1
ก คำนำ กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 มีบทบาทภาระกจิ การนเิ ทศ ท่ีมงุ่ สง่ เสริม สนบั สนนุ ช่วยเหลือให้ผู้บริหารโรงเรียนพัฒนากระบวนการ บริหารจัดการทุกด้าน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล อีกท้ังช่วยเหลือครูในการพัฒนา คุณภาพการจัดการเรียนรู้ นอกจากน้ียังส่งเสริม สนับสนุนให้ครู สร้างเครือข่ายหรือชุมชนการเรียนรู้ เพื่อ พัฒนาวิชาชีพครูด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู โดยมุ่งประโยชน์ที่จะเกิดแก่ผู้เรียนเป็นสาคัญ การนิเทศ ย่อมส่งผลให้การพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา เปน็ ไปตามนโยบายท่ีสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 ได้จัดทาแผนปฏิบัติการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาข้ึน เพื่อใช้เป็น เครื่องมอื ในการปฏิบัตกิ ารนเิ ทศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เป็นการขับเคล่ือนการดาเนินงานตามนโยบาย ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และนโยบายของสานักงานเขตพ้ืนท่ี โดยมีเป้าหมาย การนเิ ทศ ตดิ ตาม สถานศึกษาในสังกัดอย่างนอ้ ยปลี ะ 2 ครง้ั ดว้ ยสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา่ (Covid-19) ทาให้การนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา มีข้อจากัด ดังนั้นการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา ของ สถานศึกษาในสังกัด ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จึงเป็นการนิเทศโดยการเก็บข้อมูลในรูปแบบ online ลกั ษณะของเครื่องมอื ทใี่ ชม้ ีหลากหลายรูปแบบ ท้งั น้เี พอ่ื ความเหมาะสมกับงาน/โครงการ และกจิ กรรม กลมุ่ นิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42
ข สำรบญั คำนำ หน้า สำรบัญ ก ข ตำรำงท่ี 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของโรงเรียนที่ตอบแบบสอบถาม 1 ตำรำงที่ 2 ตารางแสดงผลการตรวจเยยี่ ม นิเทศ กากับติดตามการดาเนินงาน 3 การวัด และประเมนิ ผลการศกึ ษาของสถานศกึ ษาในสังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่ี การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 4 ตำรำงท่ี 3 ตารางแสดงผลการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตามและประเมนิ ระบบการประกัน คณุ ภาพภายในของสถานศึกษาตามกฎกระทรวง การประกนั คุณภาพการศึกษา 8 พ.ศ. 2561 ของสถานศกึ ษาในสงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 12 ตำรำงท่ี 4 ตารางแสดงผลการตรวจเยี่ยม นเิ ทศ ติดตามและสังเกตการจัดการเรียนรู้ วชิ า วิทยาการคานวณของสถานศึกษาในสงั กัดสานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา 13 มัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ผลการตรวจเยย่ี ม นเิ ทศ ตดิ ตามและสังเกตการณ์จดั กระบวนการเรยี นรู้โครงการ 15 การนิเทศ กากบั ตดิ ตามการจดั การเรียนรเู้ พศวิถี และทักษะชวี ติ ในหลักสตู รการศกึ ษา ขัน้ พ้นื ฐาน ของสถานศกึ ษาในสงั กดั สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 ตำรำงท่ี 5 ตารางแสดงผลการตรวจเย่ยี ม นเิ ทศ ติดตามและสงั เกตการณ์ จดั กระบวนการเรยี นรู้โครงการ การนิเทศ กากบั ติดตามการจัดการเรยี นรเู้ พศวิถี และทักษะชีวิตในหลักสตู รการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ของสถานศึกษาในสังกดั สานกั งาน เขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 (ด้านกระบวนการจดั การเรยี นร)ู้ ตำรำงที่ 6 ตารางแสดงผลการตรวจเยี่ยม นิเทศ ตดิ ตามและสงั เกตการณ์ จัดกระบวนการเรยี นรู้ โครงการ การนิเทศ กากบั ติดตามการจัดการเรียนร้เู พศวถิ ี และทกั ษะชวี ิตในหลกั สตู รการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ของสถานศึกษาในสังกัดสานกั งาน เขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 (ด้านทัศนะและทา่ ทีของครูผู้สอน)
สำรบญั (ต่อ) ค หน้า ตำรำงท่ี 7 ตารางแสดงผลการตรวจเยี่ยม นเิ ทศ ตดิ ตามและสงั เกตการณจ์ ัด กระบวนการเรียนรู้ โครงการ การนเิ ทศ กากบั ติดตามการจัดการเรยี นรู้เพศ ก วิถี และทักษะชวี ิตในหลกั สูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ของสถานศกึ ษาในสงั กดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 17 2563 (ด้านการให้ข้อมูลของครผู สู้ อน) ตำรำงท่ี 8 ตารางแสดงผลการตรวจเยี่ยม นิเทศ ติดตามและสังเกตการณ์ 21 จดั กระบวนการเรียนรู้ โครงการ การนเิ ทศ กากับ ติดตามการจัดการเรยี นรู้ เพศวิถี และทกั ษะชีวติ ในหลักสูตรการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน ของสถานศึกษา 24 ในสงั กดั สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 (ด้านความรสู้ กึ ของครตู ่อการใช้แผนการเรียนรู้) 25 ตำรำงท่ี 9 ตารางแสดงผลการติดตาม STEM Education/วิธีสอนโดยใช้ 26 ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning : PBL) ของสถานศึกษาในสังกดั 30 สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 32 ตำรำงท่ี 10 ตารางแสดงผลการตดิ ตามโครงการขับเคลือ่ นหลักปรชั ญาของ 48 เศรษฐกจิ พอเพียงสสู่ ถานศึกษาของสถานศึกษาในสังกดั สานกั งานเขต พื้นทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 ผลการนิเทศ ตดิ ตามการดาเนินงานของสถานศกึ ษาที่จัดการศึกษา โครงการจัดการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานเพ่ือการมงี านทาในศตวรรษท่ี 21 ของสถานศึกษาในสังกัดสานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ตำรำงที่ 11 ตารางแสดงผลการปฏิบัติงานของสถานศึกษาในการขับเคลื่อน การจัดการศึกษาข้ันพื้นฐานเพอื่ การมีงานทา ดา้ นการบรหิ ารจัดการหลกั สูตร สถานศึกษาทเ่ี นน้ สมรรถนะทางสาขาวิชาชีพและทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ของสถานศึกษาในสงั กัดสานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภำคผนวก เครื่องมือการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผลของสถานศึกษาในสงั กดั สานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 คณะผูจ้ ัดทำ
1 รำยงำนผลกำรนิเทศ ตดิ ตำม กำรบรหิ ำรกำรจัดกำรศกึ ษำ ของสถำนศกึ ษำในสงั กัดสำนักงำนเขตพื้นทก่ี ำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำ เขต 42 ภำคเรยี นท่ี 2 ปกี ำรศึกษำ 2563 สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 ไดจ้ ดั ทาเคร่ืองมอื การนิเทศ ตดิ ตาม การบริหาร การจัดการศกึ ษาของสถานศึกษาในสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ลักษณะของเคร่อื งมือท่ใี ชม้ หี ลากหลายรปู แบบ ทงั้ น้เี พ่อื ความเหมาะสมกบั งาน/โครงการ และกจิ กรรม การเก็บขอ้ มลู ในครั้งน้เี ปน็ การเกบ็ ข้อมลู โดยใช้รูปแบบ online และนาขอ้ มลู ทไี่ ด้มาวิเคราะห์ โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี ตำรำงท่ี 1 ขอ้ มูลท่วั ไปของโรงเรียนท่ตี อบแบบสอบถาม ท่ี โรงเรยี น สหวิทยาเขต จังหวัด วิมานลอย นครสวรรค์ 1. นครสวรรค์ วิมานลอย นครสวรรค์ 2. พยุหะพทิ ยาคม วมิ านลอย นครสวรรค์ 3. โกรกพระ วิมานลอย นครสวรรค์ 4. เขาทองพทิ ยาคม วมิ านลอย นครสวรรค์ 5. เขากะลาวทิ ยาคม วมิ านลอย นครสวรรค์ 6. บึงบอระเพ็ดวิทยา อัจฉราลัย นครสวรรค์ 7. สตรีนครสวรรค์ อัจฉราลยั นครสวรรค์ 8. ไพศาลีพิทยา อจั ฉราลยั นครสวรรค์ 9. ตะคร้อพิทยา อัจฉราลัย นครสวรรค์ 10. วงั ข่อยพิทยา อจั ฉราลัย นครสวรรค์ 11. หนองบัว อัจฉราลยั นครสวรรค์ 12. วงั บอ่ วิทยา อัจฉราลยั นครสวรรค์ 13. ท่าตะโกพิทยาคม อจั ฉราลยั นครสวรรค์ 14. พนมรอกวิทยา ร่มเกล้า-นวมินทร์ นครสวรรค์ 15. นวมินทราชทู ศิ มัชฌิม ร่มเกล้า-นวมนิ ทร์ นครสวรรค์ 16. ชุมแสงชนูทิศ รม่ เกลา้ -นวมนิ ทร์ นครสวรรค์ 17. บ้านแกง่ ชัชวลติ วทิ ยา รม่ เกล้า-นวมนิ ทร์ นครสวรรค์ 18. ทบั กฤชพฒั นา ร่มเกล้า-นวมนิ ทร์ นครสวรรค์ 19. เก้าเลีย้ ววิทยา ร่มเกลา้ -นวมนิ ทร์ นครสวรรค์ 20. หัวดงราชพรหมาภรณ์
2 ตำรำงที่ 1 (ต่อ) สหวิทยาเขต จงั หวัด ที่ โรงเรยี น ร่มเกลา้ -นวมินทร์ นครสวรรค์ 21. หนองกรดพทิ ยาคม รม่ เกลา้ -นวมนิ ทร์ นครสวรรค์ 22. พระบางวิทยา 23. ลาดยาววทิ ยาคม ทุ่งหินเทนิ นครสวรรค์ 24. หว้ ยน้าหอมวิทยาคาร 25. เทพศาลาประชาสรรค์ ทงุ่ หนิ เทิน นครสวรรค์ 26. วังเมอื งชนประสิทธ์วิ ิทยาคม ทงุ่ หนิ เทนิ นครสวรรค์ 27. บรรพตพิสยั พิทยาคม ทงุ่ หินเทนิ นครสวรรค์ 28. รัฐราษฎรอ์ นุสรณ์ ทุ่งหนิ เทิน นครสวรรค์ 29. แม่วงกพ์ ทิ ยาคม ทงุ่ หินเทนิ นครสวรรค์ 30. ตาคลีประชาสรรค์ ทุ่งหนิ เทนิ นครสวรรค์ 31. ตากฟ้าวชิ าประสิทธ์ิ ตากฟ้า-ตาคลี นครสวรรค์ 32. หนองโพพทิ ยา ตากฟา้ -ตาคลี นครสวรรค์ 33. จันเสนเอง็ สวุ รรณอนุสรณ์ ตากฟา้ -ตาคลี นครสวรรค์ 34. ทหารอากาศอนสุ รณ์ ตากฟา้ -ตาคลี นครสวรรค์ 35. ลาดทิพรสพิทยาคม ตากฟา้ -ตาคลี นครสวรรค์ 36. อดุ มธญั ญาประชานุเคราะห์ ตากฟ้า-ตาคลี นครสวรรค์ 37. ชอ่ งแคพิทยาคม ตากฟา้ -ตาคลี นครสวรรค์ 38. อทุ ัยวิทยาคม ตากฟา้ -ตาคลี นครสวรรค์ 39. ตลกุ ดู่วทิ ยาคม สะแกกรัง อุทัยธานี 40. พุทธมงคลวิทยา สะแกกรงั อทุ ัยธานี 41. สวา่ งอารมณ์วิทยาคม สะแกกรงั อุทยั ธานี 42. หนองเต่าวิทยา สะแกกรัง อุทยั ธานี 43. บ่อยางวทิ ยา สะแกกรงั อทุ ัยธานี 44. ทพั ทนั อนุสรณ์ สะแกกรัง อทุ ยั ธานี 45. ลานสักวทิ ยา สะแกกรัง อทุ ัยธานี 46. หนองฉางวทิ ยา อู่ไท อทุ ยั ธานี 47. หนองขาหยา่ งวิทยา อไู่ ท อทุ ยั ธานี 48. บ้านทุ่งนาวทิ ยา อู่ไท อุทยั ธานี 49. ทุง่ โพวทิ ยา อไู่ ท อุทยั ธานี 50. ร่องตาทวี ิทยา อไู่ ท อุทัยธานี อูไ่ ท อุทัยธานี
3 ตำรำงที่ 1 (ต่อ) ที่ โรงเรียน สหวทิ ยาเขต จงั หวัด 51. กาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั อุทยั ธานี อู่ไท อทุ ัยธานี 52. บ้านไร่วิทยา อทุ ัยธานี 53. การงุ้ วทิ ยาคม พนารักษ์ อุทัยธานี 54. ทองหลางวทิ ยาคม พนารกั ษ์ อทุ ยั ธานี 55. หนองจอกประชานสุ รณ์ พนารกั ษ์ อุทัยธานี 56. ห้วยคตพิทยาคม พนารักษ์ อุทัยธานี 57. สมอทองปทปี พลีผลอุปถมั ภ์ พนารกั ษ์ อทุ ัยธานี 58. วังหินวิทยาคม พนารกั ษ์ อทุ ยั ธานี พนารักษ์ จากตารางที่ 1 พบวา่ มีโรงเรยี นทตี่ อบแบบสอบถามจานวน 58 โรงเรียน 8 สหวิทยาเขต แยกเปน็ โรงเรียนในจังหวดั นครสวรรค์ 37 โรง และโรงเรยี นในจงั หวดั อุทยั ธานี 21 โรง ตำรำงที่ 2 ตารางแสดงผลการตรวจเยยี่ ม นเิ ทศ กากบั ติดตามการดาเนนิ งานการวัด และประเมนิ ผล การศกึ ษาของสถานศึกษาในสังกดั สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ท่ี รายการตรวจเย่ียม ร้อยละ 52.5 1. โรงเรยี นที่มีนกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 มีผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ ข้ันพนื้ ฐาน (O-NET) ปีการศกึ ษา 2562 5 สาระหลัก เพ่มิ ขึน้ ร้อยละ 3 62.7 2. โรงเรียนที่มีนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 มีผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ 98.3 ขั้นพนื้ ฐาน (O-NET) ปกี ารศกึ ษา 2562 5 สาระหลัก เพม่ิ ข้ึนรอ้ ยละ 3 3. โรงเรียนมแี ผนงาน/โครงการเพ่ือยกระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น จากตารางที่ 2 พบวา่ โรงเรยี นท่มี ีนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 มผี ลการทดสอบทางการศกึ ษา ระดบั ชาติข้นั พน้ื ฐาน (O-NET) ปกี ารศึกษา 2562 5 สาระหลัก เพมิ่ ข้ึนรอ้ ยละ 3 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 52.5โรงเรียน ท่มี ีนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 มีผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติขน้ั พนื้ ฐาน (O-NET) ปกี ารศกึ ษา 2562 5 สาระหลัก เพิ่มขึน้ รอ้ ยละ 3 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 62.7 และโรงเรียนมแี ผนงาน/โครงการเพอื่ ยกระดับ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน คดิ เปน็ ร้อยละ 98.3
4 ตำรำงท่ี 3 ตารางแสดงผลการนิเทศ กากับ ติดตามและประเมินระบบการประกนั คุณภาพภายใน ของสถานศกึ ษาตามกฎกระทรวง การประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. 2561 ของสถานศกึ ษา ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ระดับคุณภาพ (รอ้ ยละ) องค์ประกอบ และประเดน็ การประเมิน ยอด ดีเลศิ ดี ปาน ปรับ เย่ียม กลาง ปรงุ - องค์ประกอบท่ี 1 กำรกำหนดมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศกึ ษำ - 1.1 การศึกษาวเิ คราะหม์ าตรฐานและประเดน็ พจิ ารณา 20.3 50.8 28.8 - - วา่ ด้วยการประกนั คุณภาพภายในของสถานศกึ ษา - ตามทีก่ ฎกระทรวงประกาศใช้ - 1.2 การกาหนดค่าเป้าหมายความสาเร็จของแตล่ ะมาตรฐาน 27.1 45.8 27.1 - - 1.3 การประกาศคา่ เป้าหมายแตล่ ะมาตรฐานว่าด้วย 25.4 42.4 32.2 - - - การประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษาให้กลมุ่ ผ้เู กี่ยวข้อง - ทั้งภายในและภายนอกรบั ทราบ รวม 24.27 46.33 29.37 - องค์ประกอบท่ี 2 กำรจดั ทำแผนพฒั นำกำรจัดกำรศึกษำของ สถำนศกึ ษำที่มุ่งคุณภำพตำมมำตรฐำนกำรศกึ ษำของสถำนศกึ ษำ 2.1 การศกึ ษาวเิ คราะห์สภาพปัญหาและความตอ้ งการ 27.1 50.8 22 - จาเป็นของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยใช้ข้อมูลตาม สภาพจรงิ 2.2 การกาหนดวิสยั ทศั นพ์ นั ธกิจ และเป้าหมายด้านต่าง ๆ 30.5 47.5 22 - โดยมุ่งเนน้ ที่คุณภาพผเู้ รยี นท่สี ะท้อนคุณภาพความสาเร็จ อย่างชดั เจนและเปน็ รปู ธรรม โดยทกุ ฝ่ายมีส่วนรว่ ม 2.3 การกาหนดวธิ ีการดาเนนิ งานกจิ กรรมโครงการ 32.2 44.1 23.7 - ทส่ี อดคล้องกบั มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา 2.4 การกาหนดบทบาทหน้าท่ีของบุคลากรในสถานศกึ ษา 35.6 42.4 22 - และผเู้ รยี นร่วมรับผดิ ชอบและบทบาทหน้าที่ของผู้เรียน อย่างชัดเจน 2.5 การใช้งบประมาณ และทรพั ยากรอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 32.2 42.4 25.4 - ใหส้ อดคล้องกบั กจิ กรรม โครงการ
5 ระดบั คณุ ภาพ (ร้อยละ) องคป์ ระกอบ และประเดน็ การประเมนิ ยอด ดีเลิศ ดี ปาน ปรับ เย่ยี ม กลาง ปรงุ - 2.6 การเสนอแผนพัฒนาการจดั การศกึ ษาต่อคณะกรรมการ 27.1 52.5 20.3 - - - สถานศึกษาข้นั พน้ื ฐานให้ความเห็นชอบ - - 2.7 การจดั ทาแผนปฏิบัติการประจาปีที่สอดคล้องกบั 32.2 50.8 16.9 - - แผนพฒั นาการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา - 2.8 การกาหนดปฏิทนิ การนาแผนปฏิบัติการประจาปสี ่กู าร 33.9 39 25.4 1.7 - ปฏิบัตทิ ่ีชัดเจน - - 2.9 การเสนอแผนปฏิบตั กิ ารประจาปตี ่อคณะกรรมการ 30.5 44.1 25.4 - - สถานศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ให้ความเหน็ ชอบ - รวม 31.26 45.96 22.57 1.70 องคป์ ระกอบที่ 3 กำรดำเนนิ งำนตำมแผนพัฒนำ กำรจดั กำรศกึ ษำของสถำนศึกษำ 3.1 การนาแผนปฏิบัตกิ ารประจาสู่การปฏิบัติตามกรอบ 25.4 42.4 32.2 - ระยะเวลาและกิจกรรมโครงการที่กาหนดไว้ 3.2 ผ้รู บั ผดิ ชอบและผู้เกีย่ วขอ้ งทกุ ฝ่ายปฏิบัตติ ามบทบาท 35.6 40.7 23.7 - หน้าท่ี และความรับผิดชอบตามที่ ไดก้ าหนดอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพและเกิดประสทิ ธิผลสูงสุด รวม 30.5 41.55 27.95 - องค์ประกอบท่ี 4 กำรจดั ใหม้ กี ำรประเมนิ ผลและตรวจสอบ คุณภำพกำรศึกษำภำยในสถำนศึกษำ 4.1 การกาหนดผู้รับผิดชอบในการประเมินผลและตรวจสอบ 27.1 49.2 23.7 - คุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษา 4.2 การประเมินและตรวจสอบคณุ ภาพการศึกษาทงั้ ระดับ 18.6 42.4 39 - บคุ คลและระดบั สถานศกึ ษาด้วยวธิ กี ารที่เหมาะสม รวม 22.85 45.8 31.35 - องคป์ ระกอบที่ 5 ตดิ ตำมผลกำรดำเนินงำนเพ่ือพฒั นำคณุ ภำพ ตำมมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศึกษำ 5.1 การติดตามผลการดาเนนิ งานพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา 13.6 49.2 37.3 - นาไปใชป้ ระโยชน์ในการปรับปรุงพัฒนา
6 ระดบั คณุ ภาพ (รอ้ ยละ) องค์ประกอบ และประเด็นการประเมิน ยอด ดีเลศิ ดี ปาน ปรับ เยีย่ ม กลาง ปรงุ - 5.2 การดาเนินการประเมนิ คณุ ภาพภายในตามมาตรฐาน 11.9 52.5 35.6 - - การศกึ ษาของสถานศึกษาโดยใช้วธิ ีการและเคร่ืองมอื - ท่ีหลากหลายและเหมาะสม - - รวม 12.75 50.85 36.45 - - องค์ประกอบที่ 6 กำรจัดทำรำยงำนผลการประเมินตนเองตำม - มำตรฐำนกำรศกึ ษำของสถำนศกึ ษำ - 6.1 การจัดทารายงานผลการประเมนิ ตนเองตามมาตรฐาน 25.4 45.8 28.8 - - การศกึ ษาของสถานศึกษา โดยใชก้ ารประเมินแนวใหม่ - - 6.2 การนาเสนอรายงานต่อคณะกรรมการสถานศึกษา 32.2 44.1 23.7 - ขนั้ พ้ืนฐานใหค้ วามเหน็ ชอบ 6.3 การเผยแพร่รายงานต่อสาธารณชน หนว่ ยงานต้นสังกัด 23.7 47.5 27.1 1.7 และหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง รวม 27.10 45.80 26.53 1.70 องคป์ ระกอบท่ี 7 กำรจัดใหม้ กี ำรพัฒนำคณุ ภำพกำรศึกษำ อย่ำงต่อเนอ่ื ง 7.1 การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาอย่างตอ่ เน่อื งให้เกิดขนึ้ กับ 22 45.8 32.2 - ครแู ละบคุ ลากรทุกคนในสถานศกึ ษา และพัฒนาสถานศกึ ษา ให้เป็นองค์กรแหง่ การเรียนรู้ 7.2 การนาผลการประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศึกษา 20.3 50.8 28.8 - จากการประเมนิ ตนเองหรือหน่วยงานทเี่ กยี่ วข้อง ไปใช้ ประโยชนต์ ่อการพัฒนาการบรหิ ารและการเรียนการสอน อย่างต่อเน่อื ง 7.3 การรับการตดิ ตาม ประเมินคุณภาพการศกึ ษาเพ่อื นาผล 20.3 52.5 25.4 1.7 มาปรับปรงุ และพฒั นาคุณภาพการศึกษาตามขอ้ เสนอแนะ จากหนว่ ยงานตน้ สงั กดั และหน่วยงานภายนอก รวม 20.87 49.70 28.80 1.70 รวมทุกองค์ประกอบ 24.23 46.57 29.00 1.70
7 จำกตำรำงที่ 3 พบว่า ภำพรวม สถานศึกษามีระบบการประกนั คุณภาพภายในตามกฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 ระดบั คุณภาพยอดเยยี่ ม คิดเป็นรอ้ ยละ 24.23 ระดบั คุณภาพดเี ลศิ คิดเปน็ ร้อยละ 46.57 ระดบั คณุ ภาพดี คดิ เปน็ รอ้ ยละ 29.00 และระดับคณุ ภาพปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.70 เมื่อพจิ ารณารายองค์ประกอบ พบวา่ องคป์ ระกอบท่ี 1 การกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา โรงเรยี นมรี ะดบั คุณภาพยอดเย่ยี ม คดิ เปน็ ร้อยละ 24.27 ระดับคุณภาพดีเลศิ คิดเป็นรอ้ ยละ 46.33 และระดบั คุณภาพดี คดิ เปน็ ร้อยละ 29.37 องคป์ ระกอบท่ี 2 การจดั ทาแผนพัฒนาการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษาท่ี มงุ่ คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา พบวา่ โรงเรียนมีระดับคุณภาพยอดเยี่ยม คดิ เป็นรอ้ ยละ 31.26 ระดบั คุณภาพดเี ลิศ คิดเปน็ ร้อยละ 45.96 ระดบั คุณภาพดี คดิ เป็นร้อยละ 22.57 และระดบั คณุ ภาพ ปานกลาง คิดเป็นรอ้ ยละ 1.70 องค์ประกอบท่ี 3 การดาเนินงานตามแผนพัฒนาการจัดการศกึ ษาของ สถานศึกษา พบวา่ โรงเรียนมรี ะดับคณุ ภาพยอดเยย่ี ม คดิ เปน็ รอ้ ยละ 30.50 ระดับคณุ ภาพดีเลิศ คิดเป็นรอ้ ยละ 41.55 และระดับคณุ ภาพดี คิดเปน็ รอ้ ยละ 27.95 องค์ประกอบที่ 4 การจัดให้มีการประเมินผลและตรวจสอบ คุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษา พบวา่ โรงเรยี นมรี ะดบั คณุ ภาพยอดเยีย่ ม คิดเป็นร้อยละ 22.85 ระดบั คุณภาพดเี ลศิ คิดเป็นร้อยละ 45.80 และระดับคุณภาพดี คิดเปน็ ร้อยละ 31.35 องค์ประกอบท่ี 5 ติดตามผล การดาเนนิ งานเพื่อพฒั นาคณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา พบวา่ โรงเรยี นมรี ะดบั คณุ ภาพยอด เยี่ยม คิดเป็นรอ้ ยละ 12.75 ระดับคณุ ภาพดีเลิศ คิดเปน็ ร้อยละ 50.85 และระดบั คณุ ภาพดี คดิ เป็นรอ้ ยละ 36.45 องค์ประกอบที่ 6 การจดั ทารายงานผลการประเมินตนเองตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา พบว่า โรงเรียนมรี ะดบั คณุ ภาพยอดเย่ียม คดิ เป็นรอ้ ยละ 27.10 ระดับคุณภาพดเี ลิศ คิดเปน็ รอ้ ยละ 45.80 ระดบั คณุ ภาพดี คดิ เป็นรอ้ ยละ 26.53 และระดบั คุณภาพปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 1.70 องค์ประกอบที่ 7 การจัด ใหม้ กี ารพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาอย่างตอ่ เนื่อง พบว่า โรงเรยี นมรี ะดับคุณภาพ ยอดเยย่ี ม คดิ เป็นร้อยละ 20.87 ระดับคุณภาพดเี ลิศ คดิ เปน็ ร้อยละ 49.70 ระดบั คุณภาพดี คดิ เป็นร้อยละ 28.80 และระดับคณุ ภาพ ปานกลาง คดิ เป็นร้อยละ 1.70
8 ตำรำงท่ี 4 ตารางแสดงผลการตรวจเย่ยี ม นเิ ทศ ตดิ ตามและสังเกตการจดั การเรียนรู้ วิชา วิทยาการคานวณ ของสถานศกึ ษาในสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ตอนที่ 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ท่ี รายการประเมนิ การดาเนนิ การ (ร้อยละ) 1. องค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นร้คู รบถว้ น / ถูกตอ้ ง / สมบรู ณ์ 100 2. กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ สอดคลอ้ งกับมาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ 96.6 3. สอื่ ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อประกอบการเรียนรสู้ อดคล้องกับกจิ กรรม น่าสนใจ 96.6 4. การวดั และการประเมนิ ผล มเี ครื่องมือ/วธิ ีการหลากหลาย สอดคลอ้ งกบั ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ 96.6 ไมม่ เี ครอื่ งมือ/วิธกี ารหลากหลาย แต่สอดคล้องกับตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ 3.4 ตอนที่ 2 กำรจดั กำรเรียนรู้ ที่ รายการประเมนิ ระดบั การประเมิน (ร้อยละ) ดีมาก ดี พอใช้ 1. มกี ิจกรรมนาเข้าสู่บทเรยี นที่เร้าความสนใจ ดาเนินการจัดกจิ กรรม 45.8 50.8 3.4 การเรยี นรอู้ ยา่ งเป็นลาดับขัน้ ตอน 2. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรเู้ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ ผู้เรยี นได้ลงมือปฏิบัติ 64.4 32.2 3.4 จรงิ และมีส่วนรว่ มในกจิ กรรม 3. การจัดกจิ กรรมการเรียนรมู้ ีความหลากหลาย สร้างสรรค์ เอื้อต่อ 52.5 47.5 - การเรียนรู้ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 4. สามารถใช้คาถามและกจิ กรรมกระต้นุ ใหผ้ เู้ รยี นคิด และมสี ่วนร่วม 49.2 47.5 3.4 แสดงความคิดเหน็ 5. มีความมน่ั ใจในการจดั กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ จดั บรรยากาศ 54.2 45.8 - การเรียนร้ทู ่ีนา่ สนใจ ดูแลนักเรียนอยา่ งทัว่ ถึง 6. ส่ือประกอบการจัดการเรียนรู้ท่เี หมาะสม ชว่ ยใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ 67.8 32.2 - 7. มีการใชส้ ื่อ DLIT ประกอบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 37.3 45.8 16.9 8. มกี ารสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และเหตกุ ารณ์ปจั จุบัน มีการให้ 52.5 42.4 5.1
9 ท่ี รายการประเมนิ ระดบั การประเมิน (ร้อยละ) ดีมาก ดี พอใช้ กาลงั ใจ เสริมแรงเมือ่ ผู้เรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมไดถ้ ูกต้อง 9. สามารถส่อื สารและเช่อื มโยงความรทู้ เี่ ข้าใจง่าย สรปุ บทเรียน 49.2 45.8 5.1 ประเมินความรู้ของนักเรยี นไดเ้ หมาะสม 55.9 42.4 1.7 10. กจิ กรรมการเรยี นรสู้ ามารถพฒั นาคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 52.88 43.24 3.90 และสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น รวม จำกตำรำงท่ี 4 พบว่า การจดั การเรียนรู้ วชิ าวทิ ยาการคานวณของสถานศกึ ษาในสงั กัดสานักงานเขต พ้นื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ตอนที่ 1 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ พบวา่ โรงเรียนมอี งค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรคู้ รบถ้วน/ถกู ตอ้ ง /สมบูรณ์ คิดเปน็ ร้อยละ 100 กจิ กรรมการจัดการเรยี นร้มู คี วามสอดคล้องกบั มาตรฐาน ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ มสี ่อื ประกอบการเรยี นรสู้ อดคล้องกบั กิจกรรม นา่ สนใจ และมเี คร่ืองมอื /วิธีการหลากหลาย สอดคล้องกับ ตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นรูค้ ิดเปน็ รอ้ ยละ 96.6 ตอนที่ 2 กำรจดั กำรเรียนรู้ ภาพรวม พบวา่ โรงเรียนมีการจัดการเรียนรู้ อยูใ่ นระดับดมี าก คดิ เปน็ รอ้ ยละ 52.88 ระดบั ดี คดิ เป็นร้อยละ 43.24 และระดับพอใช้ คดิ เป็นร้อยละ 3.90 ตอนท่ี 3 บนั ทกึ ผลกำรนเิ ทศและสังเกต จดุ เด่นของครผู ูส้ อน พบว่ำ 1. จดั กจิ กรรมอย่างสรา้ งสรรค์ กระตนุ้ ให้นกั เรียนมสี ่วนรว่ ม พูดเสียงดัง ชัดเจน 2. มีการใช้แนวทางของการจัดการเรยี นการสอนในการพฒั นานกั เรียนทเ่ี กิดจากกระบวนการ PLC คอื เนน้ การออกแบบ พัฒนาส่ือทเี่ น้นให้ผเู้ รียนไดล้ งมือปฏบิ ัตจิ รงิ โดยใช้ ชุดฝึกทักษะการเขยี นโปรแกรมด้วยออดู โน่ รว่ มกบั โปรแกรม KB-IDE 3. การเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้ มกี ารเตรยี มการได้ดี มกี ารสอดแทรกกจิ กรรมทน่ี กั เรยี นได้ลงมอื ปฏิบตั ิ 4. ครผู ูส้ อนควบคมุ พฤตกิ รรมนักเรียนไดด้ ี นักเรยี นส่วนใหญต่ ้ังใจเรยี น 5. มีการจดั ทาสอ่ื การสอนท่นี าเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรยี นการสอน เพอื่ ใหน้ กั เรียนเกดิ ความ สนใจในการเรยี นมากข้ึน 6. มีเกมเขา้ มาใช้ในการเรยี นการสอน ทาให้นักเรียนสนกุ สนาน 7. มสี อื่ และแผนการสอนท่ีดี ครูมีสือ่ การสอนที่หลากหลาย เเละมีนวตั กรรมประกอบการสอน 8. มีการจัดการเรยี นการสอนทเ่ี น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ แบบ Active Learning 9. ครมู ีจดั ทาแผนการจัดการเรยี นรู้ ทีเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคญั 10. มีความม่นั ใจในการนาเสนอเน้อื หาทใี่ ช้สอน เสียงดังฟังชัด ดูแลนักเรียนไดท้ ั่วถงึ ทัง้ หอ้ ง
10 11. มีการใชส้ อื่ ทีเ่ ป็นของจริงเพ่อื ใหน้ กั เรยี นไดร้ ูจ้ ัก Hardware ของคอมพวิ เตอร์ 12. ครูสามารถถา่ ยทอดการเรียนเร่อื งการเขยี นผังงานไดด้ ี นักเรยี นเขา้ ใจ มีสว่ นรว่ ม 13. มกี ารเลือกใช้ส่อื เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมในการจัดการเรยี นการสอนกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นเกิด การเรยี นรู้ และสามารถคิดออกแบบเป็นพ้นื ฐานนาไปสู่การสรา้ งสรรค์ผลงานได้ 14. การสรุปเน้อื หาท่ียากให้เข้าใจง่ายขนึ้ 15. จดั กิจกรรมการเรียนร้เู ป็นไปตามแผนฯ ท่ีกาหนด แผนการจดั การเรยี นรู้ตรงตามตัวช้วี ดั 16. นาเขา้ ข้อมลู สู่บทเรียนทีม่ ีการใช้สื่อทีเ่ ปน็ เกม ใหน้ ักเรยี นไดร้ ่วมทายคาถาม เป็นการสร้างความ นา่ สนใจให้กบั นกั เรยี นดูแลนกั เรยี นอยา่ งทวั่ ถึง มกี ารเดินสารวจนกั เรียนและให้คาแนะนานักเรยี นอย่างทว่ั ถงึ 17. มีเทคนิคและสื่อการจดั การเรยี นร้ทู ีท่ ันสมยั มีการเปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นไดแ้ สดงความคิดเหน็ และมี การประเมินผลการเรยี นอยา่ งหลากหลาย 18. ครผู ู้สอนเป็นผู้ทีมีอัธยาศยั ท่ดี ตี ่อผูเ้ รียน สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ไดอ้ ย่างหลากหลายและ มคี วามเหมาะสมกบั ผเู้ รียน มีความเอาใจใส่ดูแลนักเรียนในระหวา่ งการจดั การเรยี นรู้ ได้อยา่ งเหมาะสม 19. มีสอ่ื และตัวอย่างท่ีกระตนุ้ ความสนใจใหก้ ับนักเรียน ทาให้นกั เรยี นเกิดการเรียนรู้และสนุกสนาน กับกิจกรรมการเรยี นรู้ เสียงดังฟังชดั สามารถควบคุมช้ันเรยี นได้เป็นอย่างดี 20. ครผู สู้ อนมคี วามมนั่ ใจในการสอน มีการใชส้ ือ่ DLIT ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน เนือ้ หา ไมซ่ ับซอ้ น 21. ครูผูส้ อนมคี วามกระตือรือร้น ในการจดั การเรียนการสอนเป็นอยา่ งดี มกี ารใชส้ ื่อ นวตั กรรม ประกอบการจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม โดยมีการจดั การเรียนการสอนแบบเสรมิ แรง นักเรียนจะ เรียนรแู้ ละแสดงพฤตกิ รรมดีในเชงิ บวกทาให้ผลลัพธใ์ นการจัดการเรยี นการสอนมีประสิทธภิ าพมากยงิ่ ขึ้น สิ่งท่คี รผู ้สู อนควรปรบั ปรงุ และพฒั นำ พบวำ่ 1. ควรมีการสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรมและการนาความรไู้ ปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวัน เพอ่ื ให้ นักเรยี นรู้สกึ วา่ สิ่งท่เี รยี นสามารถนาไปใชไ้ ด้จรงิ 2. อปุ กรณ์ คอมพิวเตอร์ไมเ่ พียงพอต่อจานวนนักเรยี น สมรรถนะของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์เก่าและต่า 3. ครอู าจมีอุปกรณ์ที่สามารถจบั ตอ้ งได้ มาใช้เป็นสื่อการจัดการเรยี นรู้ เชน่ เครื่องยนต์ตา่ ง ๆ สรุปกำรสัมภำษณ์แบบมีโครงสรำ้ งกำรตรวจเยีย่ ม นิเทศ ตดิ ตำมกำรจัดกำรเรียนรู้ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ สำนักงำนเขตพนื้ ทก่ี ำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำ เขต 42 บรรยำยลักษณะปจั จยั ทีม่ ผี ลตอ่ ควำมสำเร็จในกำรจัดกำรเรยี นรแู้ ละแนวทำงกำรส่งเสริม ด้ำนผู้เรยี น นักเรียนส่วนใหญ่มคี วามม่งุ มน่ั ตั้งใจเรียน มีความรบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่ี ปฏบิ ัติภาระงาน ได้อย่างครบถ้วน และมปี ระสทิ ธภิ าพ แตย่ งั มีบางสว่ นท่ีละเลยตอ่ หน้าที่ ต้องมกี ารกากับ ตดิ ตามอย่างตอ่ เน่อื ง เพอ่ื ใหน้ ักเรียนได้เกดิ สานึกดี และสามารถปฏิบัติงานได้ ผเู้ รียนจะต้องมที ักษะการคดิ เชิงคานวณ สามารถคิด วิเคราะห์ แกป้ ญั หา อยา่ งเป็นข้นั ตอนและเป็นระบบ สามารถค้นหาข้อมูล หรือสารสนเทศ ประเมินจัดการ
11 วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และนาสารสนเทศไปใช้ในการแกป้ ัญหาประยุกตใ์ ช้ความรู้ในการแก้ปัญหาในชวี ติ จริง และทางานร่วมกันอยา่ งสรา้ งสรรค์ และรเู้ ทา่ ทันส่ือต่าง ๆ นกั เรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจวชิ าวิทยาการคานวณ ในดา้ นต่าง ๆ อนั ได้แก่ ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ดา้ นการรู้ดจิ ิทลั และดา้ นการประยกุ ต์ความรทู้ ี่ไดไ้ ปสู่การสร้างชิน้ งาน เป็นต้น ดำ้ นครู ครูมกี ารอบรมแนวคิดเชงิ คานวณชัน้ เบื้องต้น จงึ สามารถถา่ ยทอดความร้ใู หก้ บั นักเรยี น ขัน้ เบอ้ื งต้นได้อยา่ งตอ่ เน่ือง ครูได้จัดกจิ กรรมท่ีหลากหลายโดยมีการทาแบบทดสอบจากเกม และการศึกษา เรยี นรูจ้ ากเว็บไซต์ ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนที่ดีและใช้สอ่ื การสอนได้ดี เหมาะกบั การเรยี นการสอน ครูมกี าร วิเคราะห์ตวั ช้วี ดั มีการออกแบบหนว่ ยการเรียนรแู้ ละจัดทาแผนการจดั การเรยี นรู้เพือ่ ให้สอดคล้องกับหลกั สตู ร สถานศกึ ษาและเหมาะสมกบั ผ้เู รียน อีกท้งั ยังเขา้ ร่วมอบรมในหลกั สูตรทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง จากสถาบันต่าง ๆ ท่จี ดั ขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ การอบรมออนไลน์และทจี่ ัดข้ึนตามสถานท่ีตา่ ง ๆ เพอ่ื เพ่มิ พูนความรู้ ความสามารถและเทคนคิ ใหม่ ๆ เพื่อนาไปใช้จดั การเรยี นรู้อย่างเตม็ ความสามารถ ครูผสู้ อนมีความพรอ้ มในการจดั กจิ กรรมการเรยี น การสอน โดยมคี วามตระหนกั ในหนา้ ท่ีและบทบาทของตนเอง มกี ารเตรียมความพร้อมทั้งเน้ือหาวิชา และ การใช้ส่ือนวตั กรรมในการจัดการเรียนการสอน มีการออกแบบการเรยี นรู้ทีเ่ หมาะสมและสอดคล้องกับผู้เรียน มีการเตรยี มสอื่ การสอน และการวดั ประเมินระหวา่ งเรยี นท่หี ลากหลาย ด้ำนสง่ิ แวดล้อม บรรยากาศในชนั้ เรียนเอ้ือประโยชน์ต่อการเรยี นรขู้ องนกั เรียน ได้รับการสนบั สนุนจาก ฝ่ายบรหิ ารในการจดั หาอปุ กรณ์เพอื่ ใช้ในการจดั การเรยี น นักเรยี นได้ลงมือปฏิบตั ิครบทุกคน ครนู าส่ือการเรียน การสอนหลากหลายหน่วยงานมาใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอน มีการจดั ห้องเรียนเหมาะสม ตรงตาม กจิ กรรมการเรยี นรู้ มวี ัสดุ อุปกรณ์ ในการจดั การสอนอยา่ งเป็นระเบียบ สามารถใช้ไดส้ ะดวก หอ้ งเรยี นมี อากาศ ถ่ายเทได้ดี ไมร่ อ้ นไม่เย็นไป มจี อโปรเจ็คเตอร์ และมีทีวตี ดิ ตามมุมห้อง ทาให้นกั เรยี นสามารถมองเห็น เน้อื หาทเ่ี รียนไดช้ ดั เจน
12 ผลกำรตรวจเยย่ี ม นเิ ทศ ตดิ ตำมและสงั เกตกำรณ์จดั กระบวนกำรเรยี นรู้โครงกำร กำรนเิ ทศ กำกบั ตดิ ตำมกำรจัดกำรเรยี นรเู้ พศวถิ ี และทกั ษะชีวติ ในหลักสูตรกำรศึกษำขั้นพนื้ ฐำน ของสถำนศึกษำใน สงั กดั สำนักงำนเขตพ้นื ท่กี ำรศกึ ษำมธั ยมศึกษำ เขต 42 ภำคเรยี นที่ 2 ปกี ำรศึกษำ 2563 ข้อมลู ทั่วไป 1. ช่อื แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ แผนจดั การเรยี นรทู้ ี่ครนู ามาสอน มี ดังนี้ - เรอื่ งทกั ษะการปฏเิ สธ - เรอื่ งการนาเสนอข้อมลู และการวเิ คราะหข์ ้อมูลอตั โนมัติ - เรื่องพัฒนาการทางเพศในวยั รุ่น - เรอ่ื งอยรู่ ่วมกนั ฉนั กบั เธอ - เร่อื งการเรียนรู้ในชีวิตวัยรนุ่ - เรื่องการคุมกาเนิด - เรือ่ งเพศวถิ ีกับความหลากหลายทางเพศ และพฤติกรรมทางเพศ - เรื่องพฤตกิ รรมเสยี่ งของวยั รนุ่ - เรื่องเพศน่ารู้ - เร่ืองครอบครัวอบอ่นุ - เรื่องอนามยั เจริญพันธ์ - เรอ่ื งการป้องกันโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ - เรื่องเรยี นรู้การใช้ทักษะชวี ติ - เรื่องฟสิ กิ ส์ - เรอ่ื งการวางแผนครอบครัว - เรอ่ื งร้จู กั เพศตวั เอง - เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อการแก้ปัญหา - เรื่องประกาศรับเพื่อนใหม่ - เรอ่ื งเพศศึกษา - เรอ่ื งเพศสมั พนั ธใ์ นวยั รุ่น - เรอ่ื งการปฐมพยาบาล - เรอ่ื งรอ้ ยแปดวธิ ีบอกรัก - เรื่องการเจริญเตบิ โตในวัยรุ่น - เรื่องเอกซเรยร์ ่างกาย - เรื่องวิทยาการคานวณ
13 2. ชนั้ เรียน ระดับชน้ั เรียนทค่ี รูทาการสอน มี ดังนี้ - มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 คิดเป็นร้อยละ 29.31 - มัธยมศึกษาปีที่ 2 คดิ เป็นรอ้ ยละ 8.62 - มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 คิดเป็นร้อยละ 24.14 - มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 คดิ เป็นร้อยละ 15.52 - มัธยมศึกษาปีที่ 5 คดิ เป็นร้อยละ 8.62 - มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 คิดเป็นรอ้ ยละ 12.06 - ปวช.1 คิดเป็นรอ้ ยละ 1.72 ตำรำงที่ 5 ตารางแสดงผลการตรวจเย่ียม นเิ ทศ ตดิ ตามและสังเกตการณ์จัดกระบวนการเรียนรู้ โครงการ การนิเทศ กากบั ติดตามการจัดการเรยี นรเู้ พศวิถี และทกั ษะชีวติ ในหลกั สตู รการศึกษา ข้ันพน้ื ฐาน ของสถานศกึ ษาในสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 (ด้านกระบวนการจดั การเรียนร้)ู รายการ ปฏิบตั ิ คิดเป็นรอ้ ยละ 1. การนาเข้าสู่บทเรียน 2. การอธบิ ายขนั้ ตอนการดาเนินกจิ กรรมชัดเจน 100 3. การตัง้ คาถามเพ่อื สร้างการเรียนรู้ 100 4. การเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นแสดงความคิดเหน็ ซกั ถาม 100 5. การฟัง และการจบั ประเด็นสาคัญ 100 6. การสรุปและสะท้อนเปน็ ระยะๆ ใหผ้ ู้เรยี นติดตามความคิดและการเรียนรูข้ องกล่มุ 100 7. การเช่อื มโยงความคิดเห็นผู้เรยี นสกู่ ารสรุปแนวคดิ หลักของบทเรียน 98.3 8. การลาดบั ความคิดและประเดน็ การเรียนรู้ เพอ่ื นาไปส่ขู ้อสรุปทง้ั หมดของคาบเรยี น 100 โดยสอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงคข์ องแผนการเรยี นรู้ 100 รวม 99.79 จำกตำรำงท่ี 5 พบวา่ ด้านกระบวนการจัดการเรียนร้เู พศวิถี และทักษะชีวิตในหลักสตู รการศึกษา ข้ันพ้นื ฐาน ภาพรวม มีการปฏบิ ัติ คิดเป็นรอ้ ยละ 99.79 สงิ่ ท่ีครูทำได้ดี - ครมู คี วามรู้ความเข้าใจในเรอ่ื งท่สี อน และสามารถถา่ ยทอดความรู้ให้กบั นักเรียนไดอ้ ยา่ งชัดเจน ครูผู้สอนพูดเสียงดัง มีการใชค้ าพูดเพอื่ สร้างความเชือ่ ใจระหวา่ งครแู ละนกั เรียนมคี วามเป็นกนั เองสง่ ผลให้ นักเรียนกล้าตอบคาถามกล้าพูดและเล่าเรอื่ งราวของตนเองเนน้ ย้าให้ผเู้ รียนตระหนักและเห็นความสาคญั ของการป้องกนั ตนเองการเปิดหวั ข้อสนทนาแลกเปลีย่ นความคิดในหอ้ งเรยี น
14 - ครูกระตุ้นให้นักเรยี นรว่ มกิจกรรมการเรียนอย่างสนุกสนานและเกิดการเรยี นรู้ นกั เรียนสนใจ ในเนือ้ หาทจ่ี ะเรยี น นกั เรยี นมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรูไ้ ด้อย่าง ท่ัวถึงข้นั การสอนและสรุปลาดับการสอน กจิ กรรมนาเสนอ นกั เรียนสนใจและใฝ่เรียนรกู้ ระตนุ้ ให้ผู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ มกี ิจกรรมชัดเจน ยึดนักเรยี น เปน็ ศนู ย์กลาง - อธบิ ายค่านิยมทางเพศของวัยรุ่นไดท้ ันสมยั กับยุคปจั จุบนั ใหน้ กั เรียนแสดงออกทางดา้ น ทศั นคติทางเพศท่ถี ูกตอ้ งเหมาะสมของวัยรนุ่ เพศชายและเพศหญงิ - มีสือ่ การเรยี นรูท้ ่ีมคี วามหลากหลาย มกี ารนาสอื่ วีดโี อ มาใหน้ กั เรยี นได้ศึกษา และทาความ เขา้ ใจแบบชัดเจนมากขน้ึ ใช้สือ่ /เทคโนโลยี สะท้อนภาพใหเ้ หน็ ถงึ ปัญหาของเพศวถิ ศี กึ ษามสี อ่ื การสอนและ มใี หม้ ชี ม วีดีทศั นเ์ กย่ี วกับพัฒนาการของมนษุ ย์ รวมถึงมสี ื่อประกอบเน้ือหาการนาเข้าสู่บทเรยี น และ การนาเสนอข้อมลู ท่ีนา่ สนใจมีการใชส้ ่อื การสอนที่ชดั เจน - กอ่ นดาเนินกจิ กรรมการสอนมกี ารนาเขา้ สบู่ ทเรียนไดด้ ี ใชค้ าถามกระตุน้ ใหผ้ ู้เรยี นสนใจ มกี ารพูดคยุ เกริ่นนาเชอ่ื มโยงก่อนเข้าสู่บทเรยี น /กจิ กรรมท่จี ะทา - มกี ารใช้คาถามซกั ถามเพอื่ ประเมินผลนักเรียน ครผู สู้ อนมีการซกั ถามและทบทวนความรู้ นกั เรยี นเก่ียวกับเรอ่ื งเพศศกึ ษากอ่ นการเรยี นรู้ - การจัดกระบวนการท่ีสมมตุ บิ ทบาทหรอื ยกตัวอยา่ งให้เข้าใจไดง้ า่ ย ไมซ่ ับซ้อน มีการสร้าง บรรยากาศในห้องเรียนทีส่ นุก ลดภาวะความกดดัน - มกี ารกระตนุ้ ให้ผู้เรยี นคดิ วเิ คราะห์อยู่เสมอ มกี ารเช่อื มโยงความคิด อธบิ ายข้นั ตอนการดาเนนิ กจิ กรรมชัดเจน เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นแสดงความคิดเหน็ ซกั ถาม ให้นักเรียนสร้างองค์ความรจู้ ากประสบการณ์ - อธิบายวธิ ีการคุมกาเนิดไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกจิ กรรมการเรยี นการสอนน่าสนใจ นกั เรยี นมี สว่ นรว่ มกจิ กรรม ซกั ถาม แสดงความคดิ เห็นไดเ้ ต็มที่ การเปิดบทเรยี นท่ีนา่ สนใจ สามารถกระตุ้นความสนใจ ของนกั เรียนได้เป็นอยา่ งดี - การเตรียมเนอื้ หาในการเรยี นการสอนเรียงลาดับเน้ือเรื่อง ในการสอนอย่างมีลาดบั ขน้ั ตอน มีลาดบั ข้ันตอนในการจัดกจิ กรรม, ไม่ทอดทิ้งนกั เรยี นระหว่างจัดกิจกรรม - ครจู ัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั ใช้คาถามกระตุน้ ความคิดทาให้ ผเู้ รยี นมสี ่วนรว่ มในการทากจิ กรรม (active learning ) สนุกสนานในการเรียน ไม่นา่ เบือ่ โดยใชก้ ระบวนการ กลมุ่ จัดกิจกรรมให้นักเรยี นไดล้ งมือปฏบิ ตั ิจรงิ เพ่ือให้นักเรยี นเกดิ การเรียนรู้ร่วมกนั - การเปดิ โอกาสให้นักเรยี นไดแ้ สดงความคดิ และผลของการทากจิ กรรมการสารวจยกตัวอย่าง - ครผู ู้สอนมีความม่นั ใจในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน และทาความเข้าใจกบั ผู้เรยี นวา่ เปน็ เร่ืองธรรมชาติ และนาไปใชใ้ นชวี ติ จริงกจิ กรรมน่าสนใจ มีสอื่ การเรียนร้ทู น่ี า่ สนใจ - มกี ารสร้างแรงจูงใจและยกตัวอย่างจากสภาพชีวิตประจาวัน ยกตัวอยา่ งพฤติกรรมเสี่ยงของ วัยรุ่น มกี ารสมมุติตวั ละคร ให้สอดคล้องกับเนอื้ หาบทเรยี น (ตัวอยา่ ง) เช่อื มโยงความคิดเห็นท่ีจะนาไปใช้ ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั - การอธบิ ายและแสดงตัวอย่างอย่างละเอียดและชัดเจน เขา้ ใจง่าย การสอนแบบนักเรยี น เป็นศูนย์กลาง และให้นกั เรียนร่วมเสนอแนวคดิ ในการแก้ไขปัญหา นักเรียนใหค้ วามรว่ มมอื ในการทากจิ กรรม - มีข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน ขนั้ สอนทฤษฎี ข้นั ปฏบิ ัติ และขน้ั วดั ผลประเมนิ ผล และนาผล การประเมนิ มาวิเคราะหเ์ พอ่ื ปรับแผนการสอนตอ่ ไป
15 ขอ้ เสนอแนะ - ควรควบคุมกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกบั เวลา ปรบั ความเรว็ ในการสอนให้ชา้ ลง ให้นกั เรยี นลงมอื ปฏิบัติเขียนโปรแกรมภายในชั่วโมงกระชับเวลา แต่ดว้ ยระยะเวลาเพยี ง 1.0 หน่วยกติ (2 ช่ัวโมง) อาจทาให้ ระยะเวลาในการลงมือปฏิบัติตอ่ จากทฤษฎีไม่ทัน ควรปรบั ให้กระชบั มากกวา่ น้ี - ควรกระตุน้ ให้นกั เรียนไดต้ ัง้ คาถาม หรอื สอบถามในหลายๆ ประเดน็ ควรต้องเข้าไปพุดคุยเนน้ ผูเ้ รยี นรายคนใหม้ ากข้นึ ให้ผู้เรียนแสดงความคดิ เห็น ซกั ถาม อาจตอ้ งใช้เวลาเพราะบางคาถามครูต้องอธิบาย ให้นกั เรียนเขา้ ใจอยา่ งชัดเจนโดยไม่ใหน้ ักเรยี นเหน็ เป็นเรือ่ งสนกุ ควรมกี ารสรุปคาถามและเชือ่ มโยงไปสูก่ าร สรปุ แนวคดิ ตามหลกั ของบทเรยี น - ควรใช้สื่อทห่ี ลากหลาย มีส่ือตัวอยา่ งประกอบการสอนให้ชดั เจน มีความพรอ้ ม และเพยี งพอ ต่อนักเรยี น ควรเป็นส่ือทนี่ ักเรียนสนใจหรือบทเรียนสาเรจ็ รปู แบบใหม่ๆ ใช้โมเดล อวยั วะเพศหญงิ ในการสอน แบบสาธิต เพิม่ สอื่ อปุ กรณ์ประกอบการบรรยาย นาเทคโนโลยี มาใช้การจดั การเรียนการสอน - บางเร่ืองควรเปน็ เรื่องทจี่ ะพูดคยุ เฉพาะกล่มุ อาจมีนกั เรยี นบางคนท่ีไม่คอ่ ยสนใจ - บคุ ลิกภาพของผเู้ รียนเพศศึกษาน้นั มีความสาคัญ เพื่อที่จะให้ผู้เรียนมคี วามเชอื่ มนั่ ตัวผู้เรยี น ไมค่ วรมีท่าทเี ขินอาย - ควรสรุปประเด็นเป็นระยะเพื่อใหผ้ ู้เรยี นได้คดิ ตาม และวเิ คราะหป์ ระเดน็ ตา่ งๆได้ ครูผู้สอน แนะนาแนวทางการสรปุ เนือ้ หาเป็นผังความคิดของนกั เรียนเอง - ควรเนน้ ให้นกั เรยี นทุกคนมีส่วนร่วมในการทากจิ กรรม เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รียนมีส่วนร่วม ในการจดั การเรียนรู้มากย่งิ ขนึ้ - นักเรียนมีความพรอ้ มทีแ่ ตกต่างกัน ดังนั้นกจิ กรรมจะต้องมคี วามแตกต่างกนั เพอ่ื ให้นกั เรียน สามารถทากจิ กรรมได้ทุกคน - ควรมอบหมายให้ผูเ้ รยี นนาขอ้ มลู สารสนเทศในรูปแบบแผนผังตา่ งๆ มาลว่ งหน้า - ควรยกตวั อยา่ งหรอื สถานการณ์ท่หี ลากหลายเพ่ือใหน้ ักเรียนไดม้ องภาพเร่อื งทกั ษะการปฏเิ สธ ออก และสามารถมีทักษะในการปฏิเสธได้ - ควรต้งั คาถามให้กับเพศท่ีหลากหลายเนื่องจากปัจจุบันมเี พศมากกว่า 2 เพศ และปรับกิจกรรม ใหน้ า่ สนใจย่งิ ขนึ้ ตำรำงท่ี 6 ตารางแสดงผลการตรวจเยย่ี ม นเิ ทศ ตดิ ตามและสังเกตการณจ์ ัดกระบวนการเรยี นรู้ โครงการ การนิเทศ กากับ ติดตามการจดั การเรยี นรเู้ พศวถิ ี และทักษะชวี ติ ในหลักสตู รการศึกษา ข้นั พน้ื ฐาน ของสถานศึกษาในสังกดั สานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 (ดา้ นทัศนะและทา่ ทีของครผู ู้สอน) รายการ ปฏิบตั ิ คิดเปน็ รอ้ ยละ 1. ท่าทีเปน็ มิตร ทาใหผ้ ู้เรียนมีสว่ นรว่ ม และไม่อดึ อดั 2. ไมช่ ้ถี กู ผดิ หรือบอกควรทา/ไมค่ วรทา 100.00 3. ไมโ่ นม้ น้าวใหค้ ดิ เหมือนครู 98.30 96.60 รวม 98.30
16 จำกตำรำงที่ 6 พบวา่ ดา้ นทศั นะและท่าทขี องครผู ู้สอนในการจัดการเรียนรเู้ พศวถิ ี และทักษะ ชีวติ ในหลักสูตรการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ภาพรวม มีการปฏบิ ัติ คิดเป็นรอ้ ยละ 98.30 สิง่ ทีค่ รทู ำได้ดี - สอนวิธีคดิ ให้นกั เรยี นใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เห็นท่ีหลากหลาย การกระตุ้นความคดิ ของ ผู้เรียน เสนอแนะแนวทางเลือกท่ีดี ส่งเสริมใหน้ กั เรียนคิดและวเิ คราะห์คาถามให้นักเรียนได้ฝกึ เนน้ การคิดเอง ทาเอง ด้วยกลั ยาณมิตร ครูมคี วามเป็นกันเองกบั นกั เรียน นักเรยี นกล้าคิดกล้าแสดงออกและนักเรยี นได้ แสดงออกเตม็ ท่ี มีการใช้ทกั ษะกระบวนการคดิ ท่ีใหน้ กั เรียนรู้จกั ฝึกคดิ วเิ คราะหด์ ว้ ยตนเอง - ครเู ปน็ แบบอย่างในการปฏิบัติตนทเ่ี หมาะสมให้นกั เรียนได้ เชน่ การแต่งกาย และ การใชว้ าจา ท่สี ุภาพสามารถดึงดูดผเู้ รยี นไดด้ ี มีท่าทางทค่ี ล่องแคล่วในการสาธติ ข้นั ตอนของบทเรียน - บุคลิกภาพครผู ู้สอนดี การย้ิมแย้มแจม่ ใสในการสอนและใชว้ าจาที่สุภาพเหมาะสมกับวัย นกั เรยี นใหค้ วามเป็นกนั เอง สร้างบรรยากาศการเรยี นรรู้ ว่ มกันกบั นกั เรียนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดแ้ สดงความ คิดเหน็ และใช้วธิ ีการสอนทด่ี เี หมาะสมกับการเรียนการสอนพฤตกิ รรมที่แสดงออกอยา่ งมติ รกับผเู้ รยี นทาให้ นักเรียนมีสว่ นรว่ มในการจดั การเรยี นรู้และไมอ่ ึดอดั - ครมู เี ทคนิคการสอนท่ีดี อธิบายไดช้ ดั เจน เเนะนาแนวทางไดช้ ดั เจนไมโ่ น้มนา้ วนักเรยี นให้คดิ เหมอื นครู และมกี ารใช้คาถามปลายเปิดเพ่ือให้นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ ของตนเองโดยไม่ช้ีนานกั เรียนไป ในทางเดียวกับตนเอง - การเขา้ ถงึ ความร้สู ึกของผู้เรียนทั้งถูกผดิ ให้แกผ่ เู้ รียนเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นแสดงความคดิ เห็น และรับฟงั ความคิดเห็นของผเู้ รียน การใชค้ าพูดเพื่อสรา้ งความเชื่อใจระหว่างครแู ละนักเรยี น มคี วามเป็นกนั เอง ส่งผลใหน้ ักเรยี นกล้าตอบคาถาม กล้าพูดและเล่าเรอื่ งราวของตนเอง - ครผู ูส้ อนมที ัศนคติและทา่ ทีเป็นกลางไม่รงั เกยี จหรอื อายเวลาสอนเรอ่ื งเพศ พยายามพูดดว้ ย ทา่ ทีสงบ มีการเตรยี มคาพดู ลว่ งหนา้ ไมแ่ สดงออกดา้ นลบเม่อื นกั เรยี นมคี วามสนใจเรือ่ งเพศ เปดิ ใจกว้าง - ครผู ู้สอนมที กั ษะการพูดทีน่ ่าสนใจและเปน็ ธรรมชาติใชน้ ้าเสยี ง ท่าทาง แววตาที่ดไี มส่ ่งผลให้ นกั เรยี นอดึ อัดตอ่ กจิ กรรมต่าง ๆ ท่ีเกดิ จากความกลัว ความถกู ตอ้ งหรือไม่ถกู ต้อง - ครมู ีลักษณะการสอนทีเ่ ปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นได้แสดงออกอยา่ งเต็มความสามารถของแต่ละคนมี การแบง่ หน้าท่กี นั เปน็ กลุ่ม มีการสรา้ งแรงจงู ใจ - มบี คุ ลกิ ภาพทด่ี ี พดู จาฟงั ชัดเจน การใช้ภาษาถกู ตอ้ ง มลี ักษณะเป็นมติ รกบั นกั เรยี นและมีเรือ่ ง เล่าตลกขบขนั เพื่อเปน็ กิจกรรมคลายเครยี ดให้กบั ผู้เรียน - ครูสามารถปลกู ฝังค่านยิ มได้ดี ใหแ้ งค่ ิด คตคิ วามเช่ือเรอ่ื งเพศในเชงิ บวก การปฏิบัติตนเอง ในส่งิ ทค่ี วรเรื่องเพศ สรา้ งบรรยากาศในห้องเรยี น ไมอ่ ดึ อดั นา่ อายในเร่อื งเพศวิถี - มีท่าทกี ารสอนที่ไมเ่ คร่งเครยี ด วางตัวเปน็ กลาง ยก case study ให้นักเรียนรว่ มกันแสดง ความคิดเหน็ โดยครไู ม่ช้นี าความคิด ไม่โนม้ น้าวใหน้ ักเรียนคลอ้ ยตาม เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ซง่ึ กนั และกนั ทาใหค้ รูไดท้ ราบมมุ มองใหม่ๆและเข้าใจผเู้ รยี นไดง้ า่ ยขนึ้ - มีสอื่ หลากหลาย การยกตัวอยา่ งประกอบ การใชส้ อื่ ภาพประกอบการสอน
17 - เตรียมการสอนมาลว่ งหนา้ มีการจัดเตรยี มประเด็น/คาถามทจี่ ะเปน็ กระบวนการคิดของ นกั เรยี น การใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเห็นและฝกึ พดู คยุ /นาเสนอผลงาน - ใหน้ ักเรียนยกตัวอย่างวธิ ีการแกป้ ัญหาเปน็ อลั กอรทิ ึม นอกเหนอื จากตัวอย่างท่ีครูสอน และให้ ผเู้ รียนใช้ความคิดนอกกรอบได้อยา่ งอิสระ ขอ้ เสนอแนะ - ควรกระต้นุ ให้นักเรยี นทุกคนมีสว่ นรว่ ม - ควรหากจิ กรรมหรอื เพลงนนั ทนาการให้เดก็ การทส่ี อนยังมีทา่ ทีเขินอายสาหรับอปุ กรณ์ เชน่ ถงุ ยางอนามัยกบั อวยั วะเพศชายเทยี ม อาจทาให้ผู้เรียนไมเ่ ชอ่ื มัน่ - ควรใหน้ ักเรยี นกลา้ แสดงออกไดท้ ุกคน ใหน้ กั เรยี นไดแ้ สดงความคดิ เห็นใหม้ ากกว่าน้ี - ครไู ม่ควรใจร้อนในการท่ีจะรอการตอบคาถามจากนักเรยี นจนกลายเปน็ ตอบคาถามเอง - ควรมีความเขา้ ใจลักษณะนิสัยของนักเรยี นแต่ละคนว่ามีความแตกตา่ งกัน อาจมีเสยี งดัง เกิดจากการปฏบิ ัติงานของนกั เรียนบา้ ง - ควรใช้คาถามทห่ี ลากหลาย - ครผู ู้สอนต้องลดความเรว็ ในการพดู หรือทากิจกรรม เพ่ือให้นักเรียนทาตามได้ทกุ คน - ควรฝกึ ทกั ษะกระบวนการคิดของนกั เรียน ควรจดั กลุ่มยอ่ ยในการแสดงความคดิ ครูผู้สอนใช้ คาพูดแบบเสรมิ แรง เพื่อใหน้ กั เรียนมคี วามม่ันใจในการแสดงความคิดเห็น - ควรมขี ้อตกลงร่วมกนั กอ่ นทากิจกรรมปรบั บุคลิกใหเ้ ปน็ ธรรมชาติเสมือนบุคคลในครอบครัว ของผเู้ รยี น - หาอปุ กรณ์ประกอบการทากิจกรรมให้หลากหลาย - การสอ่ื สารบางเรื่องควรให้อยู่กรอบประเดน็ ท่ีจะเรยี นรู้ - ควรสร้างความคุ้นเคยกบั นักเรียนเพอื่ ให้นกั เรยี นกลา้ ท่ีจะแสดงความคดิ เหน็ ตำรำงที่ 7 ตารางแสดงผลการตรวจเยี่ยม นิเทศ ตดิ ตามและสังเกตการณ์จัดกระบวนการเรียนรู้ โครงการ การนิเทศ กากบั ตดิ ตามการจัดการเรียนร้เู พศวิถี และทักษะชีวติ ในหลกั สตู รการศกึ ษา ขน้ั พื้นฐาน ของสถานศกึ ษาในสังกัดสานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 (ดา้ นการให้ข้อมูลของครผู ้สู อน) รายการ ปฏบิ ตั ิ คิดเปน็ ร้อยละ 1. การใหข้ อ้ มูลรอบด้าน ไม่ปิดบงั 2. การใหข้ ้อมูลถูกต้อง ไมค่ ลาดเคลือ่ น 94.90 3. อธิบายได้ชดั เจน 100 98.30 รวม 97.73 จำกตำรำงที่ 7 พบว่า ดา้ นการใหข้ ้อมูลของครผู ู้สอนในการจัดการเรยี นร้เู พศวถิ ี และทักษะชวี ติ ในหลักสูตรการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ภาพรวม มกี ารปฏบิ ัติ คิดเปน็ รอ้ ยละ 97.73
18 สงิ่ ทีค่ รูทำได้ดี - ครูผู้สอนมีการใช้ข้อมูลและความรู้ท่ีเหมาะสม มีความรู้ทางเพศอย่างถูกต้องและมีทักษะ ในการสอน จัดกิจกรรมสนกุ สนานมีส่ือท่ีเหมาะสม เข้าใจง่ายอธบิ ายครบทกุ ประเด็นอธบิ ายไดช้ ดั เจน ข้อมลู ถูกต้อง - ครมู กี ารจัดการเรยี นการสอนที่เขา้ ใจง่าย นกั เรยี นสามารถเขา้ ใจในเน้อื หาท่คี รูสอน - มีการยกตวั อย่างของครผู สู้ อนจากประสบการณ์ตรงได้ดี ยกตวั อย่างโดยใชส้ ื่อกระตุ้นให้ นักเรียนแสดงความคิดเห็น - ครูมีการให้ข้อมูลในการสอนอย่างรอบด้าน โดยไม่ปิดบัง มีความถูกต้อง และความ แม่นยา สามารถอธิบายเนื้อหาได้ค่อนข้างชัดเจนมองเหน็ ภาพและเหตุการณ์ - ครูตอบขอ้ ซักถามได้ชัดเจน ถูกต้อง แสดงกิริยาท่าทางท่ีเหมาะสม - มกี ารสรุปยอดองค์ความรู้ของเนื้อหาจากน้นั อธบิ ายเป็นแผนภูมริ ูปภาพ กราฟ และ mind map ใหก้ บั ผู้เรยี นเข้าใจงา่ ย - ครูผู้สอนมีการใช้ขอ้ มูลและความรู้ทีเ่ หมาะสม มีความรู้ทางเพศอยา่ งถูกตอ้ งและมที กั ษะ ในการสอน จดั กิจกรรมสนกุ สนานมสี ือ่ ท่ีเหมาะสม เข้าใจงา่ ย - ครูให้ขอ้ มูลครอบคลมุ เน้ือหาตรงตามหลกั สูตรของสถานศึกษา ขอ้ มูลถูกต้อง ยกตัวอยา่ ง ชัดเจนครูมีความรรู้ อบดา้ นและสามารถถ่ายทอดได้อย่างแมน่ ยา - ครมู ีการเสนอแนะความรูท้ ่เี ปน็ ปัจจบุ ัน มีข้อมูลทีส่ ามารถเชือ่ มโยงกับบทเรียน สรุปหวั ขอ้ และอธบิ ายกระชับให้นักเรยี นไปวเิ คราะหเ์ พิ่มเตมิ - มเี ทคนิคการสอนท่เี ป็นวชิ าการ ทาให้นักเรียนไมเ่ ขนิ อาย และกล้าทจ่ี ะซกั ถาม - ครสู ามารถอธิบายความหมายและความสาคญั ได้ โดยค้นควา้ จากแหล่งต่าง ๆ มาใหก้ ับนักเรียน - ครูนาความรูข้ ้อมูลเรอื่ งเพศที่ทันสมยั ขา่ วสารเกี่ยวกับเรื่องเพศ วิธีการปฏบิ ัติตน และเพศตรงข้ามใหเ้ หมาะสมกบั วัย นาขอ้ มูลเก่ียวกับโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์มาอธิบายให้ เข้าใจ มกี ารอา้ งองิ แหลง่ ท่ีมาของข้อมลู ทช่ี ัดเจน - ครเู ปน็ ผู้ให้คาปรกึ ษาอย่างกัลยาณมติ ร จดั กจิ กรรมการเรยี นร้อู ยา่ งน่าสนใจ ใชส้ ่อื อย่างหลากหลาย ผ้เู รยี นสนุกสนานครมู ภี มู ิร้แู ละสามารถถ่ายทอดความคิดกับผูเ้ รียนได้อยา่ งดี ขอ้ มูลรอบด้าน สะท้อนความคดิ /ความรู้ผ่านประสบการณ์ บรรยากาศเป็นกันเองและดูเป็นมติ ร/เป็นท่ีไวว้ างใจ - ครผู ู้สอนสามารถตอบคาถามนกั เรียนท่มี นี อกเหนือจากบทเรยี นได้ดี มีการยกตวั อยา่ ง ของโทษและขอ้ ดีเร่อื งท่สี อน การใช้สอ่ื ประกอบการสอนอยา่ งเข้าใจง่าย - ครูเชื่อมโยงเร่อื งทีส่ อนกบั สถานการณ์ปัจจุบัน กระต้นุ ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เห็น การสอนที่เนน้ กจิ กรรมเกมส์ นักเรียนมีความสนุก - ครมู กี ารเตรียมพรอ้ มทด่ี ี ส่งผลใหม้ ขี อ้ มูลเก่ยี วกับเรอื่ งที่สอน สามารถถา่ ยทอด อธิบายให้ นกั เรยี นเขา้ ใจอยา่ งชัดเจน
19 ข้อเสนอแนะ - ควรมกี ารทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเปน็ ระยะ - ควรบรู ณาการ ยกตัวอย่างเหตกุ ารณ์การป้องกัน โดยใช้วิธีการป้องกนั ที่หลากหลายแตกตา่ ง กันออกไป เพ่อื ใหน้ กั เรยี นเหน็ ไดช้ ดั เจนหรือเขา้ ใจมากยิง่ ขึ้น - ควรหาขอ้ มูลที่สามารถอา้ งอิงไดแ้ ละนักเรียนสามารถเข้าถงึ แหล่งอา้ งองิ ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เพอื่ ให้ข้อมลู ที่ถกู ตอ้ ง - ควรนาเหตกุ ารณ์ปจั จุบนั ทีม่ ีผลกระทบกบั ตัวนักเรียนมาใหน้ ักเรียนไดแ้ สดงความคิดเหน็ และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั - ควรเปดิ เผยข้อมูลสาคญั ที่นกั เรียนอยากรู้ และยกตวั อย่างกรณีศกึ ษามากกวา่ น้ี - ครคู วรศึกษาข้อมลู ที่เกย่ี วขอ้ งกบั การจัดการเรียนรู้ใหห้ ลากหลาย ทันสมยั มีการใหข้ ้อมูลท่ี เชอื่ มโยงกับเหตกุ ารณ์ทีน่ ่าสนใจ และเปน็ ปจั จบุ นั เพ่ือให้นกั เรียนได้ทราบถงึ ขอ้ มูลรอบด้าน - ควรเพม่ิ หวั ขอ้ สนทนา ขอ้ มูลควรมคี วามหลากหลาย เชน่ วีดโี อขอ้ มูล แหล่งค้นคว้า ควรหลากหลายทนั สมยั แนะนาแหลง่ ข้อมลู ให้กบั นกั เรยี นทส่ี นใจ - ควรใช้ส่อื เทคโนโลยใี ห้เป็นประโยชน์ในการยกตัวอย่างทีห่ ลากหลาย หรอื อาจจะจัดกจิ กรรม กลุม่ ให้นักเรยี นไดแ้ สดงบทบาทสมมุติเรอ่ื งทกั ษะการปฏเิ สธ - ควรมีการยกตัวอยา่ งประกอบ ในทกุ ๆกิจกรรมการสอน - ภาพท่แี สดงอาจเลก็ เกินไป - ควรสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม - การนาขอ้ มูลใหน้ กั เรียนศกึ ษาพร้อมบอกแหล่งข้อมูลอ้างองิ ใช้ส่ือที่ทันสมัย หาข้อมลู ของ วัยรุ่นยคุ ใหมเ่ พื่อให้ทันต่อยุคสมัยบางเนือ้ หาควรเพ่มิ ขอ้ มลู เชิงลึกใหก้ ับผูเ้ รียน ข. ส่ิงท่ี Coach เห็นวำ่ เปน็ อุปสรรคในกำรจัดกำรเรียนรคู้ รั้งน้ี ด้ำนเวลำ o ระยะเวลาน้อยเกนิ ไป คดิ เป็นรอ้ ยละ 58.62 o ระยะเวลาปานกลาง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.72 o ระยะเวลาเหมาะสม คิดเปน็ รอ้ ยละ 25.86 o ระยะเวลามาก คิดเปน็ ร้อยละ 8.62 o ไม่แสดงความคดิ เห็น คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5.17 ด้ำนนกั เรยี น o มีความสนใจและให้ความร่วมมือ คิดเป็นรอ้ ยละ 90 o ให้ความสนใจตอ่ กิจกรรมการจัดการเรียนรดู้ ีมากมบี างคนท่ีอาจจะเขนิ อาย คดิ เป็นรอ้ ยละ 95 o นกั เรียนบางคนมองเห็นว่าเป็นเร่ืองไกลตวั จึงไม่คอ่ ยสนใจเท่าท่ีควร คดิ เปน็ ร้อยละ 10 o ไม่ค่อยใหค้ วามสนใจในการจดั การเรยี นการสอน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 80
20 ด้ำนกจิ กรรม o รูปแบบกจิ กรรมมีความเหมาะสมกบั วยั ของผเู้ รยี น o กิจกรรมระดมสมองสนอง เป็นเรื่องทคี่ วรสอนอยา่ งยิง่ ถงึ การปอ้ งกนั กจิ กรรมสอดคลอ้ งกับ ผเู้ รยี นได้ดีควรจดั กิจกรรมการเรียนรูใ้ หห้ ลากหลายวิธีการ o ผู้เรียนสนกุ กบั การเรยี นรู้ กจิ กรรมสอดคล้องกบั วัยของผู้เรยี น o ควรเพ่ิมกจิ กรรมแสดงบทบาทสมมติ o กจิ กรรมแบ่งกล่มุ แลกเปลีย่ นเรยี นรู้ นักเรยี นได้แสดงออกทางความคิดอย่างอิสระ ด้ำนครู o ผสู้ อนมีทักษะทดี่ มี าก มีข้อมลู ทีค่ รบถว้ นมกี ารเตรียมตัวดีมาก o ใช้ทักษะทห่ี ลากหลาย เช่น บรรยาย ปฏบิ ัติ การยกตัวอย่าง การเล่าเรอ่ื ง o มีการเตรยี มการสอน(แผนการสอน) และใช้เทคโนโลยมี าประกอบการสอนทท่ี ันสมยั ควรมีใบงานท่ีผู้เรียนได้สะท้อนความคิดเห็นของตัวเอง เพื่อครจู ะได้มองเห็นปญั หาของผู้เรยี น ด้ำนอุปกรณ์/ส่ือ/ห้องเรียน o หอ้ งเรยี นมอี ปุ กรณ์และสื่อที่น่าสนใจและเพยี งพอ o ใช้สื่อการสอนจากทวี ี เสยี งดังชดั เจนและมองเหน็ ทัง้ หอ้ ง o อปุ กรณ์มกี ารขดั ข้องทางเทคนคิ บ้าง มกี ารใช้สือ่ ท่ีสอดคล้องกบั ตวั ช้วี ดั ในระดบั มีความพร้อม และเหมาะสม สภาพบรรยากาศห้องเรยี นไมเ่ อือ้ อานวยเพราะหอ้ งเรียนคบั แคบ o บรรยากาศในชั้นเรยี นเหมาะสมกับการจัดกจิ กรรมการเรียนร้ดู ี แต่ควรเพม่ิ เครอ่ื งขยายเสียง เนอ่ื งจากนกั เรยี นบางคนพูดเสียงเบา o ส่อื ทเ่ี ปน็ ของจรงิ หรอื แบบจาลองยังมีนอ้ ย o ควรเพิ่มส่อื ประเภท Model หนุ่ จาลอง ค. ขอ้ สังเกตอน่ื ๆของ Coach กำรพูดคุยกับครูหลังกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ Coach ได้พดู คุยกบั ครหู ลงั การสอน จานวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 87.93 เรื่องทคี่ ุย สรปุ ได้ดงั น้ี 1. การใหค้ วามสนใจกับนกั เรยี นบางสว่ น เพ่อื หาแนวทางแกป้ ัญหา 2. กระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยใหเ้ พิม่ เทคนิคการสอนท่ีเหมาะสมกบั เนอ้ื หา 3. การใช้คาถามเพ่อื กระตนุ้ ความคิดของผูเ้ รยี น 4. แหลง่ อา้ งอิงในการจัดการเรียนการสอน 5. ปัญหาในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน 6. การเตรียมกรณศี กึ ษาให้หลากหลาย และทันสมัย เหมาะสมกบั วยั ของนักเรียน 7. ให้ครูได้สะทอ้ นการจัดการเรยี นรขู้ องตนเอง 8. สอบถามความเข้าใจนักเรยี นหลงั จดั การเรียนการสอน
21 9. ชนื่ ชมการจดั การเรียนการสอน และแลกเปล่ยี นเรยี นรู้กนั แนะนาเทคนคิ การสอนและให้ข้อ ปรบั ปรุง 10. การนาเพศวิถศี กึ ษาเข้ามาสอนในหอ้ งเรียน 11. กิจกรรมทส่ี ามารถเสรมิ ไดใ้ นการจัดการเรยี นการสอน 12. การประเมนิ หรือนิเทศ การใหค้ าปรึกษา 13. การใช้สื่อประกอบการเรยี นการสอนใหมๆ่ ให้ผูเ้ รียนแสดงบทบาทสมมติและแสดงความรู้สึก ความคิดเหน็ บ่อยๆเพอ่ื ลดความเขินอายเก่ียวกบั เพศศึกษา 14. เพศของตนเองและเพ่ือน การแจง้ รายละเอียดเพ่ือใหน้ ักเรียน เตรยี มการ ก่อนเรียนทุกครง้ั 15. พูดคยุ ปญั หา อุปสรรค การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน การใหค้ วามร่วมมือของนักเรียน 16. ส่ิงท่ีประสบผลสาเร็จการจดั การเรยี นการสอน และส่งิ ท่ีควรปรบั ปรุง ในการสอนครง้ั ต่อไป 17. การเตรยี มความพรอ้ มของอปุ กรณ์ และอัพเดทโปรแกรมใหเ้ ป็นปจั จบุ ันเสมอ 18. เพม่ิ เติมการใช้สือ่ และภาพประกอบการเรยี นการสอนเพ่ือให้นกั เรียนเหน็ ภาพชดั เจนยงิ่ ข้นึ 19. การใช้ ภาษา ตอ้ งพดู ให้ชดั เจน การจดั กจิ กรรมให้เข้ากับผเู้ รยี นสรา้ งความสนใจให้ผเู้ รยี นมากข้ึน 20. การฝึกทักษะกระบวนการคดิ วิเคราะหว์ ่านักเรียนควรมีการแยกแยะขอ้ ดีขอ้ เสยี ในสิง่ ที่เรียนร้ไู ป 21. แนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน การเพิ่มเนอ้ื หาบางเรือ่ งและการพดู คยุ กบั นักเรียนแยกกลมุ่ ประเดน็ ทสี่ นใจ ตำรำงที่ 8 ตารางแสดงผลการตรวจเยี่ยม นิเทศ ตดิ ตามและสังเกตการณ์จัดกระบวนการเรยี นรู้ โครงการ การนิเทศ กากบั ติดตามการจดั การเรียนร้เู พศวถิ ี และทักษะชีวติ ในหลักสูตรการศกึ ษา ขัน้ พื้นฐาน ของสถานศึกษาในสังกดั สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 (ดา้ นความรู้สึกของครตู ่อการใชแ้ ผนการเรยี นร)ู้ หัวข้อ ระดบั ความรู้สกึ (รอ้ ยละ) ตง้ั คาถามเพ่ือสรา้ งการเรียนรู้ มากกวา่ การบอก มาก ปานกลาง นอ้ ย เปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นซักถาม แสดงความคดิ เห็น การฟังเพอ่ื จับประเด็นสาคญั 64.4 35.6 - สรุปโดยเชื่อมโยงประเดน็ จากผู้เรยี น มีความชัดเจนในเน้ือหา กระบวนการ 88.1 11.9 - ความมน่ั ใจในการจัดการเรยี นรู้ สามารถจัดไดบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ 62.7 37.3 - รวม 67.8 32.2 - 84.7 15.3 - 88.1 11.9 - 86.4 13.6 - 77.46 22.54 - จำกตำรำงท่ี 8 พบว่า ด้านความรู้สกึ ของครูต่อการใชแ้ ผนการเรียนรู้ในการจดั การเรยี นรู้เพศวิถี และทักษะชีวติ ในหลกั สูตรการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ภาพรวม ส่วนใหญ่มีความรสู้ ึกอยใู่ นระดบั มาก คดิ เปน็ ร้อยละ 77.46 รองลงมา คือ มคี วามรู้สกึ อยู่ในระดบั ปานกลาง คิดเปน็ ร้อยละ 22.54
22 ส่งิ ทค่ี รคู ิดว่ำทำได้ดีในครง้ั นี้ - การจดั กิจกรรมทีห่ ลากหลาย น่าสนใจ - มีการซกั ถามผูเ้ รียนตลอดเวลาในขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม - สามารถสอนได้เปน็ ไปตามวัตถปุ ระสงค์ ผู้เรยี นมกี ารโตต้ อบ - แม่นยาในเนอ้ื หาวิชาในการจัดการเรยี นการสอน และใชส้ ือ่ การสอนเพอ่ื ดึงดดู ความสนใจของนักเรยี น - จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ไดส้ อดคลอ้ งกบั แผนการจดั การเรยี นรู้ - เตรยี มสอ่ื การสอนและนวัตกรรมที่ดีเหมาะสมสอดคลอ้ งกับการเรียนการสอน - การนาประสบการณ์จริงของตนเองมานาเสนอให้กบั ผเู้ รียนไดเ้ กิดการเรยี นรู้ - นักเรียนทากิจกรรมบรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ เนอ้ื หาท่ีสามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้ - การจดั บรรยากาศการเรยี น การกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนมคี วามสนใจ - มีการจัดกิจกรรมการเรยี นท่ีเหมาะสมกบั เน้ือหา และวยั ของนกั เรียน มกี ารใชเ้ หตกุ ารณ์ทเ่ี กดิ ข้นึ ใน ชีวติ ประจาวันเปน็ ตัวอยา่ งในการเรียนรู้ - การใช้สือ่ ในกจิ กรรมการจัดการเรียนการสอน แนะนาการมีเพศสัมพันธอ์ ยา่ งปลอดภยั - กระตนุ้ ผเู้ รยี นให้เกดิ ความสนใจ - รบั ฟงั ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอของนกั เรยี น เพอ่ื นามาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ - การจัดกจิ กรรมท่ีหลากหลาย เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ และสามารถตอบขอ้ ซักถามของนักเรยี นได้ชัดเจน - การจดั การเรยี นการสอนโดยกระบวนการกลุม่ การแลกเปลีย่ นความคิดในหอ้ งเรยี น - การสรา้ งแรงบนั ดาลใจให้กบั นกั เรยี นในการดาเนินชีวติ - การมีสว่ นร่วมของนกั เรยี นในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน หรอื การใหน้ กั เรยี นคดิ เองเพอ่ื ดาเนนิ กิจกรรม นกั เรียนสามารถสรา้ งองคค์ วามรไู้ ด้ - การสร้างบรรยากาศเปน็ กนั เอง ทาให้นักเรียนกล้าซักถาม พดู คุย เปิดใจ - การสอนแบบแบ่งกล่มุ และใหน้ กั เรียนได้แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ปัญหา - จดั กิจกรรมการสอนแลว้ นักเรยี นเปดิ ใจปรับตัวยอมรับเพอื่ นใหมแ่ ละมีเพอ่ื นเพ่ิมมากข้ึน - การสอนท่ีเปน็ กนั เองกับนักเรยี นทาใหน้ ักเรยี นกลา้ ที่จะแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ กับครแู ละเพอ่ื นใน ชน้ั เรยี น ส่งิ ทคี่ ิดว่ำควรปรับปรงุ เพื่อทำให้ดขี ้ึนในกำรจดั ครั้งต่อไป คอื - การบริหารเวลาให้เหมะสม พอดี หรอื ทากจิ กรรมใหพ้ อดกี ับเวลา - จัดส่อื การสอนให้หลากหลายมากข้ึน การเตรียมใบงาน ใชส้ ือ่ และนวัตกรรมให้ทนั สมัยและทันต่อ เหตุการณ์ - สอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรมในกิจกรรม - ควรส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนกลา้ แสดงออกได้มากข้ึน - ควรจดั กิจกรรมโดยเน้นผูเ้ รยี นเป็นศนู ย์กลาง ให้ทุกคนมีสว่ นรว่ มในการจัดการเรียนรู้ทุกคน
23 - ควรแบ่งกลุม่ นกั เรียนในการทากจิ กรรม กล่มุ ละ 3-4 คน เพื่อใหน้ กั เรยี นทุกคนได้ลงมอื ปฏิบัติ กจิ กรรมไดท้ วั่ ถึง - การต้ังคาถามกระต้นุ ความคิดทีห่ ลากหลายและการสรปุ ความรู้ - การค้นหาขอ้ มลู ทีน่ ักเรยี นสนใจเป็นพเิ ศษ เรอ่ื งค่านยิ มทางเพศของวัยรุน่ ในปจั จบุ ัน เพ่มิ เตมิ เนอ้ื หาในหลาย ๆ มุมมอง ยกตัวอยา่ งให้หลากหลาย และใกลต้ ัวนกั เรียนมากขนึ้ - การสรา้ งความไว้วางใจ ให้ผู้เรยี นกล้าแสดงความคิดเห็น - วิธกี ารให้คาปรกึ ษา ควรทาในชอ่ งทางส่วนตัวและเป็นความลับ นกั เรยี นทกุ คนเขา้ ถงึ ครไู ด้ - การเสรมิ สร้างความรู้ เกี่ยวกับเพศชาย เพือ่ จะไดบ้ อกเล่า/แนะนานักเรยี นได้ละเอียดมากข้ึน - ดงึ ความสนใจของผู้เรยี นบางส่วนได้ แสดงออกเพม่ิ มากขน้ึ เน้อื หาทหี่ ลากหลาย สื่อ การนาคลิปวดี ิโอมาเปดิ ใหน้ ักเรยี นดู ในเรื่องการสารวจร่างกายตนเอง ขอ้ เสนอแนะของครู - อยากใหค้ รูทกุ ท่านพดู คยุ เร่ืองเพศกบั นกั เรยี นไม่ใช่เฉพาะวิชาสุขศึกษาเทา่ นน้ั เพราะ เรอ่ื งเพศ เป็นเรือ่ งธรรมชาตทิ ่ที ุกคนควรร้เู ปน็ ทกั ษะชวี ิตหนึ่งของมนษุ ย์ - ควรมีการสนับสนนุ สอื่ การสอนทท่ี ันสมัย เพ่อื ให้นักเรียนเกดิ ความสนใจและเขา้ ใจมากขนึ้ - การเปลยี่ นหัวขอ้ สนทนาไม่ควรเวน้ ชว่ งนานเกนิ ไป ควรมกี ารพดู คยุ กนั ระหว่างครูกับนกั เรียน ตลอด - ควรมสี ือ่ การเรียนทีท่ างกระทรวง หรอื งบประมาณให้กบั กับครผู ูส้ อน เพ่ือให้กิจกรรมสมบรู ณ์ - ควรจัดสรรงบประมาณ เรอื่ งสื่อการสอนที่ทนั สมัย นักเรียนเข้าใจงา่ ย และกงึ ดคู วามสนใจของ นกั เรียน - ควรประชาสัมพันธ์และสรา้ งเครอื ขา่ ยครูผ้สู อน หรือกิจกรรมเพื่อนคุยกับเพื่อน - ครสู าระอื่นๆ สามารถสอนได้ ในการบรู ณาการ
24 ตำรำงท่ี 9 ตารางแสดงผลการติดตาม STEM Education/วธิ ีสอนโดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน (Problem-Based Learning : PBL) ของสถานศึกษาในสังกัดสานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ท่ี รายการ จานวนโรงเรียน (ร้อยละ) 1. การจัดการเรียนรโู้ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐาน (Problem-Based Learning : PBL) 89.8 1.1 สถานศึกษามีการจดั การเรียนร้โู ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning : PBL) 89.8 86.4 2. การจัดการเรียนรู้ลักษณะของ STEM ศกึ ษา 2.1 สถานศกึ ษามีการจัดการเรียนรูใ้ หน้ กั เรยี น ตามแนวทาง STEM ศึกษา (รายวชิ า/โครงการ/กิจกรรม/ในรูปแบบต่างๆ) 2.2 มีครทู เ่ี ข้ารับการอบรมสะเต็มศกึ ษา (สสวท./หน่วยงานอืน่ ๆ) จำกตำรำงท่ี 9 พบวา่ สถานศึกษามีการจัดการเรียนรโู้ ดยใช้ปัญหาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning : PBL) ร้อยละ 89.8 มีการจดั การเรยี นรใู้ ห้นกั เรยี น ตามแนวทาง STEM ศึกษา (รายวิชา/โครงการ /กจิ กรรม/ในรูปแบบต่าง ๆ) รอ้ ยละ 89.8 และมีครูทเี่ ข้ารับการอบรมสะเตม็ ศกึ ษา (สสวท./หน่วยงานอ่ืน ๆ) รอ้ ยละ 86.4
25 ตำรำงท่ี 10 ตารางแสดงผลการตดิ ตามโครงการขับเคลือ่ นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสสู่ ถานศึกษา ของสถานศกึ ษาในสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ท่ี รายการ จานวนโรงเรยี น (รอ้ ยละ) 1. มีแผนงาน/โครงการ พฒั นาบคุ ลากรของสถานศกึ ษา เพ่อื สร้างความรู้ความ 96.6 เขา้ ใจและตระหนักในคณุ คา่ ของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. การดาเนนิ การตามแผนปฏบิ ตั งิ านประจาปีท่มี นี โยบายน้อมนาหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาขับเคล่อื นในสถานศกึ ษาครอบคลมุ ทุกกลุ่มสาระ 98.3 การเรียนรทู้ ุกระดบั ชัน้ อย่างเหมาะสมกบั สภาพความเป็นจรงิ ของสถานศกึ ษา 3. บรหิ ารอาคารสถานทจ่ี ัดแหล่งการเรียนรใู้ นสถานศกึ ษาตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งใช้ประโยชนอ์ ย่างคุ้มคา่ และเกิดประโยชน์ตอ่ 100 การจัดการเรยี นรมู้ ีการบารุงรักษาอาคารสถานท่ี สภาพแวดลอ้ ม แหลง่ เรยี นรอู้ ย่างสม่าเสมอ 4. ประสานสัมพันธก์ บั ชมุ ชนใหม้ สี ว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือ 94.9 เสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะอยอู่ ยา่ งพอเพียงของผู้เรียน รวม 97.45 จำกตำรำงที่ 10 พบว่า ภำพรวม สถานศกึ ษามีขบั เคลื่อนหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงสู่ สถานศกึ ษา คิดเปน็ ร้อยละ 97.45 เมอ่ื พิจารณารายขอ้ พบวา่ การบริหารอาคารสถานท่ี จัดแหลง่ การเรยี นรู้ ในสถานศึกษาตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ใช้ประโยชนอ์ ยา่ งคุม้ ค่า และเกดิ ประโยชนต์ อ่ การจัด การเรยี นรู้ มกี ารบารุงรกั ษาอาคารสถานท่ี สภาพแวดล้อมแหลง่ เรียนรู้อยา่ งสมา่ เสมอ มคี ่าสงู สดุ รอ้ ยละ 100 รองลงมา คอื การดาเนินการตามแผนปฏบิ ัติงานประจาปี ทีม่ นี โยบายน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาขับเคลอ่ื นในสถานศึกษา ครอบคลมุ ทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรทู้ ุกระดบั ชัน้ อยา่ งเหมาะสมกับสภาพ ความเปน็ จรงิ ของสถานศึกษา ร้อยละ 98.3 และโรงเรียนมีแผนงาน/โครงการ พฒั นาบคุ ลากรของสถานศกึ ษา เพ่ือสรา้ งความรู้ความเข้าใจและตระหนักในคุณคา่ ของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ร้อยละ 96.6
26 ผลกำรนิเทศ ติดตำมกำรดำเนนิ งำนของสถำนศึกษำที่จัดกำรศึกษำ โครงกำรจัดกำรศึกษำ ขน้ั พ้นื ฐำนเพอื่ กำรมงี ำนทำในศตวรรษที่ 21 ของสถำนศึกษำในสังกดั สำนักงำนเขตพนื้ ทก่ี ำรศึกษำ มธั ยมศึกษำ เขต 42 ภำคเรียนท่ี 2 ปกี ำรศกึ ษำ 2563 1. รูปแบบทโ่ี รงเรียนดาเนนิ การจัดการศกึ ษาข้นั พื้นฐานเพ่อื การมงี านทา รปู แบบการจัดสมรรถนะอาชพี ระยะสนั้ ในชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ คิดเป็นร้อยละ 47.5 รูปแบบการจดั เตรยี มพ้นื ฐานหลักสูตรอาชีวศกึ ษาและ มัธยมศึกษาตอนปลาย (ทวิศกึ ษา) คิดเปน็ รอ้ ยละ 11.9 รูปแบบการจดั เตรยี มความพร้อมความถนัดในสาขาวิชาชีพใน การศกึ ษาต่อระดบั อดุ มศกึ ษา คดิ เปน็ รอ้ ยละ 32.2 รปู แบบการจัดการเรียนรผู้ ้ปู ระกอบการในกิจกรรมธรุ กจิ พอเพียง คิดเปน็ ร้อยละ 8.5 2. จากรปู แบบท่ีโรงเรยี นดาเนนิ การจดั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานเพ่อื การมงี านทา โรงเรียนดาเนนิ การ ดงั น้ี 2.1 โรงเรียนได้ดาเนนิ การสารวจนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ว่ามนี กั เรียนคนใดสนใจเรยี น ต่อสายอาชีพหรือมนี กั เรียนคนใดสนใจเรยี นตอ่ ระดบั อดุ มศึกษา โดยมีการผลักดันและสนับสนุนนักเรยี น คอยให้คาปรึกษาและแนะแนวทางเพื่อให้นกั เรยี นไปสู่เปา้ หมายทีว่ างไว้ 2.2 จดั กจิ กรรมการเรยี นรใู้ ห้กับนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ไดเ้ รยี นทักษะอาชพี เปน็ หลกั สตู รระยะส้นั 2 หลกั สูตร คือ ช่างทาขนมชาววัง และชา่ งประดิษฐข์ องชารว่ ยจานวน 75 ชัว่ โมง/หลกั สตู ร จัดหลักสูตรทวิศึกษาในระดบั ช้นั ม.4-6 ในสาขาช่างยนต์, คอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ , บญั ชี 2.3 จัดกจิ กรรมในทกุ ระดบั ชั้นในคาบกิจกรรมลดเวลาเรียน 2.4 จดั การเรียนการสอนในรายวิชาการงานพนื้ ฐานอาชพี ในทุกระดบั ชน้ั และจดั การเรียน การสอนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ในวชิ าแนะแนวแกน่ กั เรียนทกุ ระดับชนั้ 2.5 รว่ มมือกับ วิทยาลยั สารพดั ชา่ งอุทยั ธานี จัดการเรียนการสอนนกั เรยี น 2.6 มกี ารจัดการเรียนรใู้ นวิชาผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ โดยใชป้ ราชญ์ชาวบ้านมาให้ความร้เู กี่ยวกับ การเผาขา้ วหลามจากไม้ไผ่ มีการเลอื กไม้ไผ่ การทาสว่ นผสม ข้นั ตอนการทา และการเก็บรักษา เพอื่ ให้นกั เรยี น มที กั ษะอาชพี จากสิ่งทมี่ อี ยู่ในชุมชน 2.7 จดั กิจกรรมการเรยี นการสอนควบค่กู ับวทิ ยาลัยการอาชพี โดยโรงเรียนไดจ้ ดั การเรยี น การสอนในรายวิชาพน้ื ฐาน และวิทยาลยั การอาชีพได้จดั การเรียนการสอนในรายวชิ าเพม่ิ เตมิ และได้ทา ขอ้ ตกลงในการเทียบโอนรายวชิ าระหว่างโรงเรยี นและวทิ ยาลัยการอาชีพ ในระดับชั้น ม.4 - ม.6 2.8 จัดทาหลกั สูตรระยะสั้น ผา้ ไหมรอ่ งตาที
27 2.9 โรงเรียนมีการจดั การเรยี นการสอนในสายอาชีพ งานคหกรรม อตุ สาหกรรม นกั เรยี นเลอื ก ตามความถนัดของนักเรยี น 2.10 ฝกึ ทักษะเพอ่ื การมีงานทา โดยใหน้ ักเรียนเลือกกจิ กรรมตามความสนใจ ท่ีโรงเรียนบูรณาการ ในคาบชมุ นมุ ตามความถนัดและองคค์ วามรทู้ ่ีมีของครผู สู้ อน 2.11 สร้างกจิ กรรมทีเ่ สริมสรา้ งอาชีพใหแ้ ก่นักเรียนและเพอ่ื การศึกษาตอ่ 2.12 การจดั การเรยี นการสอนวิชาโครงงานอาชีพ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นมีทักษะในการทางานใน ระดบั ชน้ั ม.6 และการจดั การเรยี นการสอนวิชาอาชพี ในระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 2.13 จัดสมรรถนะอาชพี ระยะส้นั ในช่ัวโมงชุมนมุ แบบเวียนฐาน 2.14 แบง่ เป็นระดบั ชน้ั โดยคานงึ ถงึ ช่วงวยั ในการเรยี นรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 จัดการเรยี นรู้ การทาดอกไมใ้ บเตย/ลกู มะกรดู ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 จัดการเรยี นรกู้ ารเลยี้ งไกพ่ นื้ บ้าน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 จดั การเรยี นรู้การทาวนุ้ แฟนซี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 จัดการเรยี นร้กู ารจดั ดอกไม้จากใบไม้สด ชน้ั มธั ยมศกึ ษา ปีที่ 5 จดั การเรียนรกู้ ารทาจักสานจากผักตบชวา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 จัดการเรยี นรู้การทาปุ๋ยหมักชวี ภาพ 2.15 จัดเปน็ รายวิชาเพิ่มเตมิ 2.16 จัดทาหลักสูตรอาชีพระยะสั้นและสารวจความต้องการของนกั เรยี นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ในการจัดการเรยี นการสอนอาชพี ระยะสั้น โดยไดร้ บั ความช่วยเหลือจากวทิ ยาลัยสารพดั ช่างอทุ ยั ธานี สง่ วิทยากรเขา้ มาจัดการเรียนการสอน รวมทัง้ มวี ิทยากรทอ้ งถิ่นเข้ามาจัดการเรียนการสอนรว่ มดว้ ย ซึ่งการจัดการเรียนการสอนข้ึนในวนั พุธเวลา 09:00 น ถึง 15:00 น เปน็ ประจาทกุ สัปดาห์ 2.17 จัดการศกึ ษาเพอ่ื ให้ผ้เู รียนประกอบอาชีพระยะสนั้ เช่น พาไปดงู าน และอบรมการสาน ตะกรา้ พลาสตกิ สบู่ ลงลกั ปดิ ทอง ยอ้ มผ้ามอ่ ฮ่อม และเสื้อยดื นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายดงู านเก่ียวกับ อาชีพ และส่งเสริมใหน้ กั เรยี นประกอบธรุ กิจพอเพยี ง เชน่ น้าสมุนไพร 2.18 จดั อบรมเชิงปฏิบัติการฝึกทกั ษะอาชีพแก่นักเรยี นตามความถนดั และสนใจ เร่ืองการฝกึ ปฏบิ ัติงานขนมพืน้ บ้าน งานโลหะ ทาพริกกะผง และปฏิบัติงานปนู 2.19 จดั เตรียมความพร้อมความถนัดในสาขาวิชาชีพในการศกึ ษาตอ่ ระดบั อดุ มศึกษา โดยการเปดิ แผนการเรยี นการจดั การธรุ กิจการค้าสมัยใหม่ (PIM) 2.20 โรงเรียนได้ดาเนินการเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครเครอื ขา่ ยการแนะแนวอาชพี ครูแนะ แนวเป็นผูร้ ับผดิ ชอบ โดยร่วมกับสานกั งานจดั หางานจังหวดั นครสวรรค์ นาเอกสารแบบทดสอบบุคลิกภาพ เพื่อการศึกษาต่อ และการเลอื กอาชพี (จอห์น ฮอลแลนด์) มาดาเนนิ การใหน้ กั เรียนชัน้ ม.3, ม.6 ได้เข้าสอบ ในระบบออนไลน์ และประมวลผลผูเ้ รียนทุกคน 2.21 จัดการเรยี นการสอนในระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ วิชาขนมอบ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 จานวน 5 ห้องเรียน เพอื่ ส่งเสรมิ ทักษะอาชพี ให้แกน่ กั เรยี น และในระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ช้นั ม. 4-6 หอ้ งแผนการเรยี นทัว่ ไป โรงเรยี นส่งเสรมิ และสรา้ งโอกาสทางงานอาชีพใหแ้ กน่ กั เรียนทน่ี ่าสนใจโดยเปิด แผนการเรยี นรทู้ เี่ ก่ียวกับงานอาชีพ คหกรรม เกษตรกรรม และชา่ งอุตสาหกรรมเปน็ หลักสูตร
28 2.22 โรงเรียนมกี ารจัดการเรยี นการสอนโดยใหน้ ักเรยี นได้เลอื กแผนการเรยี นตามความถนดั และความสนใจของตนเอง โดยโรงเรียนได้เชญิ หนว่ ยงานเข้ามาให้ความรู้ และฝกึ ทกั ษะอาชพี ระยะสัน้ ใหก้ ับ นกั เรียน นอกจากน้นั ยงั มกี ารพานกั เรียนไปศึกษานอกสถานท่ี และฝกึ อาชีพยงั สถานท่ีจรงิ ในชมุ ชน 2.23 โรงเรียนเปดิ หลกั สตู ร ปวช.สาขาบญั ชแี ละสาขาคอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ (หลักสูตรของ สอศ.) 2.24 เปิดหลักสตู รทวศิ กึ ษากับวิทยาลยั สารพัดชา่ งจังหวดั อทุ ัยธานี หลกั สูตรสาชาช่างไฟฟา้ และสาขาช่างยนต์ 2.25 เปิดบริษัทรกั การดี ตามโรงเรียนสจุ รติ การจัดการเรยี นการสอนแบ่งออกเป็น 3 แผน คือ วิทย์-คณติ สายศิลป์ เน้นทกั ษะอาชีพ กีฬา โรงเรียนอยใู่ นโครงการนักธุรกิจนอ้ ย มคี ุณธรรมตามปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง 2.26 จัดอบรมอาชพี ระยะส้ัน ปฏิบตั จิ ริง โดยมวี ิทยาการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ มาให้ความรู้ เชน่ งานใบตอง การค้าขายออนไลน์ การทาขนมกะหรพ่ี ัฟ 2.27 จดั การเรียนการสอนในช่ัวโมงลดเวลาเรยี นเพ่ิมเวลารู้ ม.1-ม.3 วิชาการถนอมอาหารวชิ า เพิ่มเตมิ กล่มุ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี ม.4 วชิ าการประดิษฐ์ ม.5 วิชาขนมไทย ม.6 วิชาน้าเพือ่ สขุ ภาพ กจิ กรรมแนะแนว มีการใช้กระบวนการแนะแนวในการวดั ความถนดั ด้านอาชีพ โดยใช้โปรแกรมและแบบวดั ตา่ ง ๆ หลากหลาย ในชัน้ ม.1-ม.6 เพ่อื วางแผนเลือกศึกษาตอ่ เพอื่ การประกอบอาชีพในอนาคต 2.28 จดั กจิ กรรมแนะแนวศึกษาต่อ เปดิ โลกกว้างทางการศึกษา เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเตรยี ม ความพร้อมในการศึกษาต่อระดบั อุดมศกึ ษา 3. การดาเนินการจัดการเรียนการสอน โรงเรยี นได้เข้าร่วมโครงการ หรือทา MOU กบั หนว่ ยงาน ต่าง ๆ เช่น 3.1 มูลนิธิมชี ยั วรี ะ ไวทยะ ปี 2563 3.2 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี (ระบบ TAS) ปี 2560 3.3 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ (คณะวนศาสตร)์ ปี 2562 3.4 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์ ปี 2564 3.5 วทิ ยาลยั สารพดั ช่างอทุ ยั ธานี ช่างยนต์/คอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ ปี 2559 3.6 สถาบันปญั ญาภิวฒั น/์ การจัดการธรุ กจิ การค้าสมัยใหม่ ปี 2562 3.7 มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์ สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์ ปี 2562 3.8 มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์ สาขาวชิ าเทคโนโลยเี กษตรและอุตสาหกรรม ปี 2563 3.9 มหาวิทยาลัยราชภฎั นครสวรรค์ คณะครุศาสตร์ ปี 2563 3.10 วิทยาลยั สารพัดชา่ งอทุ ัยธานี สาขาวชิ าคอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ ปี 2562 3.11 วทิ ยาลัยสารพัดช่างอทุ ัยธานี สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ ปี 2563 3.12 โรงพยาบาลบ้านไร่ สาขาทางการแพทย์/พยาบาล ปี 2562 3.13 กรมการจดั หางาน สาขาวิชา อาชพี ระยะสั้น ปี 2560 3.14 ศูนยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ บา้ นห้วยพลู สาขาวิชา ปฐมวัย ปี 2563
29 3.15 สถาบนั การจัดการปญั ญาภิวฒั น์ สาขาวชิ าการจดั การธรุ กิจการคา้ สมยั ใหม่ ปี 2563 3.16 วิทยาลัยการอาชีพนครสวรรค์ สาขาวชิ ายานยนต/์ ไฟฟา้ ปี 2562 3.17 โรงเรียนคุณภาพดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีตามมาตรฐาน สสวท. พ.ศ. 2561 3.18 เครอื ขา่ ยความรว่ มมือระหว่างมหาวิทยาลยั ราชภัฏนครสวรรค์กับโรงเรียน ปี 2563 3.19 หนว่ ยงานบ้านพักเดก็ และครอบครัวจงั หวัดนครสวรรค์ 3.20 กองทุนหลักประกันสงั คมสขุ ภาพองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล โครงการจิตแจ่มใสในร่างกาย ที่แขง็ แรง ปี 2563 โครงการพฒั นาศูนย์ยกระดับคณุ ภาพชมุ ชนการศกึ ษา ปี 2563 3.21 วทิ ยาลัยเทคนิคแม่วงก์ 3.22 วทิ ยาลัยการจัดการตากฟา้ 3.23 วิทยาลัยการเกษตร สาขาเกษตร ปี 2560 3.24 สานกั งานพัฒนาฝมี ือแรงงาน สาขาอาหาร ปี 2561 3.25 โรงเรยี นเครอื ข่ายเครื่องปัน้ ดินเผา สาขาเคร่อื งป้นั ปี 2562 3.26 โรงเรียนค่พู ัฒนา สาขาวิทย์-คณติ ปี 2562 4. โรงเรยี นสามารถดาเนินการจัดการศกึ ษาไดเ้ ป็นอย่างดี มีขอ้ ดี มปี ัญหาอปุ สรรคและ ข้อเสนอแนะ ดงั นี้ ข้อดี - เปดิ โอกาสใหก้ ับนักเรียนทจ่ี บ ม.3 มที กั ษะวิชาชีพ สนองกบั ความถนดั และความสนใจของ ผู้เรียน และเปดิ โอกาสให้นกั เรียนทมี่ ฐี านะยากจนไดเ้ รยี น - ได้วฒุ ิการศกึ ษาเปน็ ปวช. และ ม.6 ออกไปประกอบอาชพี ได้ - โรงเรยี นดาเนนิ การจดั การศึกษาจนส่งผลใหน้ ักเรยี นได้รบั โอกาสในการศกึ ษาตอ่ และนักเรียน ไดร้ ับการพัฒนาตามศักยภาพ และความสามารถของแตล่ ะบุคคล - ผู้เรยี นมีความรูพ้ ้นื ฐานสามญั เพ่อื ไปศึกษาต่อและมที ักษะทางดา้ นวิชาชีพเพอ่ื ไปประกอบ อาชีพ นักเรียนมีทางเลอื กหลากหลายทง้ั ศึกษาต่อและประกอบอาชพี เมอื่ สาเรจ็ การศึกษา ช่วยพัฒนาความ ร่วมมอื สง่ เสริมสนบั สนนุ ในจดุ เดน่ ของทางสองสถานศกึ ษาให้จัดการศกึ ษาท่ีมีประโยชน์อย่างย่งิ แก่ผู้เรียน - นักเรยี นสามารถนาความรูไ้ ปประยกุ ต์ใชจ้ ากแผนการจัดการเรียนร้แู บบบูรณาการที่โรงเรียน จดั ทา และจากกิจกรรมตา่ ง ๆ ทาให้นกั เรียนมีทักษะอาชีพ ปัญหำ/อปุ สรรค - มปี ัญหาอปุ สรรคด้านเวลาและงบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ไม่พร้อมในการทากจิ กรรม - ขาดงบประมาณในการสง่ เสรมิ นักเรยี นสู่เวทีภายนอก และขอ้ จากัดดา้ นจานวนบุคลากร บางสาขาวิชา เชน่ พลศกึ ษา, แนะแนว - โรงเรยี นไมส่ ามารถควบคมุ การเข้าช้ันเรียนของนกั เรยี นในรายวิชาท่ีทางวิทยาลยั การอาชพี จดั การเรียนการสอนได้ ทาให้มาเรยี นขาดหายไปบ้าง
30 - มเี วลานอ้ ย ในการพฒั นาทักษะอาชพี - โรงเรียนยังไมไ่ ด้ดาเนินการนาหลักสตู รอาชพี ระยะสน้ั ใส่ในหลกั สูตรสถานศกึ ษา ทาให้ยังไม่ได้ จัดสอนเปน็ รายวชิ าเพิม่ เตมิ ขอ้ เสนอแนะ - หากมกี ารสนับสนุนดา้ นงบประมาณและบุคลากรในการพฒั นานกั เรยี นอยา่ งเตม็ กาลงั ความสามารถ จะทาใหน้ กั เรยี นไดร้ ับโอกาสทางการศึกษาและต่อยอดอาชพี ได้มากขน้ึ - ต้องการให้มีการสนบั สนุนบคุ ลากรในสายอาชพี ที่โรงเรียนขาดแคลน - ต้องการสนบั สนุนงบประมาณอย่างตอ่ เนือ่ งเพอื่ สนับสนุนสภาพคล่องในการดาเนนิ กจิ กรรม - ครูทกุ คนตอ้ งสอนวิชาแนะแนวและให้ความสาคญั กับการจัดการเรียนกิจกรรมในคาบ การเรยี นการสอน เพอื่ ใหส้ ่งผลกับผเู้ รยี นไดโ้ ดยตรงและมากขนึ้ วชิ าแนะแนวเปน็ วิชาท่สี ามารถวัดผ้เู รียน ในดา้ นพฤตกิ รรมในทกุ ๆ ด้าน ซ่งึ ปจั จุบันพฤติกรรมของนักเรียนมีความรนุ แรง มีปญั หามากขนึ้ ควรไดร้ ับ การสง่ เสรมิ และการพฒั นาในกิจกรรมแนะแนวต่อไป ตำรำงท่ี 11 ตารางแสดงผลการปฏิบตั ิงานของสถานศึกษาในการขบั เคลอื่ นการจดั การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน เพ่ือการมงี านทา ด้านการบริหารจัดการหลกั สตู รสถานศกึ ษาที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชพี และทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ของสถานศึกษาในสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 42 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ท่ี รายการ จานวนโรงเรียน (รอ้ ยละ) 1. การจัดทาคลังทะเบียนอาชีพ สถานประกอบการ อาชีพในทอ้ งถน่ิ 66.1 2. จดั หาส่อื แนะนารายละเอยี ดลักษณะงานอาชีพ และสมรรถนะตามสาขาวชิ าชีพ 83.1 3. จัดทาแผนการเรียนตามสมรรถนะสาขาวิชาชีพ 72.9 4. มแี ผนการเรยี นรองรบั ความต้องการอัตรากาลังแรงงานของสถานประกอบการ 53.9 และกล่มุ อาชพี อิสระในท้องถนิ่ ตรงตามความตอ้ งการของนักเรยี นและผปู้ กครอง 76.3 5. จดั กิจกรรมสารวจความต้องการที่ตรงและสอดคล้องของสถานประกอบการและ 84.7 กลุ่มอาชพี อสิ ระในทอ้ งถนิ่ ตรงตามความต้องการของนักเรยี นและผู้ปกครอง และ สถาบนั การศึกษาต่อ ที่ดาเนินการรว่ มกนั จดั ทาโครงสร้างเวลาเรียนรายวชิ า กาหนดสมรรถนะ คุณลักษณะ และเนอื้ หาที่เปน็ สาระพนื้ ฐานดา้ นสมรรถนะ และพน้ื ฐานทางการศกึ ษาตอ่ หรือพ้นื ฐานการทางาน 6. มีรายวชิ าเพิม่ เติมของแผนการเรยี นทส่ี นองความต้องการ ของนกั เรยี นในรูปแบบ หลักสตู รวชิ าชีพระยะส้นั
31 ที่ รายการ จานวนโรงเรยี น (รอ้ ยละ) 7. มีรายวิชาเพมิ่ เติมของแผนการเรียนท่ีสนองความต้องการ ของนักเรยี นในรูปแบบ 54.2 ทวิศึกษา 98.3 8. จัดกจิ กรรมสารวจความตอ้ งการเขา้ สู่สาขาวชิ าชพี ของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล 94.9 9. จดั ระบบวางเสน้ ทางการศกึ ษาสู่อาชพี โดยใช้กระบวนการ แนะแนวให้นักเรยี น 96.6 ร้จู กั อาชพี และคน้ พบบคุ ลกิ ภาพและความถนดั ของตนเอง เลือกแผนการเรียน 84.7 ในการเรยี นตอ่ และประกอบอาชีพของตนเอง 10. มีแฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio) ของนกั เรยี นรายบคุ คล 84.7 11. มเี คร่อื งมือและผลการประเมินบคุ ลิกภาพท่ีเหมาะกบั กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ของนักเรียน 79.7 รายบุคคล 12. มเี คร่ืองมอื และผลการวดั ความถนัดของนกั เรยี นตามสมรรถนะสาขาอาชพี 94.9 13. จัดกิจกรรมการประเมนิ บคุ ลกิ ภาพความเหมาะสมกับกลุม่ อาชีพต่าง ๆ ของนกั เรียน ชัน้ ม.1, ม.3, และ ม.6 80.36 14. มเี อกสาร Portfolio ของนกั เรยี นรายบคุ คล และแสดงผลบคุ ลกิ ภาพ ความถนดั ทักษะ คุณลกั ษณะ และผลงาน รวม จำกตำรำงที่ 11 พบวา่ ภำพรวม สถานศกึ ษามีการขับเคล่อื นการจัดการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานเพ่ือการมี งานทา ดา้ นการบริหารจัดการหลกั สตู รสถานศึกษาทเ่ี น้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพ และทักษะในศตวรรษที่ 21 คดิ เป็นร้อยละ 80.36 เมือ่ พจิ ารณารายข้อ พบวา่ การจดั กจิ กรรมสารวจความตอ้ งการเขา้ สู่สาขาวิชาชีพของนกั เรียน เปน็ รายบุคคล มีค่าสงู สุด คดิ เป็นร้อยละ 98.3 รองลงมาคอื มีแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ของนกั เรียนรายบคุ คล คิดเปน็ ร้อยละ 96.6
32 ภำคผนวก เคร่อื งมือการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล ของสถานศกึ ษาในสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 42 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563
33 แบบตรวจเยยี่ ม นเิ ทศ กำกับตดิ ตำมกำรดำเนนิ งำน กำรวดั และประเมินผลกำรศึกษำ สำนักงำนเขตพน้ื ท่กี ำรศึกษำมธั ยมศกึ ษำ เขต 42 คร้งั ท่ี 1 ประจำปีกำรศกึ ษำ 2564 ข้อมูลทั่วไป ชือ่ โรงเรียน.................................................................................................................................................... ตาบล..........................................อาเภอ.............................................จงั หวัด................................................. คำอธิบำยแบบตรวจเยีย่ ม ใหผ้ ตู้ รวจเยีย่ มดาเนนิ การกรอกข้อมลู ลงในช่อง ปฏิบตั ิ หรือ ไมป่ ฏบิ ตั ิ และอธบิ ายการดาเนินการหรอื เอกสารหลกั ฐานประกอบ การดาเนนิ การ คาอธิบาย/เอกสาร ท่ี รายการตรวจเย่ยี ม ม/ี ไมม่ /ี หลกั ฐาน ปฏบิ ตั ิ ปฏิบตั ิ 1. โรงเรยี นท่มี ีนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 มผี ลการ ทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ ้นั พืน้ ฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2562 5 สาระหลัก เพมิ่ ขนึ้ รอ้ ยละ 3 2. โรงเรียนท่ีมีนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 มีผลการ ทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ ้ันพืน้ ฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2562 5 สาระหลกั เพ่ิมขนึ้ รอ้ ยละ 3 3. โรงเรียนมีแผนงาน/โครงการเพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี น ขอ้ สงั เกต ขอ้ คดิ เห็นเพ่ิมเตมิ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ....................................................ผู้ตรวจเยย่ี ม (......................................................) ตาแหนง่ .................................................................. ลงชื่อ....................................................ผตู้ รวจเย่ยี ม (......................................................) ตาแหนง่ .................................................................. ออกแบบเคร่ืองมอื โดย กลมุ่ งานวัดผล และประเมนิ ผลการศึกษา
34 แบบนเิ ทศ กำกับ ตดิ ตำมและประเมินระบบกำรประกันคณุ ภำพภำยในของสถำนศึกษำ ตำมกฎกระทรวง กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ พ.ศ. 2561 สำนกั งำนเขตพนื้ ที่กำรศกึ ษำมธั ยมศึกษำ เขต 42 โรงเรยี น ................................................ สหวิทยำเขต .................................จงั หวัด.......................... คำช้ีแจง ให้ทาเคร่ืองหมาย ใน ช่อง ตามระดับคณุ ภาพแตล่ ะรายการประเดน็ การประเมนิ ทีส่ อดคลอ้ งกบั คุณภาพการปฏิบตั ิงานของโรงเรยี น ระดบั คุณภาพ องค์ประกอบ และประเดน็ การประเมิน ปรบั ปรุง ปาน ดี ดเี ลิศ ยอด กลาง เยย่ี ม องคป์ ระกอบที่ 1 กำรกำหนดมำตรฐำนกำรศึกษำของ สถำนศกึ ษำ 1.1 การศกึ ษาวเิ คราะห์มาตรฐานและประเด็น พิจารณาวา่ ด้วยการประกนั คณุ ภาพภายในของ สถานศึกษาตามที่กฎกระทรวงประกาศใช้ 1.2 การกาหนดคา่ เป้าหมายความสาเรจ็ ของ แต่ละมาตรฐาน 1.3 การประกาศคา่ เป้าหมายแตล่ ะมาตรฐานว่าด้วย การประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษาให้กลุม่ ผูเ้ กยี่ วขอ้ งท้ังภายในและภายนอกรับทราบ องคป์ ระกอบท่ี 2 กำรจัดทำแผนพฒั นำกำรจดั กำรศกึ ษำ ของสถำนศกึ ษำที่มงุ่ คุณภำพตำมมำตรฐำนกำรศกึ ษำของ สถำนศึกษำ 2.1 การศึกษาวเิ คราะห์สภาพปัญหาและความ ต้องการจาเปน็ ของสถานศึกษาอย่างเปน็ ระบบ โดยใช้ข้อมูลตามสภาพจริง 2.2 การกาหนดวิสัยทัศนพ์ ันธกจิ และเป้าหมายด้าน ตา่ ง ๆ โดยมงุ่ เนน้ ที่คุณภาพผ้เู รยี นท่ีสะทอ้ นคุณภาพ ความสาเรจ็ อยา่ งชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยทุกฝ่าย มสี ่วนรว่ ม 2.3 การกาหนดวิธกี ารดาเนนิ งานกจิ กรรมโครงการ ที่สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา 2.4 การกาหนดบทบาทหน้าท่ีของบุคลากรใน สถานศึกษาและผเู้ รียนร่วมรับผดิ ชอบและบทบาท หนา้ ท่ขี องผเู้ รยี นอยา่ งชัดเจน
35 ระดบั คณุ ภาพ องค์ประกอบ และประเดน็ การประเมนิ ปรับปรุง ปาน ดี ดเี ลศิ ยอด กลาง เยี่ยม 2.5 การใช้งบประมาณ และทรัพยากรอยา่ งมี ประสิทธิภาพให้สอดคลอ้ งกับกจิ กรรม โครงการ 2.6 การเสนอแผนพัฒนาการจดั การศกึ ษาตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานใหค้ วาม เห็นชอบ 2.7 การจดั ทาแผนปฏิบัติการประจาปีท่ีสอดคล้องกับ แผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 2.8 การกาหนดปฏทิ นิ การนาแผนปฏิบัติการประจาปี ส่กู ารปฏบิ ตั ิท่ชี ัดเจน 2.9 การเสนอแผนปฏบิ ัติการประจาปตี ่อ คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ให้ความ เหน็ ชอบ องค์ประกอบท่ี 3 กำรดำเนินงำนตำมแผนพัฒนำกำรจัด กำรศึกษำของสถำนศึกษำ 3.1 การนาแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาส่กู ารปฏบิ ัติตาม กรอบระยะเวลาและกจิ กรรมโครงการทก่ี าหนดไว้ 3.2 ผ้รู ับผดิ ชอบและผเู้ กี่ยวขอ้ งทกุ ฝา่ ยปฏบิ ัตติ าม บทบาทหนา้ ที่ และความรบั ผิดชอบตามท่ี ได้กาหนด อย่างมีประสิทธิภาพและเกดิ ประสิทธิผลสงู สุด องคป์ ระกอบที่ 4 กำรจัดให้มกี ำรประเมนิ ผลและตรวจสอบ คุณภำพกำรศึกษำภำยในสถำนศกึ ษำ 4.1 การกาหนดผรู้ บั ผิดชอบในการประเมนิ ผลและ ตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา 4.2 การประเมนิ และตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษา ท้ังระดบั บุคคลและระดับสถานศกึ ษาด้วยวธิ ีการ ทีเ่ หมาะสม องคป์ ระกอบท่ี 5 ตดิ ตำมผลกำรดำเนนิ งำนเพอ่ื พฒั นำ คณุ ภำพตำมมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศึกษำ 5.1 การตดิ ตามผลการดาเนนิ งานพัฒนาคณุ ภาพ การศกึ ษานาไปใช้ประโยชนใ์ นการปรบั ปรงุ พฒั นา 5.2 การดาเนนิ การประเมินคุณภาพภายในตาม มาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษาโดยใชว้ ธิ ีการและ เครอ่ื งมือทห่ี ลากหลายและเหมาะสม
36 ระดับคุณภาพ องคป์ ระกอบ และประเด็นการประเมนิ ปรบั ปรุง ปาน ดี ดีเลิศ ยอด กลาง เยีย่ ม องค์ประกอบที่ 6 กำรจัดทำรำยงำนผลการประเมินตนเอง ตำมมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศกึ ษำ 6.1 การจัดทารายงานผลการประเมนิ ตนเองตาม มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา โดยใช้ การประเมินแนวใหม่ 6.2 การนาเสนอรายงานต่อคณะกรรมการ สถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานให้ความเหน็ ชอบ 6.3 การเผยแพร่รายงานต่อสาธารณชน หนว่ ยงานต้น สงั กดั และหนว่ ยงานท่ีเกีย่ วขอ้ ง องค์ประกอบที่ 7 กำรจดั ใหม้ ีกำรพัฒนำคณุ ภำพกำรศึกษำ อย่ำงต่อเนอื่ ง 7.1 การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาอย่างต่อเนือ่ ง ใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ครแู ละบคุ ลากรทุกคนในสถานศึกษา และพัฒนาสถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ องค์กรแห่งการเรยี นรู้ 7.2 การนาผลการประเมินคณุ ภาพภายในของ สถานศกึ ษาจากการประเมินตนเองหรือหน่วยงาน ทเี่ กี่ยวขอ้ ง ไปใช้ประโยชนต์ อ่ การพัฒนาการบริหาร และการเรยี นการสอนอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 7.3 การรับการตดิ ตาม ประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา เพอ่ื นาผลมาปรบั ปรุงและพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ตามขอ้ เสนอแนะจากหนว่ ยงานตน้ สังกัด และ หนว่ ยงานภายนอก ผอู้ อกแบบเครื่องมือ นางเมตตา ถวิลไทย หวั หนา้ กลมุ่ งานสง่ เสรมิ และพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา
37 แบบบนั ทกึ กำรตรวจเยีย่ ม นิเทศ ตดิ ตำมและสงั เกตกำรจัดกำรเรยี นรู้ วชิ ำ วิทยำกำรคำนวณ สำนกั งำนเขตพน้ื ทีก่ ำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำ เขต 42 ช่ือผูร้ ับกำรนเิ ทศ ................................................................ ตำแหนง่ ............................................... โรงเรยี น ............................................................... วชิ ำที่สอน .......................................................... ชัน้ ....................... เรือ่ ง ................................................................. วนั ท่ี ........................................ ตอนท่ี 1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ทาเคร่อื งหมาย ลงใน ตามข้อมูลท่ตี รงตามความเป็นจรงิ 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ มอี งคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรูค้ รบถว้ น / ถูกต้อง / สมบูรณ์ มีองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรูไ้ มค่ รบถ้วน ควรเพม่ิ เติม 1. ………………………………………………………………………… 2. ………………………………………………………………………... 3. ………………………………………………………………………... 2. กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ สอดคลอ้ งกับมาตรฐาน ตวั ชีว้ ัด / ผลการเรียนรู้ ไมส่ อดคลอ้ งกบั มาตรฐาน ตัวชว้ี ัด / ผลการเรียนรู้ คือ .............................................. ........................................................................................................................................... 3. ส่ือประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ ประกอบการเรียนร้สู อดคลอ้ งกับกิจกรรม น่าสนใจ ส่อื ประกอบการเรยี นรสู้ อดคลอ้ งกับกิจกรรม ไมน่ า่ สนใจ ไม่มีสือ่ ประกอบการเรียนรู้ 4. การวดั และการประเมินผล มีเครือ่ งมือ/วธิ ีการหลากหลาย สอดคล้องกับตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ มเี ครอ่ื งมือ/วิธีการหลากหลาย แตไ่ มส่ อดคล้องกบั ตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ ไมม่ ีเครอ่ื งมอื /วิธีการหลากหลาย แต่สอดคลอ้ งกับตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ ไม่มเี ครือ่ งมือ/วธิ ีการหลากหลาย และไมส่ อดคลอ้ งกับตวั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้
38 ตอนท่ี 2 กำรจัดกำรเรยี นรู้ ทาเครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งระดับการประเมนิ ตามความเป็นจริงจากการสงั เกตการจัดการเรียนรู้ เกณฑ์การประเมนิ 3 = ดมี าก 2 = ดี 1 = พอใช้ ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดับกำรประเมิน พฤติกรรมที่ไม่มี (ระบุ) 321 1. มีกิจกรรมนาเข้าสูบ่ ทเรยี นที่เรา้ ความสนใจ ดาเนนิ การจดั กิจกรรมการเรยี นรอู้ ย่างเปน็ ลาดับข้ันตอน 2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เน้นผู้เรยี นเป็นสาคญั ผ้เู รยี นได้ลงมอื ปฏบิ ตั จิ ริงและมีสว่ นร่วมในกจิ กรรม 3. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรมู้ ีความหลากหลาย สรา้ งสรรค์ เอ้ือต่อการเรียนรู้ กระต้นุ ให้ผูเ้ รียนเกิดการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 4. สามารถใชค้ าถามและกจิ กรรมกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นคิด และมสี ว่ นร่วมแสดงความคิดเหน็ 5. มีความมั่นใจในการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ จัดบรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจ ดแู ลนักเรยี นอย่างท่วั ถงึ 6. สอื่ ประกอบการจดั การเรียนรทู้ ่เี หมาะสม ช่วยให้เกดิ การเรียนรู้ 7. มีการใชส้ อ่ื DLIT ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8. มกี ารสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และเหตุการณป์ ัจจุบนั มกี ารใหก้ าลังใจ เสรมิ แรงเม่ือผเู้ รยี นปฏบิ ัตกิ จิ กรรมได้ถกู ต้อง 9. สามารถสอื่ สารและเช่ือมโยงความรู้ทเ่ี ข้าใจงา่ ย สรปุ บทเรียน ประเมนิ ความรขู้ องนกั เรียนไดเ้ หมาะสม 10. กิจกรรมการเรยี นรูส้ ามารถพฒั นาคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น สรุปผลการนิเทศ รอ้ ยละ 90 ขน้ึ ไป = ดเี ยย่ี ม ร้อยละ 80 - 89 = ดมี าก ร้อยละ 70 - 79 = ดี รอ้ ยละ 60 - 69 = พอใช้ ต่ากว่ารอ้ ยละ 60 = ควรปรับปรุงแกไ้ ข ตอนที่ 3 บนั ทึกผลกำรนเิ ทศและสงั เกต จุดเด่นของครูผู้สอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
39 สิ่งที่ครผู ู้สอนทาแล้วประสบความสาเร็จในชัน้ เรียน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ส่งิ ท่คี รูผู้สอนควรปรบั ปรงุ และพฒั นา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. อืน่ ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื .................................................... ผูน้ เิ ทศ (....................................................) วนั ......... เดือน .............................. พ.ศ. ................
40 บนั ทึกกำรสัมภำษณแ์ บบมีโครงสร้ำง กำรตรวจเยย่ี ม นเิ ทศ ตดิ ตำมกำรจัดกำรเรียนรู้ วิชำ วทิ ยำกำรคำนวณ สำนกั งำนเขตพืน้ ท่กี ำรศึกษำมธั ยมศึกษำ เขต 42 ช่ือผู้ให้สัมภาษณ์ ...................................................................................................................................... ตาแหนง่ ......................................................... สอนระดับชั้น............................................................... วัน/เดอื น/ปี ท่สี ัมภาษณ์ ........................................................................................................................... บรรยำยลกั ษณะปจั จยั ทม่ี ผี ลต่อควำมสำเร็จในกำรจดั กำรเรยี นรู้และแนวทำงกำรส่งเสรมิ ดำ้ นผูเ้ รียน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ด้ำนครู .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ดำ้ นสิง่ แวดลอ้ ม .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ลงช่ือ .................................................... ผู้สัมภาษณ์ (....................................................) ออกแบบเครอื่ งมือ โดย กลมุ่ งานสง่ เสรมิ และพฒั นาส่อื นวัตกรรมและเทคโนโลยที างการศกึ ษา
41 แบบสงั เกตกำรณ์จดั กระบวนกำรเรยี นรู้ (บันทกึ กำรนเิ ทศ) โครงการ การนเิ ทศ กากบั ติดตามการจัดการเรียนรูเ้ พศวถิ ศี กึ ษาและทักษะชวี ิต ในหลกั สตู รการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ครงั้ ท่ี.............../........................ ชื่อ Coach .................................................................................................................................................. วันที่................................................................ เวลา..................................................................................... ชื่อครูผจู้ ัดการเรียนรู.้ .................................................................................................................................... ชื่อสถานศกึ ษา............................................................................อาเภอ........................................................ จังหวดั ...................................................... ชอ่ื แผนการเรียนรู้.............................................................................ชัน้ เรยี น..............หอ้ ง........................... ก. บนั ทกึ กำรสังเกตกำรณ์จดั กำรเรยี นรู้ 1. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ หัวขอ้ ทำ ไมท่ ำ 1. การนาเข้าสบู่ ทเรียน 2. การอธิบายข้นั ตอนการดาเนินกิจกรรมชดั เจน 3. การตัง้ คาถามเพ่อื สร้างการเรียนรู้ 4. การเปดิ โอกาสให้ผู้เรยี นแสดงความคิดเหน็ ซกั ถาม 5. การฟงั และการจับประเด็นสาคัญ 6. การสรุปและสะทอ้ นเปน็ ระยะๆ ใหผ้ เู้ รยี นติดตามความคิดและการเรียนรู้ของกลมุ่ 7. การเชอ่ื มโยงความคดิ เหน็ ผเู้ รยี นสู่การสรุปแนวคดิ หลักของบทเรียน 8. การลาดับความคิดและประเด็นการเรียนรู้ เพอ่ื นาไปสู่ขอ้ สรปุ ทัง้ หมดของคาบเรยี น โดยสอดคล้องกับวัตถุประสงคข์ องแผนการเรียนรู้ สง่ิ ท่คี รูทำได้ดี ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… 2. ทัศนะและทำ่ ทขี องครูผสู้ อน ทำ ไม่ทำ หวั ข้อ 1. ทา่ ทีเปน็ มติ ร ทาใหผ้ ู้เรยี นมสี ว่ นรว่ ม และไม่อดึ อดั 2. ไม่ช้ีถกู ผิด หรือบอกควรทา/ไม่ควรทา 3. ไม่โนม้ นา้ วให้คิดเหมอื นครู
42 ส่งิ ท่คี รูทำได้ดี ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… 3. กำรให้ข้อมูลของครผู ู้สอน ทำ ไม่ทำ หวั ข้อ ข้อเสนอแนะ 1. การใหข้ อ้ มูลรอบดา้ น ไม่ปดิ บัง ……………………………………………………………………… 2. การให้ขอ้ มลู ถูกต้อง ไม่คลาดเคล่อื น ……………………………………………………………………… 3. อธบิ ายได้ชัดเจน ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… สิ่งทคี่ รูทำได้ดี ……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ข. สงิ่ ท่ี Coach เห็นว่ำเปน็ อปุ สรรคในกำรจัดกำรเรยี นรู้ครงั้ น้ี (กรณุ ำระบุ) เวลำ (มำก/น้อย) ................................................................................................................................................................... ผูเ้ รยี น (จำนวน/ควำมสนใจ ................................................................................................................................................................... กจิ กรรม (ควำมสอดคล้องกบั ผูเ้ รยี น) ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ครู (กำรเตรียมตวั /ขอ้ มูล/ทกั ษะ) ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... อุปกรณ์/ส่อื /ห้องเรียน ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... อื่นๆ ...................................................................................................................................................................
43 ค. ข้อสังเกตอื่นๆของ Coach น้อย กำรพูดคยุ กับครหู ลังกำรจดั กระบวนกำรเรียนรู้ 1. Coach ได้พดู คุยกบั ครูหลังกำรสอน ใช่ (กรณุ าให้ข้อมูลในข้อต่อไป) ไมใ่ ช่ เพราะ ครูมีคาบสอนต่อเน่อื ง Coach ติดภารกิจ อ่นื ๆ 2. ควำมรูส้ กึ ของครูตอ่ กำรใช้แผนกำรเรียนรู้คร้ังนี้ หวั ขอ้ มำก ปำนกลำง ตง้ั คาถามเพอื่ สร้างการเรียนรู้ มากกว่าการบอก เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนซกั ถาม แสดงความคดิ เห็น การฟงั เพือ่ จับประเดน็ สาคญั สรปุ โดยเชือ่ มโยงประเด็นจากผ้เู รยี น มีความชดั เจนในเนอื้ หา กระบวนการ ความม่นั ใจในการจัดการเรยี นรู้ สามารถจดั ไดบ้ รรลวุ ตั ถุประสงค์ 3. ส่ิงท่ีครูคิดวำ่ ทำได้ดีในครัง้ นี้ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 4. สง่ิ ท่คี ิดวำ่ ควรปรบั ปรงุ เพ่ือทาใหด้ ขี น้ึ ในการจดั ครั้งต่อไป คือ 5. ข้อเสนอแนะของครู ผู้ถกู โค้ชได้รับทรำบกำร Coaching ครัง้ นี้ พร้อมทัง้ ได้ลงลำยมอื ชอ่ื ไวเ้ ปน็ หลกั ฐำน (................................................................) ผู้ออกแบบเครื่องมอื นางอจั ฉรา ทิวาพรภานกุ ูล ศึกษานเิ ทศก์
44 ประเดน็ กำรตดิ ตำม STEM Education/วธิ สี อนโดยใช้ปญั หำเป็นฐำน (Problem-Based Learning : PBL) คำชี้แจง โปรดทาเครื่องหมาย ในชอ่ งที่ สถานศึกษาปฏิบัติ กำรปฏบิ ัติ หมำยเหตุ มี ไม่มี ท่ี รำยกำร 1. การจดั การเรียนร้โู ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning : PBL) 1.1 สถานศกึ ษามีการจดั การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning : PBL) 2. การจัดการเรียนร้ลู กั ษณะของ STEM ศึกษา 2.1 สถานศกึ ษามีการจัดการเรยี นรใู้ หน้ กั เรยี น ตามแนวทาง STEM ศกึ ษา (รายวิชา/โครงการ/กิจกรรม/ในรปู แบบตา่ งๆ) 2.2 มคี รทู เ่ี ข้ารบั การอบรมสะเต็มศึกษา (สสวท./หน่วยงานอน่ื ๆ) ผูอ้ อกแบบเครื่องมอื นายคมกฤช แผนเสอื ศกึ ษานิเทศก์ ประเดน็ กำรตดิ ตำม โครงกำรขบั เคล่อื นหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียงสูส่ ถำนศกึ ษำ คำช้แี จง โปรดทาเคร่อื งหมาย ในช่องท่ี สถานศึกษาปฏิบัติ กำรปฏิบัติ หมำยเหตุ มี ไม่มี ท่ี รำยกำร 1. มแี ผนงาน/โครงการ พฒั นาบคุ ลากรของสถานศกึ ษา เพ่อื สรา้ งความรู้ ความเข้าใจและตระหนกั ในคณุ ค่าของปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. ดำเนินกำรตำมแผนปฏบิ ัตงิ ำนประจำปีทีม่ นี โยบำยนอ้ มนำหลกั ปรัชญำ เศรษฐกจิ พอเพยี งมำขับเคล่ือนในสถำนศกึ ษำครอบคลมุ ทกุ กลุ่มสำระ กำรเรียนรทู้ ุกระดับชน้ั อยำ่ งเหมำะสมกับสภำพควำมเป็นจริงของ สถำนศกึ ษำ 3. บรหิ ำรอำคำรสถำนทจี่ ัดแหลง่ กำรเรยี นร้ใู นสถำนศึกษำตำมหลักปรชั ญำ ของเศรษฐกิจพอเพียงใช้ประโยชนอ์ ย่ำงคมุ้ ค่ำและเกิดประโยชนต์ อ่ กำรจดั กำรเรียนรมู้ กี ำรบำรงุ รกั ษำอำคำรสถำนที่ สภำพแวดล้อม แหล่งเรยี นรู้อย่ำงสม่ำเสมอ 4. ประสำนสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนใหม้ ีสว่ นรว่ มในกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ เพื่อเสรมิ สรำ้ งคุณลักษณะอยู่อยำ่ งพอเพียงของผู้เรียน ผอู้ อกแบบเคร่อื งมือ นายสายชล ทองฤทธ์ิ ศึกษานเิ ทศก์
45 แบบนเิ ทศ ติดตำมกำรดำเนินงำนของสถำนศกึ ษำที่จดั กำรศกึ ษำ โครงกำรจัดกำรศกึ ษำขัน้ พ้ืนฐำนเพอื่ กำรมงี ำนทำในศตวรรษที่ 21 ปงี บประมำณ 2564 สำนกั งำนเขตพืน้ ท่ีกำรศึกษำมธั ยมศกึ ษำ เขต 42 1. ชอื่ โรงเรยี น................................................................................................................................................ 2. โรงเรียนดาเนนิ การจัดการศึกษาข้นั พืน้ ฐานเพือ่ การมงี านทา ในรปู แบบใด 2.1 รปู แบบการจัดสมรรถนะอาชีพระยะสน้ั ในช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้น 2.2 รูปแบบการจัดเตรยี มพน้ื ฐานหลกั สูตรอาชวี ศึกษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ กึ ษา) 2.3 รูปแบบการจัดเตรยี มความพร้อมความถนดั ในสาขาวิชาชพี ในการศกึ ษาตอ่ ระดบั อดุ มศึกษา 2.4 รูปแบบการจัดการเรียนรผู้ ูป้ ระกอบการในกิจกรรมธุรกจิ พอเพียง 3. จากรูปแบบในขอ้ 2 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนดาเนินการอยา่ งไร ระดบั ช้นั ใด (อธิบาย) .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. 4. การดาเนนิ การจัดการเรียนการสอน โรงเรยี นไดเ้ ข้ารว่ มโครงการ หรือทา MOU กับหน่วยงานใดบา้ ง สาขาใด หน่วยงำน/สถำบนั ท่ที ำ MOU สำขำวิชำ ปพี .ศ. 4.1............................................................................................................................................................ 4.2............................................................................................................................................................ 4.3............................................................................................................................................................ 5. โรงเรียนสามารถดาเนินการจดั การศกึ ษาไดเ้ ป็นอยา่ งดหี รือไม่ มีปญั หาอปุ สรรคและขอ้ เสนอแนะ อย่างไร ขอ้ ดี .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ปญั หำ/อปุ สรรค .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ .................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................
46 การประเมินผลการปฏบิ ตั งิ านของสถานศึกษาในการขบั เคลอ่ื นการจดั การศกึ ษาขันพ้ืนฐานเพ่อื การมีงานทา ด้านการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศกึ ษาทเ่ี น้นสมรรถนะทางสาขาวชิ าชพี และทักษะในศตวรรษที่ 21 ท่ี รำยกำร กำรปฏบิ ตั ิ รำยละเอยี ด ปฏิบัติ ไม่ปฏิบตั ิ 1. การจดั ทาคลังทะเบยี นอาชีพ, สถานประกอบการ, อาชีพในท้องถิ่น 2. จัดหาสอื่ แนะนารายละเอียดลักษณะงานอาชพี และ สมรรถนะตามสาขาวิชาชพี 3. จัดทาแผนการเรียนตามสมรรถนะสาขาวิชาชีพ 4. มีแผนการเรยี นรองรับความตอ้ งการอัตรากาลงั แรงงาน ของสถานประกอบการและกล่มุ อาชีพอิสระในทอ้ งถนิ่ ตรงตามความต้องการของนกั เรียนและผปู้ กครอง 5. จัดกจิ กรรมสารวจความตอ้ งการทตี่ รงและสอดคล้องของ สถานประกอบการและกลุ่มอาชีพอิสระในทอ้ งถ่ินตรงตาม ความต้องการของนักเรียนและผ้ปู กครอง และสถาบนั การศึกษาต่อ ท่ีดาเนินการร่วมกันจดั ทาโครงสรา้ งเวลาเรยี น รายวิชา กาหนดสมรรถนะ คุณลกั ษณะ และเนื้อหาทเี่ ปน็ สาระพ้ืนฐานด้านสมรรถนะ และพนื้ ฐานทางการศึกษาต่อ หรอื พื้นฐานการทางาน 6. มรี ายวิชาเพิ่มเตมิ ของแผนการเรียนท่ีสนองความต้องการ ของนักเรียนในรปู แบบหลกั สูตรวชิ าชพี ระยะส้นั 7. มีรายวิชาเพ่มิ เติมของแผนการเรยี นทส่ี นองความต้องการ ของนักเรยี นในรูปแบบทวิศึกษา 8. จัดกิจกรรมสารวจความตอ้ งการเขา้ สู่สาขาวชิ าชีพของ นกั เรยี นเป็นรายบคุ คล 9. จัดระบบวางเสน้ ทางการศกึ ษาสอู่ าชพี โดยใช้กระบวนการ แนะแนวใหน้ ักเรยี นรจู้ ักอาชีพและคน้ พบบุคลกิ ภาพและ ความถนัดของตนเองเลือกแผนการเรยี นในการเรียนต่อและ ประกอบอาชพี ของตนเอง 10. มีแฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio) ของนักเรียนรายบคุ คล 11. มเี ครื่องมอื และผลการประเมินบคุ ลิกภาพทเี่ หมาะกับกลุ่ม อาชีพต่างๆ ของนักเรียนรายบุคคล 12. มีเครื่องมือและผลการวดั ความถนดั ของนักเรียนตาม สมรรถนะสาขาอาชีพ
Search