่ือให้เป็นศูนย์บริการวิชาการด้านการเกษตรในพื้นที่ดิน เปรี้ยวท่ีครบวงจรของมูลนิธิชัยพัฒนา รวมทั้งจะได้จัดทาแปลงสาธิตทางการเกษตรในบริเวณ แหล่งชุมชนเพ่ือให้เกษตรกรได้เข้ามาศึกษาดูงานได้มากยิง่ ขึน้ ทม่ี า : http://www.chaipat.or.th/โครงการทดลองแก้ปัญหาดินเปร้ียว ประเภท : โครงการพระราชดาริเก่ยี วกับดิน
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ โครงการศึกษาฟ้ืนฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะง้มุ จังหวัดราชดาริ บา้ นเขาชะงุ้ม หมูท่ ่ี ๒ ตาบลเขาชะงุ้ม อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบุรี พกิ ัด ๔๗ PNR ๗๖๒-๑๗๐ ระวางแผนท่ี ๔๙๓๖ วัตถุประสงคโ์ ครงการ ๑. เป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและสาธิตทดสอบวิธีการฟื้นฟูปรับปรุงดินเสื่อมโทรมให้ สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นรูปแบบและส่งเสริมอาชีพเกษตรกรที่อยู่ ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นท่ีโครงการ ได้เรียนรู้วิธีการจัดการดิน น้า และพืช อย่างถูกต้อง มี ความยั่งยนื ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซง่ึ จะทาใหเ้ กษตรกรมีชวี ติ ความเปน็ อย่ทู ีด่ ีขน้ึ ๒. เพ่ือการพัฒนาแหล่งน้าในเขตพื้นท่ีโครงการให้เพียงพอกับการอุปโภค บรโิ ภคและทาการเกษตร ๓. เพื่อการพัฒนาแหล่งน้ารอบพื้นท่ีโครงการฯ ให้เพียงพอกับการอุปโภค บรโิ ภคและทาการเกษตรสาหรับกจิ กรรมการขยายผลของโครงการฯ ๔. เพ่ือการอนุรักษ์ทรัพยากรดิน น้า และป่าไม้ ให้คงความอุดมสมบูรณ์ตาม ธรรมชาตอิ ยา่ งยงั่ ยนื ๕. เปน็ แหลง่ ศกึ ษาดูงาน สภาพทว่ั ไป ๑. สภาพพื้นท่ีของโครงการฯ เป็นท่ีราบเชิงเขา มีความลาดชัน ๑-๑๐% มี ลักษณะเปน็ ลกู คล่ืนลอนลาด ๒. เนอ้ื ดินเปน็ ดินรว่ นปนทรายและปนกรวด ดินมคี วามอดุ มสมบรู ณ์ต่า ๓. มกี ารชะลา้ งพงั ทลายของดินจนสญู เสยี หน้าดนิ ทีอ่ ดุ มสมบรู ณ์ ๔. พ้ืนท่ีบางแห่งมีการขุดลูกรังไปขาย ทาให้พ้ืนที่ไม่เหมาะสมที่จะใช้ทา การเกษตรอกี ต่อไป ๕. ความแห้งแล้งแสดงเป็นค่าเฉล่ียปริมาณน้าฝนในช่วง ๑๔ ปี (ปี ๒๕๓๑ – ๒๕๔๔) ๗๐๐ มม./ปี คา่ เฉล่ีย จานวนวนั ทฝี่ นตก ๕๐ วนั /ปี ระยะเวลาดาเนินการ ๑ ปี ปี พ.ศ. ๒๕๕๒
ประโยชนท์ จี่ ะได้รับ ๑. เพื่อเก็บกักน้าให้เกษตรกรในพ้ืนท่ีการเกษตรมีปริมาณน้าเพียงพอกับความ ต้องการของราษฎร ๒. สภาพแวดลอ้ มได้รบั การปรบั ปรงุ ใหด้ ขี ึ้น ๓. การใช้ทด่ี ินมปี ระสิทธิภาพมากขน้ึ ๔. ดนิ และนา้ ได้รับการอนรุ กั ษเ์ พ่ิมข้ึน ๕. ไฟป่าลดลง ๖. เป็นท่ีศึกษาดูงานและค้นคว้าวิจัยการพัฒนาท่ีดิน พ้ืนท่ีรับประโยชน์ในช่วง ฤดูฝน ๑,๘๔๙ ไร่ ฤดูแลง้ ๑,๘๔๙ ไร่ จานวนครวั เรอื น ๒๔๙ ครอบครวั ท่ีมา : http://www.rid.go.th/โครงการศึกษาฟื้นฟทู ี่ดนิ เสือ่ มโทรมเขาชะงุ้ม
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: