บทท่ี ๔ เคร่ืองดนตรีในประเพณขี องชนเผา่ กะเหร่ยี ง รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระเร่ือง “เคร่ืองดนตรีในประเพณีของชนเผ่ากะเหร่ียงบ้านสัน ม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่”ในวิจัยเล่มน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ “ศึกษาความเช่ือเก่ียวกับเคร่ืองดนตรีในประเพณีของชนเผ่ากะเหร่ียงบ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่”ในชุมชนบ้านสันม่วงเป็นชุมชนของกลุ่มชาติพันธ์ุกะเหร่ียง สะกอซ่ึงมีวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีท่ียังคงรักษาและดารงเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดย ผวู้ จิ ัยแบ่งการศกึ ษาออกเป็น ๒ ประเดน็ คือ ๔.๑ ประเพณีประจา ๔.๑.๑ ประเพณีปีใหม่ ๔.๑.๒ ประเพณีแรกนาขวัญ ๔.๒ ประเพณเี ก่ียวกับชีวติ ๔.๒.๑ ประเพณงี านศพ ๔.๒.๒ ประเพณีแต่งงาน ๔.๑ ประเพณปี ระจา ๔.๑.๑ ประเพณีปีใหม่ พิธีจะเริ่มต้ังแต่เช้า โดยผู้อาวุโสท่ีสุดในบ้าน จะนาเอา เคร่อื งเสน้ ไหว้ผีบ้านผีเรอื น ซ่งึ ประกอบดว้ ย เหล้า ขนม ไก่สองตัว คือตัวผู้หนึ่งตัวและตัวเมียหนึ่งตัว และเส้ือผา้ ชุดใหม่หนึ่งชุดของเจ้าของบ้านน้ัน นามาวางไว้ตรงบันไดบ้าน และผู้ประกอบพิธีจะถือไม้ ซึ่งเป็นที่ตักข้า เคาะตรงบันได เพื่ออัญเชิญผีบ้านผีเรือนมารับของเซ่นไหว้ พร้อมกับการภาวนาเป็น ภาษากะเหร่ียงให้ปกป้องคุ้มครองสมาชิกภายในครอบครัวให้มีชีวิตอย่างมีความสุข ตลอดจนถึงการ ทาไรทานาให้ได้ผลผลิตที่ดีและพอเพียงต่อความต้องการของครอบครัวในปีน้ี จากน้ันจะดึงขนไก่ใส่ ลงไปในกระบอกไมไ้ ผ่ซ่งึ ทาเป็นบันไดบา้ นทงั้ สองขา้ ง นับวา่ เป็นสัญลักษณ์แทนตัวไก่พร้อมกับใส่ขนม คือข้าว ปุ๊ก และเหลา้ อยา่ งนิดหน่อย ตอ่ ไปก็ทาการเคาะไม้ตักข้าวกับเสาไม้ไผ่ที่ทาเป็นร้านเหนือเตา ไฟในครัวเพ่ือเซ่นผีประจาเตาไฟอีกคร้ังหน่ึง โดยในมืออีกข้างผู้ทาพิธีจะถือไก่ไว้ด้วย เสร็จแล้วนาไก่ ไปฆ่าเพ่ือเป็นอาหารของสมาชิกในครอบครัวหรือญาติพี่น้อง ในพิธีช่วงนี้ สมาชิกคนอ่ืนๆ ในบ้าน จะต้องอย่พู ร้อมหน้ากนั ห้ามไมใ่ ห้ไปไหนในระหว่างพธิ ี ตอ่ จากนนั้ จะมีการมัดมือ โดยมีหมอผีประจา หมู่บ้านจะรับสุราซง่ึ ชาวบ้านเรยี กว่า “หัวเหลา้ ” จากหวั หนา้ ครอบครวั สุราขวดนี้เป็นสุราขวดแรกที่ กลั่นได้จากหม้อต้มสุรา สุราแก้วแรกต้องรินให้หมอผี หมอผีจะยกแก้วข้ึนเสมอศีรษะ แล้วอธิษฐาน เชื้อเชิญบรรดาผีท้ังหลายให้ลงมาด่ืมสุราโดยพร้อมเพรียงกัน ขอร้องวิงวอนให้ช่วยดูแลคุ้มครอง ป้องกันภัยอันตรายท้ังปวง และขอให้พืชผลที่จะทาการเพาะปลูกต่อไปงอกงาม ได้ผลอุดมสมบูรณ์ พูนสุข หมอผีจะรินสุราของแต่ละครอบครัวนั้นลงบนพ้ืนประมาณ 10 หยด สาหรับให้ผีทั้งปวงดื่ม แล้วหมอผีจะต้องจิบดื่มนิดหน่ึงก่อนที่จะส่งให้ผู้อาวุโสตามลาดับ จนถึงเด็กท่ีน่ังร่วมวงด้วย และมี การนาด้ายทเี่ ตรียมไว้ผ้ขู ้อมือบรรดาพี่น้องของตนและคนอ่ืน ๆ ท่ีมาร่วมในพิธี ขณะกาลังผูกข้อมือก็
๑๕ จะให้ศีลให้พรไปด้วย เม่ือเสร็จพิธีจากบ้านหน่ึงแล้ว หมอผีก็จะไปทาพิธีที่บ้านอื่นๆ ต่อไป โดยทา เช่นเดมิ อีก เพ่อื ความครึกคร้ืนสนกุ สนานให้สมกับเป็นพิธีขึ้นปีใหม่ ต่างร่วมร้องเพลงตามทานองของ เขา เครื่องดนตรีในประเพณีปีใหม่ เดอ เป็นเครื่องดนตรีชนิดตี เดอเป็นเครื่องดนตรีที่ไม่ใช้ เครื่องดนตรีที่ชาวกะเหร่ียงหมู่บ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ คิดขนึ้ เองแต่เป็นเครื่องดนตรีที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญเพราะสมัยบรรพบุรุษของชาวกะเหร่ียง บ้านสนั ม่วงสมยั กอ่ นเปน็ ชนชาติที่มีสายเลือดใกล้เคียงกันและอาศัยอยู่ในถิ่นเดียวกัน (เป็นบางส่วน) และเคยชว่ ยเหลอื เกือ้ กลู กนั มาก่อนเดอสว่ นมากจะใช้ในประเพณีปีใหม่ของชาวกะเหร่ียงบ้านสันม่วง จะนิยมเล่นกันในช่วงเดือนธันวาคม เวลาเท่ียงคืนของแต่ละปีเพียงเท่านั้น ลักษณะของเดอ เดอจะ ทาจากทองแดงผสมกับเหล็ก(ในสมัยก่อน) ไม้ท่ีใช่ตีจะทาจากผ้าสีขาวซึ้งจะนาผ้าสีขาวน้ันมาพันกัน เปน็ วงกลมตดิ กบั ไม้ท่ีใชต่ ใี หแ้ น่นทสี่ ุด วิธีการบรรเลง เดอจะใชต้ ีควบคกู่ ับการขับลาเนา ร้องวนไปซ้า ไปซา้ มาตีเดอเป็นจงั หวะๆซ้าไปซา้ มารวมกนั ทั้งหมด ๓ รอบส่วนนกั ปราชญท์ บี่ รรเลงและเป็นแกนนา หลักๆในการบรรเลง คือ นายพาเชคา เกษมวิจิตรกุล อายุ ๕๔ ปี (คนที่สามารถบรรเลงได้เป็นได้ท้ัง เด็กและผใู้ หญ่ จะชายหรอื หญงิ ก็ได)้ บทเพลงทใี่ ช้ในการบรรเลงในประเพณีปีใหม่จะมีเน้ือหาเกี่ยวกับ การอวยพรปใี หมท่ ก่ี าลงั จะเขา้ มาถึงคาอวยพรจะเก่ียวกับการดาเนินชีวิตอย่างระมัดระวังเก่าสู่ปีใหม่ อย่างมีความสุข ส่วนความเชื่อเก่ียวกับเดอของคนในหมู่บ้านจะมีความเช่ือเกี่ยวกับการเริ่มต้นชีวิต ใหม่ โชคลาภตา่ งๆ (หรอื การปดั เปา่ ส่งิ ไมด่ อี อกจากตวั เอง) บทเพลงท่ีใชป้ ระกอบประเพณีปใี หม่ ๑.ชือ่ บทเพลง นีทอ่ ซอ “ นี ลอ ลี แล ปู กวิ นี อะ ซอ แฮ ตอื โอะ ปวา เม่ ยาว ต่า โช เง โค ยะ เปอ โดะ เน่ เก เตาะ นี ซอ เม่ เลอ ยวา เชอ ปวา อะ โค ยะ บู เป ละ นี ลอ ลี แปว คลี บา ปวา เตอ นอ เชอ ตือ โอะ บ่ะ ช่า เตอ คลื เน่ นี ซอ เม เม่ เปอ แวโกะ คา เกรอะ เลอ เปอ สิ บลึป่า ยวา เลอ อะ ดึ ตือ โอะ ปวา เลอนี ท่อ ซอ เก่อ เดอะ เลอ เปอ คอ เมาะ นี ทอ ซอ แฮ โชะ เน่ ปวา ตา่ โคย ต่า โพย เดอ ต่า ซะ คือเม่ เปอ ตา่ เชอ เง เชอ วา โละเปอ ซะ โกะ งา แล โละ กวิ ต่าโอะ มู อะ ซอ คอ งอ นี ซอ แปว ตา่ เกอ ชอ ซิ บลึ เก ยวา เตาะแล ชุ ยา โอ เกอ ยอ โพ เอ่อ” (ถอดความเปน็ ภาษาไทยมาตรฐาน) ความหมายของเพลงกล่าวถึง การอวยพรการเร่ิมต้นใน เดือนใหม่ สาหรับเดือนใหม่น้ีขอให้เจอแต่ส่ิงดีๆขอให้มีแต่ความสุข ความปรีดาความยนิ ดขี อใหส้ งิ่ ศกั ด์สิ ทิ ธิ์ทั้งผีบ้าน ผีเรือนต่างๆ นับถึง ศาสนาใดก็ขอให้ก็ขอให้สิ่งศักด์ิท่ีนับถืออยู่จงคุ้มครองให้พ้นจาก
๑๖ ความทุกข์ยาก พ้นความลาบาก อวยพรให้ทุกคนในบ้านมีสุขภาพ แขง็ แรงและเป็นการเร่มิ ต้นอกี ปที ดี่ ีของครอบครัวในปีใหม่ ๒. ชอ่ื บทเพลง ยวาเช่อปวา “เปอ เส่ ยา ยวา ซะ โอะ ปวา อี กว่า แว ปวา เปอ เซ ยา ยวา ซะ โอะ ปวา แล ต่า เดอะ ปวา เม เตอ เม เลอ ยวา ชอ เชอ เปอ ต่า โอะ มู แท เลอ เปอ งิ ปา แล คอ โพล เกอ เซ อ่ะ เม่ เตอ เม่ เลอ นา บา เออ ต่า โอะ มู เท ต่า เซอ ยือ งิ คา เปอ ซึ เดอะ แล ชู ยา เปอ ตา่ โอะ มู ต่า แน แกละ มอื นี ชู ยา เลอ เกอ แฮ เท ยวา เตอ งา เกอ แล เชอ ปวา ชู เปอ ต่า งิ บา” (ถอดความเปน็ ภาษาไทยมาตรฐาน) ความหมายของเพลงกลา่ วถึง คาสั่งสอนในการใช้ชีวิตอย่าง ระมัดระวังตลอดทั้งปีการดาเนินชีวิตอย่างมีสติ มีเหตุ มีผล การ รักษาตัวเองทั้งกายทั้งใจไม่ให้พบจากสิ่งที่ไม่คาดคิดส่ิงท่ีก่อให้เกิด การสูญเสียต่างๆถึงชีวิตการดูแลตัวเองให้พ้นจากภัยอันตรายตลอด ท้งั ปโี ดยยึดสง่ิ ท่ีตัวเองนบั ถือมาเปน็ แนวทางในการดาเนนิ ชวี ติ (นายพาเชคา เกษมวิจิตรกุล สัมภาษณ์, ๑๘ มกราคม ๒๕๖๓) จากบทเพลงขา้ งต้นทัง้ สองเพลงกลา่ วถงึ ความเชือ่ ของจากการวิเคราะห์จะเหน็ ได้ว่าชาวบ้าน บ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่มีความเช่ือเรื่องเดอ ว่าเดอมี ความสาคัญและกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนในชุมชนมีความเช่ือว่าหากหมู่บ้านไหนมีเดอมีการตีแจ้ง เตือนทุกปีหมู่บ้านนั้นจะมีแต่ความสุขตลอดทั้งปีอย่างบทเพลงแรกเป็นบทเพลงเก่ียวกับการอวยพร ในปีใหม่ในลักษณะอวยพรให้มีแต่ส่ิงดีๆเข้ามาในชีวิตส่วนบทเพลงท่ีสองจะ เป็นการอวยพรใน ลกั ษณะเป็นคาส่ังสอนในการรกั ษาตวั เองให้พ้นจากภัยอันตรายต่างทป่ี ลอดภัยตลอดทงั้ ปี
๑๗ ๒.แรกนาขวัญ ประเพณีในไร่ของชาวกะเหร่ียง ปกาเกอะญอ ท่ีก่อนที่จะเริ่มปลูกข้าวท้ัง แปลงต้องมีการปลูกแม่ข้าวท้ังเจ็ดก่อน โดยมีการกันที่ก้ันไม้ไว้กลางไร่ ผู้ชายขุดหลุม ผู้หญิงหยอด เมล็ด โดยชายหญงิ ท่จี ะรว่ มกันปลูกแม่ข้าวนี้จะต้องเป็นผู้ท่ีพ่อแม่ยังอยู่ครบ และข้าวทั้งเจ็ดกอที่เกิด ข้ึนมา คือ “แม่ข้าว” ซ่ึงหลังจากที่มีการเอามื้อเอาแรงปลูกข้าวท้ังไร่เสร็จแล้ว ก็จะนางาโบ อันที่ใช้ ปลูกแมข่ า้ วซึง่ ถอื เป็นงาโบศักด์ิสทิ ธิม์ าปกั ไว้ในแปลงแมข่ ้าว ปลายมงาโบช้ีไปที่ทิศดาวช้าง ตามความ เชื่อว่าช้างเปน็ ขวัญข้าว เครื่องดนตรีในประเพณีแรกนาขวัญ แกว เป็นเคร่ืองดนตรีชนิดเป่า ใช้บรรเลงในช่วง ประเพณีแรกนาขวัญของการจะทาไร่ทานาในทุกๆปีแกวจะเป่าเพ่ือเตียนทุกคนในหมู่บ้านและเป็น การส่งสัญญาณที่ใช้เตียนให้รู้ว่าทุกคนควรต่ืนตัวกับการทาไร่ทานาแกวเป็นเคร่ืองดนตรีที่ชาว กะเหร่ียงบ้านสันม่วงที่คิดทาขึ้นเองแกวทามาจากเขาควายท่ีตายไปแล้วโดยคนสมัยก่อนเห็นว่าเขา ควายมีลักษณะโค้งงอ มีความสวยงามเมื่อควายตายไปแล้วจะท้ิงก็เสียดายจึงมีการตัดเขาควายออก เห็นว่าเขาควายนั้นมีรูในตัวอาจจะสามารถนามาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องดนตรีได้ จึงมีการลองมาทา ปรากฏว่าสามรถเป่าได้จริงแกวจึงเป็นเอกลักษณ์อย่างหน่ึงท่ีคนในหมู่บ้านในความสาคัญลักษณะ ของแกว ลาตัวทาจากเขาสัตว์ หรือ เขาควาย ส่วนลาตัวจะมีการเจาะเป็นรูเล็กๆปลายเขาเม่ือเป่า แล้วจะทาให้เกิดเสยี งเสียงของแกวจะมีความคล้ายเสียงของแตรส่วนนักปราชญ์ที่บรรเลงได้และเป็น แกนนาในการบรรเลงคือ นายหม่อโท มาลีชาวไพร อายุ ๗๕ ปี เป็นผู้ท่ีมีความรู้และเป่าได้ดี (แกว สามารถเป่าได้แค่เฉพาะผู้ชายส่วนผู้หญิงไม่สามารถเป่าได้)บทเพลงท่ีใช้บรรเลงจะเก่ียวกับพืชผัก การไล่สตั ว์ ผลผลติ ต่างๆท่ีหว่านเมล็ดลงไปต่างๆนานๆของชาวบ้านแล้วแต่ผู้บรรเลงจะเลือกนามาใช้ เวลาเป่าจะตอ้ งเดนิ รอบสว่ น รอบไร่ ระวงั เดนิ จะมีการเป่าแทรกไปกับการขับร้องบทเพลงผู้ที่เป็นคน เป่าต้องเดินรอบรอบนาตัวของตัวเอง ท้ังหมด ๑ รอบ ความเชื่อของชาวบ้านจะเชื่อกันว่าการเป่า แกวเป็นการป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าทาลายพชื ผกั ท่ปี ลกู ไว(้ เป่าเพื่อป้องกนั สัตว์ป่า) บทเพลงท่ีใช้ประกอบประเพณแี รกนาขวญั ๑.ชือ่ บทเพลง ยางิบา “เยอ เกอ แล ตา่ เลอ เกอ ซา อา คีย บา แธะ เตอ คาย เยอ แล ตา่ เตอ เซ บา ปวา เลอ เก่อ เชอ ปวา เม่ แว ดา เย ซู เกอ ซา เยอ เกอ ซิ บลึ เก บา ยวา เลอ เฮ ปวา ตา่ แควะ ตา่ ยา ดโิ ซะ เปอ เกอ โดะ เน่ บะ ตา่ กุ บะ กุเซ เตอ พา ซอ โซ โล โม เม่ ปวา กุ เซเตอ คา เม่ ปวา เลอ เค เน่ ตา่ เลอ ป่ า ยวา ดิ ยวา โซ เค ซอ โซ โล โม อะ โซะ ยวา เกอ โช เค เก เปอ เกอยอ โพ..ซิ บลึ ยวา เลอ อา เชอ เก ปวา นี ลา เซ เตอ พา เปอ คลึ เน่ ดิ นี ซะ คือ เซ เลอ อะ ดึ ซอ คึอ ปวา โกะ คาย คา ชู ญา มือ นี เตอ พา เปอเกอ แล ต่า เดาะ ยวา เชอ เลอ เปอ คลึ เน่ เดาะ มอื นี ลอ ชอ ดิ อเี กอ แฮ ตอื โอะ เกอ เดาะ ปวา” (ถอดความเปน็ ภาษาไทยมาตรฐาน)
๑๘ ความหมายของเพลงกล่าวถึง การทามาหากินของ ชาวบา้ นน้นั ยากลาบากเวลาอยู่กับป่ากับเขาเวลาจะทาไรจะต้อง จงใจต้องขยันมากเม่ือถึงช่วงแรกนาขวัญจึงเช่ือกันว่าต้องมีการ เป่าแกวไว้เพื่อขู่สัตว์หรือป้องการไม่ให้สัตว์เข้ามาในสวนมา ทาลายพชื ผกั สร้างความเสยี หายในกับตน อย่างท่ีบอกว่า เหมือน ตั๊กแตนปัน่ ฝา้ ยไมไ่ ด้ใส่เสื้อหนไู มไ่ ดท้ านาแต่ได้กนิ ขา้ ว ๒. ชอ่ื บทเพลง ต่าคี พลี ลอ ต่า เลอ งอ งอ พลี ต่าแอะ อะ คลี เซ พลี ลอ ต่า เลอมือ ทู เตาะ เลอ ฮา เตอ คอโคะ ต่า กุ อะ คา เน่ เตาะ ต่า งา เลอพอ ปู เปอ เกอ แฮ ซะ คือ ต้า เตาะ เปอ บอื เปอ ฮือ พลี ลอ แพะ อะ ยอ ยอ พลี ลอแพะ อะ กอ กอ กอ บะ ช่า เตอ พี บะ เม่ เหอ ซา อะ งอ ตือ กุ บือ อะ คา บะ เตาะ ต่า มา เตอ โอะเลอ เปอ เกอ แฮ ซะ คือ ตา่ เตาะ เปอ บอื เปอ ฮอื มา ซะ ดิ เน่ แล ต่า แมะ ที ลอ บะ ช่า เตาะ เซ นอ ทอ ต่า ซิ ป่าป่ะ เนอ ซะ ชุ ชุ ตือ เปอ มา ต่า วีเตาะ ซ่า เกอ เมอ เปอ โช เดะ เปอ เกอ แฮ ซะ คือ ต่า เตาะ เปอ บือ เปอ ฮือ .เตาะ เปอ บือ เปอ ฮือ เปอ เกอ แฮ ซะ คือ ต่าเตาะ เปอ บือ เปอ ฮือ เตาะ เปอ บือ เปอ ฮือ เตาะ เปอ บือ เปอ ฮือ เปอ เกอ แฮ ซะ คือ ต่า เตาะ เปอ บือ เปอ ฮือ (ถอดความเป็นภาษาไทยมาตรฐาน) ความหมายของเพลงกล่าวถึง การหว่านเมล็ดพืชต่างๆ จะต้องเลือดเมล็ดที่ดีท่ีสุดเพราะการทาไร่ทานาของชาวบ้านน้ันมี เพียงปีละครัง้ เพียงเทา่ การเลือกเมล็ดพืชแสดงถึงความใส่ใจของแต่ ละครัวเรือนผลผลิตจะดีหรือไม่ดขี นึ้ อย่กู ับการหวา่ นเมล็ดพืชของแต่ ละคนและยังกลา่ วถึง น้า คือขอให้เป็นปีที่มีผลผลิตที่ดี ไม่ขาดน้ามี น้าใชต้ ลอดท้ังปีเพอ่ื จะไดไ้ ม่ขาดสนในปนี ี้ (นายหมอ่ โท มาลีชาวไพร สัมภาษณ์, ๑๘ มกราคม ๒๕๖๓) จากบทเพลงข้างต้นทั้งสองเพลงกล่าวถึงความเชื่อจากการวิเคราะห์จะเห็นได้ว่าชาวบ้าน บ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่มีความเช่ือเรื่อง แกว ว่าการ เป่าแกวเมอื่ เป่าแลว้ ภูตผปี ีศาจจะไม่มาทาร้าย สัตว์ป่าจะไม่มารบกวนในช่วงเวลาทานาอีกทั้งทาให้ผี เจ้าป่าเจ้าดูแลในอยู่ดีกินดีตลอดทั้งปีบทเพลงแรกจะเป็นการกล่าวถึงการทามาหากินของชาวบ้าน
๑๙ วิถีชีวิตส่วนบทเพลงที่สองจะเป็นการกล่าวถึงความเช่ือเก่ียวกับการหว่านเม ล็ดการเลือกเมล็ดพืช ผลผลิตจะดีจะตอ้ งขนึ้ อยกู่ บั เมล็ดทหี่ ว่านลงไป จากการศึกษาพบว่าประเพณีปีใหม่ใช้เครื่องดนตรีเดอเพียงอย่างเดียวโดยจะมีการละเล่น แทรกไว้ในบทเพลงคนในหมูบ่ า้ นจะมคี วามเชือ่ เก่ยี วกบั เดอคือ เดอเปรียบเหมือนการเริ่มต้นชีวิตใหม่ การอวยพรให้ได้โชคลาภต่างๆ (หรือการปัดเป่าส่ิงไม่ดีออกจากตัวเอง) และประเพณีแรกนาขวัญ เคร่ืองดนตรีทีใ่ ชค้ อื แกวเพียงอยา่ งเดียวจะมีการละเล่นเป่าใรไร่นาเพียงปีละคร้ังชาวบ้านสันม่วงจะมี ความเชอื่ วา่ แกวเป็นการป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าทาลายพืชผกั ที่ปลูกไว้(เป่าเพื่อป้องกันสัตว์ป่า)และให้สิ่ง ศกั ดิส์ ทิ ธิ์คุมครองตลอดทั้งการปลูกพืชน้ี ๔.๒ ประเพณีเกีย่ วกับชวี ติ ๔.๒.๑ ประเพณีงานศพ เม่ือมีคนตายในหมบู่ า้ นกจ็ ะนาไปประกอบพิธีกรรม ให้พระสงฆ์มา ทาพิธีตามปกติท่ัวไปบางบ้านก็จะรอญาติมาที่บ้านแล้วค่อยฝังผู้ตายสมัยก่อนน้ันเมื่อมีคนตายใน หมู่บา้ นจะไมม่ ีการสวดพระอภิธรรมแต่อย่างใดชาวกะเหร่ยี งจะเก็บศพไว้ ๑ ถึง ๓ คืนบ้างก็แค่ ๑ วัน บางส่วนที่ต้องเก็บไว้ ๓ คืนน้ันก็เพื่อรอญาติพ่ีน้องที่อยู่ไกลออกไปมาร่วมในงานภายในงานศพตอน กลางคืนก็จะมีการละเล่นดนตรีและร้องเพลงเพ่ือเคารพและเป็นเพื่อนศพก่อนท่ีจะนาศพปังหรือเผา จะต้องมีการอาบน้าศพและห่อศพ หลังจากเผาศพแล้วจะไม่มีการเก็บกระโดดของผู้ตายไว้จะนาไป ฝังไว้ที่ปา่ ช้าในหม่บู ้านหันศรี ษะศพทางทศิ ตะวันตกอยู่ทางเดียวกับป่าช้าเม่ือครบทุก ๕ ปี ก็จะมีการ ขดู กระดูกมารวมกนั เพอื่ ทาบญุ ให้กบั ผู้ตาย เครื่องดนตรีในประเพณี โกละ เป็นเครื่องดนตรีชนิดตี ใช้ในประเพณีงานศพเพียงเท่านั้น จะไม่มีการนาไปใช้ในประเพณีอ่ืนหรือพิธีกรรมอ่ืน เพราะโกละเป็นการแสดงออกถึงความเศร้าโศก โกละเป็นเครอื่ งดนตรีชนิดศกั ดสิ์ ิทธิ์เสยี งของโกละจะดังก้องท่ัวหมู่บ้านเม่ือมีการเล่นจะไม่นามาเพลง พร่าเพร่ือ ชาวกะเหร่ียงหมู่บ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ จะ ใชโ้ กละควบคู่กับการขับลาเนาเพลง “ทาปลือทาเจอ”ซ่ึงเป็นพิธีกรรมการช้ีทางให้แก่วิญญาณผู้ตาย เพ่ือเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านหรือชุมชนของตนเองในโลกแห่งความตายในการช้ีทิศน้ีจะต้องกลับ ด้านตรงกันข้ามกับทิศในโลกมนุษย์ พร้อมกับการเดินวงศพลักษณะของโกละลาตัวจะทามาจากไม้ โดยการเกะเป็นรูปให้มีลวดลายต่างๆ ด้านท่ีใช้ตีจะทาจากหนังวัวหรือหนังแพะ(แล้วแต่คนทา)ส่วน รูปรา่ งจะมีลักษณะกลมๆเหมือนกลอง นักปราชญท์ บี่ รรเลงไดแ้ ละเป็นแกนนาในการบรรเลงคือ นาย หมอ่ เผ่ วิทยาดารง อายุ ๗๐ ปีซ่งึ มคี วามชานานให้เรอื่ งการใชโ้ กละบทเพลงท่ีใช้ควบคกู่ บั การบรรเลง จะมีลักษณะเศร้าโศก เสียใจ ทานองช้าความเชื่อของชาวบ้านในหมู่บ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่เช่ือการว่าหากมีการตีโดยไม่มีงานศพจะเป็นการนาเอาส่ิง อัปมงคลเขา้ มาในหมบู่ ้านอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน(ปัจจุบันจะมีการหาดูยากอาจมีแค่ไม่ก่ีบ้านเท่าน้ันที่ จะยังคงความเช่ือการเล่นแบบนี้ไว้อยู่เป็นเพราะวัฒนาธรรมต่างๆท่ีเขามาทาให้การจัดงานศพมี ลักษณะเรียบง่ายไม่ซับซอ้ นเหมอื นเม่ือก่อน) บทเพลงท่ใี ชป้ ระกอบประเพณี
๒๐ ๑.ช่ือบทเพลง ทาปลอื ทาเจอ “โกละ เม แว ปา มา ทา อะ ตะ เลอ บ่า ซี บ่า เตอ ดอะ เลอ บ่า โกละ แต บะ คา เลอเลอ ตา่ ซี อ เง เต เอ ปวา ซี อะ แกละ เก เลอ ปลี อะ อะ กอ เน ปวา แกละ บา่ เตอ งา งา เตอ สิ ยา ลอ เนอ อะ สิ ดบิ ะ อะ เน เนาะ เบอ บา่ เต อะ แกละ” (ถอดความเป็นภาษาไทยมาตรฐาน) ความหมายของเพลงกล่าวถึง ลักษณะเนื้อเพลงเป็นเพลงท่ีมี ความหมายเศร้าโศกในเนื้อหาของเพลงจะเป็นการชี้ทางให้กับผู้ท่ี เสยี วา่ ทางไหนไปสวรรค์ทางไหนไปนรก เปิดทางให้ผู้เสียชีวิตเห็น ทาง ลักษณะเหมือนเป็นการส่งวิญญาณให้ไปในภพภูมิท่ีดีส่งครั้ง สุดท้ายไม่ให้หลงไปทางท่ีผิดกลับไปยังชุมชนของตัวเองชุมชนใน โลกแหง่ การตาย (นายหม่อเผ วิทยาดารง สมั ภาษณ์, ๑๘ มกราคม ๒๕๖๓) ๔.๒.๒ ประเพณีแต่งงาน ประเพณีแต่งงานของชาวกะเหรี่ยงบ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ จะสามารถแต่งงานตั้งแต่อายุ ๑๕ ปีก็จะสามารถแต่งงานกัน ได้แล้วอยู่ท่ีความพร้อม ฐานะทางบ้านของแต่งละฝ้าย การเลือกคู่ครองน้ันคู่บ่าวสาวจะเป็นผู้เลือก เองจะไมม่ กี ารบังคับการแตง่ แตอ่ ยา่ งใดโดยในการเลือกคู่ครองนั้นจะไม่มีการล่วงละเมิดการแต่อย่าง ใดเพราะชาวกะเหร่ียงบ้านสันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ถือว่าจะ เป็นการผดิ ผถี ้าท้งั ค่มู คี วามชอบพอกัน ทางครอบครัวของของฝ้ายหญิงจะยินยอมให้ฝ่ายชายมานอน ค้างท่ีบ้านแต่ต้องไม่มีการล่วงละเมิดกันแต่อย่างใดและเหมือจะประกาศให้รับรู้กันของพ่อแม่ญาติ ผู้ใหญ่กันท้ังสองฝ่ายเม่ือแต่งงานกันแล้วฝ่ายชายต้องไปอยู่บ้านฝ่ายหญิงในวันแต่งงานแม่ของฝ่าย หญิงจะให้ทอผ้าไว้ให้ฝ่ายชายไว้ใช่และเลี้ยงหมูเพื่อจะได้มีไว้กินส่วนฝ่ายชายจะไม่มีการใส่เส้ือแต่จะ ใส่ แท (จงกระเบนกะเหรี่ยง)ถือเสี่ยและย่ามใส่เงินมาในวันแต่งงานส่วนผู้หญิงในวันแต่งจะต้องใส่ เสื้อแประจาเผ่าสีขาวแสดงถึงความริสุทธ์เม่ือแต่งงานไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาใส่ชุดสีขาวได้อีก จะต้องใส่สีอื่นแทน เช่น สีน้าเงิน สีดา สีฟ้า เป็นต้น การแต่งงานจะต้องเป็นฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เลือกเองโดยพ่อแม่และญาติพี่น้องท้ังสองฝ่ายจะรับรู้ ในงานแต่งน้ีจะมีอีกพิธีกรรมอีกอย่างหนึ่งท่ีมี ความสาคญั ในงานแต่งคือ พธิ ยี ้องสาว คือการเปดิ โอกาสใหญ้ าติพนี่ ้องฝา่ ยชายมาที่บ้านฝ่ายหญิงเพื่อ พบปากพดู คุยการและในพิธีกรรมนั้นจะมีเครื่องดนตรีเตหน่ากูบรรเลงคู่กับการการขับลาเนาอวยพร ชีวิตคู่บา่ วสาว
๒๑ เครื่องดนตรีในประเพณีแต่งงาน มี ๒ ชนิดได้แก่ เตหน่ากู เป็นเครื่องดนตรีชนิดดีดใช้ บรรเลงในช่วงที่มีประเพณีงานแต่งของหมู่บ้านการบรรเลงจะประกอบกับการขับลาเนารวมท้ัง บรรเลงเพ่ือความสนกุ สนาน บรรเลงเพื่อความผ่อนคลายเพลิดเพลินลักษณะของเคร่ืองดนตรีตัวของ เตหน่าจะทาจากไม้ที่มีลักษณะอ่อนหรือเน้ือไม่แข็งจนเกินไป เช่น ไม้ขนุน คอของเตหน่ากูจะมีการ ข้ึนรูปเป็นชิ้นเดียวกันกับลาตัวของเตหน่า แผ่นยึดสายเตหน่าจะทาจากแผ่นอลูมิเนียมหรือแผ่น สังกะสีลกู บดิ ของเตหนา่ ทาจากไมแ้ ก่ที่นามาข้ึนรูป และส่วนสุดท้ายของเตหน่าสาคัญท่ีสุดคือสายดีด เตหน่าจะนาสายเบรกจักรยานมาทาเป็นสายดีด(แต่สมัยก่อนใช้เถาวารหรือเปลือกไม้อ่อน)ในส่วน ของวธิ ีการบรรเลงจะใชด้ ีดเหมือนกีตาร์ท่ัวไปร่วมกับการขับลาเนาเสียงของเตหน่าจะมีความไพเราะ และสนุกสนานสร้างความบันเทิงใจส่วนนักปราชญ์ท่ีบรรเลงเป็นส่วนมากจะเป็นผู้ชาย แกนนาท่ีนา การบรรเลงคือ นายส่าโหล่โพ มงคลจันยาภัก อายุ ๗๐ ท่ีมีความรู้ความเช่ียวชาญมากท่ีสุดเก่ียวกับ เคร่ืองดนตรีในหมู่สันม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของบท เพลงที่ใช้เล่นงานแต่งนั้นส่วนมากเนื้อหาในบทเพลงจะเก่ียวข้องกับเร่ืองความรัก การอวยพรต่างๆ ของผู้ท่ีขับร้องเพลงหรือคาอวยพรกับผู้เฒ่าผู้แก่ท่ีอวยพรคาอวยพรจะมีการพุดประมาณว่าเม่ือ ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว เมื่อแต่งงานกันแล้วก็ขอให้ทั้งคู่มีความสุข ให้คู่บ่าวสาวอีกท้ังคนใน หมูบ่ ้านยงั มีความเชื่อเก่ียวกบั ดนตรีเตหน่ากูคือหากงานแต่งไหนมีการละเล่นเคร่ืองดนตรีประเภทเต หนา่ กูจะทาใหค้ วามรักของคบู่ ่าวสาวรกั กันยืนยาว ความรักจะไม่แตกหกั เซาะแค เป็นเคร่ืองดนตรีชนิดเป่า.ใช้ในประเพณีงานแต่งหรือใช้ในงานร่ืนเริงไม่จากัดว่าจะ เป็นประเพณีอะไร (ยกเว้นงานศพจะไม่มีการใช้เซาะแคในประเพณี) เซาะแคเป็นเครื่องดนตรีของ กะเหร่ยี งบา้ นสันม่วง ตาบลบ้านจนั ทร์ อาเภอกัลยาณิวฒั นา จงั หวัดเชียงใหม่ลักษณะของเซาะแคทา จากไม้ไผ่ท่ีแห้งที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้วชาวบ้านจึงนามาประยุกต์มาเป็นเคร่ืองดนตรีชนิดเป่าซึ่ง เสียงของเซาะแคมคี วามไพเราะนา่ ฟงั ในสมยั กอ่ นชาวกะเหรยี่ งบ้านสนั ม่วงเม่อื ถงึ ฤดูทานาจะมีการไป ช่วยเหลือเก้ือกูลกันเหมือนพี่น้องพอพลบค่าหนุ่มสาวก็จะนามาเป่าเล่นในการเกี้ยวสาวตามความ บันเทงิ ใจ ลดกันเหนือ่ ยล้าจะกันทางานอกี ความเช่ือของคนในหมู่บ้านกะเหร่ียงจะเสียว่าเซาะแคเป็น เครอื่ งดนตรที ่ีสามารถปดั เปา่ ความเหน่อื ยลา่ จากการทางานได้ บทเพลงทใ่ี ชป้ ระกอบประเพณี ๑.ชอ่ื บทเพลง หอโค “ฮะ เว วอ เลอ หอ โค คือ แย ปวาเลอ เยอ แอะ บะ ชา เตอะ ทีเน่ แย น่อ เตอะ งา แพะ เลอ เยอ ทเี น่ แย ปวา คี ลา ดิ โซ นา เตอะปลอๆ ซะ โพ อี แซะ บุ เดาะ นา ทอ โบ บะ ทือ เกอ พ่า ปวา เลอเยอ แอะ เตอะ คา เมาะ เกอเม่ ต่า เลอ ยวา คือ เทอ เน่ ยา แมะคลี โพ อะ ต่า แอะ บะ เซอ เงอ ลอ อะ ซะ แพะ เนอ เช นอโอะ แย เลอ เยอ เกอ ป่ า ซะ ทอ่ เตอะ นี อี เตาะ คา เกอ แฮ ซู ยา ลอ โซ เยอะ เกอ เม่ เนอ ตา่ ซเิ ม่ เง มู เม่ เง เยอ เกอ เตาะ แย เตาะนา ตอื เลอ ตา่ ซิ ทอื พะทเออลอ นา”
๒๒ (ถอดความเป็นภาษาไทยมาตรฐาน) ความหมายของเพลงกล่าวถึง การอวยพรคู่บ่าวสาวในการใช้ชีวิตคู่ การขอใหค้ ู่บ่าว-สาว พบเจอแต่ส่ิงท่ีดี ร่ารวยเงินทอง รักกันนานๆอยู่ ดว้ ยกันนานๆ หนกั นิดเบาหน่อยก็ให้อภัยแก่ซึ่งกันและกันครองรักกัน นานๆอย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่ในการครองชีวิตคู่ ไม่งั้นจะทาให้รักไม่ ยืนยาว ๒. ช่อื บทเพลง ตา่ แอะ เยอ เกอ แล ต่า เลอ เกอ ซา อา คีย บา แธะ เตอ คาย เยอ แล ต่า เตอ เซ บา ปวา เลอ เก่อ เชอ ปวา เม่ แว ดา เย ซู เกอ ซา เยอ เกอ ซิ บลึ เก บา ยวา เลอ เฮ ปวา ต่า แควะ ต่า ยา ดิโซะ เปอ เกอ โดะ เน่ บะ ต่า กุ บะ กุเซ เตอ พา ซอ โซ โล โม เม่ ปวา กุ เซเตอ คา เม่ ปวา เลอ เค เน่ ต่า เลอ ป่า ยวา ดิ ยวา โซ เค ซอ โซ โล โม อะ โซะ ยวา เกอ โช เค เก เปอ เกอยอ โพ..ซิ บลึ ยวา เลอ อา เชอ เก ปวา นี ลา เซ เตอ พา เปอ คลึ เน่ ดิ นี ซะ คือ เซ เลอ อะ ดึ ซอ คึอ ปวา โกะ คาย คา ชู ญา มือ นี เตอ พา เปอเกอ แล ต่า เดาะ ยวา เชอ เลอ เปอ คลึ เน่ เดาะ มือ นี ลอ ชอ ดิ อีเกอ แฮ ตือ โอะ เกอ เดาะ ปวา (ถอดความเปน็ ภาษาไทยมาตรฐาน) ความหมายของเพลงกล่าวถึง การตักเตือนเมื่อเลือกท่ีจะอยู่ ด้วยกันแลว้ ก็ต้องอยูใ่ นรอดอยา่ ใหค้ นอน่ื มาวา่ ใหท้ ีหลังได้การใช้ชีวิตคู่ ไม่เหมือนกันอยู่คนเดียวจะทาอะไรต้องคิดให้มากกว่าเดิมต้องคิดถึง คนที่อย่บู ้านเราการใช้ชีวิตต่างจากวัยหนุ่มสาวจะไม่สามารถเล่นหรือ ท า อ ะ ไ ร ต า ม ใ จ ไ ด้ อี ก ก า ร ใ ช้ ชี วิ ต คู่ จึ ง ต้ อ ง ป้ อ ง ก า ร อ า ร ม ณ์ แ ล ะ ความรสู้ กึ ตัวเอง (นายสา่ โหลโพ มงคลจรรยาภักดิ์, สัมภาษณ์ , ๑๘ มกราคม ๒๕๖๓.) จากบทเพลงข้างต้นทั้งสองเพลงกล่าวถึงความเชื่อจากการวิเคราะห์จะเห็นได้ว่าชาวบ้าน บา้ นสนั ม่วง ตาบลบ้านจันทร์ อาเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่มีความเช่ือเร่ืองโกละ เช่ือกันว่า ว่าหากมีการตีโดยไม่มีงานศพจะเป็นการนาเอาสิ่งอัปมงคลเข้ามาในหมู่บ้านอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน และในประเพณงี านแต่ง ความเชอ่ื เกี่ยวกับ เตหน่า เก่ียวกับการแต่งงานท่ีต้องใช้เตหน่าหากงานแต่ง ไหนมีการละเล่นเครื่องดนตรีประเภทเตหน่ากูจะทาให้ความรักของคู่บ่าวสาวรักกันยืนยาว ความรัก จะไม่แตกหักและความเช่ือเก่ียวกับเซาะแค เซาะแค่เป็นเครื่องดนตรีท่ีสร้างความสุข สร้างความ บันเทงิ ใจใหแ้ กผ่ คู้ นอกี ทัง้ ยงั สรา้ งกาลงั ใจในยามที่เหนื่อยล้าจากการทางาน
๒๓ จากการศึกษาพบว่าประเพณีปีงานศพจะมีเคร่ืองดนตรี โกละชนิดเดียวที่เล่นแทรกกับการ ขับนาเนา “ทาปลือทาเจอ” มีความเช่ือว่าโกละเปรียบเหมือนการส่งวิญญาณการบอกทิศทาง วิญญาณให้ไปอยู่ในภพภูมิของเขาและไปกลับยังชุมชนของเขาในโลกแห่งความตาย และเป็น การละเล่นเพื่อให้เกียรติผู้ที่จากไป และประเพณีงานแต่งจะมีการใช้เครื่องดนตรีท้ังหมด ๒ ชนิด ไดแ้ ก่ เตหน่ากแู ละเซาะแค โดยเคร่ืองดนตรีทง้ั สองชนิดนชี้ าวบ้านในหมบู่ ้านสันม่วงจะเช่ือกันว่าหาก มีการละเลน่ ในประเพณีงานแตง่ จะทาให้ความรักน้ันคู่บ่าว-สาวยืนยาวจะละเล่นพร้อมกันตอนท่ีผู้นา พธิ เี ปดิ โอกาสใหล้ ะเล่นร้องเพลงอวยพรคบู่ ่าวสาวในงาน
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: