Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทความ การปรับใช้จิตวิทยาและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทางนิเทศศาสตร์

บทความ การปรับใช้จิตวิทยาและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทางนิเทศศาสตร์

Published by supannalertp02, 2021-10-11 17:32:19

Description: บทความ การปรับใช้จิตวิทยาและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทางนิเทศศาสตร์

Search

Read the Text Version

บทความ เรื่อง การปรับใช้จติ วิทยาและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทางนิเทศศาสตร์ เสนอ รองศาตราจารย์ ดร.จุไรรัตน์ ทองคาํ ชื่นววิ ตั น์ จดั ทาํ โดย นาย เสรี แสงจนั ทร์ รหัสนกั ศึกษา 6111400328 นางสาว ชรัญญา โสประดิษฐ รหสั นกั ศกึ ษา 6111400344 นาย มาซาชิ อวิ าบุจิรหสั นกั ศึกษา 6111404536 นกั ศึกษาช้นั ปี ท่ี 4 คณะวิทยาการจดั การ สาขานิเทศศาสตร์ แขนงการประชาสัมพนั ธแ์ ละโฆษณา มหาวิทยาลยั ราชภฎั จนั ทรเกษม ภาคเรียนที่ 1/ปี การศึกษา2564

15 คํานาํ ในการจดั ทาํ บทความเร่ือง การปรับใชจ้ ิตวิทยาและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทางนิเทศศาสตร์ จดั ทาํ ข้นึ เพื่อศกึ ษาแนวคิดใหเ้ ขา้ ใจมนุษยไ์ ดด้ ีมากยิง่ ข้นึ เพราะนอกจากจะตอ้ งเรียนรู้พฤติกรรมแลว้ มนุษยท์ ่เี ป็น สตั วส์ ังคมจึงจาํ เป็นตอ้ งเรียนรู้และสามารถปรบั ตวั มชี ีวิตอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ืน่ ได้ การหาพฤตกิ รรมตามธรรมชาตขิ อง มนุษยน์ ้นั สามารถนาํ ไปเป็นแนวทางในการแกไ้ ขปัญหา การวิจยั หรือ รับมอื สาํ หรับการเปลีย่ นแปลงของยคุ สมยั ไดร้ วมไปถึงการปรบั ตวั น้นั สามารถมีเงือ่ นไขกฎ หรือจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพไดใ้ นเงอ่ื นไข บรรทดั ฐานตามกฏเกณฑท์ สี่ งั คมไดก้ าํ หนดไว้ การจดั ทาํ รายงานโครงการสมั มนา การปรับใชจ้ ิตวทิ ยาและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทางนิเทศ ศาสตร์ คร้งั น้ีสาํ เร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดี เนื่องจากไดร้ ับความร่วมมือจากทปี่ รึกษาโครงการ รองศาตราจารย์ ดร. จไุ รรัตน์ ทองคาํ ชื่นววิ ตั น์ นกั ศึกษานกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม ตลอดจนผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ ผูจ้ ดั ทาํ ขอขอบคุณทกุ ท่านทไ่ี ดใ้ หค้ วามร่วมมอื ในการจดั ทาํ โครงการสมั มนา การปรับใชจ้ ิตวทิ ยาและ จริยธรรมในการประกอบวชิ าชีพทางนิเทศศาสตร์ ในคร้ังน้ีหากมีสิ่งบกพร่องไป ผูจ้ ดั ทาํ ขอรบั ไวพ้ ิจารณาเพ่ือ ปรับปรุงในโอกาสต่อไป นกั ศกึ ษาช้นั ปี ที่4 แขนงประชาสัมพนั ธแ์ ละโฆษณา

สารบญั 14 เร่ือง หน้า 1.การปรับใชจ้ ิตวทิ ยาและจริยธรรมในการประกอบวชิ าชีพทางนิเทศศาสตร์ 1 2.จิตวิทยากบั การปรับตวั 7 12 3.จิตวทิ ยาทางสังคม

15 การปรับใช้จติ วทิ ยาและจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทางนเิ ทศศาสตร์ จิตวิทยาบุคลิกภาพและการปรับตวั เป็นการศึกษาเกี่ยวกบั คุณลกั ษณะของบคุ คล ซ่ึงมคี วามสาํ คญั ในแง่ การทาํ ความเขา้ ใจมนุษยท์ ้งั ในมติ ขิ องการเขา้ ใจตนเอง นาํ ไปสู่การพฒั นาตนเองท้งั ในการดาํ เนินชีวติ ประจาํ วนั และการทาํ งาน อกี ท้งั นาํ ไปสู่การเรียนรู้ท่จี ะเขา้ ใจผอู้ ืน่ และปรบั ตวั ใหข้ า้ กบั ผูอ้ น่ื เพอ่ื ดาํ เนินชีวิตไดอ้ ยา่ งมี ความสุขในสังคม ในการมองเห็นภาพรวมตา่ งๆ ปัจจยั สิ่งแวดลอ้ มรอบตวั รวมถึงตนเองท่ีเกี่ยวขอ้ งน้นั ลว้ นแต่ กอ่ ให้เกิด ลกั ษณะของแตล่ ะบุคคล และบุคลิกภาพท้งั ภายในและภายนอกรวมไปถงึ การปรับตวั ตามส่ิงแวดลอ้ ม ประสบการณท์ ่พี บเจอเพอื่ หาแนวทางในการพฒั นาตนเองและสามารถปรบั ตวั ไดด้ ีในสภาพแวดลอ้ มตา่ งๆได้ อยา่ งเหมาะสม นกั จิตวิทยาคนสาํ คญั ของแนวคดิ กลมุ่ จิตวเิ คราะห์ คอื ซิกมนั ฟรอยด์ (Sigmund Freud) เป็นจิตแพทย์ แห่งกรุงเวียนนา ฟรอยด์ (Freud) กลา่ วว่า บุคลิกภาพประกอบดว้ ย จิตของมนุษยม์ ีโครงสร้างของจิต เป็น 3 ส่วน Id, Ego and Superego เป็นพลงั ผลกั ดนั ใหบ้ คุ คลมีพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ กนั จนกลายเป็นลกั ษณะของ บคุ คลจะทาํ งานสมั พนั ธก์ นั ไมแ่ ยกจากกนั อยา่ งเด็ดขาด อดิ (Id) หมายความถึง ความปรารถนาความตอ้ งการของมนุษย์ เป็นแหลง่ รวมพลงั งานทีม่ ีพลงั ตอ่ บุคลิกภาพมนุษย์ Id ประกอบดว้ ยทุกส่ิงทไี่ ดร้ ับการถ่ายทอดมาจากพนั ธุกรรมด้งั เดิม แรงกระตนุ้ ที่มนุษยม์ มี า ต้งั แตแ่ รกเกิด จดั เป็นสญั ชาตญาณข้นั พ้ืนฐานของมนุษย์ ส่ิงเหลา่ น้ีรวมถงึ ความตอ้ งการของร่างกาย ความ ปรารถนาทางเพศ และแรงกระตนุ้ ความกา้ วร้าว ตามทรรศนะของ Freud พลงั ของ Id เป็นพลงั ระดบั จิตใตส้ าํ นึก และทาํ งานตามหลกั การแห่งความสุข (Principle of Pleasure) คือ มีความปรารถนาทจ่ี ะเกิดข้นึ ในทนั ทที นั ใด เพื่อใหต้ อบสนองพงึ พอใจท้งั หมด นอกจากการทีเ่ ราจะมชี ีวติ ร่วมกบั ผอู้ นื่ แลว้ จาํ เป็ นตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจความคดิ คนอ่ืนว่า เขารู้สึกนิดคดิ อยา่ งไร ทาํ ไมตอ้ งปฎิบตั ิเช่นน้นั อยา่ งเช่น พ่อคา้ ตอ้ งการจูงใจใหค้ นซ้ือสินคา้ แพทยไ์ ม่เพียงแค่รกั ษาโรคภยั ไข้ เจบ็ ยงั ตอ้ งเกี่ยวขอ้ งกบั ตวั คนป่ วย อาจารยต์ อ้ งทาํ ความเขา้ ใจลกู ศิษย์ สามีภรรยาตอ้ งปรบั ตวั เขา้ หากนั เพ่ือให้ชีวิต ราบรื่น นอกจากจะใชค้ วามรู้เรื่องมนุษยเ์ พอื่ ปฎิบตั ิตอ่ คนท่ีอยใู่ กลช้ ิดแลว้ เรายงั หวงั ทจี่ ะตอ้ งใชค้ วามรู้เรื่อง มนุษยด์ ว้ ยกนั เพื่อแกไ้ ขปัญหาสังคมในวงกวา้ งดว้ ยเช่น ในเรื่องของอาชญากรรม การถอื ชนช้นั วรรณะการแบ่ง เช้ือชาติผวิ พรรณ ความขดั แยง้ ระหวา่ งประเทศ สงคราม การเมอื ง แนวทางทส่ี อง การใชค้ วามปรารถนาท่ตี อ้ งการความสาํ เร็จ โดยผ่านความปรารถนาทตี่ อ้ งการ ความสาํ เร็จ Id จะทาํ ใหเ้ กิดจินตนาการทางความคิดเป็นรูปวตั ถุ ซ่ึงจะทาํ ใหเ้ กิดความพอใจ ต่อความตอ้ งการน้นั

14 และจะเป็นการช่วยลดความเครียดไดบ้ า้ ง ตามทรรศนะของ Freud ความฝันก็เป็นแนวทางอยา่ งหน่ึง ซ่ึงเป็นการ แสดงออกของความปรารถนาที่ตอ้ งการความสาํ เร็จ และจะทาํ ใหเ้ กิดเป็นจิตสาํ นึก (Conscious Mind) ความฝัน เป็นส่ิงท่มี ีความหมาย น้นั คอื คนทนี่ อนหลบั มคี วามสามารถจาํ เร่ืองที่ตนปรารถนาจากจิตใตส้ าํ นึกทีป่ รากฏใน ความฝันไดก้ จ็ ะมคี วามรู้สึกเกิดความกงั วลใจ ในกรณีที่ฝันร้าย และบางทกี ต็ อ้ งตื่นข้ึนในเวลากลางคนื ดงั น้นั ความฝันทีเ่ ป็นความจริงก็จะถูกปิ ดบงั ไว้ Freud พบว่า บางคนรู้จกั ใช้สัญลกั ษณท์ ีค่ ลา้ ยกนั สาํ หรบั ความฝันท่ีถูก ปกปิ ดไวน้ ้นั คอื บุคคลจะตอ้ งมีความเขา้ ใจถึงสัญลกั ษณ์ตา่ ง ๆ ซ่ึงใชแ้ ทนความฝันกอ่ นจึงจะสามารถแปล ความหมายหรือทาํ นายความฝันที่เกิดจากจิตใตส้ าํ นึกได้ อีโก้ (Ego) เป็นระดบั จิตสาํ นึกบางส่วน ทาํ หนา้ ทต่ี ามหลกั การแห่งความจริง (Reality Principle) เพอื่ ทาํ ใหเ้ กิดความพอใจตอ่ ความตอ้ งการของ Id เช่น ถา้ บุคคลมคี วามหิว Ego จะช่วยทาํ ใหแ้ ตล่ ะบุคคลรู้จกั แสวงหา อาหารมาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เพือ่ ช่วยลดความเครียดท่ีเกิดข้ึนจากความหิวมาจาก Id ถา้ ปราศจาก Ego อิดจะตอ้ ง แสวงหาอาหาร หรือวตั ถอุ น่ื เพื่อตอบสนองความพอใจต่อความตอ้ งการน้นั Ego เป็นส่วนทม่ี ีความสาํ คญั ของบคุ ลกิ ภาพ ทาํ หนา้ ทีต่ ดั สินให้สญั ชาตญาณเกิดความรู้สึกพอใจ ใช้ สาํ หรบั พจิ ารณาการตดั สินใจและอาศยั หลกั การที่เหมาะสม รวมท้งั ความมีเหตุผลจนสามารถระลึกนึกถงึ ประสบการณ์ทีผ่ า่ นมาเป็นส่วนช่วยช้ีนาํ พฤติกรรมใหไ้ ดร้ ับความสุข หรือความพึงพอใจสูงสุด และขจดั ความ เจบ็ ปวดใหม้ นี อ้ ยทสี่ ุด โดยรู้จกั เลอื กแนวทางท่ีเหมาะสมที่สุด เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายในระยะยาว ตวั อยา่ งเช่น Ego อาจจะไมย่ อมให้พนกั งานคนหน่ึงแสดงความกา้ วร้าวต่อหัวหนา้ งานโดยตรง (ซ่ึง Id มคี วามรัก และชอบทจี่ ะกระทาํ เช่นน้นั ) เพราะวา่ เป็นที่ทราบดีแลว้ วา่ การกระทาํ เช่นน้ี อาจจะทาํ ให้หวั หนา้ งานกระทาํ การ นอกเหนืออาํ นาจ และมกี ารแทรกแซงซ่ึงมผี ลต่อการพจิ ารณาประเมนิ ผลงานของตนเองในอนาคตได้ ซูเปอร์อโี ก้ (Superego) เป็นระดบั จิตทอ่ี ยใู่ นจิตสาํ นึกเป็นบางส่วน มีหนา้ ทคี่ วบคุมการแสวงหา ความสุขของ Id จากแรงกระตนุ้ Super ego ยอมให้ Id แสวงหาความสุขภายใตเ้ งอื่ นไขทแ่ี น่นอน Super ego เป็น เร่ืองเกี่ยวกบั ศลี ธรรม มโนธรรม สามารถจะบอกไดว้ ่า การกระทาํ ใดถกู หรือผิดและจะยอมให้แรงกระตนุ้ ของ Id ไดร้ ับการตอบสนองเป็นความสุข กเ็ ฉพาะการกระทาํ ท่ีถกู ตอ้ งทางดา้ นศลี ธรรม มโนธรรม ไม่ เหมอื นกบั Ego ที่ยินยอมให้ Id กระทาํ ได้ เมื่อเป็นสิ่งทีป่ ลอดภยั หรือมคี วามเป็นไปได้ Super ego เป็นสิ่งที่เกิด จากการมปี ระสบการณ์ โดยไดร้ บั การถา่ ยทอด ฝึกอบรม มาจากพอ่ แม่ จากการสอนทางดา้ นศีลธรรมของ สถานศกึ ษา หรือจากการเรียนรู้เมือ่ อยเู่ ป็นสมาชิกของสังคมทเี่ ป็นมาตรฐานสาํ หรบั ยดึ ถอื และปฏบิ ตั ขิ องบุคคล ในสงั คม

15 ระบบจิตมนุษยท์ ้งั 3 ระดบั น้ี ธรรมชาติของมนุษยใ์ นการทาํ งานตามหนา้ ที่ของมนั ยอ่ มจะตอ้ งมกี าร ต่อสู้ การยอมรับ การปรับตวั กนั หรือมีความขดั แยง้ กนั เป็นสิ่งท่เี ป็นธรรมดา ถา้ ส่วนของจิตทีเ่ ป็ น Id Ego Superego ส่วนใดเป็นฝ่ายชนะ บคุ ลกิ ภาพของบคุ คลก็จะแสดงพฤตกิ รรมออกไปตามแนวของจิตฝ่ ายทช่ี นะ พฒั นาการ บคุ ลิกภาพตามแนวคดิ ของ Freud เชื่อว่า บุคลกิ ภาพมกี ารพฒั นาตามลาํ ดบั ข้นั ตอนเหมอื น พฒั นาการดา้ นอนื่ ๆ เริ่มตน้ จากวยั ทารกจนกระทงั่ วยั ชรา หากในแตล่ ะช่วงวยั ไดร้ บั การตอบสนองทเ่ี หมาะสม พฒั นาการทางบุคลกิ ภาพกจ็ ะมกี ารพฒั นาเป็นไปตามปกติ แตห่ ากไม่สามารถตอบสนองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมท้งั สภาวะทีม่ ากเกินไปหรือนอ้ ยเกินไป อนั เกิดข้นึ ไดจ้ ากการทีพ่ ่อแมด่ แู ลลกู ไม่เพยี งพอหรือสร้างความคบั แคน้ ใจ ใหล้ กู อยา่ งหนกั จะเกิดสภาวะทเี่ รียกวา่ “การติดตรึง (Fixation)” ทาํ ใหบ้ ุคคลน้นั แสวงหาความพอใจในร่างกาย ส่วนน้นั ๆ ต่อไปอกี เมอ่ื เป็นผูใ้ หญ่ จะส่งผลต่อบุคลิกภาพของบุคคล พฒั นาการทางบคุ ลกิ ภาพมี 5 ข้นั ดงั น้ี ข้นั ที่ 1 ข้นั ปาก (Oral Stage) พฒั นาการบุคลิกภาพของมนุษยใ์ นข้นั น้ีเร่ิมต้งั แต่แรกเกิดจนถึงหน่ึงขวบ ความสุขหรือความพงึ พอใจของวยั ทารกอยทู่ ก่ี ารไดด้ ดู นมมารดา หากไดร้ ับการตอบสนองมากเกินไปหรือนอ้ ย เกินไปกจ็ ะทาํ ใหเ้ กิดการตรึงแน่นของพฤตกิ รรม (Fixation) เช่น ชอบดดู นิ้ว กดั เล็บ ปากจดั จะมบี คุ ลกิ ภาพที่ ยอมตามผูอ้ ่นื คอยพ่งึ พาอาศยั บุคคลอนื่ ไมม่ คี วามเป็นตวั ของตวั เอง ไมม่ คี วามมน่ั ใจ มกั จะมองโลกในแง่ดีหรือ ร้ายจนเกินไป บุคลิกภาพในการชอบรับเกิดจากการถูกเอาใจมากเกินไป เรียกวา่ The Oral receptive Character ทาํ ให้กลายเป็นการพ่ึงพาผอู้ นื่ ในการหาความสุข ข้นั ที่ 2 ข้นั ทวารหนกั (Anal Stage) อยใู่ นระยะ 2 –3 ขวบ ความสุขทีไ่ ดร้ บั จากทางปากจะเปลีย่ นมาเป็น บริเวณขบั ถ่าย เด็กเริ่มพฒั นาความพร้อมทางกลา้ มเน้ือขบั ถา่ ยใหแ้ ข็งแรงข้ึน ปัญหาเรื่องการฝึกขบั ถ่าย ถา้ ครอบครวั มกี ารเขม้ งวดกวดขนั มากเกินไปหรือนอ้ ยเกินไปอาจกอ่ ให้เกิดความวติ กกงั วล ส่งผลให้เป็นคนเจา้ ระเบียบเก่ียวกบั การรกั ษาความสะอาดของร่างกาย ละเอียดละออ หรือเป็นไปในทิศทางตรงกนั ขา้ มคอื ไมม่ ี ระเบยี บ ทาํ ความสกปรกและจะมีปฏกิ ิริยาทีต่ อ่ ตา้ นสังคม ขดั ขืน ด้ือดึง ตระหนี่ถีเ่ หนียว หรือมบี คุ ลกิ ภาพแบบ เผดจ็ การ ตอ้ งการมีอาํ นาจมาก ใจแคบ มีอคติ ข้นั ท่ี 3 ข้นั อวยั วะเพศ (Phallic Stage) อยใู่ นระยะ 3 – 6 ขวบ ความสุขจะเล่ือนจากอวยั วะขบั ถา่ ยมาเป็น อวยั วะเพศ เด็กตอ้ งการความใกลช้ ิดจากพอ่ แมห่ รือคนเล้ียงดู เพอื่ เป็นแบบในการปรับตวั เด็กชายและเด็กหญิง จะเริ่มสนใจอวยั วะเพศของตนเองมากข้ึน มีความอยากรู้อยากเห็นเร่ืองความแตกต่างทางเพศทางดา้ นกายวภิ าค เดก็ ผูช้ ายมปี มเอด็ ดิปสุ (Oedipus Complex) เด็กหญิงมปี มอเี ลค็ ตรา (Electra Complex)

14 ข้นั ท่ี 4 ข้นั แอบแฝง (Latency Stage) อยใู่ นระยะ 6 – 12 ขวบ เป็นระยะกอ่ นทจี่ ะพฒั นาถึงวยั หนุ่มสาว การ ใหค้ วามสาํ คญั กบั ความรู้สึกทางเพศไดล้ ดลง ความสนใจทางเพศไมป่ รากฎออกมาให้เห็นอยา่ งเด่นชดั เด็กมกั จะ ร่วมกลุ่มดาํ เนินกิจกรรมทเี่ หมาะสมกบั เพศของตนเอง เช่น เด็กชายมกั เล่นฟุตบอลหรือจบั กลุ่มกบั เด็กชาย ส่วน เด็กหญงิ กจ็ ะเล่นขายของหรือจบั กลุ่มกบั เดก็ หญงิ วยั น้ีจะกระทาํ ในสิ่งทส่ี งั คมยอมรับตามเพศของตน และเร่ิมใช้ ความคดิ อยา่ งมเี หตุผล ข้นั ที่ 5 ข้นั ความสนใจและพงึ พอใจทางเพศ (Genital Stage) อยใู่ นระยะ 12 –15 ขวบ เป็นระยะหนุ่มสาว เร่ิมมคี วามสนใจในเพศตรงขา้ ม เป็นระยะพฒั นาเขา้ สู่วยั ผูใ้ หญ่ ถา้ บคุ คลมพี ฒั นาการมาถงึ ข้นั ท่ี 5 และมี สุขภาพจิตดี มลี กั ษณะสาํ คญั 2 ประการ คอื 1.สามารถรกั ไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง มคี วามเอ้ือเฟ้ื อเผ่อื แผ่ ใกลช้ ิดสนิทสนม เช่ือถือ ไวว้ างใจ พึงพอใจใน ความสุขของบุคคลท่ีตนรกั รวมท้งั ความรักในเร่ืองทางเพศดว้ ย 2. สามารถทาํ งานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เต็มความสามารถและศกั ยภาพของตน ทาํ ใหช้ ีวิตมคี ุณค่า มี ความหมายและมคี วามหวงั เรียนรู้ พฤตกิ รรม จุดเด่น จดุ อ่อนของบคุ ลกิ ภาพในแต่ละ Generation การแบง่ คนจากยคุ สมยั ทค่ี นๆ น้นั เกิดเป็นรุ่นๆ ว่าดว้ ยสภาพแวดลอ้ มและสถานการณท์ ่ีคนแต่ละยคุ เผชิญทาํ ให้ผคู้ นท่ีเกิดและเตบิ โตข้นึ ในแตล่ ะช่วงเวลามีลกั ษณะนิสัยและทศั นคตทิ ี่ต่างออกไปดงั น้ี 1. Lost Generation คอื คนท่ีเกิดช่วง พ.ศ. 2426-2443 ซ่ึงเป็นช่วงท่ีเกิดเหตกุ ารณ์ประวตั ิศาสตร์โลก สาํ คญั ซ่ึงแน่นอนว่าในปัจจุบนั คนกลุม่ น้ีไมม่ ชี ีวติ หลงเหลืออยแู่ ลว้ 2. Greatest Generation หรือ G.I. Generation คอื คนท่ีเกิดในช่วงพ.ศ. 2444-2467 มีการทาํ สงคราม และต่อสู้ มแี บบแผนปฏบิ ตั ิไปในทศิ ทางเดียวกนั ความเชื่อ ความคดิ ตา่ งๆ มคี วามเป็นการทางการคอ่ นขา้ งสูง ใส่สูท ผูกไทดอ์ อกจากบา้ น สนใจสังคมส่วนรวม 3. Silent Generation คอื คนท่ีเกิดในช่วง พ.ศ. 2468-2488 ช่วงสงครามโลกคร้งั ที่ 2 คนส่วนใหญ่จึง ตอ้ งตายในสนามรบ ประชากรในยคุ น้ีมไี ม่มากเท่ายคุ อ่นื ๆ ส่งผลใหม้ ีชีวติ ความเป็นอยยู่ ากลาํ บาก เศรษฐกิจ ตกต่าํ เป็นยคุ ท่ผี หู้ ญิงเร่ิมออกมาทาํ งานนอกบา้ น ภายหลงั เศรษฐกิจเริ่มฟ้ื นตวั คนในรุ่นน้ีจึงมชี ่องทางในการ

15 สร้างรายได้ ทาํ ธุรกิจของตวั เองกนั มากข้ึน นอกจากน้ีคนเจนน้ียงั มีบทบาทในการพฒั นาเทคโนโลยีตา่ งๆ ถอื เป็นรากฐานที่สาํ คญั ใหไ้ ดต้ ่อยอดจนมาถึงทุกวนั น้ี 4. Baby Boomer Generation หรือ Gen B คือ คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2489 – 2507 สิ้นสุดสงครามโลก คร้งั ที่ 2 เป็นยคุ ทบี่ า้ นเมืองสงบ เร่งกลบั มาฟ้ืนฟใู ห้ประเทศแข็งแกร่งอีกคร้งั เนื่องจากไดส้ ูญเสียจาํ นวน ประชากรไปมากมายจากการทาํ สงคราม คนในยคุ น้ีจึงมคี า่ นิยม มลี กู มหี ลานเยอะๆ เพื่อเพิ่มจาํ นวนแรงงานมา ช่วยกนั พฒั นาประเทศนน่ั เอง ปัจจบุ นั คนในยคุ น้ีท่ยี งั อยจู่ ะมีอายปุ ระมาณ 55 ข้นึ ไป ลกั ษณะนิสัยจะเป็นคน จริงจงั เคร่งครัดเร่ืองขนมธรรมเนียมประเพณี ชีวติ ท่มุ เทใหก้ บั การทาํ งาน 5. Generation X หรือ Gen-X คือ คนท่เี กิดในช่วง พ.ศ. 2508-2522 เรียกอกี อยา่ งวา่ “ยบั ป้ี ” (Yuppie) ยอ่ มาจาก Young Urban Professionals หมายถึงพวกที่เกิดมาในยคุ มง่ั คง่ั ใชช้ ีวติ อยา่ งสุขสบาย เติบโตมากบั การ พฒั นาของวดิ ีโอเกม, คอมพิวเตอร์, สไตลเ์ พลงแบบฮิปฮอป และอาจทนั ดูทีวจี อขาวดาํ สาํ หรับในยคุ น้ีเป็นยคุ ท่ี มีการให้ควบคมุ อตั ราการเกิดของประชากร เน่ืองมาจาก ยคุ เบบ้ีบูมเมอร์ส่งผลให้มีเด็กเกิดมากเกินไป ส่งผลใหม้ ี ปัญหาตามมากค็ ือ ในเรื่องของทรัพยากรทีม่ ีอยนู่ ้นั ไม่เพยี งพอตอ่ จาํ นวนประชากร เมือ่ เป็นเช่นน้ี ประชาชนจึง กลบั มานง่ั คดิ ว่า หากไม่ควบคมุ อตั ราการเกิดไว้ สุดทา้ ยแลว้ คนท้งั โลกก็จะขาดแคลนอาหาร ยกตวั อยา่ งเช่น ใน ประเทศจีน มกี ารรณรงคใ์ ห้คนมลี ูกไดเ้ พยี ง 1 คนเท่าน้นั ปัจจบุ นั คนยคุ Gen-X เป็นคนวยั ทาํ งาน มีอายตุ ้งั แต่ 40 ปี ข้นึ ไป พฤตกิ รรม ลกั ษณะนิสยั ของคนกลมุ่ น้ี ท่ีเดน่ ชดั คือ ชอบอะไรงา่ ยๆ ไมต่ อ้ งเป็นทางการ มแี นวคดิ สร้างความสมดุลในเร่ืองงาน และครอบครวั เป็นคน ทม่ี คี วามยืดหยนุ่ ในการปรบั ตวั กบั วฒั นธรรมที่เปลีย่ นไป อยา่ งเช่นมองว่าการอยกู่ อ่ นแต่ง หรือการหยา่ ร้างกเ็ ป็น เรื่องปกติ เช่นเดียวกบั เร่ืองเพศที่ 3 ซ่ึงตา่ งจากกลุ่มเบบ้บี ูมเมอร์ทมี่ องเร่ืองพวกน้ีเป็นเร่ืองผดิ จารีตประเพณี 6. Generation Y หรือ Gen-Y เรียกอกี อย่างว่า ‘Millennials’ คอื คนทเี่ กิดในช่วง พ.ศ. 2523-2540 คน ในยคุ น้ีเติบโตมาพร้อมกบั เทคโนโลยี digital เปิ ดรบั วฒั นธรรมตา่ งชาติเป็นเร่ืองปกตธิ รรมดา มีเทคโนโลยี พกพาใชใ้ นการตดิ ต่อส่ือสาร เศรษฐกิจกาํ ลงั เติบโต และเฟ่ื องฟเู ป็นอยา่ งมาก มโี อกาสทางการศึกษาทีด่ ี มี แนวคิดเป็นตวั ของตวั เอง ทาํ ในส่ิงที่ตวั เองชอบ และปฏิเสธสิ่งทีต่ วั เองไมช่ อบ 7. Generation Z หรือ Gen-Zคนท่ีเกิดหลงั พ.ศ. 2540 ข้ึนไป เด็กรุ่นน้ีเกิดมาจากพ่อแม่รุ่นใหม่ อยา่ ง Gen X เป็นเด็กรุ่นใหม่ทเ่ี กิดมาพร้อมกบั สิ่งอาํ นวยความสะดวกรอบดา้ น เรียนรู้รูปแบบการดาํ เนินชีวิตใน สังคมแบบ Digital ดาํ เนินชีวิตแบบมกี ารติดต่อส่ือสารไร้สาย และสื่อบนั เทงิ ตา่ งๆ อยา่ ง DVD, WWW, สมาร์ท โฟน, YouTube มาจากพอ่ แม่

14 8. Gen-Cกลมุ่ สุดทา้ ยน้ี เกิดจากคนกลมุ่ Baby Boomer และ Gen-X ท่ปี รบั เปล่ยี นพฤติกรรมของตนเอง ใหม้ าสนใจเร่ืองเทคโนโลยีมากข้นึ ซ่ึงจริงๆ ดว้ ยสังคมน้นั เปล่ยี นไป จึงตอ้ งปรับตวั ตามใหท้ นั โลก ทุกหน่วยของสงั คมไม่วา่ จะเป็นครอบครัว หรือสังคมการทาํ งาน จะเห็นไดว้ ่ามีบุคคลในทุกๆ generation ท่ี มีความแตกต่างและตอ้ งมคี วามสมั พนั ธ์เก่ียวขอ้ งกนั เนื่องจากแต่ละ generation จะมบี ุคลกิ ภาพเป็นไปตามยคุ สมยั อนั เนื่องมากจากการหล่อหลอมของสภาพสงั คม สภาพเศรษฐกิจ การศกึ ษา ท่เี ปล่ียนแปลงไป หากทุกคน เขา้ ใจถงึ ลกั ษณะนิสัย และการแสดงออกท่เี ป็นลกั ษณะเฉพาะ จะทาํ ให้เกิดการปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั คนแตล่ ะยคุ ได้ อยา่ งเหมาะสม และอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมคี วามสุข เอกสารอ้างอิง เทยี นทิพย์ เดียวก่ี.(2559).จริยธรรมและจรรยาบรรณสื่อในการนาํ เสนอข่าวในยคุ ดิจิตอล.วารสารการสื่อสารและ การจัดการนิด้า 2(2),125-140 Thai MOOC.(2563).จิตวิทยาบุคลิกภาพและการปรับตวั ทกั ษะชีวิตและการพฒั นาตนเอง | Personality Psychology and Adjustment.สืบคน้ เมือ่ 18กนั ยายน2564,จาก https://lms.thaimooc.org/courses/course- v1:PIM+PIM001+2019/course/ เสรี แสงจนั ทร์

15 จิตวทิ ยากับการปรับตัว ในยคุ ปัจจบุ นั มกี ารส่ือสารทร่ี วดเร็วและทนั สมยั การส่งต่อขอ้ มลู หรือการส่ือสารน้นั จึงเป็นไปอยา่ งง่ายใน พริบตาเดียวการนาํ เอาจิตวทิ ยามาปรับใช้ในการเขา้ ใจสถานการณท์ ีต่ อ้ งการจะส่ือไดน้ ้นั คอื การทาํ ความเขา้ ใจ มนุษยป์ ัจจยั ส่ิงแวดลอ้ มรอบตวั รวมถงึ ตนเองท่ีเก่ียวขอ้ ง ลว้ นแตก่ อ่ ให้เกิด ลกั ษณะของแตล่ ะบคุ คล และ บคุ ลิกภาพท้งั ภายในและภายนอกรวมไปถึงการปรบั ตวั ตามประสบการณแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม โดยการทาํ ความ เขา้ ใจเบ้ืองตน้ จะทาํ ให้เราทราบถงึ ลกั ษณะตวั ตนของมนุษยแ์ ต่ละคนอยา่ งเขา้ ใจถงึ ความแตกตา่ งของพฤติกรรม การแสดงออกทม่ี ตี อ่ เหตุการณ์ตา่ งๆที่มีปฎิกิริยาท่ีต่างกนั ออกไป รวมไปถึงการรบั ผิดชอบ ยอมรบั ฟังความ คิดเห็นของผอู้ นื่ ความมีเหตมุ ผี ล การทาํ งานร่วมกบั อาชีพในอนาคตไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ ธรรมชาติของมนุษยส์ ามารถจาํ แนกดา้ นร่างกาย อารมณ์ สังคม เพศและสตปิ ัญญาองคป์ ระกอบของแต่ละ บุคคลจึงแตกต่างกนั ออกไป เช่น พนั ธุกรรม ระบบประสาท ส่ิงแวดลอ้ ม พฒั นาการในวยั ตา่ งๆ สติปัญญา การ คิดวเิ คราะห์ พฒั นาการดา้ นจริยธรรม การเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ของพฤตกิ รรมค่อนขา้ งถาวรน้นั มาจาก ประสบการณท์ ีเ่ รียนรู้ ท้งั ในดา้ นทฤษฎีพฤติกรรมทแ่ี สดงออก ทกั ษะในดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ การหาความรู้ การ ลงมือปฎิบตั ิจริง สภาพแวดลอ้ มในดา้ นร่างกายและจิตใจและไดร้ ับการประเมินผลตามสภาพความเป็นจริง อยา่ งต่อเนื่อง ในการประกอบวชิ าชีพในอนาคตลว้ นแต่ตอ้ งปรับเปลยี่ นมีไหวพริบ ทีจ่ ะแกไ้ ขสถานการณ์หรือ เขา้ ใจมนุษยใ์ นข้นั พ้ืนฐานและสามารถนาํ ความรู้ท่ีไดจ้ ากการทาํ ความเขา้ ใจในหลกั จิตวทิ ยาเบ้ืองตน้ น้นั มาปรับ ใชไ้ ดใ้ นสาขาอาชีพต่างๆซ่ึงในการประกอบอาชีพในสาขานิเทศศาสตร์น้นั ลว้ นแตต่ อ้ งทาํ ความเขา้ ใจตนเอง การ ส่ือสารแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมายน้นั เป็นส่ิงสาํ คญั นอกจากปัจจยั ภายนอกที่เราจะตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจของแตล่ ะ กลมุ่ เป้าหมายแลว้ ในการสร้างงาน การขายงาน ปัจจยั ภายในความตอ้ งการของกลมุ่ ลูกคา้ หรือ ความต่างของแต่ ละงานที่เราจะตอ้ งนาํ เสนอน้นั ลว้ นตอ้ งศกึ ษา เกบ็ ตวั อยา่ ง การทาํ วิจยั เพือ่ เขา้ ใจกลุ่มเป้าหมายทต่ี อ้ งการไดอ้ ยา่ ง แทจ้ ริง และสามารถคิดวเิ คราะห์วางแผนของงานแตล่ ะงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายได้ การประกอบวชิ าชีพทางนิเทศศาตร์เป็นการทาํ อาชีพท่ตี อ้ งพบปะผูค้ นหลากหลายบุคลกิ เจตคตทิ ่มี ตี อ่ สาย อาชีพทางนิเทศศาตร์น้นั เป็นศาสตร์ทนี่ าํ เอาความรู้จากการเรียนจิตวิทยามาทาํ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั บคุ คล องคก์ ร สาธารณะ ประสบการณแ์ ละสิ่งรอบตวั จะทาํ ให้เกิดการหล่อหลอมพฤติกรรมการแสดงออกการพฒั นาศกั ยภาพ ท้งั ตนเองและผูอ้ น่ื ไดโ้ ดยเริ่มจากกการเรียนรู้และวถิ แี กไ้ ขปัญหาอยา่ งมไี หวพริบจากประสบการณ์และ สิ่งแวดลอ้ มทเ่ี จอมาประยกุ ษใ์ ชใ้ นการทาํ งาน และสร้างความศรทั ธาทาํ ให้เกิดภาพลกั ษณ์ทน่ี ่าเชื่อถือไดใ้ น อนาคต กอ่ นจะทาํ ความเขา้ ใจจริยธรรม ก็ตอ้ งเขา้ ใจบทบาทหนา้ ที่ จริยธรรมถือเป็นความรับผิดชอบ จิตสาํ นึก

14 พจิ ารณาถงึ ผลกระทบที่จะเกิดข้ึน ซ่ึงผูท้ ่จี ะประกอบอาชีพทางนิเทศศาสตร์น้นั ตอ้ งอยใู่ นกรอบเพ่ือเป็นแนวทาง ในการปฏบิ ตั งิ าน ไดเ้ ขา้ ใจ บทบาทหนา้ ท่ีและคาํ นึงถงึ ความรับผดิ ชอบหรือผลกระทบทตี่ ามมา คาํ วา่ จริยธรรม มาจากรากของคาํ วา่ จริยศาสตร์ เป็นคาํ ท่ี พลตรีศาสตราจารย์ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรม หมืน่ นราธิปพงศป์ ระพนั ธ์ ทรงบญั ญตั ขิ ้นึ เป็นคร้ังแรก จริยธรรม หมายถงึ ความเชื่อค่านิยม และหลกั ศิลธรรม ซ่ึงแตล่ ะสังคมกาํ หนดข้นึ เพอื่ ใชใ้ นการตดั สิน ส่ิงท่ีถกู หรือผดิ ส่ิงใดควรทาํ สิ่งใดไมค่ วรทาํ โดยแนวทางการ ปฎิบตั ิของบคุ คลในสาขาอาชีพต่างๆโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สาขาในนิเทศศาสตร์ หรือสื่อมวลชนสงั คมเรียกร้องให้มี ความรบั ผดิ ชอบในเชิงจริยธรรม และมปี ระเด็นในการแกไ้ ขปัญหาหรือรับผดิ ชอบในดา้ นของจริยธรรมอยเู่ สมอ ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยใี นยคุ ปัจจุบนั เขา้ มาเปลี่ยนแปลงบทบาทและการนาํ เสนอในสื่อตา่ งๆการท่ี ประกอบวชิ าชีพทางนิเทศน์ศาสตร์ ทาํ ให้มคี วามหลากหลายแขนง ในการประกอบอาชีพทางนิเทศศาสตร์ ไมว่ า่ จะเป็น นกั ประชาสัมพนั ธ์ ส่ือมวลชน นกั ขา่ ว สื่อโซเชียลมีเดียหรือแมแ้ ต่บริษทั ผลิตโฆษณาก็ลว้ นแตต่ อ้ ง ระมดั ระวงั ในการนาํ เสนอขา่ วสาร หรือขอ้ ความ งานโฆษณาทีร่ อบคอบ ไมก่ อ่ ให้เกิดผลกระทบท่ตี ามมา การ นาํ เสนอขอ้ มลู ไมร่ อบคอบจะกอ่ ใหเ้ กิดประเด็นปัญหา ส่งผลกระทบไปวงกวา้ งหรือสาธารณะชน ซ่ึงจริยธรรม ในการประกอบวชิ าชีพน้นั ถือวา่ เป็นจิตสาํ นึกในความรบั ผิดชอบต่อสังคม ซ่ึงอยภู่ ายใตก้ ารดูแลขององคก์ รที่ บคุ คลประกอบวิชาชีพอยู่ จริยธรรมมีพ้ืนฐานทางดา้ นปรัชญาทว่ี า่ ดว้ ยการตดั สินใจของมนุษยท์ ี่เลอื กจะทาํ พฤตกิ รรมทผ่ี า่ นการคิดในเชิงศลิ ธรรมหรือปรัชญาท่ีเลือกจะทาํ หรือไมก่ ไ็ ด้ การปฏิบตั ิตอ่ สงั คมเพอื่ นมนุษย์ ดว้ ยกนั เป็นส่ิงทเี่ ราควรทาํ เพ่ือให้สงั คมดีข้นึ จริยธรรมใครจะปฎิบตั ิหรือไมก่ ไ็ ดแ้ ตกตา่ งจากกฏหมายทใี่ ครไม่ ทาํ ก็จะมบี ทลงโทษ ลกั ษณะของบคุ คลทมี่ จี ริยธรรม มีคณุ ลกั ษณะดงั น้ี 1.เป็นผูท้ ่ีเพียรพยายามในการทาํ ความดี ละอายตอ่ การทาํ ชวั่ 2.เป็นผูท้ ม่ี คี วามซื่อสตั ยส์ ุจริต ยตุ ิธรรม และมเี มตตา 3.เป็นผูท้ ีม่ ีสตปิ ัญญา รู้ตวั อยู่เสมอ ไม่ประมาท 4.เป็นผูใ้ ฝ่หาความรู้ ความสามรถในการประกอบวิชาชีพ เพ่ือความมนั่ คง 5.เป็นบรรทดั ฐานทางสังคมสาํ หรบั การพฒั นา

15 จะเห็นไดว้ ่าจริยธรรมเป็นส่ิงรอบตวั ใชเ้ พอ่ื การพฒั นาในหลายๆดา้ นไมว่ ่าจะเป็น การศึกษาพฒั นาตน องคก์ ร ประเทศชาติ ให้มสี งั คมและความเป็นอยทู่ ี่ดีข้ึน การปลูกฝังแนวคิดทศั นคติทดี่ ีเป็นการสร้างบรรยากาศ หรือสภาวะการทาํ งาน การพฒั นาจิตใจ ส่ิงแวดลอ้ มรอบตวั ทาํ ใหม้ ีความสัมพนั ธไ์ ปในทศิ ทางท่ดี ีไดท้ ้งั ภายใน และภายนอกองคก์ ร จริยธรรมวิชาชีพเชิงการปลกู ฝังทางการศกึ ษา ในส่วนของสถาบนั ในการศกึ ษา หลกั สูตรดา้ นสายงานนิเทศศาสตร์ มกี ารเรียนการสอนท่ีเกียวขอ้ งกบั ความสาํ คญั ในของจริยธรรมวิชาชีพ การสร้างคนรุ่นใหม่ๆน้นั นอกจากจะตอ้ งมกี ารเรียนการสอนในหลกั สูตร เพื่อตอกย้าํ ใหเ้ ห็นถึงความสาํ คญั ในการประกอบอาชีพในสายงานในภายภาคหนา้ ยงั สามารถใชส้ ่ือตา่ งๆเพอื่ เป็นบทเรียนในการเรียนการสอน ทกั ษะการใชส้ ื่อน้นั มีประเดน็ ในกรณีศึกษา ไม่วา่ จะเป็น การส่ือสารระหวา่ ง บุคคล การนาํ เสนอขา่ ว วธิ ีการเขยี นข่าว ซ่ึงจะเห็นไดว้ ่าปัจจบุ นั น้นั การเขา้ ถงึ ขา่ วสารน้นั สะดวกรวดเร็ว ขอ้ มลู ยงั ขาดความน่าเชื่อถือเนื่องจากการเผยแพร่น้นั เป็นไปอยา่ งรวดเร็วทนั เหตุการณอ์ าจขาดการกรองของขอ้ มลู และอาจมีความผดิ พลาดหรือผลกระทบที่ตามมาโดยไม่ไดค้ าํ นึงถึงผลกระทบ ไมค่ รบถว้ นหรือมกี ารบดิ เบอื น และทา้ ยทสี่ ุดสงั คมก็อาจนาํ มาเป็นประเดน็ ปัญหาที่ถกเถยี งกนั และปัญหาก็จะเกิดข้ึนให้พบเห็นในกรณีศึกษา ในประเทศไทยมอี ตั ราการใชส้ ่ือสงั คมออนไลนเ์ พ่มิ มากยิง่ ข้นึ องคก์ รข่าวหรือส่ือออนไลน์เติบโตอยา่ ง ตอ่ เน่ือง เนื่องจากตอบสนองกบั ไลฟ์ สไตลข์ องผอู้ า่ นในยคุ ปัจจุบนั เวบ็ ไซตไ์ ดร้ ับความนิยมเป็นอยา่ งมาก เนื่องจากการนาํ เสนอท่ีรวดเร็วของขา่ ว ทนั ตอ่ กระแส ทนั เหตุการณ์ การแชร์และแบง่ ปันในสังคมออนไลน์ สามารถเขา้ ถงึ ผูค้ นไดห้ ลากหลายมากยิง่ ข้นึ จากความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยนี ้นั ส่งผลกระทบไดท้ ้งั ในเชิงบวก และเชิงลบตอ่ สงั คมส่วนรวม การประกอบอาชีพดา้ นนิเทศศาสตร์ซ่ึงการส่ือสารไดเ้ ป็นกลไกลการขบั เคลอื่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งไมห่ ยดุ ย้งั เนื่องจากการสื่อสารเป็นท้งั วธิ ีการ และเครื่องมือทก่ี ่อให้เกิดปารเปลยี่ นแปลงอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ท้งั ระหว่าง บคุ คล หรือระหว่างองคก์ ร และต่อสังคมส่วนรวม เหตุน้ีเองแนวคดิ ทางจริยธรรมของการส่ือสารจึงเป็นส่ิง สาํ คญั อยา่ งยง่ิ ที่นกั ส่ือสาร หรือการเรียนหลกั สูตรนิเทศศาสตร์หรือแมแ้ ตค่ นทว่ั โลกตอ้ งพงึ ระลึก ตระหนกั ถึง หลกั การปฎิบตั ิถงึ หลกั การทางจริยธรรมมากข้ึน ย่งิ เฉพาะในยคุ ของ สื่อดิจิทลั ในปัจจุบนั ทไี่ ดร้ บั ความนิยมเป็น อยา่ งมาก การปรับตวั โดยใชค้ วามรู้ทางจิตวิทยาหรือจริยธรรมจึงจาํ เป็นอยา่ งมากในยคุ ดิจิทลั

14 ในมุมมองของจริยธรรมในการประกอบอาชีพทางนิเทศศาสตร์ มองรูปแบบของปัญหาทางจริยธรรมท่ผี า่ น มาจากการใชเ้ ครื่องมอื สื่อสาร คอมพวิ เตอร์เกิดข้นึ ไดใ้ นหลายลกั ษณะ ไดแ้ กก่ ารใชค้ อมพวิ เตอร์ ในการเขา้ เวบ็ ไซตข์ อ้ มูลภาพส่วนตวั ของบคุ คลมาเผยแพร่โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต การขโมยขอ้ มลู นาํ ไปแสวงหา ผลประโยชน์ หรือบดิ เบียนขอ้ มลู ขา่ วสาร การกล่าวเกินจริง สถาบนั ทางดา้ นจริยธรรมดา้ นคอมพวิ เตอร์ ณ กรุงวอชิงตนั ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ไดใ้ ห้ หลกั 10ประการ (Computer ethics institute, 2016) เพอ่ื ใชใ้ นการอธิบายปรากฎการณข์ องวกิ ฤตทิ างจริยธรรม ทางคอมพิวเตอร์ไว้ ดงั น้ี 1.ไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์ทาํ ร้ายหรือละเมิดผอู้ ่นื 2.ตอ้ งไม่รบกวนการทาํ งานของผูอ้ ่ืน 3. ตอ้ งไมส่ อดแนมหรือแกไ้ ขเปิ ดดแู ฟ้มงานของบคุ คลอืน่ 4. ตอ้ งไมน่ าํ คอมพวิ เตอร์ในการขโมยขอ้ มลู ขา่ วสาร 5. ตอ้ งไมใ่ ชค้ อมพิวเตอร์สร้างหลกั ฐานที่เป็นเท็จ 6. ตอ้ งไม่ดดั แปลงและคดั ลอกโปรแกรมของบุคคลอ่ืนทมี่ ลี ิขสิทธ์ิโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต 7. ตอ้ งใหมล่ ว่ งละเมิด การใชท้ รัพยากรคอมพวิ เตอร์โดยทีต่ นเองไม่มีสิทธ์ิ 8. ตอ้ งไม่นาํ เอาผลงานของผอู้ ืน่ มาแอบอา้ งว่าเป็นของตนเอง 9. ตอ้ งคาํ นึงถงึ สิ่งท่จี ะเกิดข้ึนกบั สังคมทเ่ี ป็นผลลพั ธ์ตดิ ตามมาจากการกระทาํ 10. ตอ้ งใชง้ านคอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบและการกติกามารยาทสงั คม จะเห็นไดว้ ่าหลกั การเหลา่ น้ีผใู้ ชง้ านหรือบคุ คลควรยึดถอื เน่ืองจากสงั คมออนไลนข์ าดการไตร่ตรอง ของขอ้ มลู ซ่ึงถา้ หากปัจจบุ นั ส่ือ องคก์ ร วิชาชีพทางนิเทศศาสตร์หรือแม่กระทงั่ ตวั บุคคลเองหลกั ตา่ งๆได้ ยอ้ นกลบั มาใหค้ วามสนใจในประเดน็ ปัญหาเหล่าน้ีกจ็ ะเป็นสญั ญาณท่ีดีในการแกไ้ ขปัญหาในระยะยาว กรอบจริยธรรม เป็นเครื่องมือแพร่หลายในวิชาชีพทางนิเทศศาสตร์ โดยเฉพาะสื่อมวลชน ใชเ้ ป็นกรอบ และแนวทางการปฏบิ ตั ิเพื่อรกั ษามาตรฐานอาชีพ ซ่ึงมกั จะเป็นแคแ่ นวปฏิบตั ใิ ห้รู้ว่าควรทาํ อะไร หรือไม่ควรทาํ อะไร บทลงโทษน้นั ไม่มชี ดั เจน หลกั จริยธรรมดงั กลา่ วจึงเป็นบรรทดั ฐานของสงั คมให้เป็นแอยา่ งเรียบร้อย ดาํ รงอยใู่ นสงั คมส่วนรวมร่วมกนั ของคนในสังคมให้ตระหนกั ถงึ คุณค่าเพอื่ นมนุษยร์ ่วมกนั ตลอดไปจนถึงการ พฒั นาจิตสาํ นึกท่ีดีเคารพตอ่ จริยธรรมวิชาชีพ กฎหมาย กฎระเบียบ และจารีตอนั ดีงามของสมั คมไดใ้ นอนาคต

15 เอกสารอ้างองิ จรวยพร ธรณินทร์.(2554).ความหมายและหลักการของคุณธรรม ศลี ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ และ ธรรมาภิบาล[เวบ็ ไซต์].สืบคน้ จาก http://www.charuaypontorranin.com/index.php?lay=show&ac ชุติสันต์ เกิดวบิ ูลยเ์ วช.(2558).นวตั กรรมสื่อดิจิทัลใหม่สาํ หรับนิเทศศาสตร์.วารสารนิเทศศาสตร์และนวตั กรรม นิดา้ ,2(2),55-57. ดรุณี หิรัญรักษ์ และคณะ.(2558).จริยธรรมสื่อ.กรุงเทพมหานคร : บริษทั จรัลสนิทวงศก์ ารพมิ พจ์ าํ กดั . สุรชยั ช่อผกา.(2560).จริยธรรมส่ือสารมวลชน. กรุงเทพมหานคร: สาํ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามคาํ แหง ชรญั ญา โสประดิษฐ

14 จิตวทิ ยาทางสังคม ปัจจบุ นั การดาํ รงคช์ ีวิตร่วมกนั ในสงั คมน้นั เป็นยุคทม่ี ีความเจริญกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ผูค้ นลว้ นมี อิทธิพลตอ่ สังคมส่วนรวม ในส่วนของการช่วยเหลือ การติดต่อส่ือสาร การศึกษา ความชอบ ความพึงพอใจ การ โฆษณาชวนเช่ือ การโนม้ นา้ วจิตใจจิตวทิ ยาทางสงั คมจะเอ้ือประโยชนต์ อ่ ผูท้ ท่ี าํ งานทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั บุคคล เช่น วชิ าชีพทางนิเทศศาสตร์ ไดร้ ู้จกั ธรรมชาติของความคดิ และพฤตกิ รรมของมนุษยไ์ ดอ้ ยา่ งลกึ ซ้ึง รวมถึงสร้าง เสริมความสามารถในพฒั นาพฤติกรรมทางสังคมของมนุษยเ์ พ่อื ใชใ้ นวิชาชีพ การส่ือสารเป็นเครื่องมอื สาํ คญั ทม่ี นุษยใ์ ชส้ าํ หรับการดาํ เนินชีวติ ท้งั ในอดีตปัจจุบนั และอนาคตเพราะ มนุษยเ์ ป็นสตั วส์ ังคมอยรู่ ่วมกนั เป็นกลุ่ม มกี ารตดิ ตอ่ สัมพนั ธแ์ ละพ่ึงพาอาศยั ซ่ึงกนั และกนั และมปี ฏกิ ิริยาทาง สังคมหรือกระบวนการเรียนรู้ถ่ายทอดความรู้ความคิดภมู ิปัญญาทางสงั คมจากบคุ คลหน่ึงไปสู่อกี บคุ คลหน่ึง เพื่อใหร้ ับรู้เร่ืองราวที่เกิดข้นึ เกิดความเขา้ ใจร่วมกนั และนาํ ไปสู่การปฏบิ ตั ิการตอบสนองในทศิ ทางทพ่ี ึง ประสงคใ์ นลาํ ดบั ต่อไป การถา่ ยทอดเร่ืองราวดงั กลา่ วที่เกิดข้ึนน้นั จะทาํ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจร่วมกนั และนาํ ไปสู่ การปฏิบตั ิการตอบสนองทไ่ี ปในทิศทางเดียวกนั การถา่ ยทอดเร่ืองราวท่ีมนุษยร์ ับรู้กนั น้นั มนุษยต์ อ้ งอาศยั การ ส่ือสารเป็นส่ิงสาํ คญั และเคร่ืองมือท่มี นุษยใ์ ชม้ าทุกยคุ ทุกสมยั กค็ ือภาษาทางทีเ่ ป็น วจั นะภาษาและอววั จั นะภาษา ผสมผสานกบั เทคนิควธิ ีการคิดและเทคโนโลยีต่างๆในการสื่อสารมวี วิ ฒั นาการมาตามลาํ ดบั จนกลายเป็นอีก สาขาหน่ึงทเ่ี รียกวา่ นิเทศศาสตร์ เมือ่ การส่ือสารเป็นส่วนหน่ึงของความสาํ คญั ของมนุษยใ์ นฐานะเป็นสตั วส์ งั คมโดยมภี าษาเป็นเครื่องมอื ทีม่ นุษยท์ กุ คนตอ้ งใชใ้ นการส่ือสารการเรียนรู้ฝึกฝนและพฒั นาการในการใชภ้ าษาในการสื่อสารจึงเป็น สิ่งจาํ เป็นโดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ผูเ้ ป็นนกั ที่เทศนศ์ าสตร์ท่ีทาํ งานเก่ียวกบั การส่ือสารเพ่ือใหก้ ารสื่อสารเป็นไปอยา่ งมี ประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ตามเป้าหมาย จิตวิทยาทางสงั คม เป็นการศึกษาเชิงวทิ ยาศาสตร์วา่ ผคู้ นคิดอยา่ งไรเกี่ยวกบั บคุ คลอื่นผูค้ นมี ความสัมพนั ธก์ บั ผูอ้ น่ื อยา่ งไร และผูอ้ ื่นมอี ิทธิพลต่อกนั อยา่ งไรบา้ ง ส่วนของการศกึ ษาเร่ือง ความเช่ือ เจตคติ จริยธรรม ค่านิยม ความคิดเห็น ภาพลกั ษณ์ ภาพในความคดิ การคาดคะเนหาสาเหตุ ปัญหาทางสงั คมเพ่อื เป็น แนวในการพฒั นาสังคม พฒั นาในสายงานอาชีพทางนิเทศศาสตร์ให้ไปในทิศทางทีด่ ีไดใ้ นอนาคต จริยธรรมในวชิ าชีพทางนิเทศศาสตร์ โดยยดึ หลกั การเดียวกนั ในหลกั 3 ประการ คือ

15 1.ยึดมน่ั ในหลกั ความจริง การยดึ มนั่ ในหลกั ความจริงคนทาํ สื่อเพื่ออะไรการบนั เทงิ ตอ้ งอยใู่ นพ้ืนฐาน ของความจริงและสภาพการทีเ่ ป็นจริงในสงั คมควรหลกี เลีย่ งการนาํ เสนอเรื่องราวหรือรายการที่ทาํ ให้ผชู้ มเกิด ความเขา้ ใจคาดเคล่อื นเลยหลงเชื่อไปในทิศทางทไี่ ร้เหตุผล 2. การยดึ มนั่ ในหลกั ความงามรายการบนั เทงิ รําวงสร้างสรรคเ์ พ่ือยกระดบั จิตใจของผูค้ นในสังคมต่อ การทาํ รายการบนั เทิงสามารถสร้างสรรค์ใชท้ น่ี านาการและเทค็ นิคทกั ษะในกระบวนการผลติ รายการต่างๆได้ เป็นอยา่ งมากซ่ึงความสามารถเหล่าน้ีช่วยนาํ เสนอรายการที่ทาํ ให้ผูช้ มน้นั เกิดความสุขไปพร้อมพร้อมกบั การมี จิตใจทดี่ ีงามร่วมไปกบั รายการจะทาํ ให้สงั คมน้นั เกิดความสุขโดยมวลรวมร่วมกนั สมเป็นช่องทางการ สื่อสารมวลชน 3. การยดึ มนั่ ในหลกั ความดีผผู้ ลิตรายการบนั เทิงในช่องทางต่างๆจาํ เป็นอยา่ งยิง่ ตอ้ งคาํ นึงถึงผลกระทบ ของส่ือทจ่ี ะตามมาตอ้ งมคี วามระมดั ระวงั ไมใ่ หผ้ บู้ ริโภคเกิดความเขา้ ใจผดิ เห็นผดิ เป็นชอบรวมถึงการยดึ หลกั ความดีท่มี คี วามเป็นสากลไมใ่ ช่ความดีของชาติหน่ึงหรือชนช้นั หน่ึงแตไ่ ปเหยยี บเยาะเยย้ ชนช้นั อื่นหรือชาตอิ น่ื เป็นการกาํ หนดจริยธรรม กรอบทางสงั คมทดี่ าํ รงไปในทิศทางเดียวกนั อยา่ งไรก็ตามขอ้ ปฏบิ ตั ิใน อาชีพทางนิเทศศาสตร์เป็นการส่ือสารทต่ี อ้ งมีความรับผดิ ชอบทางสังคม สายงานอาชีพทางนิเทศศาสตร์น้นั ลว้ น แตเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การส่ือสารเป็นส่วนใหญ่ ไมว่ ่าจะเป็นบุคคล หรือองคก์ ร หรือสื่อมวลชน ในยคุ ปัจจบุ นั เป็นยคุ ของดิจิทลั ท่กี ารส่ือสารรวดเร็วเพยี งแค่ปลายเลบ็ มอื เหตกุ ารณ์ประเดน็ ดงั กลา่ วทส่ี ื่อสารน้นั ตอ้ งรายงานหรือ สื่อสารบนพ้ืนฐานของความเป็นจริงอยา่ งระเอยี ดรอบดา้ น และตรวจสอบอยา่ งรอบคอบ และร่วมกนั แสดงความ คิดเห็นทางสังคมอยา่ งเคารพ ยิง่ เมื่อพจิ ารณาในบทบาทของสู่ยคุ ดิจิตอลที่ควรยึดถือในการส่ือสารสู่สาธารณะให้เราลกึ ซ้ึงและชดั เจน มากยิ่งข้นึ จะพบวา่ ส่ือยคุ ใหมต่ อ้ งตระหนกั ถึงประเด็นและคณุ ลกั ษณะพ้นื ฐานทางจริยธรรมอยา่ งเป็นหวั ใจ สาํ คญั ในการปฏิบตั ิงานดา้ นการส่ือสารในยคุ ดิจิทลั ดงั น้ี 1.การสร้างสงั คมแห่งเหตุผลคอื ในยคุ ที่ส่ือดิจิตอลทาํ หนา้ ท่กี าํ กบั ทศิ ทางของสงั คมไมใ่ ห้ไปสู่หายนะ ตอ้ งกระทาํ ไดโ้ ดยไมผ่ ลติ สารท่กี ระตุน้ ให้เกิดบรรยากาศความขดั แยง้ ทางสังคม ในทางตรงขา้ มส่ือส่ือ ตอ้ งสร้าง สังคมทเี่ ปี่ ยมลน้ ดว้ ยความรู้และปัญญาสร้างผลงานที่ตอบสนองตอ่ ประโยชน์ส่วนรวมของสาธารณะชนเป็น หลกั เพอ่ื จะไดม้ ีบทบาทในการผลกั ดนั ใหเ้ กิดความเจริญเตบิ โตทางศิลธรรม จริยฃธรรมใหข้ ยายกวา้ งมากยิง่ ข้นึ 2. การมีศรัทธาตอ่ เสรีภาพและความรับผดิ ชอบสังคมส่วนรวมในยคุ ของนิติกรตอ้ งตระหนกั ถึงบทบาท และคุณค่าของความเป็นส่ือทไี่ มต่ อ้ งถูกครอบงาํ จากอาํ นาจอนั ไมช่ อบธรรมใดใดตลอดจนการรังสรรคข์ ้ึนมา โดยสุจริตซ่ึงจะไมเ่ ป็นการหลอกลวงใหค้ นในสังคมเขา้ ใจคาดเคลอื่ นไปจากการส่ือสารและสามารถปฏิเสธการ มุ่งแสวงหาผลประโยชนโ์ ดยใชช้ ่องทางการส่ือสารของตนไดม้ อี สิ ระจากอาํ นาจมดื และแนวโนม้ เชิงบวกในการ พฒั นา เพ่อื ประโยชนต์ ่อส่วนรวมมากยิง่ ข้นึ

14 3. การเคารพตอ่ ศกั ด์ิศรีความเป็นเพอื่ นมนุษยโ์ ดยพ้ืนฐานทวั่ ไปทางสากลท่ีเคารพในศกั ด์ิศรีความเป็น มนุษยถ์ ือเป็นเรื่องทถี่ กู รับรองโดยกฎหมายอนั ชอบธรรมในรฐั ธรรมนูญเกือบทวั่ โลกซ่ึงนบั วา่ เป็ นเร่ืองสาํ คญั อยา่ งยง่ิ ทีม่ นุษยท์ กุ คนควรยึดถอื เป็นแบบแผนในการดาํ รงชีวติ ร่วมกนั ในสงั คมในแง่น้ีแลว้ สื่อเดก็ ยคุ digital จาํ เป็นทต่ี อ้ งนาํ เอาประเดน็ ดงั กลา่ วมาเป็นแนวทางในการสร้างนโยบายสีลทาํ จริยธรรมอนั ดีร่วมกนั ซ่ึงจะเป็น หลกั พ้ืนฐานให้บคุ คล สื่อมวลชนหรือผูป้ ระกอบวิชาชีพทางนิเทศศาสตร์ปราณีตในการ เคารพศกั ด์ิศรีในการ เป็ นมนุษย์ จริยธรรมอนั ดีงามท่ีสายวชิ าชีพทางนิเทศศาสตร์ควรแกก่ ารปฏิบตั ไิ ปในทศิ ทางเดียวกนั การสื่อสารน้นั จาํ เป็นอยา่ งมากท่ีจะคิดวเิ คราะห์สร้างบรรทดั ฐานมาตรฐานเดียวกนั ในวิชาชีพหรือส่งตอ่ ขอ้ มูลทส่ี าํ คญั อยา่ ง ละเอียดและรอบคอบและเกิดผลกระทบต่อสาธารณะชนอยา่ งนอ้ ยทส่ี ุด เพ่อื พฒั นาความรู้สึกนึกคดิ สร้างความ เคารพต่อตนเองและผูอ้ ื่นรวมไปถงึ กฎหมายส่วนรวมของการอยรู่ ่วมกนั ในสังคมอีกดว้ ย ในสายอาชีพทางนิเทศ ศาสตร์น้นั เป็นตวั แทนของการสื่อสาร ส่ือมวลชน ที่เป็นตวั แทนของคนในทุกๆกล่ึมจะตอ้ งส่ือส่ือสาร นาํ เสนอ เป้าหมายและคณุ ค่าท่ีชดั เจน สะทอ้ นให้เห็นว่ายุคต่างๆน้นั มีปัญหาทางจริยธรรมให้เห็นและมแี นวทางการ พฒั นาไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ืองไมม่ ที ่ีสิ้นสุด ยิ่งเป็นสายอาชีพทางนิเทศศาสตร์ผูป้ ฎิบตั ิงานในสิ่ใหมใ่ นยคุ ดิจิทลั ย่งิ ตอ้ ง เขา้ ใจบทบาทหนา้ ทีข่ องนกั วชิ าชีพ ยงั ตอ้ งศรทั ธาเคารพตอ่ หลกั จริยธรรมอนั ดีงามของสายอาชีพใหด้ าํ รงเพื่อแก่ สาธารณะประโยชน์เป็นสิ่งสาํ คญั ละกอ่ ใหเ้ กิดความศรทั ธาในสายอาชีพสืบไป

15 เอกสารอ้างองิ ปรมะ สตะเวทิน. (2546).หลักนิเทศศาสตร์พิมพ์คร้ังท1่ี 0.กรุงเทพมหานคร : ภาพพมิ พ.์ ภากิตต์ิ ตรีสกุล. (2554).หลกั นิเทศศาสตร์. พมิ พค์ ร้ังที่7.กรุงเทพมหานคร : เฟิ รนข์ า้ หลวง พริ้นต้ิง แอนดพ์ บั ลชิ ช่ิง. สุทิติ ขตั ยิ ะ.(2556).กฎหมายและจริยธรรมส่ือสารมวลชน.กรุงเทพมหานค: หจกเปเปอร์เฮา้ ส์ จาํ กดั มาซาชิ อิวาบจุ ิ